เพลงคร่ำครวญ 1:1-22
เพลงคร่ำครวญ 1:1-22 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
แย่แล้ว แย่แล้ว เยรูซาเล็ม ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คน แต่ตอนนี้ถูกทอดทิ้งให้เดียวดาย ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ แต่ตอนนี้ เธอเป็นเหมือนแม่ม่าย เธอเคยเป็นเจ้าหญิงที่สูงศักดิ์ท่ามกลางจังหวัดทั้งหลาย แต่ตอนนี้ เธอกลับกลายเป็นทาส เธอร้องไห้คร่ำครวญอย่างขมขื่นในยามค่ำคืน และน้ำตาอาบแก้ม ไม่มีใครปลอบโยนเธอเลย ในท่ามกลางคนเหล่านั้นที่รักเธอ เพื่อนๆของเธอต่างก็พากันทรยศเธอ พวกเขาได้กลายเป็นศัตรูของเธอ ยูดาห์ทนทุกข์เวทนาและถูกกดขี่ข่มเหงอย่างหนัก และถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย เธออาศัยอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ แต่ก็ไม่มีความสงบสุขหรือความมั่นคงเลย คนพวกนั้นที่ไล่ล่าเธอก็ตามเธอทัน พวกเขาตามเธอมาทันตรงทางแคบ ถนนต่างๆที่มุ่งหน้าไปศิโยน ต่างร้องไห้คร่ำครวญ เพราะไม่มีใครเดินทางมาร่วมงานเทศกาล ประตูทั้งหมดของศิโยน ถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า พวกนักบวชของเธอครวญคราง นางสาวทั้งหลายของศิโยนต่างก็เศร้าโศกเสียใจ ตัวศิโยนเองรู้สึกขมขื่นยิ่งนักกับเรื่องทั้งหมดนี้ พวกศัตรูของเยรูซาเล็มได้กลายเป็นพวกเจ้านายของเธอ ศัตรูของเธอก็ได้พักผ่อนอย่างสบายใจ ที่เป็นอย่างนี้ ก็เพราะ พระยาห์เวห์ได้ทำให้เยรูซาเล็มต้องทนทุกข์ทรมาน เพราะเธอฝ่าฝืนกฎอย่างมากมาย ลูกเล็กทั้งหลายของเธอได้จากไป ศัตรูของเธอได้จับพวกเขาไป สง่าราศีทั้งหมดของนางสาวศิโยนหมดไปแล้ว พวกผู้สูงศักดิ์ของเธอก็เป็นเหมือนกวางที่หาทุ่งหญ้าไม่เจอ ดังนั้นพวกเขาต้องเดินต่อไปอย่างหมดเรี่ยวแรงต่อหน้านักล่าสัตว์ ในช่วงเวลาที่เยรูซาเล็มตกทุกข์ได้ยาก เธอได้ระลึกถึงของมีค่าทั้งหลายที่เธอเคยมีในอดีต เมื่อคนของเธอตกไปอยู่ในกำมือศัตรู และไม่มีใครช่วยเธอ พวกศัตรูของเธอก็มองเธอ และหัวเราะเยาะที่เธอล่มสลาย เยรูซาเล็ม ได้ทำบาปอันยิ่งใหญ่ ดังนั้นเธอจึงกลายเป็นของที่น่ารังเกียจ คนเหล่านั้นที่เคยให้เกียรติกับเธอ เดี๋ยวนี้กลับดูหมิ่นเธอเพราะพวกเขาได้เห็นเธอเปลือยเปล่า เธอร้องครวญคราง และหันจากไปด้วยความอับอายขายหน้า ความไม่บริสุทธิ์ของเธอติดอยู่ที่ชุดของเธอ เธอไม่ได้คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ความล่มสลายของเธอเกิดขึ้นอย่างน่าใจหาย และไม่มีใครปลอบโยนเธอ เธอร้องออกมาว่า “พระยาห์เวห์ ดูความทุกข์ของฉันสิ ดูสิ ว่าศัตรูของฉันคุยทับฉันขนาดไหน” ศัตรูของเธอได้ยื่นมือออกมาคว้าสิ่งที่มีค่าทั้งหมดของเธอไป ใช่แล้ว เธอได้เห็นชนชาติอื่นๆบุกเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเธอ ชนชาติเหล่านี้ เป็นชนชาติที่พระองค์ได้สั่งไว้ว่า “ห้ามไม่ให้คนพวกนี้เข้าไปในที่ประชุมของเจ้า” คนเยรูซาเล็มทั้งหมดร้องครวญครางหาอาหารกัน พวกเขาได้เอาสิ่งมีค่าของพวกเขามาแลกกับอาหาร เพื่อประทังชีวิตของพวกเขา เธอพูดว่า “พระยาห์เวห์เจ้าข้า ดูสิว่า ฉันได้กลายเป็นขอทานไปแล้ว” เฮ้ พวกเจ้า พวกเจ้าที่เดินผ่านมา มองไปทั่วๆสิ ดูสิว่า มีความเจ็บปวดไหนบ้างเหมือนกับความเจ็บปวดที่ได้เกิดขึ้นกับฉัน เป็นความเจ็บปวดที่พระยาห์เวห์ทำให้เกิดขึ้นกับฉันตอนที่พระองค์โกรธฉันอย่างแรง พระองค์ส่งไฟลงมาจากเบื้องบน และทำให้มันลึกเข้าไปในกระดูกของฉัน พระองค์ได้กางตาข่ายออกเพื่อดักเท้าฉัน และนำฉันกลับมา พระองค์ทำให้ฉันกลายเป็นดินแดนที่ว่างเปล่า และทำให้ฉันป่วยตลอดวัน พวกความบาปนั้นของฉันถูกผูกมัดเข้ากับแอก พระองค์ใช้มือของพระองค์ทอความบาปเหล่านั้นเข้าด้วยกัน ความบาปเหล่านั้นได้วางอยู่บนคอของฉัน มันดูดเอากำลังของฉันไป พระองค์ทำให้ฉันตกไปอยู่ในกำมือของคนเหล่านั้นที่ฉันต่อต้านไม่ไหว องค์เจ้าชีวิตได้ทอดทิ้งนักรบทุกคนของฉันที่เคยอยู่ข้างในกำแพงของฉัน พระองค์ได้เรียกระดมพลมาต่อต้านฉันเพื่อทำลายทหารหนุ่มของฉัน องค์เจ้าชีวิตได้เหยียบย่ำองุ่นอยู่ในบ่อองุ่นซึ่งเป็นของนางสาวยูดาห์ ฉันร้องคร่ำครวญเพราะเรื่องเหล่านี้ ดวงตาของฉันนองไปด้วยน้ำตา ฉันรู้สึกอย่างนี้ เพราะไม่มีผู้ปลอบใจอยู่ใกล้ฉัน ไม่มีใครทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น ลูกๆของฉันเป็นเหมือนกับดินแดนที่รกร้าง เพราะศัตรูของพวกเขามีชัยเหนือพวกเขา ศิโยนได้ยื่นมือออกมาทั้งสองข้าง แต่ไม่มีใครจะปลอบโยนเธอ พระยาห์เวห์ได้สั่งให้ชนชาติรอบๆยาโคบให้กลายเป็นศัตรูของเขา เยรูซาเล็มได้กลายเป็นเหมือนสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ท่ามกลางพวกเขา เยรูซาเล็มพูดว่า “พระยาห์เวห์นั้นทำถูกต้องแล้วที่ลงโทษฉัน เพราะฉันไม่เชื่อฟังคำสั่งของพระองค์ ชนชาติทั้งหลายในโลกนี้ ฟังให้ดี ดูความเจ็บปวดของฉันสิ ทั้งคนหนุ่มสาวของฉันถูกจับไปเป็นเชลยหมดแล้ว ฉันได้เรียกคนเหล่านั้นที่รักฉันให้มาช่วย แต่พวกเขาทำให้ฉันผิดหวัง พวกนักบวชและพวกผู้อาวุโสของฉันได้ตายไปในเมือง ตอนที่พวกเขาออกไปหาอาหารเพื่อประทังชีวิต พระยาห์เวห์เจ้าข้า ดูสิ ฉันกำลังตกทุกข์ได้ยาก ท้องของฉันกำลังปั่นป่วน ใจของฉันแตกสลายอยู่ภายใน เพราะฉันได้กบฏอย่างมาก เด็กๆถูกฆ่าฟันด้วยดาบอยู่บนท้องถนนด้านนอก ส่วนในบ้าน ความตายก็รออยู่ ผู้คนได้ยินว่า ฉันกำลังร้องไห้คร่ำครวญ แต่ไม่มีใครปลอบใจฉัน ศัตรูของฉันทุกคนได้ยินถึงความเจ็บปวดของฉัน พวกเขาดีใจที่พระองค์ทำอย่างนี้กับฉัน ขอให้พระองค์โปรดนำวันแห่งการลงโทษนั้นเป็นวันที่พระองค์ได้ประกาศไว้ให้มาตกลงบนพวกเขาด้วย ให้พวกเขาเป็นเหมือนกับฉันด้วยเถิด ขอให้ความชั่วทั้งหมดที่พวกเขาทำปรากฏอยู่ต่อหน้าพระองค์ด้วยเถิด และขอให้พระองค์ทำกับพวกเขาอย่างร้ายแรง เหมือนกับที่พระองค์ทำกับฉันอย่างร้ายแรงเพราะสิ่งชั่วช้าทั้งหมดที่ฉันได้ทำไป ที่ฉันพูดอย่างนี้ ก็เพราะฉันครวญครางอย่างหนักและจิตใจฉันก็เจ็บป่วย”
เพลงคร่ำครวญ 1:1-22 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
อนิจจา นครที่เคยคับคั่งด้วยพลเมือง มานั่งอ้างว้างแล้วหนอ เธอผู้เคยยิ่งใหญ่ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ มากลายเป็นดั่งหญิงม่ายแล้วหนอ เธอผู้เป็นดั่งเจ้าหญิงท่ามกลางมณฑลทั้งหลาย มากลายเป็นทาสแรงงานแล้วหนอ ב (เบท) เธอร้องไห้อย่างขมขื่นยามค่ำคืน และน้ำตาไหลอาบแก้ม ในท่ามกลางคนที่รักเธอ ก็ไม่มีผู้ใดปลอบเธอ เพื่อนทุกคนได้ทรยศเธอ พวกเขากลายเป็นศัตรูของเธอ ג (กิเมล) ยูดาห์ไปเป็นเชลยยังต่างแดน ต้องทุกข์ยาก ต้องทำงานหนักอย่างทาส ต้องพำนักอยู่ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ เธอไม่พบที่พักสงบเลย ทุกคนที่ไล่ตามเธอก็ไล่ทันเธอ เมื่อเธอคับแค้นใจ ד (ดาเลท) ถนนสู่ศิโยนกำลังโศกเศร้า เพราะไม่มีผู้สัญจรไปงานเทศกาลเลี้ยง ประตูเมืองทุกบานของเธอก็ร้างเสียแล้ว ปุโรหิตของเธอพากันถอนใจ สาวพรหมจารีของเธอต้องสลดใจ และเธอเองก็ขื่นขมยิ่งนัก ה (เฮ) คู่อริของเธอกลายเป็นหัวหน้า ศัตรูของเธอได้จำเริญขึ้น เพราะพระยาห์เวห์ทรงให้เธอทนทุกข์ เนื่องด้วยการละเมิดมากมายของเธอ ลูกๆ ของเธอไปเป็นเชลยต่อหน้าคู่อริ ו (วาว) ความสง่างามทั้งสิ้น ได้พรากไปจากธิดาแห่งศิโยนแล้ว พวกเจ้านายของเธอก็เป็นดุจฝูงกวาง ที่หาทุ่งหญ้าไม่พบ และหมดแรงหนี ต่อหน้าผู้ไล่ล่า ז (ซายิน) เยรูซาเล็มในยามทุกข์ยากและยามพลัดบ้าน ได้หวนระลึกถึง ของล้ำค่าทั้งสิ้น ที่ตนเคยมีในครั้งกระโน้น เธอระลึกได้เมื่อพลเมืองของเธอตกอยู่ในมือของคู่อริ และหามีผู้ใดจะสงเคราะห์เธอไม่ พวกคู่อริเห็นเธอแล้ว ก็เยาะเย้ยความล่มจมของเธอ ח (เฆท) เยรูซาเล็มได้ทำบาปใหญ่หลวง ฉะนั้นเธอจึงเป็นมลทิน ทุกคนที่เคยให้เกียรติเธอกลับลบหลู่เธอ เพราะเขาเห็นความเปลือยเปล่าของเธอ เออ เธอเองได้แต่ถอนใจ และหันหน้าไปเสีย ט (เทท) มลทินของเธอเลอะกระโปรงของเธอ และเธอหาได้คำนึงถึงอนาคตไม่ ดังนั้นความพินาศของเธอจึงน่ากลัว ไม่มีผู้ใดปลอบโยนเธอ “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทอดพระเนตรความทุกข์ยากของข้าพระองค์ เพราะพวกศัตรูชนะแล้ว” י (โยด) คู่อริได้ยื่นมือออก ยึดเอาของล้ำค่าทุกชิ้นของเธอไป เธอได้เห็นบรรดาประชาชาติ บุกเข้ามาในสถานนมัสการของเธอ คือคนที่พระองค์ได้ทรงห้าม ไม่ให้เข้ามาในที่ประชุมของพระองค์ כ (คาฟ) พลเมืองทั้งหมดของเธอได้ถอนใจใหญ่ เมื่อเขาทั้งหลายเสาะหาอาหาร และพวกเขาเอาของล้ำค่าแลกอาหารกิน เพื่อจะได้ประทังชีวิต “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทอดพระเนตรดู เพราะข้าพระองค์ถูกลบหลู่” ל (ลาเมค) “ท่านทั้งหลายที่เดินผ่านไป ท่านไม่รู้สึกอะไรหรือ? นี่แน่ะ จงดูซิ ว่ามีความทุกข์ใดบ้างเหมือนความทุกข์ ที่มาสู่ข้าพเจ้า เป็นความทุกข์ซึ่งพระยาห์เวห์ได้ทรงทำแก่ข้าพเจ้า ในวันแห่งพระพิโรธอันเกรี้ยวกราดนั้น מ (เมม) “พระองค์ได้ทรงส่งเพลิงลงมาจากเบื้องบน ให้เข้าไปในกระดูกของข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงกางตาข่ายไว้ดักเท้าของข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงทำให้ข้าพเจ้าต้องหันกลับ พระองค์ได้ทรงทำให้ข้าพเจ้าสิ้นหวัง และอ่อนระอาอยู่วันยังค่ำ נ (นูน) “บรรดาการละเมิดของข้าพเจ้าถูกรวบเข้าเป็นแอก โดยพระหัตถ์ พระองค์ทรงรวบมัดไว้ การละเมิดเหล่านั้นรัดรึงรอบคอข้าพเจ้า พระองค์ทรงทำให้กำลังข้าพเจ้าอ่อนลง องค์เจ้านายได้ทรงมอบข้าพเจ้า ไว้ในมือของเขาทั้งหลายผู้ที่ข้าพเจ้าไม่สามารถต่อต้านได้ ס (สาเมค) “องค์เจ้านายได้ทรงปฏิเสธ นักรบทั้งหมดท่ามกลางข้าพเจ้า พระองค์ทรงประกาศวันเวลาที่จะมาต่อสู้ข้าพเจ้า เพื่อขยี้คนหนุ่มของข้าพเจ้าให้แหลกไป องค์เจ้านายได้ทรงย่ำประชากรของข้าพเจ้า ดั่งย่ำผลองุ่นในบ่อย่ำองุ่น ע (อายิน) “เพราะเหตุนี้เอง ข้าพเจ้าจึงร้องไห้ ดวงตาของข้าพเจ้า เออ ดวงตาของข้าพเจ้ามีน้ำตาไหล เพราะผู้ปลอบโยนอยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า คือผู้ฟื้นฟูจิตใจข้าพเจ้า บรรดาบุตรของข้าพเจ้าสิ้นหวัง เพราะพวกศัตรูได้ชัยชนะ” פ (เพ) เมืองศิโยนกางมือทั้งคู่ออกวิงวอน แต่ไม่มีผู้ใดปลอบโยนเธอ พระยาห์เวห์ทรงบัญชาต่อสู้ยาโคบ คือให้เพื่อนบ้านของเขากลายเป็นคู่อริ เยรูซาเล็มกลายเป็น สิ่งโสโครกท่ามกลางเขาทั้งหลาย צ (ซาเด) “พระยาห์เวห์ทรงชอบธรรมแล้ว เพราะข้าพเจ้าได้ขัดขืนพระบัญชาของพระองค์ ทุกชนชาติ โปรดฟัง และมองดูการทนทุกข์ของข้าพเจ้า คนหนุ่มและคนสาวของข้าพเจ้า ตกไปเป็นเชลยแล้ว ק (โคฟ) “ข้าพเจ้าได้ร้องเรียกบรรดาคนรักของข้าพเจ้า แต่เขาทั้งหลายได้หลอกลวงข้าพเจ้า พวกปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ของข้าพเจ้า ก็ตายที่กลางเมือง ขณะออกหาอาหาร ประทังชีวิตของตน ר (เรช) “ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทอดพระเนตร เพราะข้าพระองค์มีทุกข์ จิตข้าพระองค์วุ่นวาย ใจข้าพระองค์ยุ่งเหยิงอยู่ภายใน เพราะข้าพระองค์ดื้อรั้นอย่างยิ่ง นอกบ้าน คนล้มตายด้วยคมดาบ ในบ้าน ก็เหมือนแดนมรณะ ש (ซิน) “เขาทั้งหลายได้ยินว่าข้าพระองค์ถอนใจอย่างไร หามีผู้ใดปลอบโยนข้าพระองค์ไม่ บรรดาศัตรูของข้าพระองค์ได้ยินถึงเหตุร้ายที่ตกแก่ข้าพระองค์ เขาทั้งหลายก็พากันดีใจที่พระองค์ได้ทรงทำอย่างนี้ โปรดนำวาระที่ทรงประกาศไว้นั้นให้มาถึง และเขาทั้งหลายจะเป็นอย่างที่ข้าพระองค์เป็นอยู่นี้ ת (ทาว) “ขอให้การชั่วทุกอย่างของเขาทั้งหลายปรากฏเฉพาะพระพักตร์พระองค์ และขอทรงทำแก่เขาทั้งหลาย เหมือนที่ทรงทำแก่ข้าพระองค์ เนื่องด้วยการละเมิดทั้งสิ้นของข้าพระองค์เถิด ด้วยการถอนใจของข้าพระองค์นั้นมากมาย และใจข้าพระองค์ก็อ่อนล้า”
เพลงคร่ำครวญ 1:1-22 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
กรุงที่คับคั่งด้วยพลเมืองมาอ้างว้างอยู่ได้หนอ กรุงที่รุ่งเรืองอยู่ท่ามกลางประชาชาติมากลายเป็นดั่งหญิงม่ายหนอ กรุงที่เป็นดั่งเจ้าหญิงท่ามกลางเมืองทั้งหลายก็กลับเป็นเมืองขึ้นเขาไป กรุงนั้นร่ำไห้สะอื้นในราตรีกาล และน้ำตาของเธอก็อาบแก้ม เธอจะหาใครท่ามกลางคนที่รักเธอให้มาปลอบเธอก็หาไม่พบ บรรดาพวกเพื่อนของเธอสิ้นทุกคนได้ทรยศต่อเธอ เขาทั้งปวงกลับเป็นศัตรูของเธอ ยูดาห์ได้ถูกกวาดไปเป็นเชลย ได้รับความทุกข์ใจ ต้องทำงานอย่างทาส เธอต้องพำนักอยู่ท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย เธอไม่พบที่หยุดพักสงบเลย บรรดาผู้ข่มเหงได้ไล่ทันเธอเมื่อเวลาเธอทุกข์ใจ ถนนหนทางที่เข้าเมืองศิโยนก็คร่ำครวญอยู่ เพราะไม่มีผู้ใดเดินไปในงานเทศกาลที่เคร่งครัดทั้งหลายนั้น บรรดาประตูเมืองของเธอก็รกร้างเสียแล้ว พวกปุโรหิตของเธอได้พากันถอนใจ สาวพรหมจารีทั้งหลายของเธอก็ต้องทนทุกข์ และตัวเธอเองก็ได้รับความขมขื่นยิ่งนัก พวกคู่อริของเธอกลายเป็นหัวหน้า พวกศัตรูของเธอได้จำเริญขึ้น ด้วยว่าพระเยโฮวาห์ได้ทรงกระทำให้เธอทนทุกข์ เพราะความทรยศอันมหันต์ของเธอ ลูกเต้าทั้งหลายของเธอตกไปเป็นเชลยต่อหน้าคู่อริ และความโอ่อ่าตระการได้พรากไปจากธิดาแห่งศิโยนเสียแล้ว พวกเจ้านายของเธอก็กลับเป็นดุจฝูงกวางที่หาทุ่งหญ้าเลี้ยงชีวิตไม่ได้ และได้วิ่งป้อแป้หนีไปข้างหน้าผู้ไล่ติดตาม เยรูซาเล็มเมื่อตกอยู่ในยามทุกข์ใจและยามลำเค็ญก็ได้หวนระลึกถึงสิ่งประเสริฐที่ตนเคยมีในครั้งกระโน้น เมื่อพลเมืองของเธอตกอยู่ในมือของคู่อริ และหามีผู้ใดจะสงเคราะห์เธอไม่ พวกคู่อริเห็นเธอแล้วก็เยาะเย้ยวันสะบาโตทั้งหลายของเธอ เยรูซาเล็มได้ทำบาปอย่างใหญ่หลวง เหตุฉะนี้เธอจึงถูกไล่ออก บรรดาคนที่เคยให้เกียรติเธอก็ลบหลู่เธอ เพราะเหตุเขาทั้งหลายเห็นความเปลือยเปล่าของเธอ เออ เธอเองได้ถอนใจยิ่งและหันหน้าของเธอไปเสีย มลทินของเธอก็กรังอยู่ในกระโปรงของเธอ และเธอหาได้คำนึงถึงอนาคตของเธอไม่ ดังนั้นเธอจึงได้เสื่อมทรามลงเร็วอย่างน่าใจหาย เธอก็ไม่มีผู้ใดจะเล้าโลม “โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ขอทอดพระเนตรความทุกข์ใจของข้าพระองค์ เพราะพวกศัตรูได้พองตัวขึ้นแล้ว” พวกศัตรูได้ยื่นมือของเขายึดเอาบรรดาของประเสริฐของเธอ ด้วยเธอได้เห็นบรรดาประชาชาติบุกรุกเข้ามาในสถานบริสุทธิ์ของเธอ คือคนที่พระองค์ได้ทรงห้ามไม่ให้เข้ามาในชุมนุมชนของพระองค์ บรรดาพลเมืองของเธอได้ถอนใจใหญ่ เขาทั้งหลายเสาะหาอาหาร และพวกเขาได้เอาของประเสริฐของตัวออกแลกอาหารกิน เพื่อจะได้ประทังชีวิต “โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ขอทรงทอดพระเนตรและพิจารณา เพราะข้าพระองค์เป็นที่เหยียดหยามเสียแล้ว” “ดูก่อน ท่านทั้งหลายที่เดินผ่านไป ท่านไม่เกิดความรู้สึกอะไรบ้างหรือ ดูเถิด จงดูซิว่ามีความทุกข์อันใดบ้างไหมที่เหมือนความทุกข์ที่มาสู่ข้าพเจ้า เป็นความทุกข์ซึ่งพระเยโฮวาห์ได้ทรงกระทำแก่ข้าพเจ้าในวันที่พระองค์ทรงกริ้วข้าพเจ้าอย่างเกรี้ยวกราดนั้น พระองค์ได้ทรงส่งเพลิงลงมาจากเบื้องบนให้เข้าไปเหนือกระดูกทั้งหลายของข้าพเจ้า และเพลิงนั้นก็มีชัยชนะต่อกระดูกเหล่านั้น พระองค์ได้ทรงกางตาข่ายไว้ดักเท้าของข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าต้องหันกลับ พระองค์ได้ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าโดดเดี่ยวอ้างว้าง และอ่อนระอาตลอดทั้งวัน แอกแห่งการละเมิดทั้งมวลของข้าพเจ้าก็ถูกรวบเข้าโดยพระหัตถ์ของพระองค์ทรงรวบมัดไว้ แอกนั้นรัดรึงรอบคอข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงกระทำให้กำลังข้าพเจ้าถอยไป องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงมอบข้าพเจ้าไว้ในมือของเขาทั้งหลาย ซึ่งข้าพเจ้าไม่สามารถต่อต้านได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเหยียบบรรดาผู้มีกำลังแข็งแกร่งของข้าพเจ้าไว้ใต้พระบาทท่ามกลางข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงเกณฑ์ชุมนุมชนเข้ามาต่อสู้ข้าพเจ้า เพื่อจะขยี้ชายฉกรรจ์ของข้าพเจ้าให้แหลกไป องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงย่ำบุตรสาวพรหมจารีแห่งยูดาห์ ดั่งเหยียบผลองุ่นลงในบ่อย่ำองุ่น เพราะเรื่องเหล่านี้ข้าพเจ้าจึงร้องไห้ นัยน์ตาของข้าพเจ้า เออ นัยน์ตาของข้าพเจ้ามีน้ำตาไหลลงมา เพราะผู้ปลอบโยนที่ควรจะปลอบประโลมใจข้าพเจ้าก็อยู่ไกลจากข้าพเจ้า ลูกๆของข้าพเจ้าก็โดดเดี่ยวอ้างว้าง เพราะพวกศัตรูได้ชัยชนะ” เมืองศิโยนได้เหยียดมือทั้งสองออก แต่ก็ไม่มีใครที่เล้าโลมเธอได้ พระเยโฮวาห์ทรงมีพระบัญชาเรื่องยาโคบว่า ให้พวกคู่อริล้อมยาโคบไว้ เยรูซาเล็มเป็นดั่งผู้หญิงเมื่อมีประจำเดือนท่ามกลางเขาทั้งหลาย “พระเยโฮวาห์ทรงชอบธรรมแล้ว เพราะข้าพเจ้าได้กบฏต่อพระบัญญัติของพระองค์ ดูก่อนบรรดาชนชาติทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอท่านได้ฟังและขอมามองดูความทนทุกข์ของข้าพเจ้า สาวพรหมจารีของข้าพเจ้า และหนุ่มๆของข้าพเจ้าตกไปเป็นเชลยแล้ว ข้าพเจ้าได้ร้องเรียกบรรดาคนรักของข้าพเจ้า แต่เขาทั้งหลายได้หลอกลวงข้าพเจ้า พวกปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ของข้าพเจ้าก็ตายที่กลางเมือง ขณะเมื่อเขาออกหาอาหารเพื่อประทังชีวิตของตน โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ โปรดทอดพระเนตร เพราะข้าพระองค์มีความทุกข์ จิตใจของข้าพระองค์มีความทุรนทุราย จิตใจของข้าพระองค์ยุ่งเหยิงเพราะข้าพระองค์มักกบฏอย่างร้ายกาจ นอกบ้านมีคนต้องคมดาบตาย ในบ้านก็เหมือนมฤตยู เขาทั้งหลายได้ยินว่า ข้าพระองค์ถอนใจอย่างไร หามีผู้ใดปลอบโยนข้าพระองค์ไม่ บรรดาศัตรูของข้าพระองค์ได้ยินถึงเหตุร้ายที่ตกแก่ข้าพระองค์ เขาทั้งหลายก็พากันดีใจที่พระองค์ได้ทรงกระทำอย่างนี้ พระองค์จะทรงนำวาระที่พระองค์ทรงประกาศไว้นั้นให้มาถึง และเขาทั้งหลายจะเป็นอย่างที่ข้าพระองค์เป็นอยู่นี้ ขอให้บรรดาการชั่วของเขาทั้งหลายมาปรากฏต่อพระพักตร์พระองค์ และขอทรงกระทำแก่เขาทั้งหลาย เหมือนที่พระองค์ได้ทรงกระทำแก่ข้าพระองค์ เพราะการละเมิดทั้งสิ้นของข้าพระองค์เถิด ด้วยความสะท้อนถอนใจของข้าพระองค์นั้นมากมายหลายครั้ง และจิตใจของข้าพระองค์ก็อ่อนเพลียเต็มทีแล้ว”
เพลงคร่ำครวญ 1:1-22 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
กรุงที่คับคั่งด้วยพลเมือง มาอ้างว้างอยู่ได้หนอ กรุงที่รุ่งเรืองอยู่ท่ามกลางประชาชาติ มากลายเป็นดั่งหญิงม่ายหนอ กรุงที่เป็นดั่งเจ้าหญิงท่ามกลางเมืองทั้งหลาย ก็กลับเป็นเมืองขึ้นเขาไป กรุงนั้นร่ำไห้สะอื้นในราตรีกาลและน้ำตาของเธอก็อาบแก้ม เธอจะหาใครท่ามกลางคนที่รักเธอ ให้มาปลอบเธอก็หาไม่พบ บรรดาพวกเพื่อนของเธอสิ้นทุกคนได้ทรยศต่อเธอ เขาทั้งปวงกลับเป็นศัตรูของเธอ ยูดาห์ได้ถูกกวาดไปเป็นเชลยได้รับความทุกข์ใจ ต้องทำงานอย่างทาส เธอต้องพำนักอยู่ท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย เธอไม่พบที่หยุดพักสงบเลย บรรดาผู้ข่มเหงได้ไล่ทันเธอ เมื่อเวลาเธอทุกข์ใจ ถนนหนทางที่เข้ากรุงเยรูซาเล็มก็โศกเศร้าอยู่ เพราะไม่มีผู้ใดเดินไปในงานเทศกาล บรรดาประตูเมืองของเธอก็เริศร้างเสียแล้ว พวกปุโรหิตทั้งปวงของเธอได้พากันถอนใจ สาวพรหมจารีทั้งหลายของเธอก็ต้องทนทุกข์ และตัวเธอเองก็ได้รับความขื่นขมยิ่งนัก พวกคู่อริของเธอกลายเป็นหัวหน้า พวกศัตรูของเธอได้จำเริญขึ้น ด้วยว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำให้เธอทนทุกข์ เพราะความทรยศอันมหันต์ของเธอ ลูกเต้าทั้งหลายของเธอ ตกไปเป็นเชลยต่อหน้าคู่อริ และความโอ่อ่าตระการ ได้พรากไปจากธิดาแห่งศิโยนเสียแล้ว พวกเจ้านายของเธอก็กลับเป็นดุจฝูงกวาง ที่หาทุ่งหญ้าเลี้ยงชีวิตไม่ได้ และได้วิ่งป้อแป้หนีไป ข้างหน้าผู้ไล่ติดตาม เยรูซาเล็มเมื่อตกอยู่ในยามทุกข์ใจและยามลำเค็ญ ก็ได้หวนระลึกถึง สิ่งประเสริฐ ที่ตนเคยมีในครั้งกระโน้น เมื่อพลเมืองของเธอตกอยู่ในมือของคู่อริ และหามีผู้ใดจะสงเคราะห์เธอไม่ พวกคู่อริเห็นเธอแล้ว ก็เยาะเย้ยความล่มจมของเธอ เยรูซาเล็มได้ทำบาปอย่างใหญ่หลวง เหตุฉะนี้เธอจึงเป็นสิ่งมลทิน บรรดาคนที่เคยให้เกียรติเธอก็ลบหลู่เธอ เพราะเหตุเขาทั้งหลายเห็นความอัปยศของเธอ เออ เธอเองได้ถอนใจยิ่ง และหันหน้าของเธอไปเสีย มลทินของเธอก็กรังอยู่ในกระโปรงของเธอ และเธอหาได้คำนึงถึงอนาคตของเธอไม่ ดังนั้นเธอจึงได้เสื่อมทรามลงเร็วอย่างน่าใจหาย เธอก็ไม่มีผู้ใดจะเล้าโลม <<ข้าแต่พระเจ้า ขอทอดพระเนตรความทุกข์ใจของข้าพระองค์ เพราะพวกศัตรูได้พองตัวขึ้นแล้ว>> พวกศัตรูได้ยื่นมือของเขา ยึดเอาบรรดาของประเสริฐของเธอ ด้วยเธอได้เห็นบรรดาประชาชาติ บุกรุกเข้ามาในสถานนมัสการของเธอ คือคนที่พระองค์ได้ทรงห้าม ไม่ให้เข้ามาในชุมนุมชนของพระองค์ บรรดาพลเมืองของเธอได้ถอนใจใหญ่ เมื่อเขาทั้งหลายเสาะหาอาหาร และพวกเขาได้เอาทรัพย์สินของตัวออกแลกอาหารกิน เพื่อจะได้ประทังชีวิต <<ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงทอดพระเนตร เพราะข้าพระองค์เป็นที่เหยียดหยามเสียแล้ว>> <<ดูก่อน ท่านทั้งหลายที่เดินผ่านไป ท่านไม่เกิดความรู้สึกอะไรบ้างหรือ นี่แน่ะ จงดูซิ ว่ามีความทุกข์อันใดบ้างไหมที่เหมือนความทุกข์ ที่มาสู่ข้าพเจ้า เป็นความทุกข์ซึ่งพระเจ้าได้ทรงกระทำแก่ข้าพเจ้า ในวันที่พระองค์ทรงกริ้วข้าพเจ้าอย่างเกรี้ยวกราดนั้น <<พระองค์ได้ทรงส่งเพลิงลงมาจากเบื้องบน ให้เข้าไปในกระดูกทั้งหลายของข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงกางข่ายไว้ดักเท้าของข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าต้องหันกลับ พระองค์ได้ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าเปล่าเปลี่ยว และอ่อนระอาอยู่วันยังค่ำ <<ภาระแห่งการทรยศทั้งมวล ของข้าพเจ้าก็ถูกรวบเข้าเป็นแอก โดยพระหัตถ์ของพระองค์ทรงรวบมัดไว้ แอกนั้นรัดรึงรอบคอข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงกระทำให้กำลังข้าพเจ้าถอยไป องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงมอบข้าพเจ้าไว้ ในมือของเขาทั้งหลาย ซึ่งข้าพเจ้าไม่สามารถต่อต้านได้ <<องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงทิ้งนักรบของข้าพเจ้า ท่ามกลางข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงเกณฑ์ชุมนุมชนเข้ามาต่อสู้ข้าพเจ้า เพื่อจะขยี้ชายฉกรรจ์ของข้าพเจ้าให้แหลกไป พระเจ้าได้ทรงย่ำลูกสาวพรหมจารีแห่งยูดาห์ ดั่งเหยียบผลองุ่นลงในบ่อย่ำองุ่น <<เพราะเหตุนี้เอง ที่ข้าพเจ้าร้องไห้ นัยน์ตาของข้าพเจ้า เออ นัยน์ตาของข้าพเจ้ามีน้ำตาไหลลงมา เพราะผู้ปลอบโยนอยู่ไกลจากข้าพเจ้า คือผู้ที่ปลุกใจข้าพเจ้า และเหล่าลูกของข้าพเจ้าก็เปล่าเปลี่ยว เพราะพวกศัตรูได้ชัยชนะ>> เมืองศิโยนได้เหยียดมือทั้งสองออกวิงวอน แต่ก็ไม่มีใครที่เล้าโลมเธอได้ พระเจ้าทรงมีพระบัญชากล่าวโทษยาโคบ ว่าให้พวกที่อยู่ล้อมรอบยาโคบตั้งตัวขึ้นเป็นคู่อริ เยรูซาเล็มเป็นสิ่งโสโครกท่ามกลางเขาทั้งหลาย <<พระเจ้าทรงชอบธรรมแล้ว เพราะข้าพเจ้าได้ขัดขืนพระบัญญัติของพระองค์ ดูก่อน บรรดาชนชาติทั้งหลายข้าพเจ้าขอท่านได้ฟัง และขอมามองดูความทนทุกข์ของข้าพเจ้า สาวพรหมจารีของข้าพเจ้า และหนุ่มๆของข้าพเจ้า ตกไปเป็นเชลยแล้ว <<ข้าพเจ้าได้ร้องเรียกบรรดาคนรักของข้าพเจ้า แต่เขาทั้งหลายได้หลอกลวงข้าพเจ้า พวกปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ของข้าพเจ้าก็ตายที่กลางเมือง ขณะเมื่อเขาออกหาอาหารเพื่อประทังชีวิตของตน <<ข้าแต่พระเจ้า โปรดทอดพระเนตรเพราะข้าพระองค์มีความทุกข์ จิตใจของข้าพระองค์มีความทุรนทุราย จิตใจของข้าพระองค์ยุ่งเหยิง เพราะข้าพระองค์มักกบฏอย่างร้ายกาจ นอกบ้านมีคนต้องคมกระบี่ตาย ในบ้านก็เหมือนมฤตยู เขาทั้งหลายได้ยินว่า ข้าพระองค์ถอนใจอย่างไร หามีผู้ใดปลอบโยน ข้าพระองค์ไม่ บรรดาศัตรูของข้าพระองค์ได้ยินถึง เหตุร้ายที่ตกแก่ข้าพระองค์ เขาทั้งหลายก็พากันดีใจที่พระองค์ได้ทรงกระทำอย่างนี้ พระองค์จะทรงนำวาระที่พระองค์ทรงประกาศไว้นั้นให้มาถึง และเขาทั้งหลายจะเป็นอย่างที่ข้าพระองค์เป็นอยู่นี้ <<ขอให้บรรดาการชั่วของเขาทั้งหลาย มาปรากฏต่อพระพักตร์พระองค์ และขอทรงกระทำแก่เขาทั้งหลาย เหมือนที่พระองค์ได้ทรงกระทำแก่ข้าพระองค์ เพราะการทรยศทั้งสิ้นของข้าพระองค์เถิด ด้วยความสะท้อนถอนใจของข้าพระองค์นั้นมากมายหลายครั้ง และจิตใจของข้าพระองค์ก็อ่อนเพลียเต็มทีแล้ว>>
เพลงคร่ำครวญ 1:1-22 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
โอ กรุงที่เคยมีพลเมืองหนาแน่น กลับอ้างว้างเสียแล้ว! กรุงที่เคยยิ่งใหญ่ในหมู่ประชาชาติ กลับเป็นเหมือนหญิงม่ายเสียแล้ว! กรุงซึ่งเคยเป็นราชินีในหมู่แว่นแคว้นต่างๆ กลับตกเป็นทาสเสียแล้ว ยามค่ำคืนเธอร่ำไห้อย่างขมขื่น น้ำตาไหลอาบแก้ม ในบรรดาคนรักของเธอ ไม่มีสักคนที่ปลอบโยนเธอ สหายทั้งปวงก็ทรยศเธอ พวกเขากลับกลายเป็นศัตรูของเธอ หลังจากทุกข์ลำเค็ญและกรำงานหนัก ยูดาห์ก็ตกเป็นเชลย เธอไปอยู่ท่ามกลางประชาชาติต่างๆ ไม่พบที่พักพิง บรรดาผู้ตามล่าเธอก็ไล่ทันเธอ ในยามที่เธอทุกข์เข็ญ ถนนหนทางสู่ศิโยนคร่ำครวญหวนไห้ เพราะไม่มีใครมางานเทศกาลตามกำหนด ประตูเมืองทั้งหมดก็เริศร้าง บรรดาปุโรหิตของเธอทอดถอนใจ บรรดาหญิงสาวของเธอก็โศกเศร้า ตัวเธอเองก็ทุกข์ทรมานขมขื่น ศัตรูของเธอกลับกลายเป็นนาย อริทั้งหลายของเธอเบิกบานสำราญใจ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำความทุกข์ระทมมาให้เธอ เพราะบาปมากมายของเธอ ลูกเล็กเด็กแดงของเธอ ตกไปเป็นเชลยต่อหน้าศัตรู ความโอ่อ่าตระการทั้งปวง พรากไปจากธิดาแห่งศิโยนเสียแล้ว เจ้านายของเธอเป็นเหมือนกวาง ที่หาทุ่งหญ้าไม่ได้ ต้องหนีไปต่อหน้านักล่า อย่างอ่อนแรง ในยามทุกข์ลำเค็ญและต้องระหกระเหิน เยรูซาเล็มก็หวนระลึกถึงสิ่งเลอเลิศ ที่เธอเคยมีในวันเก่าก่อน เมื่อพลเมืองของเธอตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู ไม่มีใครช่วยเหลือเธอ เหล่าศัตรูมองดูเธอ และหัวเราะเยาะความย่อยยับของเธอ เยรูซาเล็มได้ทำบาปอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นเธอจึงแปดเปื้อนมลทิน บรรดาคนที่เคยยกย่องเธอก็เหยียดหยามเธอ เพราะเห็นความเปลือยเปล่าของเธอ เธอเองสะอื้นไห้ และหันหน้าหนี ความโสโครกฝังแน่นในอาภรณ์ของเธอ เธอไม่ใส่ใจอนาคตของเธอ ความล่มจมของเธอน่าใจหาย ไม่มีใครปลอบโยนเธอ “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทอดพระเนตรความทุกข์ลำเค็ญของข้าพระองค์ เพราะศัตรูชนะเสียแล้ว” ศัตรูฉวยสิ่งล้ำค่า ของเธอไปหมด เธอเห็นคนต่างชาติบุกเข้ามา ในสถานนมัสการของเธอ ล้วนแต่เป็นชนชาติต่างๆ ซึ่งพระองค์สั่งห้าม ไม่ให้เข้ามาท่ามกลางชุมนุมประชากรของพระองค์ พลเมืองของเธอสะอื้นไห้ ขณะเสาะหาอาหาร เอาของมีค่าออกมาแลกอาหาร เพื่อประทังชีวิต “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทอดพระเนตรและทรงใคร่ครวญดูเถิด เพราะข้าพระองค์ถูกเหยียดหยาม” “พวกท่านที่ผ่านไปผ่านมา ไม่รู้สึกรู้สาอะไรบ้างเลยหรือ? จงมองไปรอบๆ เถิด มีความทุกข์ใดบ้างเหมือนทุกข์ ที่เกิดแก่ข้าพเจ้า ทุกข์ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลแก่ข้าพเจ้าในวันแห่งพระพิโรธอันรุนแรง? “พระองค์ทรงส่งไฟลงมาจากเบื้องบน ไฟนั้นแผดเผาอยู่ในกระดูกของข้าพเจ้า พระองค์ทรงวางตาข่ายดักเท้าของข้าพเจ้า และทำให้ข้าพเจ้าหันกลับ พระองค์ทรงทิ้งข้าพเจ้าไว้ ให้ระบมไข้และอ่อนระโหยโรยแรงวันยังค่ำ “พระองค์ทรงถักบาปของข้าพเจ้า เป็นเชือกมัดข้าพเจ้าเข้ากับแอกของการเป็นเชลย บาปเหล่านั้นอยู่ที่คอของข้าพเจ้า และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้กำลังวังชาของข้าพเจ้าเหือดหาย พระองค์ทรงมอบข้าพเจ้าไว้ในมือของคนเหล่านั้น ซึ่งข้าพเจ้าไม่อาจต่อกรได้ “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทอดทิ้งนักรบทั้งปวง ที่อยู่ท่ามกลางข้าพเจ้า พระองค์ทรงระดมพลมาต่อสู้ข้าพเจ้า เพื่อบดขยี้พวกคนหนุ่มของข้าพเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเหยียบย่ำธิดาพรหมจารีแห่งยูดาห์ ดั่งองุ่นในบ่อย่ำองุ่น “ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงร่ำไห้ น้ำตาหลั่งริน ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ คอยปลอบโยน ไม่มีใครช่วยกู้ดวงวิญญาณของข้าพเจ้า ลูกๆ ของข้าพเจ้าสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะศัตรูชนะเขา” ศิโยนยื่นมือออก แต่ไม่มีใครปลอบโยนเธอ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชายาโคบไว้แล้วว่า ให้เพื่อนบ้านของเขากลายเป็นศัตรู เยรูซาเล็มกลายเป็น ของโสโครกในหมู่พวกเขา “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชอบธรรม กระนั้นข้าพเจ้าก็กบฏต่อพระบัญชาของพระองค์ ฟังเถิด ประชาชาติทั้งปวง จงมองดูความทุกข์ลำเค็ญของข้าพเจ้า คนหนุ่มสาวของข้าพเจ้า ตกไปเป็นเชลย “ข้าพเจ้าร้องเรียกบรรดาพันธมิตรของข้าพเจ้า แต่พวกเขาก็ทรยศหักหลังข้าพเจ้า บรรดาปุโรหิตและผู้อาวุโสทั้งหลายของข้าพเจ้า พินาศย่อยยับในกรุง ขณะพวกเขาค้นหาอาหาร เพื่อประทังชีวิต “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทอดพระเนตรเถิด ว่าข้าพระองค์ทุกข์ยากมากเพียงไร! จิตใจร้อนรุ่ม ดวงใจสับสนวุ่นวายอยู่ภายใน เพราะข้าพระองค์ได้กบฏอย่างที่สุด นอกบ้านมีแต่คมดาบคร่าชีวิตลูกหลาน ในบ้านมีแต่ความตาย “ผู้คนได้ยินเสียงครวญครางของข้าพระองค์ แต่ไม่มีใครปลอบโยนข้าพระองค์ ศัตรูทั้งปวงได้ยินถึงความทุกข์ยากลำเค็ญของข้าพระองค์ ก็กระหยิ่มลิงโลดในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงทำ ขอทรงนำวันนั้นที่ทรงประกาศไว้มาถึง เพื่อพวกเขาจะได้เป็นเหมือนข้าพระองค์ “ขอให้ความชั่วร้ายของพวกเขามาอยู่ต่อหน้าพระองค์ ขอทรงจัดการกับพวกเขา อย่างที่พระองค์ได้ทรงจัดการกับข้าพระองค์ เพราะบาปทั้งสิ้นของข้าพระองค์ เสียงครวญครางของข้าพระองค์มากมายนัก และดวงใจของข้าพระองค์อ่อนระโหยไป”
เพลงคร่ำครวญ 1:1-22 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
เมืองซึ่งเคยมีประชาชนอาศัยอยู่ กลับอยู่อย่างโดดเดี่ยวอะไรเช่นนี้ นางซึ่งเคยยิ่งใหญ่ในบรรดาประชาชาติ กลับเป็นเหมือนแม่ม่าย นางซึ่งเคยเป็นเจ้าหญิงในท่ามกลางแคว้นทั้งหลาย กลับกลายเป็นทาสเสียแล้ว นางร้องไห้อย่างขมขื่นตลอดทั้งคืน น้ำตาไหลรินแก้มนาง ในบรรดาคนรักทั้งปวงของนาง ไม่มีสักคนที่จะปลอบประโลมนาง มิตรสหายทุกคนได้หลอกลวงนาง และกลับกลายเป็นศัตรูของนาง ชาวยูดาห์ถูกบังคับให้ออกไป จากบ้านเมืองไปเป็นทาส บัดนี้นางอาศัยอยู่ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ และหามีความสงบสุขไม่ บรรดาผู้ตามล่าได้จับนางไว้ ขณะที่นางเป็นทุกข์ ถนนหนทางที่นำไปสู่ศิโยนร้องรำพัน เพราะไม่มีใครไปยังเทศกาลที่กำหนดไว้ ทุกประตูเมืองของนางก็ว่างเปล่า ปุโรหิตโอดครวญ บรรดาหญิงบริสุทธิ์ของนางทนทุกข์ และนางเองก็เจ็บปวดรวดร้าว เหล่าปรปักษ์ของนางกลับเป็นผู้ที่เหนือกว่า เหล่าศัตรูได้รับความสมหวัง เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ทำให้นางรับทุกข์ เนื่องจากนางล่วงละเมิดมากมาย ลูกๆ ของนางถูกจับไปเป็นเชลยต่อหน้าปรปักษ์ ความยิ่งใหญ่ได้ละไปจาก ธิดาแห่งศิโยนเสียแล้ว บรรดาผู้นำของนางได้เป็นเหมือนกับกวาง ที่หาทุ่งหญ้าไม่ได้ พวกเขาวิ่งหนีผู้ตามล่าไปอย่าง หมดเรี่ยวแรง ในวันแห่งความทุกข์ทรมานและความขมขื่น ชาวเยรูซาเล็มจำได้ถึงทุกสิ่งที่มีคุณค่า ที่เป็นของนางในสมัยดึกดำบรรพ์ เมื่อประชาชนของนางอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้าม และไม่มีใครจะช่วยนางได้ ฝ่ายตรงข้ามพินิจดูนาง และหัวเราะเยาะเมื่อนางล้มลง เยรูซาเล็มกระทำบาปอย่างร้ายแรง ฉะนั้นนางจึงมีมลทิน ทุกคนที่ให้เกียรตินางดูหมิ่นนาง เพราะพวกเขาได้เห็นนางเปลือยเปล่า นางโอดครวญ และหลบหน้าด้วยความอับอาย ความสกปรกของนางเห็นได้จากผ้าที่นางนุ่ง นางไม่คำนึงถึงจุดจบของนาง ดังนั้นนางจึงล้มไม่เป็นท่า และหามีคนปลอบประโลมไม่ “โอ พระผู้เป็นเจ้า ดูเถิดว่าข้าพเจ้าทนทุกข์ทรมาน เพราะศัตรูมีชัยชนะแล้ว” ศัตรูยื่นมือออก และเอาของมีค่าของนางไปหมด นางได้เห็นคนของบรรดาประชาชาติ บุกรุกที่พำนักของนาง พวกที่พระองค์ห้ามไม่ให้เข้าไปใน ที่ประชุมของพระองค์ ชนชาติทั้งปวงของเมืองโอดครวญ ขณะที่หาอาหารกิน จนถึงกับแลกอาหารด้วยของมีค่าของตน เพื่อประทังชีวิต “โอ พระผู้เป็นเจ้า ดูเถิด ข้าพเจ้าถูกดูหมิ่น” ท่านทุกคนที่ผ่านมา ท่านไม่รู้สึกอย่างไรบ้างหรือ มองดูสิว่า มีความเศร้าใดบ้างที่ เป็นเหมือนความเศร้าของข้าพเจ้า พระผู้เป็นเจ้าทำให้ข้าพเจ้าเศร้าใจ ในวันที่พระองค์กริ้วมาก พระองค์ให้ไฟจากเบื้องบนลงมา และพระองค์ทำให้มันเข้าลึกถึงกระดูกของข้าพเจ้า พระองค์เหวี่ยงตาข่ายเป็นกับดักเท้าของข้าพเจ้า พระองค์ให้ข้าพเจ้าหันกลับไป และทอดทิ้งข้าพเจ้า ปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ตลอดวันเวลา บาปของข้าพเจ้าถูกมัดรวมกันเหมือนเป็นแอก พระองค์สานบาปเข้าด้วยกัน และวางไว้ที่คอของข้าพเจ้า พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าอ่อนกำลังลง พระผู้เป็นเจ้ามอบข้าพเจ้าไว้ในมือ ของบรรดาผู้ที่ข้าพเจ้าไม่สามารถต่อสู้ได้ พระผู้เป็นเจ้าปฏิเสธบรรดาทหาร ที่เข้มแข็งที่สุดของข้าพเจ้าที่อยู่ท่ามกลางข้าพเจ้า พระองค์เรียกประชุมกองทัพทหารเพื่อโจมตีข้าพเจ้า และทำลายบรรดาทหารหนุ่มของข้าพเจ้า พระผู้เป็นเจ้าเหยียบย่ำธิดาพรหมจารีแห่งยูดาห์ ราวกับเหยียบองุ่นในเครื่องสกัด ข้าพเจ้าร้องร่ำไห้กับสิ่งเหล่านี้ จนน้ำตาไหลพราก ยากเหลือเกินที่จะหาใครปลอบประโลมข้าพเจ้าได้ และทำให้ข้าพเจ้ามีความกล้ากลับขึ้นมาอีก ลูกๆ ของข้าพเจ้าเป็นทุกข์เช่นนี้ ก็เพราะศัตรูชนะแล้ว ศิโยนยื่นมือออก แต่ไม่มีใครปลอบประโลมนาง พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาให้ต่อต้านยาโคบ โดยให้บรรดาผู้อยู่รอบข้างเป็นปรปักษ์ เยรูซาเล็มกลายเป็นสิ่งสกปรก ในหมู่พวกเขา พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ยุติธรรม ข้าพเจ้านั่นแหละที่ได้ดื้อดึงต่อคำสั่งของพระองค์ ทุกคนเอ๋ย ดูสิว่า ข้าพเจ้ารับทุกข์ทรมาน บรรดาหญิงสาวและชายหนุ่มของข้าพเจ้า ถูกจับไปเป็นเชลย ข้าพเจ้าร้องเรียกบรรดาเพื่อนรักของข้าพเจ้า แต่พวกเขาหลอกลวงข้าพเจ้า บรรดาปุโรหิตและผู้นำของข้าพเจ้า สิ้นชีวิตในเมือง ขณะที่หาอาหาร เพื่อประทังชีวิตของพวกเขา โอ พระผู้เป็นเจ้า ดูเถิด ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าว้าวุ่น ส่วนลึกในใจข้าพเจ้าบอบช้ำ เพราะข้าพเจ้าดื้อดันมาก ที่ถนนมีการรบราฆ่าฟัน ส่วนภายในบ้านก็มีแต่ความตาย ฟังเสียงโอดครวญของข้าพเจ้าเถิด ไม่มีใครปลอบประโลมเลย พวกศัตรูทราบว่าข้าพเจ้าลำบาก พวกเขาดีใจที่พระองค์กระทำต่อข้าพเจ้า พระองค์ให้สิ่งเป็นไปตามที่พระองค์ประกาศแล้ว แต่ขอให้ศัตรูประสบอย่างเดียวกันกับข้าพเจ้าเถิด ขอให้การกระทำชั่วของพวกเขาปรากฏต่อพระองค์ และพระองค์กระทำต่อพวกเขา เหมือนที่พระองค์ได้กระทำต่อข้าพเจ้า เพราะการล่วงละเมิดทั้งสิ้นของข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าโอดครวญอย่างหนัก และข้าพเจ้าทุกข์ระทมใจ