โยชูวา 4:1-24

โยชูวา 4:1-24 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

เมื่อ​ประชาชน​ทั้งหมด​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน​เรียบร้อย​แล้ว พระยาห์เวห์​ได้​พูด​กับ​โยชูวา​ว่า “ให้​เลือก​ผู้ชาย​มา​สิบสอง​คน เผ่า​ละ​คน สั่ง​พวกเขา​ว่า ‘ให้​พวกเจ้า​ไป​แบก​ก้อนหิน​มา​คนละ​ก้อน​จาก​กลาง​แม่น้ำ​จอร์แดน ที่​พวก​นักบวช​ยืน​อยู่นั้น ให้​เอา​ขึ้น​มา​วาง​ไว้​ใน​ที่​ที่​พวกเจ้า​จะ​ตั้ง​ค่าย​พัก​คืนนี้’” โยชูวา​จึง​เรียก​ชาย​สิบสอง​คน ที่​เขา​ได้​เลือก​มา​จาก​ชาว​อิสราเอล​ทั้งหลาย เผ่า​ละ​คน โยชูวา​สั่ง​พวกเขา​ว่า “ให้​พวกท่าน​ไป​ที่​ด้านหน้า​ของ​หีบ​ของ​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​พวกท่าน ที่​อยู่​กลาง​แม่น้ำ​จอร์แดน​นั้น และ​ให้​แต่ละคน​แบก​หิน​มา​คนละ​ก้อน ตาม​จำนวน​เผ่า​ของ​อิสราเอล เพื่อ​สิ่งนี้​จะได้​เป็น​เครื่อง​เตือนใจ​ใน​หมู่​พวกท่าน ใน​อนาคต​เมื่อ​ลูกๆ​ของ​พวกท่าน​ถาม​ว่า ‘ก้อนหิน​เหล่านี้ มี​ความหมาย​ว่า​อะไร’ พวกท่าน​จะได้​ตอบ​ว่า ‘น้ำ​ใน​แม่น้ำ​จอร์แดน​ถูก​ตัดขาด​ไป​ต่อหน้า​หีบ​ที่​เก็บ​ข้อตกลง​ของ​พระยาห์เวห์ เมื่อ​หีบ​ใบนี้​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน น้ำ​ใน​แม่น้ำ​จอร์แดน​ก็​หยุด​ไหล ดังนั้น​ก้อนหิน​เหล่านี้​จึง​เป็น​เครื่อง​ย้ำเตือน​ถึง​เหตุการณ์​นี้​สำหรับ​ชาว​อิสราเอล​ตลอดไป’” คน​เหล่านั้น​ก็​ทำ​ตาม​ที่​โยชูวา​สั่ง พวกเขา​ได้​ไป​แบก​ก้อนหิน​จาก​กลาง​แม่น้ำ​จอร์แดน​มา​จำนวน​สิบสอง​ก้อน เท่ากับ​จำนวน​เผ่า​ของ​อิสราเอล ตาม​ที่​พระยาห์เวห์​ได้​สั่ง​โยชูวา พวกเขา​แบก​หิน​เหล่านั้น​ข้าม​แม่น้ำ​มา​กับ​พวกเขา​ไป​ถึง​ที่​ตั้ง​ค่าย​และ​ได้​วาง​พวกมัน​ไว้​ที่นั่น (โยชูวา​ยัง​ได้​ตั้ง​ก้อนหิน​สิบสอง​ก้อน​ไว้​ที่​กลาง​แม่น้ำ​จอร์แดน ตรง​ที่​พวก​นักบวช​ผู้​แบก​หีบ​ที่​เก็บ​ข้อตกลง​ยืน​อยู่​อีกด้วย ก้อนหิน​ทั้งหมด​นั้น​ยัง​อยู่​ที่นั่น​จนถึง​ทุกวันนี้) พวก​นักบวช​ผู้​แบก​หีบ​นั้น​ยังคง​ยืน​อยู่​ที่​กลาง​แม่น้ำ​จอร์แดน จนกระทั่ง​ทุกสิ่ง​ทุกอย่าง​เสร็จ​สิ้น​ลง​ตาม​คำสั่ง​ที่​พระยาห์เวห์​ได้​สั่ง​โยชูวา​ให้​บอก​กับ​ประชาชน เหมือน​กับ​ที่​โมเสส​เคย​สั่ง​โยชูวา​ไว้ ประชาชน​ข้าม​แม่น้ำ​กัน​อย่าง​เร่งรีบ เมื่อ​ประชาชน​ข้าม​แม่น้ำ​กัน​หมด​แล้ว หีบ​ของ​พระยาห์เวห์​และ​พวก​นักบวช​ก็​ข้าม​มา และ​มา​นำ​อยู่​ด้านหน้า​ของ​ประชาชน ชน​เผ่า​รูเบน ชน​เผ่า​กาด และ​ชน​เผ่า​มนัสเสห์​ครึ่ง​หนึ่ง​ถือ​อาวุธ​พร้อมมือ นำ​หน้า​ชาว​อิสราเอล​คน​อื่นๆ​ข้าม​ไป​ตาม​ที่​โมเสส​ได้​สั่ง​ไว้ มี​ประมาณ​สี่หมื่น​คน​ที่​มี​อาวุธ​พร้อมมือ​ได้​ข้าม​ไป​ต่อหน้า​พระยาห์เวห์ ไป​สู่​ที่ราบ​ทั้งหลาย​ของ​เมือง​เยริโค ใน​วันนั้น​พระยาห์เวห์​ได้​ยกย่อง​โยชูวา​ต่อหน้า​ชาว​อิสราเอล​ทั้งหลาย พวกเขา​ยำเกรง​โยชูวา​ไป​จน​ชั่วชีวิต​ของท่าน เหมือน​กับ​ที่​พวกเขา​เคย​ยำเกรง​โมเสส พระยาห์เวห์​ได้​พูด​กับ​โยชูวา​ว่า “ให้​สั่ง​พวก​นักบวช​ผู้​แบก​หีบ​ที่​เก็บ​ข้อตกลง​นั้น ขึ้นมา​จาก​แม่น้ำ​จอร์แดน​ได้แล้ว” โยชูวา​จึง​สั่ง​พวก​นักบวช​ทั้งหลาย​ว่า “พวกท่าน​ทั้งหลาย ขึ้น​จาก​แม่น้ำ​จอร์แดน​ได้แล้ว” และ​เมื่อ​พวก​นักบวช​ผู้​แบก​หีบ​ที่​เก็บ​ข้อตกลง​ของ​พระยาห์เวห์ ขึ้น​มา​จาก​กลาง​แม่น้ำ​จอร์แดน และ​ก้าว​ขึ้นมา​บน​ฝั่ง น้ำ​ใน​แม่น้ำ​จอร์แดน​ก็​ไหล​กลับมา​ท่วม​ตลิ่ง​เหมือน​เดิม ประชาชน​ได้​ขึ้นมา​จาก​แม่น้ำ​จอร์แดน​ใน​วัน​ที่​สิบ​ของ​เดือน​ที่หนึ่ง และ​ได้​ตั้ง​ค่าย​อยู่​ที่​เมือง​กิลกาล​ทาง​ชายแดน​ด้าน​ตะวันออก​ของ​เมือง​เยริโค และ​โยชูวา​ได้​ตั้ง​ก้อนหิน​ทั้ง​สิบสอง​ก้อน​ที่​พวกเขา​ได้​นำ​มา​จาก​แม่น้ำ​จอร์แดน​ไว้​ที่​กิลกาล โยชูวา​พูด​กับ​ประชาชน​ชาว​อิสราเอล​ว่า “ใน​อนาคต​เมื่อ​ลูกหลาน​ของ​พวกท่าน​ถาม​พวก​พ่อ​ของ​พวกเขา​ว่า ‘หิน​พวกนี้​หมายถึง​อะไร’ ให้​ท่าน​ตอบ​กับ​ลูกหลาน​ของ​ท่าน​ว่า ‘ชาว​อิสราเอล​ได้​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน​บน​พื้นแห้ง’ เพราะ​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​พวกท่าน​ได้​ทำ​ให้​แม่น้ำ​จอร์แดน​แห้ง​ลง​ต่อหน้า​พวกท่าน จน​พวกท่าน​ข้ามไป​ได้​เหมือน​ที่​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​พวกท่าน​เคย​ทำ​กับ​ทะเล​แดง พระองค์​ทำ​ให้​ทะเล​แดง​นั้น​แห้ง​ลง​ต่อหน้า​พวกเรา จน​พวกเรา​ข้าม​ไป​ได้ เพื่อ​ประชาชน​ทั้งหมด​บน​แผ่นดิน​จะ​ได้​รู้​ว่า​มือ​ของ​พระยาห์เวห์​นั้น​ทรงพลัง และ​เพื่อ​พวกท่าน​จะ​ได้​ยำเกรง​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​พวกท่าน​ตลอดไป”

โยชูวา 4:1-24 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

เมื่อชนชาตินั้นได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนหมดแล้ว พระยาห์เวห์ตรัสสั่งโยชูวาว่า “จงเลือกคนสิบสองคนจากประชาชนเผ่าละคน และบัญชาเขาว่า ‘จงเอาศิลาสิบสองก้อนจากที่นี่ที่กลางแม่น้ำจอร์แดน ตรงที่เท้าของปุโรหิตยืนมั่นอยู่นั้น ขนมาวางไว้ในที่ซึ่งพวกท่านจะนอนในคืนวันนี้’ ” แล้วโยชูวาจึงเรียกคนสิบสองคน ซึ่งท่านแต่งตั้งจากประชาชนอิสราเอลมาเผ่าละคน โยชูวาสั่งเขาว่า “จงผ่านไปข้างหน้าหีบของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านลงไปกลางแม่น้ำจอร์แดน แล้วแบกศิลาใส่บ่ามาคนละก้อนตามจำนวนเผ่าคนอิสราเอล เพื่อสิ่งนี้จะเป็นหมายสำคัญท่ามกลางพวกท่าน เมื่อลูกหลานของท่านจะถามในเวลาต่อมาว่า ‘ศิลาเหล่านี้มีความหมายอะไรสำหรับท่าน?’ แล้วท่านจงตอบว่า “น้ำที่จอร์แดนแยกจากกันต่อหน้าหีบพันธสัญญาแห่งพระยาห์เวห์ เมื่อหีบนั้นข้ามจอร์แดน น้ำก็แยกจากกัน ศิลาเหล่านี้จะเป็นอนุสรณ์เป็นนิตย์แก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล” ประชาชนอิสราเอลก็ทำตามที่โยชูวาบัญชา และขนศิลาสิบสองก้อนมาจากกลางจอร์แดน ตามจำนวนเผ่าประชาชนอิสราเอล ดังที่พระยาห์เวห์ตรัสสั่งโยชูวา และเขาก็แบกมายังที่ซึ่งเขาพักอยู่ วางไว้ที่นั่น และโยชูวาได้ตั้งศิลาสิบสองก้อนไว้กลางแม่น้ำจอร์แดน ตรงที่เท้าของปุโรหิตผู้หามหีบพันธสัญญายืนอยู่ และศิลาเหล่านั้นก็ยังอยู่จนทุกวันนี้ เพราะปุโรหิตผู้หามหีบนั้นได้ยืนอยู่ที่กลางจอร์แดน จนกว่าทุกสิ่งจะสำเร็จตามซึ่งพระยาห์เวห์ทรงบัญชาโยชูวาให้บอกประชาชน ตามที่โมเสสได้บัญชาโยชูวาไว้ทุกประการ แล้วประชาชนก็รีบข้ามไป เมื่อประชาชนข้ามไปหมดแล้ว หีบของพระยาห์เวห์และพวกปุโรหิตก็ข้ามไปต่อหน้าประชาชน คนรูเบน คนกาด และคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่าถืออาวุธข้ามไปต่อหน้าประชาชนอิสราเอล ตามที่โมเสสได้สั่งเขาไว้ มีคนถืออาวุธพร้อมที่จะเข้าสงครามประมาณ 40,000 คน ได้ข้ามไปเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์เพื่อไปทำศึกถึงที่ราบเมืองเยรีโค ในวันนั้นพระยาห์เวห์ทรงยกย่องโยชูวาต่อหน้าอิสราเอลทั้งหมด เขาทั้งหลายก็ยำเกรงท่าน ดังที่เขาเคยยำเกรงโมเสสตลอดชีวิตของท่าน พระยาห์เวห์ตรัสกับโยชูวาว่า “จงบัญชาพวกปุโรหิตผู้หามหีบแห่งสักขีพยานให้ขึ้นมาจากจอร์แดน” โยชูวาจึงบัญชาปุโรหิตว่า “จงขึ้นมาจากจอร์แดนเถิด” แล้วพวกปุโรหิตผู้หามหีบพันธสัญญาแห่งพระยาห์เวห์ก็ขึ้นมาจากกลางจอร์แดน เมื่อฝ่าเท้าของปุโรหิตยกขึ้นเหยียบแผ่นดินแห้ง น้ำในจอร์แดนก็ไหลกลับมายังที่เก่าจนท่วมฝั่งทั้งหมดอย่างเดิม ประชาชนได้ขึ้นจากจอร์แดนในวันที่สิบเดือนที่หนึ่ง ไปตั้งค่ายอยู่ที่กิลกาลริมเขตเมืองเยรีโคข้างทิศตะวันออก และศิลาสิบสองก้อนซึ่งเขานำออกมาจากจอร์แดนนั้น โยชูวาก็ได้ตั้งไว้ที่กิลกาล ท่านจึงกล่าวแก่ประชาชนอิสราเอลว่า “เวลาภายหน้าเมื่อลูกหลานจะถามบิดาของเขาว่า ‘ศิลาเหล่านี้มีความหมายอะไร?’ แล้วท่านจงตอบให้ลูกหลานทราบว่า ‘อิสราเอลได้ข้ามจอร์แดนนี้บนดินแห้ง’ เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงทำให้แม่น้ำจอร์แดนแห้งไปต่อหน้าท่าน จนท่านข้ามไปได้หมด ดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงทำต่อทะเลแดง ทรงทำให้แห้งเพื่อพวกเรา จนเราข้ามไปหมด เพื่อชนชาติทั้งสิ้นทั่วพิภพจะได้ทราบว่า พระหัตถ์พระยาห์เวห์นั้นทรงฤทธิ์ เพื่อพวกท่านจะยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเป็นนิตย์”

โยชูวา 4:1-24 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ต่อมาเมื่อประชาชนนั้นได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนเสร็จหมดแล้ว พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งโยชู​วาว​่า “จงเลือกชายสิบสองคนจากประชาชนตระกูลละคน และบัญชาเขาว่า ‘จงไปเอาศิลาสิบสองก้อนจากที่​นี่​ที่​กลางแม่น้ำจอร์​แดน ตรงที่ซึ่งเท้าของปุโรหิตยื​นม​ั่นอยู่​นั้น ขนมาวางไว้ในที่ซึ่งท่านทั้งหลายจะนอนในคื​นว​ันนี้’” แล​้วโยชู​วาก​็เลือกชายสิบสองคน ซึ่งท่านจัดตั้งจากประชาชนอิสราเอลตระกูลละคน โยชูวาจึงสั่งเขาว่า “จงผ่านไปข้างหน้าหีบของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านลงไปกลางแม่น้ำจอร์​แดน แล​้วแบกศิลามาคนละก้อนตามจำนวนตระกูลคนอิสราเอล เพื่อว่าสิ่งนี้จะเป็นหมายสำคัญในหมู่พวกท่านทั้งหลาย ในเมื่อลูกหลานของท่านจะถามบิดาในเวลาต่อไปว่า ‘ศิลาเหล่านี้​มี​ความหมายอะไร’ แล​้​วท​่านจงตอบพวกเขาว่า ‘น้ำที่จอร์แดนขาดจากกันต่อหน้าหีบพันธสัญญาแห่งพระเยโฮวาห์ เมื่อหี​บน​ั้นข้ามแม่น้ำจอร์​แดน น้ำในแม่น้ำจอร์แดนก็ขาดจากกัน ศิลาเหล่านี้จะเป็​นที​่รำลึกแก่ลูกหลานอิสราเอลเป็นนิตย์’” คนอิสราเอลเหล่านั้​นก​็กระทำตามที่โยชู​วาบ​ัญชา และขนหินสิบสองก้อนมาจากกลางจอร์​แดน ตามจำนวนตระกูลคนอิสราเอล ดังที่​พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งโยชูวา และเขาก็แบกมายังที่ซึ่งเขาพักอยู่ วางไว้​ที่นั่น และโยชูวาได้ตั้งศิลาสิบสองก้อนไว้กลางแม่น้ำจอร์​แดน ตรงที่​ที่​เท​้าของปุโรหิตผู้หามหีบพันธสัญญายืนอยู่ และศิลาเหล่านั้​นก​็ยังอยู่จนทุกวันนี้ เพราะว่าปุโรหิตผู้หามหี​บน​ั้นได้ยืนอยู่​ที่​กลางจอร์แดนกว่าสิ่งสารพัดจะสำเร็จ ตามซึ่งพระเยโฮวาห์บัญชาโยชูวาให้บอกประชาชน ตามซึ่งโมเสสได้บัญชาไว้กับโยชู​วาท​ุกประการ แล​้วประชาชนก็​รี​บข้ามไป ต่อมาเมื่อประชาชนข้ามไปหมดแล้ว หี​บแห่งพระเยโฮวาห์และปุโรหิ​ตก​็ข้ามไปต่อหน้าประชาชน คนรู​เบน คนกาด และคนมนัสเสห์​ครึ​่งตระกูลถืออาวุธนำหน้าคนอิสราเอลข้ามไปตามที่โมเสสได้สั่งเขาไว้ มี​คนถืออาวุธไว้​พร​้อมที่​จะเข้​าสงครามประมาณสี่หมื่นคนได้ข้ามไปต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์เพื่อทำศึก ไปถึงที่ราบเขตเมืองเยรี​โค ในวันนั้นพระเยโฮวาห์ทรงยกย่องโยชู​วาท​่ามกลางสายตาของคนอิสราเอลทั้งปวง เขาทั้งหลายก็ยำเกรงท่าน ดังที่​เขาเคยยำเกรงโมเสสตลอดชีวิตของท่าน พระเยโฮวาห์ตรัสกับโยชู​วาว​่า “จงบัญชาปุโรหิตผู้หามหีบพระโอวาทให้ขึ้นมาจากจอร์​แดน​” โยชูวาจึ​งบ​ัญชาแก่​ปุ​โรหิตว่า “จงขึ้นมาจากจอร์แดนเถิด” ต่อมาเมื่อปุโรหิตผู้หามหีบพันธสัญญาแห่งพระเยโฮวาห์ขึ้นมาจากกลางจอร์​แดน เมื่อฝ่าเท้าของปุโรหิตยกขึ้นเหยียบแผ่นดินแห้ง น้ำในจอร์แดนก็​กล​ับมายังที่​เก​่าไหลท่วมฝั่งอย่างเดิม ประชาชนได้ขึ้นจากจอร์แดนในวั​นที​่​สิ​บเดือนที่​หนึ่ง ไปตั้งค่ายอยู่​ที่​กิลกาล ริมเขตเมืองเยรีโคข้างทิศตะวันออก และศิลาสิบสองก้อนซึ่งเขานำออกมาจากจอร์แดนนั้น โยชู​วาก​็​ได้​ตั้งไว้​ที่​กิลกาล ท่านจึงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า “เวลาภายหน้าเมื่อลูกหลานจะถามบิดาของเขาว่า ‘ศิลาเหล่านี้​มี​ความหมายอะไร’ แล​้​วท​่านจงตอบแก่ลูกหลานให้ทราบว่า ‘อิสราเอลได้ข้ามจอร์แดนนี้บนดินแห้ง’ เพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายกระทำให้​แม่น​้ำจอร์แดนแห้งไปเพื่อท่าน จนท่านข้ามไปได้​หมด ดังที่​พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านกระทำแก่ทะเลแดง ทรงกระทำให้​แห​้งเพื่อเราทั้งหลาย จนเราข้ามไปหมด เพื่อชนชาติทั้งหลายทั่วพิภพจะได้ทราบว่าพระหัตถ์พระเยโฮวาห์นั้นทรงฤทธิ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะยำเกรงพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านเป็นนิตย์”

โยชูวา 4:1-24 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

เมื่อประชาชาตินั้นได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนเสร็จหมดแล้ว พระเจ้าตรัสสั่งโยชูวาว่า <<จงเลือกคนสิบสองคนจากประชาชนเผ่าละคน และบัญชาเขาว่า <จงไปเอาศิลาสิบสองก้อนจากที่นี่ที่กลางแม่น้ำจอร์แดน ตรงที่ซึ่งเท้าของปุโรหิตยืนมั่นอยู่นั้น ขนมาวางไว้ในที่ซึ่งท่านทั้งหลายจะนอนในคืนวันนี้> >> แล้วโยชูวาก็เลือกคนสิบสองคน ซึ่งท่านจัดตั้งจากประชาชนอิสราเอลเผ่าละคน โยชูวาจึงสั่งเขาว่า <<จงผ่านไปข้างหน้าหีบของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของ ท่านลงไปกลางแม่น้ำจอร์แดน แล้วแบกศิลามาคนละก้อนตามจำนวนเผ่าคนอิสราเอล เพื่อว่าสิ่งนี้จะเป็นหมายสำคัญในหมู่พวกท่านทั้งหลาย ในเมื่อลูกหลานของท่านจะถามในเวลาต่อไปว่า <ศิลาเหล่านี้มีความหมายอะไร> แล้วท่านจงตอบว่า <<น้ำที่จอร์แดนขาดจากกันต่อหน้าหีบพันธสัญญาแห่งพระเจ้า เมื่อหีบนั้นข้ามจอร์แดน น้ำก็ขาดจากกัน ศิลาเหล่านี้จะเป็นอนุสรณ์เป็นนิตย์แก่ประชาชนอิสราเอล>> คนอิสราเอลเหล่านั้นก็กระทำตามที่โยชูวาบัญชา และขนหินสิบสองก้อนมาจากกลางจอร์แดน ตามจำนวนเผ่าคนอิสราเอล ดังที่พระเจ้าตรัสสั่งโยชูวา และเขาก็แบกมายังที่ซึ่งเขาพักอยู่ วางไว้ที่นั่น และโยชูวาได้ตั้งศิลาสิบสองก้อนไว้กลางแม่น้ำจอร์แดน ตรงที่ที่เท้าของปุโรหิตผู้หามหีบพันธสัญญายืนอยู่ และศิลาเหล่านั้นก็ยังอยู่จนทุกวันนี้ เพราะว่าปุโรหิตผู้หามหีบนั้นได้ยืนอยู่ที่กลางจอร์แดน กว่าสิ่งสารพัดจะสำเร็จตามซึ่งพระเจ้าบัญชาโยชูวา ให้บอกประชาชน ตามซึ่งโมเสสได้บัญชาไว้กับโยชูวาทุกประการ แล้วประชาชนก็รีบข้ามไป เมื่อประชาชนข้ามไปหมดแล้ว หีบแห่งพระเจ้าและปุโรหิตก็ข้ามไปต่อหน้าประชาชน คนเผ่ารูเบน คนเผ่ากาด และคนมนัสเสห์กึ่งเผ่าถืออาวุธนำหน้าคนอิสราเอลข้ามไป ตามที่โมเสสได้สั่งเขาไว้ มีคนถืออาวุธไว้พร้อมที่จะเข้าสงครามประมาณสี่หมื่นคน ได้ข้ามไปต่อพระพักตร์พระเจ้าเพื่อทำศึกไปถึงที่ราบเขต เมืองเยรีโค ในวันนั้นพระเจ้าทรงยกย่อง โยชูวาต่อหน้าคนอิสราเอลทั้งปวง เขาทั้งหลายก็ยำเกรงท่าน ดังที่เขาเคยยำเกรงโมเสสตลอดชีวิตของท่าน พระเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า <<จงบัญชาปุโรหิตผู้หามหีบพระโอวาทให้ขึ้นมาจากจอร์แดน>> โยชูวาจึงบัญชาแก่ปุโรหิตว่า <<จงขึ้นมาจากจอร์แดนเถิด>> เมื่อปุโรหิตผู้หามหีบพันธสัญญาแห่งพระเจ้า ขึ้นมาจากกลางจอร์แดน เมื่อฝ่าเท้าของปุโรหิตยกขึ้นเหยียบแผ่นดินแห้ง น้ำในจอร์แดนก็กลับมายังที่เก่าไหลท่วมฝั่งอย่างเดิม ประชาชนได้ขึ้นจากจอร์แดนในวันที่สิบเดือนที่หนึ่ง ไปตั้งค่ายอยู่ที่กิลกาลริมเขตเมืองเยรีโคข้างทิศตะวันออก และศิลาสิบสองก้อนซึ่งเขานำออกมาจากจอร์แดนนั้น โยชูวาก็ได้ตั้งไว้ที่กิลกาล ท่านจึงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า <<เวลาภายหน้าเมื่อลูกหลานจะถามบิดาของเขาว่า <ศิลาเหล่านี้มีความหมายอะไร> แล้วท่านจงตอบแก่ลูกหลานให้ทราบว่า <อิสราเอลได้ข้ามจอร์แดนบนดินแห้ง> เพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายกระทำ ให้แม่น้ำจอร์แดนแห้งไปเพื่อท่าน จนท่านข้ามไปได้หมด ดังที่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านกระทำแก่ทะเลแดง ทรงกระทำให้แห้งเพื่อเราทั้งหลาย จนเราข้ามไปหมด เพื่อชนชาติทั้งหลายทั่วพิภพจะได้ทราบว่า พระหัตถ์พระเจ้านั้นทรงฤทธิ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะยำเกรง พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านเป็นนิตย์

โยชูวา 4:1-24 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

เมื่อเหล่าประชากรข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปทุกคนแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า “จงคัดเลือกชายสิบสองคนจากเหล่าประชากรเผ่าละหนึ่งคน และสั่งพวกเขาให้ยกก้อนหินมาสิบสองก้อน จากกลางแม่น้ำจอร์แดนตรงที่เหล่าปุโรหิตยืน และตั้งไว้ในสถานที่ซึ่งเจ้าจะไปตั้งค่ายพักค่ำวันนี้” โยชูวาจึงเรียกชายสิบสองคนนั้นซึ่งคัดเลือกจากชนอิสราเอลเผ่าละหนึ่งคนมา และสั่งว่า “จงออกไปกลางแม่น้ำจอร์แดนตรงที่หีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านตั้งอยู่ แล้วแบกหินขึ้นบ่ามาคนละหนึ่งก้อน ตามจำนวนเผ่าของชนอิสราเอล เพื่อเป็นอนุสรณ์ท่ามกลางพวกท่าน ในอนาคตเมื่อลูกหลานของท่านถามว่า ‘หินเหล่านี้มีความหมายว่าอย่างไร?’ จงบอกพวกเขาว่าแม่น้ำจอร์แดนแยกออกต่อหน้าหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเมื่อหีบข้ามแม่น้ำจอร์แดน น้ำในแม่น้ำจอร์แดนก็แยกขาดจากกัน หินเหล่านี้จะเป็นอนุสรณ์เตือนใจชนอิสราเอลตลอดไป” ชนอิสราเอลก็ทำตามที่โยชูวาสั่ง พวกเขาขนหินสิบสองก้อนจากกลางแม่น้ำจอร์แดนตามจำนวนเผ่าของอิสราเอล ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาโยชูวาไว้ และยกมาวางลงในสถานที่ตั้งค่ายพักแรมของพวกเขาในคืนวันนั้น โยชูวาให้นำหินสิบสองก้อนที่เคยอยู่กลางแม่น้ำจอร์แดน ในบริเวณที่ปุโรหิตผู้หามหีบพันธสัญญายืนอยู่นั้นมาตั้งไว้ และหินเหล่านั้นยังคงอยู่ที่นั่นจวบจนทุกวันนี้ ปุโรหิตผู้หามหีบพันธสัญญายืนอยู่กลางแม่น้ำตราบจนเหล่าประชากรทำครบถ้วนทุกอย่างตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโยชูวา ดังที่โมเสสได้กำชับโยชูวา เหล่าประชากรรีบรุดข้ามแม่น้ำไป เมื่อทุกคนข้ามไปแล้ว ประชากรพากันมองดูปุโรหิตหามหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าขึ้นจากแม่น้ำ ชนเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าก็ข้ามแม่น้ำไป พวกเขาคาดอาวุธนำหน้าชนอิสราเอลตามที่โมเสสได้สั่งพวกเขาไว้ มีคนราวสี่หมื่นคนจับอาวุธออกรบต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าบุกไปยังที่ราบเยรีโค วันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยกชูโยชูวาขึ้นต่อหน้าปวงชนอิสราเอล และพวกเขายำเกรงโยชูวาตลอดชีวิตของโยชูวาเหมือนที่เคยยำเกรงโมเสส แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า “จงสั่งปุโรหิตผู้หามหีบแห่งพันธสัญญาให้ขึ้นจากแม่น้ำจอร์แดน” โยชูวาก็ออกคำสั่งแก่ปุโรหิตว่า “จงขึ้นมาจากแม่น้ำจอร์แดน” ปุโรหิตจึงหามหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าขึ้นจากแม่น้ำ ทันทีที่เท้าของพวกเขาแตะพื้นตลิ่ง สายน้ำก็ไหลกลับลงท่วมตลิ่งดังเดิม ในวันที่สิบของเดือนแรก เหล่าประชากรข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปตั้งค่ายพักแรมที่กิลกาล ชิดเขตแดนด้านตะวันออกของเมืองเยรีโค โยชูวาก็ให้ตั้งหินสิบสองก้อนที่ยกมาจากแม่น้ำจอร์แดนนั้นไว้ที่กิลกาล เขากล่าวแก่ชนอิสราเอลว่า “ในอนาคตเมื่อลูกหลานของท่านถามว่า ‘ก้อนหินเหล่านี้มีความหมายว่าอย่างไร?’ จงบอกเขาว่า ‘อิสราเอลเดินข้ามแม่น้ำจอร์แดนบนพื้นแห้ง’ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงบันดาลให้แม่น้ำจอร์แดนแห้งต่อหน้าพวกท่าน เพื่อพวกท่านจะข้ามไปได้ เหมือนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเคยทำให้ทะเลแดงแห้งเป็นทางต่อหน้าเราจนพวกเราได้ข้ามไป ทั้งนี้เพื่อชาวโลกทั้งปวงจะรู้ว่าพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นทรงอานุภาพ และเพื่อท่านทั้งหลายจะยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านตลอดไป”

โยชูวา 4:1-24 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

เมื่อ​ประชา​ชาติ​ทั้ง​ปวง​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน​ไป​หมด​แล้ว พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​กับ​โยชูวา​ว่า “จง​เลือก​ชาย 12 คน​จาก​ชน​ชาติ เผ่า​ละ 1 คน และ​บัญชา​พวก​เขา​ว่า ‘จง​ไป​เอา​หิน 12 ก้อน​มา​จาก​กลาง​แม่น้ำ​นี้ จาก​บริเวณ​ที่​ปุโรหิต​ยืน​เหยียบ และ​นำ​มา​วาง​ไว้​ที่​ที่​พวก​เจ้า​ค้าง​แรม​กัน​คืน​นี้’” โยชูวา​จึง​เรียก​ชาย​ชาว​อิสราเอล 12 คน​มา เผ่า​ละ 1 คน โยชูวา​พูด​กับ​เขา​ทั้ง​หลาย​ว่า “จง​เดิน​ผ่าน​หีบ​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​ท่าน เดิน​ลง​ไป​ใน​แม่น้ำ​จอร์แดน จง​แบก​หิน​ใส่​บ่า​คน​ละ​ก้อน​ตาม​จำนวน​เผ่า​ของ​ชาว​อิสราเอล เพื่อ​จะ​ได้​เป็น​หมาย​สำคัญ​ใน​หมู่​ท่าน เวลา​ลูก​หลาน​ของ​ท่าน​ถาม​ใน​ภาย​ภาค​หน้า​ว่า ‘หิน​เหล่า​นี้​มี​ความ​หมาย​อะไร​สำหรับ​ท่าน’ แล้ว​ท่าน​จะ​บอก​พวก​เขา​ว่า​กระแส​น้ำ​ใน​แม่น้ำ​จอร์แดน​ถูก​ตัด​ขาด​จาก​กัน​ที่​ตรง​หน้า​หีบ​พันธ​สัญญา​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า เมื่อ​หีบ​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน กระแส​น้ำ​ใน​แม่น้ำ​จอร์แดน​ถูก​ตัด​ขาด​จาก​กัน หิน​พวก​นี้​ก็​จะ​เป็น​อนุสรณ์​แก่​ชาว​อิสราเอล​ไป​ตลอด​กาล” ชาว​อิสราเอล​จึง​กระทำ​ตาม​ที่​โยชูวา​บัญชา คือ​เก็บ​หิน 12 ก้อน​ขึ้น​จาก​กลาง​แม่น้ำ​จอร์แดน ตาม​จำนวน​เผ่า​ของ​ชาว​อิสราเอล ตาม​ที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​กับ​โยชูวา พวก​เขา​แบก​หิน​ไป​ยัง​ที่​ที่​พวก​เขา​ค้าง​แรม และ​วาง​ไว้​ที่​นั่น แล้ว​โยชูวา​จัด​วาง​หิน 12 ก้อน​ไว้​ใจ​กลาง​แม่น้ำ​จอร์แดน ตรง​บริเวณ​ที่​ปุโรหิต​หาม​หีบ​พันธ​สัญญา​ยืน​อยู่ หิน​เหล่า​นี้​ก็​ยัง​อยู่​ที่​นั่น​มา​จน​ถึง​ทุก​วัน​นี้ บรรดา​ปุโรหิต​ที่​หาม​หีบ​ยัง​ยืน​อยู่​ที่​กลาง​แม่น้ำ​จอร์แดน​จน​กว่า​ทุก​สิ่ง​ที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ได้​บัญชา​โยชูวา​ให้​ประชาชน​กระทำ​เสร็จ​สิ้น ดัง​ที่​โมเสส​บัญชา​โยชูวา แล้ว​ประชาชน​ก็​รีบ​ข้าม​ไป ครั้น​ประชาชน​ข้าม​ไป​หมด​แล้ว หีบ​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​และ​บรรดา​ปุโรหิต​จึง​ข้าม​ไป​ต่อ​หน้า​ประชาชน บรรดา​บุตร​ของ​รูเบน บุตร​ของ​กาด และ​ครึ่ง​หนึ่ง​ของ​เผ่า​ของ​มนัสเสห์​ถือ​อาวุธ​ข้าม​ไป​ล่วง​หน้า​ชาว​อิสราเอล ดัง​ที่​โมเสส​บอก​พวก​เขา​ไว้ มี​ผู้​คน​ประมาณ 40,000 คน​พร้อม​รบ​ข้าม​ไป​ต่อ​หน้า​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ไป​ยัง​ที่​ราบ​ของ​เมือง​เยรีโค​เพื่อ​ทำ​ศึก​สงคราม ใน​วัน​นั้น​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ยกย่อง​โยชูวา​ต่อ​หน้า​คน​อิสราเอล​ทุก​คน และ​พวก​เขา​ยำเกรง​โยชูวา​เหมือน​ที่​ได้​ยำเกรง​โมเสส​ตลอด​ชีวิต​ของ​ท่าน แล้ว​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​กับ​โยชูวา​ว่า “จง​บัญชา​บรรดา​ปุโรหิต​ที่​หาม​หีบ​พันธ​สัญญา​ให้​ขึ้น​มา​จาก​แม่น้ำ​จอร์แดน” โยชูวา​จึง​บัญชา​บรรดา​ปุโรหิต​ว่า “ขึ้น​จาก​แม่น้ำ​จอร์แดน​เถิด” ครั้น​ปุโรหิต​ที่​หาม​หีบ​พันธ​สัญญา​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ขึ้น​จาก​กลาง​แม่น้ำ​จอร์แดน และ​เท้า​ของ​ปุโรหิต​ก้าว​ขึ้น​เหยียบ​ดิน​แห้ง​แล้ว กระแส​น้ำ​ใน​แม่น้ำ​จอร์แดน​ก็​ไหล​กลับ​เข้า​ที่​และ​ไหล​ท่วม​ฝั่ง​ทั้ง​หมด​ดัง​เดิม ใน​วัน​ที่​สิบ​ของ​เดือน​ที่​หนึ่ง ประชาชน​ขึ้น​จาก​แม่น้ำ​จอร์แดน และ​ตั้ง​ค่าย​ที่​กิลกาล ทาง​ชาย​แดน​ด้าน​ตะวัน​ออก​ของ​เยรีโค โยชูวา​จัด​วาง​หิน 12 ก้อน​ที่​พวก​เขา​เอา​มา​จาก​แม่น้ำ​จอร์แดน​ไว้​ที่​กิลกาล และ​ท่าน​พูด​กับ​ชาว​อิสราเอล​ว่า “เวลา​ลูก​หลาน​ของ​ท่าน​ถาม​ใน​ภาย​ภาค​หน้า​ว่า ‘หิน​เหล่า​นี้​มี​ความ​หมาย​อะไร’ ท่าน​ก็​จะ​บอก​ลูก​หลาน​ของ​ท่าน​ได้​ว่า ‘อิสราเอล​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน​ได้​บน​ดิน​แห้ง’ เพราะ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​พวก​ท่าน​ทำ​ให้​กระแส​น้ำ​ใน​แม่น้ำ​จอร์แดน​แห้ง​เพื่อ​ท่าน จน​กระทั่ง​ท่าน​ข้าม​ไป​ได้ เหมือน​กับ​ที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​พวก​ท่าน​กระทำ​กับ​ทะเล​แดง ซึ่ง​พระ​องค์​ได้​ทำ​ให้​แห้ง​ต่อหน้า​พวก​เรา จน​กระทั่ง​เรา​ข้าม​ไป​ได้ เพื่อ​ชน​ชาติ​ทั้ง​ปวง​ใน​โลก​จะ​ได้​ทราบ​ว่า​อานุภาพ​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ยิ่ง​ใหญ่​นัก และ​ท่าน​จะ​ยำเกรง​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​ท่าน​ไป​ตลอด​ชีวิต”