โยบ 28:1-28
โยบ 28:1-28 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
“ใช่แล้ว มีเหมืองสำหรับเงิน มีที่สำหรับหลอมทองคำ เขาเอาเหล็กมาจากพื้นดิน และหลอมทองแดงจากหินแร่ คนทำเหมืองแร่สำรวจสุดปลายของความมืด ค้นหาเข้าไปในจุดที่ไกลที่สุด ค้นหาหินแร่ในที่มืดครึ้มและที่มืดมิดอันลึก คนงานขุดช่องลงไปห่างไกลจากที่ผู้คนอาศัยกัน พวกเขาถูกลืมไปแล้วในที่ห่างไกลจากทางเดินเท้า เขาใช้เชือกห้อยตัวแกว่งไปแกว่งมาทำงานไกลจากผู้คน บนแผ่นดินโลกมีอาหารงอกงามขึ้น แต่ส่วนใต้ดินอย่างกับมีไฟเผาจนยุ่งเหยิงไปหมด พวกหินของแผ่นดินโลกเป็นที่มาของพลอยสีน้ำเงินเข้ม ส่วนฝุ่นของมันมีทองคำอยู่ พวกเหยี่ยวไม่รู้ทางที่จะไปเหมืองพลอยนั้น ส่วนตาของเหยี่ยวดำไม่สามารถมองเห็นมัน พวกสัตว์ป่าไม่เคยเหยียบเส้นทางนั้น สิงโตก็ไม่เคยผ่านที่นั่น คนงานเหมืองแร่ตีหินเหล็กไฟ และพลิกดูพวกภูเขาทั้งหลาย เขาขุดอุโมงค์เข้าไปในหิน และตาของเขาก็เห็นหินล้ำค่าทุกชนิด เขาสำรวจ แถวๆต้นน้ำ และนำสิ่งต่างๆที่ซ่อนเร้นออกมาในที่สว่าง แต่จะพบปัญญาได้ที่ไหน แหล่งของความเข้าใจอยู่ที่ไหนกันเล่า มนุษย์ไม่รู้ทางไปสู่มัน ไม่อาจหามันพบในแผ่นดินของคนเป็น มหาสมุทรพูดว่า ‘มันไม่ได้อยู่ในข้า’ ส่วนทะเลก็กล่าวว่า ‘มันไม่ได้อยู่ในฉัน’ ทองคำก็ไม่อาจซื้อมันได้ จะชั่งเงินไปจ่ายมันก็ไม่ได้ด้วย ทองคำแห่งโอฟีร์ หรือพลอยโมราหรือแม้แต่พลอยสีน้ำเงินเข้มนั้น ก็ไม่อาจเอามาซื้อมันได้ ทองคำและแก้วล้ำค่าไม่อาจมาเปรียบกับมันได้ ภาชนะทองคำบริสุทธิ์ก็ไม่อาจเอามาแลกเปลี่ยนกับมันได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องคุณค่าของปัญญานั้น มันมีค่ามากยิ่งกว่าหินปะการังและแก้วผลึกราคาแพงนั้น และมีค่ามากยิ่งกว่าไข่มุกเสียอีก พลอยเหลืองจากเอธิโอเปียนั้นก็เปรียบกับปัญญาไม่ได้เลย จะเอาทองคำบริสุทธิ์มาซื้อมันก็ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ปัญญานั้นมาจากไหนเล่า แหล่งของความเข้าใจนั้นอยู่ที่ไหน มันซ่อนเร้นจากสายตาของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง รวมทั้งนกในอากาศด้วย ดินแดนแห่งความพินาศและความตายพูดว่า ‘หูของเราได้ยินแต่ข่าวลือเรื่องของปัญญาเท่านั้น’ แต่พระเจ้าเข้าใจทางที่นำไปสู่ปัญญานั้น และพระองค์รู้จักที่อยู่ของมัน เพราะพระองค์สามารถเห็นถึงสุดปลายแผ่นดินโลก พระองค์มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ใต้ฟ้าสวรรค์ พระองค์กำหนดน้ำหนักให้กับลม พระองค์ตวงน้ำด้วยถ้วยตวง เมื่อพระองค์ออกกฎให้ฝน และเตรียมทางให้กับพายุฝนฟ้าคะนอง แล้วพระองค์สังเกตดูปัญญาและประเมินคุณค่ามัน พระองค์ก่อตั้งมันขึ้นและพระองค์ก็ตรวจสอบมัน และพระองค์ก็พูดกับมนุษย์ว่า ‘การยำเกรงองค์เจ้าชีวิตนั่นแหละคือปัญญา และการไม่ยอมทำความชั่วนั่นแหละคือความเข้าใจ’”
โยบ 28:1-28 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
“แน่ละ มีเหมืองสำหรับแร่เงิน และมีที่สำหรับทองคำที่เขาถลุง เหล็กเขาเอามาจากดิน และทองแดงเขาหลอมเอาจากหิน มนุษย์กำจัดความมืด และค้นหาไปยังที่ไกลสุด ค้นแร่ดิบในที่มืดครึ้มและที่มืดทึบ เขาขุดปล่องไกลจากที่คนอาศัย คนสัญจรไปมาลืมเขาแล้ว เขาห้อยโหนแกว่งไกวอยู่ไกลจากผู้คน แผ่นดินนั้นมีอาหารออกมา แต่ข้างใต้ก็สับสนอย่างถูกไฟไหม้ ก้อนหินของที่นั่นเป็นที่อยู่ของไพลิน และมันมีผงทองคำ “เหยี่ยวไม่รู้จักทางนั้น และตาของเหยี่ยวดำก็หาเห็นไม่ สัตว์ป่าที่งามสง่าไม่เหยียบที่นั่น สิงห์ไม่ผ่านไปที่นั่น “เขายื่นมือไปที่หินแข็ง และคว่ำภูเขาลงถึงราก เขาขุดร่องน้ำในศิลา และดวงตาเขาเห็นของล้ำค่าทุกอย่าง เขากั้นตาน้ำไว้ แล้วสิ่งที่ซ่อนเร้นก็ปรากฏแจ้ง “แต่จะพบปัญญาได้ที่ไหน? และความเข้าใจอยู่ที่ไหน? มนุษย์ไม่รู้จักคุณค่าของปัญญา และในแผ่นดินของคนเป็นก็หาไม่พบ ที่ลึกพูดว่า “ที่ข้าไม่มี” และทะเลกล่าวว่า “ไม่อยู่กับข้า” จะเอาทองซื้อก็ไม่ได้ และจะชั่งเงินให้ตามราคาก็ไม่ได้ จะตีราคาเป็นทองคำเมืองโอฟีร์ก็ไม่ได้ หรือเป็นโอนิกซ์ล้ำค่า หรือไพลินก็ไม่ได้ จะเทียบเท่าทองคำและแก้วก็ไม่ได้ หรือจะแลกกับเครื่องทองคำนพคุณก็ไม่ได้ อย่าเอ่ยถึงกัลปังหาและแก้วผลึกเลย ค่าของปัญญาสูงกว่าทับทิม เพอริโดแห่งคูชก็เปรียบกับปัญญาไม่ได้ หรือจะตีราคาเป็นทองคำบริสุทธิ์ก็ไม่ได้ “ดังนั้นปัญญามาจากไหนเล่า? และความเข้าใจอยู่ที่ไหน? เป็นสิ่งที่ซ่อนพ้นดวงตาของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง และปิดบังไว้จากนกบนฟ้า แดนพินาศและมัจจุราชกล่าวว่า ‘เราได้ยินเสียงลือเรื่องปัญญากับหู’ “พระเจ้าทรงทราบทางไปหาปัญญานั้น และทรงทราบที่อยู่ของปัญญาด้วย เพราะพระองค์ทอดพระเนตรไปถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก และทรงเห็นทุกสิ่งใต้ฟ้าสวรรค์ เมื่อพระองค์ประทานแรงแก่ลม และตวงน้ำด้วยเครื่องตวง เมื่อพระองค์ทรงสร้างกฎให้ฝน และสร้างทางไว้ให้แสงแลบของฟ้าผ่า แล้วพระองค์ทอดพระเนตรปัญญาและทรงชันสูตร ทรงสถาปนาไว้และทรงวิจัย และพระองค์ตรัสกับมนุษย์ว่า ‘ดูเถิด ความยำเกรงองค์เจ้านาย นั่นแหละคือปัญญา และการหันเสียจากความชั่วร้าย คือความเข้าใจ’ ”
โยบ 28:1-28 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
“แน่ละ ต้องมีเหมืองสำหรับแร่เงิน และมีที่สำหรับทองคำที่เขาถลุง เขาเอาเหล็กมาจากพื้นดิน และถลุงทองสัมฤทธิ์จากแร่ดิบ มนุษย์กำจัดความมืด และค้นหาไปยังเขตไกลที่สุด ค้นแร่ดิบในที่มืดครึ้มและเงามัจจุราช เขาขุดปล่องไกลจากที่ฝูงคนอาศัยอยู่ คนสัญจรไปมาลืมเขาแล้ว เขาแขวนอยู่แกว่งไปแกว่งมาไกลจากฝูงคน ฝ่ายแผ่นดินนั้นมีอาหารออกมา แต่ภายใต้ก็คว่ำอย่างถูกไฟไหม้ ก้อนหินของที่นั่นเป็นที่อยู่ของพลอยไพทูรย์ และมันมีผงทองคำ ทางนั้นไม่มีเหยี่ยวรู้ และไม่มีตาเหยี่ยวดำมองเห็น ลูกสิงโตไม่เคยเดินที่นั่น สิงโตดุร้ายไม่ผ่านมาที่นั่น คนยื่นมือที่หินแข็ง และทำลายภูเขาลงถึงราก เขาขุดลำรางไว้ในหิน และตาของเขาเห็นของประเสริฐทุกอย่าง เขากันตาน้ำไว้ เพื่อมิให้มีน้ำย้อย และสิ่งที่ปิดบังไว้ เขานำมาให้แจ้ง แต่จะพบพระปัญญาที่ไหน และที่ของความเข้าใจอยู่ที่ไหน มนุษย์ไม่รู้จักค่าของพระปัญญา และในแผ่นดินของคนเป็นก็หาไม่พบ บาดาลพูดว่า ‘ที่ข้าไม่มี’ และทะเลกล่าวว่า ‘ไม่อยู่กับข้า’ จะเอาทองคำซื้อก็ไม่ได้ และจะชั่งเงินให้ตามราคาก็ไม่ได้ จะตีราคาเป็นทองคำโอฟีร์ก็ไม่ได้ หรือเป็นพลอยสีน้ำข้าวประเสริฐหรือพลอยไพทูรย์ก็ไม่ได้ จะเทียบเท่าทองคำและแก้วผลึกก็ไม่ได้ หรือจะแลกกับเครื่องทองคำเนื้อดีก็ไม่ได้ อย่าเอ่ยถึงหินปะการังและไข่มุกเลย ค่าของพระปัญญาสูงกว่ามุกดา บุษราคัมแห่งเมืองเอธิโอเปีย ก็เปรียบกับพระปัญญาไม่ได้ หรือจะตีราคาเป็นทองคำบริสุทธิ์ก็ไม่ได้ ดังนั้นพระปัญญามาจากไหนเล่า และที่ของความเข้าใจอยู่ที่ไหน เป็นสิ่งที่ซ่อนพ้นจากตาของสิ่งที่มีชีวิตทั้งปวง และปิดบังไว้จากนกในอากาศ แดนพินาศและมัจจุราชกล่าวว่า ‘เราได้ยินเสียงลือเรื่องพระปัญญากับหูของเรา’ พระเจ้าทรงทราบทางไปหาพระปัญญานั้น และพระองค์ทรงทราบที่อยู่ของพระปัญญาด้วย เพราะพระองค์ทอดพระเนตรไปถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก และทรงเห็นทุกสิ่งที่ใต้ฟ้าสวรรค์ ในเมื่อพระองค์ทรงกำหนดน้ำหนักให้แก่ลม และทรงกะน้ำด้วยเครื่องตวง เมื่อพระองค์ทรงสร้างกฎให้ฝน และสร้างทางไว้ให้แสงแลบของฟ้าผ่า แล้วพระองค์ทอดพระเนตรพระปัญญาและทรงประกาศ ทรงสถาปนาไว้และทรงวิจัย และพระองค์ตรัสกับมนุษย์ว่า ‘ดูเถิด ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า นั่นแหละคือพระปัญญา และที่จะหันจากความชั่ว คือความเข้าใจ’”
โยบ 28:1-28 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
<<แน่ละ ต้องมีเหมืองสำหรับแร่เงิน และมีที่สำหรับทองคำที่เขาถลุง เขาเอาเหล็กมาจากพื้นดิน และถลุงทองแดงจากแร่ดิบ มนุษย์กำจัดความมืด และค้นหาไปยังเขตไกลที่สุด ค้นแร่ดิบในที่มืดครึ้มและที่มืดทึบ เขาขุดปล่องไกลจากที่ฝูงคนอาศัยอยู่ คนสัญจรไปมาลืมเขาแล้ว เขาแขวนอยู่แกว่งไปแกว่งมาไกลจากฝูงคน ฝ่ายแผ่นดินนั้นมีอาหารออกมา แต่ภายใต้ก็สับสนอย่างถูกไฟไหม้ ก้อนหินของที่นั่นเป็นที่อยู่ของแก้วไพฑูรย์ และมันมีผงทองคำ <<ทางนั้นไม่มีเหยี่ยวรู้ และไม่มีตาเหยี่ยวดำมองเห็น สัตว์ป่าที่สง่าไม่เคยเดินที่นั่น สิงห์ดุร้ายไม่ผ่านมาที่นั่น <<คนยื่นมือที่หินแข็ง และทำลายภูเขาลงถึงราก เขาขุดลำรางไว้ในหิน และตาของเขาเห็นของประเสริฐทุกอย่าง เขากันตาน้ำไว้ เพื่อมิให้มีน้ำย้อย และสิ่งที่ปิดบังไว้ เขานำมาให้แจ้ง <<แต่จะพบพระปัญญาที่ไหน และที่ของความเข้าใจอยู่ที่ไหน มนุษย์ไม่รู้จักค่าของพระปัญญา และในแผ่นดินของคนเป็นก็หาไม่พบ บาดาลพูดว่า <<ที่ข้าไม่มี>> และทะเลกล่าวว่า <<ไม่อยู่กับข้า>> จะเอาทองคำซื้อก็ไม่ได้ และจะชั่งเงินให้ตามราคาก็ไม่ได้ จะตีราคาเป็นทองคำโอฟีร์ก็ไม่ได้ หรือเป็นโกเมนหรือแก้วไพฑูรย์ประเสริฐก็ไม่ได้ จะเทียบเท่าทองคำและแก้วก็ไม่ได้ หรือจะแลกกับเครื่องทองคำนพคุณก็ไม่ได้ อย่าเอ่ยถึงปะการังและแก้วผลึกเลย ค่าของพระปัญญาสูงกว่ามุกดา บุษราคัมน้ำอ่อนแห่งเมืองเอธิโอเปีย ก็เปรียบกับพระปัญญาไม่ได้ หรือจะตีราคาเป็นทองคำบริสุทธิ์ก็ไม่ได้ <<ดังนั้นพระปัญญามาจากไหนเล่า และที่ของความเข้าใจอยู่ที่ไหน เป็นสิ่งที่ซ่อนพ้นจากตาของสิ่งที่มีชีวิตทั้งปวง และปิดบังไว้จากนกในอากาศ แดนพินาศและมัจจุราชกล่าวว่า <เราได้ยินเสียงลือเรื่องพระปัญญากับหูของเรา> <<พระเจ้าทรงทราบทางไปหาพระปัญญานั้น และพระองค์ทรงทราบที่อยู่ของพระปัญญาด้วย เพราะพระองค์ทอดพระเนตรไปถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก และทรงเห็นทุกสิ่งที่ใต้ฟ้าสวรรค์ ในเมื่อพระองค์ทรงกำหนดน้ำหนักให้แก่ลม และทรงกะน้ำด้วยเครื่องตวง เมื่อพระองค์ทรงสร้างกฎให้ฝน และสร้างทางไว้ให้แสงแลบของฟ้าผ่า แล้วพระองค์ทอดพระเนตรพระปัญญาและทรงชันสูตร ทรงสถาปนาไว้และทรงวิจัย และพระองค์ตรัสกับมนุษย์ว่า <ดูเถิด ความยำเกรงพระเจ้า นั่นแหละคือพระปัญญา และที่จะหันจากความชั่ว คือความเข้าใจ> >>
โยบ 28:1-28 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
“มีเหมืองเงิน และแหล่งถลุงทองคำ แร่เหล็กได้มาจากพื้นดิน และทองแดงถลุงมาจากสินแร่ มนุษย์ไล่ความมืดออกไป ค้นหาแหล่งแร่ที่ลึกลับที่สุด ในความมืดทึบ เขาขุดปล่องในที่ห่างไกลจากถิ่นที่ผู้คนอาศัย ในที่ซึ่งเท้าของมนุษย์ไม่ได้เหยียบย่างเข้าไป เขาไต่เชือกและแกว่งตัวไปมาในที่ห่างไกลจากผู้คน แผ่นดินโลกเป็นแหล่งอาหาร แต่เบื้องล่างหลอมตัวราวกับถูกไฟเผา แก้วไพฑูรย์มาจากหินของมัน และที่นั่นก็มีผงทองคำ ไม่มีนกล่าเหยื่อตัวใดรู้เส้นทางที่ซ่อนอยู่นั้น ไม่มีตาของเหยี่ยวตัวใดสังเกตเห็น สัตว์ป่าที่สง่างามไม่ย่างกรายไปที่นั่น ไม่มีราชสีห์ตัวใดผ่านไปที่นั่น มือมนุษย์ทำลายหินที่แข็งแกร่ง และทลายภูเขาลงถึงราก เขาขุดอุโมงค์ทะลุหินผา และตาของเขามองเห็นของมีค่าในนั้น เขาเสาะหาต้นน้ำลำธาร และนำสิ่งที่ซ่อนเร้นมาสู่ความสว่าง “แต่จะพบสติปัญญาได้จากที่ไหน? ความเข้าใจอยู่ที่ไหน? มนุษย์ไม่เข้าใจถึงคุณค่าของสติปัญญา หาไม่พบในดินแดนของผู้มีชีวิต ห้วงลึกกล่าวว่า ‘มันไม่ได้อยู่ในนี้’ ทะเลกล่าวว่า ‘มันไม่ได้อยู่ที่นี่’ เราไม่สามารถซื้อปัญญาด้วยทองเนื้อดีที่สุด หรือตีราคาเป็นเงิน หรือแลกซื้อด้วยทองคำแห่งเมืองโอฟีร์ หรือด้วยโกเมนล้ำค่าหรือไพฑูรย์ ไม่ว่าทองคำหรือแก้วมณีก็ไม่อาจเทียบปัญญาได้ อีกทั้งเพชรพลอยหรือเครื่องทองก็ไม่อาจแลกได้ หินปะการังและแก้วผลึกยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง ค่าของสติปัญญาสูงกว่าทับทิม บุษราคัมแห่งเอธิโอเปียไม่อาจเทียบเคียง แม้แต่ทองคำบริสุทธิ์ก็ไม่อาจแลกซื้อได้ “ถ้าเช่นนั้นสติปัญญามาจากที่ไหน? ความเข้าใจอยู่ที่ไหน? มันถูกซ่อนจากสายตาของทุกชีวิต และถูกปิดบังไว้จากนกในอากาศ หายนะและความตายกล่าวว่า ‘เราเพียงแต่ได้ยินข่าวเล่าลือมา’ พระเจ้าทรงเข้าใจหนทางสู่สติปัญญา และพระองค์เพียงผู้เดียวทรงทราบว่ามันอยู่ที่ไหน เพราะพระองค์ทรงแลเห็นถึงสุดปลายแผ่นดินโลก เห็นทุกสิ่งภายใต้ฟ้าสวรรค์ เมื่อพระเจ้าทรงกำหนดแรงลม และชั่งตวงห้วงน้ำ เมื่อทรงตั้งกฎเกณฑ์ของสายฝน และจัดทางให้แก่พายุฟ้าคำรน แล้วพระองค์ทรงทอดพระเนตรสติปัญญาและทรงประเมินค่า พระองค์ทรงยืนยันและทดสอบ และพระองค์ตรัสแก่มนุษย์ว่า ‘ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าคือสติปัญญา การหลีกหนีจากความชั่วคือความเข้าใจ’ ”
โยบ 28:1-28 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
มีเหมืองเงินอย่างแน่นอน และมีแหล่งทองคำที่คนถลุงให้บริสุทธิ์ ธาตุเหล็กถูกขุดขึ้นมาจากดิน และทองแดงถูกถลุงจากสินแร่ คนส่องไฟในความมืด และค้นหาสินแร่ได้สุดไกลแสนไกล ในที่มืดมนและมืดมิด เขาขุดเหมืองในหุบเขาซึ่งไกลจากที่อยู่อาศัยของผู้คน พวกคนเดินทางไม่ได้คำนึงถึงพวกเขา พวกเขาโหนตัวแกว่งไปมาในอากาศห่างไกลจากผู้คน มีสิ่งที่งอกจากพื้นดินเป็นอาหารได้ แต่ภายใต้ดินดูเหมือนว่าไฟได้ผันเปลี่ยนทุกสิ่ง นิลสีครามหาพบได้ในหิน และพบทองคำคละอยู่กับฝุ่น ไม่มีนกเหยี่ยวตัวใดที่รู้จักทางนั้น และตาของเหยี่ยวนกเขาก็ไม่เคยเห็นเช่นกัน พวกสัตว์ป่าที่หยิ่งยโสไม่เคยเหยียบย่ำที่นั่น สิงโตก็ไม่เคยผ่านไปทางนั้น มนุษย์ขุดหินแกรนิตอันแข็งแกร่ง และขุดภูเขาได้ลึกถึงฐานราก เขาขุดอุโมงค์หิน และเขาได้เห็นสิ่งมีค่าทุกชนิด เขากั้นน้ำไม่ให้ไหลซึม และนำสิ่งที่ซ่อนเร้นออกมาให้คนอื่นเห็น แต่จะพบสติปัญญาได้ที่ไหน และความเข้าใจอยู่ที่ไหน มนุษย์ไม่รู้จักค่าของมัน และหาไม่พบในดินแดนของคนเป็น ห้วงน้ำลึกพูดว่า ‘ไม่อยู่ในที่ฉัน’ และทะเลพูดว่า ‘ไม่ได้อยู่กับฉัน’ สติปัญญาจะซื้อด้วยทองคำบริสุทธิ์ไม่ได้ และจะชั่งเงินเพื่อกำหนดราคาของสติปัญญาก็ไม่ได้ จะตีค่าสติปัญญาเป็นทองคำแห่งโอฟีร์ หรือจะเป็นพลอยหลากสี และนิลสีครามก็ไม่ได้ ทองคำและแก้วใสก็เทียมเท่าไม่ได้ หรือจะแลกเปลี่ยนเป็นภาชนะทองคำเนื้อแท้ก็ไม่ได้ ไม่ต้องเอ่ยถึงกัลปังหาหรือมณีสีเขียวเลย ค่าของสติปัญญาล้ำกว่าไข่มุก เอาบุษราคัมแห่งคูชเทียบเทียมไม่ได้ และตั้งค่าเทียบเท่าทองคำบริสุทธิ์ก็ไม่ได้ ฉะนั้นแล้ว สติปัญญามาจากไหน และความเข้าใจอยู่ที่ไหน สติปัญญาถูกซ่อนเสียจากสายตาของมนุษย์ทุกคน และปิดบังเสียจากนกในอากาศ อาบัดโดนและความตายพูดว่า ‘พวกเราได้ยินเขาพูดกันเรื่องสติปัญญาด้วยหูของเรา’ พระเจ้าทราบทางไปถึงสติปัญญา และพระองค์ทราบว่าอยู่ที่ไหน เพราะพระองค์มองถึงสุดขอบโลก และเห็นทุกสิ่งที่อยู่ใต้ฟ้าสวรรค์ เมื่อพระองค์ตั้งความแรงของลมที่พัด และกำหนดปริมาตรของแหล่งน้ำ เมื่อพระองค์กำหนดกฎเกณฑ์ของฝน และกำหนดทางของฟ้าแลบฟ้าร้อง ฉะนั้น สติปัญญาเป็นที่ประจักษ์แก่พระองค์ และพระองค์ประกาศ พระองค์สร้างสติปัญญา และพระองค์วิจัยมันออกมาอย่างรอบคอบด้วย พระเจ้ากล่าวกับมนุษย์ว่า ‘ดูเถิด ความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า คือสติปัญญา และหลีกเลี่ยงการทำความชั่ว คือความเข้าใจ’”