ยอห์น 8:12-47

ยอห์น 8:12-47 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

พระเยซูตรัสกับพวกเขาอีกครั้งหนึ่งว่า “เราเป็นความสว่างของโลก คนที่ตามเรามาจะไม่ต้องเดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต” พวกฟาริสีจึงกล่าวกับพระองค์ว่า “ท่านเป็นพยานให้ตัวเอง คำพยานของท่านก็ไม่จริง” พระเยซูตรัสตอบว่า “ถึงแม้เราเป็นพยานให้ตัวเราเอง คำพยานของเราก็ยังเป็นจริงอยู่ เพราะเรารู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่ไหน แต่พวกท่านไม่รู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่ไหน พวกท่านพิพากษาตามมาตรฐานโลก เราไม่ได้มาพิพากษาใคร แต่ถึงแม้เราจะพิพากษา การพิพากษาของเราก็ถูกต้อง เพราะเราไม่ได้พิพากษาโดยลำพัง แต่เราพิพากษาร่วมกับพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา ในธรรมบัญญัติของท่านเขียนไว้ว่า คำพยานของคนสองคนย่อมเชื่อถือได้ เราเป็นพยานให้ตัวเราเองและพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาก็เป็นพยานให้เราด้วย” พวกเขาจึงทูลพระองค์ว่า “พระบิดาของท่านอยู่ที่ไหน?” พระเยซูตรัสตอบว่า “พวกท่านไม่รู้จักตัวเราหรือพระบิดาของเรา ถ้าพวกท่านรู้จักเรา พวกท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย” พระเยซูตรัสคำเหล่านี้ที่คลังเงินขณะกำลังสั่งสอนอยู่ที่บริเวณพระวิหาร แต่ไม่มีใครจับกุมพระองค์เพราะว่ายังไม่ถึงกำหนดเวลาของพระองค์ พระองค์ตรัสกับพวกเขาอีกว่า “เราจะจากไป และพวกท่านจะแสวงหาเราและจะตายในการบาปของตัวเอง ที่ที่เราจะไปนั้นท่านไปไม่ได้” พวกยิวจึงพูดกันว่า “เขาจะฆ่าตัวตายหรือ? เพราะเขาพูดว่า ‘ที่ที่เราจะไปนั้นพวกท่านไปไม่ได้’” พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านเป็นของเบื้องล่าง เราเป็นของเบื้องบน ท่านเป็นของโลกนี้ เราไม่ได้เป็นของโลกนี้ เราบอกพวกท่านว่า ท่านจะตายในการบาปของตัวเอง เพราะว่าถ้าพวกท่านไม่เชื่อว่าเราเป็นผู้นั้น ท่านก็จะต้องตายในการบาปของตัว” เขาถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นใคร?” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นอย่างที่เราบอกพวกท่านตั้งแต่แรกแล้ว เรายังมีอีกหลายเรื่องที่อาจพูดและพิพากษาเกี่ยวกับท่าน แต่ผู้ที่ทรงใช้เรามานั้นสัตย์จริง และเราก็กล่าวต่อโลกในสิ่งที่เราได้ยินจากพระองค์” พวกเขาไม่ทราบว่าพระองค์ตรัสเรื่องพระบิดา พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เมื่อพวกท่านยกบุตรมนุษย์ขึ้น ท่านก็จะรู้ว่าเราเป็นผู้นั้น และรู้ว่าเราไม่ได้ทำอะไรตามใจชอบ พระบิดาทรงสอนเราอย่างไร เราก็กล่าวอย่างนั้น และพระองค์ผู้ทรงใช้เรามาก็สถิตอยู่กับเรา พระองค์ไม่ได้ทรงทิ้งเราไว้ตามลำพัง เพราะว่าเราทำตามชอบพระทัยพระองค์เสมอ” เมื่อพระเยซูตรัสอย่างนี้ก็มีคนจำนวนมากวางใจในพระองค์ พระเยซูจึงตรัสกับพวกยิวที่วางใจในพระองค์ว่า “ถ้าพวกท่านยึดมั่นในคำสอนของเรา ท่านก็เป็นสาวกของเราอย่างแท้จริง และพวกท่านจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านเป็นไท” พวกเขาทูลตอบพระองค์ว่า “เราสืบเชื้อสายมาจากอับราฮัม และไม่เคยเป็นทาสใครเลย ทำไมท่านถึงกล่าวว่าเราจะเป็นไท?” พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ทุกคนที่ทำบาปก็เป็นทาสของบาป ทาสอยู่ในบ้านเพียงชั่วคราว บุตรต่างหากที่อยู่ตลอดไป เพราะฉะนั้นถ้าพระบุตรทรงทำให้พวกท่านเป็นไท ท่านก็เป็นไทจริงๆ เรารู้ว่าพวกท่านเป็นเชื้อสายของอับราฮัม แต่ท่านก็หาโอกาสฆ่าเรา เพราะไม่เชื่อคำสอนของเรา เราพูดถึงสิ่งที่เราเห็นเมื่ออยู่กับพระบิดา และพวกท่านทำในสิ่งที่ท่านได้ยินมาจากพ่อของท่าน” พวกเขาทูลตอบพระองค์ว่า “อับราฮัมเป็นบิดาของเรา” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ถ้าพวกท่านเป็นลูกของอับราฮัมแล้ว ท่านก็จะทำในสิ่งที่อับราฮัมทำ แต่เดี๋ยวนี้พวกท่านหาโอกาสฆ่าเราซึ่งเป็นผู้บอกท่านถึงสัจจะที่เราได้ยินมาจากพระเจ้า อับราฮัมไม่ได้ทำอย่างนี้ พวกท่านทำสิ่งที่พ่อของท่านทำ” เขาทูลพระองค์ว่า “เราไม่ได้เกิดจากการล่วงประเวณี เรามีพระบิดาองค์เดียวคือพระเจ้า” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ถ้าพระเจ้าเป็นพระบิดาของพวกท่านแล้ว ท่านก็จะรักเรา เพราะเรามาจากพระเจ้าและอยู่นี่แล้ว เราไม่ได้มาตามใจชอบของเราเอง แต่พระองค์ทรงใช้เรามา ทำไมพวกท่านถึงไม่เข้าใจถ้อยคำที่เราพูด? นี่เป็นเพราะท่านทนฟังคำสอนของเราไม่ได้ พวกท่านมาจากพ่อของท่านคือมาร และท่านอยากจะทำตามความปรารถนาของพ่อ มันเป็นฆาตกรตั้งแต่เริ่มแรกและไม่ได้ตั้งอยู่ในสัจจะ เพราะมันไม่มีสัจจะ เมื่อมันพูดเท็จมันก็พูดตามสันดานของมันเอง เพราะมันเป็นผู้มุสา และเป็นพ่อของการมุสา แต่พวกท่านไม่เชื่อเราเพราะเราพูดความจริง มีใครในพวกท่านที่อาจชี้ให้เห็นว่าเรามีบาป? ถ้าเราพูดความจริง ทำไมท่านถึงไม่เชื่อเรา? คนที่มาจากพระเจ้าก็ย่อมฟังพระดำรัสของพระเจ้า พวกท่านไม่ได้มาจากพระเจ้า เพราะเหตุนี้พวกท่านจึงไม่ฟัง”

แบ่งปัน
อ่าน ยอห์น 8

ยอห์น 8:12-47 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

เมื่อพระเยซูตรัสกับประชาชนอีก พระองค์ตรัสว่า “เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืดเลยแต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต” พวกฟาริสีจึงท้าทายพระองค์ว่า “นั่นไง ท่านเป็นพยานให้ตัวเอง คำพยานของท่านเชื่อถือไม่ได้” พระเยซูตรัสตอบว่า “แม้เราเป็นพยานให้ตัวเอง คำพยานของเราก็เชื่อถือได้ เพราะเรารู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปไหน แต่พวกท่านไม่รู้เลยว่าเรามาจากไหนหรือจะไปไหน ท่านตัดสินตามมาตรฐานของมนุษย์ ส่วนเราไม่ตัดสินใคร แต่ถ้าเราตัดสิน คำตัดสินของเราก็ถูกต้องเพราะเราไม่ได้ทำไปโดยลำพัง พระบิดาผู้ทรงส่งเรามาสถิตกับเรา ในหนังสือบทบัญญัติของท่านเองก็เขียนไว้ว่าคำพยานของคนสองคนเชื่อถือได้ เราเป็นพยานให้ตัวเอง และพยานอีกผู้หนึ่งของเราคือพระบิดาผู้ทรงส่งเรามา” พวกเขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “บิดาของท่านอยู่ที่ไหน?” พระเยซูตรัสว่า “ท่านไม่รู้จักเราหรือพระบิดาของเรา ถ้าท่านรู้จักเรา ท่านย่อมรู้จักพระบิดาของเราด้วย” พระเยซูตรัสดังนี้ขณะทรงสอนอยู่ในบริเวณพระวิหารใกล้กับที่วางของถวาย แต่ก็ไม่มีใครจับพระองค์เพราะยังไม่ถึงเวลาของพระองค์ พระเยซูตรัสกับพวกเขาอีกครั้งหนึ่งว่า “เรากำลังจะไป พวกท่านจะหาเรา และพวกท่านจะตายในบาปของพวกท่าน ที่ซึ่งเราไปนั้นพวกท่านไม่สามารถไปได้” คำตรัสนี้ทำให้พวกยิวถามกันว่า “เขาจะฆ่าตัวตายหรือ? เพราะเหตุนั้นใช่ไหมเขาจึงพูดว่า ‘ที่ซึ่งเราไปนั้นพวกท่านไม่สามารถไปได้’?” แต่พระองค์ตรัสต่อไปว่า “พวกท่านมาจากเบื้องล่าง เรามาจากเบื้องบน ท่านเป็นของโลกนี้ เราไม่ได้เป็นของโลกนี้ เราบอกแล้วว่าท่านจะตายในบาปของท่าน ถ้าท่านไม่เชื่อว่าเราเป็นผู้นั้น ท่านจะตายในบาปของท่านอย่างแน่นอน” พวกเขาทูลถามว่า “ท่านเป็นใคร?” พระเยซูตรัสตอบว่า “ก็อย่างที่เราอ้างมาโดยตลอด เรามีหลายอย่างที่จะพูดในการตัดสินท่าน แต่พระองค์ผู้ทรงส่งเรามานั้นเชื่อถือได้ และสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระองค์นั้นเราก็แจ้งแก่โลก” พวกเขาไม่เข้าใจที่พระองค์กำลังบอกพวกเขา เกี่ยวกับพระบิดาของพระองค์ ดังนั้นพระเยซูจึงตรัสว่า “เมื่อท่านยกบุตรมนุษย์ขึ้นตรึงบนไม้กางเขนแล้ว แล้วท่านจะรู้ว่าเราเป็นผู้ที่เราอ้างว่าเราเป็น และเราไม่ได้ทำอะไรโดยลำพังแต่พูดตามที่พระบิดาได้ทรงสอนไว้ พระองค์ผู้ทรงส่งเรามาสถิตกับเรา พระองค์ไม่ได้ทรงทิ้งเราไว้ตามลำพังเพราะเราทำสิ่งที่พระองค์พอพระทัยเสมอ” เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้ หลายคนก็มีความเชื่อในพระองค์ พระเยซูตรัสกับชาวยิวที่ได้เชื่อพระองค์ว่า “ถ้าท่านยึดมั่นในคำสอนของเรา ท่านก็เป็นสาวกของเราจริงๆ แล้วท่านจะรู้จักความจริงและความจริงจะทำให้ท่านเป็นไท” พวกเขาตอบว่า “เราเป็นลูกหลานของอับราฮัมไม่เคยเป็นทาสใคร ท่านพูดมาได้อย่างไรว่าเราจะเป็นไท?” พระเยซูตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าทุกคนที่ทำบาปก็เป็นทาสของบาป ทาสไม่ได้อยู่ในครอบครัวตลอดไปแต่บุตรต่างหากที่เป็นของครอบครัวตลอดไป ฉะนั้นหากพระบุตรช่วยให้ท่านเป็นไท ท่านก็จะเป็นไทอย่างแท้จริง เรารู้ว่าท่านเป็นลูกหลานของอับราฮัม กระนั้นท่านก็พร้อมที่จะฆ่าเราเพราะท่านไม่เชื่อคำพูดของเราเลย เรากำลังบอกท่านถึงสิ่งที่เราได้เห็นเมื่ออยู่กับพระบิดา และท่านก็ทำสิ่งที่ท่านได้ยินจากบิดาของท่าน” พวกเขาทูลตอบว่า “อับราฮัมคือบิดาของเรา” พระเยซูตรัสว่า “ถ้าท่านเป็นลูกหลานของอับราฮัม ท่านคงจะทำสิ่งที่อับราฮัมได้ทำ แต่นี่ท่านตั้งใจแน่วแน่จะฆ่าเราผู้บอกความจริงซึ่งเราได้ยินจากพระเจ้าแก่ท่าน อับราฮัมไม่ทำเช่นนี้ ท่านกำลังทำสิ่งที่บิดาของท่านเองทำ” พวกเขาคัดค้านว่า “เราไม่ใช่ลูกนอกสมรส เรามีพระบิดาองค์เดียวคือพระเจ้าเท่านั้น” พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “หากพระเจ้าเป็นพระบิดาของท่าน ท่านก็คงจะรักเราเพราะเรามาจากพระเจ้าและบัดนี้เราอยู่ที่นี่แล้ว เราไม่ได้มาเองแต่พระองค์ทรงส่งเรามา ทำไมท่านจึงไม่เข้าใจคำพูดของเรา? ก็เพราะท่านไม่สามารถรับฟังสิ่งที่เราพูด ท่านเป็นของมารผู้เป็นบิดาของท่านและท่านต้องการทำตามความประสงค์ของบิดาของท่าน มารเป็นผู้ฆ่าคนมาตั้งแต่แรก มันไม่ได้ยึดมั่นในความจริงเพราะไม่มีความจริงอยู่ในมาร เมื่อพูดโกหกมันก็พูดตามสันดานของมันเพราะมารเป็นผู้มุสาและเป็นบิดาแห่งคำมุสา แต่เพราะเราพูดความจริง ท่านจึงไม่เชื่อเรา! มีใครในพวกท่านที่พิสูจน์ได้ว่าเราทำผิดบาป? ถ้าเราพูดความจริงทำไมท่านจึงไม่เชื่อเรา? ผู้ที่เป็นคนของพระเจ้าย่อมรับฟังสิ่งที่พระเจ้าตรัส เหตุที่พวกท่านไม่ยอมรับฟังก็เพราะพวกท่านไม่ได้เป็นของพระเจ้า”

แบ่งปัน
อ่าน ยอห์น 8

ยอห์น 8:12-47 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

แล้ว​พระเยซู​ก็​พูด​กับ​พวก​ที่​ชุมนุม​อยู่​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ว่า “เรา​เป็น​ความสว่าง​ของ​โลก คน​ที่​ติดตาม​เรา​มา​จะ​ไม่​เดิน​อยู่​ใน​ความมืด แต่​จะ​มี​ความสว่าง​ที่​นำ​ไป​สู่​ชีวิต” ดังนั้น​พวก​ฟาริสี​จึง​พูด​กับ​พระองค์​ว่า “แก​พูด​เอง​เออ​เอง คำ​พยาน​ของ​แก​เชื่อ​ถือ​ไม่​ได้​หรอก” พระเยซู​ตอบ​ว่า “ถึง​แม้ว่า​เรา​จะ​เป็น​พยาน​ให้​กับ​ตัวเอง สิ่ง​ที่​เรา​พูด​ก็​เป็น​ความจริง เพราะ​เรา​รู้​ว่า​ตัว​เรา​เอง​มา​จาก​ไหน​และ​กำลัง​จะ​ไป​ไหน แต่​พวก​คุณ​ไม่​รู้​ว่า​เรา​มา​จาก​ไหน​หรือ​กำลัง​จะ​ไป​ไหน คุณ​ตัดสิน​เรา​ตาม​วิธี​ของ​มนุษย์ เรา​ไม่​ได้​ตัดสิน​ใคร​แบบ​นั้น แต่​ถ้า​เรา​จะ​ตัดสิน คำตัดสิน​ของ​เรา​ก็​ถูกต้อง​เพราะ​เรา​ไม่​ได้​ตัดสิน​คน​เดียว แต่​เรา​ตัดสิน​ร่วม​กับ​พระบิดา​ผู้​ส่ง​เรา​มา ใน​กฎปฏิบัติ​ของ​คุณ​บอก​ว่า ถ้า​มี​พยาน​สอง​คน​พูด​ตรง​กัน​ก็​ถือ​ว่า​เป็น​ความจริง เรา​เป็น​พยาน​ให้​กับ​ตัวเอง และ​พระบิดา​ที่​ส่ง​เรา​มา​ก็​เป็น​พยาน​ให้​กับ​เรา​อีก​ผู้​หนึ่ง” พวก​เขา​จึง​ถาม​ว่า “แล้ว​ไหน​ล่ะ​พ่อ​ของ​แก​ที่​แก​พูด​ถึง” พระเยซู​ตอบ​ว่า “พวก​คุณ​ไม่​รู้จัก​เรา​หรือ​พระบิดา​ของ​เรา​หรอก เพราะ​ถ้า​คุณ​รู้จัก​เรา คุณ​ก็​จะ​รู้จัก​พระบิดา​ของ​เรา​ด้วย” ตอน​ที่​พระเยซู​พูด​เรื่องนี้ พระองค์​กำลัง​สอน​อยู่​ใน​ห้อง​ที่​เขา​ใช้​ตั้ง​ตู้บริจาค​ใน​บริเวณ​วิหาร ไม่​มี​ใคร​มา​จับกุม​พระองค์​เพราะ​ยัง​ไม่​ถึง​กำหนด​เวลา​ของ​พระองค์ พระเยซู​พูด​กับ​พวก​ประชาชน​อีก​ว่า “พวก​คุณ​จะ​ตาม​หา​เรา แต่​จะ​ตาย​อยู่​ใน​ความบาป​ของ​ตัวเอง ที่​ซึ่ง​เรา​กำลัง​จะ​ไป​นั้น​พวก​คุณ​ไป​ไม่​ได้” พวก​ผู้นำ​ชาวยิว​จึง​ถาม​กัน​ว่า “มัน​กำลัง​จะ​ฆ่า​ตัวตาย​หรือ​ยังไง​ถึง​พูด​ว่า ‘ที่​ซึ่ง​เรา​จะ​ไป​นั้น พวก​คุณ​ไป​ไม่​ได้’” พระเยซู​พูด​ว่า “พวก​คุณ​มา​จาก​โลก​ข้าง​ล่าง แต่​เรา​มา​จาก​ข้าง​บน พวก​คุณ​เป็น​ของ​โลกนี้ แต่​เรา​ไม่​ได้​เป็น​ของ​โลกนี้ เรา​ถึง​ได้​บอก​ว่า พวก​คุณ​จะ​ตาย​อยู่​ใน​ความบาป​ของ​ตัวเอง ใช่​แล้ว ถ้า​คุณ​ไม่​เชื่อ​ว่า​เรา​เป็น​คนๆ​นั้น​ที่​เรา​บอก​ว่า​เรา​เป็น คุณ​ก็​จะ​ตาย​อยู่​ใน​ความบาป” พวกยิว​ถาม​พระองค์​ว่า “แล้ว​แก​เป็น​ใคร​ล่ะ” พระเยซู​ตอบ​ว่า “เรา​เป็น​คนๆ​นั้น​ที่​เรา​ได้​บอก​พวก​คุณ​ตั้งแต่​แรก​แล้ว​ว่า​เรา​เป็น ความจริง​แล้ว​เรา​มี​หลาย​เรื่อง​ที่​จะ​ต่อว่า​พวก​คุณ แต่​เรา​จะ​พูด​เฉพาะ​เรื่อง​ที่​เรา​ได้ยิน​มา​จาก​พระองค์​ผู้ที่​ส่ง​เรา​มา​เท่านั้น และ​พระองค์​ก็​พูด​ความจริง” (พวก​เขา​ไม่​รู้​ว่า​พระเยซู​กำลัง​พูด​ถึง​พระบิดา) ดังนั้น​พระเยซู​จึง​พูด​ว่า “เมื่อ​พวก​คุณ​ยก​บุตร​มนุษย์​ขึ้น คุณ​ก็​จะ​ได้​รู้​ว่า​เรา​เป็น​คนๆ​นั้น​ที่​เรา​บอก​ว่า​เรา​เป็น เรา​ไม่​ได้​ทำ​อะไร​ตามใจ​ของ​ตัวเอง แต่​เรา​พูด​เฉพาะ​สิ่งเหล่า​นั้น​ที่​พระบิดา​ได้​สอน​เรา​มา พระองค์​ผู้​ส่ง​เรา​มา​ก็​อยู่​กับ​เรา พระองค์​ไม่​เคย​ทิ้ง​เรา​ไว้​ให้​อยู่​คน​เดียว เพราะ​เรา​ทำ​ตามใจ​พระองค์​เสมอ” เมื่อ​พระเยซู​พูด​อย่างนี้​ก็​มี​หลาย​คน​ไว้วางใจ​พระองค์ ดังนั้น​พระเยซู​จึง​พูด​กับ​ชาวยิว​ที่​ไว้วางใจ​ใน​พระองค์​ว่า “ถ้า​พวก​คุณ​ยัง​คง​ทำ​ตาม​คำ​สั่งสอน​ของ​เรา พวก​คุณ​ก็​เป็น​ศิษย์​ของ​เรา​จริงๆ พวก​คุณ​จะ​รู้จัก​ความจริง​และ​ความจริง​จะ​ทำ​ให้​พวกคุณ​เป็น​อิสระ” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “พวก​เรา​เป็น​ลูกหลาน​ของ​อับราฮัม และ​ไม่​เคย​เป็น​ทาส​ใคร ทำไม​อาจารย์​ถึง​พูด​ว่า ‘พวกคุณ​จะ​ถูก​ปลดปล่อย​ให้​เป็น​อิสระ’” พระเยซู​ตอบ​ว่า “เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​นะ​ว่า​จริงๆ​แล้ว​คน​ที่​ยัง​ทำ​บาป​อยู่​ก็​เป็น​ทาส​ของ​ความบาป ทาส​ไม่​ใช่​คน​ใน​ครอบครัว แต่​ลูก​เป็น​คน​ใน​ครอบครัว​ตลอด​ไป ดังนั้น​ถ้า​พระบุตร​ปลดปล่อย​ให้​คุณ​เป็น​อิสระ คุณ​ก็​จะ​เป็น​อิสระ​จริงๆ เรา​ก็​รู้​อยู่​แล้ว​ว่า​พวก​คุณ​เป็น​ลูกหลาน​ของ​อับราฮัม แต่​พวก​คุณ​พยายาม​จะ​ฆ่า​เรา เพราะ​ว่า​คุณ​ไม่​ทำ​ตาม​คำ​สั่งสอน​ของ​เรา เรา​ได้​บอก​คุณ​ถึง​สิ่ง​ที่​เรา​ได้​เห็น​จาก​พระบิดา​ของ​เรา แต่​พวก​คุณ​กลับ​ไป​ทำ​ตาม​สิ่ง​ที่​คุณ​ได้ยิน​จาก​พ่อ​ของ​คุณ​เอง” พวก​เขา​พูด​ว่า “อับราฮัม​เป็น​พ่อ​ของ​พวก​เรา​นะ” พระเยซู​จึง​พูด​ว่า “ถ้า​พวก​คุณ​เป็น​ลูกหลาน​ของ​อับราฮัม​จริง คุณ​จะ​ต้อง​ทำ​ตาม​ที่​อับราฮัม​ทำ เรา​ได้​เอา​ความจริง​ที่​ได้ยิน​จาก​พระเจ้า​มา​บอก​พวกคุณ แต่​คุณ​กลับ​จะ​ฆ่า​เรา อับราฮัม​ไม่​เคย​ทำ​อย่างนี้​เลย แต่​คุณ​ทำ​ตาม​ที่​พ่อ​ของ​คุณ​ทำ” พวก​ยิว​จึง​พูด​กับ​พระเยซู​ว่า “พวก​เรา​ไม่​ได้​เป็น​ลูก​ชู้ พระเจ้า​เท่านั้น​คือ​พ่อ​ที่​แท้จริง​ของ​เรา” พระเยซู​พูด​ว่า “ถ้า​พระเจ้า​เป็น​พ่อ​ของ​พวก​คุณ​จริงๆ​พวก​คุณ​ก็​คง​รัก​เรา​แล้ว เพราะ​เรา​มา​จาก​พระเจ้า ที่​เรา​อยู่​ที่​นี่​ก็​เพราะ​พระเจ้า​ส่ง​มา เรา​ไม่​ได้​เป็น​คน​ตัดสินใจ​เอง ที่​พวก​คุณ​ไม่​เข้าใจ​เรื่อง​ที่​เรา​พูด​ก็​เพราะ​คุณ​ทน​ฟัง​ไม่​ได้ พวก​คุณ​มา​จาก​พ่อ​ของ​คุณ​ที่​เป็น​มารร้าย และ​พวก​คุณ​ก็​อยาก​จะ​ทำ​ตามใจ​พ่อ​ของ​คุณ มัน​เป็น​นัก​ฆ่า​คน​มา​ตั้งแต่​แรก​แล้ว และ​มัน​ก็​ไม่​เคย​อยู่​ฝ่าย​ความจริง​เลย เพราะ​มัน​ไม่​มี​ความจริง​ใน​ตัวเอง มัน​พูด​โกหก​ตาม​สันดาน​ของ​มัน เพราะ​มัน​เป็น​นักโกหก และ​เป็น​พ่อ​ของ​การโกหก เมื่อ​เรา​พูด​ความจริง พวก​คุณ​ก็​เลย​ไม่​เชื่อ​เรา มี​ใคร​บ้าง​ใน​พวก​คุณ​ที่​พิสูจน์​ได้​ว่า​เรา​ทำ​บาป แล้ว​ทำไม​ถึง​ไม่​ยอม​เชื่อ​เรา​เมื่อ​เรา​พูด​ความจริง คน​ของ​พระเจ้า​จะ​ฟัง​คำพูด​ของ​พระเจ้า แต่​ที่​พวกคุณ​ไม่​ยอม​ฟัง​เรา ก็​เพราะ​คุณ​ไม่​ได้​เป็น​คน​ของ​พระเจ้า”

แบ่งปัน
อ่าน ยอห์น 8

ยอห์น 8:12-47 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

อี​กครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เราเป็นความสว่างของโลก ผู้​ที่​ตามเรามาจะไม่เดินในความมืด แต่​จะมีความสว่างแห่งชีวิต” พวกฟาริ​สี​จึงกล่าวกับพระองค์​ว่า “ท่านเป็นพยานให้​แก่​ตัวเอง คำพยานของท่านไม่เป็นความจริง” พระเยซู​ตรัสตอบเขาว่า “​แม้​เราเป็นพยานให้​แก่​ตัวเราเอง คำพยานของเราก็เป็นความจริง เพราะเรารู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่​ไหน แต่​พวกท่านไม่​รู้​ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่​ไหน ท่านทั้งหลายย่อมพิพากษาตามเนื้อหนัง เรามิ​ได้​พิพากษาผู้​ใด แต่​ถึงแม้​ว่าเราจะพิพากษา การพิพากษาของเราก็​ถูกต้อง เพราะเรามิ​ได้​พิพากษาโดยลำพัง แต่​เราพิพากษาร่วมกับพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา ในพระราชบัญญั​ติ​ของท่านก็​มี​คำเขียนไว้​ว่า ‘คำพยานของสองคนก็เป็นความจริง’ เราเป็นพยานให้​แก่​ตัวเราเองและพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาก็เป็นพยานให้​แก่​เรา​” เหตุ​ฉะนั้นเขาจึงทูลพระองค์​ว่า “พระบิดาของท่านอยู่​ที่ไหน​” พระเยซู​ตรัสตอบว่า “ตัวเราก็​ดี พระบิดาของเราก็​ดี ท่านทั้งหลายไม่​รู้จัก ถ้าท่านรู้จักเรา ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย” พระเยซู​ตรัสคำเหล่านี้​ที่​คลังเงิน เมื่อกำลังทรงสั่งสอนอยู่ในพระวิ​หาร แต่​ไม่มี​ผู้​ใดจั​บก​ุมพระองค์ เพราะว่ายังไม่ถึงกำหนดเวลาของพระองค์ พระเยซู​จึงตรัสกับเขาอี​กว่า “เราจะจากไป และท่านทั้งหลายจะแสวงหาเรา และจะตายในการบาปของท่าน ที่​ซึ่งเราจะไปนั้นท่านทั้งหลายจะไปไม่​ได้​” พวกยิวจึงพู​ดก​ั​นว​่า “เขาจะฆ่าตัวตายหรือ เพราะเขาพูดว่า ‘​ที่​ซึ่งเราจะไปนั้นท่านทั้งหลายจะไปไม่​ได้​’ ” พระองค์​ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายมาจากเบื้องล่าง เรามาจากเบื้องบน ท่านเป็นของโลกนี้ เราไม่​ได้​เป็นของโลกนี้ เราจึงบอกท่านทั้งหลายว่า ท่านจะตายในการบาปของท่าน เพราะว่าถ้าท่านมิ​ได้​เชื่อว่าเราเป็นผู้​นั้น ท่านจะต้องตายในการบาปของตัว” เขาจึงถามพระองค์​ว่า “ท่านคือใครเล่า” พระเยซู​ตรัสกับเขาว่า “เราเป็นดังที่เราได้บอกท่านทั้งหลายแต่แรกนั้น เราก็ยั​งม​ีเรื่องอีกมากที่จะพูดและพิพากษาท่าน แต่​พระองค์​ผู้​ทรงใช้เรามานั้นทรงเป็นสัตย์​จริง และสิ่งที่เราได้ยินจากพระองค์ เรากล่าวแก่​โลก​” เขาทั้งหลายไม่​เข​้าใจว่าพระองค์ตรัสกับเขาถึงเรื่องพระบิดา พระเยซู​จึงตรัสกับเขาว่า “เมื่อท่านทั้งหลายจะได้ยกบุตรมนุษย์ขึ้นไว้​แล้ว เมื่อนั้นท่านก็จะรู้ว่าเราคือผู้​นั้น และรู้ว่าเรามิ​ได้​ทำสิ่งใดตามใจชอบ แต่​พระบิดาของเราได้ทรงสอนเราอย่างไร เราจึงกล่าวอย่างนั้น และพระองค์​ผู้​ทรงใช้เรามาก็ทรงสถิตอยู่กับเรา พระบิ​ดาม​ิ​ได้​ทรงทิ้งเราไว้​ตามลำพัง เพราะว่าเราทำตามชอบพระทัยพระองค์​เสมอ​” เมื่อพระองค์ตรั​สด​ังนี้​ก็​มี​คนเป็​นอ​ันมากเชื่อในพระองค์ พระเยซู​จึงตรัสกับพวกยิ​วท​ี่เชื่อในพระองค์​แล​้​วว​่า “ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในคำของเรา ท่านก็เป็นสาวกของเราอย่างแท้​จริง และท่านทั้งหลายจะรู้จักความจริง และความจริงนั้นจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไทย” เขาทั้งหลายทูลตอบพระองค์​ว่า “เราสืบเชื้อสายมาจากอับราฮัมและไม่เคยเป็นทาสใครเลย เหตุ​ไฉนท่านจึงกล่าวว่า ‘ท่านทั้งหลายจะเป็นไทย’ ” พระเยซู​ตรัสตอบเขาทั้งหลายว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ผู้​ใดที่ทำบาปก็เป็นทาสของบาป ทาสนั้​นม​ิ​ได้​อยู่​ในครัวเรือนตลอดไป พระบุตรต่างหากอยู่​ตลอดไป เหตุ​ฉะนั้นถ้าพระบุตรจะทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไทย ท่านก็จะเป็นไทยจริงๆ เรารู้ว่าท่านทั้งหลายเป็นเชื้อสายของอับราฮัม แต่​ท่านก็หาโอกาสที่จะฆ่าเราเสีย เพราะคำของเราไม่​มี​โอกาสเข้าสู่ใจของท่าน เราพูดสิ่งที่เราได้​เห​็นจากพระบิดาของเรา และท่านทำสิ่งที่ท่านได้​เห​็นจากพ่อของท่าน” เขาทั้งหลายจึงทูลตอบพระองค์​ว่า “อับราฮัมเป็นบิดาของเรา” พระเยซู​ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “ถ้าท่านทั้งหลายเป็นบุตรของอับราฮัมแล้ว ท่านก็จะทำสิ่งที่อับราฮัมได้​กระทำ แต่​บัดนี้​ท่านทั้งหลายหาโอกาสที่จะฆ่าเรา ซึ่งเป็นผู้​ที่​ได้​บอกท่านถึงความจริงที่เราได้ยินมาจากพระเจ้า อับราฮัมมิ​ได้​กระทำอย่างนี้ ท่านทั้งหลายย่อมทำสิ่งที่พ่อของท่านทำ” เขาจึงทูลพระองค์​ว่า “เรามิ​ได้​เก​ิดจากการล่วงประเวณี เรามีพระบิดาองค์เดียวคือพระเจ้า” พระเยซู​ตรัสกับเขาว่า “ถ้าพระเจ้าเป็นพระบิดาของท่านแล้ว ท่านก็จะรักเรา เพราะเรามาจากพระเจ้าและอยู่​นี่​แล้ว เรามิ​ได้​มาตามใจชอบของเราเอง แต่​พระองค์​นั้นทรงใช้เรามา เหตุ​ไฉนท่านจึงไม่​เข​้าใจถ้อยคำที่เราพูด นั่นเป็นเพราะท่านทนฟังคำของเราไม่​ได้ ท่านทั้งหลายมาจากพ่อของท่านคือพญามาร และท่านใคร่จะทำตามความปรารถนาของพ่อท่าน มันเป็นฆาตกรตั้งแต่เดิมมา และมิ​ได้​ตั้งอยู่​ในความจริง เพราะความจริ​งม​ิ​ได้​อยู่​ในมัน เมื่​อม​ันพู​ดม​ุ​สาม​ั​นก​็​พู​ดตามสันดานของมันเอง เพราะมันเป็นผู้​มุสา และเป็นพ่อของการมุสา แต่​ท่านทั้งหลายมิ​ได้​เชื่อเรา เพราะเราพูดความจริง มี​ผู้​ใดในพวกท่านหรือที่​ชี้​ให้​เห​็​นว​่าเราได้​ทำบาป และถ้าเราพูดความจริง ทำไมท่านจึงไม่เชื่อเรา ผู้​ที่​มาจากพระเจ้าก็ย่อมฟังพระวจนะของพระเจ้า เหตุ​ฉะนั้นท่านจึงไม่​ฟัง เพราะท่านทั้งหลายมิ​ได้​มาจากพระเจ้า”

แบ่งปัน
อ่าน ยอห์น 8

ยอห์น 8:12-47 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

อีกครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า <<เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต>> พวกฟาริสีจึงกล่าวกับพระองค์ว่า <<ท่านเป็นพยานให้แก่ตัวเอง คำพยานของท่านไม่เป็นความจริง>> พระเยซูตรัสตอบว่า <<แม้เราเป็นพยานให้แก่ตัวเราเอง คำพยานของเราก็เป็นความจริง เพราะเรารู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่ไหน แต่พวกท่านไม่รู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่ไหน ท่านทั้งหลายย่อมพิพากษาตามทางโลก เรามิได้พิพากษาผู้ใด แต่ถึงแม้ว่าเราจะพิพากษา การพิพากษาของเราก็ถูกต้อง เพราะเรามิได้พิพากษาโดยลำพัง แต่เราพิพากษาร่วมกับพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา ในธรรมบัญญัติของท่านก็มีคำเขียนไว้ว่า คำพยานของสองคนก็เป็นที่เชื่อถือได้ เราเป็นพยานให้แก่ตัวเราเอง และพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาก็เป็นพยานให้แก่เราด้วย>> เหตุฉะนั้นเขาจึงทูลพระองค์ว่า <<พระบิดาของท่านอยู่ที่ไหน>> พระเยซูตรัสตอบว่า <<ตัวเราก็ดี พระบิดาของเราก็ดี ท่านทั้งหลายไม่รู้จัก ถ้าท่านรู้จักเรา ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย>> พระเยซูตรัสคำเหล่านี้ที่คลังเงิน เมื่อกำลังสั่งสอนอยู่ในบริเวณพระวิหาร แต่ไม่มีผู้ใดจับกุมพระองค์ เพราะว่ายังไม่ถึงกำหนดเวลาของพระองค์ พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า <<เราจะจากไป และท่านทั้งหลายจะแสวงหาเรา และจะตายเพราะบาปของท่าน ที่ซึ่งเราจะไปนั้นท่านทั้งหลายจะไปไม่ได้>> พวกยิวจึงพูดกันว่า <<เขาจะฆ่าตัวตายหรือ เพราะเขาพูดว่า <ที่ซึ่งเราจะไปนั้นท่านทั้งหลายจะไปไม่ได้> >> พระองค์ตรัสกับเขาว่า <<ท่านทั้งหลายเป็นของเบื้องล่าง เราเป็นของเบื้องบน ท่านเป็นของโลกนี้ เราไม่ได้เป็นของโลกนี้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ท่านจะตายเพราะบาปของท่าน เพราะว่าถ้าท่านมิได้เชื่อว่าเราเป็นผู้นั้น ท่านจะต้องตายในการบาปของตัว>> เขาถามพระองค์ว่า <<ท่านคือใครเล่า>> พระเยซูตรัสกับเขาว่า <<เราเป็นดังที่เราได้บอกท่านทั้งหลายแต่แรกนั้น เราก็ยังมีเรื่องอีกมากที่จะพูดและพิพากษาท่าน แต่พระองค์ผู้ทรงใช้เรามานั้นทรงเป็นสัตย์จริง และสิ่งที่เราได้ยินจากพระองค์ เรากล่าวแก่โลก>> เขาทั้งหลายไม่ทราบว่าพระองค์ตรัสกับเขาถึงเรื่องพระบิดา พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า <<เมื่อท่านทั้งหลายจะได้ยกบุตรมนุษย์ขึ้นไว้แล้ว เมื่อนั้นท่านก็จะรู้ว่า เราคือผู้นั้น และรู้ว่าเรามิได้ทำสิ่งใดตามใจชอบ แต่พระบิดาได้ทรงสอนเราอย่างไร เราจึงกล่าวอย่างนั้น และพระองค์ผู้ทรงใช้เรามาก็ทรงสถิตอยู่กับเรา พระองค์มิได้ทรงทิ้งเราไว้ตามลำพัง เพราะว่าเราทำตามชอบพระทัยพระองค์เสมอ>> เมื่อพระเยซูตรัสดังนี้ ก็มีคนเป็นอันมากวางใจในพระองค์ พระเยซูจึงตรัสกับพวกยิวที่ศรัทธาในพระองค์แล้วว่า <<ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในคำของเรา ท่านก็เป็นสาวกของเราอย่างแท้จริง และท่านทั้งหลายจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท>> เขาทั้งหลายทูลตอบพระองค์ว่า <<เราสืบเชื้อสายมาจากอับราฮัม และไม่เคยเป็นทาสใครเลย เหตุไฉนท่านจึงกล่าวว่า <ท่านทั้งหลายจะเป็นไท> >> พระเยซูตรัสตอบเขาทั้งหลายว่า <<เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ทุกคนที่ทำบาปก็เป็นทาสของบาป ทาสมิได้อยู่ในครัวเรือนตลอดไป บุตรต่างหากอยู่ตลอดไป เหตุฉะนั้นถ้าพระบุตรทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท ท่านก็เป็นไทจริงๆ เรารู้ว่าท่านทั้งหลายเป็นเชื้อสายของอับราฮัม แต่ท่านก็หาโอกาสที่จะฆ่าเราเสีย เพราะว่าท่านไม่เชื่อคำของเรา เราพูดถึงสิ่งที่เราได้เห็น เมื่ออยู่กับพระบิดาของเรา และท่านทำสิ่งที่ท่านได้ยินมาจากพ่อของท่าน>> เขาทั้งหลายทูลพระองค์ว่า <<อับราฮัมเป็นบิดาของเรา>> พระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า <<ถ้าท่านทั้งหลายเป็นบุตรของอับราฮัมแล้ว ท่านก็จะทำสิ่งที่อับราฮัมได้กระทำ แต่บัดนี้ท่านทั้งหลายหาโอกาสที่จะฆ่าเรา ซึ่งเป็นผู้ที่ได้บอกท่านถึงสัจจะที่เราได้ยินมาจากพระเจ้า อับราฮัมมิได้กระทำอย่างนี้ ท่านทั้งหลายย่อมกระทำสิ่งที่บิดาของท่านทำ>> เขาทูลพระองค์ว่า <<เรามิได้เกิดจากการล่วงประเวณี เรามีพระบิดาองค์เดียวคือพระเจ้า>> พระเยซูตรัสกับเขาว่า <<ถ้าพระเจ้าเป็นพระบิดาของท่านแล้วท่านก็จะรักเรา เพราะเรามาจากพระเจ้า และอยู่นี่แล้ว เรามิได้มาตามใจชอบของเราเอง แต่พระองค์ทรงใช้เรามา เหตุไฉนท่านจึงไม่เข้าใจถ้อยคำที่เราพูด นั่นเป็นเพราะท่านทนฟังคำของเราไม่ได้ ท่านทั้งหลายมาจากพ่อของท่านคือมาร และท่านใคร่จะทำตามความปรารถนาของพ่อท่าน มันเป็นผู้ฆ่าคนตั้งแต่ปฐมกาล และมิได้ตั้งอยู่ในสัจจะ เพราะมันไม่มีสัจจะ เมื่อมันพูดเท็จมันก็พูดตามสันดานของมันเอง เพราะมันเป็นผู้มุสาและเป็นพ่อของการมุสา แต่ท่านทั้งหลายมิได้เชื่อเรา เพราะเราพูดความจริง มีผู้ใดในพวกท่านหรือ ที่ชี้ให้เห็นว่าเราได้ทำผิด ถ้าเราพูดความจริง ทำไมท่านจึงไม่เชื่อเรา ผู้ที่มาจากพระเจ้าก็ย่อมฟังพระวจนะของพระเจ้า ท่านทั้งหลายมิได้มาจากพระเจ้า เหตุฉะนั้นท่านจึงไม่ฟัง>>

แบ่งปัน
อ่าน ยอห์น 8

ยอห์น 8:12-47 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

พระ​เยซู​จึง​กล่าว​กับ​เขา​เหล่า​นั้น​อีก​ว่า “เรา​คือ​ความ​สว่าง​ของ​โลก คน​ที่​ตาม​เรา​มา​จะ​ไม่​ดำเนิน​ชีวิต​ใน​ความ​มืด และ​จะ​ได้​พบ​กับ​ความ​สว่าง​ของ​ชีวิต” พวก​ฟาริสี​จึง​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “ท่าน​ยืนยัน​เพื่อ​ตัว​ท่าน​เอง เพราะ​ฉะนั้น​คำ​ยืนยัน​ของ​ท่าน​ย่อม​ไม่​เป็น​ความ​จริง” พระ​เยซู​กล่าว​ตอบ​ว่า “ถ้า​แม้​ว่า​เรา​จะ​ยืนยัน​เพื่อ​ตัว​เรา​เอง คำ​ยืนยัน​ของ​เรา​ก็​เป็น​ความ​จริง เพราะ​เรา​รู้​ว่า​เรา​มา​จาก​ไหน​และ​จะ​ไป​ที่​ใด แต่​พวก​ท่าน​ไม่​รู้​ว่า​เรา​มา​จาก​ไหน หรือ​จะ​ไป​ที่​ใด พวก​ท่าน​กล่าวโทษ​ตาม​วิสัย​โลก แต่​เรา​ไม่​กล่าวโทษ​ผู้​ใด ถ้า​แม้​ว่า​เรา​จะ​กล่าวโทษ การ​กล่าวโทษ​ของ​เรา​ก็​เป็น​ความ​จริง​เพราะ​ไม่​ใช่​เรา​คน​เดียว​ที่​กล่าวโทษ แต่​เรา​กระทำ​ร่วม​กัน​กับ​พระ​องค์​ผู้​ส่ง​เรา​มา แม้​ว่า​ใน​กฎ​บัญญัติ​ของ​ท่าน​มี​บันทึก​ไว้​ว่า คำ​ยืนยัน​จาก 2 คน​จึง​จะ​เป็น​ความ​จริง เรา​ยืนยัน​เพื่อ​ตน​เอง พระ​บิดา​ผู้​ส่ง​เรา​มา​ก็​ยืนยัน​เพื่อ​เรา​ด้วย” เขา​เหล่า​นั้น​จึง​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “พระ​บิดา​ของ​ท่าน​อยู่​ที่​ไหน” พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “ท่าน​ไม่​รู้จัก​ทั้ง​เรา​และ​พระ​บิดา เพราะ​ถ้า​ท่าน​รู้จัก​เรา ท่าน​ก็​จะ​รู้จัก​พระ​บิดา​ของ​เรา​ด้วย” พระ​องค์​กล่าว​คำ​เหล่า​นี้​ใกล้ๆ ตู้​ถวาย​เงิน ขณะ​ที่​พระ​องค์​สั่งสอน​ใน​พระ​วิหาร และ​ไม่​มี​ใคร​จับกุม​พระ​องค์ เพราะ​ว่า​ยัง​ไม่​ถึง​กำหนด​เวลา​ของ​พระ​องค์ ฉะนั้น พระ​เยซู​กล่าว​กับ​เขา​เหล่า​นั้น​อีก​ว่า “เมื่อ​เรา​จาก​ไป พวก​ท่าน​จะ​แสวงหา​เรา ท่าน​จะ​ตาย​ด้วย​บาป​ที่​ติดตัว​ท่าน​อยู่ แล้ว​ที่​ซึ่ง​เรา​ไป ท่าน​ก็​ไม่​อาจ​ไป​ถึง​ได้” ชาว​ยิว​จึง​พูด​ว่า “เขา​จะ​ฆ่า​ตัว​ตาย​หรือ ใน​เมื่อ​เขา​พูด​ว่า ‘ที่​ซึ่ง​เรา​ไป ท่าน​ไม่​อาจ​ไป​ถึง​ได้’” พระ​องค์​กล่าว​กับ​เขา​เหล่า​นั้น​ว่า “พวก​ท่าน​มา​จาก​เบื้อง​ล่าง เรา​มา​จาก​เบื้อง​บน ท่าน​เป็น​คน​ของ​โลก​นี้ แต่​เรา​ไม่​ได้​เป็น​คน​ของ​โลก​นี้ ฉะนั้น​เรา​จึง​พูด​กับ​ท่าน​ว่า ท่าน​จะ​ตาย​ด้วย​บาป​ทั้ง​หลาย​ที่​ติด​ตัว​ท่าน​อยู่ ถ้า​ท่าน​ไม่​เชื่อ​ว่า​เรา​คือ​ผู้​ที่​เรา​อ้าง​ว่า​เรา​เป็น ท่าน​ก็​จะ​ตาย​เพราะ​บาป​ทั้ง​หลาย​ของ​ท่าน​เอง” เขา​เหล่า​นั้น​จึง​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “ท่าน​เป็น​ใคร” พระ​เยซู​กล่าว​ว่า “เรา​เป็น​ตาม​ที่​เรา​บอก​ท่าน​ไว้​ตั้งแต่​แรก เรา​มี​หลาย​สิ่ง​ที่​จะ​พูด​และ​กล่าวโทษ​ท่าน แต่​ผู้​ที่​ส่ง​เรา​มา​เป็น​ผู้​ที่​วางใจ​ได้ สิ่ง​ที่​เรา​ได้ยิน​จาก​พระ​องค์ เรา​ก็​กล่าว​แก่​โลก” เขา​ทั้ง​ปวง​ไม่​ทราบ​ว่า​พระ​องค์​ได้​พูด​กับ​เขา​ถึง​เรื่อง​พระ​บิดา ดังนั้น​พระ​เยซู​กล่าว​ว่า “เมื่อ​พวก​ท่าน​ยก​บุตรมนุษย์​ขึ้น ท่าน​จะ​ได้​รู้​ว่า​เรา​คือ​ผู้​ที่​เรา​อ้าง​ว่า​เรา​เป็น และ​เรา​ไม่​ทำ​สิ่งใด​ตาม​ลำพัง​ของ​เรา​เอง แต่​เรา​พูด​ถึง​สิ่ง​เหล่า​นี้​ตาม​ที่​พระ​บิดา​สอน​เรา​ไว้ พระ​องค์​ผู้​ส่ง​เรา​มา​ดำรง​อยู่​กับ​เรา และ​ไม่​เคย​ทอดทิ้ง​เรา​ไว้​ตาม​ลำพัง เพราะ​ว่า​เรา​กระทำ​สิ่ง​ซึ่ง​เป็น​ที่​พอใจ​พระ​องค์​เสมอ” ขณะ​ที่​พระ​องค์​กล่าว​ถึง​สิ่ง​เหล่า​นี้ ก็​มี​คน​จำนวน​มาก​ที่​เชื่อ​ใน​พระ​องค์ พระ​เยซู​กล่าว​กับ​ชาว​ยิว​ที่​ได้​เชื่อ​ใน​พระ​องค์​ว่า “ถ้า​ท่าน​ดำรง​อยู่​ใน​คำกล่าว​ของ​เรา ท่าน​ก็​เป็น​สาวก​ของ​เรา​อย่าง​แท้​จริง ท่าน​จะ​รู้​ความ​จริง และ​ความ​จริง​จะ​ทำ​ให้​ท่าน​เป็น​อิสระ” เขา​เหล่า​นั้น​ตอบ​พระ​องค์​ว่า “พวก​เรา​สืบ​ตระกูล​มา​จาก​อับราฮัม และ​ยัง​ไม่​เคย​เป็น​ทาส​ของ​ใคร​เลย ท่าน​พูด​ได้​อย่างไร​ว่า ‘ท่าน​จะ​เป็น​อิสระ’” พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​ท่าน​ว่า ทุก​คน​ที่​กระทำ​บาป​เป็น​ทาส​ของ​บาป และ​ทาส​จะ​ไม่​ได้​อยู่​ใน​บ้าน​ตลอด​ไป บุตร​ต่าง​หาก​ที่​สามารถ​อยู่​ได้​ตลอด​กาล ฉะนั้น​ถ้า​พระ​บุตร​จะ​ทำ​ให้​ท่าน​เป็น​อิสระ ท่าน​ก็​จะ​เป็น​อิสระ​อย่าง​แท้​จริง เรา​รู้ว่า​พวก​ท่าน​สืบ​ตระกูล​มา​จาก​อับราฮัม แต่​ท่าน​ก็​ยัง​พยายาม​จะ​ฆ่า​เรา เพราะ​ไม่​ยอมรับ​คำกล่าว​ของ​เรา เรา​พูด​ถึง​สิ่ง​ที่​เรา​ได้​เห็น​จาก​พระ​บิดา​ของ​เรา ฉะนั้น​ท่าน​กระทำ​สิ่ง​ที่​ท่าน​ได้ยิน​จาก​บิดา​ของ​ท่าน​ด้วย” เขา​เหล่า​นั้น​ตอบ​พระ​องค์​ว่า “อับราฮัม​เป็น​บิดา​ของ​เรา” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​เขา​เหล่า​นั้น​ว่า “ถ้า​พวก​ท่าน​เป็น​บรรดา​บุตร​ของ​อับราฮัม ก็​จง​ทำ​ใน​สิ่ง​ที่​อับราฮัม​ได้​ทำ​มา​แล้ว แต่​เท่า​ที่​เป็น​อยู่ ท่าน​พยายาม​ฆ่า​เรา ซึ่ง​เป็น​ผู้​ที่​ได้​บอก​ท่าน​ถึง​ความ​จริง​ที่​เรา​ได้ยิน​มา​จาก​พระ​เจ้า อับราฮัม​ไม่​ได้​ทำ​อย่าง​นี้ พวก​ท่าน​กำลัง​ทำ​ใน​สิ่ง​ที่​บิดา​ของ​ท่าน​ได้​ทำ​มา​แล้ว” พวก​เขา​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “เรา​ไม่​ได้​เกิด​จาก​การ​ผิด​ประเวณี เรา​มี​พระ​บิดา​องค์​เดียว​คือ​พระ​เจ้า” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “ถ้า​พระ​เจ้า​เป็น​พระ​บิดา​ของ​ท่าน ท่าน​ก็​จะ​รัก​เรา เพราะ​เรา​มา​จาก​พระ​เจ้า และ​อยู่​ที่​นี่​แล้ว เรา​ไม่​ได้​มา​ด้วย​ความ​ตั้งใจ​ของ​เรา​เอง แต่​พระ​องค์​ส่ง​เรา​มา ทำไม​ท่าน​จึง​ไม่​เข้าใจ​เรื่อง​ที่​เรา​พูด นั่น​ก็​เป็น​เพราะ​ว่า​ท่าน​ไม่​ยอมรับ​ฟัง​คำกล่าว​ของ​เรา พวก​ท่าน​เป็น​เช่น​บิดา​ของ​ท่าน​คือ​พญามาร ท่าน​จึง​ต้องการ​ปฏิบัติ​ตาม​ความ​ต้องการ​ของ​บิดา​ของ​ท่าน ซึ่ง​เป็น​ฆาตกร​มา​ตั้งแต่​ต้น​และ​ไม่​ยืน​อยู่​ใน​ความ​จริง เพราะ​ว่า​ไม่​มี​ความ​จริง​อยู่​ใน​ตัว​เอง เมื่อไร​ก็​ตาม​ที่​บิดา​ของ​ท่าน​พูด​เท็จ ก็​เพราะ​พูด​จาก​นิสัย​ของ​ตน​เอง​คือ​ขี้ปด และ​เป็น​บิดา​แห่ง​ความ​เท็จ​ทั้ง​ปวง เมื่อ​เรา​พูด​ความ​จริง ท่าน​กลับ​ไม่​เชื่อ​เรา มี​ใคร​บ้าง​ใน​พวก​ท่าน​ที่​พิสูจน์​ให้​เห็น​ได้​ว่า​เรา​ทำ​บาป เมื่อ​เรา​พูด​ความ​จริง แล้ว​ทำไม​ท่าน​จึง​ไม่​เชื่อ​เรา คน​ของ​พระ​เจ้า​ย่อม​ฟัง​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า พวก​ท่าน​ไม่​ใช่​คน​ของ​พระ​เจ้า​จึง​ไม่​ได้ยิน​คำกล่าว​นั้น”

แบ่งปัน
อ่าน ยอห์น 8