ยอห์น 8:12-30
ยอห์น 8:12-30 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
แล้วพระเยซูก็พูดกับพวกที่ชุมนุมอยู่อีกครั้งหนึ่งว่า “เราเป็นความสว่างของโลก คนที่ติดตามเรามาจะไม่เดินอยู่ในความมืด แต่จะมีความสว่างที่นำไปสู่ชีวิต” ดังนั้นพวกฟาริสีจึงพูดกับพระองค์ว่า “แกพูดเองเออเอง คำพยานของแกเชื่อถือไม่ได้หรอก” พระเยซูตอบว่า “ถึงแม้ว่าเราจะเป็นพยานให้กับตัวเอง สิ่งที่เราพูดก็เป็นความจริง เพราะเรารู้ว่าตัวเราเองมาจากไหนและกำลังจะไปไหน แต่พวกคุณไม่รู้ว่าเรามาจากไหนหรือกำลังจะไปไหน คุณตัดสินเราตามวิธีของมนุษย์ เราไม่ได้ตัดสินใครแบบนั้น แต่ถ้าเราจะตัดสิน คำตัดสินของเราก็ถูกต้องเพราะเราไม่ได้ตัดสินคนเดียว แต่เราตัดสินร่วมกับพระบิดาผู้ส่งเรามา ในกฎปฏิบัติของคุณบอกว่า ถ้ามีพยานสองคนพูดตรงกันก็ถือว่าเป็นความจริง เราเป็นพยานให้กับตัวเอง และพระบิดาที่ส่งเรามาก็เป็นพยานให้กับเราอีกผู้หนึ่ง” พวกเขาจึงถามว่า “แล้วไหนล่ะพ่อของแกที่แกพูดถึง” พระเยซูตอบว่า “พวกคุณไม่รู้จักเราหรือพระบิดาของเราหรอก เพราะถ้าคุณรู้จักเรา คุณก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย” ตอนที่พระเยซูพูดเรื่องนี้ พระองค์กำลังสอนอยู่ในห้องที่เขาใช้ตั้งตู้บริจาคในบริเวณวิหาร ไม่มีใครมาจับกุมพระองค์เพราะยังไม่ถึงกำหนดเวลาของพระองค์ พระเยซูพูดกับพวกประชาชนอีกว่า “พวกคุณจะตามหาเรา แต่จะตายอยู่ในความบาปของตัวเอง ที่ซึ่งเรากำลังจะไปนั้นพวกคุณไปไม่ได้” พวกผู้นำชาวยิวจึงถามกันว่า “มันกำลังจะฆ่าตัวตายหรือยังไงถึงพูดว่า ‘ที่ซึ่งเราจะไปนั้น พวกคุณไปไม่ได้’” พระเยซูพูดว่า “พวกคุณมาจากโลกข้างล่าง แต่เรามาจากข้างบน พวกคุณเป็นของโลกนี้ แต่เราไม่ได้เป็นของโลกนี้ เราถึงได้บอกว่า พวกคุณจะตายอยู่ในความบาปของตัวเอง ใช่แล้ว ถ้าคุณไม่เชื่อว่าเราเป็นคนๆนั้นที่เราบอกว่าเราเป็น คุณก็จะตายอยู่ในความบาป” พวกยิวถามพระองค์ว่า “แล้วแกเป็นใครล่ะ” พระเยซูตอบว่า “เราเป็นคนๆนั้นที่เราได้บอกพวกคุณตั้งแต่แรกแล้วว่าเราเป็น ความจริงแล้วเรามีหลายเรื่องที่จะต่อว่าพวกคุณ แต่เราจะพูดเฉพาะเรื่องที่เราได้ยินมาจากพระองค์ผู้ที่ส่งเรามาเท่านั้น และพระองค์ก็พูดความจริง” (พวกเขาไม่รู้ว่าพระเยซูกำลังพูดถึงพระบิดา) ดังนั้นพระเยซูจึงพูดว่า “เมื่อพวกคุณยกบุตรมนุษย์ขึ้น คุณก็จะได้รู้ว่าเราเป็นคนๆนั้นที่เราบอกว่าเราเป็น เราไม่ได้ทำอะไรตามใจของตัวเอง แต่เราพูดเฉพาะสิ่งเหล่านั้นที่พระบิดาได้สอนเรามา พระองค์ผู้ส่งเรามาก็อยู่กับเรา พระองค์ไม่เคยทิ้งเราไว้ให้อยู่คนเดียว เพราะเราทำตามใจพระองค์เสมอ” เมื่อพระเยซูพูดอย่างนี้ก็มีหลายคนไว้วางใจพระองค์
ยอห์น 8:12-30 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
พระเยซูตรัสกับพวกเขาอีกครั้งหนึ่งว่า “เราเป็นความสว่างของโลก คนที่ตามเรามาจะไม่ต้องเดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต” พวกฟาริสีจึงกล่าวกับพระองค์ว่า “ท่านเป็นพยานให้ตัวเอง คำพยานของท่านก็ไม่จริง” พระเยซูตรัสตอบว่า “ถึงแม้เราเป็นพยานให้ตัวเราเอง คำพยานของเราก็ยังเป็นจริงอยู่ เพราะเรารู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่ไหน แต่พวกท่านไม่รู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่ไหน พวกท่านพิพากษาตามมาตรฐานโลก เราไม่ได้มาพิพากษาใคร แต่ถึงแม้เราจะพิพากษา การพิพากษาของเราก็ถูกต้อง เพราะเราไม่ได้พิพากษาโดยลำพัง แต่เราพิพากษาร่วมกับพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา ในธรรมบัญญัติของท่านเขียนไว้ว่า คำพยานของคนสองคนย่อมเชื่อถือได้ เราเป็นพยานให้ตัวเราเองและพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาก็เป็นพยานให้เราด้วย” พวกเขาจึงทูลพระองค์ว่า “พระบิดาของท่านอยู่ที่ไหน?” พระเยซูตรัสตอบว่า “พวกท่านไม่รู้จักตัวเราหรือพระบิดาของเรา ถ้าพวกท่านรู้จักเรา พวกท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย” พระเยซูตรัสคำเหล่านี้ที่คลังเงินขณะกำลังสั่งสอนอยู่ที่บริเวณพระวิหาร แต่ไม่มีใครจับกุมพระองค์เพราะว่ายังไม่ถึงกำหนดเวลาของพระองค์ พระองค์ตรัสกับพวกเขาอีกว่า “เราจะจากไป และพวกท่านจะแสวงหาเราและจะตายในการบาปของตัวเอง ที่ที่เราจะไปนั้นท่านไปไม่ได้” พวกยิวจึงพูดกันว่า “เขาจะฆ่าตัวตายหรือ? เพราะเขาพูดว่า ‘ที่ที่เราจะไปนั้นพวกท่านไปไม่ได้’” พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านเป็นของเบื้องล่าง เราเป็นของเบื้องบน ท่านเป็นของโลกนี้ เราไม่ได้เป็นของโลกนี้ เราบอกพวกท่านว่า ท่านจะตายในการบาปของตัวเอง เพราะว่าถ้าพวกท่านไม่เชื่อว่าเราเป็นผู้นั้น ท่านก็จะต้องตายในการบาปของตัว” เขาถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นใคร?” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นอย่างที่เราบอกพวกท่านตั้งแต่แรกแล้ว เรายังมีอีกหลายเรื่องที่อาจพูดและพิพากษาเกี่ยวกับท่าน แต่ผู้ที่ทรงใช้เรามานั้นสัตย์จริง และเราก็กล่าวต่อโลกในสิ่งที่เราได้ยินจากพระองค์” พวกเขาไม่ทราบว่าพระองค์ตรัสเรื่องพระบิดา พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เมื่อพวกท่านยกบุตรมนุษย์ขึ้น ท่านก็จะรู้ว่าเราเป็นผู้นั้น และรู้ว่าเราไม่ได้ทำอะไรตามใจชอบ พระบิดาทรงสอนเราอย่างไร เราก็กล่าวอย่างนั้น และพระองค์ผู้ทรงใช้เรามาก็สถิตอยู่กับเรา พระองค์ไม่ได้ทรงทิ้งเราไว้ตามลำพัง เพราะว่าเราทำตามชอบพระทัยพระองค์เสมอ” เมื่อพระเยซูตรัสอย่างนี้ก็มีคนจำนวนมากวางใจในพระองค์
ยอห์น 8:12-30 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
อีกครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต” พวกฟาริสีจึงกล่าวกับพระองค์ว่า “ท่านเป็นพยานให้แก่ตัวเอง คำพยานของท่านไม่เป็นความจริง” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “แม้เราเป็นพยานให้แก่ตัวเราเอง คำพยานของเราก็เป็นความจริง เพราะเรารู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่ไหน แต่พวกท่านไม่รู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่ไหน ท่านทั้งหลายย่อมพิพากษาตามเนื้อหนัง เรามิได้พิพากษาผู้ใด แต่ถึงแม้ว่าเราจะพิพากษา การพิพากษาของเราก็ถูกต้อง เพราะเรามิได้พิพากษาโดยลำพัง แต่เราพิพากษาร่วมกับพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา ในพระราชบัญญัติของท่านก็มีคำเขียนไว้ว่า ‘คำพยานของสองคนก็เป็นความจริง’ เราเป็นพยานให้แก่ตัวเราเองและพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาก็เป็นพยานให้แก่เรา” เหตุฉะนั้นเขาจึงทูลพระองค์ว่า “พระบิดาของท่านอยู่ที่ไหน” พระเยซูตรัสตอบว่า “ตัวเราก็ดี พระบิดาของเราก็ดี ท่านทั้งหลายไม่รู้จัก ถ้าท่านรู้จักเรา ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย” พระเยซูตรัสคำเหล่านี้ที่คลังเงิน เมื่อกำลังทรงสั่งสอนอยู่ในพระวิหาร แต่ไม่มีผู้ใดจับกุมพระองค์ เพราะว่ายังไม่ถึงกำหนดเวลาของพระองค์ พระเยซูจึงตรัสกับเขาอีกว่า “เราจะจากไป และท่านทั้งหลายจะแสวงหาเรา และจะตายในการบาปของท่าน ที่ซึ่งเราจะไปนั้นท่านทั้งหลายจะไปไม่ได้” พวกยิวจึงพูดกันว่า “เขาจะฆ่าตัวตายหรือ เพราะเขาพูดว่า ‘ที่ซึ่งเราจะไปนั้นท่านทั้งหลายจะไปไม่ได้’ ” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายมาจากเบื้องล่าง เรามาจากเบื้องบน ท่านเป็นของโลกนี้ เราไม่ได้เป็นของโลกนี้ เราจึงบอกท่านทั้งหลายว่า ท่านจะตายในการบาปของท่าน เพราะว่าถ้าท่านมิได้เชื่อว่าเราเป็นผู้นั้น ท่านจะต้องตายในการบาปของตัว” เขาจึงถามพระองค์ว่า “ท่านคือใครเล่า” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นดังที่เราได้บอกท่านทั้งหลายแต่แรกนั้น เราก็ยังมีเรื่องอีกมากที่จะพูดและพิพากษาท่าน แต่พระองค์ผู้ทรงใช้เรามานั้นทรงเป็นสัตย์จริง และสิ่งที่เราได้ยินจากพระองค์ เรากล่าวแก่โลก” เขาทั้งหลายไม่เข้าใจว่าพระองค์ตรัสกับเขาถึงเรื่องพระบิดา พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เมื่อท่านทั้งหลายจะได้ยกบุตรมนุษย์ขึ้นไว้แล้ว เมื่อนั้นท่านก็จะรู้ว่าเราคือผู้นั้น และรู้ว่าเรามิได้ทำสิ่งใดตามใจชอบ แต่พระบิดาของเราได้ทรงสอนเราอย่างไร เราจึงกล่าวอย่างนั้น และพระองค์ผู้ทรงใช้เรามาก็ทรงสถิตอยู่กับเรา พระบิดามิได้ทรงทิ้งเราไว้ตามลำพัง เพราะว่าเราทำตามชอบพระทัยพระองค์เสมอ” เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้ก็มีคนเป็นอันมากเชื่อในพระองค์
ยอห์น 8:12-30 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
อีกครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า <<เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต>> พวกฟาริสีจึงกล่าวกับพระองค์ว่า <<ท่านเป็นพยานให้แก่ตัวเอง คำพยานของท่านไม่เป็นความจริง>> พระเยซูตรัสตอบว่า <<แม้เราเป็นพยานให้แก่ตัวเราเอง คำพยานของเราก็เป็นความจริง เพราะเรารู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่ไหน แต่พวกท่านไม่รู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่ไหน ท่านทั้งหลายย่อมพิพากษาตามทางโลก เรามิได้พิพากษาผู้ใด แต่ถึงแม้ว่าเราจะพิพากษา การพิพากษาของเราก็ถูกต้อง เพราะเรามิได้พิพากษาโดยลำพัง แต่เราพิพากษาร่วมกับพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา ในธรรมบัญญัติของท่านก็มีคำเขียนไว้ว่า คำพยานของสองคนก็เป็นที่เชื่อถือได้ เราเป็นพยานให้แก่ตัวเราเอง และพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาก็เป็นพยานให้แก่เราด้วย>> เหตุฉะนั้นเขาจึงทูลพระองค์ว่า <<พระบิดาของท่านอยู่ที่ไหน>> พระเยซูตรัสตอบว่า <<ตัวเราก็ดี พระบิดาของเราก็ดี ท่านทั้งหลายไม่รู้จัก ถ้าท่านรู้จักเรา ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย>> พระเยซูตรัสคำเหล่านี้ที่คลังเงิน เมื่อกำลังสั่งสอนอยู่ในบริเวณพระวิหาร แต่ไม่มีผู้ใดจับกุมพระองค์ เพราะว่ายังไม่ถึงกำหนดเวลาของพระองค์ พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า <<เราจะจากไป และท่านทั้งหลายจะแสวงหาเรา และจะตายเพราะบาปของท่าน ที่ซึ่งเราจะไปนั้นท่านทั้งหลายจะไปไม่ได้>> พวกยิวจึงพูดกันว่า <<เขาจะฆ่าตัวตายหรือ เพราะเขาพูดว่า <ที่ซึ่งเราจะไปนั้นท่านทั้งหลายจะไปไม่ได้> >> พระองค์ตรัสกับเขาว่า <<ท่านทั้งหลายเป็นของเบื้องล่าง เราเป็นของเบื้องบน ท่านเป็นของโลกนี้ เราไม่ได้เป็นของโลกนี้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ท่านจะตายเพราะบาปของท่าน เพราะว่าถ้าท่านมิได้เชื่อว่าเราเป็นผู้นั้น ท่านจะต้องตายในการบาปของตัว>> เขาถามพระองค์ว่า <<ท่านคือใครเล่า>> พระเยซูตรัสกับเขาว่า <<เราเป็นดังที่เราได้บอกท่านทั้งหลายแต่แรกนั้น เราก็ยังมีเรื่องอีกมากที่จะพูดและพิพากษาท่าน แต่พระองค์ผู้ทรงใช้เรามานั้นทรงเป็นสัตย์จริง และสิ่งที่เราได้ยินจากพระองค์ เรากล่าวแก่โลก>> เขาทั้งหลายไม่ทราบว่าพระองค์ตรัสกับเขาถึงเรื่องพระบิดา พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า <<เมื่อท่านทั้งหลายจะได้ยกบุตรมนุษย์ขึ้นไว้แล้ว เมื่อนั้นท่านก็จะรู้ว่า เราคือผู้นั้น และรู้ว่าเรามิได้ทำสิ่งใดตามใจชอบ แต่พระบิดาได้ทรงสอนเราอย่างไร เราจึงกล่าวอย่างนั้น และพระองค์ผู้ทรงใช้เรามาก็ทรงสถิตอยู่กับเรา พระองค์มิได้ทรงทิ้งเราไว้ตามลำพัง เพราะว่าเราทำตามชอบพระทัยพระองค์เสมอ>> เมื่อพระเยซูตรัสดังนี้ ก็มีคนเป็นอันมากวางใจในพระองค์
ยอห์น 8:12-30 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
เมื่อพระเยซูตรัสกับประชาชนอีก พระองค์ตรัสว่า “เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืดเลยแต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต” พวกฟาริสีจึงท้าทายพระองค์ว่า “นั่นไง ท่านเป็นพยานให้ตัวเอง คำพยานของท่านเชื่อถือไม่ได้” พระเยซูตรัสตอบว่า “แม้เราเป็นพยานให้ตัวเอง คำพยานของเราก็เชื่อถือได้ เพราะเรารู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปไหน แต่พวกท่านไม่รู้เลยว่าเรามาจากไหนหรือจะไปไหน ท่านตัดสินตามมาตรฐานของมนุษย์ ส่วนเราไม่ตัดสินใคร แต่ถ้าเราตัดสิน คำตัดสินของเราก็ถูกต้องเพราะเราไม่ได้ทำไปโดยลำพัง พระบิดาผู้ทรงส่งเรามาสถิตกับเรา ในหนังสือบทบัญญัติของท่านเองก็เขียนไว้ว่าคำพยานของคนสองคนเชื่อถือได้ เราเป็นพยานให้ตัวเอง และพยานอีกผู้หนึ่งของเราคือพระบิดาผู้ทรงส่งเรามา” พวกเขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “บิดาของท่านอยู่ที่ไหน?” พระเยซูตรัสว่า “ท่านไม่รู้จักเราหรือพระบิดาของเรา ถ้าท่านรู้จักเรา ท่านย่อมรู้จักพระบิดาของเราด้วย” พระเยซูตรัสดังนี้ขณะทรงสอนอยู่ในบริเวณพระวิหารใกล้กับที่วางของถวาย แต่ก็ไม่มีใครจับพระองค์เพราะยังไม่ถึงเวลาของพระองค์ พระเยซูตรัสกับพวกเขาอีกครั้งหนึ่งว่า “เรากำลังจะไป พวกท่านจะหาเรา และพวกท่านจะตายในบาปของพวกท่าน ที่ซึ่งเราไปนั้นพวกท่านไม่สามารถไปได้” คำตรัสนี้ทำให้พวกยิวถามกันว่า “เขาจะฆ่าตัวตายหรือ? เพราะเหตุนั้นใช่ไหมเขาจึงพูดว่า ‘ที่ซึ่งเราไปนั้นพวกท่านไม่สามารถไปได้’?” แต่พระองค์ตรัสต่อไปว่า “พวกท่านมาจากเบื้องล่าง เรามาจากเบื้องบน ท่านเป็นของโลกนี้ เราไม่ได้เป็นของโลกนี้ เราบอกแล้วว่าท่านจะตายในบาปของท่าน ถ้าท่านไม่เชื่อว่าเราเป็นผู้นั้น ท่านจะตายในบาปของท่านอย่างแน่นอน” พวกเขาทูลถามว่า “ท่านเป็นใคร?” พระเยซูตรัสตอบว่า “ก็อย่างที่เราอ้างมาโดยตลอด เรามีหลายอย่างที่จะพูดในการตัดสินท่าน แต่พระองค์ผู้ทรงส่งเรามานั้นเชื่อถือได้ และสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระองค์นั้นเราก็แจ้งแก่โลก” พวกเขาไม่เข้าใจที่พระองค์กำลังบอกพวกเขา เกี่ยวกับพระบิดาของพระองค์ ดังนั้นพระเยซูจึงตรัสว่า “เมื่อท่านยกบุตรมนุษย์ขึ้นตรึงบนไม้กางเขนแล้ว แล้วท่านจะรู้ว่าเราเป็นผู้ที่เราอ้างว่าเราเป็น และเราไม่ได้ทำอะไรโดยลำพังแต่พูดตามที่พระบิดาได้ทรงสอนไว้ พระองค์ผู้ทรงส่งเรามาสถิตกับเรา พระองค์ไม่ได้ทรงทิ้งเราไว้ตามลำพังเพราะเราทำสิ่งที่พระองค์พอพระทัยเสมอ” เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้ หลายคนก็มีความเชื่อในพระองค์
ยอห์น 8:12-30 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
พระเยซูจึงกล่าวกับเขาเหล่านั้นอีกว่า “เราคือความสว่างของโลก คนที่ตามเรามาจะไม่ดำเนินชีวิตในความมืด และจะได้พบกับความสว่างของชีวิต” พวกฟาริสีจึงพูดกับพระองค์ว่า “ท่านยืนยันเพื่อตัวท่านเอง เพราะฉะนั้นคำยืนยันของท่านย่อมไม่เป็นความจริง” พระเยซูกล่าวตอบว่า “ถ้าแม้ว่าเราจะยืนยันเพื่อตัวเราเอง คำยืนยันของเราก็เป็นความจริง เพราะเรารู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่ใด แต่พวกท่านไม่รู้ว่าเรามาจากไหน หรือจะไปที่ใด พวกท่านกล่าวโทษตามวิสัยโลก แต่เราไม่กล่าวโทษผู้ใด ถ้าแม้ว่าเราจะกล่าวโทษ การกล่าวโทษของเราก็เป็นความจริงเพราะไม่ใช่เราคนเดียวที่กล่าวโทษ แต่เรากระทำร่วมกันกับพระองค์ผู้ส่งเรามา แม้ว่าในกฎบัญญัติของท่านมีบันทึกไว้ว่า คำยืนยันจาก 2 คนจึงจะเป็นความจริง เรายืนยันเพื่อตนเอง พระบิดาผู้ส่งเรามาก็ยืนยันเพื่อเราด้วย” เขาเหล่านั้นจึงพูดกับพระองค์ว่า “พระบิดาของท่านอยู่ที่ไหน” พระเยซูตอบว่า “ท่านไม่รู้จักทั้งเราและพระบิดา เพราะถ้าท่านรู้จักเรา ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย” พระองค์กล่าวคำเหล่านี้ใกล้ๆ ตู้ถวายเงิน ขณะที่พระองค์สั่งสอนในพระวิหาร และไม่มีใครจับกุมพระองค์ เพราะว่ายังไม่ถึงกำหนดเวลาของพระองค์ ฉะนั้น พระเยซูกล่าวกับเขาเหล่านั้นอีกว่า “เมื่อเราจากไป พวกท่านจะแสวงหาเรา ท่านจะตายด้วยบาปที่ติดตัวท่านอยู่ แล้วที่ซึ่งเราไป ท่านก็ไม่อาจไปถึงได้” ชาวยิวจึงพูดว่า “เขาจะฆ่าตัวตายหรือ ในเมื่อเขาพูดว่า ‘ที่ซึ่งเราไป ท่านไม่อาจไปถึงได้’” พระองค์กล่าวกับเขาเหล่านั้นว่า “พวกท่านมาจากเบื้องล่าง เรามาจากเบื้องบน ท่านเป็นคนของโลกนี้ แต่เราไม่ได้เป็นคนของโลกนี้ ฉะนั้นเราจึงพูดกับท่านว่า ท่านจะตายด้วยบาปทั้งหลายที่ติดตัวท่านอยู่ ถ้าท่านไม่เชื่อว่าเราคือผู้ที่เราอ้างว่าเราเป็น ท่านก็จะตายเพราะบาปทั้งหลายของท่านเอง” เขาเหล่านั้นจึงพูดกับพระองค์ว่า “ท่านเป็นใคร” พระเยซูกล่าวว่า “เราเป็นตามที่เราบอกท่านไว้ตั้งแต่แรก เรามีหลายสิ่งที่จะพูดและกล่าวโทษท่าน แต่ผู้ที่ส่งเรามาเป็นผู้ที่วางใจได้ สิ่งที่เราได้ยินจากพระองค์ เราก็กล่าวแก่โลก” เขาทั้งปวงไม่ทราบว่าพระองค์ได้พูดกับเขาถึงเรื่องพระบิดา ดังนั้นพระเยซูกล่าวว่า “เมื่อพวกท่านยกบุตรมนุษย์ขึ้น ท่านจะได้รู้ว่าเราคือผู้ที่เราอ้างว่าเราเป็น และเราไม่ทำสิ่งใดตามลำพังของเราเอง แต่เราพูดถึงสิ่งเหล่านี้ตามที่พระบิดาสอนเราไว้ พระองค์ผู้ส่งเรามาดำรงอยู่กับเรา และไม่เคยทอดทิ้งเราไว้ตามลำพัง เพราะว่าเรากระทำสิ่งซึ่งเป็นที่พอใจพระองค์เสมอ” ขณะที่พระองค์กล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ ก็มีคนจำนวนมากที่เชื่อในพระองค์