ยอห์น 6:1-40

ยอห์น 6:1-40 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

หลังจากนั้นพระเยซูเสด็จข้ามทะเลสาบกาลิลีหรือที่เรียกว่าทะเลทิเบเรียส มหาชนก็ตามพระองค์ไป เพราะพวกเขาเห็นหมายสำคัญต่างๆ ที่พระองค์ทรงทำต่อบรรดาคนป่วย พระเยซูเสด็จขึ้นไปบนภูเขาและประทับอยู่กับพวกสาวกของพระองค์ ขณะนั้นใกล้จะถึงปัสกาซึ่งเป็นเทศกาลของพวกยิว พระเยซูเงยพระพักตร์ขึ้นและทอดพระเนตรเห็นมหาชนพากันมาหาพระองค์ พระองค์จึงตรัสกับฟีลิปว่า “พวกเราจะซื้ออาหารให้คนเหล่านี้กินได้ที่ไหน?” พระองค์ตรัสอย่างนั้นเพื่อจะทดสอบฟีลิป เพราะพระองค์ทรงทราบอยู่แล้วว่าพระองค์จะทรงทำอย่างไร ฟีลิปทูลตอบพระองค์ว่า “สองร้อยเดนาริอัน ก็ยังไม่พอซื้ออาหารให้พวกเขากินกันคนละเล็กละน้อย” สาวกคนหนึ่งของพระองค์คืออันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตรทูลพระองค์ว่า “ที่นี่มีเด็กชายคนหนึ่งมีขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนกับปลาสองตัว แต่เท่านั้นจะพออะไรกับคนมากอย่างนี้?” พระเยซูตรัสว่า “ให้ทุกคนนั่งลงเถิด” (ที่นั่นมีหญ้ามาก) คนเหล่านั้นจึงนั่งลง นับแต่ผู้ชายได้ประมาณห้าพันคน แล้วพระเยซูก็ทรงหยิบขนมปัง เมื่อขอบพระคุณแล้วก็ทรงแจกจ่ายให้บรรดาคนที่นั่งอยู่นั้น และให้ปลาด้วยตามที่เขาต้องการ เมื่อพวกเขากินอิ่มแล้วพระเยซูตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “จงเก็บเศษอาหารที่เหลือไว้ อย่าให้มีสิ่งใดตกหล่น” พวกเขาจึงเก็บเศษขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนที่เหลือหลังจากทุกคนกินแล้วใส่กระบุงได้สิบสองกระบุงเต็ม เมื่อคนทั้งหลายเห็นหมายสำคัญที่พระองค์ทรงทำ พวกเขาจึงพูดกันว่า “แท้จริงท่านผู้นี้เป็นผู้เผยพระวจนะคนนั้นที่จะมาในโลก” เมื่อพระเยซูทรงทราบว่าพวกเขาจะมาจับพระองค์ไปตั้งให้เป็นกษัตริย์ พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาอีกตามลำพัง พอค่ำลงพวกสาวกของพระองค์ก็ไปที่ทะเลสาบ แล้วลงเรือข้ามฟากไปยังคาเปอรนาอุม ขณะนั้นมืดแล้วและพระเยซูก็ยังไม่เสด็จไปหาพวกเขา ทะเลก็กำเริบขึ้นเพราะลมพัดแรง เมื่อพวกเขาตีกรรเชียงไปได้ประมาณห้าหกกิโลเมตร ก็เห็นพระเยซูทรงดำเนินมาบนทะเล กำลังเข้ามาใกล้เรือ พวกเขาต่างตกใจกลัว แต่พระองค์ตรัสกับเขาว่า “นี่เราเอง อย่ากลัวเลย” พวกเขาจึงเต็มใจรับพระองค์ขึ้นเรือ ทันใดนั้นเรือก็ถึงฝั่งที่เขาจะไปนั้น วันรุ่งขึ้นฝูงชนที่เหลืออยู่ฝั่งข้างโน้นเห็นว่า ก่อนนั้นมีเรืออยู่ที่นั่นเพียงลำเดียว และเห็นว่าพระเยซูไม่ได้เสด็จลงเรือลำนั้นไปกับพวกสาวก พวกสาวกของพระองค์ไปกันตามลำพังเท่านั้น เวลานั้นมีเรือลำอื่นๆ จากทิเบเรียส ผ่านมาใกล้ตำบลที่พวกเขากินขนมปังหลังจากองค์พระผู้เป็นเจ้าขอบพระคุณแล้ว ดังนั้นเมื่อฝูงชนเห็นว่าพระเยซูและพวกสาวกไม่ได้อยู่ที่นั่น พวกเขาจึงลงเรือไปตามหาพระเยซูที่เมืองคาเปอรนาอุม เมื่อพวกเขาพบพระองค์ที่ฝั่งทะเลสาบข้างโน้นแล้ว เขาทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ ท่านมาที่นี่เมื่อไหร่?” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ท่านตามหาเราไม่ใช่เพราะเห็นหมายสำคัญ แต่เพราะได้กินขนมปังอิ่ม อย่าทำงานเพื่อแสวงหาอาหารที่เสื่อมสูญได้ แต่จงแสวงหาอาหารที่คงทนอยู่จนถึงชีวิตนิรันดร์ ซึ่งบุตรมนุษย์จะมอบให้กับพวกท่าน เพราะพระเจ้าคือพระบิดาทรงรับรองท่านผู้นี้แล้ว” พวกเขาจึงทูลพระองค์ว่า “เราจะต้องทำอะไรบ้างถึงจะทำงานของพระเจ้าได้?” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “งานของพระเจ้าคือการวางใจในผู้ที่พระองค์ทรงใช้มา” พวกเขาจึงทูลพระองค์ว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านจะให้หมายสำคัญอะไรเพื่อที่เราจะเห็นและวางใจท่าน? ท่านจะทำอะไร? บรรพบุรุษของเราได้กินมานาในถิ่นทุรกันดาร ตามที่มีคำเขียนไว้ว่า ‘ท่านให้ พวกเขากินอาหารจากสวรรค์’ ” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ไม่ใช่โมเสสที่ให้อาหารจากสวรรค์นั้นแก่ท่าน แต่พระบิดาของเราเป็นผู้ประทานอาหารแท้ที่มาจากสวรรค์ให้กับพวกท่าน เพราะว่าอาหารของพระเจ้านั้นคือท่านที่ลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้กับโลก” พวกเขาจึงทูลพระองค์ว่า “ท่านเจ้าข้า ขอโปรดให้อาหารนั้นแก่เราตลอดไปเถิด” พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เราเป็นอาหารแห่งชีวิต คนที่มาหาเราจะไม่หิว และคนที่วางใจในเราจะไม่กระหายอีกเลย แต่เราก็บอกพวกท่านแล้วว่าท่านเห็นเราแล้วแต่ไม่วางใจ สารพัดที่พระบิดาประทานแก่เราจะมาหาเรา และคนที่มาหาเรา เราจะไม่ขับไล่เลย เพราะว่าเราลงมาจากสวรรค์ ไม่ใช่เพื่อทำตามความประสงค์ของเราเอง แต่เพื่อทำตามพระประสงค์ของผู้ทรงใช้เรามา และพระประสงค์ของผู้ทรงใช้เรามานั้นก็คือ ให้เรารักษาทุกสิ่งที่พระองค์ทรงมอบไว้กับเรา ไม่ให้หายไปสักสิ่งเดียว แต่ทำให้เป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย เพราะนี่แหละเป็นพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ที่จะให้ทุกคนที่เห็นพระบุตรและวางใจพระองค์มีชีวิตนิรันดร์ และเราเองจะให้คนนั้นเป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย”

แบ่งปัน
อ่าน ยอห์น 6

ยอห์น 6:1-40 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

หลังจากนั้นพระเยซูก็เสด็จไปข้ามทะเลสาบกาลิลี คือทะเลทิเบเรียส คนเป็นอันมากได้ตามพระองค์ไป เพราะเขาเหล่านั้นได้เห็นหมายสำคัญที่พระองค์ได้ทรงกระทำต่อบรรดาคนป่วย พระเยซูเสด็จขึ้นไปบนภูเขา และประทับกับเหล่าสาวกของพระองค์ ขณะนั้นใกล้จะถึงปัสกาซึ่งเป็นเทศกาลของพวกยิวแล้ว พระเยซูทรงเงยพระพักตร์ทอดพระเนตรเห็นคนเป็นอันมากพากันมาหาพระองค์ พระองค์จึงตรัสกับฟีลิปว่า <<ทำอย่างไรเราจึงจะซื้ออาหารให้คนเหล่านี้กินได้>> พระองค์ตรัสอย่างนั้นเพื่อจะลองใจฟีลิป เพราะพระองค์ทรงทราบแล้วว่า พระองค์จะทรงกระทำประการใด ฟีลิปทูลตอบพระองค์ว่า <<สองร้อยเหรียญเดนาริอัน ก็ไม่พอซื้ออาหารให้เขากินกันคนละเล็กละน้อย>> สาวกคนหนึ่งของพระองค์ คืออันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตรทูลพระองค์ว่า <<ที่นี่มีเด็กคนหนึ่งมีขนมบารลีห้าก้อนกับปลาสองตัว แต่เท่านั้นจะพออะไรกับคนมากอย่างนี้>> พระเยซูตรัสว่า <<ให้คนทั้งปวงนั่งลงเถิด>> ที่นั่นมีหญ้ามาก คนเหล่านั้นจึงนั่งลง นับแต่ผู้ชายได้ประมาณห้าพันคน แล้วพระเยซูก็ทรงหยิบขนมปังนั้น เมื่อโมทนาพระคุณแล้ว ก็ทรงแจกแก่บรรดาคนที่นั่งอยู่นั้น และให้ปลาด้วยตามที่เขาปรารถนา เมื่อเขาทั้งหลายกินอิ่มแล้วพระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า <<จงเก็บเศษอาหารที่เหลือไว้ อย่าให้มีสิ่งใดตกหล่น>> เขาจึงเก็บเศษขนมบารลีห้าก้อนซึ่งเหลือจากที่คนทั้งหลายได้กินแล้วนั้นใส่กระบุงได้สิบสองกระบุงเต็ม เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นหมายสำคัญซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำ เขาก็พูดกันว่า <<แท้จริงท่านผู้นี้เป็นผู้เผยพระวจนะนั้นที่ทรงกำหนดให้มาในโลก>> เมื่อพระเยซู ทรงทราบว่าเขาทั้งหลายจะมาจับพระองค์ไปตั้งให้เป็นกษัตริย์ พระองค์ก็เสด็จไปที่ภูเขาอีกแต่ลำพัง พอค่ำลงเหล่าสาวกของพระองค์ก็ได้ไปที่ทะเลสาบ แล้วลงเรือข้ามฟากไปยังคาเปอรนาอุม มืดแล้ว แต่พระเยซูก็ยังมิได้เสด็จไปถึงเขา ทะเลก็กำเริบขึ้นเพราะลมพัดกล้า เมื่อเขาทั้งหลายตีกรรเชียงไปได้ประมาณห้าหกกิโลเมตร เขาก็เห็นพระเยซูเสด็จดำเนินมาบนทะเลใกล้เรือ เขาต่างก็ตกใจกลัว แต่พระองค์ตรัสแก่เขาว่า <<นี่เราเองแหละ อย่ากลัวเลย>> ดังนั้นเขาจึงรับพระองค์ขึ้นเรือด้วยความยินดี แล้วทันใดนั้นเรือก็ถึงฝั่งที่เขาจะไปนั้น วันรุ่งขึ้นคนที่เหลืออยู่ฝั่งข้างโน้นเห็นว่า ก่อนนั้นมีเรืออยู่ที่นั่นเพียงลำเดียว และเห็นว่าพระเยซูมิได้เสด็จลงเรือลำนั้นไปกับเหล่าสาวก เหล่าสาวกของพระองค์ไปตามลำพังเท่านั้น แต่ก็มีเรือลำอื่นมาจากทิเบเรียสผ่านมา ใกล้ตำบลที่เขาได้กินขนมปังหลังจากที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงขอบพระคุณแล้ว เหตุฉะนั้นเมื่อประชาชนเห็นว่า พระเยซูและเหล่าสาวกไม่ได้อยู่ที่นั่น เขาจึงลงเรือไปตามหาพระเยซูที่เมืองคาเปอรนาอุม ครั้นเขาได้พบพระองค์ที่ฝั่งทะเลสาบข้างโน้นแล้ว เขาทั้งหลายทูลพระองค์ว่า <<พระอาจารย์เจ้าข้า ท่านมาที่นี่เมื่อไร>> พระเยซูตรัสกับเขาว่า <<เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทั้งหลายตามหาเรามิใช่เพราะได้เห็นหมายสำคัญ แต่เพราะได้กินขนมปังอิ่ม อย่าขวนขวายหาอาหารที่เสื่อมสิ้นไป แต่จงหาอาหารที่ดำรงอยู่คืออาหารแห่งชีวิตนิรันดร์ ซึ่งบุตรมนุษย์จะให้แก่ท่าน เพราะพระเจ้าคือพระบิดาได้ทรงประทับตรามอบอำนาจแก่พระบุตรแล้ว>> แล้วเขาทั้งหลายก็ทูลพระองค์ว่า <<ข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องทำประการใด จึงจะทำงานของพระเจ้าได้>> พระเยซูตรัสตอบเขาว่า <<งานของพระเจ้านั้น คือการที่ท่านวางใจในท่านที่พระองค์ทรงใช้มา>> เขาทั้งหลายจึงทูลพระองค์ว่า <<ถ้าเช่นนั้นท่านจะกระทำหมายสำคัญอะไร เพื่อข้าพเจ้าทั้งหลายจะเห็นและวางใจในท่าน ท่านจะกระทำอะไรบ้าง บรรพบุรุษของข้าพเจ้าทั้งหลายได้กินมานาในถิ่นทุรกันดาร ตามที่มีคำเขียนไว้ว่า <ท่านได้ให้ เขากินอาหารจากสวรรค์ > >> พระเยซูก็ตรัสกับเขาว่า <<เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มิใช่โมเสสที่ให้อาหารจากสวรรค์นั้นแก่ท่าน แต่พระบิดาของเราประทานอาหารแท้ซึ่งมาจากสวรรค์ ให้แก่ท่านทั้งหลาย เพราะว่าอาหารของพระเจ้านั้น คือท่านที่ลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้แก่โลก>> เขาทั้งหลายจึงทูลพระองค์ว่า <<ท่านเจ้าข้า โปรดให้อาหารนั้นแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายเสมอไปเถิด>> พระเยซูตรัสกับเขาว่า <<เราเป็นอาหารแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิว และผู้ที่วางใจในเรา จะไม่กระหายอีกเลย แต่เราได้บอกท่านทั้งหลายแล้วว่า ท่านได้เห็นเราแล้วแต่ก็ไม่เชื่อ สารพัดที่พระบิดาทรงประทานแก่เรา จะมาสู่เรา และผู้ที่มาหาเรา เราก็จะไม่ทิ้งเขาเลย เพราะว่าเราได้ลงมาจากสวรรค์ มิใช่เพื่อกระทำตามความประสงค์ของเราเอง แต่เพื่อกระทำตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา และพระประสงค์ของพระบิดาผู้ทรงใช้เรามานั้น ก็คือให้เรารักษาบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงมอบไว้กับเรา มิให้หายไปสักคนเดียว แต่ให้ฟื้นขึ้นมาในวันที่สุด เพราะนี่แหละเป็นพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ที่จะให้ทุกคนที่เห็นพระบุตร และวางใจในพระบุตรได้มีชีวิตนิรันดร์ และเราจะให้ผู้นั้นฟื้นขึ้นมาในวันสุดท้าย>>

แบ่งปัน
อ่าน ยอห์น 6

ยอห์น 6:1-40 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

หลังจาก​นั้น​พระเยซู​ข้าม​ไป​อีก​ฟาก​หนึ่ง​ของ​ทะเลสาบ​กาลิลี (หรือ​ทะเลสาบ​ทิเบเรียส) มี​คน​มากมาย​ติดตาม​พระองค์​ไป เพราะ​พวก​เขา​เห็น​พระองค์​ทำ​สิ่ง​อัศจรรย์​ตอน​รักษา​คน​ป่วย พระเยซู​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา แล้ว​นั่ง​อยู่​กับ​พวกศิษย์​ของ​พระองค์ ตอนนั้น​ใกล้​จะ​ถึง​เทศกาล​วัน​ปลด​ปล่อย​ของ​ชาวยิว​แล้ว เมื่อ​พระองค์​เงย​หน้า​ขึ้น​ก็​เห็น​คน​มากมาย​พากัน​มาหา​พระองค์ พระองค์​พูด​กับ​ฟีลิป​ว่า “พวก​เรา​จะ​ไป​ซื้อ​อาหาร​ที่ไหน​ถึง​จะ​พอ​เลี้ยง​คน​ทั้งหมดนี้” (พระเยซู​ถาม​เพื่อ​ลองใจ​ฟีลิป เพราะ​พระองค์​รู้​อยู่​แล้ว​ว่า​จะ​ทำ​อย่าง​ไร) ฟีลิป​ตอบ​ว่า “เงิน​ค่าแรง​เกือบ​แปด​เดือน ก็​ยัง​ไม่​พอ​ซื้อ​อาหาร​ให้​คน​พวกนี้​กิน​กัน​คนละนิด​คนละหน่อย​ได้​เลย​ครับ” ศิษย์​อีก​คน​หนึ่ง​ของ​พระเยซู ชื่อ​อันดรูว์ น้องชาย​ของ​ซีโมน​เปโตร​บอก​พระองค์​ว่า “มี​เด็ก​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​นี่ มี​ขนมปัง​บาร์เลย์​อยู่​ห้า​ก้อน กับ​ปลา​อีก​สอง​ตัว​ครับ แต่​แค่นี้​จะ​ไป​พอ​อะไร​กับ​คน​ตั้ง​มากมาย​ขนาดนี้” พระเยซู​บอก​พวกศิษย์​ว่า “บอก​ให้​พวก​เขา​นั่ง​ลง” (ที่​นั่น​มี​หญ้า​ขึ้น​เต็ม​ไป​หมด) แล้ว​ทุก​คน​ก็​นั่ง​ลง (มี​ผู้ชาย​ประมาณ​ห้าพัน​คน​ใน​ฝูงชน​นั้น) พระเยซู​เอา​ขนมปัง​ของ​เด็กน้อย​คน​นั้น​มา เมื่อ​ขอบคุณ​พระเจ้า​เสร็จ​แล้ว ก็​แบ่ง​ขนมปัง​แจก​ให้​กับ​ทุกๆ​คน​ที่​นั่ง​อยู่​ที่​พื้น​นั้น​อย่าง​ไม่​อั้น และ​พระองค์​ก็​หยิบ​ปลา​มา​ทำ​อย่าง​เดียว​กัน เมื่อ​ผู้คน​กินกัน​จน​อิ่ม​แล้ว พระองค์​สั่ง​พวก​ศิษย์​ว่า “เก็บ​ขนมปัง​ที่​เหลือ​ให้​หมด จะ​ได้​ไม่​เสีย​ของ” พวก​ศิษย์​ก็​เก็บ​เศษ​ที่​เหลือ​จาก​ขนมปัง​ห้า​ก้อนนี้​ได้​สิบสอง​เข่ง​เต็มๆ เมื่อ​คน​พวกนี้​เห็น​สิ่ง​อัศจรรย์​ที่​พระองค์​ทำ เขา​เริ่ม​พูด​กัน​ว่า “คนนี้​ต้อง​เป็น​ผู้พูดแทนพระเจ้า​คน​นั้น​ที่​ว่า​กัน​ว่า​จะ​มา​ใน​โลกนี้​แน่ๆ” เมื่อ​พระเยซู​รู้​ว่า​พวก​เขา​จะ​มา​บีบ​บังคับ​ให้​พระองค์​ไป​เป็น​กษัตริย์​ของ​พวก​เขา พระองค์​ก็​หลบ​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​เพียง​คน​เดียว พอ​ตก​เย็น​พวก​ศิษย์​ของ​พระองค์​ไป​ที่​ทะเลสาบ พวก​เขา​ลง​เรือ​และ​เริ่ม​ข้าม​ฟาก​ไป​ที่​เมือง​คาเปอรนาอุม ตอน​นั้น​มืด​แล้ว แต่​พระเยซู​ยัง​ไม่​ได้​มา​หา​พวก​เขา เกิด​พายุ​ขึ้น​ทำ​ให้​คลื่น​ใน​ทะเลสาบ​ปั่นป่วน​รุนแรง​มาก หลังจาก​ที่​พวก​ศิษย์​พายเรือ​ออก​จาก​ฝั่ง​มา​ได้​ประมาณ​ห้า​ถึง​หก​กิโลเมตร พวก​เขา​เห็น​พระเยซู​กำลัง​เดิน​อยู่​บน​น้ำ​ตรง​มา​ที่​เรือ พวก​เขา​ต่าง​ก็​ตกใจ​กลัว แต่​พระเยซู​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “นี่​เรา​เอง ไม่​ต้อง​กลัว” พวก​เขา​ก็​ดีอก​ดีใจ​และ​รับ​พระองค์​ขึ้น​มา​บน​เรือ แล้ว​เรือ​ก็​ถึง​ฝั่ง​ที่​พวก​เขา​จะ​ไป​ทันที วัน​ต่อมา​ฝูงชน​ที่​ยัง​คง​อยู่​ใน​บริเวณ​ที่​พระเยซู​เลี้ยง​อาหาร​นั้น ต่าง​ก็​รู้​ว่า​ที่​นั่น​มี​เรือ​อยู่​แค่​ลำ​เดียว และ​พวกศิษย์​ลง​เรือ​ลำ​นั้น​ไป​แล้ว พระเยซู​ไม่​ได้​ไป​ด้วย พวก​เขา​ก็​เลย​ตาม​หา​พระเยซู​กัน​เป็น​การใหญ่ มี​เรือ​บาง​ลำ​มา​จาก​ทิเบเรียส​เข้า​ไป​จอด​ที่​ฝั่ง​ใกล้ๆ​กับ​ที่​พวก​เขา​ได้​กิน​อาหาร​กัน คือ​หลัง​จาก​ที่​พระเยซู​องค์​เจ้า​ชีวิต​ได้​ขอบคุณ​พระเจ้า​แล้ว เมื่อ​ประชาชน​เห็น​ว่า​ทั้ง​พระเยซู และ​พวกศิษย์​ไม่​ได้​อยู่​ที่​นั่น พวก​เขา​ก็​ลง​เรือ​ไป​ตาม​หา​พระองค์​ที่​เมือง​คาเปอรนาอุม เมื่อ​พวก​เขา​พบ​พระเยซู​ที่​อีก​ฝั่ง​หนึ่ง​ของ​ทะเลสาบ พวก​เขา​ก็​ถาม​พระองค์​ว่า “อาจารย์​มา​ที่​นี่​ตั้งแต่​เมื่อไหร่​ครับ” พระเยซู​ตอบ​ว่า “เรา​ขอ​พูด​ตรงๆ​นะ ที่​พวกคุณ​ตาม​หา​เรา ไม่​ใช่​เป็น​เพราะ​เข้าใจ​อย่าง​ถ่องแท้​แล้ว​ถึง​สิ่ง​อัศจรรย์​ที่​พวก​คุณ​ได้​เห็น แต่​เป็น​เพราะ​ได้​กิน​อาหาร​จน​อิ่มหนำ​สำราญ​ต่าง​หาก อย่า​ทำงาน​เพื่อ​จะ​ได้​อาหาร​ที่​เน่าเสีย แต่​ให้​ทำงาน​เพื่อ​จะ​ได้​อาหาร​ทิพย์​ที่​ให้​ชีวิต​ที่​อยู่​กับ​พระเจ้า​ตลอด​ไป บุตร​มนุษย์​จะ​ให้​อาหารทิพย์​นั้น​กับ​พวก​คุณ เพราะ​พระเจ้า​พระบิดา​ให้​สิทธิอำนาจ​กับ​บุตร​มนุษย์​ที่​จะ​ทำ​สิ่งนี้” พวก​เขา​ถาม​พระองค์​ว่า “แล้ว​พวก​เรา​ควร​จะ​ทำงาน​อะไร​ล่ะ พระเจ้า​ถึง​จะ​พอใจ” พระเยซู​ตอบ​ว่า “งาน​ที่​จะ​ทำ​ให้​พระเจ้า​พอใจ​คือ การไว้วางใจ​คนๆ​นั้น​ที่​พระเจ้า​ส่ง​มา” พวกเขา​ถาม​อีก​ว่า “อาจารย์​จะ​ทำ​สิ่ง​อัศจรรย์​อะไร​ให้​ดู​ล่ะ เพื่อ​ที่​เรา​จะ​ได้​เชื่อ​ว่า​พระเจ้า​ส่ง​อาจารย์​มา ตกลง​ว่า​จะ​ทำ​อะไร​ให้​ดู​ล่ะ บรรพบุรุษ​ของ​พวก​เรา​เคย​กิน​มานา​ใน​ที่​เปล่า​เปลี่ยว​แห้งแล้ง​ตาม​ที่​พระคัมภีร์​เขียน​ไว้​ว่า ‘เขา​ได้​ให้​ขนมปัง​จาก​สวรรค์​กับ​พวก​เขา’” พระเยซู​พูด​ว่า “จริงๆ​แล้ว​โมเสส​ไม่​ได้​เป็น​คน​ที่​ให้​ขนมปัง​จาก​สวรรค์​นั้น​กับ​คุณ​หรอก แต่​เป็น​พระบิดา​ของ​เรา​ต่างหาก​ที่​กำลัง​ให้​อาหาร​อัน​แท้จริง​จาก​สวรรค์​กับ​คุณ เพราะ​ขนมปัง​จาก​พระเจ้านั้น​ก็​คือ​คน​ที่​ลง​มา​จาก​สวรรค์ และ​ให้​ชีวิต​กับ​โลกนี้” พวก​เขา​จึง​ว่า “ท่าน​ครับ ถ้า​อย่าง​นั้น ให้​ขนมปัง​นั้น​กับ​พวก​เรา​ตลอด​ไป​ด้วย​เถอะ” พระเยซู​พูด​ว่า “ตัว​เรา​นี่​แหละ​คือ​ขนมปัง​ที่​ให้​ชีวิต คน​ที่​มาหา​เรา​จะ​ไม่​หิว​อีก​เลย และ​คน​ที่​ไว้วางใจ​เรา​จะ​ไม่​กระหาย​น้ำ​อีก​เลย แต่​ก็​อย่าง​ที่​เรา​พูด​แล้ว พวก​คุณ​ได้​เห็น​เรา​แล้ว แต่​ก็​ยัง​ไม่​ยอม​ไว้วางใจ​เรา​อยู่​ดี ทุก​คน​ที่​พระบิดา​ยกให้กับ​เรา ก็​จะ​มา​หา​เรา และ​ใคร​ก็​ตาม​ที่​มา​หา​เรา เรา​จะ​ไม่​ไล่​เขา​ไป​จาก​เรา​เลย เพราะ​เรา​ไม่​ได้​ลง​มา​จาก​สวรรค์​เพื่อ​ทำ​ตามใจ​ตัวเอง แต่​มา​เพื่อ​ทำ​ตามใจ​ของ​พระองค์​ผู้ที่​ส่ง​เรา​มา นี่​คือ​สิ่ง​ที่​พระ​บิดา​ผู้ที่​ส่ง​เรา​มา​อยาก​ให้​เรา​ทำ คือ​ให้​เก็บ​รักษา​ทุก​คน​ที่​พระองค์​ยก​ให้​กับ​เรา​ไว้​ไม่​ให้​สูญ​หาย​ไป​สัก​คน​เดียว และ​ทำ​ให้​เขา​ฟื้นขึ้น​มา​มี​ชีวิต​ใน​วัน​สุดท้าย พระบิดา​ของ​เรา​อยาก​ให้​ทุก​คน​ที่​เห็น​พระบุตร​และ​ไว้วางใจ​พระบุตร​นั้น มี​ชีวิต​กับ​พระเจ้า​ตลอด​ไป และ​เรา​จะ​ทำ​ให้​พวก​เขา​ฟื้นขึ้น​มา​มี​ชีวิต​ใน​วัน​สุดท้าย”

แบ่งปัน
อ่าน ยอห์น 6

ยอห์น 6:1-40 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ภายหลังเหตุ​การณ์​เหล่านี้​พระเยซู​ก็​เสด็จไปข้ามทะเลกาลิลี คือทะเลทิเบเรียส คนเป็​นอ​ันมากได้ตามพระองค์​ไป เพราะเขาเหล่านั้นได้​เห​็นการอัศจรรย์​ที่​พระองค์​ได้​ทรงกระทำต่อบรรดาคนป่วย พระเยซู​เสด็จขึ้นไปบนภูเขาและประทั​บก​ับเหล่าสาวกของพระองค์​ที่นั่น ขณะนั้นใกล้จะถึงปัสกาซึ่งเป็นเทศกาลเลี้ยงของพวกยิวแล้ว เมื่อพระเยซูทรงเงยพระพักตร์ทอดพระเนตรและเห็นคนเป็​นอ​ันมากพากันมาหาพระองค์ พระองค์​จึงตรัสกับฟีลิปว่า “เราจะซื้ออาหารที่ไหนให้คนเหล่านี้กินได้” พระองค์​ตรั​สอย​่างนั้นเพื่อจะลองใจฟี​ลิป เพราะพระองค์ทรงทราบแล้​วว​่าพระองค์จะทรงกระทำประการใด ฟี​ลิปทูลตอบพระองค์​ว่า “สองร้อยเหรียญเดนาริอั​นก​็​ไม่​พอซื้ออาหารให้เขากิ​นก​ันคนละเล็กละน้อย” สาวกคนหนึ่งของพระองค์คื​ออ​ันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตรทูลพระองค์​ว่า “​ที่นี่​มี​เด็กชายคนหนึ่​งม​ีขนมข้าวบาร์​เลย​์ห้าก้อนกับปลาเล็กๆสองตัว แต่​เท่​านั้นจะพออะไรกับคนมากอย่างนี้” พระเยซู​ตรั​สว​่า “​ให้​คนทั้งปวงนั่งลงเถิด” ที่​นั่​นม​ีหญ้ามาก คนเหล่านั้นจึงนั่งลง นับแต่​ผู้​ชายได้ประมาณห้าพันคน แล​้วพระเยซู​ก็​ทรงหยิบขนมปังนั้น และเมื่อขอบพระคุณแล้ว ก็​ทรงแจกแก่พวกสาวก และพวกสาวกแจกแก่บรรดาคนที่นั่งอยู่​นั้น และให้ปลาด้วยตามที่เขาปรารถนา เมื่อเขาทั้งหลายกิ​นอ​ิ่มแล้วพระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์​ว่า “จงเก็บเศษอาหารที่เหลือไว้ เพื่อไม่​ให้​มี​สิ​่งใดเสียไป” เขาจึงเก็บเศษขนมข้าวบาร์​เลย​์ห้าก้อนซึ่งเหลือจากที่คนทั้งหลายได้กินแล้​วน​ั้น ใส่​กระบุงได้​สิ​บสองกระบุงเต็ม เมื่อคนเหล่านั้นได้​เห​็นการอัศจรรย์ซึ่งพระเยซู​ได้​ทรงกระทำ เขาก็​พู​ดก​ั​นว​่า “​แท้​จร​ิงท่านผู้​นี้​เป็นศาสดาพยากรณ์นั้​นที​่ทรงกำหนดให้​เข​้ามาในโลก” เมื่อพระเยซูทรงทราบว่า เขาทั้งหลายจะมาจับพระองค์ไปตั้งให้เป็นกษั​ตริ​ย์ พระองค์​ก็​เสด็จไปที่​ภู​เขาอีกแต่​ลำพัง พอค่ำลงเหล่าสาวกของพระองค์​ก็ได้​ลงไปที่​ทะเล แล​้วลงเรือข้ามฟากไปยังเมืองคาเปอรนาอุม มืดแล้วแต่​พระเยซู​ก็​ยั​งม​ิ​ได้​เสด็จไปถึงเขา ทะเลก็กำเริบขึ้นเพราะลมพัดกล้า เมื่อเขาทั้งหลายตีกรรเชียงไปได้ประมาณห้าหกกิโลเมตร เขาก็​เห​็นพระเยซูเสด็จดำเนินมาบนทะเลใกล้​เรือ เขาต่างก็​ตกใจกลัว แต่​พระองค์​ตรัสแก่เขาว่า “​นี่​เป็นเราเอง อย่ากลัวเลย” ดังนั้นเขาจึงรับพระองค์ขึ้นเรื​อด​้วยความเต็มใจ แล​้​วท​ันใดนั้นเรื​อก​็ถึงฝั่งที่เขาจะไปนั้น วันรุ่งขึ้น เมื่อคนที่​อยู่​ฝั่งข้างโน้นเห็​นว​่าไม่​มี​เรื​ออ​ื่​นที​่​นั่น เว้นแต่​ลำที่​เหล่​าสาวกของพระองค์ลงไปเพียงลำเดียว และเห็​นว​่าพระเยซู​มิได้​เสด็จลงเรือลำนั้นไปกับเหล่าสาวก แต่​เหล่​าสาวกของพระองค์ไปตามลำพังเท่านั้น (​แต่​มี​เรือลำอื่นมาจากทิเบเรียส ใกล้​สถานที่​ที่​เขาได้กินขนมปัง หลังจากที่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงขอบพระคุณแล้ว) เหตุ​ฉะนั้นเมื่อประชาชนเห็​นว​่า พระเยซู​และเหล่าสาวกไม่​ได้​อยู่​ที่นั่น เขาจึงลงเรือไปและตามหาพระเยซู​ที่​เมืองคาเปอรนาอุม ครั้นเขาได้พบพระองค์​ที่​ฝั่งทะเลข้างโน้นแล้ว เขาทั้งหลายทูลพระองค์​ว่า “รับบี ท่านมาที่​นี่​เมื่อไร​” พระเยซู​ตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทั้งหลายตามหาเรามิ​ใช่​เพราะได้​เห​็นการอัศจรรย์​นั้น แต่​เพราะได้กินขนมปั​งอ​ิ่ม อย่าขวนขวายหาอาหารที่ย่อมเสื่อมสูญไป แต่​จงหาอาหารที่​ดำรงอยู่​ถึงชีวิ​ตน​ิรันดร์ซึ่​งบ​ุตรมนุษย์จะให้​แก่​ท่าน เพราะพระเจ้าคือพระบิดาได้ทรงประทับตรามอบอำนาจแก่พระบุตรแล้ว” แล​้วเขาทั้งหลายก็ทูลพระองค์​ว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องทำประการใด จึงจะทำงานของพระเจ้าได้” พระเยซู​ตรัสตอบเขาว่า “งานของพระเจ้านั้นคือการที่ท่านเชื่อในท่านที่​พระองค์​ทรงใช้​มาน​ั้น” เขาทั้งหลายจึงทูลพระองค์​ว่า “​ถ้าเช่นนั้น ท่านจะกระทำหมายสำคัญอะไร เพื่อข้าพเจ้าทั้งหลายจะเห็นและเชื่อในท่าน ท่านจะกระทำการอะไรบ้าง บรรพบุรุษของข้าพเจ้าทั้งหลายได้กินมานาในถิ่นทุ​รก​ันดารนั้น ตามที่​มี​คำเขียนไว้​ว่า ‘ท่านได้​ให้​เขากินอาหารจากสวรรค์’” พระเยซู​จึงตรัสกับเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มิใช่​โมเสสที่​ให้​อาหารจากสวรรค์นั้นแก่​ท่าน แต่​พระบิดาของเราประทานอาหารแท้ซึ่งมาจากสวรรค์​ให้​แก่​ท่านทั้งหลาย เพราะว่าอาหารของพระเจ้านั้น คือท่านที่ลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้​แก่​โลก​” เขาทั้งหลายจึงทูลพระองค์​ว่า “​พระองค์​เจ้าข้า โปรดให้อาหารนั้นแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายเสมอไปเถิด” พระเยซู​ตรัสกับเขาว่า “เราเป็นอาหารแห่งชีวิต ผู้​ที่​มาหาเราจะไม่หิ​วอ​ีก และผู้​ที่​เชื่อในเราจะไม่กระหายอีกเลย แต่​เราได้บอกท่านทั้งหลายแล้​วว​่า ท่านได้​เห​็นเราแล้วแต่​ก็​ไม่เชื่อ สารพัดที่พระบิดาทรงประทานแก่เราจะมาสู่​เรา และผู้​ที่​มาหาเรา เราก็จะไม่ทิ้งเขาเลย เพราะว่าเราได้ลงมาจากสวรรค์ มิใช่​เพื่อกระทำตามความประสงค์ของเราเอง แต่​เพื่อกระทำตามพระประสงค์ของพระองค์​ผู้​ทรงใช้เรามา และพระประสงค์ของพระบิดาผู้ทรงใช้เรามานั้น ก็​คือให้เรารักษาบรรดาผู้​ที่​พระองค์​ได้​ทรงมอบไว้กับเรา มิ​ให้​หายไปสักคนเดียว แต่​ให้​ฟื้นขึ้นมาในวั​นที​่​สุด เพราะนี่แหละเป็นพระประสงค์ของผู้​ที่​ทรงใช้เรามานั้น ที่​จะให้​ทุ​กคนที่​เห​็นพระบุตร และเชื่อในพระบุตรได้​มี​ชี​วิ​ตน​ิรันดร์ และเราจะให้​ผู้​นั้นฟื้นขึ้นมาในวันสุดท้าย”

แบ่งปัน
อ่าน ยอห์น 6

ยอห์น 6:1-40 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ต่อมาพระเยซูทรงข้ามทะเลกาลิลี (คือทะเลทิเบเรียส) ไปยังอีกฟากหนึ่ง ประชาชนกลุ่มใหญ่ติดตามพระองค์ไปเพราะพวกเขาเห็นหมายสำคัญที่ได้ทรงกระทำแก่คนป่วย แล้วพระเยซูทรงขึ้นไปบนเนินเขาและประทับนั่งกับเหล่าสาวกของพระองค์ ขณะนั้นใกล้ถึงเทศกาลปัสกาของชาวยิวแล้ว เมื่อพระเยซูทรงมองไปเห็นคนหมู่ใหญ่มาหาพระองค์ก็ตรัสกับฟีลิปว่า “เราจะไปซื้อหาอาหารที่ไหนมาให้คนเหล่านี้รับประทาน?” พระองค์ตรัสถามเช่นนี้เพียงเพื่อทดสอบฟีลิป เพราะพระองค์ทรงดำริไว้แล้วว่าจะทำอะไร ฟีลิปทูลตอบพระองค์ว่า “เงินค่าแรงแปดเดือนยังซื้อขนมปังได้ไม่พอให้คนเหล่านี้กินกันคนละคำ!” สาวกอีกคนหนึ่งคืออันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตรทูลขึ้นว่า “เด็กคนหนึ่งที่นี่มีขนมปังข้าวบาร์เลย์ห้าก้อนกับปลาเล็กๆ สองตัว แต่จะพออะไรกับคนมากมายขนาดนี้?” พระเยซูตรัสว่า “ให้ประชาชนนั่งลง” ที่นั่นมีหญ้ามาก พวกผู้ชายจึงนั่งลง พวกเขามีราวห้าพันคน แล้วพระเยซูทรงรับขนมปังมา ขอบพระคุณพระเจ้า และแจกจ่ายให้ผู้ที่นั่งอยู่ได้กินกันมากเท่าที่เขาต้องการ พระองค์ทรงหยิบปลามาทำเช่นเดียวกัน เมื่อทุกคนอิ่มแล้ว พระองค์ตรัสสั่งเหล่าสาวกว่า “จงเก็บรวบรวมเศษที่เหลือ อย่าให้เสียของ” พวกเขาจึงเก็บเศษที่เหลือจากขนมปังข้าวบาร์เลย์ห้าก้อนได้เต็มสิบสองตะกร้า หลังจากประชาชนเห็นหมายสำคัญที่พระเยซูได้ทรงกระทำ ก็เริ่มพูดกันว่า “นี่คือผู้เผยพระวจนะนั้นที่จะเข้ามาในโลกอย่างแน่นอน” พระเยซูทรงทราบว่าพวกเขาตั้งใจจะมาใช้กำลังบังคับให้พระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ จึงเสด็จเลี่ยงขึ้นไปบนภูเขาแต่ลำพังอีก พอพลบค่ำเหล่าสาวกของพระองค์มาที่ทะเลสาบ แล้วลงเรือข้ามฟากไปยังเมืองคาเปอรนาอุม ขณะนั้นมืดแล้วและพระเยซูยังไม่ได้เสด็จไปสมทบกับพวกเขา ทะเลปั่นป่วนเพราะลมพัดจัด พวกเขาตีกรรเชียงไปได้ประมาณ 5 หรือ 6 กิโลเมตร ก็เห็นพระเยซูทรงดำเนินบนน้ำเข้ามาหาเรือ พวกเขาจึงตกใจกลัว แต่พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “นี่เราเอง อย่ากลัวเลย” แล้วพวกเขาจึงเต็มใจรับพระองค์ขึ้นเรือ และทันใดนั้นเรือก็ถึงฝั่งที่กำลังมุ่งหน้าไป วันรุ่งขึ้นประชาชนที่อยู่อีกฟากเห็นว่าก่อนหน้านั้นที่นั่นมีเรืออยู่ลำเดียว และพระเยซูก็ไม่ได้ลงเรือลำนั้นไปกับเหล่าสาวก พวกสาวกไปกันเองตามลำพัง มีเรือลำอื่นๆ จากทิเบเรียสมาจอดใกล้ๆ ที่ซึ่งประชาชนได้กินขนมปังหลังจากพระเยซูได้ทรงขอบพระคุณพระเจ้าแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นว่าพระเยซูกับเหล่าสาวกไม่ได้อยู่ที่นั่น จึงลงเรือมายังเมืองคาเปอรนาอุมเพื่อตามหาพระเยซู เมื่อประชาชนพบพระองค์ที่อีกฟากของทะเลสาบก็ทูลถามพระองค์ว่า “รับบี ท่านมาถึงที่นี่เมื่อใด?” พระเยซูตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า พวกท่านตามหาเราไม่ใช่เพราะเห็นหมายสำคัญ แต่เพราะได้กินขนมปังจนอิ่ม อย่าขวนขวายหาอาหารที่เน่าเสียได้ แต่จงหาอาหารที่คงอยู่ถึงชีวิตนิรันดร์ซึ่งบุตรมนุษย์จะให้แก่ท่าน พระเจ้าพระบิดาทรงประทับตรารับรองบุตรมนุษย์แล้ว” แล้วพวกเขาทูลถามพระองค์ว่า “พวกเราต้องทำประการใด เพื่อจะทำงานที่พระเจ้าทรงประสงค์?” พระเยซูตรัสตอบว่า “งานของพระเจ้าคือ จงเชื่อในผู้ที่พระองค์ทรงส่งมา” ดังนั้นพวกเขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “ท่านจะให้หมายสำคัญอะไรเพื่อเราจะได้เห็นและเชื่อท่าน? ท่านจะทำอะไรบ้าง? บรรพบุรุษของเราได้กินมานาในถิ่นกันดารตามที่มีเขียนไว้ว่า ‘พระองค์ประทานอาหารจากสวรรค์ให้พวกเขารับประทาน’” พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ไม่ใช่โมเสสที่ให้อาหารจากสวรรค์นั้นแก่ท่าน แต่เป็นพระบิดาของเราที่ประทานอาหารแท้จากสวรรค์แก่ท่าน เพราะอาหารจากพระเจ้า คือผู้ที่ลงมาจากสวรรค์และให้ชีวิตแก่โลก” พวกเขาทูลว่า “ท่านเจ้าข้า จากนี้ไปโปรดให้อาหารนี้แก่เราเถิด” แล้วพระเยซูประกาศว่า “เราเป็นอาหารแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่มีวันหิวโหยและผู้ที่เชื่อในเราจะไม่มีวันกระหายอีกเลย แต่ตามที่เราได้บอกท่านไว้แล้ว ท่านได้เห็นเราแต่ก็ยังไม่เชื่อ คนทั้งปวงที่พระบิดาประทานแก่เราจะมาหาเรา และผู้ที่มาหาเรา เราก็จะไม่มีวันขับไล่เขาไป เพราะเราได้ลงมาจากสวรรค์มิใช่เพื่อทำตามใจของเราเองแต่เพื่อทำตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา และพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงส่งเรามาคือ ไม่ให้เราสูญเสียคนทั้งปวงที่พระองค์ประทานแก่เราไปแม้สักคนเดียว แต่จะให้คนเหล่านี้เป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย เพราะพระบิดาของเราทรงประสงค์ให้ทุกคนที่เห็นและเชื่อในพระบุตรมีชีวิตนิรันดร์ และเราจะให้เขาเป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย”

แบ่งปัน
อ่าน ยอห์น 6

ยอห์น 6:1-40 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

หลัง​จาก​นั้น​พระ​เยซู​ได้​เดิน​ทาง​ไป​ยัง​อีก​ฟาก​หนึ่ง​ของ​ทะเลสาบ​กาลิลี ซึ่ง​มี​อีก​ชื่อ​หนึ่ง​ว่า​ทะเลสาบ​ทิเบเรียส ผู้​คน​จำนวน​มาก​ติดตาม​พระ​องค์​ไป เพราะ​พวก​เขา​ได้​เห็น​ปรากฏการณ์​อัศจรรย์​ต่างๆ ซึ่ง​พระ​องค์​กระทำ​ต่อ​บรรดา​คนป่วย แล้ว​พระ​เยซู​ขึ้น​ไป​นั่ง​บน​ภูเขา​กับ​บรรดา​สาวก​ของ​พระ​องค์ ใน​เวลา​นั้น​ใกล้​ถึง​เทศกาล​ปัสกา​ของ​ชาว​ยิว​แล้ว เมื่อ​พระ​เยซู​เงยหน้า​ขึ้น​ก็​พบ​ว่า​ผู้​คน​จำนวน​มาก​ได้​พา​กัน​มา​หา​พระ​องค์ พระ​องค์​จึง​กล่าว​กับ​ฟีลิป​ว่า “เรา​จะ​ซื้อ​อาหาร​ที่​ไหน​ให้​คน​เหล่า​นี้​รับประทาน​ได้” คำ​ถาม​นี้​พระ​องค์​ได้​ถาม​เพื่อ​เป็น​การ​ลองใจ​เขา​ดู เพราะ​จริงๆ แล้ว​พระ​องค์​ทราบ​แล้ว​ว่า​จะ​ทำ​อย่างไร ฟีลิป​ตอบ​พระ​องค์​ว่า “200 เหรียญ​เดนาริอัน​ก็​ไม่​พอ​ซื้อ​อาหาร​ให้​ทุก​คน​รับประทาน​คน​ละ​เล็ก​ละ​น้อย​ได้” อันดรูว์​น้อง​ชาย​ของ​ซีโมน​เปโตร​ซึ่ง​เป็น​สาวก​คน​หนึ่ง​ได้​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “เด็ก​คน​หนึ่ง​ที่​นี่​มี​ขนมปัง​ลูกเดือย 5 ก้อน​กับ​ปลา 2 ตัว เพียง​เท่า​นั้น​จะ​พอ​สำหรับ​คน​มาก​อย่าง​นี้​หรือ” พระ​เยซู​กล่าว​ว่า “ให้​ทุก​คน​นั่ง​ลง” 5,000 คน​ก็​นั่ง​บน​บริเวณ​ที่​มี​หญ้า​ซึ่ง​กว้างขวาง​เพียงพอ พระ​เยซู​หยิบ​ขนมปัง และ​เมื่อ​ขอบคุณ​พระ​เจ้า​แล้ว พระ​องค์​ก็​แจก​ขนมปัง​และ​ปลา​แก่​คน​ที่​นั่ง​ลง ได้​มาก​พอ​ตาม​ที่​ต้องการ​กัน เมื่อ​คน​รับประทาน​กัน​จน​อิ่ม​แล้ว พระ​องค์​จึง​กล่าว​กับ​บรรดา​สาวก​ว่า “จง​รวบ​รวม​อาหาร​ที่​เหลือ​ไว้ อย่า​ให้​เสีย​ของ” พวก​เขา​จึง​รวบ​รวม​ขนมปัง​ใส่​ใน​ตะกร้า​ได้ 12 ใบ​เต็มๆ เป็น​อาหาร​ที่​คน​รับประทาน​เหลือ​จาก​ขนมปัง​ลูกเดือย 5 ก้อน ฉะนั้น​เมื่อ​ผู้​คน​เห็น​ปรากฏการณ์​อัศจรรย์​ที่​พระ​องค์​ได้​กระทำ จึง​พูด​ว่า “นี่​เป็น​ผู้เผย​คำกล่าว​ที่​แท้​จริง​ของ​พระ​เจ้า​ซึ่ง​ได้​รับ​มอบ​หมาย​ให้​มา​ใน​โลก” พระ​เยซู​ทราบ​ว่า เขา​เหล่า​นั้น​ตั้งใจ​ที่​จะ​ใช้​กำลัง​จับกุม​พระ​องค์​ไป​เพื่อ​ให้​เป็น​กษัตริย์ จึง​ได้​ปลีกตัว​ออก​ไป​ยัง​ภูเขา​แต่​เพียง​ลำพัง​อีก ครั้น​ถึง​เวลา​เย็น​พวก​สาวก​ของ​พระ​องค์​ก็​เดิน​ลง​ไป​ยัง​ทะเลสาบ แล้ว​ลง​เรือ​ข้าม​ทะเลสาบ​ไป​ยัง​เมือง​คาเปอร์นาอุม จน​มืด​แล้ว​พระ​เยซู​ก็​ยัง​ไม่​ได้​กลับ​มา​หา​พวก​เขา ลม​พายุ​ได้​ทำ​ให้​เกิด​คลื่น​ลม​แรง​ใน​ทะเลสาบ เมื่อ​พวก​สาวก​ตี​กรรเชียง​ไป​ได้​ห้า​หก​กิโลเมตร ก็​เห็น​พระ​เยซู​เดิน​บน​ผิว​น้ำ​เข้า​ไป​ใกล้​เรือ พวก​เขา​พา​กัน​ตกใจ​กลัว​ยิ่งนัก แต่​พระ​องค์​กล่าว​กับ​เขา​ว่า “นี่​เรา​เอง อย่า​กลัว​เลย” พวก​เขา​จะ​รับ​พระ​องค์​ขึ้น​เรือ แต่​พริบตา​เดียว​เท่า​นั้น​เรือ​ก็​ถึง​ฝั่ง​ที่​เขา​จะ​ไป​กัน วัน​รุ่งขึ้น​ฝูง​ชน​ที่​ยัง​พัก​อยู่​อีก​ฟาก​ของ​ทะเลสาบ​เห็น​ว่า ก่อน​หน้า​นั้น​มี​เพียง​เรือ​ลำ​เดียว​จอด​อยู่ และ​พวก​สาวก​ได้​ใช้​เรือ​ลำ​นั้น​ออก​กัน​ไป พระ​เยซู​ไม่​ได้​ไป​ด้วย หลัง​จาก​นั้น​มี​เรือ​จาก​เมือง​ทิเบเรียส​ลำ​อื่นๆ จอด​อยู่​ที่​ฝั่ง​ใกล้​บริเวณ​ที่​พระ​เยซู​เจ้า​ได้​กล่าว​ขอบคุณ​พระ​เจ้า​สำหรับ​ขนมปัง​ที่​พวก​เขา​ได้​รับประทาน​กัน เมื่อ​ฝูง​ชน​เห็น​ว่า พระ​เยซู​และ​บรรดา​สาวก​ไม่​อยู่​ที่​นั่น พวก​เขา​จึง​ลง​เรือ​กัน​ไป​ตาม​หา​พระ​เยซู​ที่​เมือง​คาเปอร์นาอุม เมื่อ​พวก​เขา​พบ​พระ​องค์​ที่​อีก​ฟาก​หนึ่ง​ของ​ทะเลสาบ จึง​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “รับบี ท่าน​มา​ที่​นี่​เมื่อไร” พระ​เยซู​กล่าว​ตอบ​ว่า “เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​ท่าน​ว่า ที่​ท่าน​ตาม​หา​เรา​มิ​ใช่​เพราะ​ท่าน​เห็น​ปรากฏการณ์​อัศจรรย์​ต่างๆ แต่​เป็น​เพราะ​ท่าน​ได้​รับประทาน​ขนมปัง​จน​อิ่ม อย่า​ลงทุน​ลงแรง​เพื่อ​อาหาร​ที่​เน่าเสีย​ได้ แต่​เพื่อ​อาหาร​ที่​จะ​ดำรง​ถึง​ชีวิต​อัน​เป็น​นิรันดร์​ซึ่ง​บุตรมนุษย์​จะ​ให้​แก่​พวก​ท่าน ด้วย​ว่า​พระ​เจ้า​ผู้​เป็น​พระ​บิดา​ได้​ประทับ​ตรา​แสดง​ถึง​การ​ยอมรับ​พระ​บุตร​แล้ว” เขา​เหล่า​นั้น​จึง​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “พวก​เรา​ควร​จะ​ทำ​อย่างไร​จึง​จะ​ปฏิบัติ​งาน​ของ​พระ​เจ้า​ได้” พระ​เยซู​กล่าว​ตอบ​ว่า “งาน​ของ​พระ​เจ้า​คือ​การ​เชื่อ​ใน​ผู้​ที่​พระ​เจ้า​ได้​ส่ง​มา” ดังนั้น​เขา​เหล่า​นั้น​จึง​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “แล้ว​ท่าน​จะ​แสดง​ปรากฏการณ์​อัศจรรย์​อะไร​ให้​เรา​ดู​ได้​บ้าง เรา​จะ​ได้​เชื่อ​ท่าน ท่าน​จะ​ทำ​อะไร​ได้​บ้าง บรรพบุรุษ​ของ​เรา​ได้​กิน​มานา​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร​ตาม​ที่​มี​บันทึก​ไว้​ว่า ‘พระ​องค์​ให้​พวก​เขา​กิน​อาหาร​จาก​สวรรค์’” พระ​เยซู​จึง​กล่าว​กับ​เขา​เหล่า​นั้น​ว่า “เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​ท่าน​ว่า โมเสส​ไม่​ได้​ให้​อาหาร​จาก​สวรรค์​แก่​ท่าน แต่​เป็น​พระ​บิดา​ของ​เรา​ที่​ให้​อาหาร​แท้​จริง​จาก​สวรรค์ เพราะ​ว่า​อาหาร​ของ​พระ​เจ้า​คือ​ผู้​ที่​ลง​มา​จาก​สวรรค์​และ​มอบ​ชีวิต​ให้​แก่​โลก” ดังนั้น​พวก​เขา​จึง​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “พระ​องค์​ท่าน โปรด​ให้​อาหาร​นี้​แก่​พวก​เรา​เสมอ​ไป​เถิด” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​เขา​เหล่า​นั้น​ว่า “เรา​คือ​อาหาร​แห่ง​ชีวิต ผู้​ที่​มา​หา​เรา​จะ​ไม่​มี​วัน​หิว และ​ผู้​ที่​เชื่อ​ใน​เรา​จะ​ไม่​มี​วัน​กระหาย แต่​เรา​ขอบอก​ท่าน​ว่า ท่าน​ได้​เห็น​เรา​แล้ว และ​ยัง​ไม่​เชื่อ ทุก​คน​ที่​พระ​เจ้า​มอบ​ให้​แก่​เรา​จะ​มา​หา​เรา และ​ผู้​ที่​มา​หา​เรา เรา​จะ​ไม่​ขับไล่​เขา​ออก​ไป​เลย เรา​ได้​ลง​มา​จาก​สวรรค์​มิ​ใช่​เพื่อ​ทำ​ตาม​ความ​ประสงค์​ของ​เรา​เอง แต่​ตาม​ความ​ประสงค์​ของ​พระ​องค์​ผู้​ส่ง​เรา​มา ความ​ประสงค์​ของ​พระ​องค์​ผู้​ส่ง​เรา​มา​คือ เรา​ไม่​ควร​ให้​ผู้​ใด​ที่​พระ​องค์​ได้​มอบ​ให้​แก่​เรา​ต้อง​หลงหาย​ไป​แม้​เพียง​คน​เดียว แต่​เรา​จะ​ให้​เขา​ฟื้น​คืน​ชีวิต​ใน​วัน​สุดท้าย ความ​ประสงค์​ของ​พระ​บิดา​ของ​เรา​คือ ทุก​คน​ที่​หัน​เข้า​หา​พระ​บุตร และ​เชื่อ​ใน​พระ​องค์​จะ​มี​ชีวิต​อัน​เป็น​นิรันดร์ และ​เรา​เอง​จะ​ให้​ผู้​นั้น​ฟื้น​คืน​ชีวิต​ใน​วัน​สุดท้าย”

แบ่งปัน
อ่าน ยอห์น 6