ยอห์น 20:1-29

ยอห์น 20:1-29 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ตอน​เช้ามืด​ของ​วันอาทิตย์ มารีย์ ชาวมักดาลา​ได้​ไป​ที่​อุโมงค์ฝังศพ​และ​พบ​ว่า​หิน​ใหญ่​ที่​ปิด​ทาง​เข้า​อุโมงค์​นั้น​ได้​ถูก​เคลื่อน​ออก​ไป เธอ​จึง​รีบ​วิ่ง​ไป​หา​ซีโมน เปโตร กับ​ศิษย์​อีก​คน​หนึ่ง​ที่​พระเยซู​รัก และ​บอก​พวกเขา​ว่า “พวกเขา​เอา​ศพ​ของ​องค์​เจ้า​ชีวิต​ไป​จาก​อุโมงค์​แล้ว ไม่​รู้​ว่า​เขา​เอา​ศพ​ไป​ไว้​ที่​ไหน​ด้วย” เปโตร​และ​ศิษย์​คน​นั้น​จึง​ไป​ที่​อุโมงค์ฝังศพ ทั้ง​สอง​คน​วิ่ง​ไป แต่​ศิษย์​คน​นั้น​วิ่ง​เร็ว​กว่า​เปโตร​จึง​ไป​ถึง​ก่อน แต่​ไม่​ได้​เข้า​ไป​ข้างใน ได้​แต่​ก้ม​ดู​เข้า​ไป​และ​เห็น​ผ้าลินิน​วาง​อยู่ เมื่อ​ซีโมน เปโตร​มา​ถึง เขา​ก็​เข้า​ไป​ใน​อุโมงค์ฝังศพ และ​เห็น​ผ้าลินิน​วาง​อยู่ ส่วน​ผ้า​พัน​ศีรษะ​ของ​พระเยซู​ไม่​ได้​วาง​อยู่​กับ​ผ้าลินิน แต่​พับ​วาง​ไว้​ต่าง​หาก ศิษย์​ที่​มา​ถึง​ก่อน​ตาม​เปโตร​เข้า​ไป​ข้าง​ใน​ด้วย เขา​เห็น​และ​เชื่อ (พวก​เขา​ยัง​ไม่​เข้าใจ​พระคัมภีร์​ที่​ว่า พระองค์​ต้อง​ฟื้นขึ้น​มา​จาก​ความตาย) หลังจาก​นั้น​ทั้ง​สอง​ก็​กลับ​ไป​บ้าน ส่วน​มารีย์​ยัง​คง​ยืน​ร้องไห้​อยู่​นอก​อุโมงค์ฝังศพ​นั้น ขณะ​ที่​เธอ​กำลัง​ร้องไห้​อยู่​นั้น ก็​ได้​ก้ม​ลง​มอง​ข้าง​ใน​อุโมงค์ฝังศพ เธอ​เห็น​ทูตสวรรค์​สอง​องค์​ใส่​ชุด​สีขาว​นั่ง​อยู่​ตรง​ที่​เคย​วาง​ศพ​พระเยซู องค์​หนึ่ง​อยู่​ทาง​หัว อีก​องค์​อยู่​ทาง​เท้า ทูตสวรรค์​ถาม​เธอ​ว่า “หญิง​เอ๋ย ร้องไห้​ทำไม” เธอ​บอก​ว่า “พวก​เขา​เอา​องค์​เจ้า​ชีวิต​ของ​ฉัน​ไป และ​ฉัน​ก็​ไม่​รู้​ว่า​พวกเขา​เอา​พระองค์​ไป​ไว้​ที่​ไหน” เมื่อ​เธอ​พูด​อย่าง​นั้น​แล้ว ก็​หัน​กลับ​ไป​และ​เห็น​พระเยซู​ยืน​อยู่​ที่​นั่น แต่​เธอ​ไม่​รู้​ว่า​เป็น​พระเยซู พระองค์​ถาม​เธอ​ว่า “หญิง​เอ๋ย​ร้องไห้​ทำไม กำลัง​ตาม​หา​ใคร​อยู่​หรือ” มารีย์​คิด​ว่า​พระเยซู​เป็น​คน​สวน​จึง​พูด​ว่า “คุณ​คะ ถ้า​คุณ​เอา​เขา​ไป ช่วย​บอก​หน่อย​ว่า​คุณ​เอา​เขา​ไป​ไว้​ที่​ไหน ฉัน​จะ​ได้​ไป​รับ” พระเยซู​จึง​พูด​ขึ้น​ว่า “มารีย์” เธอ​หัน​มา​และ​เรียก​พระองค์​เป็น​ภาษา​อารเมค​ว่า “รับโบนี” (ซึ่ง​แปล​ว่า “อาจารย์”) พระองค์​พูด​กับ​เธอ​ว่า “อย่า​หน่วง​เหนี่ยว​เรา​ไว้ เพราะ​เรา​ยัง​ไม่​ได้​กลับ​ไป​หา​พระบิดา ให้​กลับ​ไป​หา​พี่น้อง​ของ​เรา​และ​บอก​พวก​เขา​ว่า เรา​กำลัง​จะ​กลับ​ไป​หา​พระบิดา​ของ​เรา และ​พระบิดา​ของ​พวก​คุณ​ด้วย คือ​ไป​หา​พระเจ้า​ของ​เรา​และ​พระเจ้า​ของ​คุณ​ด้วย” มารีย์​ชาว​มักดาลา​จึง​ไป​บอก​พวกศิษย์​ของ​พระเยซู​ว่า “ฉัน​เห็น​องค์​เจ้า​ชีวิต​แล้ว” แล้ว​เธอ​ก็​ได้​เล่า​ว่า​พระองค์​พูด​อะไร​กับ​เธอ​บ้าง ใน​เย็น​วันอาทิตย์​นั้น​พวกศิษย์​มา​อยู่​รวม​กัน​และ​ปิด​ประตู​ลงกลอน เพราะ​กลัว​พวกยิว พระเยซู​ก็​มา​ยืน​อยู่​ท่ามกลาง​พวกเขา​และ​พูด​ว่า “ขอ​ให้​อยู่​เย็น​เป็น​สุข” เมื่อ​พระองค์​พูด​อย่างนี้​แล้ว พระองค์​ก็​ยื่น​มือ​และ​สีข้าง​ให้​พวก​เขา​ดู พวกศิษย์​พา​กัน​ดีใจ​ที่​ได้​เห็น​องค์​เจ้า​ชีวิต แล้ว​พระเยซู​พูด​อีก​ว่า “ขอ​ให้​มี​สันติสุข ตอนนี้​เรา​ก็​จะ​ส่ง​พวก​คุณ​ไป​เหมือน​กับ​ที่​พระบิดา​ได้​ส่ง​เรา​มา” เมื่อ​พระองค์​พูด​อย่าง​นั้น​แล้ว ก็​ระบาย​ลม​หายใจ​รด​พวกเขา​และ​พูด​ว่า “รับ​พระวิญญาณ​บริสุทธิ์​ไป ถ้า​คุณ​ยกโทษ​ให้​กับ​ความบาป​ของ​ใคร คน​นั้น​ก็​จะ​ได้รับ​การยกโทษ แต่​ถ้า​คุณ​ไม่​ยอม​ยกโทษ​ให้​ใคร คน​นั้น​ก็​จะ​ไม่​ได้รับ​การยกโทษ​ด้วย” โธมัส ที่​คน​เรียก​กัน​ว่า​แฝด ศิษย์​คน​หนึ่ง​ใน​สิบ​สอง​คน​ไม่​ได้​อยู่​กับ​พวกเขา​ใน​ตอน​ที่​พระเยซู​มา​หา เมื่อ​ศิษย์​คน​อื่นๆ​มา​บอก​เขา​ว่า “พวก​เรา​ได้​เห็น​องค์​เจ้า​ชีวิต​แล้ว” เขา​กลับ​ตอบ​ว่า “ผม​ไม่​เชื่อ​หรอก จน​กว่า​ผม​จะ​เห็น​รอย​ตะปู​ที่​มือ​ของ​อาจารย์ และ​ได้​เอา​นิ้ว​แยง​เข้า​ไป​ใน​รอย​ตะปู​และ​แผล​ที่​สีข้าง​ของ​อาจารย์​ด้วย” วัน​อาทิตย์​ต่อมา​ขณะ​ที่​พวกศิษย์​ของ​พระองค์​อยู่​ใน​บ้าน และ​โธมัส​ก็​อยู่​ด้วย พระเยซู​เข้า​มา​ใน​ห้อง​ถึง​แม้ว่า​ประตู​จะ​ลงกลอน พระองค์​มา​ยืน​อยู่​ท่ามกลาง​พวก​เขา​และ​พูด​ว่า “ขอ​ให้​มี​สันติสุข” พระองค์​พูด​กับ​โธมัส​ว่า “โธมัส เอา​นิ้ว​มา​วาง​ที่​นี่​และ​ดู​มือ​ของ​เรา เอา​มือ​มา​แยง​ที่​สีข้าง​ของ​เรา เลิก​สงสัย​ซะ แล้ว​เชื่อ​เถิด” โธมัส​ร้อง​ว่า “องค์​เจ้า​ชีวิต​ของ​ข้า พระเจ้า​ของ​ข้า” พระเยซู​พูด​ว่า “ที่​คุณ​เชื่อ เพราะ​คุณ​ได้​เห็น​เรา ส่วน​คน​ที่​ไม่​ได้​เห็น​เรา​แต่​เชื่อ​นั้น ก็​มี​เกียรติ​จริงๆ”

แบ่งปัน
อ่าน ยอห์น 20

ยอห์น 20:1-29 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

วันอาทิตย์เวลาเช้ามืด มารีย์ชาวมักดาลามาถึงอุโมงค์ฝังศพและเห็นว่าหินที่ปิดปากอุโมงค์นั้นถูกยกออกไปแล้ว นางจึงวิ่งไปหาซีโมนเปโตรกับสาวกอีกคนหนึ่งที่พระเยซูทรงรักนั้นและพูดกับเขาว่า “เขาเอาองค์พระผู้เป็นเจ้าออกไปจากอุโมงค์แล้ว และเราก็ไม่รู้ว่าเขาเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน” เปโตรจึงออกไปที่อุโมงค์กับสาวกคนนั้น เขาวิ่งไปทั้งสองคน แต่สาวกคนนั้นวิ่งเร็วกว่าเปโตรจึงมาถึงอุโมงค์ก่อน เขาก้มลงมองดูเห็นผ้าป่านวางอยู่ แต่เขาไม่ได้เข้าไปข้างใน ซีโมนเปโตรตามมาถึงภายหลัง แล้วเข้าไปในอุโมงค์เห็นผ้าป่านวางอยู่ ส่วนผ้าพันพระเศียรของพระองค์ไม่ได้วางอยู่กับผ้าอื่น แต่พับไว้ต่างหาก แล้วสาวกคนนั้นที่มาถึงก่อนก็ตามเข้าไปด้วย เขาเห็นและเชื่อ แต่ขณะนั้นเขายังไม่เข้าใจข้อพระคัมภีร์ที่เขียนไว้ว่าพระองค์จะต้องเป็นขึ้นจากตาย แล้วสาวกทั้งสองก็กลับไปยังบ้านของตน ส่วนมารีย์ยังยืนร้องไห้อยู่นอกอุโมงค์ ขณะที่ร้องไห้อยู่นางก้มลงมองเข้าไปในอุโมงค์ และเห็นทูตสวรรค์สององค์สวมเสื้อขาวนั่งอยู่ที่ที่เขาวางพระศพพระเยซู องค์หนึ่งอยู่เบื้องพระเศียร อีกองค์หนึ่งอยู่เบื้องพระบาท ทูตทั้งสองพูดกับมารีย์ว่า “หญิงเอ๋ย ร้องไห้ทำไม?” นางตอบว่า “เพราะเขาเอาองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าไป และข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเอาไปไว้ที่ไหน” เมื่อมารีย์พูดอย่างนั้นแล้ว ก็หันกลับมาและเห็นพระเยซูทรงยืนอยู่ แต่ไม่ทราบว่าเป็นพระองค์ พระเยซูตรัสถามว่า “หญิงเอ๋ย ร้องไห้ทำไม? ตามหาใคร?” มารีย์เข้าใจว่าพระองค์เป็นคนทำสวนจึงตอบว่า “นายเจ้าข้า ถ้าท่านเอาพระองค์ไป ขอบอกให้ดิฉันรู้ว่าเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน ดิฉันจะได้รับพระองค์ไป” พระเยซูตรัสกับนางว่า “มารีย์เอ๋ย” มารีย์จึงหันมาทูลพระองค์เป็นภาษาฮีบรูว่า “รับโบนี” (ซึ่งแปลว่า ท่านอาจารย์) พระเยซูตรัสกับนางว่า “อย่าหน่วงเหนี่ยวเราไว้ เพราะเรายังไม่ได้ขึ้นไปหาพระบิดาของเรา แต่จงไปหาพวกพี่น้องของเรา และบอกเขาว่าเรากำลังจะขึ้นไปหาพระบิดาของเราและพระบิดาของพวกท่าน ไปหาพระเจ้าของเราและพระเจ้าของพวกท่าน” มารีย์ชาวมักดาลาจึงไปบอกพวกสาวกว่า “ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว” และนางก็เล่าให้พวกเขาฟังว่าพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นกับนาง ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันอาทิตย์ เมื่อสาวกปิดประตูห้องที่พวกเขาอยู่เพราะกลัวพวกยิว พระเยซูก็เสด็จเข้ามาและทรงยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขาตรัสว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลาย” เมื่อพระองค์ตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ทรงให้เขาดูพระหัตถ์และสีข้างของพระองค์ เมื่อพวกสาวกเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วก็มีความยินดี พระเยซูตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลาย พระบิดาทรงใช้เรามาอย่างไร เราก็ใช้พวกท่านไปอย่างนั้น” เมื่อพระองค์ตรัสอย่างนั้นแล้วจึงทรงระบายลมหายใจเหนือพวกเขาและตรัสกับเขาว่า “จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เถิด ถ้าพวกท่านจะอภัยบาปของใคร บาปของพวกเขาก็จะได้รับการอภัย ถ้าท่านไม่อภัยบาปของใคร บาปของพวกเขาก็จะไม่ได้รับการอภัย” โธมัสที่เขาเรียกกันว่าดิดุโมสซึ่งเป็นสาวกคนหนึ่งในสิบสองคนนั้น ไม่ได้อยู่กับพวกเขาเมื่อพระเยซูเสด็จมา สาวกคนอื่นๆ จึงบอกโธมัสว่า “เราเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว” แต่โธมัสตอบพวกเขาว่า “ถ้าข้าไม่เห็นรอยตะปูที่พระหัตถ์ของพระองค์ และไม่ได้เอานิ้วของข้าแยงเข้าไปที่รอยตะปูนั้น และไม่ได้เอามือของข้าแยงเข้าไปที่สีข้างของพระองค์แล้ว ข้าจะไม่เชื่อเลย” เมื่อผ่านไปแปดวันแล้ว พวกสาวกของพระองค์อยู่ด้วยกันในบ้านนั้นอีกและโธมัสอยู่กับพวกเขาด้วย ประตูก็ปิดแล้ว แต่พระเยซูเสด็จเข้ามาและทรงยืนอยู่ท่ามกลางเขาตรัสว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลาย” แล้วพระองค์ตรัสกับโธมัสว่า “เอานิ้วของท่านแยงที่นี่ และดูที่มือของเรา ยื่นมือของท่านออกมาคลำที่สีข้างของเรา อย่าสงสัยเลย แต่จงเชื่อ” โธมัสทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เพราะท่านเห็นเราท่านจึงเชื่อหรือ? คนที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข”

แบ่งปัน
อ่าน ยอห์น 20

ยอห์น 20:1-29 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

วันแรกของสัปดาห์เวลาเช้ามืด มาร​ีย์ชาวมักดาลามาถึ​งอ​ุโมงค์​ฝังศพ เธอเห็นหินออกจากปากอุโมงค์​อยู่​แล้ว เธอจึงวิ่งไปหาซีโมนเปโตรและสาวกอีกคนหนึ่งที่​พระเยซู​ทรงรักนั้น และพู​ดก​ับเขาว่า “เขาเอาองค์พระผู้เป็นเจ้าออกไปจากอุโมงค์​แล้ว และพวกเราไม่​รู้​ว่าเขาเอาพระองค์ไปไว้​ที่ไหน​” เปโตรจึงออกไปยั​งอ​ุโมงค์กับสาวกคนนั้น เขาจึงวิ่งไปทั้งสองคน แต่​สาวกคนนั้​นว​ิ่งเร็วกว่าเปโตรจึงมาถึ​งอ​ุโมงค์​ก่อน เขาก้มลงมองดู​เห​็นผ้าป่านวางอยู่ แต่​เขาไม่​ได้​เข​้าไปข้างใน ซี​โมนเปโตรตามมาถึงภายหลัง แล​้วเข้าไปในอุโมงค์​เห​็นผ้าป่านวางอยู่ และผ้าพันพระเศียรของพระองค์​ไม่ได้​วางอยู่กับผ้าอื่น แต่​พับไว้​ต่างหาก แล​้วสาวกคนนั้​นที​่มาถึ​งอ​ุโมงค์ก่อนก็​เข​้าไปด้วย เขาได้​เห​็นและเชื่อ เพราะว่าขณะนั้นเขายังไม่​เข​้าใจข้อพระคัมภีร์​ที่ว่า พระองค์​จะต้องฟื้นขึ้นมาจากความตาย แล​้วสาวกทั้งสองก็​กล​ับไปยั​งบ​้านของตน แต่​ฝ่ายมารีย์ยื​นร​้องไห้​อยู่​นอกอุโมงค์ ขณะที่​ร้องไห้​อยู่​เธอก้มลงมองดู​ที่​อุโมงค์ และได้​เห​็นทูตสวรรค์สององค์สวมเสื้อขาวนั่งอยู่ ณ ที่​ซึ่งเขาวางพระศพพระเยซู องค์​หน​ึ่งอยู่เบื้องพระเศียร และองค์​หน​ึ่งอยู่เบื้องพระบาท ทูตทั้งสองพู​ดก​ับมารีย์​ว่า “หญิงเอ๋ย ร้องไห้​ทำไม​” เธอตอบทูตทั้งสองว่า “เพราะเขาเอาองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าไปเสียแล้ว และข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเขาเอาพระองค์ไปไว้​ที่ไหน​” เมื่อมารีย์​พู​ดอย​่างนั้นแล้ว ก็​หันกลับมาและเห็นพระเยซูประทับยืนอยู่ แต่​ไม่​ทราบว่าเป็นองค์​พระเยซู พระเยซู​ตรัสถามเธอว่า “หญิงเอ๋ย ร้องไห้​ทำไม เจ้​าตามหาผู้​ใด​” มาร​ีย์สำคัญว่าพระองค์เป็นคนทำสวนจึงตอบพระองค์​ว่า “นายเจ้าข้า ถ้าท่านได้เอาพระองค์​ไป ขอบอกให้​ดิ​ฉั​นร​ู้ว่าเอาพระองค์ไปไว้​ที่ไหน และดิฉันจะรับพระองค์​ไป​” พระเยซู​ตรัสกับเธอว่า “​มาร​ีย์​เอ๋ย​” มาร​ีย์จึงหันมาและทูลพระองค์​ว่า “รับโบนี” ซึ่งแปลว่า อาจารย์ พระเยซู​ตรัสกับเธอว่า “อย่าแตะต้องเรา เพราะเรายั​งม​ิ​ได้​ขึ้นไปหาพระบิดาของเรา แต่​จงไปหาพวกพี่น้องของเรา และบอกเขาว่า เราจะขึ้นไปหาพระบิดาของเราและพระบิดาของท่านทั้งหลาย และไปหาพระเจ้าของเราและพระเจ้าของท่านทั้งหลาย” มาร​ีย์มักดาลาจึงไปบอกพวกสาวกว่า เธอได้​เห​็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว และพระองค์​ได้​ตรัสคำเหล่านั้​นก​ับเธอ ค่ำวันนั้นซึ่งเป็​นว​ันแรกของสัปดาห์ เมื่อสาวกปิดประตูห้องที่พวกเขาอยู่​แล​้วเพราะกลัวพวกยิว พระเยซู​ได้​เสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ท่ามกลางเขา และตรัสกับเขาว่า “​สันติ​สุขจงดำรงอยู่กั​บท​่านทั้งหลายเถิด” ครั้นพระองค์ตรั​สอย​่างนั้นแล้ว พระองค์​ทรงให้เขาดูพระหัตถ์และสีข้างของพระองค์ เมื่อพวกสาวกเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว เขาก็​มีความยินดี พระเยซู​จึงตรัสกับเขาอี​กว่า “​สันติ​สุขจงดำรงอยู่กั​บท​่านทั้งหลายเถิด พระบิดาของเราทรงใช้เรามาฉันใด เราก็​ใช้​ท่านทั้งหลายไปฉันนั้น” ครั้นพระองค์ตรั​สด​ังนั้นแล้วจึงทรงระบายลมหายใจออกเหนือเขา และตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงรับพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​เถิด ถ้าท่านจะยกความผิดบาปของผู้​ใด ความผิดบาปนั้​นก​็จะถูกยกเสีย และถ้าท่านจะให้ความผิดบาปติ​ดอย​ู่กับผู้​ใด ความผิดบาปก็จะติ​ดอย​ู่กับผู้​นั้น​” แต่​ฝ่ายโธมัสที่เขาเรียกกั​นว​่า ดิ​ดุม​ัส ซึ่งเป็นสาวกคนหนึ่งในสิบสองคนนั้น ไม่ได้​อยู่​กับพวกเขาเมื่อพระเยซูเสด็จมา สาวกอื่นๆจึงบอกโธมั​สว​่า “เราได้​เห​็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว” แต่​โธมัสตอบเขาเหล่านั้​นว​่า “ถ้าข้าไม่​เห​็นรอยตะปู​ที่​พระหัตถ์ของพระองค์ และไม่​ได้​เอานิ้วของข้าแยงเข้าไปที่รอยตะปู​นั้น และไม่​ได้​เอามือของข้าแยงเข้าไปที่​สี​ข้างของพระองค์​แล้ว ข้าจะไม่เชื่อเลย” ครั้นล่วงไปแปดวันแล้ว เหล่​าสาวกของพระองค์​อยู่​ด้วยกันข้างในอีก และโธมัสก็​อยู่​กับพวกเขาด้วย ประตู​ปิดแล้ว พระเยซู​เสด็จเข้ามาและประทับยืนอยู่ท่ามกลางเขาและตรั​สว​่า “​สันติ​สุขจงดำรงอยู่กั​บท​่านทั้งหลายเถิด” แล​้วพระองค์ตรัสกับโธมั​สว​่า “จงยื่นนิ้วมาที่​นี่​และดูมือของเรา จงยื่​นม​ือออกคลำที่​สี​ข้างของเรา อย่าขาดความเชื่อเลย แต่​จงเชื่อเถิด” โธมัสทูลตอบพระองค์​ว่า “​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ และพระเจ้าของข้าพระองค์” พระเยซู​ตรัสกับเขาว่า “โธมัสเอ๋ย เพราะท่านได้​เห​็นเราท่านจึงเชื่อ ผู้​ที่​ไม่​เห​็นเราแต่เชื่​อก​็​เป็นสุข​”

แบ่งปัน
อ่าน ยอห์น 20

ยอห์น 20:1-29 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

วันอาทิตย์เวลาเช้ามืด มารีย์ชาวมักดาลามาถึงอุโมงค์ฝังศพ นางเห็นหินออกจากปากอุโมงค์อยู่แล้ว นางจึงวิ่งไปหาซีโมนเปโตร และสาวกอีกคนหนึ่งที่พระเยซูทรงรักนั้น และพูดกับเขาว่า <<เขาเอาองค์พระผู้เป็นเจ้าออกไปจากอุโมงค์แล้ว และพวกเราไม่รู้ว่าเขาเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน>> เปโตรจึงออกไปยังอุโมงค์กับสาวกคนนั้น เขาวิ่งไปทั้งสองคน แต่สาวกคนนั้นวิ่งเร็วกว่าเปโตรจึงมาถึงอุโมงค์ก่อน เขาก้มลงมองดูเห็นผ้าป่านวางอยู่ แต่เขาไม่ได้เข้าไปข้างใน ซีโมนเปโตรตามมาถึงภายหลัง แล้วเข้าไปในอุโมงค์เห็นผ้าป่านวางอยู่ และผ้าพันพระเศียรของพระองค์ไม่ได้วางอยู่กับผ้าอื่น แต่พับไว้ต่างหาก แล้วสาวกคนนั้นที่มาถึงก่อนก็ตามเข้าไปด้วย เขาได้เห็นและเชื่อ เพราะว่าขณะนั้นเขายังไม่เข้าใจข้อพระธรรมที่เขียนไว้ว่า พระองค์จะต้องฟื้นขึ้นมาจากความตาย แล้วสาวกทั้งสองก็กลับไปยังบ้านของตน ฝ่ายมารีย์ยังยืนร้องไห้อยู่นอกอุโมงค์ ขณะที่ร้องไห้อยู่เธอก้มลงมองดูที่อุโมงค์ และได้เห็นทูตสวรรค์สององค์สวมเสื้อขาวนั่งอยู่ ณ ที่ซึ่งเขาวางพระศพพระเยซู องค์หนึ่งอยู่เบื้องพระเศียร องค์หนึ่งอยู่เบื้องพระบาท ทูตทั้งสองพูดกับมารีย์ว่า <<หญิงเอ๋ย ร้องไห้ทำไม>> เธอตอบว่า <<เพราะเขาเอาองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าไปเสียแล้ว และข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเขาเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน>> เมื่อมารีย์พูดอย่างนั้นแล้ว ก็หันกลับมาและเห็นพระเยซูประทับยืนอยู่ แต่ไม่ทราบว่าเป็นองค์พระเยซู พระเยซูตรัสถามว่า <<หญิงเอ๋ย ร้องไห้ทำไม เจ้าตามหาผู้ใด>> มารีย์สำคัญว่าพระองค์เป็นคนทำสวนจึงตอบว่า <<นายเจ้าข้า ถ้าท่านเอาพระองค์ไป ขอบอกให้ดิฉันรู้ว่าเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน ดิฉันจะได้รับพระองค์ไป>> พระเยซูตรัสกับเธอว่า <<มารีย์เอ๋ย>> มารีย์จึงหันมาทูลพระองค์เป็นภาษาฮีบรูว่า <<รับโบนี>> (ซึ่งแปลว่า อาจารย์) พระเยซูตรัสกับเธอว่า <<อย่าหน่วงเหนี่ยวเราไว้ เพราะเรายังมิได้ขึ้นไปหาพระบิดาของเรา แต่จงไปหาพวกพี่น้องของเราและบอกเขาว่า เราจะขึ้นไปหาพระบิดาของเรา และพระบิดาของท่านทั้งหลาย ไปหาพระเจ้าของเราและพระเจ้าของท่านทั้งหลาย>> มารีย์มักดาลาจึงไปบอกพวกสาวกว่า <<ข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว>> และเธอได้บอกเขาทั้งหลายว่า พระองค์ได้ตรัสคำเหล่านั้นกับเธอ ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันอาทิตย์ เมื่อสาวกปิดประตูห้องที่พวกเขาอยู่แล้ว เพราะกลัวพวกยิว พระเยซูได้เสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ท่ามกลางเขาตรัสว่า <<สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด>> ครั้นพระองค์ตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ทรงให้เขาดูพระหัตถ์และสีข้างของพระองค์ เมื่อพวกสาวกเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วก็มีความยินดี พระเยซูตรัสกับเขาอีกว่า <<สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงใช้เรามาฉันใด เราก็ใช้ท่านทั้งหลายไปฉันนั้น>> ครั้นพระองค์ตรัสดังนั้นแล้วจึงทรงระบายลมหายใจออกเหนือเขา ตรัสกับเขาว่า <<จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เถิด ถ้าท่านจะยกความผิดบาปของผู้ใด ความผิดบาปนั้นก็จะถูกยกเสีย และถ้าท่านจะให้ความผิดบาปติดอยู่กับผู้ใด ความผิดบาปก็จะติดอยู่กับผู้นั้น>> ฝ่ายโธมัสที่เขาเรียกกันว่าแฝด ซึ่งเป็นสาวกคนหนึ่งในสิบสองคนนั้น ไม่ได้อยู่กับพวกเขาเมื่อพระเยซูเสด็จมา สาวกอื่นๆ จึงบอกโธมัสว่า <<เราได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว>> แต่โธมัสตอบเขาเหล่านั้นว่า <<ถ้าข้าไม่เห็นรอยตะปูที่พระหัตถ์ของพระองค์ และไม่ได้เอานิ้วของข้าแยงเข้าไปที่รอยตะปูนั้น และไม่ได้เอามือของข้าแยงเข้าไปที่สีข้างของพระองค์แล้ว ข้าจะไม่เชื่อเลย>> ครั้นล่วงไปแปดวันแล้ว เหล่าสาวกของพระองค์อยู่ด้วยกันในบ้านนั้นอีก และโธมัสก็อยู่กับพวกเขาด้วย ประตูปิดแล้ว แต่พระเยซูเสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ท่ามกลางเขา และตรัสว่า <<สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด>> แล้วพระองค์ตรัสกับโธมัสว่า <<จงยื่นนิ้วมาที่นี่และดูมือของเรา จงยื่นมือออกคลำที่สีข้างของเรา อย่าขาดความเชื่อเลย จงเชื่อเถิด>> โธมัสทูลพระองค์ว่า <<องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ และพระเจ้าของข้าพระองค์>> พระเยซูตรัสกับเขาว่า <<เพราะท่านได้เห็นเราท่านจึงเชื่อหรือ ผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข>>

แบ่งปัน
อ่าน ยอห์น 20

ยอห์น 20:1-29 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

เช้ามืดวันต้นสัปดาห์ขณะยังมืดอยู่ มารีย์ชาวมักดาลามาที่อุโมงค์ฝังศพและเห็นว่าก้อนหินถูกเคลื่อนออกจากปากอุโมงค์แล้ว ดังนั้นนางจึงวิ่งมาบอกซีโมนเปโตรกับสาวกคนที่พระเยซูทรงรักว่า “พวกเขาเอาองค์พระผู้เป็นเจ้าออกจากอุโมงค์แล้วและเราไม่รู้ว่าเขาเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน!” ดังนั้นเปโตรกับสาวกคนนั้นจึงมาที่อุโมงค์ ทั้งสองคนวิ่งมาแต่สาวกคนนั้นวิ่งเร็วกว่าเปโตรจึงมาถึงอุโมงค์ก่อน เขาก้มลงมองเข้าไปเห็นแถบผ้าลินินวางอยู่แต่เขาไม่ได้เข้าไป แล้วซีโมนเปโตรซึ่งตามมาข้างหลังก็วิ่งตรงเข้าไปในอุโมงค์ เขาเห็นแถบผ้าลินินวางอยู่ พร้อมกับผ้าพันพระเศียรของพระเยซูพับวางไว้ต่างหาก ในที่สุดสาวกคนนั้นซึ่งมาถึงอุโมงค์ก่อนก็เข้ามาข้างในด้วย เขาได้เห็นและเชื่อ (พวกเขายังไม่เข้าใจข้อพระคัมภีร์ที่ว่าพระเยซูต้องเป็นขึ้นจากตาย) แล้วสาวกทั้งสองก็กลับไปบ้านของตน แต่มารีย์ยืนร้องไห้อยู่นอกอุโมงค์ ขณะร้องไห้อยู่นางก้มลงมองเข้าไปในอุโมงค์ เห็นทูตสวรรค์สององค์สวมชุดสีขาวนั่งอยู่ตรงที่ซึ่งพวกเขาเคยวางพระศพพระเยซู องค์หนึ่งอยู่เบื้องพระเศียร อีกองค์อยู่เบื้องพระบาท ทูตทั้งสองถามมารีย์ว่า “หญิงเอ๋ย ร้องไห้ทำไม?” มารีย์ตอบว่า “พวกเขาเอาองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าไปแล้วและข้าพเจ้าไม่รู้ว่าพวกเขาเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน” แล้วมารีย์ก็หันกลับมาและเห็นพระเยซูทรงยืนอยู่ที่นั่นแต่นางไม่ทราบว่าเป็นพระเยซู พระองค์ตรัสว่า “หญิงเอ๋ย ร้องไห้ทำไม? เจ้ากำลังตามหาใครหรือ?” มารีย์คิดว่าพระองค์เป็นคนสวนจึงตอบว่า “ท่านเจ้าข้า หากท่านเอาพระองค์ไปขอบอกข้าพเจ้าว่าท่านเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน ข้าพเจ้าจะได้รับพระองค์ไป” พระเยซูตรัสกับนางว่า “มารีย์เอ๋ย” มารีย์หันกลับมาหาพระองค์และร้องออกมาเป็นภาษาอารเมคว่า “รับโบนี!” (ซึ่งแปลว่า พระอาจารย์) พระเยซูตรัสว่า “อย่าหน่วงเหนี่ยวเราไว้เพราะเรายังไม่ได้กลับไปหาพระบิดา จงไปหาพวกพี่น้องของเราและบอกพวกเขาว่า ‘เรากำลังจะกลับไปหาพระบิดาของเราและพระบิดาของท่านทั้งหลาย ไปหาพระเจ้าของเราและพระเจ้าของท่านทั้งหลาย’ ” มารีย์ชาวมักดาลาจึงไปแจ้งข่าวแก่เหล่าสาวกว่า “ข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว!” และเล่าถึงสิ่งที่พระองค์ได้ตรัสกับนาง ค่ำวันต้นสัปดาห์นั้นเมื่อพวกสาวกมาอยู่ด้วยกันพวกเขาปิดประตูลงกลอนเพราะกลัวพวกยิว พระเยซูก็เสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขาและตรัสว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด!” เมื่อตรัสแล้วพระองค์ทรงสำแดงพระหัตถ์และสีข้างของพระองค์ให้พวกเขาดู เมื่อเหล่าสาวกเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วก็ชื่นชมยินดีเป็นล้นพ้น พระเยซูตรัสอีกว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด! พระบิดาได้ทรงส่งเรามาฉันใดเราก็ส่งพวกท่านไปฉันนั้น” เมื่อตรัสดังนั้นแล้วพระองค์ทรงระบายลมหายใจเหนือพวกเขาพร้อมทั้งตรัสว่า “จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เถิด ถ้าท่านอภัยบาปของผู้ใดผู้นั้นก็ได้รับการอภัย ถ้าท่านไม่อภัยให้เขาก็ไม่ได้รับการอภัย” ฝ่ายโธมัส (ที่เรียกกันว่า ดิไดมัส) หนึ่งในสาวกสิบสองคนไม่ได้อยู่ด้วยในตอนที่พระเยซูเสด็จมา ดังนั้นสาวกคนอื่นๆ จึงบอกเขาว่า “เราได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว!” แต่โธมัสกล่าวกับพวกเขาว่า “ถ้าเราไม่ได้เห็นรอยตะปูที่พระหัตถ์ ไม่ได้เอานิ้วแยงที่รูตะปูนั้นและไม่ได้เอามือแยงที่สีข้างของพระองค์ เราก็จะไม่ยอมเชื่อ” สัปดาห์ต่อมาเหล่าสาวกของพระองค์อยู่ด้วยกันในบ้านหลังนั้นอีก โธมัสก็อยู่กับพวกเขา ทั้งๆ ที่ปิดประตูลงกลอนอยู่แต่พระเยซูก็เสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขาและตรัสว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด!” จากนั้นพระองค์ตรัสกับโธมัสว่า “ยื่นนิ้วมาที่นี่ ดูมือของเรา ยื่นมือมาแยงที่สีข้างของเรา จงเลิกสงสัยและจงเชื่อเถิด” โธมัสทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์และพระเจ้าของข้าพระองค์!” แล้วพระเยซูตรัสบอกเขาว่า “เพราะท่านได้เห็นเราท่านจึงเชื่อ ความสุขมีแก่ผู้ที่ไม่ได้เห็นแต่ก็ยังเชื่อ”

แบ่งปัน
อ่าน ยอห์น 20

ยอห์น 20:1-29 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

วัน​แรก​ของ​สัปดาห์ มารีย์​ชาว​มักดาลา​มา​ถึง​ถ้ำ​เก็บ​ศพ​แต่​เช้าตรู่ ซึ่ง​เป็น​เวลา​ที่​ยัง​มืด​อยู่ นาง​เห็น​ว่า​หิน​ถูก​เลื่อน​ออก​จาก​ทาง​เข้า นาง​จึง​วิ่ง​มา​หา​ซีโมน​เปโตร​และ​สาวก​อีก​คน​ที่​พระ​เยซู​รัก แล้ว​พูด​กับ​เขา​ทั้ง​สอง​ว่า “พวก​เขา​ได้​เอา​พระ​เยซู​เจ้า​ออก​ไป​จาก​ถ้ำ​เก็บ​ศพ​แล้ว พวก​เรา​ไม่​รู้​ว่า​เขา​ได้​เอา​ร่าง​ของ​พระ​องค์​ไป​ไว้​ที่​ไหน” ดังนั้น​เปโตร​กับ​สาวก​คน​นั้น​จึง​พา​กัน​ไป​ที่​ถ้ำ​เก็บ​ศพ โดย​วิ่ง​ไป​ด้วย​กัน สาวก​คน​นั้น​วิ่ง​เร็ว​กว่า​เปโตร จึง​ถึง​ถ้ำ​เก็บ​ศพ​ก่อน ขณะ​ที่​ก้ม​มองดู​ข้าง​ใน เขา​เห็น​ริ้ว​ผ้า​ป่าน​วาง​อยู่​ที่​นั่น แต่​ไม่​ได้​เข้า​ไป​ข้าง​ใน ซีโมน​เปโตร​ก็​ตาม​มา​จน​ถึง จึง​เข้า​ไป​ข้าง​ใน​ถ้ำ​เก็บ​ศพ และ​เห็น​ริ้ว​ผ้า​ป่าน​วาง​อยู่​ที่​นั่น ผ้า​ที่​ใช้​พัน​ศีรษะ​ของ​พระ​องค์​ไม่​ได้​วาง​ไว้​กับ​ริ้ว​ผ้า​ป่าน แต่​ถูก​พับ​วาง​ไว้​ต่างหาก สาวก​คน​ที่​ถึง​ถ้ำ​เก็บ​ศพ​ก่อน​ก็​เข้า​ไป​ข้าง​ใน​ด้วย เขา​จึง​เห็น​และ​เชื่อ เขา​ทั้ง​สอง​ยัง​ไม่​เข้าใจ​ตาม​ที่​พระ​คัมภีร์​ระบุ​ไว้​ว่า พระ​องค์​ต้อง​ฟื้น​คืน​ชีวิต​จาก​ความ​ตาย ดังนั้น​สาวก​ทั้ง​สอง​จึง​กลับ​ไป​บ้าน​ของ​ตน ส่วน​มารีย์​ก็​ยืน​ร้องไห้​อยู่​นอก​ถ้ำ​เก็บ​ศพ ขณะ​ที่​ร้องไห้​อยู่​นาง​ก้ม​ลง​ดู​ใน​ถ้ำ​เก็บ​ศพ นาง​เห็น​ทูต​สวรรค์ 2 องค์​สวม​เสื้อ​สีขาว​นั่ง​อยู่ ณ ที่​ซึ่ง​เขา​วาง​ร่าง​ของ​พระ​เยซู​ไว้ องค์​หนึ่ง​อยู่​เบื้อง​ศีรษะ อีก​องค์​หนึ่ง​อยู่​ทาง​ปลาย​เท้า ทูต​สวรรค์​พูด​กับ​นาง​ว่า “หญิง​เอ๋ย ร้องไห้​ทำไม” นาง​พูด​ว่า “เพราะ​ว่า​เขา​เอา​ร่าง​ของ​พระ​เยซู​เจ้า​ของ​ข้าพเจ้า​ไป​เสีย​แล้ว และ​ข้าพเจ้า​ไม่​ทราบ​ว่า​เขา​เอา​พระ​องค์​ไป​ไว้​ที่​ไหน” เมื่อ​นาง​ได้​พูด​เช่น​นั้น​แล้ว​ก็​หมุน​ตัว​กลับ​ไป และ​ได้​เห็น​พระ​เยซู​ยืน​อยู่​ที่​นั่น​โดย​ไม่​ทราบ​ว่า​เป็น​พระ​เยซู พระ​องค์​กล่าว​กับ​นาง​ว่า “หญิง​เอ๋ย ร้องไห้​ทำไม เจ้า​ตาม​หา​ใคร” นาง​คิด​ว่า​พระ​องค์​เป็น​คน​สวน​จึง​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “นาย​ท่าน หาก​ว่า​ท่าน​เอา​พระ​องค์​ไป ก็​โปรด​บอก​ข้าพเจ้า​ว่า ท่าน​เอา​ไป​ไว้​ที่​ไหน ข้าพเจ้า​จะ​ได้​ไป​รับ​พระ​องค์” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​นาง​ว่า “มารีย์” นาง​หัน​กลับ​มา​และ​พูด​กับ​พระ​องค์​เป็น​ภาษา​ฮีบรู​ว่า “รับโบนี” (ซึ่ง​หมาย​ความ​ว่า อาจารย์) พระ​เยซู​กล่าว​กับ​นาง​ว่า “อย่า​จับต้อง​ตัว​เรา เพราะ​ว่า​เรา​ยัง​ไม่​ได้​ขึ้น​ไป​หา​พระ​บิดา เจ้า​จง​ไป​บอก​พวก​พี่​น้อง​ของ​เรา​ว่า ‘เรา​ขึ้น​ไป​หา​พระ​บิดา​ของ​เรา​และ​พระ​บิดา​ของ​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​เรา​และ​พระ​เจ้า​ของ​เจ้า’” มารีย์​ชาว​มักดาลา​จึง​ไป​บอก​เหล่า​สาวก​ว่า “ข้าพเจ้า​ได้​เห็น​พระ​เยซู​เจ้า” และ​นาง​ได้​บอก​พวก​เขา​ถึง​สิ่ง​ที่​พระ​องค์​กล่าว​กับ​นาง ค่ำ​วัน​นั้น​อัน​เป็น​วัน​แรก​ของ​สัปดาห์ เหล่า​สาวก​ลง​กลอน​ประตู​อยู่​ด้วย​กัน​เพราะ​กลัว​ชาว​ยิว พระ​เยซู​มา​ยืน​อยู่​ท่าม​กลาง​เหล่า​สาวก​และ​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “สันติสุข​จง​อยู่​กับ​พวก​เจ้า” เมื่อ​พระ​องค์​กล่าว​เช่น​นั้น​แล้ว​พระ​องค์​ก็​ให้​เขา​ดู​มือ​และ​สีข้าง​ของ​พระ​องค์ เมื่อ​พวก​สาวก​เห็น​พระ​เยซู​เจ้า​ก็​ยินดี พระ​เยซู​จึง​กล่าว​กับ​พวก​เขา​อีก​ว่า “สันติสุข​จง​อยู่​กับ​พวก​เจ้า พระ​บิดา​ได้​ส่ง​เรา​มา​เช่นใด เรา​ก็​ส่ง​เจ้า​ไป​เช่น​นั้น” เมื่อ​พระ​องค์​กล่าว​ดังนั้น​แล้ว​ก็​ระบาย​ลม​หายใจ​ใส่​พวก​เขา และ​กล่าว​ว่า “จง​รับ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​เถิด ถ้า​เจ้า​ยกโทษ​บาป​ของ​ผู้​ใด บาป​ของ​ผู้​นั้น​ก็​จะ​ได้​รับ​การ​ยกโทษ ถ้า​เจ้า​ไม่​ยกโทษ​บาป​ของ​ผู้​ใด บาป​ของ​ผู้​นั้น​ก็​จะ​ไม่​ได้​รับ​การ​ยกโทษ” โธมัส​ที่​เรียก​กัน​ว่า​แฝด ซึ่ง​เป็น​คน​หนึ่ง​ใน​สาวก​ทั้ง​สิบ​สอง​ไม่​ได้​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย​เมื่อ​พระ​เยซู​มา​หา สาวก​อื่นๆ จึง​พูด​กับ​เขา​ว่า “พวก​เรา​ได้​เห็น​พระ​เยซู​เจ้า” แต่​เขา​พูด​ว่า “ถ้า​ข้าพเจ้า​ไม่​เห็น​รอย​ตะปู​ที่​มือ​ของ​พระ​องค์ และ​ใช้​นิ้ว​ของ​ข้าพเจ้า​แยง​ที่​รอย​ตะปู และ​ไม่​ได้​เอา​มือ​ของ​ข้าพเจ้า​แยง​ที่​สีข้าง​แล้ว ข้าพเจ้า​จะ​ไม่​เชื่อ​เลย” แปด​วัน​ต่อ​มา​เหล่า​สาวก​อยู่​ใน​บ้าน​กัน​อีก และ​โธมัส​ก็​อยู่​ด้วย ประตู​ก็​ปิด​อยู่ พระ​เยซู​มา​ยืน​อยู่​ท่าม​กลาง​พวก​เขา พระ​องค์​กล่าว​ว่า “สันติสุข​จง​อยู่​กับ​พวก​เจ้า” พระ​องค์​กล่าว​กับ​โธมัส​ว่า “จง​ยื่น​นิ้ว​ของ​เจ้า​ออก​มา​และ​ดู​มือ​ของ​เรา จง​ยื่น​มือ​ของ​เจ้า​ออก​มา​จับ​ที่​สีข้าง​ของ​เรา อย่า​ขาด​ความ​เชื่อ​เลย จง​เชื่อ​เถิด” โธมัส​พูด​ตอบ​พระ​องค์​ว่า “พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​ข้าพเจ้า พระ​เจ้า​ของ​ข้าพเจ้า” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​เขา​ว่า “เจ้า​ได้​เห็น​เรา เจ้า​ก็​เชื่อ​แล้ว​ใช่​ไหม คน​ที่​แม้​ไม่​ได้​เห็น​แต่​เชื่อ ก็​เป็น​สุข”

แบ่งปัน
อ่าน ยอห์น 20