ยอห์น 1:15-51
ยอห์น 1:15-51 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
ยอห์นร้องตะโกนบอกผู้คนเกี่ยวกับพระองค์ว่า “คนที่มาภายหลังผมนั้น ยิ่งใหญ่กว่าผมอีก เพราะเขาเป็นอยู่นานแล้วก่อนที่ผมจะเกิดเสียอีก” พระองค์เต็มไปด้วยความเมตตากรุณา พวกเราทุกคนก็เลยได้รับพระพรจากพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า พระเจ้าได้ให้กฎปฏิบัติที่เป็นข้อบังคับผ่านมาทางโมเสส แต่พระเจ้าได้แสดงความเมตตากรุณาและความจริงผ่านมาทางพระเยซูคริสต์ ไม่เคยมีใครเห็นพระเจ้า มีแต่พระบุตรเพียงองค์เดียวของพระองค์ ผู้ที่เป็นพระเจ้าเองและอยู่ใกล้ชิดกับพระบิดาด้วย ได้เปิดเผยพระเจ้าให้เรารู้จัก นี่คือสิ่งที่ยอห์นบอก เมื่อพวกยิวในเมืองเยรูซาเล็มส่งพวกนักบวช และพวกเลวี มาถามยอห์นว่า “คุณเป็นใคร” ยอห์นไม่ได้ปิดบังความจริง เขาตอบไปอย่างเปิดเผยและชัดเจนว่า “ผมไม่ใช่พระคริสต์” พวกเขาก็เลยถามอีกว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณเป็นใคร เป็นเอลียาห์หรือ” ยอห์นตอบว่า “ไม่ใช่” “หรือเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าคนนั้น” ยอห์นก็ตอบว่า “ไม่ใช่” พวกเขาถามยอห์นว่า “แล้วคุณเป็นใครกันแน่ ช่วยบอกหน่อย เราจะได้ไปบอกคนที่ส่งเรามา ว่าไง คุณว่าคุณเป็นใครกันล่ะ” ยอห์นตอบโดยยกเอาคำของอิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า ที่ว่า “ผมเป็นเสียงของคนที่ร้องตะโกนอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งว่า ทำทางให้ตรงสำหรับองค์เจ้าชีวิต” ส่วนคนที่พวกฟาริสีส่งมา ได้ถามยอห์นว่า “ถ้าคุณไม่ใช่พระคริสต์ ไม่ใช่เอลียาห์ แล้วก็ไม่ใช่ผู้พูดแทนพระเจ้าคนนั้น แล้วทำไมคุณถึงทำพิธีจุ่มน้ำให้ชาวบ้านล่ะ” ยอห์นจึงตอบว่า “ผมทำพิธีจุ่มด้วยน้ำ แต่มีคนหนึ่งในท่ามกลางพวกคุณที่พวกคุณเองก็ไม่รู้จัก คนๆนี้แหละที่มาภายหลังผม ขนาดสายรัดรองเท้าของเขาผมยังไม่มีค่าพอที่จะแก้ให้เลย” เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานี ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งเป็นที่ที่ยอห์นกำลังทำพิธีจุ่มน้ำให้ผู้คนอยู่ ในวันต่อมา ยอห์นเห็นพระเยซูเดินตรงมาหาเขา แล้วยอห์นป่าวประกาศว่า “นี่ไง ลูกแกะของพระเจ้า ที่จะมาเอาความผิดบาปของโลกไป คนนี้ไงที่ผมพูดถึงว่า ‘จะมีชายคนหนึ่งมาภายหลังผม เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าผม เพราะเขาเป็นอยู่นานแล้วก่อนที่ผมจะเกิดเสียอีก’ ตัวผมเองก็ไม่รู้มาก่อนหรอกว่าคนที่จะมาภายหลังนั้นจะเป็นใคร แต่ผมมาทำพิธีจุ่มด้วยน้ำก็เพื่อจะได้เปิดเผยตัวเขาให้คนอิสราเอลได้รู้จัก” แล้วยอห์นก็บอกว่า “ผมได้เห็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมาจากสวรรค์เหมือนนกพิราบ และมาอยู่บนชายคนนี้ ตัวผมเองก็ไม่รู้มาก่อนว่าคนที่จะมาภายหลังนั้นจะเป็นใคร แต่พระองค์ผู้ที่ส่งผมมาให้ทำพิธีจุ่มน้ำบอกว่า ‘เมื่อเจ้าเห็นพระวิญญาณลงมาอยู่บนใคร คนนั้นแหละคือคนที่จะทำพิธีจุ่มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’ ผมเห็นเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตา และผมเป็นพยานได้ว่า ‘ชายคนนี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า’” วันต่อมา ยอห์นยืนอยู่กับศิษย์ของเขาสองคน เมื่อเขาเห็นพระเยซูเดินผ่านไป ยอห์นก็พูดขึ้นว่า “นั่นไง ลูกแกะของพระเจ้า” พอศิษย์สองคนนั้นได้ยินอย่างนั้น เขาก็เดินตามพระเยซูไป เมื่อพระองค์หันไปเห็นพวกเขาเดินตามหลังมา ก็ถามว่า “มีอะไรหรือ” พวกเขาถามไปว่า “ราบีครับ ท่านพักอยู่ที่ไหนครับ” (ราบีแปลว่าอาจารย์) พระเยซูตอบว่า “ตามมาดูสิ” พวกเขาก็ได้ตามไปยังที่พักของพระองค์ ตอนนั้นเป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว พวกเขาจึงพักอยู่กับพระองค์ตลอดวันนั้น อันดรูว์เป็นคนหนึ่งในสองคนนั้นที่เดินตามพระเยซูไป เขามีพี่ชายชื่อซีโมนเปโตร หลังจากได้ยินยอห์นพูด สิ่งแรกที่อันดรูว์ทำ คือไปหาซีโมนพี่ชายของเขาและบอกซีโมนว่า “พวกเราได้พบพระเมสสิยาห์ (หมายถึง พระคริสต์) แล้ว” อันดรูว์พาซีโมนไปหาพระเยซู เมื่อพระองค์เห็นเขาก็พูดว่า “คุณคือซีโมน ลูกของยอห์นสินะ คนจะเรียกคุณว่า เคฟาส” (เหมือนกับ เปโตร ซึ่งแปลว่า “หิน”) วันต่อมา พระเยซูตัดสินใจไปแคว้นกาลิลี พระองค์พบฟีลิปและพูดกับเขาว่า “ตามเรามา” ฟีลิปมาจากเมืองเบธไซดาเหมือนกับอันดรูว์และเปโตร ฟีลิปพบนาธานาเอล และบอกเขาว่า “พวกเราพบคนที่โมเสสและพวกผู้พูดแทนพระเจ้าเขียนถึงแล้ว เขาคือเยซูชาวเมืองนาซาเร็ธ ลูกของโยเซฟ” นาธานาเอลย้อนถามฟีลิปว่า “นาซาเร็ธน่ะหรือ จะมีของดีอะไรมาจากเมืองนั้นได้” ฟีลิปตอบว่า “ตามมาดูสิ” เมื่อพระเยซูเห็นนาธานาเอลเดินเข้ามาหา พระองค์ก็พูดถึงเขาว่า “นี่ไง คนอิสราเอลขนานแท้ที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม” นาธานาเอลถามพระองค์ว่า “ท่านรู้จักผมได้ยังไง” พระเยซูตอบว่า “เราเห็นคุณตั้งแต่อยู่ใต้ต้นมะเดื่อแล้วก่อนที่ฟีลิปจะเรียกคุณเสียอีก” นาธานาเอลตอบว่า “อาจารย์ ท่านเป็นบุตรของพระเจ้า เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล” พระเยซูก็พูดว่า “ที่คุณเชื่อเราก็เพราะเราบอกว่า ได้เห็นคุณอยู่ใต้ต้นมะเดื่อ ใช่ไหมล่ะ คุณจะได้เห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีก” แล้วพระเยซูพูดอีกว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า พวกคุณจะได้เห็นสวรรค์เปิดออกเป็นช่อง และพวกทูตสวรรค์ของพระเจ้าก็จะขึ้นๆลงๆอยู่เหนือบุตรมนุษย์”
ยอห์น 1:15-51 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
ยอห์นเป็นพยานเกี่ยวกับพระองค์ เขาร้องประกาศว่า “นี่คือผู้ซึ่งเราได้บอกไว้ว่า ‘พระองค์ผู้เสด็จมาภายหลังเราทรงยิ่งใหญ่กว่าเราเพราะพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนเรา’ ” เราทั้งปวงได้รับพระพรครั้งแล้วครั้งเล่าจากความบริบูรณ์แห่งพระคุณของพระองค์ เพราะบทบัญญัติประทานมาทางโมเสส ส่วนพระคุณและความจริงมาทางพระเยซูคริสต์ ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้า แต่พระเจ้าคือพระบุตรองค์เดียวผู้ทรงอยู่เคียงข้างพระบิดาได้ทรงทำให้พระองค์เป็นที่ประจักษ์แล้ว นี่คือคำพยานของยอห์น เมื่อชาวยิวที่กรุงเยรูซาเล็มส่งพวกปุโรหิตและคนเลวีมาถามว่าเขาเป็นใคร เขาไม่ได้ปิดบังความจริง เขายอมรับอย่างเปิดเผยว่า “เราไม่ใช่พระคริสต์” พวกนั้นจึงถามว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นใคร? ท่านเป็นเอลียาห์หรือ?” เขาบอกว่า “ไม่ใช่” เมื่อถามว่า “ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะนั้นหรือ?” เขาก็ตอบว่า “ไม่ใช่” ในที่สุดพวกเขาจึงกล่าวว่า “ท่านเป็นใคร? จงตอบมาเถิด เราจะได้ไปบอกผู้ที่ส่งเรามา ท่านอ้างว่าตัวท่านเองเป็นใคร?” ยอห์นตอบโดยยกคำของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ว่า “เราคือเสียงของผู้ที่ร้องในถิ่นกันดารว่า ‘จงทำทางสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงไป’ ” พวกฟาริสีบางคนที่ถูกส่งมา จึงถามเขาว่า “ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์ ไม่ใช่เอลียาห์ หรือผู้เผยพระวจนะนั้น ทำไมท่านจึงให้บัพติศมา?” ยอห์นตอบว่า “เราให้บัพติศมาด้วยน้ำ แต่มีผู้หนึ่งในหมู่พวกท่านซึ่งพวกท่านไม่รู้จัก พระองค์ทรงเป็นผู้ที่จะมาภายหลังเรา เราไม่คู่ควรแม้แต่จะแก้สายรัดฉลองพระบาทของพระองค์” ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานีที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน ที่ซึ่งยอห์นกำลังให้บัพติศมา วันต่อมายอห์นเห็นพระเยซูเสด็จมาทางเขา จึงกล่าวว่า “จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับบาปของโลกไป! นี่แหละคือผู้ที่เราหมายถึง เมื่อเรากล่าวว่า ‘พระองค์ผู้ทรงมาภายหลังเราทรงยิ่งใหญ่กว่าเราเพราะพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนเรา’ เราเองไม่รู้จักพระองค์ แต่เหตุผลที่เรามาให้บัพติศมาด้วยน้ำก็เพื่อให้พระองค์เป็นที่ประจักษ์แก่อิสราเอล” แล้วยอห์นเป็นพยานดังนี้ว่า “เราเห็นพระวิญญาณลงมาจากสวรรค์ดั่งนกพิราบและสถิตกับพระองค์ เราคงไม่รู้ว่าพระองค์เป็นใคร แต่ผู้ที่ทรงใช้ให้เรามาให้บัพติศมาด้วยน้ำตรัสบอกเราไว้ว่า ‘เจ้าเห็นพระวิญญาณลงมาสถิตกับผู้ใด ผู้นั้นคือผู้ที่จะให้บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราได้เห็นแล้ว และเราเป็นพยานได้ว่าผู้นี้คือพระบุตรของพระเจ้า’ ” วันรุ่งขึ้น ยอห์นกับสาวกสองคนก็อยู่ที่นั่นอีก เมื่อเขาเห็นพระเยซูเสด็จผ่านไป จึงกล่าวว่า “จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า!” เมื่อสาวกทั้งสองได้ยินเขากล่าวเช่นนั้นจึงติดตามพระเยซูไป พระเยซูทรงหันมาเห็นพวกเขาตามมา จึงตรัสถามว่า “ท่านต้องการอะไร?” พวกเขาทูลว่า “รับบี (ซึ่งแปลว่าอาจารย์) ท่านพักอยู่ที่ไหน?” พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด แล้วท่านจะเห็น” พวกเขาจึงไปและเห็นที่ซึ่งพระองค์ประทับและอยู่กับพระองค์ในวันนั้นตั้งแต่เวลาประมาณสี่โมงเย็น หนึ่งในสองคนที่ได้ยินยอห์นกล่าวและได้ติดตามพระเยซูไปนั้นคือ อันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตร สิ่งแรกสุดที่อันดรูว์ทำคือไปหาซีโมนผู้เป็นพี่ชายและบอกว่า “เราพบพระเมสสิยาห์แล้ว” (คือ พระคริสต์) และพาเขามาเข้าเฝ้าพระเยซู พระเยซูทอดพระเนตรเขาและตรัสว่า “ท่านคือซีโมนบุตรยอห์น ท่านจะได้ชื่อว่า เคฟาส” (ซึ่งแปลว่า เปโตร) รุ่งขึ้นพระเยซูตัดสินพระทัยที่จะไปแคว้นกาลิลี พระองค์ทรงพบฟีลิปและตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามา” ฟีลิปมาจากเมืองเบธไซดาเช่นเดียวกับอันดรูว์และเปโตร ฟีลิปพบนาธานาเอลและบอกเขาว่า “เราพบผู้ซึ่งโมเสสเขียนถึงในหนังสือบทบัญญัติและซึ่งบรรดาผู้เผยพระวจนะก็เขียนถึงด้วย คือพระเยซูชาวนาซาเร็ธบุตรโยเซฟ” นาธานาเอลถามว่า “นาซาเร็ธ! จะมีอะไรดีมาจากที่นั่นได้หรือ?” ฟีลิปบอกว่า “มาดูเถิด” เมื่อพระเยซูทรงเห็นนาธานาเอลเข้ามาหาก็ตรัสถึงเขาว่า “นี่คืออิสราเอลแท้ ในตัวเขาไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอันใดเลย” นาธานาเอลทูลว่า “พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์ได้อย่างไร?” พระเยซูตรัสว่า “เราเห็นท่านขณะที่ท่านยังนั่งอยู่ใต้ต้นมะเดื่อนั้น ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน” นาธานาเอลจึงร้องว่า “รับบี พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล” พระเยซูตรัสว่า “ท่านเชื่อเพราะเราบอกว่าเราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อนั้น ท่านจะเห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก” แล้วพระองค์ตรัสต่อไปว่า “เราบอกความจริงแก่พวกท่านว่า พวกท่านจะเห็นฟ้าสวรรค์เปิดออก และเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงเหนือบุตรมนุษย์”
ยอห์น 1:15-51 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
ยอห์นร้องตะโกนบอกผู้คนเกี่ยวกับพระองค์ว่า “คนที่มาภายหลังผมนั้น ยิ่งใหญ่กว่าผมอีก เพราะเขาเป็นอยู่นานแล้วก่อนที่ผมจะเกิดเสียอีก” พระองค์เต็มไปด้วยความเมตตากรุณา พวกเราทุกคนก็เลยได้รับพระพรจากพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า พระเจ้าได้ให้กฎปฏิบัติที่เป็นข้อบังคับผ่านมาทางโมเสส แต่พระเจ้าได้แสดงความเมตตากรุณาและความจริงผ่านมาทางพระเยซูคริสต์ ไม่เคยมีใครเห็นพระเจ้า มีแต่พระบุตรเพียงองค์เดียวของพระองค์ ผู้ที่เป็นพระเจ้าเองและอยู่ใกล้ชิดกับพระบิดาด้วย ได้เปิดเผยพระเจ้าให้เรารู้จัก นี่คือสิ่งที่ยอห์นบอก เมื่อพวกยิวในเมืองเยรูซาเล็มส่งพวกนักบวช และพวกเลวี มาถามยอห์นว่า “คุณเป็นใคร” ยอห์นไม่ได้ปิดบังความจริง เขาตอบไปอย่างเปิดเผยและชัดเจนว่า “ผมไม่ใช่พระคริสต์” พวกเขาก็เลยถามอีกว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณเป็นใคร เป็นเอลียาห์หรือ” ยอห์นตอบว่า “ไม่ใช่” “หรือเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าคนนั้น” ยอห์นก็ตอบว่า “ไม่ใช่” พวกเขาถามยอห์นว่า “แล้วคุณเป็นใครกันแน่ ช่วยบอกหน่อย เราจะได้ไปบอกคนที่ส่งเรามา ว่าไง คุณว่าคุณเป็นใครกันล่ะ” ยอห์นตอบโดยยกเอาคำของอิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า ที่ว่า “ผมเป็นเสียงของคนที่ร้องตะโกนอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งว่า ทำทางให้ตรงสำหรับองค์เจ้าชีวิต” ส่วนคนที่พวกฟาริสีส่งมา ได้ถามยอห์นว่า “ถ้าคุณไม่ใช่พระคริสต์ ไม่ใช่เอลียาห์ แล้วก็ไม่ใช่ผู้พูดแทนพระเจ้าคนนั้น แล้วทำไมคุณถึงทำพิธีจุ่มน้ำให้ชาวบ้านล่ะ” ยอห์นจึงตอบว่า “ผมทำพิธีจุ่มด้วยน้ำ แต่มีคนหนึ่งในท่ามกลางพวกคุณที่พวกคุณเองก็ไม่รู้จัก คนๆนี้แหละที่มาภายหลังผม ขนาดสายรัดรองเท้าของเขาผมยังไม่มีค่าพอที่จะแก้ให้เลย” เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานี ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งเป็นที่ที่ยอห์นกำลังทำพิธีจุ่มน้ำให้ผู้คนอยู่ ในวันต่อมา ยอห์นเห็นพระเยซูเดินตรงมาหาเขา แล้วยอห์นป่าวประกาศว่า “นี่ไง ลูกแกะของพระเจ้า ที่จะมาเอาความผิดบาปของโลกไป คนนี้ไงที่ผมพูดถึงว่า ‘จะมีชายคนหนึ่งมาภายหลังผม เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าผม เพราะเขาเป็นอยู่นานแล้วก่อนที่ผมจะเกิดเสียอีก’ ตัวผมเองก็ไม่รู้มาก่อนหรอกว่าคนที่จะมาภายหลังนั้นจะเป็นใคร แต่ผมมาทำพิธีจุ่มด้วยน้ำก็เพื่อจะได้เปิดเผยตัวเขาให้คนอิสราเอลได้รู้จัก” แล้วยอห์นก็บอกว่า “ผมได้เห็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมาจากสวรรค์เหมือนนกพิราบ และมาอยู่บนชายคนนี้ ตัวผมเองก็ไม่รู้มาก่อนว่าคนที่จะมาภายหลังนั้นจะเป็นใคร แต่พระองค์ผู้ที่ส่งผมมาให้ทำพิธีจุ่มน้ำบอกว่า ‘เมื่อเจ้าเห็นพระวิญญาณลงมาอยู่บนใคร คนนั้นแหละคือคนที่จะทำพิธีจุ่มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’ ผมเห็นเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตา และผมเป็นพยานได้ว่า ‘ชายคนนี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า’” วันต่อมา ยอห์นยืนอยู่กับศิษย์ของเขาสองคน เมื่อเขาเห็นพระเยซูเดินผ่านไป ยอห์นก็พูดขึ้นว่า “นั่นไง ลูกแกะของพระเจ้า” พอศิษย์สองคนนั้นได้ยินอย่างนั้น เขาก็เดินตามพระเยซูไป เมื่อพระองค์หันไปเห็นพวกเขาเดินตามหลังมา ก็ถามว่า “มีอะไรหรือ” พวกเขาถามไปว่า “ราบีครับ ท่านพักอยู่ที่ไหนครับ” (ราบีแปลว่าอาจารย์) พระเยซูตอบว่า “ตามมาดูสิ” พวกเขาก็ได้ตามไปยังที่พักของพระองค์ ตอนนั้นเป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว พวกเขาจึงพักอยู่กับพระองค์ตลอดวันนั้น อันดรูว์เป็นคนหนึ่งในสองคนนั้นที่เดินตามพระเยซูไป เขามีพี่ชายชื่อซีโมนเปโตร หลังจากได้ยินยอห์นพูด สิ่งแรกที่อันดรูว์ทำ คือไปหาซีโมนพี่ชายของเขาและบอกซีโมนว่า “พวกเราได้พบพระเมสสิยาห์ (หมายถึง พระคริสต์) แล้ว” อันดรูว์พาซีโมนไปหาพระเยซู เมื่อพระองค์เห็นเขาก็พูดว่า “คุณคือซีโมน ลูกของยอห์นสินะ คนจะเรียกคุณว่า เคฟาส” (เหมือนกับ เปโตร ซึ่งแปลว่า “หิน”) วันต่อมา พระเยซูตัดสินใจไปแคว้นกาลิลี พระองค์พบฟีลิปและพูดกับเขาว่า “ตามเรามา” ฟีลิปมาจากเมืองเบธไซดาเหมือนกับอันดรูว์และเปโตร ฟีลิปพบนาธานาเอล และบอกเขาว่า “พวกเราพบคนที่โมเสสและพวกผู้พูดแทนพระเจ้าเขียนถึงแล้ว เขาคือเยซูชาวเมืองนาซาเร็ธ ลูกของโยเซฟ” นาธานาเอลย้อนถามฟีลิปว่า “นาซาเร็ธน่ะหรือ จะมีของดีอะไรมาจากเมืองนั้นได้” ฟีลิปตอบว่า “ตามมาดูสิ” เมื่อพระเยซูเห็นนาธานาเอลเดินเข้ามาหา พระองค์ก็พูดถึงเขาว่า “นี่ไง คนอิสราเอลขนานแท้ที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม” นาธานาเอลถามพระองค์ว่า “ท่านรู้จักผมได้ยังไง” พระเยซูตอบว่า “เราเห็นคุณตั้งแต่อยู่ใต้ต้นมะเดื่อแล้วก่อนที่ฟีลิปจะเรียกคุณเสียอีก” นาธานาเอลตอบว่า “อาจารย์ ท่านเป็นบุตรของพระเจ้า เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล” พระเยซูก็พูดว่า “ที่คุณเชื่อเราก็เพราะเราบอกว่า ได้เห็นคุณอยู่ใต้ต้นมะเดื่อ ใช่ไหมล่ะ คุณจะได้เห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีก” แล้วพระเยซูพูดอีกว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า พวกคุณจะได้เห็นสวรรค์เปิดออกเป็นช่อง และพวกทูตสวรรค์ของพระเจ้าก็จะขึ้นๆลงๆอยู่เหนือบุตรมนุษย์”
ยอห์น 1:15-51 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
ยอห์นเป็นพยานให้กับพระองค์ และร้องประกาศว่า “นี่แหละ คือพระองค์ผู้ที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงว่า พระองค์ผู้เสด็จมาภายหลังข้าพเจ้าทรงเป็นใหญ่กว่าข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า” เพราะเราได้รับพระคุณซ้อนพระคุณจากความบริบูรณ์ของพระองค์ คือว่าเราได้ธรรมบัญญัตินั้นมาทางโมเสส ส่วนพระคุณและความจริงมาทางพระเยซูคริสต์ ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย แต่พระบุตรองค์เดียวผู้สถิตในพระทรวงของพระบิดา ทรงสำแดงพระเจ้าแล้ว นี่เป็นคำพยานของยอห์น คือเมื่อพวกยิวส่งพวกปุโรหิตและพวกเลวีจากกรุงเยรูซาเล็มไปถามท่านว่า “ท่านคือใคร?” ท่านก็ยอมรับและไม่ได้ปฏิเสธ คือยอมรับว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต์” พวกเขาจึงถามว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านเป็นใคร? ท่านเป็นเอลียาห์หรือ?” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์” “ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะคนนั้นหรือ?” และยอห์นตอบว่า “ไม่ใช่” พวกเขาจึงถามว่า “แล้วท่านเป็นใคร? ขอให้ตอบมา จะได้ไปบอกคนที่ใช้เรามา ท่านจะตอบเรื่องตัวท่านว่าอย่างไร?” ท่านตอบว่า “เรา เป็นเสียงของคนที่ร้องประกาศในถิ่นทุรกันดารว่า ‘จงทำมรรคา ขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงไป’ ตามที่อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้” พวกฟาริสีเป็นคนส่งพวกเขาไปหายอห์น พวกเขาจึงถามยอห์นว่า “ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์หรือเอลียาห์ หรือผู้เผยพระวจนะคนนั้นแล้ว ทำไมท่านถึงให้บัพติศมา?” ยอห์นตอบเขาว่า “ข้าพเจ้าให้บัพติศมาด้วยน้ำ แต่มีคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางพวกท่านที่ท่านไม่รู้จัก ท่านผู้นั้นมาภายหลังข้าพเจ้า แม้แต่สายรัดรองเท้าของท่าน ข้าพเจ้าก็ไม่สมควรที่จะแก้” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานีฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้นที่ซึ่งยอห์นกำลังให้บัพติศมา วันรุ่งขึ้นยอห์นเห็นพระเยซูกำลังเสด็จมาหาท่าน ท่านจึงกล่าวว่า “จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับบาปของโลกไป พระองค์นี้แหละที่ข้าพเจ้ากล่าวว่า ‘ภายหลังข้าพเจ้าจะมีผู้หนึ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าข้าพเจ้าเสด็จมา เพราะว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า’ ข้าพเจ้าเองไม่รู้จักพระองค์ แต่เพื่อให้พระองค์เป็นที่ประจักษ์แก่อิสราเอล ข้าพเจ้าจึงให้บัพติศมาด้วยน้ำ” และยอห์นกล่าวเป็นพยานว่า “ข้าพเจ้าเห็นพระวิญญาณเสด็จลงมาจากสวรรค์เหมือนดังนกพิราบ และสถิตกับพระองค์ ข้าพเจ้าเองไม่รู้จักพระองค์ แต่พระองค์ผู้ทรงใช้ข้าพเจ้ามาให้บัพติศมาด้วยน้ำ ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เมื่อเห็นพระวิญญาณเสด็จลงมาสถิตอยู่กับคนใด คนนั้นแหละจะเป็นคนให้บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’ และข้าพเจ้าก็เห็นแล้วและเป็นพยานว่าพระองค์นี้แหละเป็นพระบุตรของพระเจ้า” รุ่งขึ้น ยอห์นยืนอยู่ที่นั่นอีกกับศิษย์ของท่านสองคน และท่านมองดูพระเยซูขณะที่พระองค์เสด็จผ่านไป และท่านกล่าวว่า “จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า” ศิษย์สองคนนั้นได้ยินท่านพูดอย่างนี้ก็ติดตามพระเยซูไป พระเยซูทรงเหลียวกลับและทอดพระเนตรเห็นเขาทั้งสองตามพระองค์มา จึงตรัสถามเขาว่า “ท่านหาอะไร?” เขาทั้งสองทูลพระองค์ว่า “รับบี (ซึ่งแปลว่าท่านอาจารย์) ท่านพักอยู่ที่ไหน?” พระองค์ตรัสตอบพวกเขาว่า “มาดูเถิด” เขาก็ไปและเห็นที่ซึ่งพระองค์ประทับ และวันนั้นก็พักอยู่กับพระองค์ เพราะขณะนั้นประมาณสี่โมงเย็นแล้ว คนหนึ่งในสองคนนั้นที่ได้ยินยอห์นพูดและติดตามพระองค์ไป คืออันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตร แล้วอันดรูว์ก็ไปหาซีโมนพี่ชายของตนก่อน และบอกเขาว่า “เราพบพระเมสสิยาห์แล้ว” (ซึ่งแปลว่าพระคริสต์) อันดรูว์จึงพาซีโมนไปเฝ้าพระเยซู เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเขาแล้วก็ตรัสว่า “ท่านคือซีโมนบุตรยอห์น คนจะเรียกท่านว่าเคฟาส” (ซึ่งแปลว่าศิลา) รุ่งขึ้นพระเยซูตั้งพระทัยจะเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี พระองค์ทรงพบฟีลิปจึงตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามา” ฟีลิปมาจากเบธไซดาเมืองของอันดรูว์และเปโตร ฟีลิปไปหานาธานาเอลและบอกเขาว่า “เราพบคนที่โมเสสกล่าวถึงในหนังสือธรรมบัญญัติ และคนที่พวกผู้เผยพระวจนะกล่าวถึง คือ เยซูชาวนาซาเร็ธบุตรโยเซฟ” นาธานาเอลถามเขาว่า “สิ่งดีๆ จะมาจากนาซาเร็ธได้หรือ?” ฟีลิปตอบว่า “มาดูเถอะ” พระเยซูทอดพระเนตรเห็นนาธานาเอลมาหา พระองค์จึงตรัสเกี่ยวกับตัวเขาว่า “นี่แหละ ชาวอิสราเอลแท้ ในตัวเขาไม่มีอุบาย” นาธานาเอลทูลพระองค์ว่า “ท่านรู้จักข้าพเจ้าได้อย่างไร?” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน” นาธานาเอลทูลตอบพระองค์ว่า “รับบี พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เพราะเราบอกท่านว่าเราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อท่านจึงเชื่อหรือ? ท่านจะเห็นเหตุการณ์ใหญ่กว่านั้นอีก” แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ท่านจะเห็นท้องฟ้าแหวกออกและพวกทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงอยู่เหนือบุตรมนุษย์”
ยอห์น 1:15-51 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
ยอห์นได้เป็นพยานถึงพระองค์และร้องประกาศว่า “นี่แหละคือพระองค์ผู้ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงว่า พระองค์ผู้เสด็จมาภายหลังข้าพเจ้าทรงเป็นใหญ่กว่าข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า” และเราทั้งหลายได้รับจากความบริบูรณ์ของพระองค์ เป็นพระคุณซ้อนพระคุณ เพราะว่าได้ทรงประทานพระราชบัญญัตินั้นทางโมเสส ส่วนพระคุณและความจริงมาทางพระเยซูคริสต์ ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าในเวลาใดเลย พระบุตรองค์เดียวที่บังเกิดมา ผู้ทรงสถิตในพระทรวงของพระบิดา พระองค์ได้ทรงสำแดงพระเจ้าแล้ว นี่แหละเป็นคำพยานของยอห์น เมื่อพวกยิวส่งพวกปุโรหิตและพวกเลวีจากกรุงเยรูซาเล็มไปถามท่านว่า “ท่านคือผู้ใด” ท่านได้ยอมรับ และมิได้ปฏิเสธ แต่ได้ยอมรับว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต์” เขาทั้งหลายจึงถามท่านว่า “ถ้าเช่นนั้นท่านเป็นใครเล่า ท่านเป็นเอลียาห์หรือ” ท่านตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์” “ท่านเป็นศาสดาพยากรณ์ผู้นั้นหรือ” และท่านตอบว่า “มิได้” คนเหล่านั้นจึงถามท่านว่า “ท่านเป็นใคร เพื่อเราจะได้ตอบผู้ที่ใช้เรามา ท่านกล่าวว่าท่านเป็นใคร” ท่านตอบว่า “เราเป็นเสียงของผู้ที่ร้องในถิ่นทุรกันดารว่า ‘จงกระทำมรรคาขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงไป’ ตามที่อิสยาห์ศาสดาพยากรณ์ได้กล่าวไว้” ฝ่ายผู้ที่ได้รับใช้มานั้นเป็นของพวกฟาริสี เขาเหล่านั้นก็ได้ถามท่านว่า “ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์ หรือเอลียาห์ หรือศาสดาพยากรณ์ผู้นั้นแล้ว ทำไมท่านจึงทำพิธีบัพติศมา” ยอห์นได้ตอบเขาเหล่านั้นว่า “ข้าพเจ้าให้บัพติศมาด้วยน้ำ แต่มีพระองค์หนึ่งซึ่งประทับอยู่ในหมู่พวกท่านนั้น ท่านไม่รู้จัก พระองค์นั้นแหละ ผู้เสด็จมาภายหลังข้าพเจ้าทรงเป็นใหญ่กว่าข้าพเจ้า แม้สายรัดฉลองพระบาทของพระองค์ ข้าพเจ้าก็ไม่บังควรที่จะแก้” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เบธาบาราฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้น อันเป็นที่ซึ่งยอห์นกำลังให้บัพติศมาอยู่ วันรุ่งขึ้นยอห์นเห็นพระเยซูกำลังเสด็จมาทางท่าน ท่านจึงกล่าวว่า “จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย พระองค์นี้แหละที่ข้าพเจ้าได้กล่าวว่า ‘ภายหลังข้าพเจ้าจะมีผู้หนึ่งเสด็จมาเป็นใหญ่กว่าข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า’ ข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้รู้จักพระองค์ แต่เพื่อให้พระองค์ทรงเป็นที่ประจักษ์แก่พวกอิสราเอล ข้าพเจ้าจึงได้มาให้บัพติศมาด้วยน้ำ” และยอห์นกล่าวเป็นพยานว่า “ข้าพเจ้าเห็นพระวิญญาณเหมือนดังนกเขาเสด็จลงมาจากสวรรค์ และทรงสถิตบนพระองค์ ข้าพเจ้าเองไม่รู้จักพระองค์ แต่พระองค์ ผู้ได้ทรงใช้ให้ข้าพเจ้าให้บัพติศมาด้วยน้ำ พระองค์นั้นได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เมื่อเจ้าเห็นพระวิญญาณเสด็จลงมาและสถิตอยู่บนผู้ใด ผู้นั้นแหละเป็นผู้ให้บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’ และข้าพเจ้าก็ได้เห็นแล้ว และได้เป็นพยานว่า พระองค์นี้แหละ เป็นพระบุตรของพระเจ้า” รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งยอห์นกำลังยืนอยู่กับสาวกของท่านสองคน และท่านมองดูพระเยซูขณะที่พระองค์ทรงดำเนินและกล่าวว่า “จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า” สาวกสองคนนั้นได้ยินท่านพูดเช่นนี้ เขาจึงติดตามพระเยซูไป พระเยซูทรงเหลียวหลังและทอดพระเนตรเห็นเขาตามพระองค์มา จึงตรัสถามเขาว่า “ท่านหาอะไร” และเขาทั้งสองทูลพระองค์ว่า “รับบี” (ซึ่งแปลว่าอาจารย์) “ท่านอยู่ที่ไหน” พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “มาดูเถิด” เขาก็ไปและเห็นที่ซึ่งพระองค์ทรงอาศัยและวันนั้นเขาก็ได้พักอยู่กับพระองค์ เพราะขณะนั้นประมาณสี่โมงเย็นแล้ว คนหนึ่งในสองคนที่ได้ยินยอห์นพูด และได้ติดตามพระองค์ไปนั้น คืออันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตร แล้วอันดรูว์ก็ไปหาซีโมนพี่ชายของตนก่อน และบอกเขาว่า “เราได้พบพระเมสสิยาห์แล้ว” ซึ่งแปลว่าพระคริสต์ อันดรูว์จึงพาซีโมนไปเฝ้าพระเยซู และเมื่อพระเยซูทรงทอดพระเนตรเขาแล้วจึงตรัสว่า “ท่านคือซีโมนบุตรชายโยนาห์ เขาจะเรียกท่านว่าเคฟาส” ซึ่งแปลว่าศิลา วันรุ่งขึ้นพระเยซูตั้งพระทัยจะเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี และพระองค์ทรงพบฟีลิปจึงตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามา” ฟีลิปมาจากเบธไซดา เมืองของอันดรูว์และเปโตร ฟีลิปไปหานาธานาเอลและบอกเขาว่า “เราได้พบพระองค์ผู้ที่โมเสสได้กล่าวถึงในพระราชบัญญัติ และที่พวกศาสดาพยากรณ์ได้กล่าวถึง คือพระเยซูชาวนาซาเร็ธบุตรชายโยเซฟ” นาธานาเอลถามเขาว่า “สิ่งดีอันใดจะมาจากนาซาเร็ธได้หรือ” ฟีลิปตอบเขาว่า “มาดูเถิด” พระเยซูทอดพระเนตรเห็นนาธานาเอลมาหาพระองค์จึงตรัสถึงเรื่องตัวเขาว่า “ดูเถิด ชนอิสราเอลแท้ ในตัวเขาไม่มีอุบาย” นาธานาเอลทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์ได้อย่างไร” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน เมื่อท่านอยู่ที่ใต้ต้นมะเดื่อนั้น เราเห็นท่าน” นาธานาเอลทูลตอบพระองค์ว่า “รับบี พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เพราะเราบอกท่านว่า เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อนั้น ท่านจึงเชื่อหรือ ท่านจะได้เห็นเหตุการณ์ใหญ่กว่านั้นอีก” และพระองค์ตรัสกับเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ภายหลังท่านจะได้เห็นท้องฟ้าเปิดออก และเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นและลงอยู่เหนือบุตรมนุษย์”
ยอห์น 1:15-51 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
ยอห์นได้เป็นพยานให้แก่พระองค์ และร้องประกาศว่า <<นี่แหละคือพระองค์ผู้ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงว่า พระองค์ผู้เสด็จมาภายหลังข้าพเจ้าทรงเป็นใหญ่กว่าข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า>> และเราทั้งหลายได้รับจากความบริบูรณ์ของพระองค์ เป็นพระคุณซ้อนพระคุณ เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงประทานธรรมบัญญัตินั้นทางโมเสส ส่วนพระคุณและความจริงมาทางพระเยซูคริสต์ ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย พระบุตรองค์เดียวผู้ทรงสถิตอยู่ในพระทรวงของพระบิดา พระองค์ได้ทรงสำแดงพระเจ้าแล้ว นี่เป็นคำพยานของยอห์น คือเมื่อพวกยิวส่งพวกปุโรหิตและพวกเลวีจากกรุงเยรูซาเล็มไปถามท่านว่า <<ท่านคือผู้ใด>> ท่านได้ยอมรับ ท่านมิได้ปฏิเสธ คือได้ยอมรับว่า <<ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต์>> เขาทั้งหลายจึงถามว่า <<ถ้าเช่นนั้นท่านเป็นใครเล่า ท่านเป็นเอลียาห์หรือ>> ท่านตอบว่า <<ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์>> <<ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะนั้นหรือ>> และท่านตอบว่า <<มิได้>> คนเหล่านั้นจึงถามว่า <<ท่านเป็นใคร ขอให้เราได้รับคำตอบเพื่อจะได้ไปบอกผู้ที่ใช้เรามา ท่านกล่าวว่าท่านเป็นใคร>> ท่านตอบว่า <<เราเป็นเสียงของผู้ที่ร้องประกาศในถิ่นทุรกันดารว่า <จงกระทำมรรคาขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงไป> ตามที่อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้>> ฝ่ายผู้ที่พวกฟาริสีส่งไปนั้น เขาเหล่านั้นก็ได้ถามท่านว่า <<ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์ หรือเอลียาห์ หรือผู้เผยพระวจนะนั้นแล้ว ทำไมท่านจึงทำพิธีบัพติศมา>> ยอห์นได้ตอบเขาเหล่านั้นว่า <<ข้าพเจ้าให้บัพติศมาด้วยน้ำ แต่มีพระองค์หนึ่งซึ่งประทับอยู่ในหมู่พวกท่านนั้น ท่านไม่รู้จัก พระองค์นั้นแหละมาภายหลังข้าพเจ้า แม้สายรัดฉลองพระบาทของพระองค์ ข้าพเจ้าก็ไม่บังควรที่จะแก้>> เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานีฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างตะวันออก อันเป็นที่ซึ่งยอห์นกำลังให้บัพติศมาอยู่ วันรุ่งขึ้นยอห์นเห็นพระเยซูกำลังเสด็จมาทางท่าน ท่านจึงกล่าวว่า <<จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย พระองค์นี้แหละที่ข้าพเจ้าได้กล่าวว่า <ภายหลังข้าพเจ้า จะมีผู้หนึ่งเสด็จมาเป็นใหญ่กว่าข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า> ข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้รู้จักพระองค์ แต่เพื่อให้พระองค์ทรงเป็นที่ประจักษ์แก่พวกอิสราเอล ข้าพเจ้าจึงได้มาให้บัพติศมาด้วยน้ำ>> และยอห์นกล่าวเป็นพยานว่า <<ข้าพเจ้าเห็นพระวิญญาณเหมือนดังนกพิราบ เสด็จลงมาจากสวรรค์และทรงสถิตบนพระองค์ ข้าพเจ้าเองไม่รู้จักพระองค์ แต่พระองค์ทรงใช้ให้ข้าพเจ้าให้บัพติศมาด้วยน้ำ ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า <เมื่อเจ้าเห็นพระวิญญาณเสด็จลงมาสถิตอยู่บนผู้ใด ผู้นั้นแหละเป็นผู้ให้บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์> และข้าพเจ้าก็ได้เห็นแล้วและได้เป็นพยานว่า พระองค์นี้แหละเป็นพระบุตรของพระเจ้า>> รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งยอห์นกำลังยืนอยู่กับสาวกของท่านสองคน และท่านมองดูพระเยซูขณะที่พระองค์ทรงดำเนินและกล่าวว่า <<จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า>> สาวกสองคนนั้นได้ยินท่านพูดเช่นนี้ เขาจึงติดตามพระเยซูไป พระเยซูทรงเหลียวกลับมาและเห็นเขาตามพระองค์ไป จึงตรัสถามเขาว่า <<ท่านหาอะไร>> และเขาทั้งสองทูลพระองค์ว่า <<รับบี (ซึ่งแปลว่าอาจารย์) ท่านอยู่ที่ไหน>> พระองค์ตรัสตอบเขาว่า <<มาดูเถิด>> เขาก็ไปและเห็นที่ซึ่งพระองค์ทรงพำนัก และวันนั้นเขาก็ได้พักอยู่กับพระองค์ เพราะขณะนั้นประมาณสี่โมงเย็นแล้ว คนหนึ่งในสองคนที่ได้ยินยอห์นพูดและได้ติดตามพระองค์ไปนั้น คืออันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตร แล้วอันดรูว์ก็ไปหาซีโมนพี่ชายของตนก่อน และบอกเขาว่า <<เราได้พบพระเมสสิยาห์แล้ว>> (ซึ่งแปลว่าพระคริสต์) อันดรูว์จึงพาซีโมนไปเฝ้าพระเยซู พระเยซูทรงทอดพระเนตรเขาแล้วจึงตรัสว่า <<ท่านคือซีโมนบุตรยอห์นซีนะ เขาจะเรียกท่านว่าเคฟาส>> (ซึ่งแปลว่าศิลา) รุ่งขึ้นพระเยซูตั้งพระทัยจะเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี พระองค์ทรงพบฟีลิปจึงตรัสกับเขาว่า <<จงตามเรามา>> ฟีลิปมาจากเบธไซดาเมืองของอันดรูว์และเปโตร ฟีลิปไปหานาธานาเอลบอกเขาว่า <<เราได้พบพระองค์ผู้ที่โมเสสได้กล่าวถึงในหนังสือธรรมบัญญัติ และที่พวกผู้เผยพระวจนะได้กล่าวถึง คือ พระเยซู ชาวนาซาเร็ธบุตรโยเซฟ>> นาธานาเอลถามเขาว่า <<สิ่งดีอันใดจะมาจากนาซาเร็ธได้หรือ>> ฟีลิปตอบว่า <<มาดูเถิด>> พระเยซูทรงเห็นนาธานาเอลมาหา พระองค์จึงตรัสถึงเรื่องของตัวเขาว่า <<ดูเถิด ชนอิสราเอลแท้ ในตัวเขาไม่มีอุบาย>> นาธานาเอลทูลถามพระองค์ว่า <<พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์ได้อย่างไร>> พระเยซูตรัสตอบเขาว่า <<ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน เมื่อท่านอยู่ที่ใต้ต้นมะเดื่อนั้น เราเห็นท่าน>> นาธานาเอลทูลตอบพระองค์ว่า <<รับบี พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล>> พระเยซูตรัสตอบเขาว่า <<เพราะเราบอกท่านว่า เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อนั้นท่านจึงเชื่อหรือ ท่านจะได้เห็นเหตุการณ์ใหญ่กว่านั้นอีก>> และพระองค์ตรัสกับเขาว่า <<เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะได้เห็นท้องฟ้าเบิกออก และบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นและลงอยู่เหนือบุตรมนุษย์>>
ยอห์น 1:15-51 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
ยอห์นเป็นพยานเกี่ยวกับพระองค์ เขาร้องประกาศว่า “นี่คือผู้ซึ่งเราได้บอกไว้ว่า ‘พระองค์ผู้เสด็จมาภายหลังเราทรงยิ่งใหญ่กว่าเราเพราะพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนเรา’ ” เราทั้งปวงได้รับพระพรครั้งแล้วครั้งเล่าจากความบริบูรณ์แห่งพระคุณของพระองค์ เพราะบทบัญญัติประทานมาทางโมเสส ส่วนพระคุณและความจริงมาทางพระเยซูคริสต์ ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้า แต่พระเจ้าคือพระบุตรองค์เดียวผู้ทรงอยู่เคียงข้างพระบิดาได้ทรงทำให้พระองค์เป็นที่ประจักษ์แล้ว นี่คือคำพยานของยอห์น เมื่อชาวยิวที่กรุงเยรูซาเล็มส่งพวกปุโรหิตและคนเลวีมาถามว่าเขาเป็นใคร เขาไม่ได้ปิดบังความจริง เขายอมรับอย่างเปิดเผยว่า “เราไม่ใช่พระคริสต์” พวกนั้นจึงถามว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นใคร? ท่านเป็นเอลียาห์หรือ?” เขาบอกว่า “ไม่ใช่” เมื่อถามว่า “ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะนั้นหรือ?” เขาก็ตอบว่า “ไม่ใช่” ในที่สุดพวกเขาจึงกล่าวว่า “ท่านเป็นใคร? จงตอบมาเถิด เราจะได้ไปบอกผู้ที่ส่งเรามา ท่านอ้างว่าตัวท่านเองเป็นใคร?” ยอห์นตอบโดยยกคำของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ว่า “เราคือเสียงของผู้ที่ร้องในถิ่นกันดารว่า ‘จงทำทางสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงไป’ ” พวกฟาริสีบางคนที่ถูกส่งมา จึงถามเขาว่า “ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์ ไม่ใช่เอลียาห์ หรือผู้เผยพระวจนะนั้น ทำไมท่านจึงให้บัพติศมา?” ยอห์นตอบว่า “เราให้บัพติศมาด้วยน้ำ แต่มีผู้หนึ่งในหมู่พวกท่านซึ่งพวกท่านไม่รู้จัก พระองค์ทรงเป็นผู้ที่จะมาภายหลังเรา เราไม่คู่ควรแม้แต่จะแก้สายรัดฉลองพระบาทของพระองค์” ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานีที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน ที่ซึ่งยอห์นกำลังให้บัพติศมา วันต่อมายอห์นเห็นพระเยซูเสด็จมาทางเขา จึงกล่าวว่า “จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับบาปของโลกไป! นี่แหละคือผู้ที่เราหมายถึง เมื่อเรากล่าวว่า ‘พระองค์ผู้ทรงมาภายหลังเราทรงยิ่งใหญ่กว่าเราเพราะพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนเรา’ เราเองไม่รู้จักพระองค์ แต่เหตุผลที่เรามาให้บัพติศมาด้วยน้ำก็เพื่อให้พระองค์เป็นที่ประจักษ์แก่อิสราเอล” แล้วยอห์นเป็นพยานดังนี้ว่า “เราเห็นพระวิญญาณลงมาจากสวรรค์ดั่งนกพิราบและสถิตกับพระองค์ เราคงไม่รู้ว่าพระองค์เป็นใคร แต่ผู้ที่ทรงใช้ให้เรามาให้บัพติศมาด้วยน้ำตรัสบอกเราไว้ว่า ‘เจ้าเห็นพระวิญญาณลงมาสถิตกับผู้ใด ผู้นั้นคือผู้ที่จะให้บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราได้เห็นแล้ว และเราเป็นพยานได้ว่าผู้นี้คือพระบุตรของพระเจ้า’ ” วันรุ่งขึ้น ยอห์นกับสาวกสองคนก็อยู่ที่นั่นอีก เมื่อเขาเห็นพระเยซูเสด็จผ่านไป จึงกล่าวว่า “จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า!” เมื่อสาวกทั้งสองได้ยินเขากล่าวเช่นนั้นจึงติดตามพระเยซูไป พระเยซูทรงหันมาเห็นพวกเขาตามมา จึงตรัสถามว่า “ท่านต้องการอะไร?” พวกเขาทูลว่า “รับบี (ซึ่งแปลว่าอาจารย์) ท่านพักอยู่ที่ไหน?” พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด แล้วท่านจะเห็น” พวกเขาจึงไปและเห็นที่ซึ่งพระองค์ประทับและอยู่กับพระองค์ในวันนั้นตั้งแต่เวลาประมาณสี่โมงเย็น หนึ่งในสองคนที่ได้ยินยอห์นกล่าวและได้ติดตามพระเยซูไปนั้นคือ อันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตร สิ่งแรกสุดที่อันดรูว์ทำคือไปหาซีโมนผู้เป็นพี่ชายและบอกว่า “เราพบพระเมสสิยาห์แล้ว” (คือ พระคริสต์) และพาเขามาเข้าเฝ้าพระเยซู พระเยซูทอดพระเนตรเขาและตรัสว่า “ท่านคือซีโมนบุตรยอห์น ท่านจะได้ชื่อว่า เคฟาส” (ซึ่งแปลว่า เปโตร) รุ่งขึ้นพระเยซูตัดสินพระทัยที่จะไปแคว้นกาลิลี พระองค์ทรงพบฟีลิปและตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามา” ฟีลิปมาจากเมืองเบธไซดาเช่นเดียวกับอันดรูว์และเปโตร ฟีลิปพบนาธานาเอลและบอกเขาว่า “เราพบผู้ซึ่งโมเสสเขียนถึงในหนังสือบทบัญญัติและซึ่งบรรดาผู้เผยพระวจนะก็เขียนถึงด้วย คือพระเยซูชาวนาซาเร็ธบุตรโยเซฟ” นาธานาเอลถามว่า “นาซาเร็ธ! จะมีอะไรดีมาจากที่นั่นได้หรือ?” ฟีลิปบอกว่า “มาดูเถิด” เมื่อพระเยซูทรงเห็นนาธานาเอลเข้ามาหาก็ตรัสถึงเขาว่า “นี่คืออิสราเอลแท้ ในตัวเขาไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอันใดเลย” นาธานาเอลทูลว่า “พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์ได้อย่างไร?” พระเยซูตรัสว่า “เราเห็นท่านขณะที่ท่านยังนั่งอยู่ใต้ต้นมะเดื่อนั้น ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน” นาธานาเอลจึงร้องว่า “รับบี พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล” พระเยซูตรัสว่า “ท่านเชื่อเพราะเราบอกว่าเราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อนั้น ท่านจะเห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก” แล้วพระองค์ตรัสต่อไปว่า “เราบอกความจริงแก่พวกท่านว่า พวกท่านจะเห็นฟ้าสวรรค์เปิดออก และเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงเหนือบุตรมนุษย์”
ยอห์น 1:15-51 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
ยอห์นร้องประกาศเพื่อยืนยันถึงพระองค์ว่า “พระองค์คือผู้ที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงว่า ‘ผู้ที่มาภายหลังข้าพเจ้าเหนือยิ่งกว่าข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ดำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า’” จากความบริบูรณ์ของพระองค์ เราทุกคนจะได้รับพระคุณเพิ่มแล้วเพิ่มอีกเสมอไป ด้วยว่า กฎบัญญัติถูกมอบให้โดยผ่านโมเสส ส่วนพระคุณและความจริงมาได้โดยผ่านพระเยซูคริสต์ ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้า แต่พระบุตรองค์เดียวผู้ดำรงความเป็นพระเจ้า ผู้อยู่ในอ้อมอกของพระบิดา ได้ทำให้พระบิดาเป็นที่รู้จัก นี่เป็นคำยืนยันของยอห์น เมื่อชาวยิวจากเมืองเยรูซาเล็มส่งพวกปุโรหิตและพวกเลวีไปถามว่า ท่านคือใคร ท่านยอมรับ และตอบตามความจริงว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต์” พวกเขาจึงถามต่อไปว่า “แล้วท่านคือใครเล่า เป็นเอลียาห์หรือ” ท่านตอบว่า “ไม่ใช่” “ท่านเป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าผู้นั้นหรือ” ท่านตอบว่า “ไม่ใช่” ในที่สุดเขาเหล่านั้นพูดว่า “ท่านเป็นใคร โปรดให้คำตอบแก่เราเพื่อกลับไปบอกบรรดาผู้ที่ส่งเรามาเถิด ท่านอ้างว่าท่านเป็นใคร” ยอห์นตอบตามคำกล่าวของอิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าเป็นเสียงของผู้ที่ร้องในถิ่นทุรกันดารว่า ‘จงทำทางให้ตรงเพื่อพระผู้เป็นเจ้าเถิด’” ส่วนคนที่พวกฟาริสีส่งมา ได้ถามยอห์นว่า “ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์ หรือเอลียาห์ หรือผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าผู้นั้น แล้วทำไมท่านจึงให้บัพติศมาเล่า” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าให้บัพติศมาด้วยน้ำ แต่ผู้ที่ยืนอยู่ท่ามกลางพวกท่าน ท่านกลับไม่รู้จัก พระองค์เป็นผู้ที่มาภายหลังข้าพเจ้า แม้แต่เชือกผูกรองเท้าของพระองค์ ข้าพเจ้าก็มิบังควรที่จะแก้ออก” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานีทางด้านตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน อันเป็นที่ซึ่งยอห์นกำลังให้บัพติศมาอยู่ วันรุ่งขึ้นยอห์นเห็นพระเยซูกำลังเดินตรงมาหาท่าน จึงกล่าวว่า “ดูสิ ลูกแกะของพระเจ้า เป็นผู้ที่รับเอาบาปของโลกไป นี่คือผู้ที่ข้าพเจ้าพูดถึงว่า ‘ผู้มาภายหลังข้าพเจ้าคือผู้ที่เหนือยิ่งกว่าข้าพเจ้า เพราะพระองค์ดำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า’ ข้าพเจ้าเองแม้ไม่รู้จักพระองค์มาก่อน แต่เหตุที่ข้าพเจ้ามาให้บัพติศมาด้วยน้ำ ก็เพื่อให้พระองค์ได้เป็นที่ประจักษ์แก่พวกชนชาติอิสราเอล” แล้วยอห์นก็กล่าวยืนยันว่า “ข้าพเจ้าเห็นพระวิญญาณลงมาจากสวรรค์ในรูปลักษณ์ของนกพิราบ และสถิตกับพระองค์ ข้าพเจ้าเองแม้ไม่รู้จักพระองค์มาก่อน แต่ผู้ที่ส่งข้าพเจ้ามาเพื่อให้บัพติศมาด้วยน้ำได้บอกข้าพเจ้าไว้ว่า ‘เมื่อเจ้าเห็นพระวิญญาณลงมาสถิตกับผู้ใด ผู้นั้นจะเป็นผู้ที่ให้บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’ ข้าพเจ้าได้เห็นแล้ว และขอยืนยันว่า ผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า” ในวันรุ่งขึ้น ยอห์นยืนอยู่ที่นั่นอีกกับสาวก 2 คน เมื่อท่านเห็นพระเยซูเดินผ่านไป ท่านกล่าวว่า “ดูสิ ลูกแกะของพระเจ้า” เมื่อสาวกทั้งสองได้ยิน ก็ติดตามพระเยซูไป พระเยซูหันมาพบว่า พวกเขาเดินตามมา จึงถามว่า “เจ้าแสวงหาอะไร” เขาตอบว่า “รับบี” (ซึ่งแปลว่า อาจารย์) “ท่านพักอยู่ที่ไหน” พระองค์ตอบว่า “มาเถิด แล้วเจ้าจะได้เห็นเอง” ดังนั้นสาวกทั้งสองจึงได้ตามไปและเห็นว่า พระองค์พักอยู่ที่ไหน ในวันนั้นเขาก็ได้พักอยู่กับพระองค์ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 10 โมงเช้า หนึ่งในสองคนที่ได้ยินยอห์นพูดและได้ติดตามพระองค์ไป คืออันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตร อันดรูว์จึงไปหาซีโมนพี่ชายของตนก่อนเพื่อบอกเขาว่า “เราได้พบพระเมสสิยาห์ (ซึ่งแปลว่า พระคริสต์) แล้ว” ครั้นแล้ว ก็พาซีโมนมาหาพระเยซู พระเยซูมองเขาและกล่าวว่า “เจ้าคือซีโมนบุตรของยอห์น เจ้าจะได้รับชื่อว่า เคฟาส” (ซึ่งแปลว่า เปโตร) วันรุ่งขึ้นพระเยซูตั้งใจจะไปยังแคว้นกาลิลี พระองค์พบฟีลิปจึงกล่าวขึ้นว่า “จงตามเรามาเถิด” ฟีลิปมาจากเมืองเบธไซดา เช่นเดียวกับอันดรูว์และเปโตร ฟีลิปพบนาธานาเอลและบอกเขาว่า “เราได้พบผู้ที่โมเสสเขียนถึงในหมวดกฎบัญญัติ และที่บรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเขียนถึงด้วย คือพระเยซูแห่งเมืองนาซาเร็ธผู้เป็นบุตรของโยเซฟ” นาธานาเอลถามว่า “สิ่งดีอันใดจะมาจากเมืองนาซาเร็ธได้หรือ” ฟีลิปบอกเขาว่า “มาดูสิ” เมื่อพระเยซูเห็นนาธานาเอลเดินเข้ามาใกล้ พระองค์จึงกล่าวว่า “คนนี้เป็นชาวอิสราเอลแท้ หามีเล่ห์เหลี่ยมไม่” นาธานาเอลจึงถามว่า “ท่านรู้จักข้าพเจ้าได้อย่างไร” พระเยซูตอบว่า “เราเห็นเจ้าเวลาเจ้าอยู่ใต้ต้นมะเดื่อก่อนที่ฟีลิปจะไปเรียกเสียอีก” นาธานาเอลตอบพระองค์ว่า “รับบี พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล” พระเยซูกล่าวว่า “เจ้าเชื่อเพราะเราบอกว่า เราเห็นเจ้าอยู่ใต้ต้นมะเดื่อ เจ้าจะเห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้” พระองค์กล่าวต่อไปอีกว่า “เราขอบอกความจริงกับพวกเจ้าว่า เจ้าจะเห็นสวรรค์เปิด และบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะขึ้นและลงอยู่เหนือบุตรมนุษย์”