เยเรมีย์ 2:2-37
เยเรมีย์ 2:2-37 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
“จงไปประกาศให้ชาวเยรูซาเล็มได้ยินดังนี้ “ ‘เรายังจำความจงรักภักดีในวัยแรกรุ่นของเจ้าได้ เจ้ารักเราเหมือนเจ้าเป็นเจ้าสาวของเรา และติดตามเราผ่านถิ่นกันดาร ผ่านดินแดนซึ่งหว่านพืชไม่ได้ อิสราเอลเคยบริสุทธิ์สำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า เคยเป็นผลแรกที่ทรงเก็บเกี่ยว ผู้ใดกัดกินอิสราเอลผู้นั้นก็มีความผิด และต้องพบกับหายนะ’ ” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น พงศ์พันธุ์ยาโคบเอ๋ย ทุกตระกูลของพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “บรรพบุรุษของเจ้าเห็นเรามีข้อเสียตรงไหนหรือ จึงได้หลงเตลิดไปไกลจากเราเช่นนี้? พวกเขาได้ไปติดตามรูปเคารพอันไร้ค่า และทำให้ตัวเองไร้ค่าไป พวกเขาไม่ได้ถามว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน? ผู้ทรงนำเราออกมาจากอียิปต์ นำเราผ่านถิ่นกันดารแห้งแล้ง ผ่านดินแดนแห่งทะเลทรายและโตรกเขา เป็นดินแดนที่แห้งแล้งและมืดมน ดินแดนซึ่งไม่มีใครอยู่อาศัยหรือผ่านไปมา’ เรานำพวกเจ้ามายังแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ ให้กินผลิตผลชั้นดีมากมาย แต่เจ้ากลับทำให้แผ่นดินของเราเป็นมลทิน และทำให้มรดกที่เรายกให้กลายเป็นสิ่งที่น่าชิงชัง ปุโรหิตทั้งหลายไม่ถามว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน?’ ผู้ที่รักษากฎหมายไม่รู้จักเรา บรรดาผู้นำกบฏต่อเรา เหล่าผู้เผยพระวจนะได้พยากรณ์ในนามของพระบาอัล ติดตามรูปเคารพอันไร้ค่า “ฉะนั้นเราจึงกล่าวโทษเจ้าอีกครั้ง” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “และเราจะกล่าวโทษลูกหลานของเจ้า จงข้ามทะเลไปยังชายฝั่งของคิททิมและมองดู ส่งคนไปยังเคดาร์แล้วสังเกตให้ดี ไปดูสิว่าเคยมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นบ้างไหม? เคยมีชาติหนึ่งชาติใดเปลี่ยนเทพเจ้าที่พวกเขานับถือหรือไม่? (ทั้งๆ ที่เทพเจ้าเหล่านั้นก็ไม่ใช่พระเจ้า) แต่ประชากรของเราเอาองค์ผู้ทรงเกียรติสิริของพวกเขา ไปแลกกับรูปเคารพอันไร้ค่า ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงตกตะลึงด้วยเรื่องนี้ จงขยะแขยงสะอิดสะเอียน” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “ประชากรของเราทำบาปถึงสองสถานคือ พวกเขาได้ละทิ้งเรา ผู้เป็นธารน้ำซึ่งให้ชีวิต และได้สร้างบ่อน้ำรั่วให้ตนเอง ซึ่งเก็บน้ำไว้ไม่อยู่ อิสราเอลเป็นขี้ข้า เป็นทาสตั้งแต่เกิดหรือ? ก็แล้วทำไมพวกเขาจึงกลายเป็นของให้ปล้นชิง? เหล่าสิงโตคำราม ร้องขู่เขา ทำให้ดินแดนของเขาเริศร้าง หัวเมืองทั้งหมดของเขาถูกเผาและทิ้งร้าง ทั้งชาวเมืองเมมฟิสและทาห์ปานเหส ก็ได้โกนผมบนกระหม่อมของเจ้า เจ้าทำตัวของเจ้าเองไม่ใช่หรือ? สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะเจ้าละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเจ้า ขณะที่พระองค์ทรงนำเจ้ามาตามทางไม่ใช่หรือ? บัดนี้ทำไมเจ้าจึงไปยังอียิปต์ เพื่อไปดื่มน้ำจากชิโหร์? และทำไมเจ้าไปยังอัสซีเรีย เพื่อไปดื่มน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติส? ความชั่วร้ายของเจ้าเองจะลงโทษเจ้า ที่เจ้าถอยหลังเข้าคลองนั้นจะเป็นการกล่าวโทษเจ้าเอง จงพิเคราะห์ดูแล้วเจ้าจะตระหนักว่า มันเลวร้ายและขมขื่นเพียงใดสำหรับเจ้า เมื่อเจ้าละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า และไม่มีความยำเกรงเราเลย” องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น “นานมาแล้วเจ้าได้สลัดแอกของเจ้าทิ้ง และหักทำลายเครื่องพันธนาการต่างๆ ของเจ้า เจ้าพูดว่า ‘ข้าพระองค์จะไม่ปรนนิบัติพระองค์!’ แท้จริง เจ้าเอนกายลงดั่งหญิงโสเภณี บนภูเขาสูงทุกลูก และใต้ต้นไม้ใบดกทุกต้น เราปลูกเจ้าไว้เหมือนเถาองุ่นพันธุ์ดี เป็นพันธุ์แท้ที่น่าเชื่อถือ แล้วเจ้ากลายมาเป็นปฏิปักษ์ต่อเรา เป็นเถาองุ่นป่าเสื่อมทรามไปได้อย่างไร? แม้เจ้าชำระกายด้วยน้ำด่าง และฟอกสบู่เป็นการใหญ่ แต่คราบความผิดของเจ้าก็ยังคงอยู่ต่อหน้าเรา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น “เจ้าพูดออกมาได้อย่างไรว่า ‘ข้าไม่มีมลทิน ข้าไม่ได้วิ่งตามพระบาอัล’? ก็ดูสิว่าเจ้าได้ประพฤติตัวอย่างไร จงพิจารณาดูสิ่งที่เจ้าทำในหุบเขานั้น เจ้าเป็นอูฐตัวเมียที่อยู่ไม่สุข วิ่งพล่านไปนั่นไปนี่ เป็นลาป่าที่คุ้นเคยกับถิ่นทะเลทราย ทำจมูกฟุดฟิดสูดลมหายใจในฤดูผสมพันธุ์ ใครจะยับยั้งความกระสันของมันได้? ตัวผู้ตัวไหนต้องการเจ้า ก็ไม่ต้องลำบากลำบนเลย ถึงเวลาผสมพันธุ์พวกมันก็จะพบเจ้า อย่าวิ่งจนเท้าเปล่า และจนคอแห้งเลย แต่เจ้าพูดว่า ‘ไม่มีประโยชน์! ข้ารักพระต่างชาติทั้งหลาย และจะต้องติดตามไป’ “พงศ์พันธุ์อิสราเอลอับอายขายหน้า เหมือนขโมยอับอายขายหน้าเมื่อถูกจับได้ ทั้งพวกเขาเอง บรรดากษัตริย์ ข้าราชการ ปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะของพวกเขา พวกเขากล่าวกับท่อนไม้ว่า ‘ท่านเป็นบิดาของข้า’ และกล่าวกับก้อนหินว่า ‘ท่านให้กำเนิดข้า’ พวกเขาหันหลังให้เรา และไม่ได้หันหน้ามาหาเรา แต่เมื่อถึงเวลาเดือดร้อน เขากลับกล่าวว่า ‘โปรดเสด็จมาช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายด้วย!’ ไหนล่ะบรรดาเทพเจ้าที่เจ้าสร้างขึ้นให้ตัวเอง? ถ้าเขาช่วยเจ้าได้ ให้เขาช่วยเจ้า ในเวลาทุกข์ร้อนสิ! เพราะเจ้ามีเทพเจ้ามากมาย พอๆ กับจำนวนหัวเมืองที่เจ้ามี ยูดาห์เอ๋ย “เหตุใดเจ้าจึงกล่าวโทษเรา? พวกเจ้าทุกคนล้วนกบฏต่อเรา” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “ป่วยการที่เราจะลงโทษพลเมืองของเจ้า เขาไม่ดีขึ้นเลย คมดาบของเจ้าได้ขย้ำผู้เผยพระวจนะของเจ้า เหมือนสิงโตขย้ำเหยื่อของมัน “คนรุ่นนี้เอ๋ย จงใคร่ครวญพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด “เราเป็นถิ่นกันดารหรือ? เป็นดินแดนมืดมนสำหรับอิสราเอลหรือ? แล้วทำไมประชากรของเราจึงพูดว่า ‘เมื่อเราไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ เราจะไม่มาหาพระองค์อีกต่อไป’? หญิงสาวจะลืมเพชรนิลจินดาของเธอหรือ? เจ้าสาวจะลืมเครื่องประดับในวันสมรสหรือ? ถึงกระนั้นประชากรของเราได้ลืมเรามานาน นานจนนับวันไม่ไหว เจ้าช่ำชองในการล่าความรักยิ่งนัก! แม้กระทั่งหญิงชั่วที่สุดก็ยังมาเรียนจากวิถีของเจ้า เสื้อผ้าของเจ้าเปรอะเปื้อน ด้วยเลือดของผู้ยากไร้ซึ่งไม่มีความผิด เจ้าฆาตกรรมโดยไร้เหตุ แต่ถึงเพียงนี้แล้ว เจ้ายังพูดว่า ‘ข้าไม่มีความผิด พระองค์ไม่ได้กริ้วข้า’ แต่เราจะพิพากษาโทษเจ้า เนื่องจากเจ้าพูดว่า ‘ข้าไม่ได้ทำบาป’ ทำไมเจ้าจึงโผไปทางโน้นโผมาทางนี้ เดี๋ยวคว้าทางโน้นเดี๋ยวฉวยทางนี้ เจ้าจะผิดหวังเพราะอียิปต์ เหมือนที่เจ้าเคยผิดหวังเพราะอัสซีเรียมาแล้ว เจ้าจะเอามือกุมศีรษะ ออกมาจากที่นั่นเช่นกัน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าปฏิเสธบรรดาผู้ที่เจ้าไว้เนื้อเชื่อใจ พวกเขาจะช่วยอะไรเจ้าไม่ได้
เยเรมีย์ 2:2-37 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
“เยเรมียาห์ ไปพูดให้กับคนเยรูซาเล็มได้ยินว่า พระยาห์เวห์พูดว่า เรายังจำได้ถึงความรักอันมั่นคงที่เจ้ามีให้กับเราเมื่อเจ้ายังเป็นเด็กอยู่ เรายังจำได้ถึงความรักที่เจ้ามีให้กับเราในฐานะเจ้าสาว และเรายังจำได้ว่าเจ้าได้ติดตามเราไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง และในดินแดนที่ยังไม่เคยเพาะปลูกมาก่อน อิสราเอลนั้นถูกแยกออกมาสำหรับพระยาห์เวห์ เป็นผลแรกที่ดีเยี่ยมของสิ่งที่พระองค์ปลูก ใครที่คิดจะกินส่วนนั้น ก็จะต้องถูกลงโทษ และคนพวกนั้นจะต้องได้รับความหายนะ” พระยาห์เวห์พูดไว้อย่างนี้ พวกเจ้าที่เป็นลูกหลานของยาโคบ ที่เป็นตระกูลต่างๆที่สืบเชื้อสายมาจากอิสราเอล ฟังคำของพระยาห์เวห์ไว้ให้ดี พระยาห์เวห์พูดไว้อย่างนี้ “บรรพบุรุษของเจ้าไม่พอใจเราตรงไหนหรือ พวกเขาถึงอยากจะไปให้ไกลจากเรา พวกเขาหันไปติดตามสิ่งที่ไร้ค่า ก็เลยทำให้พวกเขาไร้ค่าไปด้วย บรรพบุรุษของเจ้าไม่ได้พูดว่า ‘พระยาห์เวห์อยู่ที่ไหนแล้ว พระองค์ผู้ที่ได้นำเราออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ผู้ที่นำเราในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง ในดินแดนที่รกร้างและหุบเขาลึก ในดินแดนที่แห้งแล้งและอันตราย ในดินแดนที่ไม่มีใครเคยผ่านเข้าไปมาก่อน เป็นดินแดนที่ไม่เคยมีคนอยู่มาก่อน’ แต่เราได้นำเจ้าไปยังแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ เพื่อให้เจ้าได้กินผลไม้และผลผลิตต่างๆของมัน แล้วเมื่อเจ้าเข้ามาอยู่ เจ้าก็ได้ทำให้แผ่นดินของเราไม่บริสุทธิ์ และเจ้าได้ทำให้มรดกของเรากลายเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง พวกนักบวชไม่ได้ถามว่า ‘พระยาห์เวห์อยู่ที่ไหน’ และคนพวกนั้นที่เชี่ยวชาญกฎโมเสส ก็ไม่รู้จักเรา เหล่าผู้เลี้ยงแกะ ก็ได้ทรยศต่อเรา ส่วนพวกผู้พูดแทนพระเจ้าก็พูดแทนพระบาอัล ผู้คนก็ไปติดตามสิ่งต่างๆที่ไม่ได้เป็นประโยชน์กับใครเลย” พระยาห์เวห์พูดว่า “เพราะฉะนั้นเราจะยังโต้แย้งกับเจ้าต่อไป และโต้แย้งกับลูกของเจ้าและหลานของเจ้าด้วย ข้ามไปที่เกาะไซปรัสสิ ไปดูว่าคนที่นั่นทำอะไรกัน หรือไม่ก็ส่งคนไปที่เคดาร์ ไปสำรวจให้ละเอียด ไปดูสิว่ามีใครเคยทำอะไรอย่างนี้เหมือนกับที่ยูดาห์บ้างไหม มีชนชาติไหนบ้างที่เอาพระเจ้าของพวกเขาไปแลกกับพระอื่นๆ ไม่มีหรอก นี่ขนาดพระของคนพวกนั้นไม่ใช่พระเจ้าเที่ยงแท้สักหน่อย แต่คนของเราสิ กลับเอาศักดิ์ศรีของเราไปแลกกับของที่ไม่ให้ประโยชน์อะไรเลย ฟ้าสวรรค์ทั้งหลาย ให้ตกตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ให้สะดุ้งกลัว และหมดเรี่ยวแรงไป” พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้แหละ “ที่เราพูดอย่างนี้ เพราะคนของเราได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายต่อเราสองอย่าง คือ พวกเขาได้ละทิ้งเราซึ่งเป็นน้ำพุที่ไหลริน เพื่อจะได้ขุดแอ่งเก็บน้ำสำหรับตัวเอง แต่แอ่งน้ำพวกนั้นเป็นแอ่งน้ำแตกที่กักเก็บน้ำไม่ได้ อิสราเอลเป็นทาสหรือยังไง เขาเป็นลูกของคนใช้หรือยังไง ไม่ใช่เลย แล้วทำไมเขาถึงได้กลายเป็นเชลยสงครามไป พวกสิงโตได้ขู่คำรามใส่อิสราเอล พวกสิงโตได้ส่งเสียงคำรามดังขึ้น พวกสิงโตได้ทำให้แผ่นดินของพวกเขาว่างเปล่า จนไม่เหลือใครเลยในเมืองต่างๆเหล่านั้น แม้แต่ลูกๆของชาวเมมฟิสและชาวทาปานเหส ก็ยังทำให้หัวของเจ้าบาดเจ็บ ที่มันเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นกับเจ้า ก็ไม่ใช่เพราะเจ้าได้ทอดทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าไปหรอกหรือ ตอนที่พระองค์นำเจ้าเดินไปตามทางที่ถูกต้อง แล้วตอนนี้ทำไมเจ้าถึงอยากจะเดินกลับไปอียิปต์ เพื่อไปดื่มน้ำจากแม่น้ำไนล์เล่า และทำไมเจ้าถึงอยากจะไปอัสซีเรีย เพื่อไปดื่มน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติสเล่า สิ่งชั่วร้ายต่างๆที่เจ้าได้ทำไปจะตีสอนเจ้า และการหันเหไปจากเราก็จะทำให้เจ้าได้รับบทเรียน เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่ามันชั่วร้ายและขมขื่นแค่ไหนที่เจ้าได้ทอดทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าไป และเจ้าก็ไม่ได้มีความเกรงกลัวต่อเราเลย” พระยาห์เวห์ เจ้านายของผม ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดไว้ว่าอย่างนี้ “ที่เราพูดเรื่องนี้ก็เพราะเมื่อก่อนโน้นเจ้าหักแอกของเจ้า เจ้ากระชากเชือกทั้งหลายของเจ้าออก เจ้าพูดว่า ‘ฉันจะไม่รับใช้พระยาห์เวห์’ แน่ล่ะ ก็เจ้าเล่นนอนเอกเขนกอย่างกับโสเภณีอยู่บนเนินเขาสูงทุกลูก และใต้ต้นไม้เขียวชอุ่มทุกต้น แต่เราปลูกเจ้าขึ้นมาเหมือนเถาองุ่นอย่างดีจากเมล็ดที่ดีที่สุดที่มีอยู่ แล้วนี่เจ้ากลายพันธุ์ไปเป็นองุ่นป่าได้ยังไงกัน ถึงเจ้าจะเอากรดหรือสบู่สารพัดมาล้างตัว เจ้าก็ยังดูเลอะเปรอะเปื้อน ในสายตาเราอยู่ดี เพราะการกระทำที่ชั่วช้าของเจ้านั่นแหละ” พระยาห์เวห์เจ้านายของผม พูดไว้ว่าอย่างนั้น “เจ้าพูดได้ยังไงว่า ‘ฉันไม่ได้ด่างพร้อย ฉันไม่ได้ติดตามพวกพระบาอัลสักหน่อย’ ดูการใช้ชีวิตของเจ้าในหุบเขาสิ ให้รับรู้เสียบ้างว่าเจ้าได้ทำอะไรลงไป เจ้าทำตัวเหมือนอูฐสาวที่อยู่ไม่สุขในช่วงฤดูผสมพันธุ์ของมัน เจ้าเป็นเหมือนลาป่าที่เคยชินกับที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น หมกมุ่นอยู่กับความอยากของตัวเอง แล้วก็ดมกลิ่นลม เมื่อถึงเวลาติดสัตว์ของนาง ใครจะไปเหนี่ยวรั้งนางได้ สัตว์ที่ตามหานางเพื่อผสมพันธุ์ ไม่มีสักตัวที่ต้องตามหานางจนหมดแรง เพราะพวกเขาต่างหานางได้ง่ายๆในฤดูผสมพันธุ์นั้น ทำไมเจ้าจะต้องวิ่งเท้าเปล่าและหิวน้ำตามพระเหล่านั้น แต่เจ้ากลับพูดว่า ‘ฉันก็เป็นอย่างนี้แหละ ฉันรักพระของคนต่างชาติ และฉันจะไปติดตามพวกพระเหล่านั้น’ ก็เหมือนกับที่หัวขโมยต้องอับอายขายหน้าเมื่อถูกจับ ชาติอิสราเอลก็จะต้องอับอายขายหน้าอย่างนั้นเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น ตัวพวกมันเอง หรือพวกกษัตริย์ พวกเจ้าหน้าที่ พวกนักบวช หรือพวกผู้พูดแทนพระเจ้าของพวกมัน เรากำลังพูดถึงคนพวกนั้นที่พูดกับต้นไม้ว่า ‘ท่านเป็นพ่อของฉัน’ และคนพวกนั้นที่พูดกับก้อนหินว่า ‘ท่านให้กำเนิดฉันมา’ พวกมันหันหลังให้เรา ไม่ได้หันหน้าให้เรา แต่พอพวกมันมีปัญหาก็พูดว่า ‘พระยาห์เวห์เจ้าข้า ลุกขึ้นมาช่วยพวกเราด้วยเถิด’ แล้วไหนละ ยูดาห์ พวกพระที่เจ้าทำขึ้นมาให้กับตัวเอง ให้พวกมันลุกขึ้นมาช่วยพวกเจ้าตอนที่เจ้ามีปัญหาสิ เพราะเจ้ามีพระตั้งมากมายเท่ากับจำนวนเมืองของเจ้า ทำไมเจ้าถึงเถียงเรา พวกเจ้าทุกคนทรยศต่อเรา” พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้แหละ “เราได้ตีลูกๆของพวกเจ้า แต่การตีนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น พวกเขาไม่ได้รับบทเรียนจากการถูกตีสอนนั้น เจ้าได้ฆ่าผู้พูดแทนพระเจ้าทุกคนที่เราส่งมาเตือนเจ้า เหมือนสิงโตที่หิวจัด พวกเจ้าที่เป็นคนในรุ่นนี้ ให้สนใจสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดกับเจ้า ‘เราเป็นเหมือนทะเลทรายให้กับอิสราเอลหรือยังไง เราเป็นเหมือนแผ่นดินที่มืดมิดให้กับพวกเขาหรือยังไง’ ทำไมคนของเราถึงได้พูดว่า ‘พวกเราเป็นอิสระไปไหนก็ได้ พวกเราจะไม่มาหาพระองค์อีกแล้ว’ มีเจ้าสาวที่ไหนลืมเครื่องประดับของเธอบ้าง มีเจ้าสาวที่ไหนลืมชุดแต่งงานของตัวเองบ้าง แต่คนของเรากลับลืมเรานานซะจนนับไม่ถ้วนแล้ว เจ้านี่เก่งจริงๆเลย ที่แสวงหาคนรักอื่นๆ และเจ้ายังได้สอนคนอื่นๆให้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายต่างๆแบบเดียวกัน เจ้ามีเลือดติตอยู่ที่ฝ่ามือของเจ้า เป็นเลือดของคนบริสุทธิ์และคนยากจน เจ้าไม่ได้พบว่าพวกเขาปล้นบ้านของเจ้าสักหน่อย แต่เมื่อพูดถึงเรื่องพวกนี้ทั้งหมด เจ้าพูดว่า ‘ฉันบริสุทธิ์แน่นอน พระยาห์เวห์จะไม่มีวันโกรธฉันแน่’ ดูสิ เรากำลังนำตัวเจ้าไปศาล เพราะเจ้าพูดว่า ‘ฉันไม่ได้ทำบาป’ ทำไมเจ้าเปลี่ยนใจง่ายจัง อียิปต์ก็จะทำให้เจ้าผิดหวัง เหมือนกับที่อัสซีเรียทำให้เจ้าผิดหวังมาแล้วก่อนหน้านี้ เจ้าจะต้องออกจากอียิปต์ด้วยมือกุมหัว เพราะพระยาห์เวห์ได้ปฏิเสธชนชาติเหล่านั้นที่เจ้าไว้วางใจ พวกเขาจะไม่ทำให้เจ้าประสบความสำเร็จหรอก”
เยเรมีย์ 2:2-37 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
“จงไปประกาศกรอกหูชาวกรุงเยรูซาเล็มว่า พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เรายังจำความจงรักภักดีในวัยสาวของเจ้าได้ ความรักของเจ้าตอนเป็นเจ้าสาว เจ้าตามเราไปในถิ่นทุรกันดาร ในดินแดนที่ไม่ได้หว่านพืช อิสราเอลนั้นบริสุทธิ์ต่อพระยาห์เวห์ คือเป็นผลิตผลรุ่นแรกของพระองค์ ทุกคนที่กินผลนั้นก็ผิด เหตุร้ายจึงมาถึงพวกเขา พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ” จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ เชื้อสายของยาโคบและทุกตระกูลในเชื้อสายของอิสราเอลเอ๋ย พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “บรรพบุรุษของเจ้าพบความผิดอะไรในเราเล่า? เขาจึงห่างเหินจากเรา และไปติดตามสิ่งไร้ค่า และได้กลายเป็นสิ่งไร้ค่า เขาทั้งหลายไม่ได้กล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์ทรงอยู่ที่ไหน ผู้ได้ทรงพาเราขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ ผู้ได้ทรงนำเราในถิ่นทุรกันดาร ในดินแดนแห้งแล้งและหลุมบ่อ ในแดนที่แห้งแล้งและมืดทึบ ในแผ่นดินที่ไม่มีใครผ่านไปได้ และไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ที่นั่น?’ และเราได้พาพวกเจ้าเข้ามาในแผ่นดินที่มีเรือกสวนไร่นา เพื่อรับประทานผลไม้และบรรดาสิ่งที่ดี แต่เมื่อเจ้าเข้ามา เจ้าได้ทำให้แผ่นดินของเราเป็นมลทิน และทำให้มรดกของเราเป็นสิ่งน่ารังเกียจ พวกปุโรหิตไม่ได้กล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์ทรงอยู่ที่ไหน?’ คนเหล่านั้นที่เชี่ยวชาญธรรมบัญญัติไม่รู้จักเรา บรรดาผู้ปกครองก็ทรยศต่อเรา พวกผู้เผยพระวจนะได้เผยพระวจนะโดยพระบาอัล และติดตามสิ่งไร้ประโยชน์ “เพราะฉะนั้น เราจึงยังคงโต้แย้งกับเจ้า” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “เราจะโต้แย้งกับลูกหลานของเจ้า จงข้ามไปยังฝั่งเกาะไซปรัสแล้วมองดู หรือใช้คนไปยังเมืองเคดาร์ แล้วให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน ดูว่าเคยมีอย่างนี้บ้างไหม มีชนชาติใดเคยเปลี่ยนพระของตน แม้ว่าพระเหล่านั้นไม่ได้เป็นพระ? แต่ประชากรของเราได้เอาศักดิ์ศรีของเขา แลกกับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ โอ ฟ้าสวรรค์ จงตกตะลึงด้วยสิ่งนี้ จงสยดสยองและจงร้างเปล่า” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “เพราะว่าประชากรของเราได้ทำความชั่วถึงสองประการ เขาได้ทอดทิ้งเรา ซึ่งเป็นน้ำพุที่มีน้ำแห่งชีวิต แล้วสกัดบ่อน้ำไว้สำหรับตนเอง เป็นบ่อแตกที่ขังน้ำไม่ได้ “อิสราเอลเป็นทาสเขาหรือ? หรือเป็นทาสที่เกิดมาในบ้าน? เหตุใดเขาจึงตกเป็นของปล้น? เหล่าสิงห์หนุ่มคำรามใส่เขา มันแผดเสียงดังมาก และพวกมันได้ทำให้แผ่นดินของเขาร้างเปล่า เมืองทั้งหลายของเขาก็ถูกไฟเผา ไม่มีคนอาศัยอยู่ ยิ่งกว่านั้นอีก ประชาชนเมืองเมมฟิสและเมืองทาปานเหส ได้โกนกระหม่อมของเจ้าแล้ว เจ้าหาเรื่องเหล่านี้มาใส่ตัวเจ้าเองไม่ใช่หรือ โดยการทอดทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เมื่อพระองค์ทรงนำเจ้าไปตามทาง? ดังนั้นเจ้าได้อะไรจากการลงไปยังอียิปต์ เพื่อดื่มน้ำในแม่น้ำไนล์? หรือเจ้าได้อะไรจากการลงไปยังอัสซีเรีย เพื่อดื่มน้ำในแม่น้ำยูเฟรติส? ความชั่วร้ายของเจ้าจะตีสอนเจ้าเอง และความไม่ซื่อสัตย์ของเจ้าจะตำหนิเจ้า เจ้าจงรู้และเห็นเถิดว่ามันเป็นความชั่วและความขมขื่น ที่ทอดทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า และความยำเกรงเราไม่ได้อยู่ในเจ้าเลย” พระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสดังนี้แหละ “เพราะว่านานมาแล้วเจ้าหักแอกของเจ้า และทำลายโซ่ตรวนของเจ้าเสีย และเจ้าได้กล่าวว่า ‘ข้าจะไม่ปรนนิบัติ’ เพราะเจ้าได้นอนลงเล่นชู้ บนเนินเขาสูงทุกแห่ง และใต้ต้นไม้เขียวสดทุกต้น แต่เราได้ปลูกเจ้าไว้เป็นเถาองุ่นอย่างดี เป็นพันธุ์แท้ทั้งนั้น แล้วทำไมเจ้าเสื่อมทรามลง จนกลายพันธุ์ไปได้? ถึงแม้ว่าเจ้าชำระตัวด้วยน้ำด่าง และใช้สบู่มาก แต่รอยเปื้อนความผิดบาปของเจ้าก็ยังปรากฏอยู่ต่อหน้าเรา” พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ “เจ้าจะพูดได้อย่างไรว่า ‘ข้าไม่เป็นมลทิน ข้าไม่ได้ติดตามบรรดาพระบาอัลไป’ จงมองดูท่าทางของเจ้าที่ในหุบเขาสิ จงสำนึกว่าเจ้าได้ทำอะไรไป เหมือนอูฐสาวคะนองอยู่ไม่สุข เหมือนลาป่าที่คุ้นเคยกับถิ่นทุรกันดาร ได้สูดลมหายใจด้วยความอยากอันรุนแรงของมัน ใครจะระงับความใคร่ของมันได้ ทุกคนที่แสวงหามันจะไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย เมื่อถึงเดือนที่กำหนดของมันจะพบมันเอง อย่าไปเท้าเปล่า และอย่าให้คอแห้ง แต่เจ้ากล่าวว่า ‘เหลวไหล เพราะข้าได้รักพระอื่น และข้าจะติดตามไป’ “เมื่อโจรถูกจับมีความอับอายอย่างไร เชื้อสายของอิสราเอลก็จะอับอายอย่างนั้น ทั้งตัวเขา กษัตริย์ เจ้านาย ปุโรหิต และผู้เผยพระวจนะของเขา ผู้กล่าวแก่ต้นไม้ว่า ‘ท่านเป็นบิดาของข้าพเจ้า’ และกล่าวแก่ศิลาว่า ‘ท่านคลอดข้าพเจ้ามา’ เพราะพวกเขาได้หันหลังให้เรา ไม่ใช่หันหน้ามา แต่เมื่อถึงเวลาลำบากเขากล่าวว่า ‘ขอทรงลุกขึ้นช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้พ้น’ แต่บรรดาพระของเจ้าอยู่ที่ไหนเล่า ซึ่งเป็นพระที่เจ้าสร้างไว้สำหรับตัวเอง? ถ้ามันช่วยเจ้าให้พ้นได้ ก็ให้มันลุกขึ้นช่วย เมื่อถึงเวลาลำบากของเจ้า ยูดาห์เอ๋ย เจ้ามีเมืองต่างๆ มากเท่าใด เจ้าก็มีพระมากเท่านั้น “เจ้าทั้งหลายจะมาโต้แย้งเราทำไม? เจ้าได้กบฏต่อเราหมดทุกคนแล้ว” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “เราได้โบยตีลูกหลานของเจ้าเสียเปล่า พวกเขาก็ไม่รับการสั่งสอน ดาบของเจ้าเองได้กลืนผู้เผยพระวจนะของเจ้า เหมือนอย่างสิงห์ช่างทำลาย คนยุคนี้เอ๋ย เจ้าทั้งหลายจงคิดพิจารณาดูพระวจนะของพระยาห์เวห์ เราเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดารแก่อิสราเอลหรือ หรือเหมือนแผ่นดินที่มืดทึบ? ทำไมประชากรของเราจึงกล่าวว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นอิสระ ข้าพระองค์จะไม่มาหาพระองค์อีก’? สาวพรหมจารีจะลืมเครื่องประดับของเธอได้หรือ? เจ้าสาวจะลืมอาภรณ์ของตนได้หรือ? แต่ประชากรของเราได้ลืมเรา เป็นจำนวนวันที่นับไม่ถ้วน “เจ้าหาทางไปพบรักได้อย่างแนบเนียน ซ้ำเจ้ายังสอนทางของเจ้าให้หญิงชั่ว ที่ชายเสื้อของเจ้ามี โลหิตของคนจนที่ไร้ความผิดติดอยู่ ทั้งที่เจ้าไม่ได้จับเขาขณะทำการโจรกรรม แต่ถึงจะมีเรื่องต่างๆ เหล่านี้ เจ้าก็ยังกล่าวว่า ‘ข้าไม่มีความผิดเลย พระพิโรธของพระองค์ได้หันกลับจากข้าแล้ว’ นี่แน่ะ เราจะนำเจ้าไปสู่การพิพากษา เพราะเจ้ากล่าวว่า ‘ข้าไม่ได้ทำบาป’ ทำไมเจ้าเร่ร่อนไปอย่างนั้น โดยเปลี่ยนเส้นทางของเจ้า? อียิปต์จะทำให้เจ้าอับอาย เหมือนที่อัสซีเรียทำให้เจ้าอับอายมาแล้วนั้น เช่นเดียวกันเจ้าจะออกมาจากที่นั่น โดยเอามือกุมศีรษะของเจ้าไว้ เพราะพระยาห์เวห์ทรงปฏิเสธคนเหล่านั้นที่เจ้าไว้วางใจ เจ้าจะไม่เจริญขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากพวกเขา”
เยเรมีย์ 2:2-37 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
“จงไปประกาศกรอกหูของกรุงเยรูซาเล็มว่า พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้ว่า เรายังจำเจ้าได้ คือความเมตตาในวัยสาวของเจ้า ความรักขณะที่เจ้าเข้าพิธีสมรส เมื่อเจ้าตามเรามาในถิ่นทุรกันดาร ในดินแดนที่ไม่ได้หว่านพืชอะไร อิสราเอลนั้นเป็นส่วนบริสุทธิ์ของพระเยโฮวาห์ คือเป็นผลิตผลรุ่นแรกของพระองค์ คนทั้งปวงที่ได้กินผลนั้นก็ผิด เหตุร้ายจึงจะมาถึงเขา พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้แหละ” โอ วงศ์วานของยาโคบ และบรรดาครอบครัวแห่งวงศ์วานอิสราเอลเอ๋ย จงฟังพระวจนะของพระเยโฮวาห์ พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้ว่า “บรรพบุรุษของเจ้าจับความชั่วช้าอะไรได้ในเราเล่า เขาจึงไปห่างเสียจากเรา และไปดำเนินตามสิ่งไร้ค่า และได้กลายเป็นสิ่งไร้ค่า เขาทั้งหลายมิได้กล่าวว่า ‘พระเยโฮวาห์ประทับที่ไหน ผู้ได้พาเราขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ ผู้ได้นำเราอยู่ในป่าถิ่นทุรกันดาร ในแดนทะเลทรายมีหลุม ในแดนที่กันดารน้ำและมีเงามัจจุราช ในแผ่นดินที่ไม่มีผู้ใดผ่านไปได้ และไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ที่นั่น’ และเราได้พาเจ้าทั้งหลายเข้ามาในดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ เพื่อกินผลไม้และของดีๆในแผ่นดินนั้น แต่เมื่อเจ้าเข้ามา เจ้าได้กระทำให้แผ่นดินของเราเป็นมลทิน และกระทำให้มรดกของเราเป็นสิ่งน่าสะอิดสะเอียน ปุโรหิตทั้งหลายมิได้กล่าวว่า ‘พระเยโฮวาห์ประทับที่ไหน’ คนเหล่านั้นที่แถลงพระราชบัญญัติไม่รู้จักเรา บรรดาผู้เลี้ยงแกะก็ละเมิดต่อเรา พวกผู้พยากรณ์ได้พยากรณ์โดยพระบาอัล และดำเนินติดตามสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์” พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “เพราะฉะนั้นเราจะยังโต้แย้งกับเจ้า เราจะโต้แย้งกับลูกหลานของเจ้า เหตุว่า จงข้ามไปยังฝั่งเกาะคิทธิม แล้วก็ดู และใช้คนไปถึงเมืองเคดาร์และพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ดูทีว่าเคยมีสิ่งอย่างนี้บ้างไหม มีประชาชาติใดเคยได้เปลี่ยนพระของตน ถึงแม้ว่าพระเหล่านั้นไม่เป็นพระ แต่ประชาชนของเราได้เอาสง่าราศีของเขาแลกกับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์อย่างใด” พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “โอ ฟ้าสวรรค์ทั้งหลายเอ๋ย จงตกตะลึงด้วยสิ่งนี้ จงเกรงกลัวอย่างสยดสยองและจงโดดเดี่ยวอ้างว้างเสียเลย เพราะว่าประชาชนของเราได้กระทำความชั่วถึงสองประการ เขาได้ทอดทิ้งเราเสียซึ่งเป็นแหล่งน้ำเป็น แล้วสกัดหินขังน้ำไว้สำหรับตนเอง เป็นถังน้ำแตก ซึ่งขังน้ำไม่ได้ อิสราเอลเป็นทาสเขาหรือ หรือเป็นทาสที่เกิดมาในบ้าน เหตุใดเขาจึงตกไปเป็นเหยื่อ สิงโตหนุ่มคำรามเข้าใส่เขา มันคำรามเสียงดังมาก และมันทั้งหลายได้กระทำให้แผ่นดินของเขาทิ้งร้างว่างเปล่า หัวเมืองทั้งหลายของเขาก็ถูกเผา ไม่มีคนอาศัยอยู่ ยิ่งกว่านั้นอีก ประชาชนเมืองโนฟและเมืองทาปานเหสได้ทุบกระหม่อมของเจ้าแล้ว เจ้าหาเรื่องเหล่านี้ให้มาใส่ตัวเจ้าเอง โดยการทอดทิ้งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า เมื่อพระองค์ทรงนำเจ้าไปตามทางมิใช่หรือ บัดนี้เจ้าได้อะไรด้วยการลงไปยังอียิปต์ เพื่อดื่มน้ำในแม่น้ำชิโหร์ หรือเจ้าได้อะไรด้วยการที่ลงไปยังอัสซีเรีย เพื่อดื่มน้ำในแม่น้ำนั้น ความโหดร้ายของเจ้าจะตีสอนเจ้าเอง และการที่เจ้ากลับสัตย์นั้นเองจะตำหนิเจ้า ฉะนั้นเจ้าจงรู้และเห็นเถิดว่า มันเป็นความชั่วและความขมขื่น ซึ่งเจ้าทอดทิ้งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ซึ่งความยำเกรงเรามิได้อยู่ในตัวเจ้าเลย” องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ “เพราะว่านานมาแล้วเราได้หักแอกของเจ้า และระเบิดพันธนะของเจ้าเสีย และเจ้าได้กล่าวว่า ‘ข้าจะไม่ละเมิด’ เออ เจ้าได้โน้มตัวลงเล่นชู้บนเนินเขาสูงทุกแห่งและใต้ต้นไม้เขียวสดทุกต้น แต่เราได้ปลูกเจ้าไว้เป็นเถาองุ่นอย่างดี เป็นพันธุ์แท้ทั้งนั้น แล้วทำไมเจ้าเสื่อมทรามลงจนกลายเป็นเถาแปลกไปได้” องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสว่า “ถึงแม้ว่าเจ้าชำระตัวด้วยน้ำด่าง และใช้สบู่มาก แต่รอยเปื้อนความชั่วช้าของเจ้าก็ยังปรากฏอยู่ต่อหน้าเรา เจ้าจะพูดได้อย่างไรว่า ‘ข้าไม่เป็นมลทิน ข้ามิได้ติดตามพระบาอัลไป’ จงมองดูท่าทางของเจ้าที่ในหุบเขาซิ จงสำนึกซิว่าเจ้าได้กระทำอะไร เจ้าเหมือนอูฐสาวคะนองที่เดินข้ามไปข้ามมา เหมือนลาป่าที่คุ้นเคยกับถิ่นทุรกันดาร ได้สูดลมด้วยความอยากอันรุนแรงของมัน ใครจะระงับความใคร่ของมันได้ บรรดาที่แสวงหามันจะไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย เมื่อถึงเดือนที่กำหนดของมันจะพบมันเอง ระวังอย่าให้เท้าของเจ้าขาดรองเท้า และระวังลำคอของเจ้าให้พ้นจากความกระหาย แต่เจ้ากล่าวว่า ‘หมดหวังเสียแล้ว เพราะข้าได้รักพระอื่น และข้าจะติดตามไป’ เมื่อโจรถูกจับมีความละอายฉันใด วงศ์วานของอิสราเอลก็จะละอายฉันนั้น ทั้งตัวเขา กษัตริย์ เจ้านาย ปุโรหิตและผู้พยากรณ์ทั้งหลายของเขา ผู้กล่าวแก่ลำต้นว่า ‘ท่านเป็นบิดาของข้าพเจ้า’ และกล่าวแก่ศิลาว่า ‘ท่านคลอดข้าพเจ้ามา’ เพราะเขาทั้งหลายได้หันหลังให้แก่เรา มิใช่หันหน้ามาให้ แต่เมื่อถึงเวลาลำบากเขาจะกล่าวว่า ‘ขอทรงลุกขึ้นช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอด’ แต่บรรดาพระของเจ้าอยู่ที่ไหนเล่า ซึ่งเป็นพระที่เจ้าสร้างไว้สำหรับตัวเอง ถ้ามันช่วยเจ้าให้รอดได้ ก็ให้มันลุกขึ้นช่วย เมื่อถึงเวลาลำบากของเจ้า โอ ยูดาห์เอ๋ย เจ้ามีหัวเมืองมากเท่าใด เจ้าก็มีพระมากเท่านั้น” พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “เจ้าทั้งหลายจะมาร้องทุกข์เรื่องเราทำไม เจ้าได้ละเมิดต่อเราหมดทุกคนแล้ว เราได้โบยตีลูกหลานของเจ้าเสียเปล่า เขาทั้งหลายก็ไม่ดีขึ้น ดาบของเจ้าเองได้กลืนผู้พยากรณ์ของเจ้า เหมือนอย่างสิงโตที่ทำลาย โอ คนยุคนี้เอ๋ย เจ้าทั้งหลายจงพิจารณาดูพระวจนะของพระเยโฮวาห์ เราเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดารแก่อิสราเอลหรือ หรือเหมือนแผ่นดินที่มืดทึบหรือ ทำไมประชาชนของเราจึงกล่าวว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นเจ้านาย ข้าพระองค์จะไม่มาหาพระองค์อีก’ สาวพรหมจารีจะลืมอาภรณ์ของเธอได้หรือ เจ้าสาวจะลืมเครื่องพันกายของตนได้หรือ แต่ประชาชนของเราได้ลืมเรา เป็นเวลากี่วันก็นับไม่ไหวแล้ว ทำไมเจ้านำวิถีของเจ้าไปหาความรักอย่างแนบเนียน ฉะนั้นเจ้าจึงสอนทางของเจ้าให้คนชั่วด้วย ที่ชายเสื้อของเจ้าจะเห็นโลหิตของคนจนที่ไร้ความผิดด้วย เรามิได้พบโดยการสืบหาอย่างลึกลับ แต่โดยเรื่องต่างๆเหล่านี้ เจ้าก็ยังกล่าวว่า ‘เพราะข้าพเจ้าไม่มีความผิดเลย พระพิโรธของพระองค์จะหันกลับจากข้าพเจ้าเป็นแน่’ ดูเถิด เราจะนำเจ้าไปสู่การพิพากษา เพราะเจ้าได้กล่าวว่า ‘ข้าพเจ้ามิได้กระทำบาป’ ทำไมเจ้าท่องเที่ยวไปๆมาๆอย่างเบาความเช่นนั้น โดยเปลี่ยนเส้นทางของเจ้าอยู่เสมอนะ อียิปต์จะกระทำให้เจ้าได้อาย เหมือนอัสซีเรียได้กระทำให้เจ้าได้อายมาแล้วนั้น เจ้าจะออกมาจากที่นั่นด้วย โดยเอามือกุมศีรษะของเจ้าไว้ เพราะพระเยโฮวาห์ทรงทอดทิ้งบรรดาความไว้วางใจของเจ้าเสีย เจ้าจะเจริญขึ้นมาเพราะเขาก็ไม่ได้”
เยเรมีย์ 2:2-37 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
<<จงไปประกาศกรอกหูของกรุงเยรูซาเล็มว่า พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เรายังจำการจงรักภักดีในวัยสาวของเจ้าได้ ความรักของเจ้าครั้งเจ้าเป็นสาว เจ้าตามเรามาในถิ่นทุรกันดาร ในดินแดนที่ไม่ได้หว่านพืชอะไร อิสราเอลนั้นเป็นส่วนบริสุทธิ์ของพระเจ้า คือเป็นผลิตผลรุ่นแรกของพระองค์ คนทั้งปวงที่ได้กินผลนั้นก็ผิด เหตุร้ายจึงมาถึงเขา พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ>> เชื้อสายของยาโคบ และบรรดาตระกูลเชื้อสายของอิสราเอลเอ๋ย จงฟังพระวจนะของพระเจ้า พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<บรรพบุรุษของเจ้าจับความอะไรได้ในเราเล่า เขาจึงไปห่างเสียจากเรา และไปติดตามสิ่งไร้ค่า และได้กลายเป็นสิ่งไร้ค่า เขาทั้งหลายมิได้กล่าวว่า <พระเจ้าประทับที่ไหน ผู้ได้พาเราขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ ผู้ได้นำเราอยู่ในป่าถิ่นทุรกันดาร ในแดนทะเลทรายมีหลุม ในแดนที่กันดารน้ำและมีความมืดทึบ ในแผ่นดินที่ไม่มีผู้ใดผ่านไปได้ และไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ที่นั่น> และเราได้พาเจ้าทั้งหลายเข้ามาในแผ่นดินเรือกสวนไร่นา เพื่อลิ้มรสผลไม้และของดีๆ แต่เมื่อเจ้าเข้ามา เจ้าได้กระทำให้แผ่นดินของเราเป็นมลทิน และกระทำให้มรดกของเราเป็นสิ่งที่น่าเกลียดน่าชัง ปุโรหิตทั้งหลายมิได้กล่าวว่า <พระเจ้าประทับที่ไหน> คนเหล่านั้นที่แถลงธรรมไม่รู้จักเรา บรรดาผู้ปกครองก็ทรยศต่อเรา พวกผู้เผยพระวจนะ ได้เผยพระวจนะโดยพระบาอัล และดำเนินติดตามสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ พระเจ้าตรัสว่า <<เพราะฉะนั้นเราก็ยังโต้แย้งกับเจ้า เราจะโต้แย้งกับลูกหลานของเจ้า เหตุว่า จงข้ามไปยังฝั่งเกาะไซปรัสแล้วก็ดู หรือใช้คนไปถึงเมืองเคดาร์ และพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ดูทีว่าเคยมีสิ่งอย่างนี้บ้างไหม มีประชาชาติใดเคยได้เปลี่ยนพระของตน ถึงแม้ว่าพระเหล่านั้นไม่เป็นพระ แต่ประชากรของเราได้เอาศักดิ์ศรีของเขา แลกกับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์อย่างใด>> พระเจ้าตรัสว่า <<สวรรค์ทั้งหลายเอ๋ย จงตกตะลึงด้วยสิ่งเหล่านี้ จงสยดสยองและจงเริศร้างเสียเลย เพราะว่าประชากรของเราได้กระทำความชั่วถึงสองประการ เขาได้ทอดทิ้งเราเสีย ซึ่งเป็นแหล่งน้ำเป็น แล้วสกัดหินขังน้ำไว้สำหรับตนเอง เป็นแอ่งแตกที่ขังน้ำตาย ซึ่งขังน้ำไม่ได้ อิสราเอลเป็นทาสเขาหรือ หรือเป็นทาสที่เกิดมาในบ้าน เหตุใดเขาจึงตกไปเป็นเหยื่อ สิงห์หนุ่มคำรามเข้าใส่เขา มันคำรามเสียงดังมาก และมันทั้งหลายได้กระทำให้เมืองของเขาทิ้งร้างว่างเปล่า หัวเมืองทั้งหลายของเขาก็ปรักหักพัง ไม่มีคนอาศัยอยู่ ยิ่งกว่านั้นอีก ประชาชนเมืองเมมฟิสและเมืองทาปานเหส ได้ทุบกระหม่อมของเจ้าแล้ว เจ้าหาเรื่องเหล่านี้ให้มาใส่ตัวเจ้าเอง โดยการทอดทิ้งพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของเจ้า เมื่อพระองค์ทรงนำเจ้าไปตามทางมิใช่หรือ บัดนี้เจ้าได้อะไรด้วยการลงไปยังอียิปต์ เพื่อดื่มน้ำในแม่น้ำไนล์ หรือเจ้าได้อะไรด้วยการที่ลงไปยังอัสซีเรีย เพื่อดื่มน้ำในแม่น้ำยูเฟรติส ความโหดร้ายของเจ้าจะตีสอนเจ้าเอง และการที่เจ้ากลับสัตย์นั้นเองจะตำหนิเจ้า เจ้าจงรู้และเห็นเถิดว่ามันเป็นความชั่วและความขมขื่น ซึ่งจะทอดทิ้งพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของเจ้า ซึ่งความยำเกรงเรา มิได้อยู่ในตัวเจ้าเลย พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ <<เพราะว่านานมาแล้วเจ้าหักแอกของเจ้า และระเบิดพันธนะของเจ้าเสีย และเจ้าได้กล่าวว่า <ข้าจะไม่ปรนนิบัติ> เออ เจ้าได้โน้มตัวลงเล่นชู้ บนเนินเขาสูงทุกแห่ง และใต้ต้นไม้เขียวสดทุกต้น แต่เราได้ปลูกเจ้าไว้เป็นเถาองุ่นอย่างดี เป็นพันธุ์แท้ทั้งนั้น แล้วทำไมเจ้าเสื่อมทรามลง จนกลายเป็นเถาเปรี้ยวไปได้ พระเจ้าตรัสว่า ถึงแม้ว่าเจ้าชำระตัวด้วยน้ำด่าง และใช้สบู่มาก แต่รอยเปื้อนความผิดบาปของเจ้าก็ยังปรากฏอยู่ต่อเรา เจ้าจะพูดได้อย่างไรว่า <ข้าไม่เป็นมลทิน ข้ามิได้ติดตามบรรดาพระบาอัลไป> จงมองดูท่าทางของเจ้าที่ในหุบเขาซิ จงสำนึกซิว่าเจ้าได้กระทำอะไร เหมือนอูฐสาวคะนองอยู่ไม่สุข เหมือนลาป่าที่คุ้นเคยกับถิ่นทุรกันดาร ได้สูดลมด้วยความอยากอันรุนแรงของมัน ใครจะระงับความใคร่ของมันได้ บรรดาที่แสวงหามันจะไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย เมื่อถึงเดือนที่กำหนดของมันจะพบมันเอง ระวังอย่าให้เท้าของเจ้าขาดรองเท้า และระวังลำคอของเจ้าให้พ้นจากความกระหาย แต่เจ้ากล่าวว่า <หมดหวังเสียแล้ว เพราะข้าได้รักพระอื่น และข้าจะติดตามไป> <<เมื่อโจรถูกจับมีความละอายฉันใด เชื้อสายของอิสราเอลก็จะละอายฉันนั้น ทั้งตัวเขา พระราชา เจ้านาย ปุโรหิต และผู้เผยพระวจนะของเขา ผู้กล่าวแก่ต้นไม้ว่า <ท่านเป็นบิดาของข้าพเจ้า> และกล่าวแก่ศิลาว่า <ท่านคลอดข้าพเจ้ามา> เพราะเขาทั้งหลายได้หันหลังให้แก่เรา มิใช่หันหน้ามาให้ แต่เมื่อถึงเวลาลำบากเขากล่าวว่า <ขอทรงลุกขึ้นช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้พ้น> แต่บรรดาพระของเจ้าอยู่ที่ไหนเล่า ซึ่งเป็นพระที่เจ้าสร้างไว้สำหรับตัวเอง ถ้ามันช่วยเจ้าให้พ้นได้ ก็ให้มันลุกขึ้นช่วย เมื่อถึงเวลาลำบากของเจ้า ยูดาห์เอ๋ย เจ้ามีหัวเมืองมากเท่าใด เจ้าก็มีพระมากเท่านั้น พระเจ้าตรัสว่า <<เจ้าทั้งหลายจะมาร้องทุกข์เรื่องเราทำไม เจ้าได้กบฏต่อเราหมดทุกคนแล้ว เราได้โบยตีลูกหลานของเจ้าเสียเปล่า เขาทั้งหลายก็ไม่ดีขึ้น ดาบของเจ้าเองได้กลืนผู้เผยพระวจนะของเจ้า เหมือนอย่างสิงห์ที่ทำลาย คนรุ่นนี้เอ๋ย เจ้าทั้งหลายจงฟังพระวจนะของพระเจ้า เราเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดารแก่อิสราเอลหรือ หรือเหมือนแผ่นดินที่มืดทึบหรือ ทำไมประชากรของเราจึงกล่าวว่า <ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นอิสระ ข้าพระองค์จะไม่มาหาพระองค์อีก> สาวพรหมจารีจะลืมอาภรณ์ของเธอได้หรือ เจ้าสาวจะลืมเครื่องพันกายของตนได้หรือ แต่ประชากรของเราได้ลืมเรา เป็นเวลากี่วันก็นับไม่ไหวแล้ว <<เจ้านำวิถีของเจ้าไปหารักได้อย่างแนบเนียน ซ้ำเจ้ายังสอนทางของเจ้าให้หญิงชั่ว ที่ชายเสื้อของเจ้าจะเห็น โลหิตของคนจนที่ไร้ความผิดด้วย เจ้ามิได้เห็นเขาพังเข้ามา แม้ว่าจะมีเรื่องต่างๆเหล่านี้ เจ้าก็ยังกล่าวว่า <ข้าพเจ้าไม่มีความผิดเลย พระพิโรธของพระองค์ได้หันกลับจากข้าพเจ้าแล้ว> ดูเถิด เราจะนำเจ้าไปสู่การพิพากษา เพราะเจ้าได้กล่าวว่า <ข้าพเจ้ามิได้กระทำบาป> เจ้าท่องเที่ยวไปๆมาๆอย่างเบาความเช่นนั้น โดยเปลี่ยนเส้นทางของเจ้าอยู่เสมอนะ อียิปต์จะกระทำให้เจ้าได้อาย เหมือนอัสซีเรียได้กระทำให้เจ้าได้อายมาแล้วนั้น เจ้าจะออกมาจากที่นั่นด้วย โดยเอามือกุมศีรษะของเจ้าไว้ เพราะพระเจ้าทรงทอดทิ้งเขาเหล่านั้นที่เจ้าไว้วางใจเสีย เจ้าจะเจริญขึ้นมาเพราะเขาก็ไม่ได้
เยเรมีย์ 2:2-37 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
“จงไปประกาศให้ทุกคนในเยรูซาเล็มรับรู้ว่า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ เราระลึกถึงการอุทิศตนเมื่อเจ้ายังเยาว์ ความรักของเจ้าที่มีต่อเราราวกับเจ้าสาว และเจ้าติดตามเราอย่างไรในถิ่นทุรกันดาร ในแผ่นดินที่ยังไม่มีพันธุ์ไม้เลย อิสราเอลเคยบริสุทธิ์ต่อพระผู้เป็นเจ้า ดั่งผลแรกของการเก็บเกี่ยว ทุกคนที่กินผลแรกก็จะมีความผิด และได้รับความวิบัติ” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น พวกท่านที่เป็นผู้สืบเชื้อสายของยาโคบ และตระกูลทั้งปวงของพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “บรรพบุรุษของเจ้าเห็นว่าเราทำสิ่งใดผิด จึงได้ห่างเหินไปจากเรา และกลับติดตามสิ่งอันไร้ค่า และกลายเป็นคนไร้ค่า พวกเขาไม่ได้พูดว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าอยู่ไหน ผู้ที่นำพวกเราขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ ผู้นำพวกเราในถิ่นทุรกันดาร ในแผ่นดินที่เป็นทะเลทรายและเป็นหลุมทราย ในแผ่นดินแห้งแล้งและปราศจากชีวิต ในแผ่นดินที่ไม่มีใครเดินทางผ่าน หรืออาศัยอยู่’ และเรานำเจ้าเข้าไปในแผ่นดินอันอุดม เพื่อให้เจ้าสุขสำราญกับผลิตผลและสิ่งดีๆ ของแผ่นดิน แต่เมื่อเจ้าเข้ามาแล้ว เจ้าทำให้แผ่นดินที่เรามอบให้เป็นมรดกเป็นมลทิน และทำให้ผืนแผ่นดินของเราเป็นที่น่ารังเกียจ บรรดาปุโรหิตไม่ได้พูดว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าอยู่ไหน’ บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎบัญญัติไม่รู้จักเรา บรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะก็ล่วงละเมิดต่อเรา บรรดาผู้เผยคำกล่าวพูดในนามของเทพเจ้าบาอัล และไปติดตามสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์” ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “เรายังคัดค้านเจ้าอยู่ เราจะคัดค้านลูกของเจ้าและลูกๆ ของลูกเจ้าด้วย ถ้าเจ้าข้ามไปยังฝั่งทะเลของไซปรัสและมองดู หรือให้ผู้ใดไปยังเคดาร์และสำรวจอย่างระมัดระวัง ดูสิว่าเคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นหรือไม่ มีประชาชาติใดที่เปลี่ยนเทพเจ้าบ้าง แม้ว่าจะไม่ใช่เทพเจ้าแท้จริง แต่ชนชาติของเราได้เปลี่ยนจากเราซึ่งเป็นบารมีของพวกเขา ไปหาเทพเจ้าซึ่งทำสิ่งใดให้พวกเขาไม่ได้เลย” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “โอ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงตื่นตระหนก และหวาดกลัวจนตัวแข็งเกร็งกับเรื่องดังกล่าว ด้วยว่าชนชาติของเราได้กระทำความชั่ว 2 ประการคือ พวกเขาได้ทอดทิ้งเราผู้เป็นน้ำพุแห่งชีวิต และเขาได้ขุดบ่อน้ำให้แก่ตนเอง บ่อน้ำที่พังซึ่งเก็บน้ำไม่ได้ อิสราเอลเป็นทาสหรือ เป็นผู้รับใช้ที่เป็นทาสโดยกำเนิดหรือ แล้วทำไมพวกเขาจึงกลายเป็นเหยื่อที่ถูกล่า สิงโตได้คำรามใส่เขา คำรามเสียงดัง พวกสิงโตทำให้แผ่นดินของเขารกร้าง เมืองของเขาถูกเผาและไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ ยิ่งกว่านั้น ชาวเมมฟิสและทาปานเหส ได้โกนศีรษะของพวกเจ้า เจ้าเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์นี้กับตัวเจ้าเอง เพราะการทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า ครั้งที่พระองค์นำพวกเจ้าไปมิใช่หรือ และบัดนี้เจ้าจะได้ประโยชน์อะไรที่ไปยังประเทศอียิปต์ เพื่อไปดื่มน้ำจากแม่น้ำไนล์หรือ หรือเจ้าจะได้ประโยชน์อะไรที่ไปยังอัสซีเรีย เพื่อไปดื่มน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติสหรือ ความชั่วร้ายของเจ้าจะลงโทษเจ้าเอง และเจ้าจะได้รับบทเรียนเมื่อเจ้าหันเหไปจากเรา จงรับรู้ไว้ว่า สิ่งเลวร้ายและขมขื่นจะเกิดแก่เจ้า ที่ทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า ความเกรงกลัวที่มีต่อเราไม่ได้อยู่ในตัวเจ้าเลย” พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น “ด้วยว่า นานมาแล้วที่เจ้าหักแอกของเจ้า และตัดสิ่งที่ผูกเจ้าให้หลุดออกไป และเจ้าพูดว่า ‘เราจะไม่รับใช้’ แต่แล้วเจ้าก็ก้มกราบลงอย่างหญิงแพศยาคนหนึ่ง บนเนินเขาสูงทุกลูก และใต้ต้นไม้อันเขียวชอุ่มทุกต้น เราปลูกเจ้าให้เป็นดั่งเถาพันธุ์เยี่ยม เป็นเมล็ดบริสุทธิ์แท้ แล้วเจ้ากลับเน่า และได้กลายเป็นเถาที่ไร้ค่า แม้ว่าเจ้าจะชำระล้างตัวเจ้าด้วยน้ำด่าง และใช้สบู่มาก แต่ความชั่วที่เป็นรอยเปื้อนของเจ้าก็ยังอยู่เบื้องหน้าเรา” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น “เจ้าพูดได้อย่างไรว่า ‘ข้าพเจ้าไม่มีมลทิน ข้าพเจ้าไม่ได้นมัสการเทพเจ้าบาอัล’ ดูวิถีทางของเจ้าในหุบเขาสิ เจ้ารู้ว่าเจ้าได้ทำอะไรไปบ้าง เหมือนกับอูฐสาวที่วิ่งไปวิ่งมา ลาป่าเคยชินกับถิ่นทุรกันดาร ลาตัวเมียสูดตามกลิ่นในสายลมเพื่อหาคู่ของมัน ใครจะรั้งความต้องการของมันได้ล่ะ ไม่มีลาผู้ตัวใดที่จำเป็นจะต้องเหนื่อยจากการมองหาลาตัวเมียเลย เมื่อถึงเวลาหาคู่ ลาผู้ก็จะหามันพบ อย่าวิ่งไปมาจนเท้าของเจ้าเจ็บ หรือทำให้คอของเจ้าแห้ง แต่เจ้าพูดว่า ‘ไม่เกิดประโยชน์เลย เพราะข้าพเจ้าหลงรักเทพเจ้าต่างชาติ และข้าพเจ้าจะติดตามต่อไป’ ขโมยที่อับอายเมื่อถูกจับได้เป็นอย่างไร พงศ์พันธุ์อิสราเอลก็จะอับอายอย่างนั้น ทั้งพวกเขา บรรดากษัตริย์ ผู้นำ ปุโรหิต และบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพวกเขา ซึ่งเป็นบรรดาผู้ที่พูดกับต้นไม้ว่า ‘ท่านเป็นบิดาของข้าพเจ้า’ และพูดกับก้อนหินว่า ‘ท่านให้กำเนิดแก่เรา’ เพราะพวกเขาหันหลัง แทนที่จะหันหน้ามาหาเรา แต่เมื่อพวกเขามีความลำบากก็พูดว่า ‘ขอพระองค์ลุกขึ้นและช่วยพวกเราให้รอดเถิด’ แต่พวกเทพเจ้าของเจ้า ที่เจ้าทำขึ้นเองอยู่ไหนล่ะ ถ้าเขาช่วยเจ้าให้รอดได้ เมื่อเจ้ามีความลำบาก ก็ให้พวกเขาลุกขึ้นสิ เพราะเทพเจ้าของเจ้ามีมาก เท่ากับเมืองของเจ้า โอ ยูดาห์เอ๋ย พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ทำไมเจ้าจึงบ่นกับเรา พวกเจ้าทุกคนได้ล่วงละเมิดต่อเรา เราได้ลงโทษคนของเจ้า แต่พวกเขาก็ไม่รับเป็นบทเรียน เจ้าฆ่าบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าด้วยดาบของเจ้าเอง เหมือนกับสิงโตที่คอยขม้ำเหยื่อ โอ พวกเจ้าที่อยู่ในยุคนี้เอ๋ย จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า อิสราเอลเห็นว่า เราเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดาร หรือเป็นแผ่นดินอันมืดทึบอย่างนั้นหรือ เหตุใดชนชาติของเราจึงพูดว่า ‘พวกเรามีอิสระ พวกเราจะไม่มาหาพระองค์อีก’ หญิงสาวจะลืมเครื่องประดับของเธอ หรือเจ้าสาวจะลืมชุดเจ้าสาวได้อย่างนั้นหรือ ถึงกระนั้นชนชาติของเรายังได้ลืมเราเสียแล้ว เป็นเวลานานแสนนาน เจ้าชำนาญในการเลือกหาคนรักได้อย่างดี แม้แต่พวกหญิงชั่วร้าย เจ้าก็ยังได้สอนวิถีทางของเจ้าให้แก่พวกเขา เสื้อผ้าของเจ้ามีรอยเปื้อนเลือดของผู้ยากไร้ที่ไร้ความผิด เจ้าก็รู้ดีว่า พวกเขาไม่ได้บุกเข้าบ้าน แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เจ้ายังพูดว่า ‘ข้าพเจ้าไม่มีความผิด พระองค์ไม่เอาผิดข้าพเจ้า’ ดูเถิด เราจะตัดสินเจ้าที่พูดว่า ‘ข้าพเจ้าไม่ได้ทำบาป’ เจ้าร่อนไปมา เปลี่ยนวิถีทางของเจ้าได้ง่ายอะไรเช่นนี้ อียิปต์จะทำให้เจ้าต้องอับอาย เหมือนกับที่อัสซีเรียได้ทำให้เจ้าอับอาย เจ้าจะวางมือไว้บนหัว และหันกลับออกมาจากอียิปต์ เพราะพระผู้เป็นเจ้าไม่ยอมรับพวกที่เจ้าไว้วางใจ และพวกเขาจะไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้”