ผู้วินิจฉัย 16:1-31

ผู้วินิจฉัย 16:1-31 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

วัน​หนึ่ง​แซมสัน​ไป​เมือง​กาซา ที่​นั่น​เขา​พบ​กับ​โสเภณี​คน​หนึ่ง​และ​ได้​ร่วม​หลับ​นอน​กับ​เธอ มี​คน​บอก​ชาว​เมือง​ว่า “แซมสัน​อยู่​ที่​นี่” พวก​เขา​เลย​มา​ล้อม​ที่​นั่น​ไว้ และ​ดัก​ซุ่ม​คอย​แซมสัน​ที่​ประตู​เมือง​ตลอด​ทั้ง​คืน พวก​เขา​ซุ่ม​เงียบ​อยู่​ทั้ง​คืน​และ​คิด​ว่า “ให้​รอ​ถึง​เช้า​ก่อน แล้ว​เรา​จะ​ได้​ฆ่า​มัน​ทิ้ง” แซมสัน​นอน​จน​ถึง​เที่ยงคืน​แล้ว​ลุก​ขึ้น​มา ยก​ประตู​เมือง​และ​ถอน​เสา​ประตู​ทั้ง​สอง​ด้าน พร้อม​ทั้ง​กลอน​ประตู แล้ว​เอา​ทั้งหมด​ใส่​บ่า​แบก​ไป​ไว้​ที่​ยอด​เขา​ที่​อยู่​ด้าน​หน้า​ของ​เมือง​เฮโบรน หลังจาก​นั้น​แซมสัน​ก็​ตก​หลุม​รัก​หญิง​คน​หนึ่ง​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​หุบเขา​โสเรก เธอ​ชื่อ​ว่า​เดลิลาห์ พวก​ผู้​ครอบ​ครอง​ชาว​ฟีลิสเตีย​มา​พบ​เธอ​และ​สั่ง​ว่า “เกลี้ย​กล่อม​เขา​และ​ค้นหา​ดู​สิ​ว่า​อะไร​ทำ​ให้​เขา​มี​พละ​กำลัง​มาก​มาย​ขนาด​นั้น ทำ​ยังไง​เรา​ถึง​จะ​เอา​ชนะ​เขา​ได้ เพื่อ​เรา​จะ​ได้​มัด​ตัว​เขา​และ​ทำ​ให้​เขา​หมด​ฤทธิ์ แล้ว​เรา​แต่​ละ​คน​จะ​จ่าย​เงิน​หนึ่ง​พัน​หนึ่ง​ร้อย​ชิ้น​ให้​กับ​เธอ” เดลิลาห์​จึง​ถาม​แซมสัน​ว่า “บอก​น้อง​หน่อย​สิคะ​ว่า​อะไร​ทำ​ให้​พี่​มี​พละ​กำลัง​มหาศาล​อย่าง​นี้ และ​ทำ​ยังไง​ถึง​จะ​มัด​พี่​ให้​หมด​ฤทธิ์​ได้” แซมสัน​ตอบ​นาง​ว่า “ถ้า​เขา​มัด​พี่​ด้วย​สาย​ธนู​ใหม่ๆ​ที่​ยัง​ไม่​แห้ง​เจ็ด​สาย พี่​ก็​จะ​อ่อนแอ​เหมือน​กับ​ชาย​ทั่ว​ไป” ดังนั้น​พวก​ผู้​ครอบครอง​ฟีลิสเตีย จึง​เอา​สาย​ธนู​ใหม่​เจ็ด​สาย​มา​ให้​เดลิลาห์​มัด​แซมสัน​ให้​พวก​เขา เธอ​ให้​คน​แอบ​ซ่อน​ใน​ห้อง​ด้าน​ใน และ​บอก​ว่า “แซมสัน ชาว​ฟีลิสเตีย​มา​จับ​พี่​แล้ว” แต่​เขา​ก็​ดึง​สาย​ธนู​ที่​มัด​ตัว​เขา​ขาด​กระจุย เหมือน​เชือก​ที่​แค่​ได้กลิ่น​ไฟ​ก็​ขาด​แล้ว และ​ความลับ​เรื่อง​พละ​กำลัง​มหาศาล​ของ​เขา​ก็​ยัง​คง​เป็น​ความลับ​ต่อ​ไป เดลิลาห์​พูด​กับ​แซมสัน​ว่า “พี่​แกล้ง​น้อง พี่​โกหก​น้อง ตอน​นี้​บอก​น้อง​เถิด​ว่า ทำ​ยังไง​ถึง​จะ​มัด​พี่​ได้” แซมสัน​บอก​ว่า “ถ้า​มัด​พี่​ด้วย​เชือก​ใหม่​ที่​ยัง​ไม่​เคย​ใช้ พี่​ก็​จะ​อ่อนแอ​เหมือน​ชาย​ทั่ว​ไป” ดังนั้น​เดลิลาห์​จึง​หา​เชือก​ใหม่ๆ​มา​มัด​เขา ขณะ​ที่​มี​คน​แอบ​อยู่​ด้าน​ใน เธอ​บอก​เขา​ว่า “พี่​แซมสัน ชาว​ฟีลิสเตีย​มา​จับ​พี่​แล้ว” แซมสัน​จึง​ทำ​เชือก​ที่​มัด​แขน​เขา​ขาด​กระจุย​เหมือน​เส้น​ด้าย เดลิลาห์​จึง​พูด​กับ​แซมสัน​ว่า “พี่​จะ​แกล้ง​น้อง​และ​โกหก​น้อง​ไป​อีก​นาน​แค่​ไหน บอก​น้อง​เถอะ​ว่า ทำ​ยังไง​ถึง​จะ​มัด​พี่​ได้” เขา​ตอบ​เธอ​ว่า “ถ้า​น้อง​เอา​ผม​เจ็ด​ปอย​ของ​พี่​ทอ​เข้า​กับ​หูก​ทอ​ผ้า​แล้ว​เอา​หมุด​ปัก​มัน​ไว้​ที่​ผนัง พี่​ก็​จะ​อ่อนแอ​เหมือน​ชาย​ทั่ว​ไป” เมื่อ​เขา​หลับ เดลิลาห์​ก็​เอา​ผม​เจ็ด​ปอย​ของ​เขา​ทอ​เข้า​กับ​หูก​ทอ​ผ้า และ​ยึด​ให้​แน่น​ด้วย​หมุด แล้ว​เธอ​ก็​บอก​ว่า “พี่​แซมสัน ชาว​ฟีลิสเตีย​มา​จับ​พี่​แล้ว” แต่​เมื่อ​เขา​รู้สึก​ตัว​ตื่น​ขึ้น​มา​ก็​ดึง​ทั้ง​หมุด เครื่อง​ทอ และ​ผ้า​ทอ ทิ้ง​ไป เธอ​จึง​พูด​กับ​เขา​ว่า “พี่​พูด​ได้​ยังไง​ว่า ‘พี่​รัก​น้อง’ ใน​เมื่อ​พี่​ไม่​ได้​ไว้ใจ​น้อง​เลย พี่​แกล้ง​น้อง​สาม​หน​แล้ว พี่​ยัง​ไม่​ได้​บอก​น้อง​เลย​ว่า​อะไร​ทำ​ให้​พี่​มี​พละ​กำลัง​มหาศาล” เธอ​ตาม​เซ้า​ซี้​เขา​วันแล้ว​วันเล่า กวน​เขา​จน​เขา​เบื่อ​แทบ​ตาย จน​เขา​บอก​ความลับ​ทั้งหมด​กับ​เธอ เขา​บอก​กับ​เธอ​ว่า “ไม่​มี​มีด​โกน​อัน​ไหน​เคย​ถูก​หัว​พี่ เพราะ​พี่​เป็น​นาศีร์​อุทิศ​แก่​พระเจ้า ตั้งแต่​อยู่​ใน​ท้อง​แม่ ถ้า​โกน​หัว​พี่ พละ​กำลัง​อัน​มหาศาล​จะ​หาย​ไป พี่​ก็​จะ​อ่อนแอ​เหมือน​ชาย​ทั่ว​ไป” เดลิลาห์​เห็น​ว่า​เขา​บอก​ความลับ​ทั้ง​หมด​กับ​เธอ เธอ​ก็​ใช้​คน​ไป​บอก​พวก​ผู้​ครอบ​ครอง​ของ​ฟีลิสเตีย​ว่า “ให้​ขึ้น​มา​เดี๋ยว​นี้ เขา​ได้​บอก​ความลับ​ทั้งหมด​กับ​ฉัน​แล้ว” พวก​ผู้​ครอบ​ครอง​ฟีลิสเตีย​ก็​รีบ​ขึ้น​มา และ​เอา​เงิน​มา​ให้​กับ​เธอ​ด้วย เธอ​ปล่อย​ให้​แซมสัน​นอนหลับ​อยู่​บน​ตัก​เธอ และ​เรียก​ชาย​คน​หนึ่ง​ออก​มา​โกน​ผม​เจ็ด​ปอย​บน​หัว​ของ​เขา เธอ​เริ่ม​แกล้ง​รบกวน​เขา​และ​กำลัง​ของ​เขา​ก็​หาย​ไป เธอ​พูด​ว่า “พี่​แซมสัน ชาว​ฟีลิสเตีย​มา​จับ​พี่​แล้ว” เขา​ตื่น​ขึ้น​และ​คิด​ว่า “ข้า​จะ​ออก​ไป​เหมือน​ครั้ง​ก่อน​และ​สลัด​ตัว​หลุด​ออก​มา” แต่​เขา​ไม่​รู้​ว่า​พระยาห์เวห์​ได้​ไป​จาก​เขา​แล้ว พวก​ชาว​ฟีลิสเตีย​จับ​ตัว​เขา​และ​ควัก​ลูกตา​ของ​เขา​ออก แล้ว​พา​เขา​ลง​มา​ที่​กาซา พวก​เขา​ล่าม​แซมสัน​ด้วย​โซ่​สัมฤทธิ์ และ​ใช้​เขา​โม่​แป้ง​อยู่​ใน​คุก แต่​ผม​ของ​แซมสัน​ก็​เริ่ม​งอก​ขึ้น​มา​ใหม่​หลังจาก​ถูก​โกน พวก​ผู้​ครอบ​ครอง​ของ​ฟีลิสเตีย​มา​ประชุม​กัน เพื่อ​จัด​พิธี​บวงสรวง​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​ให้​กับ​พระ​ดาโกน และ​เพื่อ​เฉลิม​ฉลอง​กัน พวกเขา​พูด​ว่า “พระ​ของ​เรา​ได้​ยก​แซมสัน​ศัตรู​ของ​เรา​ไว้​ใน​กำมือ​ของ​พวก​เรา​แล้ว” เมื่อ​ประชาชน​เห็น​แซมสัน พวกเขา​ก็​เลย​สรรเสริญ​พระ​ของ​พวกเขา​ว่า “พระ​ของ​เรา​ทำ​ให้​ศัตรู​ตก​อยู่​ใน​กำ​มือ​เรา คือ​คน​ที่​ทำลาย​บ้าน​เมือง​ของ​เรา และ​เคย​ฆ่า​พวก​เรา​ไป​หลาย​คน” ขณะ​ที่​พวก​เขา​กำลัง​สนุก​สนาน​กัน​อยู่ ก็​มี​คน​พูด​ว่า “เรียก​แซมสัน​ออก​มา​ทำ​อะไร​สนุกๆ​ให้​พวก​เรา​ดู​หน่อย” แซมสัน​จึง​ถูก​นำ​ออก​มา​จาก​คุก เพื่อ​มา​แสดง​ต่อหน้า​พวก​เขา เมื่อ​พวก​เขา​ปล่อย​ให้​แซมสัน​ยืน​อยู่​ระหว่าง​เสา แซมสัน​พูด​กับ​เด็ก​รับใช้​ที่​เป็น​คน​จูง​มือ​เขา​ว่า “พา​เรา​ไป​ที่​เสา​ค้ำ​ตึก​หน่อย เรา​จะ​ได้​พิง​เสา​เหล่า​นั้น” ตึก​นี้​มี​ทั้ง​ผู้หญิง​และ​ผู้ชาย​เต็ม​ไป​หมด และ​พวก​ผู้​ครอบ​ครอง​ชาว​ฟีลิสเตีย​ทุก​คน​ก็​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย มี​ชาย​หญิง​ประมาณ​สาม​พัน​คน​ที่​กำลัง​ดู​การ​แสดง​ของ​แซมสัน​อยู่​บน​ดาดฟ้า​ตึก จาก​นั้น​แซมสัน​ได้​ร้อง​ขอ​ต่อ​พระยาห์เวห์​ว่า “ข้า​แต่​พระยาห์เวห์ องค์​เจ้า​ชีวิต​ของ​ข้าพเจ้า โปรด​ระลึก​ถึง​ข้าพเจ้า ข้าแต่​พระเจ้า โปรด​ให้​พละ​กำลัง​มหาศาล​แก่​ข้าพเจ้า​อีก​ครั้ง​หนึ่ง เพื่อ​ข้าพเจ้า​จะ​ได้​แก้แค้น​ชาว​ฟีลิสเตีย​ทดแทน​ตา​ทั้ง​สอง​ข้าง​ของ​ข้าพเจ้า” แซมสัน​เข้า​ไป​จับ​เสา​กลาง​สอง​ต้น​ที่​รองรับ​ตึก​นั้น​ไว้ และ​พิง​ที่​เสา​นั้น มือ​ขวา​ยัน​เสา​ต้น​หนึ่ง​และ​มือ​ซ้าย​ก็​ยัน​อีก​ต้น​หนึ่ง แล้ว​เขา​ก็​พูด​ว่า “ปล่อย​ให้​ข้า​ตาย​กับ​ชาว​ฟีลิสเตีย​เถิด” แล้ว​เขา​ก็​ผลัก​เสา​ทั้ง​สอง​ต้น​ด้วย​กำลัง​มหาศาล ตัว​ตึก​ก็​พังทลาย​ลง​มา​บน​พวก​ผู้​ครอบ​ครอง​ชาว​ฟีลิสเตีย และ​ทุก​คน​ที่​อยู่​ใน​ตึก​นั้น ดังนั้น​คน​ที่​เขา​ฆ่า​ตอน​ที่​เขา​ตาย ก็​มี​มาก​กว่า​คน​ที่​เขา​ฆ่า​ตอน​ที่​เขา​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่ จาก​นั้น​พี่น้อง​และ​ครอบครัว​ของ​เขา​ก็​มา​รับ​ศพ​เขา​ไป​ฝัง​ที่​สุสาน​ของ​มาโนอาห์​พ่อ​ของ​เขา ที่​อยู่​ระหว่าง​โศราห์​และ​เอชทาโอล แซมสัน​นำ​อิสราเอล​อยู่​ทั้ง​หมด​ยี่สิบ​ปี

ผู้วินิจฉัย 16:1-31 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

แซมสันไปยังเมืองกาซา ที่นั่นท่านเห็นหญิงโสเภณีคนหนึ่ง ก็เข้าไปนอนด้วย มีคนบอกชาวกาซาว่า “แซมสันมาที่นี่แล้ว” พวกเขาก็ล้อมที่นั้นไว้และซุ่มคอยอยู่เงียบๆ ที่ประตูเมืองตลอดคืน กล่าวว่า “ให้เรารออยู่จนรุ่งเช้า แล้วเราจะฆ่าเขาเสีย” แต่แซมสันนอนอยู่จนถึงเที่ยงคืน พอถึงเที่ยงคืนท่านก็ลุกขึ้น จับประตูเมืองและเสาสองต้น ถอนออกพร้อมทั้งดาลประตูใส่บ่าแบกไปถึงยอดเขาซึ่งอยู่ตรงหน้าเมืองเฮโบรน ต่อมาภายหลัง แซมสันไปรักผู้หญิงคนหนึ่งที่หุบเขาโสเรก นางชื่อเดลิลาห์ พวกเจ้านายฟีลิสเตียก็ขึ้นไปหานางและพูดกับนางว่า “จงล่อหลอกเขาดูว่ากำลังมหาศาลของเขาอยู่ที่ไหน และทำอย่างไรเราจึงจะพิชิตเขาได้ เพื่อเราจะได้มัดเขาให้หมดฤทธิ์ แล้วเราทุกคนจะให้เงินเจ้าคนละ 1,100 แผ่น” เดลิลาห์จึงกล่าวกับแซมสันว่า “โปรดบอกฉันหน่อยเถอะว่ากำลังมหาศาลของเธออยู่ที่ไหน? จะมัดเธอไว้ด้วยอะไร? เธอจึงจะหมดฤทธิ์” แซมสันจึงบอกนางว่า “ถ้าพวกเขามัดฉันด้วยสายธนูสดที่ยังไม่แห้งเจ็ดเส้น ฉันจะหมดแรงเหมือนกับชายอื่นๆ” แล้วเจ้านายฟีลิสเตียก็เอาสายธนูสดที่ยังไม่แห้งเจ็ดเส้นมาให้นาง นางก็เอามามัดท่านไว้ นางให้คนซุ่มอยู่ที่ห้องชั้นใน นางก็บอกท่านว่า “แซมสัน คนฟีลิสเตียมาจับเธอแล้ว” แซมสันก็ดึงสายธนูที่มัดนั้นขาดเหมือนเชือกป่านขาดเมื่อถูกไฟ ดังนั้นเรื่องกำลังของท่านจึงยังไม่มีใครล่วงรู้ เดลิลาห์กล่าวกับแซมสันว่า “ดูสิ เธอหลอกฉัน เธอโกหกฉัน ตอนนี้บอกฉันหน่อยว่าจะมัดเธออย่างไรจึงจะอยู่” ท่านก็ตอบนางว่า “ถ้าเอาเชือกใหม่ที่ยังไม่เคยใช้มามัดฉัน ฉันก็จะหมดแรงเหมือนชายอื่น” เดลิลาห์จึงเอาเชือกใหม่มัดท่านไว้แล้วบอกท่านว่า “แซมสัน คนฟีลิสเตียมาจับเธอแล้ว” และมีคนซุ่มคอยอยู่ในห้องชั้นใน แต่ท่านก็ดึงเชือกออกจากแขนเหมือนดึงเส้นด้าย เดลิลาห์กล่าวกับแซมสันว่า “เธอหลอกฉันเรื่อยมาจนถึงเดี๋ยวนี้ เธอโกหกฉัน บอกฉันเถอะว่า จะมัดเธออย่างไรจึงจะอยู่” ท่านจึงบอกนางว่า “ถ้าเธอเอาผมทั้งเจ็ดปอยของฉันทอเข้ากับด้ายเส้นยืน กระทกด้วยฟืมให้แน่นแล้วฉันก็จะหมดแรงเหมือนกับชายอื่น” ฉะนั้นเมื่อท่านหลับอยู่ เดลิลาห์จึงเอาผมทั้งเจ็ดปอยทอเข้าด้ายเส้นยืน กระทกด้วยฟืมให้แน่น แล้วนางบอกท่านว่า “แซมสัน คนฟีลิสเตียมาจับเธอแล้ว” ท่านก็ตื่นขึ้นดึงฟืม หูกและด้ายเส้นยืนออกไปหมด นางจึงกล่าวกับแซมสันว่า “เธอพูดได้อย่างไรว่า ‘ฉันรักเธอ’ เมื่อใจของเธอไม่ได้อยู่กับฉันเลย เธอหลอกฉันสามครั้งแล้ว และเธอไม่ได้บอกฉันว่า กำลังมหาศาลของเธออยู่ที่ไหน” อยู่มาเมื่อนางพูดคาดคั้นท่านวันแล้ววันเล่า และรบเร้าท่านอยู่ทุกวัน จิตใจของแซมสันก็เบื่อแทบจะตาย จึงบอกความจริงในใจของท่านแก่นางจนสิ้นว่า “มีดโกนยังไม่เคยถูกศีรษะของฉัน เพราะฉันเป็นนาศีร์แด่พระเจ้าตั้งแต่คลอดจากท้องแม่ ถ้าโกนผมฉันแล้วกำลังก็จะหมดไปจากฉัน ฉันก็จะหมดแรงเหมือนชายอื่น” เมื่อเดลิลาห์เห็นว่าแซมสันบอกความจริงในใจแก่นางจนสิ้นแล้ว นางจึงใช้คนไปเรียกพวกเจ้านายฟีลิสเตียว่า “ขอจงขึ้นมาอีกครั้งเดียว เพราะเขาบอกความจริงในใจแก่ฉันจนสิ้นแล้ว” แล้วเจ้านายฟีลิสเตียก็ขึ้นมาหานางถือเงินมาด้วย นางก็ให้แซมสันนอนอยู่บนตักของนาง แล้วนางก็เรียกชายคนหนึ่งให้มาโกนผมเจ็ดปอยออกจากศีรษะของท่าน นางก็เริ่มกำจัดท่าน กำลังของท่านก็หายไป นางจึงบอกว่า “แซมสัน คนฟีลิสเตียมาจับเธอแล้ว” ท่านก็ตื่นขึ้นจากหลับบอกว่า “ฉันจะออกไปอย่างครั้งก่อนๆ และสลัดตัวให้หลุดไป” ท่านไม่ทราบว่าพระยาห์เวห์ได้ทรงละท่านไปเสียแล้ว คนฟีลิสเตียก็มาจับท่านและควักลูกตาทั้งสองข้างของท่านเสีย แล้วนำท่านลงมายังเมืองกาซา เอาตรวนทองสัมฤทธิ์ล่ามไว้ และให้ท่านโม่แป้งอยู่ในเรือนจำ ตั้งแต่โกนผมแล้ว ผมบนศีรษะของท่านก็ค่อยๆ งอกขึ้นมา เจ้านายฟีลิสเตียประชุมกันเพื่อถวายเครื่องสัตวบูชายิ่งใหญ่แด่พระดาโกนพระเจ้าของเขาทั้งหลายและเพื่อชื่นชมยินดี เพราะพวกเขากล่าวว่า “พระเจ้าของเราได้มอบแซมสันศัตรูของเราไว้ในมือเราแล้ว” เมื่อประชาชนเห็นแซมสันก็สรรเสริญพระเจ้าของตนว่า “พระเจ้าของเราได้มอบศัตรูของเราไว้ในมือของเราแล้ว คือผู้ทำลายแผ่นดินของเราและสังหารพวกเราเป็นอันมาก” เมื่อจิตใจของพวกเขาร่าเริงแล้ว เขาทั้งหลายจึงพูดว่า “จงเรียกแซมสันมาเล่นตลกให้เราดู” พวกเขาจึงไปเรียกแซมสันออกมาจากเรือนจำ แซมสันก็มาเล่นตลกต่อหน้าเขาทั้งหลาย พวกเขาให้ท่านยืนอยู่ระหว่างเสา แซมสันจึงบอกเด็กหนุ่มที่จูงมือตนมาว่า “พาฉันไปคลำเสาที่รองรับตึกนี้อยู่ ฉันจะได้พิงเสานั้น” มีผู้ชายและผู้หญิงอยู่เต็มตึกนั้น เจ้านายฟีลิสเตียก็อยู่ที่นั่นทั้งหมด นอกจากนั้นยังมีชายหญิงประมาณ 3,000 คนบนหลังคาตึก ดูแซมสันเล่นตลก แซมสันก็ร้องทูลพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ ขอประทานกำลังแก่ข้าพระองค์ครั้งนี้อีกครั้งเดียว เพื่อข้าพระองค์จะได้แก้แค้นคนฟีลิสเตียเพื่อตาสองข้างของข้าพระองค์” แซมสันก็จับเสากลางสองต้นที่รองรับตึกนั้นไว้และพิงที่เสานั้น มือขวายันเสาต้นหนึ่ง มือซ้ายยันเสาอีกต้นหนึ่ง แซมสันกล่าวว่า “ขอให้ข้าตายกับคนฟีลิสเตียเถิด” แล้วก็โน้มตัวลงด้วยกำลังทั้งสิ้นของตน ตึกนั้นก็พังทับเจ้านาย และประชาชนทุกคนที่อยู่ในนั้น ดังนั้นคนที่ท่านฆ่าเมื่อท่านตายนี้ก็มากกว่าคนที่ท่านฆ่าเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ แล้วพี่น้องและครอบครัวบิดาของท่านทั้งสิ้นก็ลงมารับศพของท่านไปฝังไว้ระหว่างเมืองโศราห์กับเมืองเอชทาโอล ในที่ฝังศพของมาโนอาห์บิดาของท่าน ท่านได้วินิจฉัยอิสราเอลอยู่ 20 ปี

ผู้วินิจฉัย 16:1-31 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

แซมสันไปที่เมืองกาซาพบหญิงแพศยาคนหนึ่​งก​็​เข​้าไปนอนด้วย มี​คนไปบอกชาวกาซาว่า “แซมสันมาที่​นี่​แล้ว​” เขาก็ล้อมที่นั้นไว้และคอยซุ่​มท​ี่​ประตู​เมืองตลอดคืน เขาซุ่มเงียบอยู่คืนยังรุ่งกล่าวว่า “​ให้​เรารออยู่จนรุ่งเช้าแล้วเราจะฆ่าเขาเสีย” แต่​แซมสันนอนอยู่จนถึงเที่ยงคืน พอถึงเที่ยงคืนท่านก็​ลุกขึ้น ยกประตูเมืองรวมทั้งเสาสองต้น พร​้อมทั้งดาลประตู​ใส่​บ่าแบกไปถึงยอดภูเขาซึ่งอยู่ตรงหน้าเมืองเฮโบรน อยู่​มาภายหลัง แซมสันไปรักผู้หญิงคนหนึ่งที่หุบเขาเมืองโสเรก ชื่อเดลิลาห์ เจ้​านายฟีลิสเตี​ยก​็ขึ้นไปหานางพู​ดก​ับนางว่า “จงลวงเขาเพื่​อด​ูว่ากำลังมหาศาลของเขาอยู่​ที่ไหน ทำอย่างไรเราจึงจะมีกำลังเหนือเขา เพื่อเราจะได้มัดเขาให้​หมดฤทธิ์ เราทุกคนจะให้เงินเจ้าคนละพันหนึ่งร้อยแผ่น” เดลิลาห์จึงพู​ดก​ับแซมสั​นว​่า “ขอบอกดิฉันหน่อยเถอะว่า กำลังมหาศาลของเธออยู่​ที่ไหน จะมัดเธอไว้อย่างไรเธอจึงจะหมดฤทธิ์” แซมสันจึงบอกนางว่า “ถ้าเขามัดฉันด้วยสายธนูสดที่ยังไม่​แห​้งเจ็ดเส้น ฉันจะอ่อนเพลีย เหมือนกับชายอื่นๆ” แล​้วเจ้านายฟีลิสเตี​ยก​็เอาสายธนูสดที่ยังไม่​แห​้งเจ็ดเส้นมาให้​นาง นางก็เอามามัดท่านไว้ นางจัดคนให้ซุ่มอยู่​ที่​ห้องชั้นในกับนาง นางก็บอกท่านว่า “แซมสันจ๋า คนฟีลิสเตียมาจับเธอแล้ว” แซมสั​นก​็ดึงสายธนู​ที่​มัดนั้นขาดเหมือนเชือกป่านขาดเมื่อได้​กล​ิ่นไฟ เรื่องกำลังของท่านจึงยังไม่​แจ้ง เดลิลาห์​พู​ดก​ับแซมสั​นว​่า “​ดู​เถิด เธอหลอกฉัน และเธอมุสาต่อฉัน บัดนี้​ขอบอกฉันหน่อยเถอะว่า จะมัดเธออย่างไรจึงจะอยู่” ท่านก็ตอบนางว่า “ถ้าเอาเชือกใหม่​ที่​ยังไม่เคยใช้มามัดฉัน ฉั​นก​็จะอ่อนกำลังเหมือนชายอื่น” เดลิลาห์จึงเอาเชือกใหม่มัดท่านไว้​แล​้วบอกท่านว่า “แซมสันจ๋า คนฟีลิสเตียมาจั​บท​่านแล้ว” และคนซุ่มคอยอยู่ในห้องชั้นใน แต่​ท่านก็ดึงเชือกออกจากแขนเหมือนดึงเส้นด้าย เดลิลาห์​พู​ดก​ับแซมสั​นว​่า “เธอหลอกฉันเรื่อยมาจนถึงเดี๋ยวนี้ เธอมุสาต่อฉัน บอกฉันเถอะว่า จะมัดเธออย่างไรจึงจะอยู่” ท่านจึงบอกนางว่า “ถ้าเธอเอาผมทั้งเจ็ดแหยมของฉันทอเข้ากั​บด​้ายเส้นยืน กระทกด้วยฟืมให้​แน่น​” เดลิลาห์จึงเอาผมทั้งเจ็ดแหยมทอเข้ากั​บด​้ายเส้นยืนกระทกด้วยฟืมให้​แน่น แล​้วนางบอกท่านว่า “แซมสันจ๋า คนฟีลิสเตียมาจั​บท​่านแล้ว” ท่านก็ตื่นขึ้นดึงฟืม หู​กและด้ายเส้นยืนไปหมด นางจึงพู​ดก​ับแซมสั​นว​่า “เธอพูดได้อย่างไรว่า ‘ฉั​นร​ักเธอ’ เมื่อจิตใจของเธอไม่​ได้​อยู่​กับฉันเลย เธอหลอกฉันสามครั้งแล้ว และเธอมิ​ได้​บอกฉันจริงๆว่ากำลังมหาศาลของเธออยู่​ที่ไหน​” อยู่​มาเมื่อนางพูดคาดคั้นท่านวันแล้​วว​ันเล่า และชักชวนท่านอยู่​ทุกวัน จิ​ตใจของแซมสั​นก​็เบื่อแทบจะตาย จึงบอกความจริงในใจของท่านแก่นางจนสิ้​นว​่า “​มี​ดโกนยังไม่เคยถูกศีรษะของฉัน เพราะฉันเป็นพวกนาศีร์​แด่​พระเจ้าตั้งแต่​อยู่​ในครรภ์ของมารดา ถ้าโกนผมฉันเสีย กำลั​งก​็จะหมดไปจากฉัน ฉั​นก​็จะอ่อนเพลียเหมือนชายอื่น” เมื่อเดลิลาห์​เห​็​นว​่าท่านบอกความจริงในใจแก่นางจนสิ้นแล้ว นางจึงใช้คนไปเรียกเจ้านายฟีลิสเตียว่า “ขอจงขึ้นมาอีกครั้งเดียว เพราะเขาบอกความจริงในใจแก่ฉันจนสิ้นแล้ว” แล​้วเจ้านายฟีลิสเตี​ยก​็ขึ้นมาหานางถือเงินมาด้วย นางก็​ให้​แซมสันนอนอยู่บนตักของนาง แล​้วนางก็เรียกชายคนหนึ่งให้มาโกนผมเจ็ดแหยมออกจากศีรษะของท่าน นางก็ตั้งต้นรบกวนแซมสัน กำลังของแซมสั​นก​็หมดไป นางจึงบอกว่า “แซมสันจ๋า คนฟีลิสเตียมาจั​บท​่านแล้ว” ท่านก็ตื่นขึ้นจากหลับบอกว่า “ฉันจะออกไปอย่างครั้​งก​่อนๆ และสลัดตัวให้หลุดไป” ท่านหาทราบไม่ว่าพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงละท่านไปเสียแล้ว คนฟีลิสเตี​ยก​็มาจั​บท​่านทะลวงตาของท่านเสีย นำท่านลงมาที่กาซา เอาตรวนทองสัมฤทธิ์ล่ามไว้ และให้ท่านโม่​แป​้งอยู่​ที่​ในเรือนจำ ตั้งแต่​โกนผมแล้ว ผมที่ศีรษะของท่านก็ค่อยๆงอกขึ้นมา ฝ่ายเจ้านายฟีลิสเตียประชุมกันเพื่อถวายเครื่องสัตวบู​ชาย​ิ่งใหญ่​แก่​พระดาโกนพระของเขาทั้งหลายและชื่นชมยินดี เพราะเขากล่าวว่า “พระของเราได้มอบแซมสันศั​ตรู​ของเราไว้ในมือเราแล้ว” เมื่อประชาชนเห็นแซมสั​นก​็สรรเสริญพระของตนว่า “พระของเราได้มอบศั​ตรู​ผู้​ทำลายแผ่นดินของเราไว้ในมือของเรา และเขาฆ่าพวกเราเสียเป็​นอ​ันมาก” ต่อมาเมื่อจิตใจของเขาร่าเริงเต็​มท​ี่​แล้ว เขาจึงพูดว่า “จงเรียกแซมสันมาเล่นตลกให้เราดู” เขาจึงไปเรียกแซมสันออกมาจากเรือนจำ แซมสั​นก​็มาเล่นตลกต่อหน้าเขา เขาพาท่านมายืนอยู่ระหว่างเสา แซมสันจึงบอกเด็กที่จู​งม​ือตนมาว่า “ขอพาฉันให้ไปคลำเสาที่รองรับตึกนี้​อยู่ ฉันจะได้พิงเสานั้น” มี​ผู้​ชายและผู้หญิงอยู่เต็มตึกนั้น เจ้​านายฟีลิสเตี​ยก​็​อยู่​ที่​นั่นทั้งหมด นอกจากนั้นยั​งม​ีชายหญิงประมาณสามพันคนบนหลังคาตึก ดู​แซมสันเล่นตลก ฝ่ายแซมสั​นก​็ร้องทูลต่อพระเยโฮวาห์​ว่า “​โอ ข้าแต่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ ขอประทานกำลังแก่ข้าพระองค์​ครั้งนี้​อี​กครั้งเดียว โอ ข้าแต่​พระเจ้า เพื่อในเวลานี้ข้าพระองค์จะได้​แก้​แค้นคนฟีลิสเตียเพื่อตาทั้งสองข้างของข้าพระองค์” แซมสั​นก​็กอดเสากลางสองต้​นที​่รองรับตึกนั้นไว้และพักพิงที่เสานั้น มือขวายันเสาต้นหนึ่ง มือซ้ายยันเสาอีกต้นหนึ่ง แซมสันกล่าวว่า “​ขอให้​ข้าตายกับคนฟีลิสเตียเถิด” แล้วก็​โน​้มตัวลงด้วยกำลังทั้งสิ้นของตน ตึ​กนั้​นก​็พังทับเจ้านายและประชาชนทุกคนที่​อยู่​ในนั้น ดังนั้นคนที่ท่านฆ่าตายเมื่อท่านตายนี้​ก็​มากกว่าคนที่ท่านฆ่าตายเมื่อท่านยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่ แล​้วพี่น้องและบรรดาครอบครัวบิดาของท่านก็ลงมารับศพของท่านและขึ้นไปฝังไว้ระหว่างโศราห์กับเอชทาโอล ในที่ฝังศพของมาโนอาห์​บิ​ดาของท่าน ท่านได้​วิน​ิจฉั​ยอ​ิสราเอลอยู่​ยี​่​สิ​บปี

ผู้วินิจฉัย 16:1-31 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

แซมสันไปที่เมืองกาซาพบหญิงแพศยา คนหนึ่งก็เข้าไปนอนด้วย มีคนไปบอกชาวกาซาว่า <<แซมสันมาที่นี่แล้ว>> เขาก็ล้อมที่นั้นไว้และคอยซุ่มที่ประตูเมืองตลอดคืน เขาซุ่มเงียบอยู่คืนยังรุ่ง กล่าวว่า <<ให้เรารออยู่จนรุ่งเช้าแล้วเราจะฆ่าเขาเสีย>> แต่แซมสันนอนอยู่จนถึงเที่ยงคืน พอถึงเที่ยงคืนท่านก็ลุกขึ้น ยกประตูเมืองรวมทั้งเสาสองต้น พร้อมทั้งดาลประตูใส่บ่าแบกไป ถึงยอดภูเขาซึ่งอยู่ตรงหน้าเมืองเฮโบรน อยู่มาภายหลัง แซมสันไปรักผู้หญิงคนหนึ่งที่หุบเขาเมืองโสเรกชื่อเดลิลาห์ เจ้านายฟีลิสเตียก็ขึ้นไปหานางพูดกับนางว่า <<จงลวงเขาเพื่อดูว่ากำลังมหาศาลของเขาอยู่ที่ไหน ทำอย่างไรเราจึงจะมีกำลังเหนือเขาเพื่อเรา จะได้มัดเขาให้หมดฤทธิ์ เราทุกคนจะให้เงินเจ้าคนละพันหนึ่งร้อยแผ่น>> เดลิลาห์จึงพูดกับแซมสันว่า <<ขอบอกดิฉันหน่อยเถอะว่ากำลังมหาศาลของเธออยู่ที่ไหน จะมัดเธอไว้อย่างไร เธอจึงจะหมดฤทธิ์>> แซมสันจึงบอกนางว่า <<ถ้าเขามัดฉันด้วยสายธนูสดที่ยังไม่แห้งเจ็ดเส้น ฉันจะอ่อนเพลีย เหมือนกับชายอื่นๆ>> แล้วเจ้านายฟีลิสเตียก็เอาสายธนูสดที่ยังไม่แห้ง เจ็ดเส้นมาให้นาง นางก็เอามามัดท่านไว้ นางจัดคนให้ซุ่มอยู่ที่ห้องชั้นในอีกห้องหนึ่ง นางก็บอกท่านว่า <<แซมสันจ๋า คนฟีลิสเตียมาจับเธอแล้ว>> แซมสันก็ดึงสายธนูที่มัดนั้นขาดเหมือนเชือกป่านขาด เมื่อได้กลิ่นไฟเรื่องกำลังของเขาจึงยังไม่แจ้ง เดลิลาห์พูดกับแซมสันว่า <<ดูเถิด เธอหลอกฉัน และเธอมุสาต่อฉัน บอกฉันหน่อยเถอะว่าจะมัดเธออย่างไรจึงจะอยู่>> ท่านก็ตอบนางว่า <<ถ้าเอาเชือกใหม่ที่ยังไม่เคยใช้มามัดฉัน ฉันก็จะอ่อนกำลังเหมือนชายอื่น>> เดลิลาห์จึงเอาเชือกใหม่มัดท่านไว้แล้วบอกท่านว่า <<แซมสันจ๋า คนฟีลิสเตียมาจับท่านแล้ว>> และคนซุ่มคอยอยู่ในห้องชั้นในแต่ท่าน ก็ดึงเชือกออกจากแขนเหมือนดึงเส้นด้าย เดลิลาห์พูดกับแซมสันว่า <<เธอหลอกฉันเรื่อยมาจนถึงเดี๋ยวนี้ เธอมุสาต่อฉัน บอกฉันเถอะว่า จะมัดเธออย่างไรจึงจะอยู่>> ท่านจึงบอกนางว่า <<ถ้าเธอเอาผมทั้งเจ็ดแหยมของฉันทอเข้ากับด้ายเส้นยืน กระทกด้วยฟืมให้แน่นแล้วฉันก็จะอ่อนเพลียเหมือนกับชายอื่น>> ฉะนั้นเมื่อท่านหลับอยู่ เดลิลาห์จึงเอาผมทั้งเจ็ดแหยมทอเข้ากับด้ายเส้นยืน กระทกด้วยฟืมให้แน่นแล้วนางบอกท่านว่า <<แซมสันจ๋า คนฟีลิสเตียมาจับท่านแล้ว>> ท่านก็ตื่นขึ้นดึงฟืม หูกและด้ายเส้นยืนไปหมด นางจึงพูดกับแซมสันว่า <<เธอพูดได้อย่างไรว่า <ฉันรักเธอ> เมื่อจิตใจของเธอไม่ได้อยู่กับฉันเลย เธอหลอกฉันสามครั้งแล้ว และเธอมิได้บอกฉันจริงๆว่า กำลังมหาศาลของเธออยู่ที่ไหน>> อยู่มาเมื่อนางพูดคาดคั้นท่านวันแล้ววันเล่า และชักชวนท่านอยู่ทุกวัน จิตใจของแซมสันก็เบื่อแทบจะตาย จึงบอกความจริงในใจของท่านแก่นางจนสิ้นว่า <<มีดโกนยังไม่เคยถูกศีรษะของฉัน เพราะฉันเป็นพวกนาศีร์แด่พระเจ้าตั้งแต่ คลอดจากครรภ์ของมารดา ถ้าโกนผมฉันเสียกำลังก็จะหมดไปจากฉัน ฉันก็จะอ่อนเพลียเหมือนชายอื่น>> เมื่อเดลิลาห์เห็นว่าท่านบอกความ จริงในใจแก่นางจนสิ้นแล้ว นางจึงใช้คนไปเรียกเจ้านายฟีลิสเตียว่า <<ขอจงขึ้นมาอีกครั้งเดียว เพราะเขาบอกความจริงในใจแก่ฉันจนสิ้นแล้ว>> แล้วเจ้านายฟีลิสเตียก็ขึ้นมาหานางถือเงินมาด้วย นางก็ให้แซมสันนอนอยู่บนตักของนาง แล้วนางก็เรียกชายคนหนึ่งให้มาโกนผมเจ็ด แหยมออกจากศีรษะของท่าน นางก็ตั้งต้นรบกวนแซมสัน กำลังของแซมสันก็หมดไป นางจึงบอกว่า <<แซมสันจ๋า คนฟีลิสเตียมาจับท่านแล้ว>> ท่านก็ตื่นขึ้นจากหลับบอกว่า <<ฉันจะออกไปอย่างครั้งก่อนๆ และสลัดตัวให้หลุดไป>> ท่านหาทราบไม่ว่าพระเจ้าได้ทรงละท่านไปเสียแล้ว คนฟีลิสเตียก็มาจับท่านทะลวงตาของท่านเสีย นำท่านลงมาที่กาซา เอาตรวนทองสัมฤทธิ์ล่ามไว้ และให้ท่านโม่แป้งอยู่ที่ในเรือนจำ ตั้งแต่โกนผมแล้ว ผมที่ศีรษะของท่านก็ค่อยๆงอกขึ้นมา ฝ่ายเจ้านายฟีลิสเตียประชุมกัน เพื่อถวายเครื่องสัตวบูชายิ่งใหญ่แก่พระดาโกน พระเจ้าของเขาทั้งหลายและชื่นชมยินดี เพราะเขากล่าวว่า <<พระของเราได้มอบแซมสันศัตรูของเราไว้ในมือเราแล้ว>> เมื่อประชาชนเห็นแซมสันก็สรรเสริญพระของตนว่า <<พระของเราได้มอบศัตรูผู้รังควานแผ่นดินของเราไว้ในมือของเรา และเขาฆ่าพวกเราเสียเป็นอันมาก>> เมื่อจิตใจของเขาร่าเริงเต็มที่แล้ว เขาจึงพูดว่า <<จงเรียกแซมสันมาเล่นตลกให้เราดู>> เขาจึงไปเรียกแซมสันออกมาจากเรือนจำ แซมสันก็มาเล่นตลกต่อหน้าเขา เขาพาท่านมายืนอยู่ระหว่างเสา แซมสันจึงบอกเด็กที่จูงมือตนมาว่า <<ขอพาฉันให้ไปคลำเสาที่รองรับตึกนี้อยู่ ฉันจะได้พิงเสานั้น>> มีผู้ชายและผู้หญิงอยู่เต็มตึกนั้น เจ้านายฟีลิสเตียก็อยู่ที่นั่นทั้งหมด นอกจากนั้นยังมีชายหญิงประมาณสามพันคนบนหลังคาตึก ดูแซมสันเล่นตลก ฝ่ายแซมสันก็ร้องทูลต่อพระเจ้าว่า <<ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ ขอประทานกำลังแก่ข้าพระองค์ครั้งนี้อีกครั้งเดียว เพื่อข้าพระองค์จะได้แก้แค้นคนฟีลิสเตียเพื่อตาข้างหนึ่งใน สองข้างของข้าพระองค์>> แซมสันก็กอดเสากลางสองต้นที่รองรับตึกนั้นไว้ และพักพิงที่เสานั้น มือขวายันเสาต้นหนึ่ง มือซ้ายยันเสาอีกต้นหนึ่ง แซมสันกล่าวว่า <<ขอให้ข้าตายกับคนฟีลิสเตียเถิด>> แล้วก็โน้มตัวลงด้วยกำลังทั้งสิ้นของตน ตึกนั้นก็พังทับเจ้านาย และประชาชนทุกคนที่อยู่ในนั้น ดังนั้นคนที่ท่านฆ่าตายเมื่อท่านตายนี้ก็มากกว่าคนที่ ท่านฆ่าตายเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ แล้วพี่น้องและครอบครัวบิดาของท่านก็ ลงมารับศพของท่านไปฝังไว้ระหว่างโศราห์กับเอชทาโอล ในที่ฝังศพของมาโนอาห์บิดาของท่าน ท่านได้วินิจฉัยอิสราเอลอยู่ยี่สิบปี

ผู้วินิจฉัย 16:1-31 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

วันหนึ่งแซมสันไปที่กาซาและพบหญิงโสเภณีคนหนึ่งที่นั่น เขาจึงไปนอนกับนาง เมื่อชาวเมืองกาซาได้ยินว่า “แซมสันอยู่ที่นี่!” พวกเขาจึงล้อมที่แห่งนั้นไว้และซุ่มอยู่ที่ประตูเมืองตลอดคืน พวกเขาคบคิดกันเงียบๆ ว่า “พอฟ้าสาง เราจะฆ่าเขา” แต่แซมสันนอนอยู่ที่นั่นจนถึงเที่ยงคืน แล้วลุกขึ้นออกไปที่ประตูเมือง ยกประตูเมืองขึ้นมา ดึงเสาประตูทั้งสองข้างพร้อมทั้งดาลประตูหลุดลอยจากพื้น แล้วแบกประตูไปจนถึงยอดเนินเขาที่หันหน้าไปทางเฮโบรน ต่อมาแซมสันหลงรักสาวคนหนึ่งชื่อเดลิลาห์ ซึ่งอาศัยอยู่ที่หุบเขาโสเรก เหล่าเจ้านายฟีลิสเตียไปพบหญิงนั้นและบอกนางว่า “เจ้าจงล้วงความลับของแซมสันว่ากำลังอันมหาศาลของเขามาจากไหน และทำอย่างไรพวกเราจึงจะสามารถปราบและจับกุมตัวเขาไว้ได้ แล้วพวกเราแต่ละคนจะให้เงินหนัก 1,100 เชเขลแก่เจ้า” ดังนั้นเดลิลาห์จึงกล่าวกับแซมสันว่า “โปรดบอกความลับที่ทำให้ท่านมีพลังมหาศาลอย่างนี้ ทำอย่างไรจึงจะมัดและคุมตัวท่านไว้ได้” แซมสันตอบว่า “ถ้าใช้สายธนูที่หนังยังไม่แห้งเจ็ดเส้นมัดตัวข้า ข้าก็จะอ่อนแอเหมือนคนอื่น” ฉะนั้นเจ้านายฟีลิสเตียจึงเอาสายธนูที่หนังยังไม่แห้งเจ็ดเส้นมาให้เดลิลาห์ นางก็เอาสายธนูมัดแซมสัน เดลิลาห์ให้คนซุ่มอยู่ในอีกห้องหนึ่ง แล้วนางก็ร้องว่า “แซมสัน พวกฟีลิสเตียมาจับท่านแล้ว!” แซมสันก็สะบัดสายธนูขาดอย่างง่ายดายเหมือนเชือกที่ถูกไฟลน ดังนั้นความลับของเขาเรื่องพละกำลังจึงยังไม่ถูกเปิดเผย แล้วเดลิลาห์กล่าวกับแซมสันว่า “ท่านโกหกหลอกลวงฉัน โปรดบอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่าจะจับท่านมัดไว้ได้อย่างไร” แซมสันกล่าวว่า “ถ้าใช้เชือกใหม่ที่ไม่เคยใช้งานมาก่อนมัดข้าอย่างแน่นหนา ข้าก็จะอ่อนแอเหมือนชายอื่น” ฉะนั้นเดลิลาห์จึงเอาเชือกใหม่มามัดเขาไว้ แล้วให้คนซุ่มอยู่ในอีกห้องหนึ่งเหมือนครั้งก่อน เดลิลาห์ร้องว่า “แซมสัน พวกฟีลิสเตียมาจับท่านแล้ว!” แต่แซมสันก็สะบัดเชือกออกจากแขนอย่างง่ายดายเหมือนเส้นด้าย เดลิลาห์กล่าวว่า “จนถึงเดี๋ยวนี้ท่านยังโกหกหลอกลวงฉัน จงบอกมาว่าจะมัดท่านไว้ได้อย่างไร” แซมสันตอบว่า “หากทอเส้นผมทั้งเจ็ดปอยของข้าเข้าไปในหูกทอผ้า แล้วกระทกด้วยฟืม ข้าก็จะอ่อนแอเหมือนชายอื่น” ฉะนั้นเมื่อแซมสันนอนหลับ เดลิลาห์ก็ทอผมทั้งเจ็ดปอยของเขาเข้าในหูก แล้วกระทกด้วยฟืม นางร้องบอกเขาอีกครั้งว่า “แซมสัน พวกฟีลิสเตียมาจับท่านแล้ว!” แซมสันก็ลุกขึ้นดึงผมออก ทำให้หูกทอผ้าเสียหาย แล้วเดลิลาห์ตัดพ้อว่า “ท่านพูดได้อย่างไรว่า ‘ข้ารักเจ้า’ ในเมื่อท่านไม่ไว้ใจฉันเลย? ท่านหลอกลวงฉันถึงสามครั้งแล้ว ยังไม่บอกความลับกับฉันเสียทีว่าอะไรทำให้ท่านมีเรี่ยวแรงมากถึงขนาดนี้” นางพิรี้พิไรกับแซมสันทุกวันจนเขาเหนื่อยหน่ายเหลือทน เขาจึงบอกนางทุกอย่างว่า “ข้าไม่เคยตัดผมเลย เพราะข้าเป็นนาศีร์ถวายแด่พระเจ้าตั้งแต่เกิด ถ้าหากโกนผมทิ้ง เรี่ยวแรงกำลังของข้าก็จะหมดไป ข้าจะอ่อนแอเหมือนคนอื่นๆ” เมื่อเดลิลาห์เห็นว่าเขาได้บอกความลับทั้งหมดแก่นางแล้ว จึงส่งข่าวไปถึงเหล่าเจ้านายฟีลิสเตียว่า “โปรดมาอีกสักครั้ง เพราะเขาบอกทุกสิ่งทุกอย่างแก่ฉันแล้ว” ดังนั้นพวกเจ้านายฟีลิสเตียจึงกลับมา พร้อมนำเงินติดตัวมาด้วย เดลิลาห์ให้แซมสันนอนหลับหนุนตักนาง แล้วให้คนมาโกนผมแซมสันหมดทั้งเจ็ดปอย ทำให้เรี่ยวแรงของแซมสันถดถอยลง แล้วกำลังของเขาก็หมดไป แล้วนางร้องว่า “แซมสัน พวกฟีลิสเตียมาจับตัวท่านแล้ว!” แซมสันก็ตื่นขึ้น และคิดว่า “เราจะสะบัดตัวหลุดรอดไปเหมือนครั้งก่อนๆ” แต่เขาไม่รู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทิ้งเขาไปเสียแล้ว จากนั้นชาวฟีลิสเตียจึงจับตัวแซมสัน ควักตาทั้งสองข้างของเขาออกและนำตัวเขาไปยังกาซา ล่ามเขาด้วยโซ่ทองสัมฤทธิ์และให้โม่ข้าวอยู่ในเรือนจำ แต่ไม่นานผมของแซมสันก็เริ่มยาวอีก ฝ่ายเจ้านายชาวฟีลิสเตียชุมนุมกันเพื่อถวายเครื่องบูชาครั้งใหญ่แด่พระดาโกนเทพเจ้าของพวกเขา เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองและกล่าวว่า “เทพเจ้าของเรามอบแซมสันศัตรูของเราไว้ในมือของเราแล้ว” เมื่อประชาชนเห็นแซมสัน ก็ร้องสรรเสริญเทพเจ้าของตนว่า “เทพเจ้าของเรามอบศัตรู ไว้ในมือของเราแล้ว คนนี้แหละที่ล้างผลาญแผ่นดินของเรา และฆ่าพวกเราตายมากมาย” ขณะที่พวกเขากำลังมึนเมา พวกเขาก็ตะโกนขึ้นว่า “เอาตัวแซมสันออกมาสร้างความบันเทิงให้พวกเราเถิด” แซมสันถูกนำตัวออกจากที่คุมขัง แล้วแสดงให้พวกเขาดู ขณะที่แซมสันถูกนำมายืนอยู่ท่ามกลางหมู่เสา เขาบอกคนรับใช้ที่จูงมือตนมาว่า “พาเราไปตรงที่จะคลำพบเสารองรับวิหาร เพื่อเราจะได้พิงเสา” ขณะนั้นภายในวิหารคลาคล่ำไปด้วยฝูงชนทั้งชายและหญิง เจ้านายฟีลิสเตียทั้งปวงก็อยู่ที่นั่นด้วย และบนดาดฟ้ามีชายหญิงประมาณสามพันคนเฝ้าดูแซมสันแสดงอยู่ แซมสันจึงอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าโปรดให้พละกำลังแก่ข้าพระองค์อีกครั้งเดียว เพื่อข้าพระองค์จะได้แก้แค้นชาวฟีลิสเตียชดเชยกับที่ต้องสูญเสียดวงตาทั้งสองข้างไป” จากนั้นแซมสันก็ไปที่เสาสองต้นกลางวิหารซึ่งเป็นเสารองรับวิหาร มือขวายันเสาข้างหนึ่ง มือซ้ายยันเสาอีกข้างหนึ่ง แล้วรวบรวมกำลังดันเสา แซมสันกล่าวว่า “เราขอตายพร้อมพวกฟีลิสเตีย!” แล้วเขาก็ดันเสาสุดแรง วิหารพังครืนลงมาทับเจ้านายฟีลิสเตียและประชากรทั้งหมดในนั้น เป็นอันว่าขณะที่แซมสันกำลังจะตาย เขาได้ฆ่าชาวฟีลิสเตียมากยิ่งกว่าตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ แล้วญาติพี่น้องและครอบครัวของบิดาแซมสันก็ลงมารับศพของเขากลับไป และฝังไว้ระหว่างโศราห์กับเอชทาโอลในอุโมงค์ฝังศพของมาโนอาห์ บิดาของแซมสัน แซมสันนำอิสราเอลอยู่ยี่สิบปี

ผู้วินิจฉัย 16:1-31 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

แซมสัน​ไป​เมือง​กาซา เขา​เห็น​หญิง​แพศยา​คน​หนึ่ง และ​เขา​ก็​ไป​นอน​กับ​นาง มี​คน​ไป​บอก​ชาว​กาซา​ว่า “แซมสัน​ได้​มา​ที่​นี่” พวก​เขา​จึง​ล้อม​สถาน​ที่ และ​ดัก​ซุ่ม​รอ​เขา​อยู่​ตลอด​ทั้ง​คืน​ที่​ประตู​เมือง พวก​เขา​รอ​อย่าง​เงียบๆ ตลอด​คืน และ​พูด​ว่า “เรา​ควร​จะ​รอ​จน​รุ่ง​สาง แล้ว​เรา​จะ​ฆ่า​เขา” แต่​แซมสัน​รอ​จน​ถึง​เที่ยง​คืน เขา​ลุก​ขึ้น​และ​ไป​ขยับ​ประตู​เมือง​รวม​ทั้ง​เสา 2 ต้น​ด้วย แล้ว​ถอน​ทุก​สิ่ง​รวม​ทั้ง​ดาล​ประตู​ออก​จาก​ที่ แบก​ขึ้น​บ่า​และ​หาม​ไป​ที่​ยอด​เขา​ที่​อยู่​หน้า​เมือง​เฮโบรน หลัง​จาก​นั้น​แซมสัน​ไป​รัก​ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​ใน​หุบเขา​ที่​เมือง​โสเรก นาง​ชื่อ​เดลิลาห์ พวก​เจ้า​นาย​ของ​ชาว​ฟีลิสเตีย​มา​หา​นาง​และ​พูด​ว่า “เจ้า​จง​ยั่วยวน​เขา​ให้​ลุ่ม​หลง และ​ดู​ว่า​พลัง​มหาศาล​ของ​เขา​อยู่​ที่​ไหน และ​เรา​จะ​มี​พลัง​เหนือ​เขา​ได้​ทาง​ใด​บ้าง เรา​จะ​ได้​มัด​ตัว​และ​กำราบ​เขา พวก​เรา​แต่​ละ​คน​จะ​ให้​เงิน​เจ้า 1,100 เหรียญ” เดลิลาห์​จึง​พูด​กับ​แซมสัน​ว่า “ช่วย​บอก​ฉัน​เถิด​ว่า​พลัง​มหาศาล​ของ​ท่าน​อยู่​ที่​ไหน และ​ท่าน​จะ​ถูก​จับ​และ​มัด​ตัว​ได้​อย่างไร ผู้​คน​จะ​ปราบ​ท่าน​ได้​อย่างไร” แซมสัน​บอก​เธอ​ว่า “ถ้า​เขา​ใช้​สาย​ธนู​ใหม่​ที่​ยัง​ไม่​แห้ง 7 เส้น​มัด​ตัว​เรา แล้ว​เรา​ก็​จะ​อ่อน​กำลัง​เป็น​เหมือน​ชาย​ทั่วๆ ไป” พวก​เจ้า​นาย​ของ​ชาว​ฟีลิสเตีย​จึง​เอา​สาย​ธนู​ใหม่​ที่​ยัง​ไม่​แห้ง 7 เส้น​มา​ให้​นาง นาง​ก็​เอา​มา​มัด​ตัว​เขา ขณะ​นั้น​นาง​ให้​พวก​ผู้​ชาย​ดัก​ซุ่ม​รอ​อยู่​ใน​ห้อง​ชั้น​ใน นาง​พูด​กับ​แซมสัน​ว่า “ชาว​ฟีลิสเตีย​มี​ชัย​เหนือ​ท่าน​แล้ว แซมสัน​เอ๋ย” แต่​เขา​ดึง​สาย​ธนู​ขาด ราว​กับ​ป่าน​ที่​ขาด​เมื่อ​ต้อง​ไฟ ฉะนั้น​ความ​ลับ​เรื่อง​พลัง​ของ​เขา​ก็​ไม่​เป็น​ที่​ประจักษ์ เดลิลาห์​จึง​พูด​กับ​แซมสัน​ว่า “ดู​สิ ท่าน​ล้อ​ฉัน​เล่น​และ​โกหก​ฉัน ช่วย​บอก​เถิด​ว่า​ท่าน​จะ​ถูก​มัด​ตัว​ได้​อย่างไร” เขา​พูด​กับ​เธอ​ว่า “ถ้า​พวก​เขา​ใช้​เชือก​ใหม่​ที่​ยัง​ไม่​เคย​ใช้​มา​ก่อน​มัด​ตัว​เรา แล้ว​เรา​ก็​จะ​อ่อน​กำลัง​เป็น​เหมือน​ชาย​ทั่วๆ ไป” ดังนั้น​เดลิลาห์​จึง​เอา​เชือก​ใหม่​มา​มัด​ตัว​เขา และ​พูด​ว่า “ชาว​ฟีลิสเตีย​มี​ชัย​เหนือ​ท่าน​แล้ว แซมสัน​เอ๋ย” และ​พวก​ผู้​ชาย​ดัก​ซุ่ม​รอ​อยู่​ใน​ห้อง​ชั้น​ใน แต่​เขา​ดึง​เชือก​หลุด​จาก​แขน​ประหนึ่ง​ดึง​เส้น​ด้าย แล้ว​เดลิลาห์​พูด​กับ​แซมสัน​ว่า “จน​บัดนี้​ท่าน​ก็​ยัง​ล้อ​ฉัน​เล่น​และ​โกหก​ฉัน​อีก บอก​ฉัน​เถิด​ว่า​ท่าน​จะ​ถูก​จับ​และ​มัด​ตัว​ได้​อย่างไร” เขา​พูด​กับ​นาง​ว่า “ถ้า​เจ้า​เอา​ผม​ของ​เรา 7 ปอย ถัก​ติด​กับ​ผ้า​บน​กี่ แล้ว​หมุด​ไว้​ให้​แน่น แล้ว​เรา​ก็​จะ​อ่อน​กำลัง​เป็น​เหมือน​ชาย​ทั่วๆ ไป” ดังนั้น​เมื่อ​เขา​นอน​อยู่ เดลิลาห์​เอา​ผม​ของ​เขา 7 ปอย ถัก​ติด​กับ​ผ้า​บน​กี่ แล้ว​นาง​ก็​หมุด​ไว้​ให้​แน่น และ​พูด​กับ​เขา​ว่า “ชาว​ฟีลิสเตีย​มี​ชัย​เหนือ​ท่าน​แล้ว แซมสัน​เอ๋ย” แต่​เขา​ตื่น​ขึ้น​และ​ดึง​หมุด​กี่ และ​ผ้า​บน​กี่​หลุด​ออก นาง​จึง​พูด​กับ​เขา​ว่า “ท่าน​พูด​ได้​อย่างไร​ว่า ‘เรา​รัก​เจ้า’ เมื่อ​ใจ​ของ​ท่าน​ไม่​อยู่​กับ​ฉัน​เลย ท่าน​ล้อ​ฉัน​เล่น​แล้ว 3 ครั้ง และ​ท่าน​ยัง​ไม่​ได้​บอก​ฉัน​ว่า​พลัง​มหาศาล​ของ​ท่าน​อยู่​ที่​ไหน” เมื่อ​นาง​พูด​คาด​คั้น​แซมสัน​วัน​แล้ว​วัน​เล่า และ​นาง​รบเร้า​จน​แซมสัน​รำคาญ​ใจ​จน​เหลือ​ทน เขา​จึง​บอก​ความ​จริง​ทุก​ประการ​ว่า “มีด​โกน​ไม่​เคย​แตะ​ต้อง​หัว​ของ​เรา เพราะ​เรา​เป็น​ชาว​นาศีร์​แด่​พระ​เจ้า​ตั้ง​แต่​อยู่​ใน​ครรภ์​มารดา ถ้า​เรา​ถูก​โกน​ศีรษะ พลัง​ก็​จะ​หมด​ไป​จาก​ตัว​เรา และ​เรา​ก็​จะ​อ่อน​กำลัง​เป็น​เหมือน​ชาย​ทั่วๆ ไป” เมื่อ​เดลิลาห์​เห็น​ว่า​เขา​บอก​ความ​จริง​ทุก​ประการ​แก่​นาง​แล้ว นาง​ให้​คน​ไป​บอก​พวก​เจ้า​นาย​ของ​ชาว​ฟีลิสเตีย​ให้​ขึ้น​มา​หา​นาง พร้อม​กับ​นำ​เงิน​ติด​มือ​มา​ด้วย นาง​ทำ​ให้​เขา​นอน​หนุน​ตัก​นาง และ​นาง​เรียก​ชาย​คน​หนึ่ง​ให้​มา​โกน​ผม​ของ​แซมสัน 7 ปอย แล้ว​นาง​ก็​เริ่ม​ทรมาน​เขา พลัง​ก็​หมด​ไป​จาก​ตัว​เขา นาง​พูด​ว่า “ชาว​ฟีลิสเตีย​มี​ชัย​เหนือ​ท่าน​แล้ว แซมสัน​เอ๋ย” เขา​ตื่น​ขึ้น​และ​พูด​ว่า “เรา​จะ​ออก​ไป​เหมือน​ครั้ง​ก่อนๆ และ​สลัด​ตัว​ให้​หลุด” แต่​เขา​ไม่​รู้​ว่า​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ได้​จาก​เขา​ไป​เสีย​แล้ว ครั้น​แล้ว​ชาว​ฟีลิสเตีย​ก็​จับ​ตัว​แซมสัน​ไว้ ควัก​ลูก​ตา​ออก​แล้ว​ลาก​ตัว​ลง​ไป​ที่​กาซา และ​ใช้​ตรวน​ทอง​สัมฤทธิ์​ล่าม​ตัว​เขา​ไว้ ใช้​ให้​เขา​โม่​แป้ง​อยู่​ที่​คุก แต่​ผม​ของ​เขา​เริ่ม​งอก​อีก​หลัง​จาก​ที่​ถูก​โกน พวก​เจ้า​นาย​ของ​ชาว​ฟีลิสเตีย​ประชุม​กัน​เพื่อ​ถวาย​เครื่อง​สักการะ​ครั้ง​ใหญ่​แก่​เทพเจ้า​ดาโกน​เพื่อ​แสดง​ความ​ยินดี พวก​เขา​พูด​ว่า “เทพเจ้า​ของ​เรา​ได้​มอบ​แซมสัน​ศัตรู​ของ​เรา​ไว้​ใน​มือ​เรา​แล้ว” เมื่อ​ประชาชน​เห็น​แซมสัน​ก็​สรรเสริญ​เทพเจ้า​ของ​ตน เพราะ​พา​กัน​พูด​ว่า “เทพเจ้า​ของ​เรา​ได้​มอบ​ศัตรู​ของ​เรา​ไว้​ใน​มือ​เรา เป็น​คน​ที่​ทำลาย​ประเทศ​เรา​จน​พินาศ เป็น​คน​ที่​ฆ่า​คน​ของ​พวก​เรา​ไป​มาก​ต่อ​มาก” เมื่อ​ใจ​ของ​คน​เหล่า​นั้น​รื่นเริง​อยู่ จึง​พูด​ว่า “เรียก​แซมสัน​สิ เขา​จะ​ได้​สร้าง​ความ​บันเทิง​ให้​พวก​เรา​ดู​บ้าง” ดังนั้น​พวก​เขา​จึง​เรียก​แซมสัน​ออก​มา​จาก​คุก และ​แซมสัน​ก็​เป็น​ที่​ขบ​ขัน​สำหรับ​พวก​เขา พวก​เขา​ให้​แซมสัน​ยืน​อยู่​ระหว่าง​เสา และ​แซมสัน​พูด​กับ​ชาย​หนุ่ม​ที่​จูง​มือ​เขา​ว่า “ให้​เรา​สัมผัส​เสา​ที่​ค้ำ​บ้าน เรา​จะ​ได้​พิง​ที่​เสา” ใน​ขณะ​นั้น​มี​ทั้ง​ชาย​และ​หญิง​อยู่​กัน​เต็ม​บ้าน พวก​เจ้า​นาย​ของ​ชาว​ฟีลิสเตีย​ก็​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย และ​บน​ดาด​ฟ้า​หลัง​คา​มี​ประมาณ 3,000 คน​ที่​กำลัง​ดู​แซมสัน​สร้าง​ความ​บันเทิง​อยู่ แล้ว​แซมสัน​ร้อง​เรียก​ถึง​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​กล่าว​ว่า “โอ พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ผู้​ยิ่ง​ใหญ่ โปรด​ระลึก​ถึง​ข้าพเจ้า​และ​ให้​พละ​กำลัง​แก่​ข้าพเจ้า​เพียง​ครั้ง​นี้​เท่า​นั้น โอ พระ​เจ้า ข้าพเจ้า​จะ​ได้​แก้​แค้น​ชาว​ฟีลิสเตีย​คืน​ให้​กับ​ลูก​ตา​ทั้ง​สอง​ของ​ข้าพเจ้า” แล้ว​แซมสัน​ก็​เอื้อม​จับ​เสา​กลาง 2 ต้น​ที่​ค้ำ​บ้าน​ไว้ เขา​ทุ่ม​น้ำหนัก​ตัว​กับ​เสา 2 ต้น มือ​ขวา​เกาะ​เสา​ต้น​หนึ่ง มือ​ซ้าย​เกาะ​เสา​อีก​ต้น​หนึ่ง แซมสัน​กล่าว​ว่า “ให้​ข้าพเจ้า​ตาย​ไป​กับ​ชาว​ฟีลิสเตีย​เถิด” แล้ว​เขา​ก้ม​ตัว​ลง​จน​สุด​กำลัง บ้าน​จึง​พัง​ลง​และ​ทับ​พวก​เจ้า​นาย​และ​คน​ทั้ง​ปวง​ที่​อยู่​ใน​บ้าน ดังนั้น​คน​ที่​เขา​ฆ่า​ตาย​ไป​พร้อม​กับ​ตัว​เขา​มี​จำนวน​มาก​กว่า​พวก​ที่​เขา​ฆ่า​ใน​ช่วง​ที่​เขา​มี​ชีวิต​อยู่ หลัง​จาก​นั้น​พวก​พี่​ชาย​และ​ครอบครัว​ของ​เขา​ทั้ง​หมด​ก็​ลง​มา​นำ​ร่าง​ของ​เขา​ขึ้น​ไป​ฝัง​ยัง​สถาน​ที่​ซึ่ง​อยู่​ระหว่าง​โศราห์​กับ​เอชทาโอล ใน​หลุม​ฝัง​ศพ​ของ​มาโนอาห์​บิดา​ของ​เขา แซมสัน​วินิจฉัย​อิสราเอล​ได้ 20 ปี