อิสยาห์ 44:9-28
อิสยาห์ 44:9-28 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
พวกปั้นรูปเคารพล้วนเป็นความว่างเปล่า และสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบนั้นก็ไม่เป็นผลกำไร บรรดาสักขีพยานของพวกเขานั้นก็ไม่อาจจะเห็นและไม่อาจจะรู้ เพื่อพวกเขาจะได้อับอาย ใครปั้นพระหรือหล่อรูปเคารพที่ไม่เป็นประโยชน์อะไร? ดูซิ ทุกคนที่เป็นพวกเดียวกับเขาจะต้องอับอาย และช่างฝีมือนั้นก็เป็นเพียงมนุษย์ จงให้เขาทุกคนชุมนุมกัน ให้เขายืนขึ้น ให้เขาสยดสยอง และให้เขาอับอายด้วยกัน ช่างเหล็กทำงานอยู่เหนือก้อนถ่านด้วยเครื่องมือ และขึ้นรูปด้วยค้อนและทำด้วยแขนที่มีกำลังของเขา เออเขาหิวและกำลังของเขาหมดลง เขาไม่ได้ดื่มน้ำเลย และเขาอ่อนเปลี้ย ช่างไม้ขึงเชือกวัด เขาวาดโครงด้วยดินสอ เขาแต่งมันด้วยสิ่ว และวาดโครงด้วยวงเวียน เขาทำให้มันเหมือนรูปคนตามความงามของมนุษย์เพื่อให้มันอยู่ในเรือน เขาตัดต้นสนสีดาร์มาให้กับตัวเอง เขาเลือกต้นสนฉัตร หรือต้นโอ๊ก เขาปลูกมันไว้อย่างแข็งแรงท่ามกลางต้นไม้ในป่า เขาปลูกต้นเทพทาโรและฝนทำให้มันเติบโต แล้วมันก็กลายเป็นเชื้อเพลิงของคน และเขาเอามันมาส่วนหนึ่งและใช้มันอุ่นตัว เออ เขาก่อไฟและปิ้งขนมปัง และเขาเอามันมาทำรูปพระรูปหนึ่งแล้วนมัสการมันด้วย เขาทำเป็นรูปเคารพและกราบรูปนั้น ครึ่งหนึ่งของไม้นั้นเขาเผาในกองไฟ บนครึ่งนี้เขาย่างและกินเนื้อย่างจนอิ่ม และเขาก็อบอุ่นด้วย แล้วพูดว่า “เอ้อ ข้าอุ่นจัง ข้าเห็นเปลวไฟแล้ว” และไม้ที่เหลือนั้นเขาทำเป็นรูปพระรูปหนึ่ง คือเป็นรูปเคารพของเขา เขากราบลงต่อรูปนั้นและนมัสการมัน และอธิษฐานต่อรูปนั้นและกล่าวว่า “ขอทรงช่วยข้าพระองค์ เพราะพระองค์เป็นพระของข้าพระองค์” เขาทั้งหลายไม่รู้และเขาไม่เข้าใจ เพราะตาของพวกเขาถูกปิด เขาจึงไม่เห็นอะไร และใจของเขาก็ถูกปิด เขาจึงไม่เข้าใจ ไม่มีใครกลับมาคิดเลย และไม่มีความรู้หรือวิจารณญาณที่จะพูดว่า “ข้าเผาครึ่งหนึ่งของมันในกองไฟ แล้วข้าก็เอาถ่านของมันมาปิ้งขนมปัง และข้าย่างเนื้อกินแล้ว ควรที่ข้าจะทำส่วนที่เหลือให้เป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชัง และควรที่ข้าจะกราบลงต่อท่อนไม้จากต้นนั้นหรือ?” เขากินขี้เถ้า ใจที่หลอกลวงนำเขาให้หลง เขาช่วยกู้ตัวเขาเองไม่ได้และไม่สามารถพูดว่า “มีการล่อลวงอยู่ในมือขวาของข้าไม่ใช่หรือ? ” จงจำสิ่งเหล่านี้ไว้ โอ ยาโคบเอ๋ย เพราะเจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา โอ อิสราเอล เราได้ปั้นเจ้า เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา อิสราเอลเอ๋ย เราจะไม่ลืมเจ้า เราได้ลบล้างการทรยศของเจ้าเสียเหมือนเมฆ และลบล้างบาปของเจ้าเหมือนหมอก จงกลับมาหาเรา เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว โอ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงร้องเพลง เพราะพระยาห์เวห์ทรงทำการนี้ ห้วงลึกของแผ่นดินโลกเอ๋ย จงโห่ร้อง ภูเขาเอ๋ย จงร้องเป็นเพลงออกมา ป่าไม้และต้นไม้ทุกต้นในนั้นด้วย เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงไถ่ยาโคบ และจะทรงได้รับเกียรติในอิสราเอล พระยาห์เวห์ผู้ไถ่ของเจ้า ผู้ปั้นเจ้าตั้งแต่ในครรภ์ ตรัสดังนี้ว่า “เราคือยาห์เวห์ ผู้ทรงสร้างทุกสิ่ง ผู้ขึงฟ้าสวรรค์แต่ลำพัง ผู้กางแผ่นดินโลกด้วยตัวเอง ผู้ทำให้ลางของคนโกหกไม่ขลัง และทำให้คนทำนายบ้าๆ บอๆ ผู้หันคนฉลาดให้กลับหลัง และทำให้ความรู้ของเขาโง่เขลาไป ผู้รับรองถ้อยคำของผู้รับใช้ของพระองค์ และให้แผนงานของทูตของพระองค์สัมฤทธิ์ผล ผู้กล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ‘จะมีคนอาศัยอยู่’ และถึงเมืองต่างๆ ของยูดาห์ว่า ‘จะถูกสร้างขึ้นใหม่ และเราจะยกสิ่งปรักหักพังของมันขึ้น’ ผู้กล่าวกับที่ลึกว่า ‘จงแห้งเสีย และเราจะให้แม่น้ำทั้งหลายของเจ้าแห้งไป’ ผู้กล่าวถึงไซรัสว่า ‘เขาเป็นผู้เลี้ยงแกะของเรา และเขาจะทำให้ความมุ่งหมายทุกอย่างของเราสำเร็จ’ ด้วยการกล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ‘จะถูกสร้างขึ้นใหม่’ และกล่าวถึงพระวิหารว่า ‘จะได้รับการวางรากฐาน’ ”
อิสยาห์ 44:9-28 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
คนพวกนั้นทั้งหมดที่ทำรูปเคารพต่างๆขึ้นมาก็ไม่มีค่าอะไรเลย และรูปเคารพที่พวกเขาชื่นชอบนักหนาก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย พวกที่นมัสการรูปเคารพนั้นก็เป็นพยานให้กับพวกรูปเคารพนั้น คนที่นมัสการรูปเคารพนั้นก็มองไม่เห็นและไม่เข้าใจ ดังนั้นพวกเขาจะได้รับความอับอาย ใครจะไปปั้นพระหรือหล่อรูปเคารพที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้ ดูสิ พวกนั้นทั้งหมดที่นับถือรูปเคารพจะต้องอับอาย พวกช่างฝีมือที่สร้างมันก็เป็นแค่มนุษย์ ให้พวกเขาชุมนุมกันทุกคนและยืนขึ้นสู้คดี พวกเขาก็จะต้องขวัญผวาและอับอายขายหน้าไป ช่างเหล็กก็ตัดเหล็กเอามาทำให้ร้อนบนไฟและเขาใช้ค้อนตีขึ้นรูปและทำงานกับเหล็กนั้นด้วยแขนอันแข็งแกร่งของเขา แต่เมื่อเขาหิว เขาก็จะหมดแรงไป ถ้าเขาไม่ดื่มน้ำเขาก็จะอ่อนเปลี้ยไป ช่างไม้ก็ขึงเชือกวัดและใช้ปากกาเหล็ก และวงเวียนขีดเขียนเป็นรูปร่างขึ้นมา และเขาก็แกะสลักมันด้วยเครื่องมือแกะสลัก เขาสร้างมันขึ้นมาเหมือนรูปร่างคน และมีความสวยงามของมนุษย์ แล้วเอามันไปตั้งไว้ในศาลเจ้า เขาไปตัดต้นสนซีดาร์ หรือไม่ก็ไปเลือกต้นโฮม์หรือต้นโอ๊ก เขาปล่อยให้ต้นไม้โตขึ้นตามลำพังท่ามกลางไม้อื่นๆในป่า เขาปลูกต้นสนซีดาร์และฝนก็ทำให้มันสูงขึ้น และเมื่อถึงเวลาที่จะเอามันมาทำฟืนให้กับมนุษย์ เขาก็เอาไม้นั้นมาส่วนหนึ่ง มาเผาให้ความอบอุ่นกับตัวเอง เอามาก่อไฟและอบขนมปังและเขาก็เอาอีกส่วนหนึ่งมาสร้างเป็นพระและนมัสการมัน เขาแกะสลักรูปเคารพขึ้นมาและกราบไหว้อยู่ต่อหน้ามัน เขาเอาไม้ครึ่งหนึ่งมาเผาไฟและย่างเนื้อบนมัน เอามากินจนอิ่มหนำสำราญและผิงไฟนั้นให้ร่างกายอบอุ่น และพูดว่า “ข้าอุ่นจัง ขณะที่ดูไฟนี้” และไม้ที่เหลือก็เอามาสร้างเป็นพระ ให้เป็นรูปเคารพของเขา และเขาก็ก้มกราบและนมัสการมัน แถมเขาได้อธิษฐานกับมันว่า “ช่วยกู้ชีวิตข้าด้วย เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของข้า” พวกเขาไม่รู้ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำอยู่ ตาของพวกเขาปิดสนิท เขาจึงมองอะไรไม่เห็น และจิตใจของเขาก็เหมือนกันเขาก็เลยไม่เข้าใจ ไม่มีใครหยุดพิจารณา และพวกเขาก็ไม่มีความรู้ หรือความคิดแยกแยะ ที่จะพูดว่า “ข้าเผาไม้ครึ่งหนึ่งในไฟ และอบขนมปังบนมัน ข้าย่างเนื้อและกินเนื้อนั้น แล้วต่อไปข้าควรจะเอาไม้ที่เหลือมาสร้างสิ่งที่น่าขยะแขยงนี้หรือเปล่า ข้าควรจะก้มลงกราบต่อหน้าท่อนไม้ท่อนหนึ่งหรือเปล่า” มันเหมือนกับการเลี้ยงสัตว์ด้วยขี้เถ้า จิตใจที่หลอกลวงของเขาได้นำเขาให้หลงทางไป เขาไม่สามารถช่วยกู้ตัวเองได้ หรือพูดว่า “สิ่งนี้ที่อยู่ในมือขวาของข้าเป็นเรื่องหลอกลวงไม่ใช่หรือ” พระยาห์เวห์พูดว่า “ยาโคบเอ๋ย จำเรื่องพวกนี้ไว้ให้ดี อิสราเอลเอ๋ย จำเรื่องพวกนี้ให้ดี เพราะเจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา เราได้ปั้นเจ้าขึ้นมา เจ้าคือผู้รับใช้ของเรา อิสราเอลเอ๋ย เราจะไม่มีวันลืมเจ้า เราได้กวาดการกบฏของเจ้าทิ้งไปเหมือนลมพัดเมฆไป และกวาดความบาปของเจ้าทิ้งไปเหมือนหมอกปลิวไป กลับมาหาเราเถิด เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว” ฟ้าสวรรค์เอ๋ย ร้องเพลงเถิด เพราะพระยาห์เวห์ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ส่วนลึกที่สุดของโลกเอ๋ย โห่ร้องเถิด ภูเขา ป่าไม้ และต้นไม้ทั้งหลายเอ๋ย ระเบิดเสียงเพลงออกมาเลย เพราะพระยาห์เวห์ได้ไถ่ยาโคบแล้ว และพระองค์ได้เสริมบารมีของพระองค์โดยช่วยอิสราเอล พระยาห์เวห์ผู้ไถ่เจ้า ผู้ปั้นเจ้าในครรภ์ พูดไว้ว่าอย่างนี้ “เราคือยาห์เวห์ ผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง เราได้ขึงท้องฟ้านี้ออกแต่เพียงผู้เดียว เราได้กางแผ่นดินออกด้วยตัวเราเอง เราคือผู้ที่ทำให้คำทำนายของพวกนักต้มตุ๋นผิดเพี้ยนไป และทำให้พวกหมอดูกลายเป็นตัวตลกโง่ๆไป และเราเป็นผู้ที่ทำให้คนฉลาดหัวหมุน และทำให้ความรู้ของเขานั้นโง่เขลาไป แต่เราทำให้คำพูดของผู้รับใช้เราเกิดขึ้นจริง และทำให้คำทำนายของพวกทูตของเราสำเร็จผล เราพูดถึงเยรูซาเล็มว่า ‘จะมีคนมาอาศัยอยู่ที่นี่อีกครั้งหนึ่ง’ และเราก็พูดถึงเมืองต่างๆของยูดาห์ว่า ‘พวกมันจะถูกสร้างขึ้นใหม่’ และเราพูดถึงซากปรักหักพังของเยรูซาเล็มว่า ‘เราจะยกซากปรักหักพังเหล่านั้นขึ้นมาใหม่’ เราพูดกับมหาสมุทรว่า ‘เหือดแห้งไปซะ’ เราจะทำให้แม่น้ำทั้งหลายของเจ้าเหือดแห้งไป เราพูดถึงไซรัส ว่า ‘เขาเป็นผู้เลี้ยงแกะของเรา เขาจะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เราอยากให้เขาทำ’ ไซรัสจะพูดถึงเยรูซาเล็มว่า ‘ให้สร้างมันขึ้นมาใหม่’ และพูดถึงพระวิหารว่า ‘ให้วางฐานรากของมันขึ้นมาใหม่’”
อิสยาห์ 44:9-28 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
บรรดาผู้ที่ทำรูปเคารพสลักต่างก็ไร้ประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น และสิ่งที่เขาปีติยินดีนั้นก็ไม่เป็นประโยชน์ เขาเป็นพยานของเขาเอง พยานเหล่านั้นทั้งไม่เห็นและไม่รู้ เพื่อเขาจะต้องอับอาย ใครเล่าปั้นพระหรือหล่อรูปเคารพสลักซึ่งไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย ดูเถิด เพื่อนทั้งสิ้นของเขาจะต้องอับอาย และช่างฝีมือนั้นก็เป็นแต่มนุษย์ ให้เขาชุมนุมกันทั้งหมด ให้เขายืนขึ้น เขาจะสยดสยอง เขาจะรับความอับอายด้วยกัน ช่างเหล็กใช้คีมทำงานอยู่เหนือก้อนถ่าน และใช้ค้อนทุบมันด้วยแขนที่แข็งแรงของเขา เออ เขาหิวและกำลังของเขาอ่อนลง เขาไม่ได้ดื่มน้ำเลย และอ่อนเปลี้ย ช่างไม้ขึงเชือกวัด เขาเอาดินสอขีดไว้ เขาแต่งมันด้วยกบ และขีดไว้ด้วยวงเวียน เขาแต่งรูปนั้นให้เป็นรูปคน ตามความงามของคน ให้อยู่ในเรือน เขาตัดต้นสนสีดาร์ลง เขาเลือกต้นสนจีนและต้นโอ๊ก และปล่อยให้มันงอกขึ้นอย่างแข็งแรงท่ามกลางต้นไม้ในป่า เขาปลูกต้นแอชและฝนก็เลี้ยงมัน แล้วมนุษย์จะเอาไปเผาเสีย เขาเอามันมาส่วนหนึ่งและให้อบอุ่นตัวเขา เออ เขาก่อไฟและปิ้งขนมปัง และเขาเอามาทำพระองค์หนึ่งและนมัสการมันด้วย เออ เขาทำเป็นรูปแกะสลักและกราบรูปนั้น เขาเผาในกองไฟครึ่งหนึ่ง บนครึ่งนี้เขาได้กินเนื้อ เขาย่างเนื้อและกินอิ่ม และเขาอบอุ่นตัวของเขาด้วย แล้วว่า “อ้าฮา ข้าอุ่นจัง ข้าเห็นไฟแล้ว” และที่เหลือนั้นเขาทำเป็นพระองค์หนึ่ง เป็นรูปเคารพสลักของเขา และกราบลงนมัสการรูปนั้น และอธิษฐานต่อรูปนั้นและว่า “ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้น เพราะพระองค์เป็นพระของข้าพระองค์” เขาทั้งหลายไม่รู้ หรือเขาทั้งหลายไม่เข้าใจ เพราะตาของเขาถูกปิด เขาจึงเห็นอะไรไม่ได้ และจิตใจของเขาเล่าก็ถูกปิด เขาจึงเข้าใจไม่ได้ ไม่มีใครพินิจพิเคราะห์ในใจของตนเลย และไม่มีความรู้หรือความเข้าใจ ที่จะกล่าวว่า “ข้าได้เผามันเสียส่วนหนึ่งในกองไฟ และข้าก็เอาถ่านมันมาปิ้งขนมปัง ข้าย่างเนื้อกินแล้ว และควรหรือที่ข้าจะทำส่วนที่เหลือให้เป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชัง ควรหรือที่ข้าจะกราบลงต่อท่อนไม้ท่อนหนึ่ง” เขากินขี้เถ้า ใจที่หลอกลวงนำเขาให้เจิ่น เขาช่วยจิตใจตัวเขาเองให้พ้นหรือพูดว่า “ไม่มีความมุสาอยู่ในมือข้างขวาของข้าหรือ” ก็ไม่ได้ โอ ยาโคบและอิสราเอลเอ๋ย จงจำสิ่งเหล่านี้ เพราะเจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา เราได้ปั้นเจ้า เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา โอ อิสราเอลเอ๋ย เราจะไม่ลืมเจ้า เราได้ลบล้างการละเมิดของเจ้าเสียเหมือนเมฆทึบ และลบล้างบาปของเจ้าเหมือนเมฆ จงกลับมาหาเรา เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว โอ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงร้องเพลงเพราะพระเยโฮวาห์ทรงกระทำการนี้ ห้วงลึกของแผ่นดินโลกเอ๋ย จงโห่ร้อง ภูเขาเอ๋ย จงร้องเป็นเพลงออกมา โอ ป่าไม้เอ๋ย และต้นไม้ทุกต้นในนั้นด้วย เพราะว่าพระเยโฮวาห์ทรงไถ่ยาโคบ และจะทรงรับเกียรติในอิสราเอล พระเยโฮวาห์ผู้ไถ่ของเจ้า ผู้ปั้นเจ้าตั้งแต่ในครรภ์ ตรัสดังนี้ว่า “เราคือพระเยโฮวาห์ ผู้ทรงสร้างสิ่งสารพัด ผู้ทรงขึงฟ้าสวรรค์แต่ลำพัง ผู้ทรงกางแผ่นดินโลกด้วยตัวเราเอง ผู้กระทำให้ลางของคนมุสาไม่ขลัง และกระทำพวกโหรให้บ้าๆบอๆ ผู้หันคนฉลาดให้กลับหลัง และกระทำให้ความรู้ของเขาเขลาไป ผู้รับรองถ้อยคำของผู้รับใช้ของพระองค์ และให้สัมฤทธิ์ผลตามแผนงานแห่งทูตของพระองค์ ผู้กล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ‘จะมีคนอาศัยอยู่’ และถึงหัวเมืองยูดาห์ว่า ‘จะมีคนมาสร้างขึ้น และเราจะยกสิ่งปรักหักพังของมันขึ้น’ ผู้กล่าวแก่ที่ลึกว่า ‘จงแห้งเสีย เราจะให้แม่น้ำของเจ้าแห้ง’ ผู้กล่าวถึงไซรัสว่า ‘เขาเป็นเมษบาลของเรา และเขาจะให้ความมุ่งหมายทั้งสิ้นของเราสำเร็จ’ กล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ‘จะมีคนมาสร้างเจ้าขึ้น’ และถึงพระวิหารว่า ‘จะวางรากฐานของเจ้า’”
อิสยาห์ 44:9-28 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
บรรดาผู้ที่ทำรูปเคารพก็เป็นศูนย์ และสิ่งที่เขาปีติยินดีนั้นก็ไม่เป็นประโยชน์ พยานของเขานั้นทั้งไม่เห็นและไม่รู้ เพื่อเขาจะต้องอับอาย ใครเล่าแต่งพระหรือหล่อรูปเคารพซึ่งไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย ดูเถิด เพื่อนทั้งสิ้นของเขาจะต้องอับอาย และช่างฝีมือนั้นก็เป็นแต่มนุษย์ ให้เขาชุมนุมกันทั้งหมด ให้เขายืนขึ้น เขาจะสยดสยอง เขาจะรับความอับอายด้วยกัน ช่างเหล็กก็ทำงาน อยู่เหนือก้อนถ่าน ใช้เครื่องมือของเขา และทุบมันด้วยแขนที่แข็งแรงของเขา เออเขาหิวและกำลังของเขาอ่อนลง เขาไม่ได้ดื่มน้ำเลย และอ่อนเปลี้ย ช่างไม้ขึงเชือกวัด เขาเอาดินสอขีดไว้ เขาแต่งมันด้วยกบ และขีดไว้ด้วยวงเวียน เขาแต่งรูปนั้นให้เป็นรูปคนตามความงามของคนให้อยู่ในเรือน เขาตัดต้นสนสีดาร์ลง หรือเขาเลือกต้นสนฉัตร หรือต้นก่อและปล่อยให้มันงอกขึ้น อย่างแข็งแรงท่ามกลางต้นไม้ในป่า เขาปลูกต้นเทพทาโรและฝนก็เลี้ยงมัน แล้วมันก็กลายเป็นพืชของคน เขาเอามันมาส่วนหนึ่งและให้อบอุ่นตัวเขา เออ เขาก่อไฟและปิ้งขนมปัง และเขาเอามาทำพระองค์หนึ่งและนมัสการมันด้วย เออ เขาทำเป็นรูปแกะสลักและกราบรูปนั้น เขาเผาในกองไฟครึ่งหนึ่ง บนครึ่งนี้เขาได้กินเนื้อ เขาย่างเนื้อและกินอิ่ม และเขาอบอุ่นตัวของเขาด้วย แล้วว่า <<เอ้อเฮอ ข้าอุ่นจัง ข้าเห็นไฟแล้ว>> และที่เหลือนั้นเขาทำเป็นพระองค์หนึ่ง เป็นรูปเคารพของเขา และกราบลงนมัสการรูปนั้น และอธิษฐานต่อรูปนั้นและว่า <<ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพระองค์>> เขาทั้งหลายไม่รู้ หรือเขาทั้งหลายไม่เข้าใจ เพราะตาของเขาถูกปิด เขาจึงเห็นอะไรไม่ได้ และจิตใจของเขาเล่าก็ถูกปิด เขาจึงเข้าใจไม่ได้ ไม่มีใครตรึกตรองเลย และไม่มีความรู้หรือมีการพินิจพิเคราะห์ ที่จะว่า ข้าเผามันเสียครึ่งหนึ่งในกองไฟ และข้าก็เอาถ่านมันมาปิ้งขนมปัง ข้าย่างเนื้อกินแล้ว และควรที่ข้าจะทำส่วนที่เหลือให้เป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชังหรือ ควรข้าจะกราบลงต่อท่อนไม้ท่อนหนึ่งไหม เขากินขี้เถ้า ใจที่หลอกหลอนนำเขาให้เจิ่น เขาช่วยกู้ตัวเขาเองหรือพูดว่า <<ไม่มีความมุสา อยู่ในมือข้างขวาของข้าหรือ>> ก็ไม่ได้ โอ ยาโคบเอ๋ย จงจำสิ่งเหล่านี้ อิสราเอลเอ๋ย เพราะเจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา เราได้ปั้นเจ้า เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา โอ อิสราเอลเอ๋ย เราจะไม่ลืมเจ้า เราได้ลบล้างการทรยศของเจ้าเสียเหมือนเมฆ และลบล้างบาปของเจ้าเหมือนหมอก จงกลับมาหาเรา เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว โอ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงร้องเพลง เพราะพระเจ้าทรงกระทำการนี้ โอ ห้วงลึกของแผ่นดินโลกเอ๋ย จงโห่ร้อง โอ ภูเขาเอ๋ย จงร้องเป็นเพลงออกมา โอ ป่าไม้เอ๋ย และต้นไม้ทุกต้นในนั้นด้วย เพราะว่าพระเจ้าทรงไถ่ยาโคบ และจะทรงรับเกียรติในอิสราเอล พระเจ้าผู้ไถ่ของเจ้า ผู้ปั้นเจ้าตั้งแต่ในครรภ์ ตรัสดังนี้ว่า <<เราคือพระเจ้า ผู้ทรงสร้างสิ่งสารพัด ผู้ทรงขึงฟ้าสวรรค์แต่ลำพัง ผู้ทรงกางแผ่นดินโลก ผู้ใดอยู่กับเราเล่า ผู้กระทำให้ลางของคนมุสาไม่ขลัง และกระทำคนทำนายให้บ้าๆบอๆ ผู้หันคนฉลาดให้กลับหลัง และกระทำให้ความรู้ของเขาเขลาไป ผู้รับรองถ้อยคำของผู้รับใช้ของพระองค์ และให้สัมฤทธิ์ผลตามแผนงานแห่งทูตของพระองค์ ผู้กล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า <จะมีคนอาศัยอยู่> และถึงหัวเมืองยูดาห์ว่า <จะมีคนมาสร้างขึ้น และเราจะยกสิ่งปรักหักพังของมันขึ้น> ผู้กล่าวแก่ที่ลึกว่า <จงแห้งเสีย เราจะให้แม่น้ำของเจ้าแห้ง> ผู้กล่าวถึงไซรัสว่า <เขาเป็นเมษบาลของเรา และเขาจะให้ความมุ่งหมายทั้งสิ้นของเราสำเร็จ> กล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า <จะมีคนมาสร้างขึ้น> และถึงพระวิหารว่า <จะวางรากฐานของเจ้า> >>
อิสยาห์ 44:9-28 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
บรรดาผู้ที่ทำรูปเคารพก็ไร้ค่า สิ่งต่างๆ ที่เขาเทิดทูนก็เปล่าประโยชน์ บรรดาผู้ออกรับแทนพวกเขาก็ตาบอด พวกเขาโง่เง่าและต้องอับอาย ใครปั้นเทวรูป ใครหล่อรูปเคารพ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่ตน? เขากับพรรคพวกจะต้องอัปยศอดสู ช่างฝีมือก็เป็นแค่มนุษย์ ให้พวกเขามาชุมนุมกัน ยืนอยู่ในที่ของตน พวกเขาจะถูกทำให้ตกลงไปในความสยดสยองและความเสื่อมเสีย ช่างเหล็กหยิบเครื่องมือ ง่วนอยู่กับรูปเคารพในเตาเผา เขาใช้ค้อนแต่งเทวรูป ทุบสุดกำลังแขน เขาหิวและหมดกำลัง เขาไม่ได้ดื่มน้ำและหมดแรง ช่างไม้ขึงเชือกวัด ทำโครงสร้างหยาบๆ ใช้กบไส เอาวงเวียนขีด แต่งให้เป็นรูปคน มีลักษณะงามครบถ้วนอย่างมนุษย์ ให้อยู่ในสถานบูชา เขาโค่นสนซีดาร์ลง บางทีก็ใช้สนไซเปรสหรือต้นโอ๊ก เขาปล่อยให้มันโตขึ้นท่ามกลางต้นไม้ในป่า บางทีก็ปลูกสน และฝนทำให้มันเติบโตขึ้น มันเป็นฟืนให้คนเผา บางส่วนเขานำมาใช้ผิงกาย เขาจุดไฟปิ้งขนมปัง แต่ที่เหลือจากนั้นก็เอามาตกแต่งเป็นเทพเจ้าและนมัสการมัน เขาสร้างให้เป็นรูปเคารพและก้มกราบมัน เขาใช้ไม้ครึ่งหนึ่งก่อไฟ เตรียมอาหารย่างเนื้อกินจนอิ่ม ทั้งใช้ผิงกายและพูดว่า “เออ! อุ่นดี ข้าเห็นไฟแล้ว” ส่วนที่เหลือเขาใช้ทำเทวรูป เป็นรูปเคารพของเขา แล้วเขาก็หมอบกราบนมัสการมัน เขาอธิษฐานต่อมันว่า “ช่วยลูกด้วย เทพเจ้าของลูก” พวกเขาไม่รู้ประสีประสา ไม่เข้าใจอะไร ตาของเขาถูกปิดจึงมองไม่เห็น ใจของเขาก็ถูกบังจึงไม่อาจเข้าใจ ไม่มีใครหยุดเพื่อคิด ไม่มีใครรู้หรือเข้าใจที่จะพิเคราะห์ว่า “เราใช้ไม้ครึ่งหนึ่งทำฟืน เราปิ้งขนมปังบนถ่านไม้ เราย่างเนื้อกิน ควรหรือที่เราจะเอาไม้ส่วนที่เหลือมาทำสิ่งที่น่าเกลียดชัง? ควรหรือที่เราจะหมอบกราบลงตรงหน้าท่อนไม้?” เขายังชีพด้วยขี้เถ้า จิตใจที่ลุ่มหลงนำเขาหลงเจิ่นไป เขาไม่อาจช่วยเหลือตัวเองหรือพูดว่า “สิ่งที่อยู่ในมือขวาของเรานี้เป็นสิ่งหลอกลวงไม่ใช่หรือ?” “ยาโคบเอ๋ย จงจดจำสิ่งเหล่านี้ อิสราเอลเอ๋ย เพราะเจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา เราได้สร้างเจ้ามา เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา อิสราเอลเอ๋ย เราจะไม่ลืมเจ้า เราได้กวาดล้างการละเมิดของเจ้าออกไปเหมือนเมฆ ได้ลบล้างบาปของเจ้าเหมือนหมอกยามเช้า จงกลับมาหาเรา เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว” ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงร้องเพลงด้วยความยินดีเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงทำการนี้ โลกเอ๋ย จงโห่ร้องให้กึกก้อง จงร้องเพลงเถิด ภูเขาทั้งหลาย ทั้งป่าไม้และพฤกษ์ไพรทั้งปวง เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่ยาโคบแล้ว พระองค์ทรงสำแดงพระเกียรติสิริในอิสราเอล “พระยาห์เวห์พระผู้ไถ่ของเจ้า ผู้ได้ทรงปั้นเจ้าในครรภ์มารดาตรัสดังนี้ว่า “เราคือพระยาห์เวห์ ผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวง เราแต่ผู้เดียวคลี่ฟ้าสวรรค์ออกมา เราเองเป็นผู้กางแผ่นดินโลกออก ผู้ทรงทำลายหมายสำคัญของผู้เผยพระวจนะเท็จ และทำให้นักทำนายกลายเป็นคนโง่เง่า ผู้ทรงคว่ำความรอบรู้ของคนฉลาด และทรงเปลี่ยนมันเป็นสิ่งไร้สาระ ผู้ประทานถ้อยคำแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ และให้การคาดคะเนต่างๆ ของทูตของพระองค์กลายเป็นจริง “ผู้ทรงกล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ‘จะมีผู้อยู่อาศัย’ ทรงกล่าวถึงเมืองต่างๆ ของยูดาห์ว่า ‘จะถูกสร้างขึ้น’ และทรงกล่าวถึงความหายนะของพวกเขาว่า ‘เราจะฟื้นฟูขึ้นใหม่’ ผู้ทรงกล่าวกับห้วงน้ำลึกว่า ‘จงแห้งไป และเราจะทำให้สายธารทั้งหลายของเจ้าแห้งเหือด’ ผู้ทรงกล่าวถึงไซรัสว่า ‘เขาเป็นคนเลี้ยงแกะของเรา และจะทำทุกสิ่งให้สำเร็จตามที่เราพอใจ เขาจะกล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า “ให้สร้างมันขึ้นใหม่” และกล่าวถึงพระวิหารว่า “ให้วางฐานรากของมัน” ’
อิสยาห์ 44:9-28 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
ทุกคนที่ปั้นรูปเคารพไม่สามารถทำสิ่งใดได้ และสิ่งที่พวกเขาเทิดทูนก็ไร้ประโยชน์ บรรดาผู้ที่เป็นพยานเพื่อพวกเขาไม่สามารถมองเห็นหรือรู้อะไร พวกเขาจะเผชิญกับความอับอาย ใครจะปั้นเทพเจ้า หรือหล่อรูปเคารพโดยไม่ได้ผลกำไร ดูเถิด ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเขาจะต้องอับอาย และช่างฝีมือเป็นเพียงมนุษย์ ปล่อยให้พวกเขามาชุมนุมร่วมกัน ให้พวกเขายืนกราน พวกเขาจะต้องตกตะลึง จะต้องอับอายไปด้วยกัน ช่างตีเหล็กใช้เครื่องมือรมถ่านให้ร้อน เขาใช้แขนที่แข็งแรงขึ้นรูปด้วยค้อน เมื่อเขารู้สึกหิว กำลังของเขาก็ถอยลง และเขาจะเป็นลมถ้าไม่ได้ดื่มน้ำ ช่างไม้ใช้ไม้วัดและใช้ดินสอขีดเครื่องหมาย เขาใช้กบไสไม้ให้เป็นรูปร่างขึ้นมา และขีดเครื่องหมายด้วยวงเวียน เขาสลักให้เป็นรูปร่างมนุษย์คนหนึ่ง ตามความงามของมนุษย์ เพื่อให้อยู่ในบ้าน เขาตัดต้นซีดาร์ เขาเลือกต้นสนไซเปร็สหรือต้นโอ๊กซึ่งเจริญงอกงามได้เองในหมู่ต้นไม้ในป่า เขาปลูกต้นซีดาร์ และฝนช่วยทำให้มันโตขึ้น แล้วมนุษย์ใช้ต้นไม้เป็นเชื้อเพลิง เขาตัดส่วนหนึ่งมาใช้เพื่อให้ความอบอุ่น เขาติดไฟและอบขนมปัง เขาเอาไม้มาทำเป็นเทพเจ้าและนมัสการ เขาทำเป็นรูปเคารพและก้มกราบ ไม้อีกครึ่งหนึ่งเขาใช้ก่อไฟ เพื่อย่างเนื้อสัตว์ และรับประทานจนอิ่มหนำ เขาได้รับความอบอุ่นและพูดว่า “โอ ฉันอุ่นสบาย ฉันเห็นเปลวไฟแล้ว” เขาใช้ไม้ที่ยังเหลืออยู่ทำเป็นรูปเทพเจ้า คือรูปเคารพของเขา และก้มกราบและนมัสการ เขาอธิษฐานต่อรูปเคารพว่า “ช่วยข้าพเจ้าให้รอดเถิด เพราะท่านเป็นเทพเจ้าของข้าพเจ้า” พวกเขาไม่รู้และไม่เห็นแจ้ง เพราะเขาปิดตา จึงทำให้มองไม่เห็น และปิดใจ จึงทำให้ไม่เข้าใจ ไม่มีใครนึกถึง หรือมีความรู้ หรือเห็นแจ้งที่จะพูดว่า “ฉันใช้เผาไฟครึ่งหนึ่ง ฉันใช้อบขนมปังบนถ่านร้อน ฉันย่างเนื้อกินแล้ว และฉันควรจะใช้ไม้ที่เหลือทำสิ่งที่น่ารังเกียจหรือ ฉันควรจะก้มให้กับท่อนไม้หรือ” เขากินขี้เถ้า ใจที่หลงผิดทำให้เขาถูกหลอกลวง และเขาช่วยตัวเองให้รอดไม่ได้ หรือแม้จะพูดว่า “สิ่งที่ฉันถือในมือขวานี้เป็นสิ่งหลอกลวงหรือเปล่า” “โอ ยาโคบเอ๋ย จงจดจำสิ่งเหล่านี้ไว้ โอ อิสราเอลเอ๋ย เพราะเจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา เราปั้นเจ้าขึ้นมา เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา โอ อิสราเอลเอ๋ย เราจะไม่ลืมเจ้า เราได้กำจัดการล่วงละเมิดของเจ้าเหมือนกำจัดก้อนเมฆ และกำจัดบาปของเจ้าเหมือนกำจัดหมอก จงกลับมาหาเรา เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว” ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงร้องเพลง เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้กระทำสิ่งนี้ โอ โลกเบื้องล่างเอ๋ย จงส่งเสียงร้อง โอ เทือกเขา ป่าไม้และต้นไม้ทุกต้นเอ๋ย จงโห่ร้องด้วยเสียงเพลง เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ไถ่ยาโคบแล้ว และพระองค์จะสำแดงพระบารมีของพระองค์ในอิสราเอล พระผู้เป็นเจ้า องค์ผู้ไถ่ของเจ้า ผู้สร้างเจ้านับตั้งแต่อยู่ในครรภ์กล่าวดังนี้ “เราคือพระผู้เป็นเจ้า ผู้สร้างสรรพสิ่ง ผู้เดียวที่สร้างฟ้าสวรรค์ให้แผ่กว้างออกไป ผู้กางแผ่นดินโลกด้วยตัวเราเอง เราทำให้เห็นว่า การอัศจรรย์ของพวกคุยโวโอ้อวดไม่เป็นความจริง ทำให้บรรดาผู้ทำนายกลายเป็นคนโง่ เราทำให้ผู้เรืองปัญญาให้คำปรึกษาผิดๆ ทำให้เห็นว่าความรู้ของพวกเขาไร้สาระ เรายืนยันคำพูดของผู้รับใช้ของพระองค์ และทำให้คำของบรรดาผู้ประกาศของพระองค์สัมฤทธิผล เราเป็นผู้กล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ‘จะมีคนอาศัยอยู่’ และกล่าวถึงเมืองต่างๆ ของยูดาห์ว่า ‘จะถูกสร้างขึ้น และเราจะสถาปนาสิ่งที่ปรักหักพังขึ้นใหม่’ เราเป็นผู้กล่าวกับห้วงน้ำลึกว่า ‘จงแห้งเสีย เราจะทำให้แม่น้ำของเจ้าแห้งเหือด’ เรากล่าวถึงไซรัสว่า ‘เขาเป็นผู้เลี้ยงดูฝูงแกะของเรา และเขาจะทำให้จุดมุ่งหมายทั้งสิ้นของเราสัมฤทธิผล’ และกล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ‘จะถูกสร้างขึ้น’ และกล่าวถึงพระวิหารว่า ‘ฐานรากจะถูกวาง’”