อิสยาห์ 42:1-25
อิสยาห์ 42:1-25 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
“นี่คือผู้รับใช้ของเรา คนที่เราเสริมกำลังให้ นี่คือผู้ที่เราเลือกมา ผู้ที่เราชื่นชม เราได้ใส่พระวิญญาณของเราในเขา เขาจะนำความยุติธรรมมาให้กับชนชาติทั้งหลาย เขาจะไม่ตะโกนหรือขึ้นเสียง คนจะไม่ได้ยินเสียงร้องของเขาตามท้องถนน เขาจะไม่หักต้นอ้อที่ช้ำแล้ว เขาจะไม่ดับไส้ตะเกียงที่ริบหรี่แล้ว เขาจะนำความยุติธรรมมาจริงๆ เขาเองจะไม่ริบหรี่หรือชอกช้ำจนกว่าเขาจะนำความยุติธรรมมาสู่โลกนี้ ผู้คนแถบชายฝั่งทะเลและหมู่เกาะทั้งหลายต่างรอคอยคำสอนของเขา” นี่คือคำพูดของพระเจ้า พระยาห์เวห์ ผู้ที่สร้างท้องฟ้าและขึงพวกมันออก ผู้ที่ทุบโลกนี้ให้แผ่ออกมาและสร้างทุกสิ่งที่อยู่บนโลกนี้ ผู้ที่ให้ลมหายใจกับมนุษย์ที่อยู่บนโลก และให้ชีวิตกับทุกคนที่เดินอยู่บนมัน พระองค์พูดว่า “เรา ยาห์เวห์ ได้เรียกเจ้ามาเพื่อทำในสิ่งที่ถูกต้อง เราได้จูงมือเจ้าอยู่ เราได้ปกป้องเจ้า และได้แต่งตั้งเจ้าให้เป็นคนกลางแห่งคำมั่นสัญญาต่อมนุษย์ และเป็นแสงสว่างให้กับชนชาติต่างๆ จะให้เจ้าเปิดตาของคนตาบอด และนำพวกนักโทษออกมาจากคุกใต้ดิน คือปลดปล่อยคนเหล่านั้นที่นั่งอยู่ในคุกมืดให้เป็นอิสระ เราคือยาห์เวห์ นั่นคือชื่อของเรา เราจะไม่แบ่งเกียรติที่เราควรจะได้รับกับผู้อื่น จะไม่แบ่งคำสรรเสริญของเรากับพวกรูปเคารพ เหตุการณ์ที่ผ่านไป ที่เราได้ทำนายไว้ล่วงหน้าก็ได้เกิดขึ้นแล้ว และตอนนี้เรากำลังทำนายเรื่องใหม่ๆ เราจะบอกพวกเจ้าถึงเหตุการณ์เหล่านั้นก่อนที่มันจะงอกออกมา” ร้องเพลงใหม่ให้กับพระยาห์เวห์ ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์จากสุดปลายโลก ให้พวกท่านที่เป็นกะลาสีแห่งท้องทะเลและพวกสัตว์น้ำในท้องทะเลทั้งหมด สรรเสริญพระองค์เถิด ให้ชายฝั่งทะเลและหมู่เกาะทั้งหลายรวมทั้งผู้คนที่อยู่บนมัน สรรเสริญพระองค์เถิด ให้ทะเลทราย และเมืองต่างๆในทะเลทรายนั้นส่งเสียงร้องและสรรเสริญพระองค์เถิด รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆที่เผ่าเคดาร์อาศัยอยู่ ให้ชาวเมืองเสลาร้องเพลงด้วยความยินดี ให้พวกเขาร้องตะโกนลงมาจากยอดเขา ให้พวกเขาถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์ ให้พวกเขาสรรเสริญพระองค์ตามชายฝั่งทะเลและหมู่เกาะทั้งหลาย พระยาห์เวห์ออกไปสู้รบอย่างคนที่แข็งแรง พระองค์ปลุกเร้าความโกรธให้พุ่งพล่านขึ้นเหมือนกับนักรบ พระยาห์เวห์ร้องออกมา พระองค์ร้องประจัญบาน พระองค์เอาชนะต่อศัตรูของพระองค์ พระองค์จะพูดว่า “เราเงียบมาเป็นเวลานานแล้ว เราได้อยู่เฉยๆและได้ยับยั้งตัวเองไว้ แต่เดี๋ยวนี้ เราจะร้องเหมือนกับผู้หญิงกำลังคลอดลูก เราจะหายใจหอบและใจเต้นถี่รัว เราจะทำลายภูเขาและเนินเขาต่างๆ เราจะทำให้พืชผักทั้งหมดของพวกมันเหี่ยวแห้งไป เราจะทำให้พวกแม่น้ำกลายเป็นดินแห้ง เราจะทำให้พวกสระแห้งไป เราจะจูงคนตาบอดไปตามถนนที่พวกเขาไม่รู้จัก เราจะนำพวกเขาไปตามพวกทางที่พวกเขาไม่เคยเดินมาก่อน เราจะทำให้ความมืดมิดที่อยู่ต่อหน้าพวกเขากลายเป็นความสว่าง และทำที่ขรุขระให้เป็นที่ราบ เราจะทำสิ่งเหล่านี้และเราจะไม่ทอดทิ้งพวกเขา แต่คนพวกนั้นที่พึ่งในพวกรูปแกะสลัก คนที่พูดกับรูปหล่อพวกนั้นว่า ‘พวกท่านเป็นพระของเรา’ คนพวกนี้จะหันกลับ พวกเขาจะต้องอับอายขายหน้าที่สุด พระยาห์เวห์พูดว่า เจ้าหูหนวก ฟังให้ดี เจ้าตาบอด ดูซิ จะได้เห็น ใครตาบอดหรือ ก็ไม่ใช่ผู้รับใช้ของเราหรอกหรือ ใครหูหนวกเท่ากับผู้ส่งข่าวของเราหรือ ใครจะตาบอดเท่ากับผู้ที่อุทิศตัวให้กับเราหรือ หรือตาบอดเท่ากับผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์หรือ เจ้าเห็นหลายสิ่ง แต่ไม่ได้สังเกต หูของเขาเปิดอยู่ แต่เขาไม่ได้ฟัง” ตอนนั้นพระยาห์เวห์ต้องการที่จะทำให้คำสั่งสอนของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่และได้รับเกียรติ เพื่อคนจะได้เห็นว่าพระองค์นั้นยุติธรรม คนพวกนี้ถูกขโมยและถูกปล้น พวกเขาทุกคนแอบอยู่ในหลุมติดอยู่ที่นั่นและซ่อนอยู่ในคุก พวกเขาตกเป็นของที่ปล้นมาได้โดยไม่มีใครมาช่วยกู้เขา พวกเขาถูกริบไป โดยไม่มีใครพูดว่า “เอาคืนมาซะ” จะมีใครในพวกเจ้าได้รับบทเรียนจากเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ใครจะสนใจและตั้งใจฟังในอนาคต ใครมอบยาโคบไปให้กับผู้ริบ หรือมอบอิสราเอลไปให้กับผู้ปล้น ก็พระยาห์เวห์นี่แหละ เพราะพวกเราทำบาปต่อพระองค์ คนของเราไม่ยอมเดินในทางของพระองค์ พวกเขาไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระองค์ พระองค์ก็เลยเทความโกรธแค้นอันร้อนแรงของพระองค์ พร้อมกับสงครามอันดุเดือดเลือดพล่านลงบนเขา มันทำให้เกิดไฟล้อมรอบเขา แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี มันเผาไหม้เขา แต่เขาก็ไม่ได้บทเรียนอะไรเลย
อิสยาห์ 42:1-25 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
ดูสิ ผู้รับใช้ของเรา ผู้ซึ่งเราเชิดชู ผู้เลือกสรรของเรา ผู้ซึ่งใจเราปีติยินดี เราเอาวิญญาณของเราใส่ไว้บนท่าน ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปยังบรรดาประชาชาติ ท่านจะไม่ร้องเสียงดังหรือเปล่งเสียงของท่าน หรือทำให้เสียงของท่านได้ยินตามถนน ไม้อ้อช้ำแล้ว ท่านจะไม่หัก และไส้ตะเกียงริบหรี่นั้น ท่านจะไม่ดับ ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปด้วยความซื่อสัตย์ ท่านจะไม่อ่อนล้าหรือชอกช้ำ จนกว่าท่านจะสถาปนาความยุติธรรมไว้ในโลก และแผ่นดินชายทะเลรอคอยธรรมบัญญัติของท่าน พระยาห์เวห์พระเจ้า ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และทรงขึงมันไว้ ผู้ทรงแผ่แผ่นดินโลกและสิ่งที่บังเกิดออกมาจากโลก ผู้ประทานลมหายใจแก่ประชาชนบนโลก และประทานวิญญาณแก่ผู้ดำเนินอยู่บนโลก ตรัสดังนี้ว่า “เราคือยาห์เวห์ เราเรียกเจ้ามาด้วยความชอบธรรม เราฉวยมือเจ้าและรักษาเจ้าไว้ เราให้เจ้าเป็นเหมือนพันธสัญญาแก่มนุษยชาติ และเป็นความสว่างแก่บรรดาประชาชาติ เพื่อเปิดตาคนตาบอดทั้งหลาย เพื่อนำผู้ถูกจำจองออกจากคุก นำผู้นั่งในความมืดออกจากเรือนจำ เราคือยาห์เวห์ นั่นเป็นนามของเรา เราไม่ให้สง่าราศีของเราแก่ผู้อื่น หรือให้คำที่สรรเสริญเราแก่รูปแกะสลัก ดูสิ สิ่งล่วงเลยมาแล้วนั้นก็สำเร็จ และเราก็ประกาศถึงสิ่งใหม่ๆ ก่อนที่สิ่งเหล่านั้นจะบังเกิดขึ้น เราได้เล่าให้ฟังแล้ว” จงร้องเพลงบทใหม่ถวายพระยาห์เวห์ ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์จากปลายแผ่นดินโลก พวกท่านที่ไปตามทะเล และบรรดาสิ่งที่อยู่ในนั้น ทั้งแผ่นดินชายทะเลและพวกอาศัยอยู่ที่นั่น จงให้ถิ่นทุรกันดารและเมืองในนั้นเปล่งเสียง ทั้งชนบทที่ชาวเคดาร์อาศัยอยู่ จงให้ผู้อาศัยของเส-ลาร้องเพลงด้วยความชื่นบาน ให้พวกเขาโห่ร้องมาจากยอดเขา ให้พวกเขาถวายพระสิริแด่พระยาห์เวห์ และถวายสรรเสริญพระองค์ในแผ่นดินชายทะเล พระยาห์เวห์จะเสด็จออกไปอย่างผู้กล้า พระองค์ทรงเร้าความกระตือรือร้นขึ้นอย่างนักรบ พระองค์ทรงร้อง พระองค์ทรงโห่ดัง พระองค์ทรงสำแดงอานุภาพต่อปฏิปักษ์ของพระองค์ เราเงียบมานานแล้ว เรานิ่งอยู่และเหนี่ยวรั้งตัวเองไว้ บัดนี้เราจะร้องออกมาเหมือนผู้หญิงกำลังคลอดลูก เราจะหายใจถี่และหอบ เราจะทำให้ภูเขาและเนินเขาเป็นที่ร้าง และให้พืชและหญ้าของมันเหี่ยวแห้งทั้งหมด เราจะทำให้แม่น้ำกลายเป็นชายฝั่งทะเล และทำให้สระน้ำแห้งไป เราจะนำคนตาบอดทั้งหลาย ไปในทางที่เขาทั้งหลายไม่รู้จัก เราจะพาเขาเดินไป ในวิถีที่เขาไม่รู้จัก เราจะให้ความมืดข้างหน้าพวกเขากลับเป็นความสว่าง ทำที่ขรุขระให้เป็นที่ราบ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราจะทำ และเราจะไม่ละเลยสิ่งเหล่านี้ พวกเขาจะหันกลับ และต้องขายหน้าอย่างที่สุด คือพวกที่วางใจในรูปแกะสลัก พวกที่พูดกับรูปหล่อด้วยโลหะว่า “ท่านทั้งหลายเป็นพระของพวกเรา” จงฟังสิ พวกเจ้าคนหูหนวก และจงมองดูสิ พวกเจ้าคนตาบอด เพื่อจะได้เห็น ใครเป็นคนตาบอด ถ้าไม่ใช่ผู้รับใช้ของเรา? หรือใครหูหนวกเช่นเดียวกับทูตของเราที่เราใช้ไป? ใครตาบอดเช่นเดียวกับผู้ผูกพันกับเรา? หรือตาบอดเช่นเดียวกับผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์? เจ้าเห็นหลายอย่าง แต่ไม่ได้สังเกต หูของเจ้าผึ่ง แต่ไม่ได้ยิน พระยาห์เวห์พอพระทัยเพราะเห็นแก่ความชอบธรรมของพระองค์ ที่จะทำให้ธรรมบัญญัตินั้นยิ่งใหญ่และมีเกียรติ แต่นี่เป็นประชาชนที่ถูกริบและถูกปล้น เขาทุกคนติดกับดักอยู่ในหลุม และซ่อนตัวอยู่ในเรือนจำ เขาตกเป็นของริบโดยไม่มีใครช่วยให้รอด ถูกปล้นโดยไม่มีใครพูดว่า “คืนให้สิ” มีใครในพวกท่านจะเงี่ยหูฟังเรื่องนี้? หรือจะตั้งใจรับฟังในภายหน้า? ใครมอบยาโคบให้แก่ผู้ปล้น และอิสราเอลให้แก่ผู้ริบ? คือพระยาห์เวห์ผู้ที่เราทำบาปต่อพระองค์ไม่ใช่หรือ? ด้วยพวกเขาไม่ยอมดำเนินในทางของพระองค์ ทั้งไม่เชื่อฟังธรรมบัญญัติของพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงทรงเทพระพิโรธรุนแรงลงมาบนเขา รวมทั้งความน่ากลัวของสงคราม มันทำให้เขาติดไฟรอบๆ ตัว แต่เขายังไม่เข้าใจ มันไหม้เขา แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ
อิสยาห์ 42:1-25 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
จงดูผู้รับใช้ของเรา ผู้ซึ่งเราเชิดชู ผู้เลือกสรรของเรา ผู้ซึ่งใจเราปีติยินดี เราได้เอาวิญญาณของเราสวมท่านไว้แล้ว ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปให้แก่บรรดาประชาชาติ ท่านจะไม่ร้องหรือเปล่งเสียงของท่าน หรือกระทำให้ได้ยินเสียงของท่านตามถนน ไม้อ้อช้ำแล้วท่านจะไม่หัก และไส้ตะเกียงที่ลุกริบหรี่อยู่ท่านจะไม่ดับ ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปด้วยความจริง ท่านจะไม่ล้มเหลวหรือท้อแท้จนกว่าท่านจะสถาปนาความยุติธรรมไว้ในโลก และเกาะทั้งหลายจะรอคอยพระราชบัญญัติของท่าน พระเจ้า คือ พระเยโฮวาห์ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และทรงขึงมัน ผู้ทรงแผ่แผ่นดินโลกและสิ่งที่บังเกิดจากโลกออกไป ผู้ทรงประทานลมหายใจแก่ประชาชนที่บนโลก และจิตวิญญาณแก่ผู้ดำเนินอยู่บนโลก ตรัสดังนี้ว่า “เราคือพระเยโฮวาห์ เราได้เรียกเจ้ามาด้วยความชอบธรรม เราจะยึดมือเจ้าและจะรักษาเจ้าไว้ เราจะให้เจ้าเป็นตัวพันธสัญญาของมนุษยชาติ เป็นความสว่างแก่บรรดาประชาชาติ เพื่อเบิกตาคนที่ตาบอด เพื่อนำผู้ถูกจองจำออกมาจากคุก นำผู้ที่นั่งในความมืดออกมาจากเรือนจำ เราคือเยโฮวาห์ นั่นเป็นนามของเรา สง่าราศีของเรา เรามิได้ให้แก่ผู้อื่น หรือให้คำที่สรรเสริญเราแก่รูปแกะสลัก ดูเถิด สิ่งล่วงแล้วนั้นก็สำเร็จแล้ว และเราก็แจ้งสิ่งใหม่ๆ ก่อนที่สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นเราก็ได้เล่าให้ฟังแล้ว” จงร้องเพลงบทใหม่ถวายพระเยโฮวาห์ จงสรรเสริญพระองค์จากปลายแผ่นดินโลก ทั้งผู้ที่ลงไปยังทะเล และบรรดาสิ่งที่อยู่ในนั้น ทั้งเกาะทั้งหลายและชาวถิ่นนั้น จงให้ถิ่นทุรกันดารและหัวเมืองในนั้นเปล่งเสียง ทั้งชนบทที่เคดาร์อาศัยอยู่ จงให้ชาวศิลาร้องเพลง ให้เขาโห่ร้องมาจากยอดภูเขา จงให้เขาถวายสง่าราศีแด่พระเยโฮวาห์ และถวายสรรเสริญพระองค์ในเกาะทั้งหลาย พระเยโฮวาห์จะเสด็จออกไปอย่างคนแกล้วกล้า พระองค์จะทรงเร้าความหึงหวงของพระองค์ขึ้นอย่างนักรบ พระองค์จะทรงร้อง พระองค์จะทรงโห่ดัง พระองค์จะทรงมีชัยต่อศัตรูของพระองค์ เราได้นิ่งอยู่นานแล้ว เราเงียบอยู่และรั้งตนเองไว้ บัดนี้เราจะร้องออกมาเหมือนผู้หญิงกำลังคลอดบุตร เราจะสังหารผลาญและทำลายสิ้นทันที เราจะทิ้งภูเขาและเนินให้ร้าง และให้บรรดาพืชผักบนนั้นแห้งไป เราจะให้แม่น้ำกลายเป็นเกาะ และจะให้สระแห้งไป เราจะจูงคนตาบอดไปในทางที่เขาทั้งหลายไม่รู้จัก เราจะนำเขาไปในทางทั้งหลายที่เขาไม่รู้จัก เราจะให้ความมืดข้างหน้าเขากลับเป็นสว่าง สิ่งที่คดให้ตรง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราจะกระทำแก่พวกเขา และเราจะไม่ละทิ้งพวกเขา เขาทั้งหลายจะหันกลับ และจะต้องขายหน้าอย่างที่สุด คือผู้ที่วางใจในรูปแกะสลัก ผู้ที่กล่าวแก่รูปเคารพหล่อว่า “ท่านเป็นพระของเรา” ท่านผู้หูหนวกเอ๋ย ฟังซิ และท่านผู้ตาบอดเอ๋ย มองซิ เพื่อท่านจะเห็นได้ ใครเป็นคนตาบอด ก็ผู้รับใช้ของเราน่ะซิ หรือใครหูหนวกอย่างกับทูตของเราที่เราใช้ไป ใครตาบอดอย่างผู้ที่สมบูรณ์แล้ว หรือตาบอดอย่างผู้รับใช้ของพระเยโฮวาห์ เจ้าเห็นหลายอย่าง แต่มิได้สังเกต หูของเขาเปิดแล้ว แต่เขามิได้ยิน เพราะเห็นแก่ความชอบธรรมของพระองค์ พระเยโฮวาห์ทรงพอพระทัย ที่จะเชิดชูพระราชบัญญัติและกระทำให้พระราชบัญญัตินั้นมีเกียรติ แต่นี่เป็นชนชาติที่ถูกขโมยและถูกปล้น เขาทุกคนติดอยู่ในรูและซ่อนอยู่ในคุก เขาตกเป็นเหยื่อซึ่งไม่มีผู้ใดช่วยให้พ้น เป็นของริบซึ่งไม่มีผู้ใดพูดว่า “คืนซิ” ผู้ใดในพวกเจ้าจะเงี่ยหูฟังในเรื่องนี้ ที่จะมุ่งหน้าตั้งใจฟังในอนาคต ใครมอบยาโคบให้แก่ผู้ริบ และอิสราเอลให้แก่ผู้ปล้น ไม่ใช่พระเยโฮวาห์หรือ ผู้ซึ่งเราได้ทำบาปต่อ ซึ่งเขาไม่ยอมดำเนินในทางของพระองค์ และซึ่งเขามิได้เชื่อฟังพระราชบัญญัติของพระองค์ ฉะนั้นพระองค์จึงทรงหลั่งความโกรธจัดลงมาบนเขา และหลั่งอานุภาพของสงคราม ทำให้เขาติดเพลิงอยู่โดยรอบ แต่เขาไม่รู้ มันไหม้เขา แต่เขามิได้เอาใจใส่
อิสยาห์ 42:1-25 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
จงดูผู้รับใช้ของเรา ผู้ซึ่งเราเชิดชู ผู้เลือกสรรของเรา ผู้ซึ่งใจเราปีติยินดี เราได้เอาวิญญาณของเราสวมท่านไว้แล้ว ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปให้แก่บรรดาประชาชาติ ท่านจะไม่ร้องหรือเปล่งเสียงของท่าน หรือกระทำให้ได้ยินในถนน ไม้อ้อช้ำแล้วท่านจะไม่หัก และไส้ตะเกียงที่ลุกริบหรี่อยู่ท่านจะไม่ดับ ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปด้วยความสัตย์จริง ท่านจะไม่ริบหรี่หรือชอกช้ำ จนกว่าท่านจะสถาปนาความยุติธรรมไว้ในโลก และแผ่นดินชายทะเลรอคอยพระธรรมของท่าน พระเจ้า คือ พระเยโฮวาห์ ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และทรงขึงมัน ผู้ทรงแผ่แผ่นดินโลกและสิ่งที่บังเกิดจากโลกออกไป ผู้ประทานลมหายใจแก่ประชาชนที่บนโลก และจิตวิญญาณแก่ผู้ดำเนินอยู่บนโลก ตรัสดังนี้ว่า <<เราคือพระเจ้า เราได้เรียกเจ้ามาด้วยความชอบธรรม เราได้ยุดเจ้าและรักษาเจ้าไว้ เราได้ให้เจ้าเป็นตัวพันธสัญญาของมนุษยชาติ เป็นความสว่างแก่บรรดาประชาชาติ เพื่อเบิกตาคนที่ตาบอด เพื่อนำผู้ถูกจำจองออกมาจากคุก นำผู้ที่นั่งในความมืดออกมาจากเรือนจำ เราคือเยโฮวาห์ นั่นเป็นนามของเรา พระสิริของเรา เรามิได้ให้แก่ผู้อื่น หรือให้คำที่สรรเสริญเราแก่รูปแกะสลัก ดูเถิด สิ่งล่วงแล้วนั้นก็สำเร็จแล้ว และเราก็แจ้งสิ่งใหม่ๆ ก่อนที่สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้น เราก็ได้เล่าให้ฟังแล้ว จงร้องเพลงบทใหม่ถวายพระเจ้า เพลงยอพระเกียรติของพระองค์จากปลายแผ่นดินโลก ทั้งผู้ที่ไปทะเล และบรรดาสิ่งที่อยู่ในนั้น ทั้งแผ่นดินชาวทะเลและชาวถิ่นนั้น จงให้ถิ่นทุรกันดารและหัวเมืองในนั้นเปล่งเสียง ทั้งชนบทที่เคดาร์อาศัยอยู่ จงให้ชาวเส-ลาร้องเพลงด้วยความชื่นบาน ให้เขาโห่ร้องมาจากยอดภูเขา จงให้เขาถวายพระสิริแด่พระเจ้า และถวายสรรเสริญพระองค์ในแผ่นดินทะเลทราย พระเจ้าเสด็จออกไปอย่างคนแกล้วกล้า พระองค์ทรงเร้าความกระตือรือร้นของพระองค์ขึ้นอย่างนักรบ พระองค์ทรงร้อง พระองค์ทรงโห่ดัง พระองค์ทรงแผลงฤทธิ์ต่อศัตรูของพระองค์ เราได้นิ่งอยู่นานแล้ว เราเงียบอยู่และรั้งตนเองไว้ บัดนี้เราจะร้องออกมาเหมือนผู้หญิงกำลังคลอดบุตร เราจะหายใจถี่และหอบ เราจะทิ้งภูเขาและเนินให้ร้าง และให้พืชผักบนนั้นแห้งไป เราจะให้แม่น้ำกลายเป็นเกาะ และให้สระแห้งไป เราจะจูงคนตาบอด ไปในทางที่เขาทั้งหลายไม่รู้จัก เราจะนำเขาไป ในทางทั้งหลายที่เขาไม่รู้จัก เราจะให้ความมืดข้างหน้าเขากลับเป็นสว่าง ที่ขรุขระให้เป็นที่ราบ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราควรจะกระทำ และเราจะไม่ละทิ้งสิ่งเหล่านี้ เขาทั้งหลายจะหันกลับ และต้องขายหน้าอย่างที่สุด คือผู้ที่วางใจในรูปแกะสลัก ผู้ที่กล่าวแก่รูปเคารพหล่อว่า <<ท่านเป็นพระของเรา>> ท่านผู้หูหนวกเอ๋ย ฟังซิ และท่านผู้ตาบอดเอ๋ย มองซิ เพื่อท่านจะเห็นได้ ใครเป็นคนตาบอด ก็ผู้รับใช้ของเราน่ะซิ หรือใครหูหนวกอย่างกับทูตของเราที่เราใช้ไป ใครตาบอดอย่างผู้ที่รับมาครบแล้ว หรือตาบอดอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า เจ้าเห็นหลายอย่าง แต่มิได้สังเกต หูของเขาผึ่ง แต่เขามิได้ยิน เพราะเห็นแก่ความชอบธรรมของพระองค์ พระเจ้าทรงพอพระทัย ที่จะเชิดชูพระธรรมและกระทำให้พระธรรมนั้นมีเกียรติ แต่นี่เป็นชนชาติที่ถูกขโมยและถูกปล้น เขาทุกคนติดอยู่ในรู และซ่อนอยู่ในคุก เขาตกเป็นเหยื่อซึ่งไม่มีผู้ใดช่วยให้รอด เป็นของริบซึ่งไม่มีผู้ใดพูดว่า <<คืนซิ>> ผู้ใดในพวกเจ้าจะเงี่ยหูฟังในเรื่องนี้ ที่จะมุ่งหน้าตั้งใจฟัง ใครมอบยาโคบให้แก่ผู้ริบ และอิสราเอลให้แก่ผู้ปล้น ไม่ใช่พระเจ้าหรือ ผู้ซึ่งเราได้ทำบาปต่อ ซึ่งเขาไม่ยอมดำเนินในทางของพระองค์ และซึ่งเขามิได้เชื่อฟังพระธรรมของพระองค์ ฉะนั้นพระองค์จึงทรงหลั่งความโกรธจัดลงมาบนเขา และหลั่งอานุภาพของสงคราม ทำให้เขาติดเพลิงอยู่โดยรอบ แต่เขาไม่เข้าใจ มันไหม้เขา แต่เขามิได้เอาใจใส่
อิสยาห์ 42:1-25 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
“นี่คือผู้รับใช้ของเรา ซึ่งเราเชิดชู ผู้ที่เราเลือกสรรไว้ ซึ่งเราชื่นชม เราจะส่งวิญญาณของเราลงมาเหนือเขา และเขาจะนำความยุติธรรมไปถึงบรรดาประชาชาติ เขาจะไม่ตะโกนหรือส่งเสียงร้อง ไม่ส่งเสียงดังกลางถนน ไม้อ้อช้ำแล้ว เขาจะไม่หัก ไส้ตะเกียงที่ริบหรี่ เขาจะไม่ดับ เขาจะนำความยุติธรรมมาอย่างซื่อสัตย์ เขาจะไม่สะดุดหรือท้อถอย จนกว่าจะได้สถาปนาความยุติธรรมขึ้นในโลก หมู่เกาะจะฝากความหวังไว้ที่บทบัญญัติของเขา” นี่คือพระดำรัสของพระเจ้าพระยาห์เวห์ พระองค์ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และคลี่มันออก ผู้ทรงแผ่แผ่นดินโลกและสรรพสิ่งที่บังเกิดจากโลก ผู้ประทานลมปราณแก่มนุษย์ และประทานชีวิตแก่ทุกคนในโลก “เรา พระยาห์เวห์ ได้เรียกเจ้ามาด้วยความชอบธรรม เราจะจับมือเจ้าไว้ เราจะคุ้มครองเจ้า และทำให้เจ้าเป็นพันธสัญญาสำหรับเหล่าประชากร และเป็นแสงสว่างแก่บรรดาชนต่างชาติ ให้เบิกตาของคนตาบอด ปลดปล่อยเชลยจากคุก และช่วยนำผู้ที่นั่งอยู่ในความมืดออกจากที่คุมขัง “เราคือพระยาห์เวห์ นี่เป็นนามของเรา! เกียรติสิริของเรา เราจะไม่ยกให้ใครอื่น และคำสรรเสริญยกย่องของเรา เราจะไม่ให้แก่รูปเคารพต่างๆ ดูเถิด สิ่งที่เราลั่นวาจาไว้ตั้งแต่แรกได้เกิดขึ้นแล้ว และเราประกาศสิ่งใหม่ๆ ตั้งแต่สิ่งเหล่านั้นยังไม่เกิดขึ้น เราก็ประกาศแก่พวกเจ้าทั้งหลายแล้ว” จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า จงสรรเสริญพระองค์จากสุดปลายแผ่นดินโลก ท่านผู้ไปยังทะเล และสรรพสิ่งในทะเล เกาะแก่งทั้งหลาย และคนทั้งปวงผู้อาศัยอยู่ที่นั่น ถิ่นกันดารและเมืองต่างๆ จงเปล่งเสียง ถิ่นฐานทั้งหลายที่ชาวเคดาร์อาศัยอยู่จงชื่นบาน ชาวเสลาจงร้องเพลงเบิกบาน ให้พวกเขาโห่ร้องจากยอดเขา ให้พวกเขาถวายพระเกียรติสิริแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และเปล่งเสียงสรรเสริญพระองค์ในเกาะแก่งทั้งหลาย องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาเยี่ยงบุรุษผู้เกรียงไกร พระองค์ทรงกระตือรือร้นเฉกเช่นนักรบ ทรงโห่ร้องเอาชัย และพิชิตเหล่าศัตรูของพระองค์ “เรานิ่งอั้นไว้นานแล้ว เราเงียบอยู่และสะกดใจไว้ แต่บัดนี้ เราร้องออกมาดั่งหญิงคลอดลูก เราหายใจถี่และหอบ เราจะทำลายภูเขาและเนินเขาต่างๆ ให้พืชพันธุ์ทั้งหลายในที่เหล่านั้นเหี่ยวแห้ง เราจะทำให้แม่น้ำกลายเป็นเกาะ และให้สระทั้งหลายแห้งเหือด เราจะนำคนตาบอดไปตามทางที่พวกเขาไม่รู้จัก เราจะพาพวกเขาไปตามเส้นทางที่พวกเขาไม่คุ้นเคย เราจะเปลี่ยนความมืดให้เป็นความสว่างต่อหน้าพวกเขา และทำที่ขรุขระให้ราบเรียบ เราจะทำสิ่งเหล่านี้ เราจะไม่ทอดทิ้งเขาเลย ส่วนบรรดาผู้ที่วางใจในรูปเคารพ ผู้ที่พูดกับเทวรูปว่า ‘ท่านเป็นเทพเจ้าของเรา’ เราจะทำให้เขาหันกลับไปอย่างน่าอัปยศอดสูที่สุด “ฟังเถิด คนหูหนวกเอ๋ย มองเถิด คนตาบอดเอ๋ย และจงเห็น! ใครเล่าตาบอดนอกจากผู้รับใช้ของเรา? ใครเล่าหูหนวกเหมือนผู้สื่อสารที่เราส่งไป? ใครเล่าตาบอดเหมือนผู้ที่ถวายตัวต่อเรา? ใครเล่าตาบอดเหมือนผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า? เจ้าได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ไม่ใส่ใจ หูเจ้าเปิดกว้าง แต่ไม่ได้ยินอะไร” องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย ที่จะทำให้บทบัญญัติของพระองค์ยิ่งใหญ่และมีเกียรติ เพื่อเห็นแก่ความชอบธรรมของพระองค์ แต่นี่เป็นชนชาติที่ถูกปล้นและตกเป็นเชลย พวกเขาล้วนตกอยู่ในหลุมพราง หรือหลบซ่อนอยู่ในคุก พวกเขาถูกปล้น โดยไม่มีใครช่วย พวกเขาตกเป็นเชลย โดยไม่มีใครพูดว่า “ปล่อยพวกเขากลับไป” ใครบ้างในพวกท่านจะรับฟังเรื่องนี้ หรือใส่ใจกับอนาคตที่จะมาถึง? ใครเล่ายอมให้ยาโคบตกเป็นเชลย และให้อิสราเอลถูกปล้น? ไม่ใช่องค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ซึ่งพวกเราทำบาปต่อพระองค์หรอกหรือ? เพราะพวกเขาไม่ทำตามวิถีทางของพระองค์ ไม่เชื่อฟังบทบัญญัติของพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงทรงระบายพระพิโรธอันรุนแรง คือสงครามอันดุเดือดให้ตกแก่เขา ให้เขาตกอยู่ในเปลวไฟ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ ไฟเผาผลาญเขา แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ
อิสยาห์ 42:1-25 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
ดูเถิด ผู้รับใช้ของเรา ผู้ที่เราค้ำจุน ผู้ที่เราเลือก ซึ่งเป็นผู้ที่จิตวิญญาณของเราชื่นชม เราได้มอบวิญญาณของเราไว้ให้ท่าน ท่านจะให้ความยุติธรรมแก่บรรดาประชาชาติ ท่านจะไม่ร้องเสียงดังหรือเปล่งเสียง หรือให้ผู้คนได้ยินที่ถนน ไม้อ้อที่หักแล้วท่านจะไม่ทำลาย และไส้ตะเกียงที่ริบหรี่ท่านจะไม่ทำให้ดับ ท่านจะตัดสินด้วยความยุติธรรม ท่านจะไม่สิ้นกำลังหรือท้อใจ จนกว่าท่านสถาปนาความยุติธรรมบนแผ่นดินโลก และหมู่เกาะต่างๆ รอรับคำแนะนำของท่าน” พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า พระองค์สร้างฟ้าสวรรค์ให้แผ่กว้างออกไป ผู้แผ่แผ่นดินโลกและทุกสิ่งที่มีอยู่ในนั้น ผู้ประทานลมหายใจแก่ประชาชนบนโลก และประทานวิญญาณแก่บรรดาผู้ที่เดินอยู่บนนั้น กล่าวดังนี้ว่า “เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราได้เรียกเจ้าตามความชอบธรรม เราจะจูงมือเจ้าและรับเจ้าไว้ เพื่อเป็นพันธสัญญาสำหรับชนชาติ และเป็นแสงสว่างแก่บรรดาประชาชาติ เพื่อเปิดตาที่มืดบอด เพื่อพาบรรดานักโทษออกจากคุกใต้ดิน และบรรดาผู้ที่นั่งอยู่ในความมืดออกจากที่คุมขัง เราคือพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นชื่อของเรา เราจะไม่มอบบารมีของเราให้แก่ผู้ใด ไม่มอบคำสรรเสริญของเราให้แก่รูปเคารพสลักใดๆ ดูเถิด เหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาได้เกิดขึ้นแล้ว และบัดนี้เราประกาศให้รู้ถึงเรื่องใหม่ๆ เราบอกให้พวกเจ้ารู้ ก่อนที่จะเกิดขึ้น” จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์จากทุกมุมโลก ให้ทะเลและสรรพสิ่งที่อยู่ในนั้น หมู่เกาะต่างๆ และบรรดาผู้อยู่อาศัยในนั้น ให้ถิ่นทุรกันดารและเมืองต่างๆ ส่งเสียงร้อง หมู่บ้านต่างๆ ที่เคดาร์อาศัยอยู่ ให้บรรดาผู้อยู่อาศัยของเส-ลาร้องเพลงถวายด้วยความยินดี ให้พวกเขาเปล่งเสียงดังจากยอดเขา ให้พวกเขาถวายเกียรติแด่พระผู้เป็นเจ้า และประกาศคำสรรเสริญแด่พระองค์ในหมู่เกาะต่างๆ พระผู้เป็นเจ้าเดินออกไปอย่างผู้มีมหิทธานุภาพ พระองค์กระตุ้นความรักอันแรงกล้าอย่างนักรบ พระองค์ร้องขึ้นและเปล่งเสียง พระองค์แสดงอานุภาพของพระองค์ต่อพวกศัตรูของพระองค์ “เราเงียบมาเป็นเวลายาวนาน เรานิ่งเฉยและยับยั้งตัวเอง เราจะส่งเสียงร้องอย่างหญิงเจ็บครรภ์ เราจะหายใจอ้าปากและกระหืดกระหอบ เราจะทำลายเทือกเขาและเนินเขา และทำให้พืชผักเหี่ยวแห้ง เราจะทำให้แม่น้ำกลายเป็นหมู่เกาะต่างๆ และทำให้แหล่งน้ำเหือดแห้ง และเราจะนำคนตาบอด ไปในทางที่พวกเขาไม่รู้ เราจะนำพวกเขาไป ในวิถีทางที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน เราจะทำให้ความมืดที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นแสงสว่าง ทำที่ขรุขระให้เรียบราบ เราจะทำสิ่งเหล่านี้ และเราไม่ทอดทิ้งพวกเขา แต่บรรดาผู้ที่วางใจในรูปเคารพสลัก คือพวกที่พูดกับรูปเคารพที่หล่อขึ้นว่า ‘ท่านเป็นพระเจ้าของเรา’ คนเหล่านี้จะหันกลับในความอับอาย จงฟังเถิด พวกเจ้าที่หูหนวก และดูเถิด พวกเจ้าที่ตาบอด เพื่อเจ้าจะได้เห็น ใครตาบอดนอกจากผู้รับใช้ของเรา หรือหูหนวกเช่นเดียวกับผู้ส่งสาสน์ของเราที่เราใช้ไป ใครตาบอดเช่นเดียวกับผู้มีสันติสุข หรือตาบอดเช่นเดียวกับผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า เจ้าเห็นหลายสิ่ง แต่ไม่ใส่ใจ หูของเจ้าเปิด แต่เจ้าไม่ได้ยิน” เพื่อความชอบธรรมของพระองค์ พระผู้เป็นเจ้ายินดีที่จะให้กฎบัญญัติของพระองค์เป็นที่ประจักษ์และ ยิ่งใหญ่ แต่นี่เป็นชนชาติที่ถูกปล้นและยึดมา พวกเขาทุกคนถูกกับดักอยู่ในหลุม และถูกซ่อนอยู่ในคุก พวกเขากลายเป็นของปล้นที่ไม่มีใครช่วยเหลือได้ เป็นทรัพย์ที่ถูกปล้นที่ไม่มีใครพูดว่า “คืนให้ไป” ใครในพวกท่านที่จะเงี่ยหูฟังเรื่องนี้ จะตั้งใจฟังสิ่งที่จะเกิดขึ้น ใครมอบยาโคบให้แก่นักปล้น หรือมอบอิสราเอลให้แก่พวกปล้นสะดม พวกเรากระทำบาปต่อพระผู้เป็นเจ้ามิใช่หรือ เมื่อพวกเขาไม่ดำเนินชีวิตในวิถีทางของพระองค์ และไม่เชื่อฟังกฎบัญญัติของพระองค์ พระองค์จึงหลั่งความกริ้วอันร้อนแรง และความรุนแรงของสงครามของพระองค์บนตัวเขา ทำให้รอบตัวของเขาลุกเป็นไฟ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ ไฟไหม้ตัวเขาอยู่ แต่เขาก็ยังไม่ใส่ใจ