อิสยาห์ 30:1-33
อิสยาห์ 30:1-33 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
“วิบัติแก่ลูกหลานที่กบฏ” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ “ผู้วางแผนงาน แต่ไม่ใช่ของเรา ผู้ทำสนธิสัญญา แต่ไม่ใช่ตามความประสงค์ของเรา เพื่อเพิ่มบาปซ้อนบาป พวกเดินทางไปยังอียิปต์ โดยไม่ได้ปรึกษาเรา เพื่อจะไปลี้ภัยในการคุ้มครองของฟาโรห์ และจะหาที่กำบังใต้ร่มเงาของอียิปต์ เพราะฉะนั้น การคุ้มครองของฟาโรห์จะกลายเป็นความอายของเจ้า และที่กำบังใต้ร่มเงาของอียิปต์จะกลายเป็นความขายหน้าของเจ้า เพราะแม้ว่าพวกเจ้านายของเขาอยู่ที่โศอัน และบรรดาทูตของเขาไปถึงฮาเนส ทุกคนได้รับความอับอาย โดยชนชาติหนึ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเขา ซึ่งไม่ได้นำความช่วยเหลือหรือประโยชน์มาให้ นำแต่ความอายและความขายหน้า (ครุวาทเรื่องสัตว์ป่าแห่งเนเกบ) ไปตามแผ่นดินแห่งความลำบากและแสนระทม ที่ซึ่งนางสิงโตและสิงโตตัวผู้ออกมา ทั้งงูกะปะ และงูแมวเซา เขาทั้งหลายบรรทุกทรัพย์สมบัติของเขาบนหลังลา และบรรทุกทรัพย์สินของเขาบนโหนกอูฐ ไปยังชนชาติหนึ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเขา เพราะว่าความช่วยเหลือของอียิปต์นั้นไร้ผลและเปล่าประโยชน์ เพราะฉะนั้น เราจึงเรียกเขาว่า ราหับที่นั่งเฉย บัดนี้ จงไปเถอะ และเขียนลงบนแผ่นจารึกต่อหน้าเขา และบันทึกไว้ในหนังสือ เพื่อว่าในเวลาข้างหน้าที่จะมาถึง มันจะเป็นสักขีพยานตลอดไป เพราะว่าเขาเป็นประชาชนที่กบฏ เป็นลูกหลานที่พูดปด เป็นลูกหลานที่ไม่ยอมเชื่อฟัง ธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ พวกเขากล่าวกับผู้ทำนายว่า “อย่าเห็นเลย” และกล่าวกับผู้พยากรณ์ว่า “อย่าพยากรณ์สิ่งถูกต้องแก่เรา จงพูดแต่สิ่งราบรื่นกับเรา จงพยากรณ์มายา จงไปเสียให้พ้นทาง จงหันออกไปจากวิถี อย่าทำให้เราเผชิญกับองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลอีก” เพราะฉะนั้น องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า “เพราะเจ้าดูหมิ่นถ้อยคำนี้ และวางใจในการบีบบังคับและการทุจริต และพึ่งอาศัยสิ่งเหล่านั้น เพราะฉะนั้น ความบาปนี้จะเป็นแก่เจ้า เหมือนรอยแยกโผล่ออกมาของกำแพงสูงที่กำลังจะพัง ซึ่งจะพังลงอย่างปัจจุบันทันด่วนในพริบตาเดียว มันจะพังเหมือนภาชนะของช่างปั้นหม้อที่พังไป เมื่อถูกทุบให้แตกอย่างไม่ปรานี โดยไม่พบชิ้นส่วนของภาชนะที่แตกนั้น พอที่จะใช้ตักไฟจากข้างเตา หรือใช้ตักน้ำจากบ่อเก็บน้ำ” เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้านายคือองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า “ในการหันกลับและหยุดนิ่ง เจ้าทั้งหลายจะรอด การเงียบสงบและการไว้วางใจจะเป็นกำลังของเจ้า แต่เจ้าก็ไม่ยอมทำตาม และเจ้าทั้งหลายว่า ‘ไม่เอา เราจะขี่ม้าหนีไป’ เพราะฉะนั้น พวกเจ้าก็จะหนีไป และว่า ‘เราจะขี่ม้าเร็วจัด’ เพราะฉะนั้น ผู้ไล่ตามเจ้าจะเร็วจัด คนหนึ่งพันจะหนีเพราะคำขู่ของคนเดียว เจ้าทั้งหลายจะหนีเพราะคำขู่ของห้าคน จนกระทั่งพวกเจ้าจะเหลือ เป็นเหมือนเสาธงบนยอดเขา เหมือนธงสัญญาณบนเนิน” เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ทรงรอคอยที่จะเมตตาท่าน เพราะฉะนั้น พระองค์จะทรงลุกขึ้นเพื่อกรุณาพวกท่าน เพราะพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าที่ยุติธรรม ทุกคนที่รอคอยพระองค์ก็เป็นสุข เออ ประชาชนผู้อยู่ในศิโยน ผู้อาศัยในเยรูซาเล็ม ท่านจะไม่ร้องไห้อีกต่อไป พระองค์จะทรงกรุณาต่อเสียงร้องทูลของท่านอย่างแน่นอน เมื่อพระองค์ได้ยิน พระองค์จะทรงตอบท่าน แม้องค์เจ้านายประทานขนมปังแห่งความยากลำบากและน้ำแห่งความทุกข์ใจแก่พวกท่าน ถึงกระนั้นบรมครูของท่านจะไม่ซ่อนตัวอีกเลย แต่ตาของท่านจะเห็นบรมครูของท่าน และเมื่อท่านหันไปทางขวา หรือหันไปทางซ้าย หูของท่านจะได้ยินคำพูดจากข้างหลังท่านว่า “นี่เป็นหนทาง จงเดินในทางนี้” แล้วท่านจะละทิ้งรูปเคารพสลักอาบเงินของท่าน และรูปเคารพหล่อชุบทองคำของท่าน ท่านจะกระจายมันไปอย่างของไม่สะอาด และท่านจะกล่าวกับมันว่า “ไปให้พ้น” และพระองค์จะประทานฝนให้แก่เมล็ดพืชซึ่งท่านหว่านลงในดิน และประทานข้าวที่เป็นผลผลิตของดิน ข้าวจะอุดมและบริบูรณ์ ในวันนั้น ฝูงปศุสัตว์ของท่านจะกินอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ และโคกับลาที่ใช้ทำนาจะกินอาหารอย่างดี ซึ่งฝัดด้วยพลั่วและส้อมซัด และบนภูเขาสูงเด่นทุกลูกกับบนเนินสูงทุกเนินจะมีลำธารที่มีน้ำไหล ในวันที่มีการฆ่ากันใหญ่ เมื่อหอคอยพังลง ยิ่งกว่านั้นอีก แสงของดวงจันทร์จะเหมือนแสงของดวงอาทิตย์ และแสงของดวงอาทิตย์จะสว่างเป็นเจ็ดเท่า เหมือนอย่างแสงสว่างของเจ็ดวัน ในวันที่พระยาห์เวห์ทรงพันรอยแผลชนชาติของพระองค์ และรักษารอยช้ำของเขาที่พระองค์ทรงตีนั้น นี่แน่ะ พระนามของพระยาห์เวห์มาจากที่ไกล ร้อนไปด้วยความกริ้วของพระองค์กับควันทึบที่ลอยขึ้น ริมพระโอษฐ์ของพระองค์เต็มด้วยพระพิโรธ และพระชิวหาของพระองค์เหมือนไฟเผาผลาญ พระปัสสาสะของพระองค์เหมือนลำธารที่ท่วมท้น ซึ่งท่วมสูงถึงลำคอ เพื่อจะฝัดร่อนบรรดาประชาชาติด้วยตะแกรงร่อนในการทำลาย และจะใส่บังเหียนที่ขากรรไกรของชนชาติทั้งหลายเพื่อพาไป พวกท่านจะมีบทเพลงเหมือนอย่างคืนที่มีเทศกาลเลี้ยงศักดิ์สิทธิ์ และมีใจยินดีเหมือนอย่างคนที่ออกเดินตามเสียงขลุ่ย เพื่อไปยังภูเขาของพระยาห์เวห์ ถึงพระศิลาของอิสราเอล และพระยาห์เวห์จะทรงทำให้คนได้ยินพระสุรเสียงทรงพลังของพระองค์ และจะทรงทำให้ได้เห็นพระกรของพระองค์ที่ฟาดลงด้วยความกริ้วอย่างเกรี้ยวกราด และด้วยเปลวเพลิงเผาผลาญ รวมทั้งฝนตกหนัก กับพายุและลูกเห็บ คนอัสซีเรียจะสยดสยองด้วยพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ พระองค์จะทรงโบยตีด้วยไม้ของพระองค์ และทุกจังหวะของไม้เรียวที่ใช้ลงโทษซึ่งพระยาห์เวห์ทรงหวดลงบนตัวเขา จะเข้ากับเสียงรำมะนาและพิณเขาคู่ และพระองค์จะทรงต่อสู้เขาในสงครามด้วยพระหัตถ์ที่กวัดแกว่ง เพราะที่สำหรับเผาก็จัดไว้นานแล้ว เออ เตรียมไว้สำหรับพระราชา เชิงตะกอนก็ลึกและกว้าง พร้อมด้วยไฟและฟืนมากมาย พระปัสสาสะของพระยาห์เวห์เหมือนธารกำมะถันที่จุดมันให้ลุก
อิสยาห์ 30:1-33 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
พระยาห์เวห์พูดว่า “เฮ้ย ไอ้พวกลูกหลานที่ดื้อดึง ไอ้พวกที่ทำตามแผน แต่ไม่ใช่แผนของเรา ไอ้พวกที่ไปทำสนธิสัญญา ทั้งๆที่เราไม่ได้บอกให้เจ้าทำ ไอ้พวกที่ทำบาปซ้ำแล้วซ้ำอีก ไอ้พวกที่เดินทางไปอียิปต์โดยไม่ได้ขอคำแนะนำจากเรา แล้วไปขอให้ฟาโรห์ปกป้อง และไปหาที่พักพิงภายใต้ร่มเงาของอียิปต์นั้น การคุ้มครองของฟาโรห์นั้นจะกลายเป็นความอับอายของพวกเจ้า และที่พักพิงภายใต้ร่มเงาของอียิปต์นั้นจะกลายเป็นความอัปยศของเจ้า ถึงแม้พวกข้าราชการของเจ้าจะอยู่ที่โศอัน และพวกตัวแทนของเจ้าได้ไปถึงเมืองฮาเนสแล้ว แต่ทุกคนจะได้รับความอับอายเพราะชนชาตินั้นจะช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย อียิปต์จะไม่เป็นประโยชน์หรือช่วยอะไรเจ้าได้เลย มีแต่จะนำความอับอายขายหน้าและความอัปยศอดสูมาให้เท่านั้น” นี่เป็นข่าวสารที่เกี่ยวกับพวกสัตว์ในแถบเนเกบ ในแผ่นดินที่มีแต่ปัญหาและอันตราย คือแผ่นดินที่เต็มไปด้วยสิงโตตัวเมียและตัวผู้ เต็มไปด้วยงูพิษ และงูที่โฉบบิน พวกเขาบรรทุกทรัพย์สมบัติของพวกเขาบนหลังลา และบรรทุกทรัพย์สินของพวกเขาบนโหนกพวกอูฐ เดินทางไปหาชนชาติที่ไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ อียิปต์นั้นไม่มีประโยชน์และการช่วยเหลือของเธอนั้นไร้ค่า เราถึงเรียกหล่อนว่า “พญานาคที่เอาแต่นั่ง” ไปตอนนี้เลย ไปจารึกเรื่องนี้ลงบนแผ่นหินต่อหน้าพวกเขา ให้เขียนเรื่องนี้ไว้บนหนังสือม้วน เพื่อในอนาคตมันจะได้เป็นพยานต่อว่าพวกเขาไปตลอด เพราะพวกเขาเป็นชนชาติที่ชอบกบฏ พวกเขาเป็นลูกจอมโกหก เป็นเด็กที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระยาห์เวห์ พวกเขาพูดกับพวกผู้ที่เห็นนิมิตว่า “หยุดมองได้แล้ว” และพูดกับพวกผู้พูดแทนพระเจ้าว่า “ไม่ต้องเอานิมิตพวกนั้นมาสอนพวกเราหรอกว่าอะไรถูกต้อง ให้พูดกับเราในสิ่งที่รื่นหูดีกว่าและเล่านิมิตปลอมๆให้กับพวกเราฟัง เปลี่ยนเรื่องได้แล้ว หันไปจากทางเก่าๆนั้นได้แล้ว พวกเราไม่อยากจะฟังแล้วเรื่องผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลนั้น” เพราะอย่างนั้น องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล จึงพูดอย่างนี้ว่า “เพราะพวกเจ้าไม่ยอมรับข่าวสารนี้แต่กลับไปไว้วางใจในความโหดร้ายและการหลอกลวงและไปพึ่งในสิ่งเหล่านั้น ดังนั้น ความผิดนี้ของเจ้าจะเป็นเหมือนรอยแตกในกำแพงสูงที่ปริออกมาใกล้จะพังแล้ว และมันจะพังลงมาทันทีในชั่วพริบตา มันจะแตกเหมือนกับหม้อดินที่แตกออกเป็นชิ้นๆ จนไม่เหลือสักชิ้นที่ใหญ่พอจะเอาไปใส่ถ่านไฟร้อนๆจากเตา หรือใช้ตักน้ำจากบ่อเก็บน้ำ” เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลได้พูดไว้ “ถ้าพวกเจ้ากลับมาหาเราและพักพิงในเรา พวกเจ้าก็จะรอด ถ้าพวกเจ้าจะใจเย็นๆและไว้วางใจในเรา พวกเจ้าก็จะมีพลัง แต่พวกเจ้ากลับไม่ยอมทำอย่างนั้น” พวกเจ้าบอกว่า “ไม่เอา พวกเราจะควบม้าหนีไป” เพราะอย่างนั้น พวกเจ้าก็จะต้องหนีจริงๆซะแล้ว และเจ้ายังพูดอีกว่า “พวกเราจะขี่ม้าที่วิ่งเร็วหนีไป” เพราะอย่างนั้น เราจะให้คนไล่กวดเจ้าเร็วกว่าเจ้าอีก พวกเจ้าพันคนจะหนีเพราะคำขู่ของคนๆเดียว คำขู่ของห้าคนจะทำให้พวกเจ้าหนีไปหมด จนกว่าพวกเจ้าจะถูกทิ้งให้เหลือตัวคนเดียว เหมือนกับเสาธงที่ปักอยู่บนยอดเขา เหมือนกับธงให้สัญญาณบนเนินเขา อย่างนั้น พระยาห์เวห์กำลังเฝ้าคอยให้พวกเจ้ากลับมาหาพระองค์เพื่อพระองค์จะได้อวยพรเจ้า พระองค์จะลุกขึ้นมาแสดงความเมตตากับพวกเจ้า เพราะพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าที่สัตย์ซื่อยุติธรรม พวกที่อดทนรอคอยพระองค์ถือว่าเป็นเกียรติจริงๆ ชาวเมืองศิโยนเอ๋ย คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเอ๋ย ใช่แล้ว พวกเจ้าจะไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป พระองค์จะมาปลอบโยนเจ้าอย่างแน่นอน เมื่อพระองค์ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเจ้า พระองค์ก็จะมาช่วยเจ้าทันที ถึงองค์เจ้าชีวิตจะให้เจ้ากินความทุกข์ยากลำบากอย่างกับอาหาร และดื่มความทุกข์ทรมานอย่างกับน้ำ แต่พระองค์ผู้เป็นครูของเจ้าก็จะไม่หลบซ่อนตัวเองอีกต่อไป และเจ้าจะได้เห็นครูของเจ้ากับตาตัวเอง เมื่อพวกเจ้าหันไปทางขวาหรือหันทางซ้าย หูของเจ้าก็จะได้ยินเสียงข้างหลังเจ้าว่า “ทางอยู่นี่ เดินทางนี้สิ” แล้วพวกเจ้าจะทำให้พวกรูปเคารพที่เคลือบเงินเคลือบทองของพวกเจ้าเสื่อมไป และพวกเจ้าจะเอาพวกมันไปทิ้งเหมือนทิ้งผ้าอนามัยเปื้อนเลือด และพูดกับมันว่า “ไปให้พ้น” ในเวลานั้น พระยาห์เวห์จะให้ฝนตกลงมาบนเมล็ดพืชที่เจ้าได้หว่านไปในดิน พระองค์จะให้อาหารซึ่งเป็นผลผลิตจากพื้นดิน และมันก็จะมีมากมายเหลือเฟือ และในเวลานั้นฝูงสัตว์เลี้ยงของเจ้าก็จะได้เล็มหญ้าในทุ่งกว้าง พวกวัวตัวผู้และลาที่ทำไร่ไถนาอยู่นั้น ก็จะได้กินฟางอย่างดีที่ใช้พลั่วและสามง่ามทำให้มันกระจัดกระจายไป บนภูเขาสูงทุกลูก และบนเนินเขาทุกแห่ง ก็จะมีลำธารน้ำไหล สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในวันที่ศัตรูถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก และพวกป้อมปราการของศัตรูพังทลายลงมา ในเวลานั้น แสงของดวงจันทร์ก็จะเป็นเหมือนแสงอาทิตย์ และแสงของดวงอาทิตย์ก็จะสว่างขึ้นอีกเจ็ดเท่า เหมือนกับแสงของเจ็ดวัน สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในวันที่พระยาห์เวห์ได้ดามกระดูกที่หักของคนของพระองค์ และได้รักษาบาดแผลที่พระองค์ทำให้เกิดขึ้น ดูสิ พระยาห์เวห์เองกำลังมาแต่ไกล ด้วยความโกรธที่เผาผลาญของพระองค์และด้วยควันหนาทึบ ริมฝีปากของพระองค์เต็มไปด้วยความโกรธ และลิ้นของพระองค์ก็เหมือนกับไฟที่เผาผลาญอยู่ ลมปากของพระองค์เป็นเหมือนแม่น้ำที่ไหลท่วมท้นสูงถึงคอ พระองค์จะเอาตะแกรงแห่งการทำลายมาร่อนชนชาติต่างๆ และพระองค์จะเอาบังเหียนมาใส่เข้าที่ปากของชนชาติทั้งหลายเพื่อนำพวกเขาให้พินาศไป แล้วพวกเจ้าจะร้องเพลงหนึ่งเหมือนกับร้องในคืนที่มีเทศกาลทางศาสนาและพวกเจ้าก็จะมีความสุขในใจเหมือนคนที่กำลังเดินตามเสียงขลุ่ยขึ้นไปที่ภูเขาของพระยาห์เวห์ ผู้เป็นศิลาลี้ภัยแห่งอิสราเอล และพระยาห์เวห์จะทำให้ทุกคนได้ยินเสียงอันดังสนั่นหวั่นไหวของพระองค์ และเห็นแขนอันทรงพลังของพระองค์ฟาดลงมาด้วยความโกรธแค้น และด้วยเปลวไฟแห่งการเผาผลาญ พระองค์จะมาอย่างกับเสียงพายุฟ้าคะนอง มีทั้งฝนและลูกเห็บ อัสซีเรียจะเกิดขวัญผวาเมื่อได้ยินเสียงจากพระยาห์เวห์ เมื่อพระองค์ตีด้วยไม้กระบองของพระองค์ แต่ละจังหวะที่พระองค์หวดไม้กระบองลงโทษอัสซีเรียนั้น จะเข้ากับจังหวะของเสียงกลองและพิณ พระองค์จะกวัดแกว่งอาวุธของ พระองค์เพื่อต่อสู้กับพวกเขา พระองค์ได้เตรียมที่เผาศพพวกเขาไว้แล้ว ใช่แล้ว พระองค์ได้เตรียมไว้สำหรับกษัตริย์ของพวกเขา หลุมนั้นลึกและกว้าง มีไฟกับฟืนอย่างเหลือเฟือ แล้วพระองค์จะจุดมันด้วยลมปากของพระยาห์เวห์ที่เป็นเหมือนลำธารไฟกำมะถัน
อิสยาห์ 30:1-33 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
“วิบัติแก่ลูกหลานที่กบฏ” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ “ผู้วางแผนงาน แต่ไม่ใช่ของเรา ผู้ทำสนธิสัญญา แต่ไม่ใช่ตามความประสงค์ของเรา เพื่อเพิ่มบาปซ้อนบาป พวกเดินทางไปยังอียิปต์ โดยไม่ได้ปรึกษาเรา เพื่อจะไปลี้ภัยในการคุ้มครองของฟาโรห์ และจะหาที่กำบังใต้ร่มเงาของอียิปต์ เพราะฉะนั้น การคุ้มครองของฟาโรห์จะกลายเป็นความอายของเจ้า และที่กำบังใต้ร่มเงาของอียิปต์จะกลายเป็นความขายหน้าของเจ้า เพราะแม้ว่าพวกเจ้านายของเขาอยู่ที่โศอัน และบรรดาทูตของเขาไปถึงฮาเนส ทุกคนได้รับความอับอาย โดยชนชาติหนึ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเขา ซึ่งไม่ได้นำความช่วยเหลือหรือประโยชน์มาให้ นำแต่ความอายและความขายหน้า (ครุวาทเรื่องสัตว์ป่าแห่งเนเกบ) ไปตามแผ่นดินแห่งความลำบากและแสนระทม ที่ซึ่งนางสิงโตและสิงโตตัวผู้ออกมา ทั้งงูกะปะ และงูแมวเซา เขาทั้งหลายบรรทุกทรัพย์สมบัติของเขาบนหลังลา และบรรทุกทรัพย์สินของเขาบนโหนกอูฐ ไปยังชนชาติหนึ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเขา เพราะว่าความช่วยเหลือของอียิปต์นั้นไร้ผลและเปล่าประโยชน์ เพราะฉะนั้น เราจึงเรียกเขาว่า ราหับที่นั่งเฉย บัดนี้ จงไปเถอะ และเขียนลงบนแผ่นจารึกต่อหน้าเขา และบันทึกไว้ในหนังสือ เพื่อว่าในเวลาข้างหน้าที่จะมาถึง มันจะเป็นสักขีพยานตลอดไป เพราะว่าเขาเป็นประชาชนที่กบฏ เป็นลูกหลานที่พูดปด เป็นลูกหลานที่ไม่ยอมเชื่อฟัง ธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ พวกเขากล่าวกับผู้ทำนายว่า “อย่าเห็นเลย” และกล่าวกับผู้พยากรณ์ว่า “อย่าพยากรณ์สิ่งถูกต้องแก่เรา จงพูดแต่สิ่งราบรื่นกับเรา จงพยากรณ์มายา จงไปเสียให้พ้นทาง จงหันออกไปจากวิถี อย่าทำให้เราเผชิญกับองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลอีก” เพราะฉะนั้น องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า “เพราะเจ้าดูหมิ่นถ้อยคำนี้ และวางใจในการบีบบังคับและการทุจริต และพึ่งอาศัยสิ่งเหล่านั้น เพราะฉะนั้น ความบาปนี้จะเป็นแก่เจ้า เหมือนรอยแยกโผล่ออกมาของกำแพงสูงที่กำลังจะพัง ซึ่งจะพังลงอย่างปัจจุบันทันด่วนในพริบตาเดียว มันจะพังเหมือนภาชนะของช่างปั้นหม้อที่พังไป เมื่อถูกทุบให้แตกอย่างไม่ปรานี โดยไม่พบชิ้นส่วนของภาชนะที่แตกนั้น พอที่จะใช้ตักไฟจากข้างเตา หรือใช้ตักน้ำจากบ่อเก็บน้ำ” เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้านายคือองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า “ในการหันกลับและหยุดนิ่ง เจ้าทั้งหลายจะรอด การเงียบสงบและการไว้วางใจจะเป็นกำลังของเจ้า แต่เจ้าก็ไม่ยอมทำตาม และเจ้าทั้งหลายว่า ‘ไม่เอา เราจะขี่ม้าหนีไป’ เพราะฉะนั้น พวกเจ้าก็จะหนีไป และว่า ‘เราจะขี่ม้าเร็วจัด’ เพราะฉะนั้น ผู้ไล่ตามเจ้าจะเร็วจัด คนหนึ่งพันจะหนีเพราะคำขู่ของคนเดียว เจ้าทั้งหลายจะหนีเพราะคำขู่ของห้าคน จนกระทั่งพวกเจ้าจะเหลือ เป็นเหมือนเสาธงบนยอดเขา เหมือนธงสัญญาณบนเนิน” เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ทรงรอคอยที่จะเมตตาท่าน เพราะฉะนั้น พระองค์จะทรงลุกขึ้นเพื่อกรุณาพวกท่าน เพราะพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าที่ยุติธรรม ทุกคนที่รอคอยพระองค์ก็เป็นสุข เออ ประชาชนผู้อยู่ในศิโยน ผู้อาศัยในเยรูซาเล็ม ท่านจะไม่ร้องไห้อีกต่อไป พระองค์จะทรงกรุณาต่อเสียงร้องทูลของท่านอย่างแน่นอน เมื่อพระองค์ได้ยิน พระองค์จะทรงตอบท่าน แม้องค์เจ้านายประทานขนมปังแห่งความยากลำบากและน้ำแห่งความทุกข์ใจแก่พวกท่าน ถึงกระนั้นบรมครูของท่านจะไม่ซ่อนตัวอีกเลย แต่ตาของท่านจะเห็นบรมครูของท่าน และเมื่อท่านหันไปทางขวา หรือหันไปทางซ้าย หูของท่านจะได้ยินคำพูดจากข้างหลังท่านว่า “นี่เป็นหนทาง จงเดินในทางนี้” แล้วท่านจะละทิ้งรูปเคารพสลักอาบเงินของท่าน และรูปเคารพหล่อชุบทองคำของท่าน ท่านจะกระจายมันไปอย่างของไม่สะอาด และท่านจะกล่าวกับมันว่า “ไปให้พ้น” และพระองค์จะประทานฝนให้แก่เมล็ดพืชซึ่งท่านหว่านลงในดิน และประทานข้าวที่เป็นผลผลิตของดิน ข้าวจะอุดมและบริบูรณ์ ในวันนั้น ฝูงปศุสัตว์ของท่านจะกินอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ และโคกับลาที่ใช้ทำนาจะกินอาหารอย่างดี ซึ่งฝัดด้วยพลั่วและส้อมซัด และบนภูเขาสูงเด่นทุกลูกกับบนเนินสูงทุกเนินจะมีลำธารที่มีน้ำไหล ในวันที่มีการฆ่ากันใหญ่ เมื่อหอคอยพังลง ยิ่งกว่านั้นอีก แสงของดวงจันทร์จะเหมือนแสงของดวงอาทิตย์ และแสงของดวงอาทิตย์จะสว่างเป็นเจ็ดเท่า เหมือนอย่างแสงสว่างของเจ็ดวัน ในวันที่พระยาห์เวห์ทรงพันรอยแผลชนชาติของพระองค์ และรักษารอยช้ำของเขาที่พระองค์ทรงตีนั้น นี่แน่ะ พระนามของพระยาห์เวห์มาจากที่ไกล ร้อนไปด้วยความกริ้วของพระองค์กับควันทึบที่ลอยขึ้น ริมพระโอษฐ์ของพระองค์เต็มด้วยพระพิโรธ และพระชิวหาของพระองค์เหมือนไฟเผาผลาญ พระปัสสาสะของพระองค์เหมือนลำธารที่ท่วมท้น ซึ่งท่วมสูงถึงลำคอ เพื่อจะฝัดร่อนบรรดาประชาชาติด้วยตะแกรงร่อนในการทำลาย และจะใส่บังเหียนที่ขากรรไกรของชนชาติทั้งหลายเพื่อพาไป พวกท่านจะมีบทเพลงเหมือนอย่างคืนที่มีเทศกาลเลี้ยงศักดิ์สิทธิ์ และมีใจยินดีเหมือนอย่างคนที่ออกเดินตามเสียงขลุ่ย เพื่อไปยังภูเขาของพระยาห์เวห์ ถึงพระศิลาของอิสราเอล และพระยาห์เวห์จะทรงทำให้คนได้ยินพระสุรเสียงทรงพลังของพระองค์ และจะทรงทำให้ได้เห็นพระกรของพระองค์ที่ฟาดลงด้วยความกริ้วอย่างเกรี้ยวกราด และด้วยเปลวเพลิงเผาผลาญ รวมทั้งฝนตกหนัก กับพายุและลูกเห็บ คนอัสซีเรียจะสยดสยองด้วยพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ พระองค์จะทรงโบยตีด้วยไม้ของพระองค์ และทุกจังหวะของไม้เรียวที่ใช้ลงโทษซึ่งพระยาห์เวห์ทรงหวดลงบนตัวเขา จะเข้ากับเสียงรำมะนาและพิณเขาคู่ และพระองค์จะทรงต่อสู้เขาในสงครามด้วยพระหัตถ์ที่กวัดแกว่ง เพราะที่สำหรับเผาก็จัดไว้นานแล้ว เออ เตรียมไว้สำหรับพระราชา เชิงตะกอนก็ลึกและกว้าง พร้อมด้วยไฟและฟืนมากมาย พระปัสสาสะของพระยาห์เวห์เหมือนธารกำมะถันที่จุดมันให้ลุก
อิสยาห์ 30:1-33 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “วิบัติแก่ลูกหลานที่ดื้อดึง ผู้กระทำแผนงาน แต่ไม่ใช่ของเรา ผู้ปกคลุมด้วยเครื่องปกปิด แต่ไม่ใช่ตามน้ำใจเรา เขาจะเพิ่มบาปซ้อนบาป ผู้ออกเดินลงไปยังอียิปต์ โดยไม่ขอคำปรึกษาจากปากของเรา เพื่อจะเข้มแข็งในการลี้ภัยกับฟาโรห์ เพื่อจะวางใจในร่มเงาของอียิปต์ เพราะฉะนั้นการลี้ภัยกับฟาโรห์จะกลับเป็นความอับอายของเจ้า และการวางใจในร่มเงาของอียิปต์จะกลับเป็นที่ขายหน้าของเจ้า เพราะแม้ว่าข้าราชการของเขาอยู่ที่โศอัน และทูตของเขาไปถึงฮาเนส ทุกคนได้รับความอับอายโดยชนชาติหนึ่งซึ่งช่วยเขาไม่ได้ ซึ่งมิได้นำความช่วยเหลือหรือประโยชน์มาให้ ได้แต่ความอับอายและความขายหน้า” ภาระเรื่องสัตว์ป่าแห่งภาคใต้ เขาทั้งหลายบรรทุกทรัพย์สมบัติของเขาบนหลังลาและบรรทุกทรัพย์สินของเขาบนโหนกอูฐ ไปตลอดแผ่นดินแห่งความยากลำบากแสนระทม ที่ซึ่งสิงโตหนุ่มและสิงโตแก่ งูร้าย และงูแมวเซาออกมา ไปยังชนชาติหนึ่งซึ่งจะช่วยเขาไม่ได้ เพราะความช่วยเหลือของอียิปต์นั้นไร้ค่าและเปล่าประโยชน์ เพราะฉะนั้น เราจึงเรียกเขาว่า “ความเข้มแข็งของเขาคือให้นั่งเฉยเมย” บัดนี้ ไปเถอะ เขียนลงไว้บนแผ่นจารึกต่อหน้าเขา และจดไว้ในหนังสือเพื่อในเวลาที่จะมาถึง จะเป็นสักขีพยานเป็นนิตย์ เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นชนชาติดื้อดึง เป็นลูกขี้ปด เป็นหลานที่ไม่ยอมฟังพระราชบัญญัติของพระเยโฮวาห์ ซึ่งกล่าวแก่พวกผู้ทำนายว่า “อย่าเห็นเลย” และแก่ผู้พยากรณ์ว่า “อย่าพยากรณ์สิ่งที่ถูกต้องแก่เราเลย จงพูดสิ่งราบรื่นแก่เรา จงพยากรณ์มายา ออกจากทางเสีย หันเสียจากวิถี ให้องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลพ้นหน้าพ้นตาของเราเสีย” เพราะฉะนั้นองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า “เพราะเจ้าดูหมิ่นถ้อยคำนี้ และวางใจในการบีบบังคับและการทุจริต และพึ่งอาศัยสิ่งเหล่านั้น เพราะฉะนั้นความชั่วช้านี้จะเป็นแก่เจ้าเหมือนกำแพงสูงแยกออกโผล่ออกไปกำลังจะพัง ซึ่งจะพังอย่างปัจจุบันทันด่วนในพริบตาเดียว พระองค์จะทรงกระทำให้แตกเหมือนภาชนะของช่างหม้อแตก ซึ่งแตกเป็นชิ้นๆอย่างไม่ปรานี ชิ้นที่แตกนั้นไม่พบชิ้นดีพอที่จะตักไฟออกจากเตา หรือใช้ตักน้ำออกจากบ่อเก็บน้ำ” เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า “ในการกลับและหยุดพัก เจ้าทั้งหลายจะรอด กำลังของเจ้าจะอยู่ในความสงบและความไว้วางใจ” และเจ้าก็ไม่ยอมทำตาม แต่เจ้าทั้งหลายว่า “อย่าเลย เราจะขี่ม้าหนีไป” เพราะฉะนั้นเจ้าก็จะหนีไป และ “เราจะขี่ม้าเร็วจัด” เพราะฉะนั้นผู้ไล่ตามเจ้าทั้งหลายจะเร็วจัด คนพันหนึ่งจะหนีเพราะคำขู่เข็ญของคนคนเดียว เจ้าทั้งหลายจะหนีเพราะคำขู่เข็ญของคนห้าคน จนจะเหลือแต่เจ้าเหมือนเสาธงบนยอดภูเขา เหมือนอาณัติสัญญาณบนเนิน เพราะฉะนั้นพระเยโฮวาห์ทรงคอยที่จะทรงพระกรุณาเจ้าทั้งหลาย เพราะฉะนั้นพระองค์จึงทรงเป็นที่ยกย่องเพื่อจะเมตตาเจ้า เพราะพระเยโฮวาห์เป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรม บรรดาผู้ที่คอยท่าพระองค์จะได้รับพระพร เพราะประชาชนจะอาศัยในศิโยน ณ เยรูซาเล็ม เจ้าจะไม่ร้องไห้อีกต่อไป เมื่อได้ยินเสียงเจ้าร้องทูล พระองค์จะทรงเมตตาต่อเจ้า เมื่อพระองค์ทรงได้ยิน พระองค์จะทรงตอบเจ้า และถึงแม้องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานอาหารแห่งความยากลำบาก และน้ำแห่งความทุกข์ใจให้แก่เจ้า ถึงกระนั้นครูทั้งหลายของเจ้าจะไม่ซ่อนตัวในมุมอีกเลย แต่ตาของเจ้าจะเห็นครูของเจ้า และเมื่อเจ้าหันไปทางขวาหรือหันไปทางซ้าย หูของเจ้าจะได้ยินวจนะข้างหลังเจ้าว่า “นี่เป็นหนทาง จงเดินในทางนี้” แล้วเจ้าจะทำลายรูปเคารพสลักอาบเงินของเจ้า และรูปเคารพหล่อชุบทองคำของเจ้า เจ้าจะกระจายมันไปอย่างผ้าอนามัย และเจ้าจะกล่าวแก่มันว่า “ไปให้พ้น” และพระองค์จะประทานฝนให้แก่เมล็ดพืชซึ่งเจ้าหว่านลงที่ดิน และประทานข้าวซึ่งเป็นผลิตผลของดิน และข้าวจะอุดมและสมบูรณ์ ในวันนั้นวัวของเจ้าจะกินอยู่ในลานหญ้าใหญ่ และวัวกับลาที่ใช้ทำนาจะกินข้าวใส่เกลือ ซึ่งใช้พลั่วและส้อมซัด และบนภูเขาสูงทุกแห่ง และบนเนินสูงทุกแห่งจะมีแม่น้ำลำธารที่มีน้ำไหลในวันที่มีการประหัตประหารอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อหอคอยพังลง ยิ่งกว่านั้นอีก แสงสว่างของดวงจันทร์จะเหมือนแสงสว่างของดวงอาทิตย์ และแสงสว่างของดวงอาทิตย์จะเป็นเจ็ดเท่า และเป็นอย่างแสงสว่างของเจ็ดวัน ในวันที่พระเยโฮวาห์ทรงพันรอยบาดเจ็บแห่งชนชาติของพระองค์ และรักษาบาดแผลซึ่งเขาถูกพระองค์ทรงตีนั้น ดูเถิด พระนามของพระเยโฮวาห์มาจากที่ไกล ร้อนด้วยความกริ้วของพระองค์ ภาระนั้นก็หนักหนา ริมพระโอษฐ์ของพระองค์เต็มด้วยความกริ้ว และพระชิวหาของพระองค์เหมือนไฟเผาผลาญ พระปัสสาสะของพระองค์เหมือนลำธารท่วมท้น ที่ท่วมถึงกลางคอ เพื่อจะร่อนบรรดาประชาชาติด้วยตะแกรงแห่งความไร้สาระ และจะมีบังเหียนซึ่งพาให้หลงไปที่ขากรรไกรของชนชาติทั้งหลาย เจ้าจะมีบทเพลงอย่างคืนที่มีเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ และมีใจยินดี อย่างคนที่ออกเดินตามเสียงปี่ เพื่อไปยังภูเขาของพระเยโฮวาห์ ถึงผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของอิสราเอล และพระเยโฮวาห์จะทรงกระทำให้พระสุรเสียงกัมปนาทของพระองค์เป็นที่ได้ยิน และจะทรงให้เห็นพระกรฟาดลงของพระองค์ ด้วยความกริ้วอย่างเกรี้ยวกราด และเปลวแห่งเพลิงเผาผลาญ พร้อมกับฝนกระหน่ำและพายุ และลูกเห็บ คนอัสซีเรียจะสยดสยองด้วยพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์ พระองค์ทรงโบยตีด้วยพระคทาของพระองค์ และจังหวะไม้เรียวลงโทษทุกจังหวะซึ่งพระเยโฮวาห์โบยลงเหนือเขาจะเข้ากับเสียงรำมะนาและพิณเขาคู่ พระองค์จะทรงต่อสู้เขาด้วยสงครามฟาดฟัน เพราะโทเฟทก็จัดไว้นานแล้ว เออ เตรียมไว้สำหรับกษัตริย์ เชิงตะกอนก็ลึกและกว้าง พร้อมไฟและฟืนมากมาย คือพระปัสสาสะของพระเยโฮวาห์เหมือนธารกำมะถันมาจุดให้ลุก
อิสยาห์ 30:1-33 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
พระเจ้าตรัสว่า <<วิบัติแก่ลูกหลานที่ดื้อดึง ผู้กระทำแผนงาน แต่ไม่ใช่ของเรา ผู้กระทำสนธิสัญญา แต่ไม่ใช่ตามน้ำใจเรา เขาจะเพิ่มบาปซ้อนบาป ผู้ออกเดินไปยังอียิปต์ โดยไม่ขอคำปรึกษาของเรา เพื่อจะไปลี้ภัยในความอารักขาของฟาโรห์ เพื่อจะหาที่กำบังในร่มเงาของอียิปต์ เพราะฉะนั้น การอารักขาของฟาโรห์ จะกลับเป็นความอับอายของเจ้า และที่กำบังในร่มเงาของอียิปต์กลับเป็นที่ขายหน้าของเจ้า เพราะแม้ว่าข้าราชการของเขาอยู่ที่โศอัน และทูตของเขาไปถึงฮาเนส ทุกคนได้รับความอับอาย โดยชนชาติหนึ่งซึ่งช่วยเขาไม่ได้ ซึ่งมิได้นำความช่วยเหลือหรือประโยชน์มาให้ ได้แต่ความอับอายและความขายหน้า ครุวาทเรื่องสัตว์ป่าแห่งเนเกบ เขาทั้งหลายบรรทุกทรัพย์สมบัติของเขา บนหลังลา และบรรทุกทรัพย์สินของเขาบนโหนกอูฐ ไปตลอดแผ่นดินแห่งความยากลำบากแสนระทม ที่ซึ่งนางสิงห์และสิงห์ตัวผู้ งูปากกะบะ และงูแมวเซาออกมา ไปยังชนชาติหนึ่งซึ่งจะช่วยเขาไม่ได้ เพราะความช่วยเหลือของอียิปต์นั้นไร้ค่าและเปล่าประโยชน์ เพราะฉะนั้น เราจึงเรียกเขาว่า <<ราหับผู้นั่งเฉย>> บัดนี้ ไปเถอะ เขียนลงไว้บนแผ่นจารึกต่อหน้าเขา และจดไว้ในหนังสือ เพื่อในเวลาที่จะมาถึง จะเป็นสักขีพยานเป็นนิตย์ เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นชนชาติดื้อดึง เป็นลูกขี้ปด เป็นหลานที่ไม่ยอมฟัง พระธรรมของพระเจ้า ผู้ตรัสแก่ผู้เล็งญาณว่า <<อย่าเห็นเลย>> และแก่ศาสดาพยากรณ์ว่า <<อย่าพยากรณ์สิ่งที่ถูกต้องแก่เราเลย จงพูดสิ่งราบรื่นแก่เรา จงพยากรณ์มายา ออกจากทางเสีย หันเสียจากวิถี ให้องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลพ้นหน้าพ้นตาของเราเสีย>> เพราะฉะนั้น องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า <<เพราะเจ้าดูหมิ่นถ้อยคำนี้ และวางใจในการบีบบังคับ และการทุจริต และพึ่งอาศัยสิ่งเหล่านั้น เพราะฉะนั้น ความบาปผิดนี้จะเป็นแก่เจ้า เหมือนกำแพงสูงแยกออกโผล่ออกไป กำลังจะพัง ซึ่งจะพังอย่างปัจจุบันทันด่วน ในพริบตาเดียว พระองค์จะทรงกระทำให้แตกเหมือนภาชนะของช่างหม้อแตก ซึ่งแตกแยกอย่างไม่ปรานี ชิ้นที่แตกนั้นไม่พบชิ้นดี พอที่จะตักไฟออกจากเตา หรือใช้ตักน้ำออกจากบ่อเก็บน้ำ>> เพราะพระเจ้าองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า <<ในการกลับและหยุดพัก เจ้าทั้งหลายจะรอด กำลังของเจ้าจะอยู่ในความสงบ และความไว้วางใจ>> และเจ้าก็ไม่ยอมทำตาม แต่เจ้าทั้งหลายว่า <<อย่าเลย เราจะขี่ม้าหนีไป>> เพราะฉะนั้น เจ้าก็จะหนีไป และ <<เราจะขี่ม้าเร็วจัด>> เพราะฉะนั้น ผู้ไล่ตามเจ้าทั้งหลายจะเร็วจัด คนพันหนึ่งจะหนีเพราะคำขู่เข็ญของคนคนเดียว เจ้าทั้งหลายจะหนีเพราะคำขู่เข็ญของคนห้าคน จนจะเหลือแต่เจ้า เหมือนเสาธงบนยอดภูเขา เหมือนอาณัติสัญญาบนเนิน เพราะฉะนั้น พระเจ้าทรงคอยที่จะทรงพระกรุณาเจ้าทั้งหลาย เพราะฉะนั้น พระองค์จึงทรงลุกขึ้นเพื่อเมตตาเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรม ผู้ที่คอยท่าพระองค์จะได้รับพระพร เออ ประชาชนผู้อาศัยในศิโยน ณ เยรูซาเล็มเอ๋ย เจ้าจะไม่ร้องไห้อีกต่อไป เมื่อได้ยินเสียงเจ้าร้องทูล พระองค์จะทรงเมตตาต่อเจ้า เมื่อพระองค์ทรงได้ยิน พระองค์จะตอบเจ้า และถึงแม้องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานอาหารแห่งความยากลำบากและน้ำแห่งความทุกข์ใจให้แก่เจ้า ถึงกระนั้นพระครูของเจ้าจะไม่ซ่อนตัวอีกเลย แต่ตาของเจ้าจะเห็นพระครูของเจ้า และเมื่อเจ้าหันไปทางขวา หรือหันไปทางซ้าย หูของเจ้าจะได้ยินวจนะข้างหลังเจ้า ว่า <<นี่เป็นหนทาง จงเดินในทางนี้>> แล้วเจ้าจะทำลายรูปเคารพสลักอาบเงินของเจ้า และรูปเคารพหล่อชุบทองคำของเจ้า เจ้าจะกระจายมันไปอย่างของไม่สะอาด และเจ้าจะกล่าวแก่มันว่า <<ไปให้พ้น>> และพระองค์จะประทานฝนให้แก่เมล็ดพืชซึ่งเจ้าหว่านลงที่ดิน และประทานข้าว ซึ่งเป็นผลิตผลของดิน และข้าวจะอุดมและสมบูรณ์ ในวันนั้น โคของเจ้าจะกินอยู่ในลานหญ้าใหญ่ และวัวกับลาที่ใช้ทำนาจะกินข้าวใส่เกลือ ซึ่งใช้พลั่วและส้อมซัด และบนภูเขาสูงทุกแห่ง และบนเนินสูงทุกแห่งจะมีลำธารมีน้ำไหล ในวันที่มีการฆ่ากันใหญ่ เมื่อหอคอยพังลง ยิ่งกว่านั้นอีก แสงสว่างของดวงจันทร์จะเหมือนแสงสว่างของอาทิตย์ และแสงสว่างของดวงอาทิตย์จะเป็นเจ็ดเท่า และเป็นอย่างแสงสว่างของเจ็ดวัน ในวันที่พระเจ้าทรงพันรอยบาดเจ็บแห่งชนชาติของพระองค์ และรักษาบาดแผลซึ่งเขาถูกพระองค์ทรงตีนั้น ดูเถิด พระนามของพระเจ้ามาจากที่ไกล ร้อนด้วยความกริ้วของพระองค์ ในควันทึบที่ลอยสูงขึ้นไป ริมพระโอษฐ์ของพระองค์เต็มด้วยความกริ้ว และพระชิวหาของพระองค์เหมือนไฟเผาผลาญ พระปัสสาสะของพระองค์เหมือนลำธารท่วมท้น ที่ท่วมถึงคอ เพื่อจะร่อนบรรดาประชาชาติ ด้วยตะแกรงแห่งการทำลาย และจะมีบังเหียนซึ่งพาให้เจิ่น ที่ขากรรไกรของชนชาติทั้งหลาย เจ้าจะมีบทเพลงอย่างคืนที่มีเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ และมีใจยินดี อย่างคนที่ออกเดินตามเสียงปี่ เพื่อไปยังภูเขาของพระเจ้า ถึงพระศิลาแห่งอิสราเอล และพระเจ้าจะทรงกระทำให้พระสุรเสียงกัมปนาทของพระองค์เป็นที่ได้ยิน และจะทรงให้เห็นพระกรฟาดลงของพระองค์ ด้วยความกริ้วอย่างเกรี้ยวกราด และเปลวแห่งเพลิงเผาผลาญ พร้อมกับฝนกระหน่ำ และพายุ และลูกเห็บ คนอัสซีเรียจะสยดสยองด้วยพระสุรเสียงของพระเจ้า พระองค์ทรงโบยตีด้วยพระคทาของพระองค์ และจังหวะไม้เรียวลงโทษทุกจังหวะ ซึ่งพระเจ้าโบยลงเหนือเขา จะเข้ากับเสียงรำมะนาและพิณเขาคู่ พระองค์จะทรงต่อสู้เขาด้วยสงครามฟาดฟัน เพราะที่สำหรับเผาก็จัดไว้นานแล้ว เออ เตรียมไว้สำหรับพระราชา เชิงตะกอนก็ลึกและกว้าง พร้อมไฟและฟืนมากมาย คือ พระปัสสาสะของพระเจ้าเหมือนธารกำมะถันมาจุดให้ลุก
อิสยาห์ 30:1-33 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “วิบัติแก่ลูกหลานที่ดื้อรั้น แก่ผู้ซึ่งทำตามแผนการที่ไม่ได้มาจากเรา ทำสัญญาไมตรีโดยไม่ได้อาศัยวิญญาณของเรา ทำบาปซ้อนบาป ผู้ลงไปยังอียิปต์ โดยไม่ปรึกษาเรา ผู้มุ่งขอการอารักขาจากฟาโรห์ ขอลี้ภัยใต้ร่มเงาของอียิปต์ แต่การอารักขาของฟาโรห์จะกลับเป็นความอัปยศอดสูแก่เจ้า ร่มเงาของอียิปต์จะทำให้เจ้าอับอายขายหน้า ถึงแม้พวกเขาจะมีกองทหารอยู่ในโศอัน และบรรดาทูตของเขาได้ไปถึงฮาเนส ทุกคนก็จะต้องอับอายขายหน้า เพราะชนชาติซึ่งไม่มีประโยชน์แก่พวกเขา ผู้ไม่ให้ความช่วยเหลือหรือประโยชน์อันใด ให้แต่ความอับอายและความอัปยศอดสู” พระดำรัสเกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ แห่งเนเกบมีดังนี้ คณะทูตขนทรัพย์สมบัติมาบนหลังลาและบนโหนกอูฐ เดินทางผ่านดินแดนอันยากลำบากและทุกข์ลำเค็ญ แดนแห่งราชสีห์และนางสิงห์ แดนแห่งงูกะปะและงูแมวเซา เพื่อไปยังชนชาติที่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ไปยังอียิปต์ ซึ่งความช่วยเหลือของเขาเปล่าประโยชน์อย่างแท้จริง เราจึงเรียกอียิปต์ว่า “ราหับผู้ไร้พิษสง” บัดนี้จงไปเขียนไว้บนแผ่นจารึกสำหรับพวกเขา เขียนลงบนหนังสือม้วน เพื่อวันข้างหน้า จะได้เป็นพยานหลักฐานที่ยืนยงตลอดไป คนเหล่านี้เป็นประชากรผู้ทรยศ เป็นลูกหลานที่ชอบหลอกลวง ลูกหลานซึ่งไม่เต็มใจรับฟังคำสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาบอกผู้ทำนายว่า “อย่าเห็นนิมิตต่างๆ อีกต่อไป!” และบอกผู้เผยพระวจนะว่า “อย่าแจ้งนิมิตถึงสิ่งที่ถูกต้องอีกเลย! ขอให้บอกแต่เรื่องที่น่าฟัง เผยพระวจนะเป็นภาพฝันมายาต่างๆ เถิด จงหลีกไปให้พ้น จงออกไปให้พ้นจากทางนี้ และหยุดเผชิญหน้ากับพวกเรา ด้วยองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลเสียที!” ฉะนั้นองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลตรัสว่า “เนื่องจากเจ้าละทิ้งถ้อยคำนี้ ไปวางใจการกดขี่ข่มเหง และพึ่งพากลอุบาย บาปนี้จะเป็นดั่งกำแพงสูงสำหรับเจ้า ซึ่งแตกกะเทาะออก แล้วก็ล้มครืนทันทีในชั่วพริบตา มันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหมือนเครื่องปั้นดินเผา ที่ถูกทุบละเอียดอย่างไม่ปรานี จนหาเศษสักชิ้นที่พอจะไปช้อนถ่านจากเตา หรือรองน้ำนิดหนึ่งจากบ่อก็ไม่ได้เลย” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลตรัสว่า “โดยการกลับใจและการหยุดพัก เจ้าจะรอด กำลังของเจ้าอยู่ที่การสงบนิ่งและการวางใจ แต่เจ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้เลย เจ้าพูดว่า ‘ไม่เอา พวกเราจะขึ้นหลังม้าหนีไป’ ดังนั้นเจ้าก็จะหนีไป! เจ้าพูดว่า ‘พวกเราจะควบม้าเร็วหนีไป’ ฉะนั้นบรรดาผู้ไล่ตามเจ้าจะมาเร็วมาก! คนพันคนจะเตลิดหนี เพราะคำขู่เข็ญของคนคนเดียว เพราะคำขู่เข็ญของคนห้าคน เจ้าทั้งหมดจะเตลิดหนี จนพวกเจ้าเหลืออยู่น้อยนิด เหมือนเสาธงบนยอดเขา เหมือนธงสัญญาณที่ปักไว้บนเนินเขา” ถึงกระนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้ายังทรงปรารถนาจะเมตตาเจ้า พระองค์ทรงลุกขึ้นเพื่อแสดงความเมตตาสงสารต่อเจ้า เพราะพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรม พระพรมีแก่ทุกคนที่รอคอยพระองค์! ประชากรศิโยนเอ๋ย ผู้อาศัยในเยรูซาเล็ม ท่านจะไม่ร้องไห้อีก พระองค์จะทรงเปี่ยมด้วยพระคุณยิ่งนักเมื่อท่านร้องขอความช่วยเหลือ! ทันทีที่พระองค์ทรงได้ยิน พระองค์จะทรงตอบ ถึงแม้องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานอาหารแห่งความลำเค็ญและน้ำแห่งความทุกข์ระทมแก่ท่าน แต่ครูของท่านจะไม่ซ่อนตัวอีก ท่านจะเห็นครูด้วยตาของท่านเอง ไม่ว่าท่านจะหันไปทางซ้ายหรือทางขวา หูของท่านจะได้ยินเสียงข้างหลังกล่าวว่า “นี่คือหนทาง จงเดินในทางนี้เถิด” แล้วท่านจะทำลายรูปเคารพต่างๆ ที่หุ้มด้วยเงิน และเทวรูปซึ่งปิดทอง ท่านจะเหวี่ยงทิ้งเหมือนผ้าที่เปื้อนประจำเดือน และพูดกับสิ่งเหล่านั้นว่า “ไปให้พ้น!” พระองค์จะประทานฝนแก่เมล็ดพืชที่ท่านหว่านลงในดิน อาหารที่ได้จากแผ่นดินจะอุดมสมบูรณ์ ในวันนั้นฝูงสัตว์ของท่านจะเล็มหญ้าอยู่ในทุ่งกว้าง วัวและลาซึ่งใช้ไถนาจะกินหญ้าแห้งและอาหารคลุกซึ่งใช้คราดและพลั่วเกลี่ย ในวันสังหารครั้งใหญ่นั้น เมื่อหอคอยต่างๆ ล้มครืนลง ธารน้ำหลายสายจะไหลบนภูเขาสูงทุกลูกและเนินเขาสูงทุกแห่ง ดวงจันทร์จะฉายแสงดั่งดวงอาทิตย์ และแสงอาทิตย์จะแผดกล้ากว่าเดิมเจ็ดเท่าเหมือนความสว่างของเจ็ดวันรวมกัน เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสมานรอยแผลของประชากรของพระองค์และทรงรักษาบาดแผลที่ทรงลงโทษ ดูเถิด พระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาจากที่ไกลลิบ ด้วยพระพิโรธร้อนแรงและควันโขมงทึบ ปากของพระองค์เต็มไปด้วยพระพิโรธ ลิ้นของพระองค์คือไฟที่เผาผลาญ ลมหายใจของพระองค์ เหมือนน้ำที่ทะลักท่วมถึงคอ พระองค์ทรงฝัดร่อนนานาชาติในตะแกรงแห่งหายนะ พระองค์ทรงใส่บังเหียนที่ชักนำให้เตลิดไปนั้น ไว้ที่ปากของชนชาติต่างๆ ส่วนท่านจะร้องเพลง เหมือนในคืนฉลองเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ จิตใจของท่านจะชื่นชมยินดี เหมือนตอนที่ประชากรเป่าขลุ่ย ขณะขึ้นไปยังภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเข้าเฝ้าพระศิลาแห่งอิสราเอล องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงให้มนุษย์ได้ยินพระสุรเสียงอันทรงเดชานุภาพของพระองค์ ให้พวกเขาเห็นพระกรซึ่งฟาดลงมา ด้วยพระพิโรธรุนแรงและด้วยไฟที่เผาผลาญ ด้วยพายุฝน ฟ้าคำรน และลูกเห็บ พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าทำให้อัสซีเรียแตกกระจาย พระองค์จะทรงฟาดเขาลงด้วยคทาของพระองค์ ทุกจังหวะที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฟาดเขา ด้วยไม้เรียว จะเข้ากับเสียงของรำมะนาและพิณ ขณะที่พระองค์ทรงสู้รบกับพวกเขาด้วยการฟาดฟันโดยพระกรของพระองค์ในสงคราม โทเฟทถูกเตรียมไว้นานแล้ว เตรียมไว้สำหรับกษัตริย์องค์นั้น หลุมที่ใช้เผาก็กว้างและลึก มีไฟและฟืนมากมาย ลมหายใจขององค์พระผู้เป็นเจ้า เหมือนธารกำมะถันลุกโชน ซึ่งจะจุดโทเฟทให้ลุกไหม้
อิสยาห์ 30:1-33 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “วิบัติจงเกิดแก่ลูกๆ ที่ดื้อรั้น พวกที่ทำตามแผนการที่ไม่ใช่ของเรา และสร้างสัมพันธภาพซึ่งไม่ได้เกิดจากฝ่ายวิญญาณของเรา พวกเขาจึงเพิ่มพูนบาปยิ่งขึ้น พวกเขาเดินทางลงไปยังอียิปต์ โดยไม่ได้ปรึกษาเรา แต่อาศัยการคุ้มครองของฟาโรห์ และหลบอยู่ภายใต้ร่มเงาของอียิปต์ แต่การคุ้มครองของฟาโรห์ กลับนำความอับอายมาให้เจ้า และการหลบภายใต้ร่มเงาของอียิปต์ กลับนำความอัปยศมาให้เจ้า ถึงแม้ว่าพวกเขามีบรรดาผู้นำที่โศอัน และพวกส่งสาสน์ได้ไปถึงฮาเนส ทุกคนจะอับอาย เนื่องจากไม่มีใครที่จะเป็นประโยชน์ต่อเขา ไม่ให้ทั้งความช่วยเหลือและผลประโยชน์ มีแต่ความอับอายและความอัปยศ” คำพยากรณ์เรื่องสัตว์ป่าแห่งเนเกบ เดินทางผ่านดินแดนที่แสนจะลำบากและทำให้เจ็บปวดรวดร้าว เป็นที่มีสิงโตทั้งตัวเมียและตัวผู้ มีงูพิษและงูพิษร้ายซึ่งพุ่งฉกอย่างร้อนรน พวกเขาบรรทุกสมบัติของตนบนหลังลา และทรัพย์สินที่มีบนโหนกอูฐ เพื่อพากันไปยังชนชาติที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา ความช่วยเหลือของอียิปต์ไร้ค่าและเปล่าประโยชน์ ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงเรียกอียิปต์ว่า “ราหับที่นั่งนิ่ง” และบัดนี้ จงไปเถิด จงเขียนบนแผ่นหินต่อหน้าพวกเขา และจารึกลงในหนังสือม้วน เพื่อในวันข้างหน้าจะได้เป็น หลักฐานจนชั่วนิรันดร์กาล เพราะพวกเขาเป็นชนชาติที่ดื้อดึง เป็นลูกหลานที่โป้ปด ไม่ยอมฟังคำสั่งสอนของพระผู้เป็นเจ้า เป็นบรรดาผู้ที่พูดกับผู้รู้ว่า “หยุดเห็นภาพนิมิตได้แล้ว” และพูดกับบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า “อย่าเผยคำกล่าวของพระเจ้าให้แก่พวกเราในสิ่งที่ควรทำ แต่พูดกับพวกเราถึงสิ่งที่รื่นหู ทำนายเรื่องที่ไม่เป็นจริงเถิด ไปเสียจากทางนั้น หันกลับไปจากวิถีทางนั้น อย่าให้พวกเราได้ยินเรื่ององค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลอีกเลย” ฉะนั้น องค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลกล่าวดังนี้ว่า “เพราะพวกเจ้าไม่ยอมรับคำกล่าว และวางใจในเรื่องการบีบบังคับและการบิดเบือน เจ้าจึงได้พึ่งสิ่งเหล่านั้น ฉะนั้น บาปนี้จะเกิดขึ้นกับพวกเจ้า เหมือนกำแพงสูงที่มีช่องโหว่ และกำลังจะล้มลง และจะทลายลงทันที โดยฉับพลัน กำแพงที่พังจะเป็นเหมือนภาชนะของช่างปั้นหม้อ ที่ถูกทุบอย่างไม่ปรานี จะหาเศษกระเบื้องแตกชิ้นใหญ่พอที่ จะใช้ตักถ่านคุจากพื้นเตาผิง หรือตักน้ำออกจากบ่อเก็บน้ำก็ไม่ได้” เพราะพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ องค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลกล่าวดังนี้ว่า “ถ้าจะกลับใจโดยหันเข้าหาเราและหยุดพัก พวกเจ้าก็จะรอดปลอดภัย การอยู่อย่างสงบนิ่งและด้วยการวางใจ พวกเจ้าก็จะมีพละกำลัง” แต่ท่านไม่ยอม และท่านพูดว่า “ไม่เอา พวกเราจะขี่ม้าหนีไป” ฉะนั้นพวกท่านจะหนีไป และ “พวกเราจะขี่ม้าฝีเท้าเร็ว” ฉะนั้นพวกที่ไล่ตามพวกท่านนั่นแหละที่จะมีฝีเท้าเร็ว เพียงคนเดียวที่จะไล่พวกท่าน 1,000 คนให้เตลิดไป และเพียง 5 คนจะทำให้พวกท่านหนีไป จนกว่าพวกท่านจะยืนยงอยู่ได้ ก็เป็นแค่เสาธงบนยอดเขา เหมือนกับธงชัยบนเนินเขา ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าปรารถนาจะมีความกรุณาต่อพวกท่าน พระองค์จึงลุกขึ้นแสดงความเมตตาต่อท่าน เพราะพระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรม ทุกคนที่รอคอยพระองค์จะเป็นสุข โอ ประชาชนในศิโยน ผู้อยู่อาศัยในเยรูซาเล็ม พวกท่านจะไม่ร้องไห้อีกต่อไป พระองค์จะมีความกรุณาต่อพวกท่านอย่างแน่นอนเมื่อพวกท่านส่งเสียงร้อง ทันทีที่พระองค์ได้ยินเสียงร้อง พระองค์ก็ตอบพวกท่าน และถึงแม้ว่า พระผู้เป็นเจ้าให้อาหารแห่งความคับขัน และให้น้ำแห่งความทุกข์ทรมานแก่พวกท่าน ถึงกระนั้นผู้สอนของท่านจะไม่ถูกซ่อนอีกต่อไป แต่ตาของท่านจะเห็นผู้สอนของท่าน เมื่อท่านเดินหันขวาหรือหันซ้ายก็ตาม หูของท่านจะได้ยินเสียงที่มาจากเบื้องหลังท่านพูดว่า “นี่คือหนทาง จงเดินในทางนั้น” แล้วท่านจะทำลายรูปเคารพสลักหุ้มด้วยเงิน และรูปบูชาหล่อชุบด้วยทองคำ ท่านจะโยนสิ่งเหล่านั้นทิ้งราวกับสิ่งที่เป็นมลทิน ท่านจะพูดกับมันว่า “ไปให้พ้น” และพระองค์จะหลั่งฝนลงมาให้กับเมล็ดที่ท่านหว่านบนดิน และอาหารที่ได้จากแผ่นดินก็จะมีคุณภาพดีและอุดมสมบูรณ์ ในวันนั้นสัตว์เลี้ยงของท่านจะเล็มหญ้าในทุ่งอันกว้างใหญ่ โคกระบือและลาที่ทำนาจะกินฟางที่มีรสชาติ ซึ่งเลือกสรรฝัดร่อนด้วยพลั่วและส้อม จะมีน้ำไหลในลำธารหลายแห่งบนภูเขาสูงทุกลูกและเนินเขาทุกแห่ง ในวันแห่งการสังหารครั้งยิ่งใหญ่เมื่อหอคอยล้ม ยิ่งกว่านั้น แสงจันทร์จะเป็นเหมือนแสงตะวัน และแสงตะวันจะสว่างขึ้นเป็น 7 เท่า คือวันหนึ่งมีแสงแรงเท่ากับ 7 วัน ในวันที่พระผู้เป็นเจ้าสมานความแตกสลายให้คนของพระองค์ และรักษาบาดแผลที่ถูกเฆี่ยน ดูเถิด พระนามของพระผู้เป็นเจ้ามาจากที่ไกล ความโกรธของพระองค์คุกรุ่นและเป็นกลุ่มควันมืดที่ลอยขึ้น ริมฝีปากของพระองค์แสดงให้เห็นความโกรธอันร้อนแรง และลิ้นของพระองค์เหมือนไฟที่เผาไหม้ ลมหายใจของพระองค์เหมือนลำธารที่เปี่ยมล้นและสูงถึงคอ เพื่อจะเขย่าบรรดาประชาชาติด้วยตะแกรงแห่งความพินาศ และใส่บังเหียนเพื่อบังคับขากรรไกรของบรรดาชนชาติให้หลงผิด เพลงของพวกท่านจะเป็นดุจเสียงในยามค่ำเมื่อมีการเลี้ยงฉลอง ใจของพวกท่านจะชื่นบานเหมือนบรรดาผู้ที่เดินไปกับเสียงขลุ่ย ขึ้นไปบนภูเขาของพระผู้เป็นเจ้า ไปยังศิลาของอิสราเอล และพระผู้เป็นเจ้าจะทำให้ผู้คนได้ยินเสียงอันกอปรด้วยมหิทธานุภาพของพระองค์ และให้เห็นอานุภาพของพระองค์ที่กระหน่ำลงมา ด้วยความเกรี้ยวโกรธและด้วยเปลวไฟที่เผาผลาญ ด้วยเมฆ พายุ และลูกเห็บ บรรดาชาวอัสซีเรียจะหวาดกลัวกับเสียงของพระผู้เป็นเจ้า เมื่อพระองค์ฟาดด้วยไม้ตะบองของพระองค์ และไม้เท้าที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดให้ฟาดบนพวกเขาทุกครั้ง จะเกิดขึ้นพร้อมกับเสียงรำมะนาและพิณเล็ก พระองค์จะต่อสู้กับพวกเขาด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ เพราะโทเฟทได้ถูกเตรียมไว้นานแล้ว พร้อมแล้วสำหรับกษัตริย์ เป็นหลุมที่ทั้งลึกและกว้าง พร้อมด้วยไฟและไม้มากมาย ลมหายใจของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นเหมือนสายธารกำมะถัน ก็จะจุดไฟให้ลุกโชน