ฮีบรู 9:1-28

ฮีบรู 9:1-28 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

แม้พันธสัญญาเดิมนั้น ก็มีกฎในการนมัสการ และมีโลกียศักดิ์สิทธิสถาน เพราะว่าได้มีเต็นท์กางขึ้นตกแต่งเสร็จแล้ว คือห้องชั้นนอก ซึ่งมีคันประทีป โต๊ะ และขนมปังหน้าพระพักตร์ ห้องนี้เรียกว่า วิสุทธิสถาน ภายในม่านชั้นที่สองมีห้อง ซึ่งเรียกว่า อภิสุทธิสถาน มีแท่นทองคำสำหรับเผาเครื่องหอม และมีหีบหุ้มด้วยทองคำทุกด้าน สำหรับบรรจุพันธสัญญา ภายในหีบนั้น มีโถทองคำใส่มานา และมีไม้เท้าของอาโรนที่ออกดอกตูม และมีศิลาสองแผ่นจารึกพันธสัญญา และเหนือหีบนั้น มีรูปเครูบแห่งพระสิริ คลุมพระที่นั่งพระกรุณานั้น สิ่งเหล่านี้ เราจะพรรณนาให้ละเอียดในที่นี้ไม่ได้ เมื่อจัดตั้งสิ่งเหล่านี้ไว้อย่างนั้นแล้ว พวกปุโรหิตก็เข้าไปในเต็นท์ห้องชั้นนอกทุกครั้งที่ปฏิบัติกิจวัตร แต่ในห้องที่สองนั้นมีมหาปุโรหิตผู้เดียวเท่านั้นที่เข้าไปได้ปีละครั้ง และต้องนำเลือดเข้าไปถวายเพื่อตัวเอง และเพื่อความผิดโดยไม่เจตนาของประชาชนด้วย เพราะการปฏิบัติอย่างนี้เอง พระวิญญาณบริสุทธิ์จึงทรงสำแดงว่า ทางซึ่งจะนำเข้าไปในสถานศักดิ์สิทธิ์นั้นจะยังไม่เปิด ในเมื่อเต็นท์ห้องชั้นนอกยังตั้งอยู่ (เต็นท์ห้องชั้นนอกเป็นเครื่องหมายแห่งยุคปัจจุบัน) การถวายของกำนัลและเครื่องบูชา ซึ่งจะกระทำกันตามแบบนี้ ไม่ชำระใจสำนึกผิดของผู้ถวายนั้น เพราะเป็นเรื่องของกินของดื่ม และพิธีชำระล้างต่างๆเท่านั้น เป็นพิธีสำหรับการปฏิบัติทางกายที่ได้บัญญัติไว้ จนกว่าจะถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ แต่เมื่อพระคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมหาปุโรหิตแห่งสิ่งประเสริฐ ซึ่งมาถึงแล้ว พระองค์ก็ได้เสด็จเข้าไปสู่เต็นท์อันใหญ่ยิ่งกว่าแต่ก่อน (ที่ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยมือ คือไม่ใช่เต็นท์แห่งโลกนี้) พระองค์เสด็จเข้าไปในวิสุทธิสถานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป และทรงสำเร็จการไถ่บาปชั่วนิรันดร์ เพราะว่าถ้าเลือดแพะและเลือดวัวตัวผู้ และเถ้าของลูกโคตัวเมีย ที่ประพรมลงบนคนบาปสามารถชำระมนุษย์ให้บริสุทธิ์ได้ พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ผู้ได้ทรงถวายพระองค์เองแด่พระเจ้าโดยพระวิญญาณนิรันดร์ ให้เป็นเครื่องบูชาอันปราศจากตำหนิ ก็จะทรงชำระได้มากยิ่งกว่านั้นสักเพียงใด เพื่อให้จิตใจของคนที่หมกมุ่นในการประพฤติที่นำไปสู่ความตาย หันไปรับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ เพราะเหตุนี้ พระองค์จึงทรงเป็นผู้กลางแห่งพันธสัญญาใหม่ เพื่อให้คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกมา ได้รับมรดกนิรันดร์ตามพระสัญญา เพราะการพลีชีวิตนั้นไถ่คนให้พ้นจากบาปอันเกิดใต้พันธสัญญาเดิมแล้ว เพราะว่าในกรณีที่เกี่ยวกับหนังสือพินัยกรรม ก็จะต้องพิสูจน์ว่าผู้ทำหนังสือนั้นตายแล้ว คนนั้นต้องตายเสียก่อน หนังสือพินัยกรรมจึงจะใช้ได้ แต่ถ้าผู้ทำยังมีชีวิตอยู่ พินัยกรรมนั้นก็ใช้ไม่ได้ เหตุฉะนั้นแม้พันธสัญญาเดิมก็ไม่ได้ทรงตั้งขึ้นไว้โดยปราศจากเลือด เพราะว่าเมื่อโมเสสประกาศพระบัญญัติทุกข้อ แก่บรรดาประชาชนแล้ว ท่านก็เอาเลือดลูกโคเลือดแพะกับน้ำ และเอาขนแกะสีแดงและต้นหุสบมาประพรมหนังสือม้วนนั้นและคนทั้งปวงด้วย ท่านได้กล่าวว่า <<นี่คือเลือดแห่งพันธสัญญา ซึ่งพระเจ้าทรงบัญญัติไว้แก่เจ้าทั้งหลาย>> แล้วท่านก็เอาเลือดประพรมเต็นท์กับเครื่องใช้ทุกชนิด ในพิธีนมัสการนั้นเช่นเดียวกัน ความจริงนั้นตามพระบัญญัติถือว่า เกือบทุกสิ่งจะบริสุทธิ์เพราะโลหิต และถ้าไม่มีโลหิตไหลออกแล้ว ก็จะไม่มีการอภัยบาปเลย เหตุฉะนั้นจึงจำเป็นต้องชำระล้างแบบจำลองของสวรรค์ โดยใช้เครื่องบูชาอย่างนี้ แต่ว่าของจริงจากสวรรค์นั้น ต้องชำระให้บริสุทธิ์ด้วยเครื่องบูชาอันประเสริฐกว่าเครื่องบูชาเหล่านั้น เพราะว่าพระคริสต์ไม่ได้เสด็จเข้าในสถานศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ อันเป็นแบบจำลองจากของจริง แต่พระองค์ได้เสด็จไปสวรรค์นั้น เพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้าเพื่อเราทั้งหลาย พระองค์ไม่ต้องทรงถวายพระองค์เองซ้ำอีก ไม่เหมือนมหาปุโรหิตที่เข้าไปในวิสุทธิสถานทุกปี และนำเอาเลือดซึ่งไม่ใช่โลหิตของตัวเองเข้าไปด้วย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น พระองค์คงจะต้องทรงทนทุกข์ทรมานหลายครั้ง นับตั้งแต่สร้างโลกมา แต่ความจริง พระองค์ทรงปรากฏเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในปลายยุค เพื่อกำจัดบาปให้หมดสิ้นไป โดยการถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชา มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉันใด พระคริสต์ก็ฉันนั้น คือพระองค์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาครั้งเดียว เพื่อจะได้ทรงแบกบาปของคนเป็นอันมากไว้ พระองค์จะทรงปรากฏเป็นครั้งที่สอง มิใช่เพื่อกำจัดบาป แต่เพื่อช่วยบรรดาผู้ที่รอคอยพระองค์ด้วยใจจดจ่อให้ได้รับความรอด

แบ่งปัน
อ่าน ฮีบรู 9

ฮีบรู 9:1-28 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

คำ​สัญญา​เดิม​นั้น มี​กฎระเบียบ​สำหรับ​การ​นมัสการ และ​มี​สถานที่​อัน​ศักดิ์สิทธิ์​ใน​โลกนี้ เพราะ​มี​เต็นท์​ที่​กาง​ขึ้น​มา เต็นท์นี้​มี​สอง​ห้อง ห้องแรก​เรียกว่า “ห้อง​ที่​ศักดิ์สิทธิ์” ภายใน​ห้องแรก​นี้​มี​โคมไฟ​ตั้งพื้น มี​โต๊ะ​และ​ขนมปัง​ศักดิ์สิทธิ์​วาง​อยู่ ส่วน​ห้อง​ที่สอง​นั้น​มี​ม่าน​กั้น​อยู่ ห้องนี้​มี​ชื่อ​เรียกว่า “ห้อง​ที่​ศักดิ์สิทธิ์​ที่สุด” ภายใน​ห้อง​ที่สอง​นี้ มี​แท่นบูชา​ทองคำ เอา​ไว้​เผา​เครื่อง​หอม และ​มี​หีบ​แห่ง​คำ​สัญญา หีบนี้​หุ้ม​ด้วย​ทองคำ​ทั้งหมด ภายใน​หีบ​มี​โถ​ทองคำ​ที่​ใส่​อาหารทิพย์​ไว้ มี​ไม้เท้า​ของ​อาโรน​ที่​มี​ใบอ่อน​งอก​ออก​มา และ​มี​แผ่นหิน​สอง​แผ่น​ของ​คำ​สัญญา​ที่​สลัก​กฎปฏิบัติ​สิบ​ประการ​ไว้ บน​หีบนั้น​มี​รูปปั้น​เครูบ ที่​อยู่​ต่อหน้า​สง่าราศี​ของ​พระเจ้า ปีก​ทั้งสอง​ของ​ทูตสวรรค์​นั้น​กางออก​คลุม​ฝาหีบ​ตรง​ที่​ที่​บาป​ได้รับ​การ​ยกโทษ ตอนนี้​เรา​ไม่​สามารถ​อธิบาย​ถึง​เรื่องนี้​อย่าง​ละเอียด​ได้ เมื่อ​จัด​สิ่ง​พวกนี้​เข้าที่​แล้ว พวก​นักบวช​จะ​เข้าไป​ใน​ห้องแรก ทำ​หน้าที่​รับใช้​พระเจ้า​เป็น​ประจำ ส่วน​ใน​ห้อง​ที่สอง​นั้น มี​แต่​หัวหน้า​นักบวช​สูงสุด​คนเดียว​ที่​เข้าไป​ได้ แต่​เข้าไป​ปีละ​ครั้ง​เท่านั้น และ​เขา​จะ​ต้อง​เอา​เลือด​เข้าไป​ด้วย เพื่อ​จัดการ​กับ​บาป​ของ​ตัวเอง และ​บาป​ของ​ประชาชน​อิสราเอล​ที่​ได้​ทำไป​โดย​ไม่รู้ตัว จาก​เรื่องนี้ พระวิญญาณ​บริสุทธิ์​ชี้​ให้เห็น​ว่า ทาง​ที่​จะ​เข้าไป​ใน​ห้อง​ที่​ศักดิ์สิทธิ์​ที่สุด​นั้น จะ​ยัง​ไม่​เปิดเผย​ให้​รู้ ตราบใด​ที่​ห้องแรก​ยัง​ใช้​ทำ​พิธี​ศาสนา​กัน​อยู่ นี่​เป็น​เรื่อง​เปรียบเทียบ​ให้​เห็น​ว่า​ของ​ถวาย​และ​เครื่อง​บูชา​ที่​เอา​มา​ถวาย​ให้กับ​พระเจ้า​นั้น ไม่​สามารถ​ชำระ​จิตใจ​ของ​คน​ที่​เอา​เครื่อง​บูชา​มา ให้​บริสุทธิ์​ได้หรอก เพราะ​มัน​เป็น​แค่​เรื่อง​ของ​อาหาร เครื่องดื่ม​และ​พิธี​ชำระ​ล้าง​ต่างๆ​ซึ่ง​ล้วนแต่​เป็น​กฎ​ที่​เกี่ยวกับ​เรื่อง​ภายนอก​ที่​ใช้​กัน​จนกว่า​จะ​ถึง​เวลา​ของ​ระบบ​ใหม่ แต่​ตอนนี้​พระคริสต์​ได้​มา​ใน​ฐานะ​หัวหน้า​นักบวช​สูงสุด สิ่งดีๆ​พวกนี้​ที่​มาถึง​แล้ว พระองค์​ได้​นำเข้า​ไป​ใน​เต็นท์​ศักดิ์สิทธิ์​ที่​ยิ่งใหญ่​สมบูรณ์แบบ​กว่า เป็น​เต็นท์​ที่​ไม่ได้​ทำ​ด้วย​มือ​มนุษย์ และ​ไม่ได้​เป็น​ของ​โลก​ที่​ถูก​สร้าง​มานี้ พระองค์​เข้าไป​ใน​ห้อง​ที่​ศักดิ์สิทธิ์​ที่สุด​นั้น​เพียง​ครั้งเดียว​ก็​พอ​สำหรับ​ตลอดไป พระองค์​ไม่ได้​เอา​เลือด​แพะ​และ​เลือด​ลูกวัว​เข้าไป แต่​ได้​ถวาย​เลือด​ของ​พระองค์​เอง พระองค์​จึง​ทำให้​เรา​เป็น​อิสระ​จาก​บาป​ตลอดไป ถ้า​เลือด​ของ​แพะ​และ​วัว​ตัวผู้ และ​ขี้เถ้า​ของ​วัว​ตัวเมีย​ที่​เอา​มา​ประพรม​ลง​บน​คน​ที่​ไม่​สะอาด​ตาม​พิธี​ทาง​ศาสนา ยัง​ทำให้​เขา​สะอาด​ภายนอก​ได้ แล้ว​เลือด​ของ​พระคริสต์​ล่ะ จะ​ชำระ​เรา​ยิ่งกว่า​นั้น​อีก​ขนาดไหน พระองค์​ได้​ถวายตัว​เอง​ให้​กับ​พระเจ้า เป็น​เครื่อง​บูชา​ที่​ไม่มี​ตำหนิ ผ่าน​ทาง​พระวิญญาณ​ที่​คงอยู่​ตลอดไป ดังนั้น​เลือด​ของ​พระองค์​จะ​ชำระ​ล้าง​จิตใจ​ของ​เรา​จาก​การ​กระทำ​ที่​นำ​ไป​ถึง​ความตาย เพื่อ​เรา​จะ​ได้​มา​รับใช้​พระเจ้า​ผู้​มี​ชีวิต​อยู่ นี่​เป็น​เหตุ​ที่​พระคริสต์​ได้​นำ​คำ​สัญญา​ใหม่​มา​ให้ พระองค์​เป็น​คนกลาง​ระหว่าง​พระเจ้า​กับ​มนุษย์ เพื่อ​ให้​คน​ที่​พระเจ้า​เรียก​มา​นั้น ได้รับ​มรดก​ถาวร​ตาม​ที่​พระเจ้า​ได้​สัญญา​ไว้ ความตาย​ของ​พระเยซู​ทำ​ให้​มนุษย์​ได้รับ​การ​ปลด​ปล่อย​ให้​เป็น​อิสระ​พ้น​จาก​บาป​ที่​ได้​ทำไป​ภายใต้​คำ​สัญญา​แรก​แล้ว มี​พินัยกรรม​อยู่​ที่​ไหน​ก็​จำเป็น​จะ​ต้อง​พิสูจน์​ให้​เห็น​ว่า คน​ทำ​พินัยกรรม​นั้น​ตายแล้ว เพราะ​พินัยกรรม​จะ​มี​ผล​บังคับ​ใช้​ก็​ต่อ​เมื่อ​คน​ทำ​ตายแล้ว​เท่านั้น แต่​ถ้า​คน​ทำ​พินัยกรรม​นั้น​ยัง​อยู่ มัน​ก็​ไม่มี​ผล​บังคับ​อะไรเลย นั่น​เป็น​เหตุ​ที่​ถ้า​ไม่มี​เลือด คำ​สัญญา​แรก​ก็​ยัง​ไม่มี​ผล​บังคับ​ใช้ เมื่อ​โมเสส​ได้​ประกาศ​คำสั่ง​ทุกข้อ​ให้​กับ​ประชาชน​แล้ว ท่าน​ก็​เอา​เลือด​ของ​ลูกวัว​และ​แพะ​พร้อม​กับ​น้ำ​และ​ขนแกะ​สี​แดง​และ​กิ่งหุสบ​มา​ประพรม​หนังสือม้วน​ของ​คำ​สัญญา​และ​ประชาชน​ทุกคน โมเสส​พูดว่า “นี่​คือ​เลือด​แห่ง​คำ​สัญญา คำ​สัญญา​นี้​พระเจ้า​ได้​สั่ง​ให้​พวกคุณ​รักษา​ไว้” แล้ว​โมเสส​ก็​ได้​ประพรม​เต็นท์​ศักดิ์สิทธิ์ และ​ของ​ทุกอย่าง​ที่​ใช้​ใน​การ​นมัสการ​พระเจ้า อันที่​จริง ตาม​กฎ​ของ​โมเสส​นั้น​ถือว่า​เกือบ​ทุกอย่าง​ที่​จะ​ต้อง​ใช้​เลือด​ชำระ​ล้าง​ให้​บริสุทธิ์ และ​ถ้า​ไม่มี​การ​หลั่ง​เลือด​ออก​มา​ก็​จะ​ไม่มี​การ​ยกโทษ​ให้ ดังนั้น ของ​พวกนี้​ที่​จำลอง​แบบ​มา​จาก​ของจริง​ใน​สวรรค์ จำเป็น​ที่​ต้อง​เอา​เลือด​ของ​สัตว์​มา​ชำระ​มัน แต่​กับ​ของจริง​ที่​อยู่​ใน​สวรรค์​นั้น​จะ​ต้อง​ใช้​เครื่อง​บูชา​ที่​ดี​กว่านี้​ชำระ เพราะ​พระคริสต์​ไม่ได้​เข้าไป​ใน​ห้อง​ศักดิ์สิทธิ์​ที่สุด​ที่​มือ​มนุษย์​สร้าง หรือ​ที่​จำลอง​แบบ​จาก​ของจริง แต่​ตอนนี้​พระองค์​ได้​เข้า​ไป​อยู่​ต่อหน้า​พระเจ้า​ใน​สวรรค์​ที่​แท้จริง​เพื่อเรา พระองค์​ไม่ได้​เข้า​ไป​ถวาย​พระองค์​เอง​ซ้ำแล้ว​ซ้ำอีก เหมือนกับ​ที่​หัวหน้า​นักบวช​สูงสุด​ต้อง​เอา​เลือด​ที่​ไม่ใช่​ของเขา​เอง​เข้าไป​ใน​ห้อง​ศักดิ์สิทธิ์​ที่สุด​ทุกๆปี เพราะ​ไม่​อย่างนั้น พระคริสต์​ก็​ต้อง​ถวาย​ตัวเอง​หลาย​ต่อ​หลาย​ครั้ง​แล้ว นับ​ตั้งแต่​สร้าง​โลก​มา แต่​ตอนนี้​ซึ่ง​เป็น​ยุค​สุดท้าย​แล้ว พระองค์​ได้​ปรากฏ​ตัว​เพียง​ครั้งเดียว​ก็​พอ​สำหรับ​ตลอดไป เพื่อ​ถวาย​พระองค์​เอง​เป็น​เครื่อง​บูชา​กำจัด​บาป​ให้​หมดไป มนุษย์​ตาย​แค่​ครั้งเดียว​แล้ว​เจอ​กับ​การ​พิพากษา พระคริสต์​ก็​เหมือนกัน ที่​ถวาย​ตัวเอง​เพียง​ครั้งเดียว เพื่อ​กำจัด​บาป​ของ​คน​เป็น​จำนวนมาก และ​พระองค์​จะ​มา​ปรากฏ​ตัว​อีก​เป็น​ครั้ง​ที่สอง แต่​ครั้งนี้​ไม่ใช่​เพื่อ​มา​กำจัด​บาป แต่​มา​ช่วย​คน​พวกนั้น​ให้​รอด คือ​คน​ที่​กำลัง​รอ​พระองค์​อย่าง​ใจจด​ใจจ่อ​อยู่

แบ่งปัน
อ่าน ฮีบรู 9

ฮีบรู 9:1-28 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

แม้แต่พันธสัญญาเดิมนั้นก็ยังมีกฎเกณฑ์ต่างๆ สำหรับศาสนพิธีและสำหรับสถานนมัสการในโลก เพราะว่าพลับพลาจัดเตรียมเสร็จแล้วในห้องชั้นนอกนั้น มีคันประทีป โต๊ะ และขนมปังเฉพาะพระพักตร์ ห้องนี้เรียกว่า วิสุทธิสถาน และข้างหลังม่านชั้นที่สองมีห้องซึ่งเรียกว่า อภิสุทธิสถาน ห้องนั้นมีแท่นทองคำสำหรับเผาเครื่องหอม และมีหีบพันธสัญญาหุ้มด้วยทองคำทุกด้าน ภายในนั้น มีโถทองคำบรรจุมานา มีไม้เท้าของอาโรนที่ออกดอกตูม และมีแผ่นศิลาจารึกพันธสัญญา เหนือหีบนั้น มีตัวเครูบแห่งพระสิริ กางปีกคลุมพระที่นั่งกรุณานั้น สิ่งเหล่านี้เราไม่อาจพรรณนาให้ละเอียดตอนนี้ได้ เมื่อจัดเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้อย่างนั้นแล้ว พวกปุโรหิตก็เข้าไปในห้องชั้นนอกนั้น ทุกครั้งที่ประกอบศาสนพิธี แต่ในห้องที่สองนั้นมีมหาปุโรหิตผู้เดียวเท่านั้นที่เข้าไปได้ปีละครั้ง และต้องนำเลือดเข้าไปถวายเพื่อตัวเอง และเพื่อบาปที่ประชาชนทำโดยไม่เจตนาด้วย โดยสิ่งนี้เอง พระวิญญาณบริสุทธิ์จึงทรงสำแดงว่า ทางที่นำเข้าสู่สถานศักดิ์สิทธิ์นั้นยังไม่เปิด ตราบใดที่ห้องชั้นนอกนั้นตั้งอยู่ ซึ่งเป็นเครื่องหมายของยุคปัจจุบัน การนำของถวายและเครื่องบูชามาถวายตามแบบนี้ไม่สามารถชำระมโนธรรมของผู้ถวายนั้น เพราะเป็นเรื่องอาหารและเครื่องดื่มและพิธีชำระล้างต่างๆ เท่านั้น เป็นเพียงกฎเกณฑ์ต่างๆ ทางกายเกี่ยวกับชีวิตภายนอกที่ได้บัญญัติไว้ จนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ แต่เมื่อพระคริสต์เสด็จมาในฐานะมหาปุโรหิตแห่งบรรดาสิ่งประเสริฐซึ่งมาถึงแล้ว พระองค์ก็เสด็จเข้าไปสู่พลับพลาที่ใหญ่และสมบูรณ์ยิ่งกว่าแต่ก่อน (ที่ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ คือไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างของโลกนี้) คือเสด็จเข้าไปในสถานศักดิ์สิทธิ์ครั้งเดียวเป็นพอ และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป จึงได้มาซึ่งการไถ่บาปชั่วนิรันดร์ เพราะว่าถ้าเลือดแพะและเลือดวัวตัวผู้และเถ้าของลูกวัวตัวเมีย ที่ประพรมลงบนคนที่มีมลทิน สามารถชำระเนื้อตัวให้บริสุทธิ์ได้ มากยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระโลหิตของพระคริสต์ ผู้ทรงถวายพระองค์เองที่ปราศจากตำหนิแด่พระเจ้าโดยพระวิญญาณนิรันดร์ ก็จะทรงชำระมโนธรรมของเราจากการประพฤติที่เปล่าประโยชน์ เพื่อเราจะปรนนิบัติพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ เพราะเหตุนี้ พระคริสต์จึงทรงเป็นคนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่ เพื่อให้คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกมาได้รับมรดกนิรันดร์ตามพระสัญญา เพราะความตายที่เกิดขึ้นนั้นไถ่พวกเขาให้พ้นจากบรรดาการล่วงละเมิดที่เกิดภายใต้พันธสัญญาเดิมแล้ว เพราะว่าในกรณีที่เกี่ยวกับหนังสือพินัยกรรม ก็จะต้องพิสูจน์ว่าผู้ทำหนังสือนั้นตายแล้ว คนนั้นต้องตายเสียก่อน หนังสือพินัยกรรมจึงจะมีผล แต่ถ้าผู้ทำยังมีชีวิตอยู่ พินัยกรรมนั้นก็ใช้ไม่ได้ เหตุฉะนั้นแม้แต่พันธสัญญาเดิมก็ไม่ได้ทรงตั้งขึ้นโดยปราศจากเลือด เพราะเมื่อโมเสสประกาศบัญญัติทุกข้อในธรรมบัญญัติแก่บรรดาประชาชนแล้ว ท่านก็เอาเลือดลูกวัวเลือดแพะกับน้ำ และเอาขนแกะสีแดงและต้นหุสบมาประพรมหนังสือม้วนนั้นรวมทั้งประชาชนทั้งปวงด้วย ท่านกล่าวว่า “นี่คือ โลหิตแห่งพันธสัญญาซึ่งพระเจ้าทรงบัญญัติไว้แก่เจ้าทั้งหลาย ” แล้วท่านก็เอาเลือดประพรมพลับพลากับเครื่องใช้ทุกชนิดในพิธีนมัสการนั้นเช่นเดียวกัน แท้จริงตามธรรมบัญญัตินั้นถือว่าเกือบทุกสิ่งได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ได้ด้วยเลือด และถ้าไม่มีโลหิตไหลออกแล้ว ก็จะไม่มีการยกโทษบาปเลย เพราะฉะนั้น แบบจำลองของสวรรค์จึงจำเป็นต้องถูกชำระให้บริสุทธิ์โดยใช้เครื่องบูชาเช่นนี้ แต่ว่าของจริงจากสวรรค์นั้นต้องชำระให้บริสุทธิ์ด้วยเครื่องบูชาอันประเสริฐกว่านั้น เพราะว่าพระคริสต์ไม่ได้เสด็จเข้าไปในสถานศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ ซึ่งถอดแบบจากของจริง แต่พระองค์เสด็จเข้าไปในสวรรค์นั้นเอง เพื่อทรงปรากฏตัวต่อพระพักตร์พระเจ้าเพื่อพวกเรา ไม่ใช่เพื่อทรงถวายพระองค์เองซ้ำอีก ไม่เหมือนมหาปุโรหิตที่เข้าไปในสถานศักดิ์สิทธิ์ทุกปี โดยนำเอาเลือดซึ่งไม่ใช่ของตัวเองเข้าไปด้วย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น พระองค์คงจะต้องทรงทนทุกข์หลายครั้งนับตั้งแต่สร้างโลกมา แต่ความจริง พระองค์ทรงปรากฏครั้งเดียวเท่านั้นในปลายยุค เพื่อกำจัดบาปให้หมดสิ้นไปโดยการถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชา ตามที่มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉันใด พระคริสต์ก็ฉันนั้น คือพระองค์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาครั้งเดียวเป็นพอ เพื่อจะได้ทรงแบกบาปของคนจำนวนมากไว้ แล้วพระองค์จะทรงปรากฏเป็นครั้งที่สอง ไม่ใช่เพื่อกำจัดบาป แต่เพื่อนำความรอดมาให้บรรดาผู้ที่รอคอยพระองค์ด้วยใจจดจ่อ

แบ่งปัน
อ่าน ฮีบรู 9

ฮีบรู 9:1-28 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

แท้​จร​ิงถึงแม้พันธสัญญาเดิ​มน​ั้​นก​็ยังได้​มี​กฎสำหรับการปรนนิบั​ติ​ในพิธี​นมัสการ และได้​มี​สถานอันบริ​สุทธิ​์สำหรับโลกนี้ เพราะว่าได้​มี​พล​ับพลาสร้างขึ้นตกแต่งเสร็จแล้ว คือห้องชั้นนอก ซึ่​งม​ีคันประทีป โต๊ะ และขนมปังหน้าพระพักตร์ ห้องนี้เรียกว่าที่​บริสุทธิ์ และภายในม่านชั้​นที​่สองมีห้องพลับพลาซึ่งเรียกว่า ที่​บริสุทธิ์​ที่สุด ห้องนั้​นม​ีแท่นทองคำสำหรับถวายเครื่องหอม และมี​หี​บพันธสัญญาหุ้​มด​้วยทองคำทุ​กด​้าน ในหี​บน​ั้​นม​ีโถทองคำใส่มานา และมี​ไม้​เท​้าของอาโรนที่ออกช่อ และมี​แผ่​นศิลาพันธสัญญา และเหนือหี​บน​ั้​นม​ี​รู​ปเครูบแห่งสง่าราศีคลุมพระที่นั่งพระกรุณานั้น สิ​่งเหล่านี้เราจะพรรณนาให้ละเอียดในที่​นี้​ไม่ได้ แล​้วเมื่อจัดตั้งสิ่งเหล่านี้​ไว้​อย่างนั้นแล้ว พวกปุโรหิ​ตก​็​เข​้าไปในพลับพลาห้องที่​หน​ึ่งทุกครั้งที่​ปรนนิบัติ​พระเจ้า แต่​ในห้องที่สองนั้​นม​ีมหาปุโรหิตผู้เดียวเท่านั้​นที​่​เข​้าไปได้​ปี​ละคร​ั้ง และต้องนำเลือดเข้าไปถวายเพื่อตัวเอง และเพื่อความผิดของประชาชนด้วย อย่างนั้นแหละ พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​ได้​ทรงสำแดงว่า ทางซึ่งจะเข้าไปในที่​บริสุทธิ์​ที่​สุดนั้นไม่​ได้​ปรากฏแจ้ง คราวเมื่อพลับพลาเดิมยังตั้งอยู่ พล​ับพลาเดิมเป็นเครื่องเปรียบสำหรับในเวลานั้น คื​อม​ีการถวายของให้และเครื่องบู​ชา ซึ่งจะกระทำให้ใจวินิจฉัยผิดและชอบของผู้ถวายนั้นถึงที่สำเร็จไม่​ได้ ซึ่งเป็นแต่เพียงของกินของดื่ม และพิธีชำระล้างต่างๆ และเป็นพิธีสำหรับเนื้อหนังที่​ได้​บัญญัติ​ไว้​จนกว่าจะถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ แต่​เมื่อพระคริสต์​ได้​เสด็จมาเป็นมหาปุโรหิตแห่งสิ่งประเสริฐซึ่งจะมาถึงโดยทางพลับพลาอันใหญ่ยิ่งกว่าและสมบู​รณ​์ยิ่งกว่าแต่​ก่อน ที่​ไม่ได้​สร้างขึ้นด้วยมือ และพูดได้ว่ามิ​ได้​เป็นอย่างของโลกนี้ พระองค์​เสด็จเข้าไปในที่​บริสุทธิ์​เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพระองค์​ไม่ได้​ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่​ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป และทรงสำเร็จการไถ่บาปชั่​วน​ิรันดร์​แก่​เรา เพราะถ้าเลือดวัวตัวผู้และเลือดแพะ และเถ้าของลูกโคตัวเมีย ที่​ประพรมลงบนคนบาป สามารถชำระเนื้อหนังให้​บริสุทธิ์​ได้ มากยิ่งกว่านั้นสักเท่าไรพระโลหิตของพระคริสต์ โดยพระวิญญาณนิรันดร์​ได้​ทรงถวายพระองค์เองแด่พระเจ้าเป็นเครื่องบูชาอันปราศจากตำหนิ จะได้ทรงชำระใจวินิจฉัยผิดและชอบของท่านทั้งหลายให้พ้นจากการกระทำที่ตายแล้ว เพื่อจะได้​ปฏิบัติ​พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์​อยู่ เพราะเหตุนี้​พระองค์​จึงทรงเป็นคนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่ เพื่อเมื่​อม​ี​ผู้​หน​ึ่งตายสำหรั​บท​ี่จะไถ่การละเมิดของคนที่​ได้​ละเมิดต่อพันธสัญญาเดิ​มน​ั้นแล้ว คนทั้งหลายที่​ถู​กเรียกแล้​วน​ั้นจะได้รับมรดกอันนิรันดร์ตามพระสัญญา เพราะว่าในกรณี​ที่​เก​ี่ยวกับหนังสือพินัยกรรม ผู้​ทำหนังสือนั้​นก​็ต้องถึงแก่ความตายแล้ว เพราะว่าเมื่อคนตายแล้วหนังสือพินัยกรรมนั้นจึงใช้​ได้ มิ​ฉะนั้นเมื่อผู้ทำยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่ หน​ังสือพินัยกรรมนั้​นก​็​ใช้ไม่ได้ เหตุ​ฉะนั้นพันธสัญญาเดิมก็​ไม่ได้​ทรงตั้งขึ้นไว้โดยปราศจากเลื​อด เพราะว่าเมื่อโมเสสประกาศข้​อบ​ังคั​บท​ุกข้อแก่บรรดาพลไพร่ตามพระราชบัญญั​ติ​แล้ว ท่านจึงได้เอาเลือดลูกวัวและเลือดลูกแพะกั​บน​้ำ และเอาขนแกะสีแดงและต้นหุสบมาประพรมหนังสื​อม​้วนนั้​นก​ั​บท​ั้งบรรดาคนทั้งปวง กล่าวว่า ‘​นี่​เป็นเลือดแห่งพันธสัญญา ซึ่งพระเจ้าทรงบัญญั​ติ​ไว้​แก่​ท่านทั้งหลาย’ แล​้​วท​่านก็เอาเลือดประพรมพลับพลากับเครื่องใช้​ทุ​กชนิดในการปฏิบั​ติ​นั้นเช่นเดียวกัน และตามพระราชบัญญั​ติ​ถือว่า เก​ือบทุกสิ่งจะถูกชำระด้วยโลหิต และถ้าไม่​มี​โลหิตไหลออกแล้ว ก็​จะไม่​มี​การอภัยบาปเลย เหตุ​ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องชำระแบบจำลองของสวรรค์ โดยใช้เครื่องบูชาอย่างนี้ แต่​ว่าของจริงในสวรรค์​นั้น ต้องชำระด้วยเครื่องบูชาอันประเสริฐกว่าเครื่องบูชาเหล่านั้น เพราะว่าพระคริสต์​ไม่ได้​เสด็จเข้าในสถานที่​บริสุทธิ์​ซึ่งสร้างขึ้นด้วยมื​อมนุษย์ อันเป็นแบบจำลองจากของจริง แต่​พระองค์​ได้​เสด็จเข้าไปในสวรรค์นั้นเอง และบัดนี้ทรงปรากฏจำเพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่อเราทั้งหลาย พระองค์​ไม่​ต้องทรงถวายพระองค์เองซ้ำอีก เหมือนอย่างมหาปุโรหิตที่​เข​้าไปในที่​บริสุทธิ์​ทุกปี​ๆ นำเอาเลือดซึ่งไม่​ใช่​โลหิตของตัวเองเข้าไปด้วย มิ​ฉะนั้นพระองค์คงต้องทนทุกข์ทรมานบ่อยๆตั้งแต่สร้างโลกมา แต่​ว่าเดี๋ยวนี้​พระองค์​ได้​ทรงปรากฏในเวลาที่สุดนี้ครั้งเดียว เพื่อจะได้กำจัดความบาปได้โดยถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบู​ชา มี​ข้อกำหนดสำหรับมนุษย์​ไว้​แล​้​วว​่าจะต้องตายหนหนึ่ง และหลังจากนั้​นก​็จะมีการพิพากษาฉันใด ดังนั้นพระคริสต์​ได้​ทรงถวายพระองค์เองหนหนึ่ง เพื่อจะได้ทรงรับเอาความบาปของคนเป็​นอ​ันมาก แล​้วพระองค์จะทรงปรากฏครั้งที่สองปราศจากความบาปแก่บรรดาคนที่คอยพระองค์​ให้​เขาถึงความรอดฉันนั้น

แบ่งปัน
อ่าน ฮีบรู 9

ฮีบรู 9:1-28 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

พันธสัญญาแรกนั้นมีกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการนมัสการและมีสถานนมัสการของโลกนี้ พลับพลาถูกตั้งขึ้น ในห้องแรกมีคันประทีป โต๊ะและขนมปังเบื้องพระพักตร์ เรียกห้องนี้ว่าวิสุทธิสถาน หลังม่านชั้นที่สองคือห้องซึ่งเรียกว่า อภิสุทธิสถาน ในห้องนี้มีแท่นทองคำสำหรับเผาเครื่องหอมและหีบพันธสัญญาหุ้มด้วยทองคำ ซึ่งภายในหีบมีภาชนะทองคำบรรจุมานา ไม้เท้าของอาโรนซึ่งผลิตาออกมา และแผ่นศิลาแห่งพันธสัญญา เหนือหีบนั้นมีรูปปั้นของเครูบแห่งองค์ผู้ทรงพระเกียรติสิริ ปีกของเครูบกางออกคลุมฝาหีบซึ่งเป็นที่ลบมลทินบาป แต่เราไม่อาจจะกล่าวถึงรายละเอียดของสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ในตอนนี้ เมื่อจัดทุกสิ่งตามนี้แล้ว เหล่าปุโรหิตก็เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในห้องชั้นนอกเป็นกิจวัตร แต่มีเพียงมหาปุโรหิตเท่านั้นที่เข้าสู่ห้องชั้นในปีละครั้ง และต้องนำเลือดเข้าไปถวายเพื่อตัวเองและเพื่อบาปโดยไม่เจตนาของเหล่าประชากร พระวิญญาณทรงสำแดงโดยสิ่งเหล่านี้ว่า ตราบใดที่พลับพลาแรกยังตั้งอยู่ ทางเข้าสู่อภิสุทธิสถานก็ยังไม่เปิด นี่เป็นภาพสำหรับยุคปัจจุบัน บ่งชี้ว่าของถวายและเครื่องบูชาเหล่านั้นไม่สามารถชำระจิตสำนึกของผู้นมัสการได้ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องของอาหาร เครื่องดื่ม และการชำระต่างๆ ตามระเบียบพิธี ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติภายนอกจนกว่าจะถึงเวลาของระบบใหม่ เมื่อพระคริสต์ทรงมาในฐานะมหาปุโรหิตแห่งสิ่งประเสริฐต่างๆ ซึ่งได้มาถึงแล้ว พระองค์ทรงผ่านเข้าสู่พลับพลาที่ยิ่งใหญ่กว่าและสมบูรณ์กว่า ซึ่งไม่ได้สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ กล่าวคือไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ทรงสร้างนี้ พระองค์ไม่ได้ทรงเข้าไปด้วยเลือดแพะหรือเลือดวัว แต่พระองค์ทรงเข้าไปสู่อภิสุทธิสถานด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง พระองค์ทรงกระทำเช่นนี้เพียงครั้งเดียวเป็นพอและได้การไถ่บาปชั่วนิรันดร์มา เลือดแพะเลือดวัวหรือเถ้าถ่านจากวัวตัวเมียที่ประพรมลงบนผู้มีมลทินตามระเบียบพิธีได้ชำระเขาให้บริสุทธิ์ เพื่อเขาจะสะอาดภายนอก แล้วยิ่งกว่านั้นสักเพียงใดพระโลหิตของพระคริสต์ผู้ถวายพระองค์เองอย่างปราศจากตำหนิแด่พระเจ้าโดยทางพระวิญญาณนิรันดร์ ย่อมชำระจิตสำนึกของเราจากการกระทำอันนำไปสู่ความตาย เพื่อเราจะได้รับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่! ด้วยเหตุนี้พระคริสต์จึงทรงเป็นคนกลางของพันธสัญญาใหม่ เพื่อบรรดาผู้ที่ทรงเรียกนั้นจะได้รับมรดกนิรันดร์ซึ่งทรงสัญญาไว้ เพราะพระคริสต์ได้ทรงวายพระชนม์เป็นค่าไถ่เพื่อปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระจากบาปซึ่งได้ทำภายใต้พันธสัญญาแรก ในกรณีของพินัยกรรม จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าผู้ทำพินัยกรรมนั้นสิ้นชีวิตแล้ว เพราะพินัยกรรมจะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อผู้ทำตายแล้ว หากผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่พินัยกรรมจะไม่มีผลอะไร ด้วยเหตุนี้แม้แต่พันธสัญญาแรกจะมีผลบังคับใช้ก็ต้องมีเลือด เมื่อโมเสสประกาศบทบัญญัติทุกข้อแก่เหล่าประชากรทั้งปวงแล้ว เขาก็นำเลือดลูกวัวพร้อมด้วยน้ำ ขนแกะสีแดงและกิ่งหุสบมาประพรมหนังสือม้วนและเหล่าประชากร เขากล่าวว่า “นี่คือเลือดแห่งพันธสัญญาซึ่งพระเจ้าทรงบัญชาให้ท่านทั้งหลายรักษา” และเขาใช้เลือดประพรมพลับพลาและทุกสิ่งที่ใช้ในพิธีต่างๆ เช่นเดียวกัน อันที่จริงบทบัญญัติระบุให้ชำระแทบทุกสิ่งด้วยเลือด และถ้าไม่มีการหลั่งเลือดก็ไม่มีการอภัยบาป ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องชำระสิ่งต่างๆ อันเป็นแบบจำลองของสวรรค์ด้วยเครื่องบูชาเหล่านี้ ส่วนของในสวรรค์เองต้องชำระด้วยเครื่องบูชาที่ดียิ่งกว่า เพราะพระคริสต์ไม่ได้เข้าสู่สถานนมัสการที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งเป็นเพียงแบบจำลองมาจากของแท้ พระองค์ทรงเข้าสู่สวรรค์โดยตรง บัดนี้ทรงปรากฏต่อหน้าพระเจ้าเพื่อเราทั้งหลาย ทั้งไม่ได้ทรงเข้าสู่สวรรค์เพื่อถวายพระองค์เองซ้ำแล้วซ้ำอีกแบบที่มหาปุโรหิตเข้าสู่อภิสุทธิสถานทุกๆ ปีพร้อมด้วยเลือดซึ่งไม่ใช่เลือดของตัวเอง หากเป็นเช่นนั้นพระคริสต์คงต้องทนทุกข์ทรมานหลายครั้งนับตั้งแต่ทรงสร้างโลก แต่บัดนี้พระองค์ทรงปรากฏในปลายยุคเพียงครั้งเดียวเป็นพอ เพื่อกำจัดบาปให้หมดสิ้นโดยถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชา เหมือนที่มนุษย์ถูกกำหนดให้ตายครั้งเดียว หลังจากนั้นต้องพบกับการพิพากษา พระคริสต์ก็ทรงถวายพระองค์เองครั้งเดียวเพื่อลบล้างบาปของประชาชนเป็นอันมาก และพระองค์จะทรงปรากฏเป็นครั้งที่สอง ไม่ใช่เพื่อรับแบกบาปแต่เพื่อนำความรอดมายังบรรดาผู้ซึ่งรอคอยพระองค์

แบ่งปัน
อ่าน ฮีบรู 9

ฮีบรู 9:1-28 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

แม้​พันธ​สัญญา​แรก​ก็​ยัง​มี​กฎเกณฑ์​ใน​การ​นมัสการ และ​มี​สถาน​ที่​บริสุทธิ์​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ซึ่ง​มนุษย์​ทำ​ขึ้น​มา เพราะ​ว่า​มี​กระโจม​เตรียม​ไว้​ที่​ห้อง​ด้าน​นอก ซึ่ง​มี​คัน​ประทีป โต๊ะ และ​ขนมปัง​อัน​บริสุทธิ์ ห้อง​นี้​เรียก​ว่า​วิสุทธิ​สถาน และ​ด้าน​หลัง​ม่าน​ชั้น​ที่ 2 มี​ห้อง​ซึ่ง​เรียก​ว่า อภิสุทธิ​สถาน ซึ่ง​มี​แท่น​บูชา​ทำ​ด้วย​ทองคำ​สำหรับ​เผา​เครื่อง​หอม และ​มี​หีบ​พันธ​สัญญา​ที่​หุ้ม​ด้วย​ทองคำ​ทุก​ด้าน หีบ​นี้​มี​โถ​ทองคำ​ซึ่ง​บรรจุ​มานา มี​ไม้​เท้า​ของ​อาโรน​ที่​ผลิ​ดอก​ตูม และ​มี​ศิลา 2 แผ่น​ซึ่ง​มี​พันธ​สัญญา​จารึก​ไว้ เหนือ​หีบ​ใบ​นี้​มี​รูป​ปั้น​เครูบ​ซึ่ง​แสดง​พระ​สง่า​ราศี​ของ​พระ​เจ้า และ​กาง​ปีก​ปก​ฝา​หีบ​แห่ง​การ​ชดใช้​บาป แต่​ใน​เวลา​นี้​เรา​จะ​พูด​ถึง​เรื่อง​เหล่า​นี้​อย่าง​ละเอียด​ไม่​ได้ เมื่อ​จัดเตรียม​สิ่ง​เหล่า​นี้​ไว้​แล้ว บรรดา​ปุโรหิต​ก็​เข้า​ไป​ใน​กระโจม​ด้าน​นอก​เป็น​ประจำ​เพื่อ​นมัสการ​ตาม​หน้าที่ มี​แต่​หัวหน้า​มหา​ปุโรหิต​เท่า​นั้น​ที่​เข้า​ไป​ใน​ห้อง​ด้าน​ใน​ได้​เพียง​ปี​ละ​ครั้ง และ​จะ​ต้อง​นำ​เลือด​เข้า​ไป​ถวาย​เพื่อ​ตน​เอง และ​เพื่อ​บาป​ทั้ง​หลาย​ของ​มนุษย์​ที่​ทำ​ไป​โดย​ไม่​เจตนา พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​แสดง​ให้​เห็น​จาก​การ​ปฏิบัติ​ตาม​ที่​กล่าว​มา​นี้​ว่า ทาง​เข้า​ไป​สู่​อภิสุทธิ​สถาน​ยัง​ไม่​เปิด ตราบ​ที่​กระโจม​ด้าน​นอก​ยัง​ตั้ง​อยู่ นี่​คือ​ภาพ​ที่​แสดง​ให้​เห็น​ถึง​ยุค​ปัจจุบัน ซึ่ง​ชี้​ให้​เห็น​ว่า ของ​บรรณาการ​และ​เครื่อง​สักการะ​ทั้ง​หลาย​ที่​ถวาย ไม่​สามารถ​ทำ​ให้​มโนธรรม​ของ​ผู้​นมัสการ​สะอาด​ได้ ใน​เมื่อ​เป็น​เพียง​เรื่อง​อาหาร​และ​เครื่อง​ดื่ม และ​พิธี​ชำระ​ล้าง​ด้วย​วิธี​ต่างๆ กัน อัน​เป็น​กฎเกณฑ์​สำหรับ​ร่างกาย ซึ่ง​ใช้​ได้​จน​กระทั่ง​ถึง​เวลา​ที่​จะ​ต้อง​เปลี่ยนแปลง​แก้ไข​ใหม่ เมื่อ​พระ​คริสต์​มา​ใน​ฐานะ​หัวหน้า​มหา​ปุโรหิต​ของ​สิ่ง​ประเสริฐ​ต่างๆ ที่​เรา​ได้​รับ​แล้ว พระ​องค์​ก็​ได้​เข้า​สู่​กระโจม​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​และ​บริบูรณ์​กว่า ซึ่ง​ไม่​ได้​ทำ​ขึ้น​ด้วย​มือ​มนุษย์ คือ​ไม่​ได้​เป็น​ส่วน​ของ​โลก​ที่​ถูก​สร้าง​ขึ้น พระ​องค์​ไม่​ได้​เข้า​ไป​ด้วย​เลือด​แพะ และ​เลือด​ลูก​โค แต่​พระ​องค์​เข้า​ไป​ใน​อภิสุทธิ​สถาน​ด้วย​โลหิต​ของ​พระ​องค์​เอง เพียง​ครั้ง​เดียว​เป็น​พอ เรา​จึง​ได้​มา​ซึ่ง​การ​ไถ่​อัน​เป็น​นิรันดร์ ถ้า​เลือด​แพะ และ​โค​ตัว​ผู้ และ​เถ้า​จาก​ลูก​โค​ตัว​เมีย ที่​ประพรม​ลง​บน​คน​ที่​มี​มลทิน เพื่อ​ชำระ​ให้​มนุษย์​บริสุทธิ์​ภาย​นอก​ได้ ดังนั้น​โลหิต​ของ​พระ​คริสต์​จะ​ชำระ​ล้าง​มโนธรรม​ของ​เรา​จาก​การ​กระทำ​อัน​ไร้​ประโยชน์ เพื่อ​รับใช้​พระ​เจ้า​ผู้​ดำรง​อยู่​ได้​มาก​กว่า​เพียง​ไร ด้วย​เหตุ​ว่า พระ​องค์​ได้​ถวาย​พระ​องค์​เอง​ผู้​ปราศจาก​ตำหนิ​แด่​พระ​เจ้า โดย​ผ่าน​พระ​วิญญาณ​อัน​เป็น​นิรันดร์ และ​ด้วย​เหตุ​นี้ พระ​คริสต์​จึง​เป็น​คน​กลาง​ของ​พันธ​สัญญา​ใหม่ ระหว่าง​พระ​เจ้า​กับ​มนุษย์ เพื่อ​ว่า​บรรดา​ผู้​ที่​พระ​เจ้า​เรียก จะ​ได้​รับ​มรดก​อัน​เป็น​นิรันดร์​ซึ่ง​เป็น​พระ​สัญญา เพราะ​พระ​องค์​ได้​สิ้น​ชีวิต เพื่อ​เป็น​ค่าไถ่​ให้​พวก​เขา​เป็น​อิสระ​จาก​การ​ล่วง​ละเมิด​ภาย​ใต้​บังคับ​ของ​พันธ​สัญญา​แรก ใน​กรณี​ที่​เกี่ยว​กับ​หนังสือ​พินัยกรรม จำเป็น​ต้อง​พิสูจน์​ว่า​ผู้​ทำ​หนังสือ​นั้น​ตาย​แล้ว เพราะ​หนังสือ​พินัยกรรม​จะ​ใช้​ได้​ก็​ต่อ​เมื่อ​คน​นั้น​ตาย​แล้ว และ​ยัง​ใช้​ไม่​ได้​หาก​ว่า​คน​ที่​ทำ​หนังสือ​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่ เหตุ​ฉะนั้น​แม้​พันธ​สัญญา​แรก​จะ​ใช้​ได้ ก็​ต่อ​เมื่อ​มี​การ​ใช้​เลือด เมื่อ​โมเสส​ได้​ประกาศ​พระ​บัญญัติ​ทุก​ข้อ​แก่​คน​ทั้ง​ปวง​ตาม​กฎ​บัญญัติ​แล้ว ท่าน​ใช้​ขน​สัตว์​สี​แดง​สด​กับ​ไม้​หุสบ จุ่ม​เลือด​ลูก​โค​กับ​เลือด​แพะ​ผสม​น้ำ ประพรม​หนังสือ​ม้วน​และ​คน​ทั้ง​ปวง ท่าน​กล่าว​ว่า “นี่​คือ​เลือด​แห่ง​พันธ​สัญญา ซึ่ง​พระ​เจ้า​ได้​สั่ง​ให้​พวก​ท่าน​รักษา​ไว้” ใน​วิธี​เดียว​กัน​ท่าน​ก็​ได้​ประพรม​กระโจม​และ​ทุก​สิ่ง​ที่​ใช้​ใน​พิธี​ด้วย​เลือด ตาม​กฎ​บัญญัติ​แล้ว เกือบ​ทุก​สิ่ง​ได้​รับ​การ​ชำระ​ด้วย​เลือด และ​ถ้า​ปราศจาก​การ​หลั่ง​เลือด​แล้ว​ก็​จะ​ไม่​มี​การ​ให้​อภัย​โทษ ฉะนั้น จึง​จำเป็น​ต้อง​ให้​สิ่ง​ที่​ทำ​ขึ้น​ตาม​แบบ​อย่าง​สวรรค์ ได้​รับ​การ​ชำระ​ให้​บริสุทธิ์​ด้วย​เครื่อง​สักการะ​เหล่า​นี้ แต่​สิ่ง​ซึ่ง​เป็น​อย่าง​สวรรค์​เอง​ต้อง​มี​เครื่อง​สักการะ​ที่​ดี​กว่า​นี้ ด้วย​ว่า​พระ​คริสต์​ไม่​ได้​เข้า​สู่​สถาน​ที่​บริสุทธิ์​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ซึ่ง​เป็น​แบบ​ของ​จริง​ด้วย​มือ​มนุษย์ แต่​ได้​เข้า​สู่​สวรรค์​อัน​แท้​จริง และ​บัดนี้​พระ​องค์​ปรากฏ​ต่อ​หน้า​พระ​เจ้า​เพื่อ​พวก​เรา พระ​องค์​ไม่​ได้​เข้า​สู่​สวรรค์​เพื่อ​ถวาย​ตัว​ครั้ง​แล้ว​ครั้ง​เล่า ตาม​แบบ​ของ​หัวหน้า​มหา​ปุโรหิต​ที่​เข้า​ไป​ใน​อภิสุทธิ​สถาน​ทุก​ปี พร้อม​กับ​เอา​เลือด​ที่​ไม่​ใช่​ของ​ตน​เอง​ไป มิ​ฉะนั้น พระ​องค์​จะ​ต้อง​ทน​ทุกข์​บ่อย​ครั้ง​นับ​ตั้งแต่​การ​สร้าง​โลก​แล้ว แต่​บัดนี้​พระ​องค์​ได้​ปรากฏ​เพียง​ครั้ง​เดียว​เป็น​พอ​ใน​ปลาย​ยุค เพื่อ​กำจัด​บาป โดย​สละ​ชีวิต​ของ​พระ​องค์​เอง​เป็น​เครื่อง​สักการะ มนุษย์​ทุก​คน​ถูก​กำหนด​ให้​ตาย​ครั้ง​เดียว และ​จาก​นั้น​ก็​มี​การ​พิพากษา​ฉันใด พระ​คริสต์​ก็​เป็น​เครื่อง​ลบล้าง​บาป​ครั้ง​เดียว เพื่อ​กำจัด​บาป​ทั้ง​ปวง​ของ​มนุษย์​จำนวน​มาก​ฉัน​นั้น พระ​องค์​จะ​ปรากฏ​เป็น​ครั้ง​ที่​สอง​มิ​ใช่​เพื่อ​รับ​บาป​ไป แต่​เพื่อ​นำ​ความ​รอด​พ้น​มา​ให้​บรรดา​ผู้​ที่​รอคอย​พระ​องค์​อยู่​ด้วย​ใจ​จดจ่อ

แบ่งปัน
อ่าน ฮีบรู 9

YouVersion ใช้คุกกี้สำหรับการปรับแต่งการใช้งาน และประสบการณ์ของคุณ การที่คุณได้ใช้เว็บไซต์ของเรา ถือเป็นการที่คุณยอมรับวัตถุประสงค์ของการใช้คุกกี้ ซึ่งมีคำอธิบายอยู่ในนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา