ฮีบรู 3:2-11
ฮีบรู 3:2-11 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
พระองค์ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าผู้ที่ได้แต่งตั้งพระองค์ เหมือนกับที่โมเสสซื่อสัตย์เมื่อรับใช้อยู่ในบ้านเรือนของพระเจ้า จะเห็นว่าพระเยซูนั้นสมควรที่จะได้รับเกียรติมากกว่าโมเสสเสียอีก เหมือนกับคนที่สร้างบ้านได้รับเกียรติมากกว่าตัวบ้านเอง แน่นอน บ้านทุกหลังจะต้องมีคนสร้าง แต่พระเจ้าเป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง โมเสสนั้นซื่อสัตย์ในหน้าที่ทุกอย่าง ในฐานะคนรับใช้ในครัวเรือนของพระเจ้า และเขามีหน้าที่บอกให้คนรู้ถึงสิ่งที่พระเจ้าจะเปิดเผยในอนาคต แต่พระคริสต์นั้นซื่อสัตย์ในฐานะที่เป็นบุตรที่อยู่เหนือครัวเรือนของพระเจ้า แล้วเรานั่นแหละคือครัวเรือนของพระองค์ ถ้าหากเรายังยึดมั่นในความกล้าหาญและในความภาคภูมิใจของเราที่เกิดจากความหวังที่เรามีอยู่นั้น อย่างนั้นตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ พูดว่า “วันนี้ ถ้าพวกเจ้าได้ยินเสียงของพระเจ้า ก็อย่ามีใจดื้อรั้น เหมือนกับตอนนั้นที่เจ้ากบฏต่อพระเจ้า ในวันนั้นที่เจ้าได้ลองดีกับพระเจ้า ในที่เปล่าเปลี่ยว” พระเจ้าพูดว่า “บรรพบุรุษของพวกเจ้าได้ลองดีและท้าทายเราในที่เปล่าเปลี่ยวนั้น ทั้งๆที่พวกเขาได้เห็นเราทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ตลอดสี่สิบปี นั่นเป็นเหตุที่เราโกรธคนรุ่นนั้น และเราพูดว่า ‘ใจของเขาหลงผิดเสมอ คนพวกนี้ไม่เคยเข้าใจวิถีทางของเรา’ ดังนั้น ตอนที่เราโกรธ เราได้สาบานว่า ‘พวกเขาจะไม่มีวันได้เข้าไปหยุดพักผ่อนกับเรา’”
ฮีบรู 3:2-11 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
พระองค์ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าผู้ที่ได้แต่งตั้งพระองค์ เหมือนกับที่โมเสสซื่อสัตย์เมื่อรับใช้อยู่ในบ้านเรือนของพระเจ้า จะเห็นว่าพระเยซูนั้นสมควรที่จะได้รับเกียรติมากกว่าโมเสสเสียอีก เหมือนกับคนที่สร้างบ้านได้รับเกียรติมากกว่าตัวบ้านเอง แน่นอน บ้านทุกหลังจะต้องมีคนสร้าง แต่พระเจ้าเป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง โมเสสนั้นซื่อสัตย์ในหน้าที่ทุกอย่าง ในฐานะคนรับใช้ในครัวเรือนของพระเจ้า และเขามีหน้าที่บอกให้คนรู้ถึงสิ่งที่พระเจ้าจะเปิดเผยในอนาคต แต่พระคริสต์นั้นซื่อสัตย์ในฐานะที่เป็นบุตรที่อยู่เหนือครัวเรือนของพระเจ้า แล้วเรานั่นแหละคือครัวเรือนของพระองค์ ถ้าหากเรายังยึดมั่นในความกล้าหาญและในความภาคภูมิใจของเราที่เกิดจากความหวังที่เรามีอยู่นั้น อย่างนั้นตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ พูดว่า “วันนี้ ถ้าพวกเจ้าได้ยินเสียงของพระเจ้า ก็อย่ามีใจดื้อรั้น เหมือนกับตอนนั้นที่เจ้ากบฏต่อพระเจ้า ในวันนั้นที่เจ้าได้ลองดีกับพระเจ้า ในที่เปล่าเปลี่ยว” พระเจ้าพูดว่า “บรรพบุรุษของพวกเจ้าได้ลองดีและท้าทายเราในที่เปล่าเปลี่ยวนั้น ทั้งๆที่พวกเขาได้เห็นเราทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ตลอดสี่สิบปี นั่นเป็นเหตุที่เราโกรธคนรุ่นนั้น และเราพูดว่า ‘ใจของเขาหลงผิดเสมอ คนพวกนี้ไม่เคยเข้าใจวิถีทางของเรา’ ดังนั้น ตอนที่เราโกรธ เราได้สาบานว่า ‘พวกเขาจะไม่มีวันได้เข้าไปหยุดพักผ่อนกับเรา’”
ฮีบรู 3:2-11 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
พระองค์ทรงซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าผู้ทรงแต่งตั้งพระองค์ไว้ เหมือนอย่างที่โมเสสซื่อสัตย์ในชุมนุมชนของพระเจ้า แต่ถึงกระนั้นพระเยซูก็ทรงสมควรได้รับพระเกียรติมากกว่าโมเสส เช่นเดียวกับที่ผู้สร้างบ้านย่อมมีเกียรติยิ่งกว่าตัวบ้าน เพราะว่าบ้านทุกหลังต้องมีคนสร้าง แต่ผู้ที่สร้างสิ่งทั้งปวงคือพระเจ้า โมเสสนั้นซื่อสัตย์ในชุมนุมชนทั้งสิ้นของพระเจ้าในฐานะผู้รับใช้ เพื่อเป็นพยานถึงเรื่องต่างๆ ที่พระเจ้าจะตรัสในภายหลัง แต่พระคริสต์นั้นทรงซื่อสัตย์ในฐานะพระบุตร ผู้อยู่เหนือชุมนุมชนของพระเจ้า และเราก็เป็นชุมนุมชนนั้น หากเพียงแต่เราจะยึดความมั่นใจและความภูมิใจในความหวังนั้นไว้ เพราะฉะนั้น ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสว่า “วันนี้ถ้าท่านทั้งหลายได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ อย่าให้จิตใจของท่านดื้อรั้นเหมือนอย่างในการกบฏครั้งนั้น ในวันที่ทดลองในถิ่นทุรกันดาร ที่ที่บรรพบุรุษของท่านทดลองเราโดยพิสูจน์เรา แม้ว่าพวกเขาเห็นกิจการต่างๆ ของเราตลอดสี่สิบปี เพราะฉะนั้นเราจึงโกรธคนในยุคนั้น และว่า ‘ใจของพวกเขาหลงผิดอยู่เสมอ พวกเขาไม่รู้จักทางของเรา’ ตามที่เราปฏิญาณ ด้วยความโกรธว่า ‘พวกเขาจะไม่ได้เข้าสู่การหยุดพักของเรา’ ”
ฮีบรู 3:2-11 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
ผู้ทรงสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าผู้ได้ทรงแต่งตั้งพระองค์ไว้ เหมือนอย่างโมเสสได้สัตย์ซื่อในพรรคพวกของพระองค์ทั้งสิ้น แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็ทรงสมควรได้รับพระเกียรติมากกว่าโมเสสมากนัก เช่นเดียวกับผู้สร้างบ้านย่อมมีเกียรติยศมากกว่าบ้านนั้น ด้วยว่าบ้านทุกหลังต้องมีผู้สร้าง แต่ว่าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวงก็คือพระเจ้า ฝ่ายโมเสสนั้นสัตย์ซื่อในพรรคพวกของพระองค์ทั้งสิ้นก็อย่างคนรับใช้ เพื่อจะได้เป็นพยานถึงเหตุการณ์เหล่านั้นซึ่งจะกล่าวต่อภายหลัง แต่พระคริสต์นั้นในฐานะพระบุตรที่ทรงอำนาจเหนือครอบครัวของพระองค์ และเราทั้งหลายเป็นครอบครัวนั้นแหละ หากเราจะยึดความมั่นใจและความชื่นชมยินดีในความหวังนั้นไว้ให้มั่นคงจนถึงที่สุด เหตุฉะนั้น (ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสว่า ‘วันนี้ ถ้าท่านทั้งหลายจะฟังพระสุรเสียงของพระองค์ อย่าให้จิตใจของท่านแข็งกระด้างไปอย่างในครั้งกบฏนั้น เหมือนอย่างในวันที่ถูกทดลองในถิ่นทุรกันดาร เมื่อบรรพบุรุษของท่านทดลองเราโดยเอาเราเข้าพิสูจน์ และได้เห็นกิจการของเราถึงสี่สิบปี เพราะเหตุนั้นเราจึงเคืองคนชั่วอายุนั้น และว่า “ใจของเขาหลงผิดอยู่เสมอ เขาไม่รู้จักทางทั้งหลายของเรา” ดังนั้นเราจึงปฏิญาณด้วยความพิโรธของเราว่า “เขาจะไม่ได้เข้าสู่ที่สงบสุขของเรา”’)
ฮีบรู 3:2-11 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
พระองค์ทรงซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าผู้ได้ทรงแต่งตั้งพระองค์ไว้ เหมือนอย่างโมเสสซื่อสัตย์ต่อชุมนุมชน อันเป็นครอบครัวของพระเจ้า แต่ถึงกระนั้นพระเยซูก็ทรงได้รับพระเกียรติมากกว่าโมเสสมากนัก เช่นเดียวกับต้นตระกูลย่อมมีเกียรติมากกว่าครอบครัว ด้วยว่าทุกครอบครัวต้องมีต้นตระกูล แต่ว่าต้นเหตุของสรรพสิ่งทั้งปวงก็คือพระเจ้า ในชุมนุมชนอันเป็นครอบครัวของพระเจ้า โมเสสนั้นซื่อสัตย์ในฐานะผู้รับใช้เพื่อเป็นพยานในเรื่องต่างๆ ซึ่งพระเจ้าจะตรัสในภายหลัง แต่พระคริสต์นั้นทรงซื่อสัตย์ในฐานะพระบุตร ที่ทรงอำนาจเหนือชุมนุมชนอันเป็นครอบครัวของพระเจ้า และเราทั้งหลายเป็นครอบครัวนั้นแหละ หากเราจะยึดความกล้าหาญและความภูมิใจในความหวังนั้นไว้ เหตุฉะนั้น ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสว่า วันนี้ถ้าท่านทั้งหลายฟังพระสุรเสียงของพระองค์ อย่าให้จิตใจของท่านดื้อรั้นอย่างในครั้งกบฏนั้น เหมือนอย่างในวันที่ทดลองในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งบรรพบุรุษของท่านทดลองเราโดยเอาเราเข้าพิสูจน์ ถึงแม้ว่าเขาเห็นการกระทำของเราตลอดสี่สิบปี เพราะเหตุนั้นเราจึงพิโรธคนเหล่านั้น และว่า <<ใจของเขาหลงผิดอยู่เสมอ เขาไม่รู้จักทางของเรา>> ตามที่เราปฏิญาณด้วยความพิโรธว่า <<เขาจะไม่ได้เข้าสู่การพำนักซึ่งเราจัดให้>>
ฮีบรู 3:2-11 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
พระองค์ทรงสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าผู้ทรงแต่งตั้งพระองค์เช่นเดียวกับที่โมเสสสัตย์ซื่อในทุกเรื่องเกี่ยวกับบ้านของพระเจ้า เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าพระเยซูทรงสมควรได้รับเกียรติยิ่งกว่าโมเสส เหมือนกับที่ผู้สร้างบ้านทรงเกียรติยิ่งกว่าตัวบ้านเอง เพราะทุกบ้านย่อมมีผู้สร้างและพระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง โมเสสสัตย์ซื่อในฐานะผู้รับใช้ในทุกเรื่องเกี่ยวกับบ้านของพระเจ้า เป็นพยานถึงสิ่งที่จะตรัสในภายหน้า ส่วนพระคริสต์ทรงสัตย์ซื่อในฐานะพระบุตรผู้ทรงครอบครองบ้านของพระเจ้า และเราทั้งหลายก็คือบ้านของพระองค์ หากเรายืนหยัดในความกล้าหาญและความหวังซึ่งเราอวดนั้น ฉะนั้นตามที่พระวิญญาณตรัสไว้ว่า “วันนี้หากท่านได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ อย่าทำใจแข็งกระด้าง เหมือนเมื่อครั้งกบฏ ในช่วงการลองดีในถิ่นกันดาร ที่ซึ่งบรรพบุรุษของพวกเจ้าได้ลองดีและทดลองเรา และได้เห็นสิ่งที่เรากระทำตลอดสี่สิบปี ด้วยเหตุนี้เราจึงโกรธคนในชั่วอายุนั้น และเรากล่าวว่า ‘ใจของเขาหลงเตลิดอยู่เสมอ และพวกเขาไม่รู้จักวิถีทางของเรา’ ดังนั้นเราจึงสาบานด้วยความโกรธของเราว่า ‘พวกเขาจะไม่มีวันได้เข้าสู่การพักสงบของเรา’ ”
ฮีบรู 3:2-11 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
พระองค์ภักดีต่อผู้ที่แต่งตั้งพระองค์ เหมือนกับที่โมเสสมีความภักดีในทุกสิ่งที่เกี่ยวกับตำหนักของพระเจ้า พระเยซูสมควรได้รับพระเกียรติยิ่งกว่าโมเสส เช่นเดียวกับผู้สร้างตำหนัก ที่ได้รับเกียรติมากกว่าตัวตำหนักเอง เพราะทุกตำหนักย่อมถูกสร้างโดยผู้ใดผู้หนึ่ง แต่พระเจ้าเป็นผู้สร้างทุกสิ่ง โมเสสมีความภักดีดังเช่นผู้รับใช้ในทุกสิ่งที่เกี่ยวกับตำหนักของพระเจ้า คือยืนยันในเรื่องต่างๆ ที่พระเจ้าจะกล่าวในเวลาต่อมา แต่พระคริสต์เป็นพระบุตรผู้มีความภักดี พระองค์ควบคุมดูแลตำหนักของพระเจ้า และพวกเราก็คือตำหนักของพระองค์ หากว่าเรายึดความกล้าหาญและความมั่นใจในสิ่งที่เราหวังไว้ ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์กล่าวคือ “วันนี้ ถ้าพวกเจ้าได้ยินเสียงของพระองค์ ก็อย่าทำใจของเจ้าให้แข็งกระด้าง เหมือนกับที่ได้ยั่วโทสะเรา ในครั้งที่ถูกทดสอบใจในถิ่นทุรกันดาร เป็นที่ซึ่งบรรพบุรุษของเจ้าได้ลองดีกับเราโดยการทดสอบเรา ทั้งที่ได้เห็นแล้วว่าใน 40 ปี เรากระทำอะไรบ้าง ฉะนั้นเราจึงโกรธคนในสมัยนั้น แล้วเราจึงกล่าวว่า ‘จิตใจของเขาเหล่านั้นหลงผิดเสมอ และเขาไม่รู้วิถีทางของเรา’ เราจึงประกาศให้คำปฏิญาณด้วยความกริ้วว่า ‘พวกเขาจะไม่มีวันเข้าสู่ที่พำนักของเรา’”