ฮีบรู 12:1-29

ฮีบรู 12:1-29 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ดังนั้น เมื่อ​เรา​มี​พยาน​มากมาย​ล้อมรอบ​เรา​อยู่​อย่างนี้​แล้ว ขอให้​เรา​ละทิ้ง​ทุกอย่าง​ที่​ถ่วง​เรา​ไว้ และ​บาป​ที่​เกาะติด​เรา​แน่น และ​ขอให้​วิ่งแข่ง​ด้วย​ความ​มานะ​อดทน​ไป​ตาม​ทาง​ที่​อยู่​ข้างหน้า​เรา ขอให้​เรา​จ้อง​อยู่​ที่​พระเยซู ซึ่ง​เป็น​ผู้นำ​ความเชื่อ​ของเรา​และ​เป็น​ผู้ที่​ทำให้​ความเชื่อ​ของ​เรา​สมบูรณ์แบบ พระองค์​ได้​อดทน​ต่อ​การ​ถูก​ตรึง​บน​ไม้กางเขน เพื่อ​ความ​ยินดี​ที่​รอ​พระองค์​อยู่ พระองค์​ไม่​สนใจ​กับ​ความ​อับอาย​ที่​ต้อง​ตาย​บน​ไม้กางเขน และ​ใน​ตอนนี้​พระองค์​ได้​นั่ง​อยู่​ทาง​ขวา​ของ​บัลลังก์​ของ​พระเจ้า ขอให้​ใคร่ครวญ​ถึง​พระองค์​ผู้ที่​ต้อง​ทน​ทุกข์ทรมาน​อย่าง​แสนสาหัส​จาก​คนบาป​ที่​ต่อต้าน​พระองค์ เพื่อ​พวกคุณ​จะ​ได้​ไม่ท้อใจ​หรือ​ยอมแพ้ ใน​เรื่อง​ที่​พวกคุณ​ต้อง​ต่อสู้​กับ​บาป​นั้น คุณ​ยัง​ไม่ต้อง​ต่อสู้​จน​ถึง​กับ​เลือดตก​ยางออก​เลย พวกคุณ​คง​จะ​ลืม​คำ​ที่​ให้​กำลังใจ คำพูดนี้​เป็น​คำ​ที่​ได้​พูด​กับ​คุณ​ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า​ว่า “ลูกเอ๋ย อย่า​ถือ​ว่า​การ​ตีสอน​ของ​องค์​เจ้า​ชีวิต​นั้น​เป็น​เรื่อง​เล่นๆ และ​อย่า​หมด​กำลังใจ​เมื่อ​พระองค์​มา​ตักเตือน​เจ้า เพราะ​องค์​เจ้า​ชีวิต​จะ​ตีสอน​คนที่​พระองค์​รัก และ​จะ​ลงโทษ​ทุกคน​ที่​พระองค์​รับ​เป็น​ลูก” ให้​อดทน​ต่อ​ความ​ยาก​ลำบาก เพราะ​เป็น​การ​ตีสอน แสดงว่า​พระเจ้า​กำลัง​ทำ​กับ​พวกคุณ​เหมือน​เป็น​ลูก​ของ​พระองค์ มี​ลูก​คนไหน​บ้าง​ที่​พ่อ​ไม่เคย​ตีสอน ถ้า​คุณ​ไม่​ถูก​ตีสอน​เหมือนกับ​ลูก​ทั่วๆไป แสดงว่า​ไม่ได้​เป็น​ลูกแท้ๆ แต่​เป็น​ลูก​ที่​ไม่มี​พ่อ เรา​ทุกคน​มี​พ่อ​ที่​เป็น​มนุษย์​ที่​คอย​ตีสอน​เรา แต่​เรา​ก็​ยัง​เคารพ​เขา​อยู่ดี ยิ่งกว่า​นั้น​อีก​สัก​เท่าไร เรา​ควร​จะ​เชื่อฟัง​พระบิดา​ของ​จิต​วิญญาณ​เรา เพื่อ​เรา​จะ​ได้​มี​ชีวิต​อยู่​ต่อไป พ่อ​ของ​เรา​ที่​เป็น​มนุษย์​จะ​ตีสอน​เรา​แค่​ชั่วคราว​ตาม​ที่​เห็น​ว่า​ควร แต่​พระเจ้า​จะ​ตีสอน​เรา​เพื่อ​ประโยชน์​ของ​เรา เพื่อ​เรา​จะ​ได้​มี​ลักษณะ​เหมือน​พระองค์ ตอนที่​ถูก​ตีสอน​นั้น ไม่มี​ใคร​ชอบ​หรอก​เพราะ​มัน​เจ็บ แต่​ภายหลัง​การ​ตีสอน​นั้น​จะ​ฝึกฝน​เรา แล้ว​ผล​ที่​ออก​มา​ก็​คือ​สันติสุข และ​ชีวิต​ที่​พระเจ้า​ชอบใจ ดังนั้น ให้​ยก​มือ​ที่​ไม่มี​แรง​ขึ้นมา และ​ทำ​หัวเข่า​ที่​อ่อนแอ​ให้​มี​กำลัง​ขึ้นมา ทำ​ทางเดิน​ให้​ตรง​ไป​สำหรับ​เท้า เพื่อ​ว่า​เท้า​ที่​เป็น​ง่อย​นั้น​จะ​ได้​ไม่พลิก แต่​จะ​หาย​เป็น​ปกติ พยายาม​อยู่​กับ​คน​ทั้งหลาย​อย่าง​สงบสุข และ​พยายาม​อุทิศ​ตัวเอง​กับ​พระเจ้า เพราะ​ถ้า​ปราศจาก​การ​อุทิศตัว​กับ​พระองค์​ก็​จะ​ไม่มี​ใคร​เห็น​องค์​เจ้า​ชีวิต ระวัง​ตัว​ให้ดี อย่า​ให้​ใคร​พลาด​ไป​จาก​ความ​เมตตา​กรุณา​ของ​พระเจ้า แล้ว​ระวัง​อย่า​ให้​มี​ราก​ขมขื่น​งอก​ขึ้นมา​ก่อ​ปัญหา ที่​จะ​ทำให้​คน​จำนวน​มาก​ต้อง​ด่างพร้อย ระวัง​อย่า​ให้​ใคร​ทำ​ผิด​ทาง​เพศ หรือ​หมกมุ่น​แต่​เรื่อง​ของ​โลกนี้​เหมือนกับ​เอซาว​ที่​ขาย​สิทธิ์​ลูกชาย​หัวปี เพราะ​เห็นแก่​อาหาร​เพียง​มื้อเดียว พวกคุณ​ก็​รู้ว่า ต่อมา​เมื่อ​เอซาว​อยาก​ได้​พร​นั้น เขา​ก็​ถูก​ปฏิเสธ เพราะ​ว่า​เขา​ไม่​สามารถ​แก้ไข​สิ่ง​ที่​เขา​ได้​ทำ​ลง​ไปแล้ว ถึงแม้​เขา​จะ​ต้องการ​มาก​จน​น้ำตา​นองหน้า พวกคุณ​ไม่ได้​มา​ถึง​ภูเขา​ที่​แตะต้อง​ได้ ไม่ได้​มา​ถึง​ไฟ​ที่​ไหม้​อยู่ ไม่ได้​มา​ถึง​ที่​มืด ความ​มืดมิด​อัน​น่ากลัว​หรือ​พายุ ไม่ได้​มา​ถึง​เสียง​แตร หรือ​เสียง​พูด​ของ​พระองค์ ที่​คน​ที่​ได้ยิน​นั้น​อ้อนวอน​ไม่ให้​พูด​กับ​เขา​อีก เพราะ​เขา​ทน​คำสั่ง​ของ​พระองค์​ไม่ไหว​ที่​ว่า “แม้แต่​สัตว์ ถ้า​แตะต้อง​ภูเขา​นี้ ก็​จะ​ต้อง​ถูก​หินขว้าง” สิ่งที่​เห็นนั้น​น่ากลัว​จริงๆ จน​โมเสส​พูดว่า “ผม​กลัว​จน​ตัวสั่น” แต่​พวกคุณ​ได้​มา​ถึง​ภูเขา​ศิโยน มา​ถึง​เมือง​ของ​พระเจ้า​ผู้​มี​ชีวิต​อยู่ คือ​เมือง​เยรูซาเล็ม​แห่ง​สวรรค์ และ​ได้​มา​ถึง​ที่​ที่​ทูตสวรรค์​นับพัน​นับหมื่น​ชุมนุม​รื่นเริง​กัน ได้​มาถึง​หมู่ประชุม​ของ​บุตร​หัวปี​ทั้งหลาย ซึ่ง​ชื่อ​ของ​พวกเขา​จารึก​อยู่​ใน​สวรรค์ มาถึง​พระเจ้า​ผู้​พิพากษา​มนุษย์​ทั้งหลาย และ​มาถึง​วิญญาณ​ของ​คนที่​ทำ​ตามใจ​พระเจ้า ที่​พระเจ้า​ทำ​ให้​สมบูรณ์แบบ​แล้ว ได้​มาถึง​พระเยซู​คนกลาง​สำหรับ​คำ​สัญญา​ใหม่ และ​มาถึง​เลือด​ที่​ประพรม​ซึ่ง​บอก​ถึง​สิ่ง​ที่​ดีกว่า​เลือด​ของ​อาเบล​ได้​บอก ระวัง​ให้ดี อย่า​ปฏิเสธ​ที่​จะ​ฟัง​พระองค์​ที่​กำลัง​พูด​กับ​พวกคุณ​อยู่ ถ้า​คน​พวกนั้น​ที่​ปฏิเสธ​ไม่ยอม​ฟัง​คำเตือน​ของ​พระองค์​ใน​โลกนี้ ยัง​หนี​การ​ลงโทษ​ไม่พ้น​เลย แล้ว​เราล่ะ คิดว่า​ถ้า​เมินหน้า​หนี​จาก​พระองค์​ที่​เตือน​เรา​มา​จาก​สวรรค์​นั้น จะ​หนี​พ้น​หรือ ใน​ครั้ง​ก่อน​นั้น เสียง​ของ​พระองค์​ทำให้​แผ่นดิน​สั่น​สะเทือน แต่​ตอนนี้​พระองค์​ได้​สัญญา​ว่า “เรา​จะ​ทำให้​สั่น​สะเทือน​อีก​ครั้งหนึ่ง ไม่ใช่​เพียงแต่​โลกนี้​เท่านั้น แต่​สวรรค์​ด้วย” คำพูด​ที่ว่า “อีก​ครั้งหนึ่ง” แสดงว่า​สิ่ง​ที่​สั่น​สะเทือน​ได้ หมายถึง​ทุกสิ่ง​ทุกอย่าง​ที่​พระองค์​สร้าง​ขึ้นมา จะ​ถูก​ทำลาย​ให้​หมดไป เพื่อ​จะได้​เหลือ​แต่​สิ่ง​ที่​ไม่มี​อะไร​มา​สั่น​สะเทือน​ได้ เนื่องจาก​เรา​กำลัง​ได้รับ​อาณาจักร​ที่​ไม่มี​อะไร​สามารถ​มา​สั่น​สะเทือน​มันได้ ก็​ขอให้​เรา​กตัญญู​รู้คุณ​พระเจ้า นมัสการ​พระองค์​อย่าง​เคารพ​ยำเกรง ใน​ทาง​ที่​พระเจ้า​ชอบใจ เพราะ​พระเจ้า​ของ​เรา​นั้น​เป็น​ไฟ​ที่​เผาผลาญ

แบ่งปัน
อ่าน ฮีบรู 12

ฮีบรู 12:1-29 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีพยานมากมายอยู่รอบข้างอย่างนี้แล้วก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เรายังคงวิ่งแข่งด้วยความทรหดอดทนในการแข่งขันที่อยู่ข้างหน้าเรา โดยจับตามองที่พระเยซูผู้เบิกทางความเชื่อ และผู้ทรงทำให้ความเชื่อนั้นสมบูรณ์ พระองค์ทรงสู้ทนต่อกางเขน เพื่อความยินดีที่อยู่ต่อหน้าพระองค์ ทรงถือว่าความอับอายนั้นไม่เป็นสิ่งสำคัญ และพระองค์ประทับเบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้า ท่านทั้งหลายจงคิดถึงพระองค์ผู้ทรงยอมทนต่อการคัดค้านของคนบาป เพื่อท่านจะไม่อ่อนล้าและไม่ท้อใจ ในการต่อสู้กับบาปนั้น ท่านยังไม่ได้สู้จนถึงกับต้องหลั่งเลือดเลย และท่านได้ลืมคำเตือนที่พระองค์ทรงเตือนพวกท่านในฐานะที่เป็นบุตรว่า “บุตรชายของเราเอ๋ย อย่าละเลยต่อการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า และอย่าท้อใจเมื่อพระองค์ทรงตักเตือน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และเมื่อพระองค์ทรงรับใครเป็นบุตร พระองค์ก็ทรงเฆี่ยนตีคนนั้น” ท่านทั้งหลายจงสู้ทนเอาเถอะเพราะเป็นการตีสอน พระเจ้าทรงปฏิบัติต่อท่านเหมือนท่านเป็นบุตรของพระองค์ เพราะว่ามีบุตรคนไหนบ้างที่บิดาไม่ตีสอน? แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่ได้ถูกตีสอนเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ท่านก็ไม่ใช่บุตร แต่เป็นลูกนอกกฎหมาย ยิ่งไปกว่านั้น เราทั้งหลายมีบิดาเป็นมนุษย์ที่ตีสอนเรา และเราก็นับถือบิดานั้น เราจึงยิ่งควรอยู่ใต้บังคับของพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ และดำรงชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือ? เพราะบิดาที่เป็นมนุษย์ตีสอนเราเพียงชั่วเวลาเล็กน้อยตามความเห็นดีเห็นชอบของพวกเขา แต่พระองค์ทรงตีสอนเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อเราจะมีส่วนในความบริสุทธิ์ของพระองค์ การตีสอนทุกอย่างดูไม่น่ายินดีเลยในเวลานั้น แต่น่าเศร้าใจ แต่ภายหลังก็ก่อให้เกิดผลคือสันติสุขและความชอบธรรม แก่บรรดาคนที่ถูกฝึกฝนโดยการตีสอนนั้น เหตุฉะนั้นจงเสริมกำลังมือที่อ่อนแรง และเข่าที่อ่อนล้า และจงทำหนทางให้ตรงเพื่อเท้าของพวกท่าน เพื่อว่าขาที่เขยกนั้นจะได้ไม่เคล็ด แต่จะหายเป็นปกติ จงมุ่งมั่นที่จะได้อยู่อย่างสงบสุขกับทุกคนและที่จะได้ความบริสุทธิ์ เพราะถ้าปราศจากความบริสุทธิ์แล้ว ก็จะไม่มีใครได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย จงระวังให้ดี อย่าให้ใครขาดจากพระคุณของพระเจ้า และอย่าให้มีรากขมขื่นงอกขึ้นมา ก่อความยุ่งยากให้และทำให้หลายคนเป็นมลทิน อย่าให้ใครเป็นคนที่ประพฤติผิดทางเพศ หรือเป็นคนไม่นับถือพระเจ้าเหมือนอย่างเอซาว ผู้ขายสิทธิของบุตรหัวปี เพราะเห็นแก่อาหารเพียงมื้อเดียว เพราะพวกท่านก็รู้อยู่แล้วว่า ต่อมาภายหลังเมื่อเอซาวอยากได้รับพรนั้นเป็นมรดก เขาก็ถูกปฏิเสธ และไม่พบหนทางแก้ไข แม้ว่าเขาได้แสวงหาพรนั้นจนน้ำตาไหล พวกท่านไม่ได้มาถึงภูเขาที่จะถูกต้องด้วยมือได้ หรือมาถึงไฟที่ไหม้ หรือมาถึงความมืด หรือมาถึงที่มืดมิด หรือมาถึงลมพายุ หรือมาถึงเสียงแตร หรือมาถึงพระสุรเสียงตรัส ที่คนเหล่านั้นเมื่อได้ยินแล้วก็อ้อนวอนขอไม่ให้ตรัสกับพวกเขาอีก เพราะพวกเขาทนข้อความที่ทรงบัญญัติไว้นั้นไม่ได้ คือที่ว่า “แม้แต่สัตว์ที่แตะต้องภูเขานั้นก็จะถูกขว้างด้วยก้อนหินจนตาย” สิ่งที่เห็นนั้นน่ากลัวจริงๆ จนโมเสสเองก็กล่าวว่า “ข้าพเจ้ากลัวจนตัวสั่น” แต่ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านทั้งหลายมาถึงภูเขาศิโยน และมาถึงนครของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ คือนครเยรูซาเล็มแห่งสวรรค์ และมาถึงที่ชุมนุมรื่นเริงของทูตสวรรค์มากมายเหลือที่จะนับได้ และมาถึงคริสตจักรของบรรดาบุตรหัวปีผู้มีชื่อจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว และมาถึงพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาทุกคน และมาถึงจิตวิญญาณของคนชอบธรรมซึ่งถึงความสมบูรณ์แล้ว และมาถึงพระเยซูคนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่ และมาถึงพระโลหิตประพรมที่กล่าวถึงสิ่งที่ดีกว่าเสียงโลหิตของอาเบล จงระวังให้ดี อย่าปฏิเสธพระองค์ผู้ตรัสอยู่นั้น เพราะถ้าเขาเหล่านั้นไม่พ้นโทษเพราะปฏิเสธพระองค์ผู้ทรงเตือนพวกเขาบนโลก พวกเราผู้เมินหน้าจากพระองค์ผู้ทรงเตือนจากสวรรค์ ก็จะไม่พ้นโทษมากกว่านั้นอีก พระสุรเสียงของพระองค์ในเวลานั้นทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน แต่บัดนี้พระองค์ตรัสสัญญาว่า “อีกครั้งหนึ่งเราจะทำให้แผ่นดินไหว อีกทั้ง ฟ้าสวรรค์ด้วย” และพระดำรัสที่ตรัสว่า “อีกครั้งหนึ่ง”นั้น แสดงว่าสิ่งที่สั่นสะเทือนอันได้แก่สิ่งที่ทรงสร้างแล้วนั้นจะถูกเอาออกไป เพื่อให้สิ่งที่ไม่สั่นสะเทือนดำรงอยู่ เหตุฉะนั้นเมื่อเราได้รับอาณาจักรที่ไม่สั่นสะเทือนแล้ว ก็ให้เรามีใจขอบพระคุณ โดยเหตุนี้เราจึงนมัสการอย่างที่ชอบพระทัยของพระเจ้า ด้วยความเคารพและด้วยความยำเกรง เพราะว่าพระเจ้าของเรานั้นทรงเป็นเพลิงที่เผาผลาญ

แบ่งปัน
อ่าน ฮีบรู 12

ฮีบรู 12:1-29 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

เหตุ​ฉะนั้น ครั้นเรามีพยานหมู่​ใหญ่​อย่างนั้นอยู่​รอบข้าง ให้​เราทิ้งของหนักทุกสิ่งที่ขัดข้องอยู่ และการผิดที่เรามั​กง​่ายกระทำนั้น และการวิ่งแข่​งก​ั​นที​่กำหนดไว้สำหรับเรานั้น ให้​เราวิ่​งด​้วยความเพียรพยายาม หมายเอาพระเยซูเป็นผู้ริเริ่มความเชื่อ และผู้ทรงทำให้ความเชื่อของเราสำเร็จ เพราะเห็นแก่​ความยินดี​ที่​มี​อยู่​ตรงหน้านั้น พระองค์​ได้​ทรงทนเอากางเขน ทรงถือว่าความละอายไม่เป็นสิ่งสำคัญอะไร และได้เสด็จประทับเบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้าแล้ว ด้วยว่าท่านทั้งหลายจงพินิจคิดถึงพระองค์ ผู้​ได้​ทรงทนเอาการติเตียนนินทาแห่งคนบาปต่อพระองค์มากเท่าใด เพื่อท่านทั้งหลายจะไม่อ่อนระอาใจไป ท่านทั้งหลายยังไม่​ได้​รบสู้กับความบาปจนถึงโลหิตตก และท่านได้ลืมคำเตือนนั้นเสีย ซึ่งได้เตือนท่านเหมือนกับเตือนบุตรว่า ‘​บุ​ตรชายของเราเอ๋ย อย่าดูหมิ่นการตีสอนขององค์​พระผู้เป็นเจ้า และอย่าระอาใจเมื่อพระองค์ทรงติเตียนท่านนั้น เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้​ที่​พระองค์​ทรงรัก และเมื่อพระองค์ทรงรับผู้ใดเป็นบุตร พระองค์​ก็​ทรงเฆี่ยนตี​ผู้​นั้น​’ ถ้าท่านทั้งหลายทนเอาการตี​สอน พระเจ้าย่อมทรงปฏิบั​ติ​ต่อท่านเหมือนท่านเป็นบุตร ด้วยว่ามี​บุ​ตรคนใดเล่าที่​บิ​ดาไม่​ได้​ตี​สอนเขาบ้าง แต่​ถ้าท่านทั้งหลายไม่​ได้​ถู​กตีสอนเช่นเดียวกับคนทั้งปวง ท่านก็​ไม่ได้​เป็นบุตร แต่​เป็นลูกที่​ไม่มี​พ่อ อี​กประการหนึ่ง เราทั้งหลายได้​มี​บิ​ดาตามเนื้อหนังที่​ได้​ตี​สอนเรา และเราจึงได้นับถื​อบ​ิ​ดาน​ั้น ยิ่งกว่านั้​นอ​ีก เราควรจะได้ยำเกรงนบนอบต่อพระบิดาแห่งจิตวิญญาณและจำเริญชีวิ​ตม​ิ​ใช่​หรือ เพราะแท้​จร​ิ​งบ​ิดาเหล่านั้นตีสอนเราเพียงชั่วเวลาเล็กน้อย ตามความเห็นดี​เห​็นชอบของเขาเท่านั้น แต่​พระองค์​ได้​ทรงตีสอนเราเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อให้​เราได้​เข​้าส่วนในความบริ​สุทธิ​์ของพระองค์ ดังนั้นการตีสอนทุกอย่างเมื่อกำลังถูกอยู่นั้นไม่เป็นการชื่นใจเลย แต่​เป็นการเศร้าใจ แต่​ภายหลั​งก​็กระทำให้​เก​ิดผลเป็นความสุขสำราญแก่บรรดาคนที่ต้องทนอยู่​นั้น คือความชอบธรรมนั้นเอง เพราะเหตุ​นั้น จงยกมือที่อ่อนแรงขึ้น และจงให้หัวเข่าที่อ่อนล้ามีกำลังขึ้น และจงกระทำทางที่​เท​้าของท่านจะเดินไปนั้นให้ตรงไป เพื่ออาการที่​ทำให้​ง่อยจะมิ​ได้​กำเริบขึ้น แต่​จะได้หายเป็นปกติ จงอุตส่าห์​ที่​จะสงบสุขอยู่กับคนทั้งปวง และที่จะได้ใจบริ​สุทธิ​์ ด้วยว่านอกจากนั้นไม่​มี​ใครจะได้​เห​็นองค์​พระผู้เป็นเจ้า และจงระวังให้​ดี​เกรงว่าจะมีบางคนกำลังเสื่อมจากพระกรุณาคุณของพระเจ้า และเกรงว่าจะมีรากขมขื่นแซมขึ้นมาทำให้​เก​ิดความยุ่งยากแก่​ท่าน และเป็นเหตุ​ให้​คนเป็​นอ​ันมากมลทินไป และเกรงว่าจะมีคนกระทำผิดประเวณีหรือคนประมาทเหมือนอย่างเอซาว ผู้​ได้​เอาสิทธิของบุตรหัวปีนั้นขายเสียเพราะเห็นแก่อาหารคำเดียว เพราะท่านทั้งหลายก็​รู้อยู่​แล​้​วว​่า ต่อมาภายหลังเมื่อเอซาวอยากได้รับพรนั้นเป็นมรดก เขาก็​ได้​รับคำปฏิเสธ เพราะเขาไม่​มี​หนทางแก้ไขเลย ถึงแม้​ว่าได้​กล​ับใจแสวงหาจนน้ำตาไหล ท่านทั้งหลายไม่​ได้​มาถึงภูเขาที่จะถูกต้องได้ และที่​ได้​ไหม้​ไฟแล้ว และถึงที่​ดำ ถึงที่​มืดมิด และถึงที่​ลมพายุ และถึงเสียงแตร และถึงพระสุรเสียงตรัส ซึ่งคนเหล่านั้​นที​่​ได้​ยินแล้วได้อ้อนวอนขอไม่​ให้​ตรัสแก่เขาอีก (เพราะว่าข้อความที่ทรงบัญญั​ติ​ไว้​นั้นเขาทนไม่​ได้ คือที่​ว่า “​แม้แต่​สัตว์​ถ้าแตะต้องภูเขานั้​นก​็จะต้องถูกขว้างด้วยก้อนหินให้​ตาย หรือแทงทะลุด้วยแหลนให้​ตาย​” สิ​่งที่​เห​็นนั้นน่ากลัวจริงๆจนโมเสสเองก็​กล่าวว่า “ข้าพเจ้ากลัวจนตัวสั่น”) แต่​ท่านทั้งหลายได้มาถึงภูเขาศิ​โยน และมาถึงเมืองของพระเจ้าผู้ทรงดำรงพระชนม์​อยู่ คือกรุงเยรูซาเล็มแห่งสวรรค์ และมาถึงที่ชุ​มนุ​มท​ูตสวรรค์มากมายเหลือที่จะนับได้ และมาถึงที่ชุ​มนุ​มอ​ันใหญ่และมาถึงคริสตจักรของบุตรหัวปี ซึ่​งม​ีชื่อจารึกไว้ในสวรรค์​แล้ว และมาถึงพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาคนทั้งปวง และมาถึงจิตวิญญาณของคนชอบธรรมซึ่งถึงความสมบู​รณ​์​แล้ว และมาถึงพระเยซู​ผู้​กลางแห่งพันธสัญญาใหม่ และมาถึงพระโลหิตประพรมที่​มี​เสียงร้องอันประเสริฐกว่าเสียงโลหิตของอาแบล จงระวังให้​ดี อย่าปฏิเสธไม่ยอมฟังพระองค์​ผู้​ตรั​สน​ั้น เพราะว่าถ้าเขาเหล่านั้​นที​่ปฏิเสธไม่ยอมฟังคำเตือนของพระองค์​ที่​พื้นแผ่นดินโลกไม่​ได้​พ้นโทษ ถ้าเราเมินหน้าจากพระองค์​ผู้​ทรงเตือนจากสวรรค์ เราทั้งหลายก็จะไม่​ได้​พ้นโทษมากยิ่งกว่านั้​นอ​ีก พระสุรเสียงของพระองค์คราวนั้นได้บันดาลให้​แผ่​นดินหวั่นไหว แต่​บัดนี้​พระองค์​ได้​ตรั​สส​ัญญาไว้​ว่า “​อี​กครั้งหนึ่งเราจะกระทำให้หวาดหวั่นไหว มิใช่​แผ่​นดินโลกแห่งเดียว แต่​ทั้งสวรรค์​ด้วย​” และพระดำรัสที่ตรัสไว้​ว่า ‘​อี​กครั้งหนึ่ง’ นั้น แสดงว่าสิ่งที่หวั่นไหวนั้นจะถูกกำจัดเสีย เหมือนกับสิ่งที่ทรงสร้างให้​มี​ขึ้น เพื่อให้​สิ​่งที่​ไม่​หวั่นไหวคงเหลืออยู่ เหตุ​ฉะนั้น ครั้นเราได้อาณาจักรที่​ไม่​หวั่นไหวมาแล้ว ก็​ให้​เรารับพระคุ​ณ เพื่อเราจะได้​ปฏิบัติ​พระเจ้าตามชอบพระทัยของพระองค์ ด้วยความเคารพและยำเกรง เพราะว่าพระเจ้าของเรานั้นทรงเป็นเพลิงที่​เผาผลาญ

แบ่งปัน
อ่าน ฮีบรู 12

ฮีบรู 12:1-29 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

เหตุฉะนั้นเมื่อเรามีพยานพรั่งพร้อมอยู่รอบข้างเช่นนี้แล้ว ก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เราวิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายาม ตามที่ได้กำหนดไว้สำหรับเรา หมายเอาพระเยซูเป็นผู้บุกเบิกความเชื่อ และผู้ทรงทำให้ความเชื่อของเราสมบูรณ์ พระองค์ได้ทรงอดทนต่อกางเขน เพื่อความรื่นเริงยินดีที่ได้เตรียมไว้สำหรับพระองค์ ทรงถือว่าความละอายนั้นไม่เป็นสิ่งสำคัญและพระองค์ได้ประทับ ณ เบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้า ท่านทั้งหลายจงคิดถึงพระองค์ผู้ได้ทรงยอมทนต่อคำคัดค้านของคนบาป เพื่อว่าท่านทั้งหลายจะได้ไม่รู้สึกท้อถอย ในการต่อสู้กับบาปนั้น ท่านทั้งหลายยังไม่ได้สู้จนถึงกับต้องเสียโลหิตเลย และท่านได้ลืมคำเตือน ที่พระองค์ได้ทรงเตือนในฐานะที่เป็นบุตรว่า บุตรชายของเราเอ๋ย อย่าละเลยต่อการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า และอย่าท้อถอยในเมื่อพระองค์ทรงตีสอนนั้น เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และเมื่อพระองค์ทรงรับผู้ใดเป็นบุตร พระองค์ก็ทรงตีสอนผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงรับและทนเอาเถอะเพราะเป็นการตีสอน พระเจ้าทรงปฏิบัติต่อท่านในฐานะที่ท่านเป็นบุตรของพระองค์ ด้วยว่ามีบุตรคนใดเล่าที่บิดาไม่ได้ตีสอนเขาบ้าง แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่ได้ถูกตีสอนเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ท่านก็ไม่ได้เป็นบุตร แต่เป็นลูกที่ไม่มีพ่อ อีกประการหนึ่ง เราทั้งหลายมีบิดาเป็นมนุษย์ที่ได้ตีสอนเรา และเราก็นับถือบิดานั้น ยิ่งกว่านั้นอีก เราควรจะอยู่ใต้บังคับของพระบิดาแห่งวิญญาณจิต และมีชีวิตจำเริญมิใช่หรือ เพราะบิดาที่เป็นมนุษย์ตีสอนเราเพียงชั่วเวลาเล็กน้อย ตามความเห็นดีเห็นชอบของเขาเท่านั้น แต่พระองค์ได้ทรงตีสอนเราเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อให้เราได้เข้าส่วนในวิสุทธิภาพของพระองค์ เมื่อมีการตีสอนนั้นดูไม่เป็นที่ชื่นใจเลย เป็นเรื่องเศร้าใจ แต่ต่อมาภายหลังก็จะก่อให้เกิดความสุขสำราญแก่บรรดาคนที่ต้องทนอยู่นั้น คือความชอบธรรมนั้นเอง เพราะเหตุนั้นจงยกมือที่อ่อนแรงขึ้น และจงให้หัวเข่าที่อ่อนล้ามีกำลังขึ้น และจงทำทางให้ตรงเพื่อให้เท้าของท่านเดินไป เพื่อว่าขาที่เขยกนั้นจะได้ไม่เคล็ด แต่จะหายเป็นปกติ จงอุตส่าห์ที่จะอยู่อย่างสงบกับคนทั้งหลาย และอุตส่าห์ที่จะได้ใจบริสุทธิ์ ซึ่งถ้าใจไม่บริสุทธิ์ก็จะไม่มีผู้ใดได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย จงระวังให้ดีอย่าให้ใครเพิกเฉยต่อพระคุณของพระเจ้า และอย่าให้มีรากขมขื่นงอกขึ้นมา ทำความยุ่งยากให้ ซึ่งจะเป็นเหตุให้คนเป็นอันมากเสียไป อย่าให้ใครเป็นคนลามก หรือเป็นคนผิดธัมมะเหมือนอย่างเอซาว ผู้ได้เอาสิทธิของบุตรหัวปีนั้นขายเสีย เพราะเห็นแก่อาหารเพียงมื้อเดียว เพราะท่านทั้งหลายก็รู้อยู่แล้วว่า ต่อมาภายหลังเมื่อเอซาวอยากได้รับพรนั้นเป็นมรดก เขาก็ได้รับคำปฏิเสธ เพราะเขาไม่มีหนทางแก้ไขเลย ถึงแม้ว่าได้กลับใจแสวงหาจนน้ำตาไหล ท่านทั้งหลายไม่ได้มาถึงภูเขาที่จะถูกต้องด้วยมือได้ และถึงไฟที่ไหม้อยู่ และถึงที่มืด ถึงที่มืดมิด และถึงที่ลมพายุ และถึงเสียงแตร และถึงพระสุรเสียงตรัส ซึ่งคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้วได้อ้อนวอนขอไม่ให้ตรัสแก่เขาอีก เพราะว่าข้อความที่ทรงบัญญัติไว้นั้นเขาทนไม่ได้ คือที่ว่า แม้แต่สัตว์ถ้าแตะต้องภูเขานั้นก็จะต้องถูกขว้างด้วยก้อนหินให้ตาย สิ่งที่เห็นนั้นน่ากลัวจริงๆ จนโมเสสเองก็กล่าวว่า ข้าพเจ้ากลัวจนตัวสั่น มิใช่เช่นนั้น แต่ท่านทั้งหลายได้มาถึงภูเขาศิโยน และมาถึงนครของพระเจ้าผู้ทรงดำรงพระชนม์ คือเทพนครเยรูซาเล็ม และมาถึงที่ชุมนุมทูตสวรรค์มากมายเหลือที่จะนับได้ และมาถึงที่ชุมนุมอันร่าเริงของบุตรหัวปี ผู้มีชื่อจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว และมาถึงพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาคนทั้งปวง และมาถึงวิญญาณจิตของคนชอบธรรม ซึ่งถึงความสมบูรณ์แล้ว และมาถึงพระเยซูผู้กลางแห่งพันธสัญญาใหม่ และมาถึงพระโลหิตประพรมที่มีเสียงร้องอันเปี่ยมด้วยคุณ ไม่เหมือนเสียงโลหิตของอาแบล จงระวังให้ดี อย่าปฏิเสธไม่ยอมฟังพระองค์ผู้ตรัสอยู่นั้น ถ้าเขาเหล่านั้นไม่พ้นโทษเพราะปฏิเสธ ไม่ยอมฟังพระดำรัสเตือนของพระองค์ที่ในโลก เราทั้งหลายผู้เมินหน้าจากพระองค์ผู้ทรงเตือนจากสวรรค์ ก็จะไม่พ้นโทษมากยิ่งกว่าเขาเหล่านั้นเสียอีก พระสุรเสียงของพระองค์คราวนั้นได้บันดาลให้แผ่นดินหวั่นไหว แต่บัดนี้พระองค์ได้ตรัสสัญญาไว้ว่า อีกครั้งหนึ่งเราจะกระทำให้หวาดหวั่นไหว มิใช่แผ่นดินโลกแห่งเดียว แต่ทั้งท้องฟ้าด้วย และพระดำรัสที่ตรัสไว้ว่า อีกครั้งหนึ่ง นั้น แสดงว่าสิ่งที่หวั่นไหวนั้นจะถูกกำจัดเสีย เหมือนกับสิ่งที่ทรงสร้างให้มีขึ้น เพื่อให้สิ่งที่ไม่หวั่นไหวคงเหลืออยู่ เหตุฉะนั้นครั้นเราได้แผ่นดินที่ไม่หวั่นไหวมาแล้ว ก็ให้เราขอบพระคุณพระเจ้า เพื่อเราจะได้ปฏิบัติพระเจ้าตามชอบพระทัยของพระองค์ ด้วยความเคารพและยำเกรง เพราะว่าพระเจ้าของเรานั้นทรงเป็นเพลิงที่เผาผลาญ

แบ่งปัน
อ่าน ฮีบรู 12

ฮีบรู 12:1-29 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

เพราะฉะนั้นในเมื่อเรามีพยานหมู่ใหญ่พรั่งพร้อมรอบด้านเช่นนี้แล้ว ก็ให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่และบาปที่เกาะแน่น ให้เราวิ่งด้วยความอดทนบากบั่นไปตามลู่ที่ทรงกำหนดไว้สำหรับเรา ให้เราเพ่งมองที่พระเยซูผู้ทรงลิขิตความเชื่อและทรงทำให้ความเชื่อของเราสมบูรณ์ พระองค์ทรงทนรับกางเขนและไม่ใส่พระทัยในความอัปยศของไม้กางเขนเพราะเห็นแก่ความชื่นชมยินดีที่อยู่เบื้องหน้า และพระองค์ได้ประทับที่เบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้า ท่านทั้งหลายจงใคร่ครวญถึงพระองค์ผู้ทรงทนการต่อต้านเช่นนั้นจากคนบาป เพื่อว่าท่านจะได้ไม่อ่อนล้าและท้อแท้ใจ ในการขับเคี่ยวกับบาป ท่านยังไม่ได้ต่อสู้จนถึงกับหลั่งเลือด และท่านได้ลืมถ้อยคำให้กำลังใจซึ่งมีมาถึงท่านในฐานะบุตรว่า “ลูกเอ๋ย อย่าละเลยการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า อย่าท้อใจเมื่อพระองค์ทรงตำหนิท่าน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และทรงลงโทษทุกคนที่ทรงรับเป็นบุตร” จงทนความทุกข์ยากโดยถือเสมือนว่าเป็นการตีสอน พระเจ้าทรงปฏิบัติต่อท่านในฐานะบุตร เพราะบุตรคนไหนบ้างที่บิดาไม่เคยตีสอน? หากท่านไม่ถูกตีสอน (และทุกคนได้รับการตีสอน) ท่านก็เป็นบุตรนอกกฎหมายและไม่ใช่บุตรแท้ ยิ่งไปกว่านั้นเราทั้งปวงล้วนมีบิดาซึ่งเป็นมนุษย์ผู้ตีสอนเราและเราเคารพนับถือท่านที่ทำเช่นนั้น ยิ่งกว่านั้นสักเพียงใดที่เราควรอยู่ในโอวาทของพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของเราและมีชีวิตอยู่! บิดาของเราตีสอนเราชั่วระยะหนึ่งตามที่คิดเห็นว่าดีที่สุด แต่พระเจ้าทรงตีสอนเราเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อเราจะได้มีส่วนในความบริสุทธิ์ของพระองค์ ไม่มีการตีสอนใดดูน่าชื่นใจในเวลานั้น มีแต่จะเจ็บปวด แต่ภายหลังจะเกิดผลเป็นความชอบธรรมและสันติสุขแก่บรรดาผู้รับการฝึกฝนโดยการตีสอนนั้น เพราะฉะนั้นจงทำให้แขนที่อ่อนแรงและเข่าที่อ่อนล้าเข้มแข็งขึ้น “จงทำทางที่ราบเรียบสำหรับเท้าของท่าน” เพื่อคนง่อยจะไม่พิการแต่กลับเป็นปกติดี จงเพียรพยายามที่จะอยู่อย่างสงบสุขร่วมกับคนทั้งปวงและเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะถ้าปราศจากความบริสุทธิ์แล้วก็ไม่มีใครจะได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย จงระวังอย่าให้ใครพลาดไปจากพระคุณของพระเจ้า และอย่าให้มีรากขมขื่นงอกขึ้นมาสร้างความเดือดร้อน และทำให้คนเป็นอันมากแปดเปื้อนมลทิน จงระวัง อย่าให้ใครผิดศีลธรรมทางเพศ หรือไม่อยู่ในทางพระเจ้าแบบเอซาวผู้ขายสิทธิบุตรหัวปีแลกกับอาหารมื้อเดียว ท่านทั้งหลายทราบอยู่ว่าในภายหลังเมื่อเอซาวต้องการรับพรนี้เป็นมรดกก็ถูกปฏิเสธ เขาไม่อาจแก้ไขอะไรได้แม้เขาจะแสวงหาพรนั้นด้วยน้ำตา ท่านทั้งหลายไม่ได้มายังภูเขาที่จับต้องได้และที่ลุกเป็นไฟ ไม่ได้มายังความมืด ความมืดมนและพายุ ไม่ได้มายังเสียงแตรกระหึ่มหรือพระสุรเสียงตรัสซึ่งบรรดาผู้ที่ได้ยินแล้ววอนขออย่าได้ตรัสคำใดๆ กับเขาอีก เพราะพวกเขาไม่อาจทนกับคำบัญชาที่ว่า “แม้แต่สัตว์ที่แตะต้องภูเขานั้นก็จะต้องถูกหินขว้างตาย” สิ่งที่เห็นนั้นน่าหวาดกลัวยิ่งนักจนโมเสสกล่าวว่า “ข้าพเจ้ากลัวจนตัวสั่น” แต่ท่านทั้งหลายได้มาถึงภูเขาศิโยน คือถึงนครของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ คือเยรูซาเล็มแห่งสวรรค์ ท่านได้มาถึงที่ซึ่งทูตสวรรค์มากมายได้ชุมนุมกันอย่างร่าเริงยินดี มาสู่คริสตจักรแห่งบุตรหัวปีผู้มีชื่อจารึกไว้ในสวรรค์ ท่านได้มาถึงพระเจ้าผู้ทรงพิพากษามวลมนุษย์ มายังวิญญาณจิตของคนชอบธรรมซึ่งทรงทำให้สมบูรณ์แล้ว มาสู่พระเยซูผู้ทรงเป็นคนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่ และมาถึงโลหิตประพรมซึ่งกล่าวถึงสิ่งที่ดียิ่งกว่าโลหิตของอาแบล จงระวังอย่าปฏิเสธพระองค์ผู้ตรัสอยู่ ถ้าพวกเขายังหนีไม่พ้นเมื่อปฏิเสธพระองค์ผู้ตรัสเตือนในโลก เราย่อมจะหนีไม่พ้นยิ่งขึ้นเพียงใดหากเราหันหนีพระองค์ผู้ทรงเตือนเราจากสวรรค์? ครั้งนั้นพระสุรเสียงของพระองค์ทำให้โลกสะเทือนสะท้าน แต่บัดนี้พระองค์ทรงสัญญาไว้ว่า “เราจะไม่เพียงเขย่าโลกนี้อีกครั้งหนึ่ง แต่จะเขย่าฟ้าสวรรค์ด้วย” คำว่า “อีกครั้งหนึ่ง” บ่งบอกว่าสิ่งที่สั่นคลอนได้คือสิ่งที่ทรงสร้างขึ้นนั้นจะถูกขจัดทิ้ง เพื่อให้เหลืออยู่แต่สิ่งที่ไม่สั่นคลอน เพราะฉะนั้นในเมื่อเรากำลังได้รับอาณาจักรอันไม่อาจสั่นคลอนได้ ก็ให้เราขอบพระคุณและนมัสการพระเจ้าอย่างที่ทรงพอพระทัย ด้วยความยำเกรงและด้วยความครั่นคร้าม เพราะว่า “พระเจ้าทรงเป็นไฟอันเผาผลาญ”

แบ่งปัน
อ่าน ฮีบรู 12

ฮีบรู 12:1-29 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ฉะนั้น ใน​เมื่อ​เรา​มี​ผู้​ยืนยัน​มาก​มาย​อยู่​รอบ​ข้าง​เช่น​นี้ ขอ​ให้​เรา​กำจัด​ทุก​สิ่ง​ที่​เหนี่ยว​รั้ง​เรา และ​บาป​ซึ่ง​เกาะ​เรา​ไว้​แน่น และ​ขอ​ให้​เรา​บากบั่น​เช่น​เดียว​กับ​การ​วิ่ง​แข่งขัน​ที่​จะ​ต้อง​วิ่ง​ต่อ​ไป ขอ​ให้​เรา​ใฝ่​ใจ​ใน​พระ​เยซู​ซึ่ง​เป็น​ผู้​เบิก​ทาง​ให้​แก่​ความ​เชื่อ​ของ​เรา และ​ทำ​ให้​ความ​เชื่อ​นั้น​บริบูรณ์ เป็น​เพราะ​ความ​ยินดี​ที่​กำลัง​รอคอย​พระ​องค์​อยู่ พระ​องค์​จึง​ไม่​ได้​นึก​ถึง​ความ​อัปยศ​อดสู​เพราะ​การ​สิ้น​ชีวิต​บน​ไม้​กางเขน และ​พระ​องค์​ก็​ได้​นั่ง​อยู่ ณ เบื้อง​ขวา​ของ​บัลลังก์​ของ​พระ​เจ้า จง​นึก​ถึง​พระ​องค์​ผู้​อดทน​ต่อ​คน​บาป​ซึ่ง​มุ่งร้าย​ต่อ​พระ​องค์​มาก​เช่นนั้น ท่าน​จะ​ได้​ไม่​อ่อนใจ​และ​ท้อถอย การ​ที่​ท่าน​ต่อสู้​กับ​บาป ท่าน​ยัง​ไม่​ได้​ยืนหยัด​สู้​จน​ถึง​กับ​ต้อง​เสีย​โลหิต​เลย แล้ว​ท่าน​ก็​ได้​ลืม​คำ​ที่​ให้​กำลังใจ​ซึ่ง​เจาะจง​ถึง​ท่าน​ว่า​เป็น​บรรดา​บุตร​คือ “บุตร​เอ๋ย เจ้า​จง​เอา​ใจ​ใส่​เมื่อ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ฝึก​ให้​มี​วินัย และ​อย่า​ท้อถอย​เมื่อ​พระ​องค์​ว่า​กล่าว​ตักเตือน​เจ้า เพราะ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ฝึก​คน​ที่​พระ​องค์​รัก​ให้​มี​วินัย และ​พระ​องค์​ลง​โทษ​ทุก​คน​ที่​พระ​องค์​รับ​ไว้​เป็น​บุตร” จง​อดทน​ต่อ​ความ​ยาก​ลำบาก​ที่​เป็น​การ​ฝึก​ให้​มี​วินัย พระ​เจ้า​ปฏิบัติ​ต่อ​ท่าน​เสมือน​ว่า​ท่าน​เป็น​บุตร บุตร​แบบ​ไหน​ที่​บิดา​ไม่​ฝึก​ให้​มี​วินัย ถ้า​ท่าน​ไม่​ได้​รับ​การ​ฝึก​ให้​มี​วินัย (และ​ทุก​คน​ก็​ต้อง​ได้​ผ่าน​การ​ฝึก​ให้​มี​วินัย) ท่าน​ก็​เป็น​บุตร​นอก​กฎหมาย คือ​ไม่​ใช่​บุตร​ที่​แท้ ยิ่ง​ไป​กว่า​นั้น​เรา​มี​บรรดา​บิดา​ที่​เป็น​มนุษย์​เป็น​ผู้​ฝึก​เรา​ให้​มี​วินัย และ​เรา​ก็​นับถือ​ท่าน แล้ว​เรา​จะ​ไม่​ยอม​เชื่อฟัง​พระ​บิดา​ฝ่าย​วิญญาณ​มาก​กว่า​หรือ เพื่อ​เรา​จะ​ได้​มี​ชีวิต เพราะ​บรรดา​บิดา​ของ​เรา​ฝึก​ให้​เรา​มี​วินัย​เพียง​ชั่วขณะ​หนึ่ง​ตาม​ที่​คิด​ว่า​ดี​ที่​สุด​แล้ว แต่​พระ​เจ้า​ฝึก​เรา​เพื่อ​ประโยชน์​ของ​เรา​เอง เรา​จะ​ได้​มี​ส่วน​ร่วม​ใน​ความ​บริสุทธิ์​ของ​พระ​องค์ ขณะ​ที่​การ​ฝึก​ให้​มี​วินัย​เกิด​ขึ้น​ทุก​ครั้ง ก็​ดู​เหมือน​ว่า​ไม่​น่า​ยินดี​เลย แต่​น่า​เจ็บปวด และ​ต่อ​มา​ภาย​หลัง คน​ที่​ได้​รับ​การ​ฝึก​จะ​ได้​เก็บ​เกี่ยว​ผล​แห่ง​ความ​ชอบธรรม​และ​สันติสุข ฉะนั้น จง​ทำ​ให้​มือ​ที่​อ่อนแอ และ​เข่า​ที่​อ่อน​แรง​มี​พลัง​ขึ้น และ “ทำ​ทาง​เดิน​ให้​ตรง​เพื่อ​เท้า​ของ​เจ้า” เพื่อ​ขา​ที่​เป๋​จะ​ได้​ไม่​พลิก แต่​จะ​หาย​เป็น​ปกติ จง​พยายาม​อยู่​อย่าง​สงบ​สุข​กับ​คน​ทั้ง​หลาย​และ​ด้วย​ความ​บริสุทธิ์​ใจ เพราะ​ถ้า​ปราศจาก​ความ​บริสุทธิ์​แล้ว​จะ​ไม่​มี​ใคร​เห็น​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า จง​ระวัง​ว่า​ไม่​มี​ใคร​พลาด​พระ​คุณ​ของ​พระ​เจ้า และ​ไม่​มี​ความ​ขมขื่น​ที่​เป็น​เสมือน​ราก​ฝัง​อยู่​ใน​ใจ​จน​งอก​ขึ้น อัน​เป็น​เหตุ​ให้​เกิด​ความ​ยุ่งยาก และ​ทำ​ให้​คน​เป็น​อัน​มาก​มี​มลทิน อย่า​ให้​ผู้​ใด​ประพฤติ​ผิด​ทาง​เพศ​หรือ​ขาด​คุณธรรม เช่น​เอซาว​ที่​ขาย​สิทธิ์​ของ​การ​ได้​รับ​มรดก​ของ​เขา​ใน​ฐานะ​เป็น​บุตร​หัวปี​ไป เพื่อ​เห็น​แก่​อาหาร​มื้อ​เดียว พวก​ท่าน​ก็​ทราบ​ว่า ต่อ​มา​ภาย​หลัง​เมื่อ​เขา​ต้องการ​รับ​พร​นี้​เป็น​มรดก เขา​ก็​ถูก​ปฏิเสธ เขา​ไม่​มี​หนทาง​แก้ไข​สิ่งใด​ได้​เลย​แม้​จะ​พยายาม​แสวงหา​พร​จน​น้ำตา​ไหล​ก็​ตาม ท่าน​ไม่​ได้​มา​ถึง​ภูเขา​ที่​จับต้อง​ได้ ซึ่ง​ลุก​ไหม้​เป็น​ไฟ​ใน​ความ​มืด อีก​ทั้ง​มี​ความ​มืดมน​และ​ลม​พายุ หรือ​เสียง​แตร​ดัง เสียง​พูด​ซึ่ง​พวก​คน​ที่​ได้ยิน​ก็​ขอร้อง​ไม่​ให้​พูด​กับ​เขา​อีก​ต่อ​ไป เพราะ​เขา​ไม่​สามารถ​ทน​ต่อ​คำ​สั่ง​ที่​ว่า “ถ้า​แม้​สัตว์​แตะต้อง​ภูเขา มัน​ก็​จะ​ถูก​หิน​ขว้าง​ตาย” ภาพ​ที่​เห็น​นั้น​น่ากลัว​จน​โมเสส​กล่าว​ว่า “ข้าพเจ้า​กลัว​จน​ตัว​สั่น” แต่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​มา​ถึง​ภูเขา​ศิโยน​และ​ถึง​เมือง​เยรูซาเล็ม​แห่ง​สวรรค์ คือ​เมือง​ของ​พระ​เจ้า​ผู้​ดำรง​อยู่ พวก​ท่าน​ได้​มา​ถึง​ที่​ชุมนุม​อัน​น่า​ยินดี​ของ​ทูต​สวรรค์ ซึ่ง​มี​จำนวน​มากมาย​เกิน​ที่​จะ​นับ​ได้ และ​ถึง​คริสตจักร​ของ​บรรดา​บุตร​หัวปี​ที่​มี​ชื่อ​บันทึก​ใน​สวรรค์ ท่าน​ได้​มา​ถึง​พระ​เจ้า​ที่​เป็น​ผู้​พิพากษา​ของ​คน​ทั้ง​ปวง มา​ถึง​วิญญาณ​ของ​คน​ทั้ง​ปวง​ที่​มี​ความ​ชอบธรรม​และ​เพียบพร้อม​ทุก​ประการ​แล้ว และ​ได้​มา​ถึง​พระ​เยซู​ผู้​เป็น​คน​กลาง​ของ​พันธ​สัญญา​ใหม่ ระหว่าง​พระ​เจ้า​กับ​มนุษย์ และ​ถึง​โลหิต​ที่​ประพรม​ซึ่ง​ร้อง​ด้วย​คำ​พูด​ที่​ดี​กว่า​โลหิต​ของ​อาเบล จง​ระวัง​ว่า​ท่าน​จะ​ไม่​ปฏิเสธ​ที่​จะ​ฟัง​พระ​องค์​ผู้​กำลัง​พูด​อยู่ ถ้า​พวก​เขา​หนี​ไม่​พ้น เพราะ​ปฏิเสธ​ที่​จะ​ฟัง​ผู้​ที่​ได้​ตักเตือน​เขา​ใน​โลก​แล้ว พวก​เรา​ยิ่ง​จะ​หนี​ไม่​พ้น ยิ่ง​ไป​กว่า​นั้น​สัก​เท่าใด ถ้า​เรา​หัน​หลัง​ให้​พระ​องค์​ผู้​เตือน​จาก​สวรรค์ และ​เสียง​ของ​พระ​องค์​ทำ​ให้​แผ่นดิน​โลก​สั่น​สะเทือน​ใน​เวลา​นั้น แต่​บัดนี้​พระ​องค์​ได้​สัญญา​ไว้​ว่า “ไม่​เพียง​แต่​แผ่นดิน​โลก​เท่า​นั้น​ที่​เรา​จะ​ทำ​ให้​สั่น​สะเทือน​อีก​ครั้ง​หนึ่ง แต่​ทั้ง​ฟ้า​สวรรค์​ด้วย” คำ​ที่​ว่า “อีก​ครั้ง​หนึ่ง” ชี้​ให้​เห็น​ว่า​สิ่ง​ที่​ถูก​สร้าง​ขึ้น​จะ​ถูก​ทำ​ให้​สั่น​สะเทือน​และ​ถูก​กำจัด​เสีย เพื่อ​ว่า​สิ่ง​ที่​ไม่​ถูก​สั่น​สะเทือน​จะ​ได้​คง​อยู่ ฉะนั้น​ใน​เมื่อ​เรา​กำลัง​รับ​อาณาจักร​ที่​ไม่​อาจ​สั่นคลอน​ได้ ขอ​ให้​เรา​ขอบคุณ​และ​นมัสการ​พระ​เจ้า ตาม​ที่​พระ​องค์​โปรด​ด้วย​ความ​เคารพ​และ​ยำเกรง ด้วย​ว่า​พระ​เจ้า​ของ​เรา​เป็น​ดั่ง​ไฟ​เผาผลาญ

แบ่งปัน
อ่าน ฮีบรู 12

ฮีบรู 12:1-29

ฮีบรู 12:1-29 THSV11ฮีบรู 12:1-29 THSV11

YouVersion ใช้คุกกี้สำหรับการปรับแต่งการใช้งาน และประสบการณ์ของคุณ การที่คุณได้ใช้เว็บไซต์ของเรา ถือเป็นการที่คุณยอมรับวัตถุประสงค์ของการใช้คุกกี้ ซึ่งมีคำอธิบายอยู่ในนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา