ปฐมกาล 32:1-23

ปฐมกาล 32:1-23 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ยาโคบ​ไป​ตาม​ทาง​ของเขา พวกทูตสวรรค์​ของ​พระเจ้า​ได้​มา​พบ​เขา เมื่อ​ยาโคบ​เห็น​พวกทูตสวรรค์​นั้น เขา​พูด​ว่า “นี่​คือ​ค่าย​ของ​พระเจ้า” เขา​จึง​เรียก​สถานที่​นั้น​ว่า “มาหะนาอิม” แล้ว​ยาโคบ​ได้​ส่ง​พวก​ผู้ส่งข่าว​ไป​ล่วงหน้า​เขา เพื่อ​ไป​หา​เอซาว​พี่ชาย​ของเขา ที่​แคว้น​เสอีร์​ใน​เมือง​เอโดม ยาโคบ​สั่ง​พวกเขา​ว่า “ให้​พูด​อย่างนี้​กับ​เอซาว​เจ้านาย​ของ​ฉัน​ว่า ‘นี่​คือ​สิ่ง​ที่​ยาโคบ ผู้รับใช้​ของ​ท่าน​กล่าว​คือ “น้อง​ได้​อาศัย​อยู่​กับ​ลาบัน ใน​ฐานะ​คน​ต่าง​ชาติ​มา​จนถึง​เดี๋ยวนี้ น้อง​มี​ทั้ง​ฝูงวัว ฝูงลา ฝูงแกะ และ​ทาส​ชายหญิง​มากมาย และ​น้อง​ส่งข่าว​นี้​มา​บอก​กับ​พี่ เจ้านาย​ของ​น้อง เพื่อ​ให้​พี่​ยอมรับ”’” พวก​ผู้ส่งข่าว​กลับ​มาหา​ยาโคบ​และ​บอก​ว่า “พวกเรา​ไป​หา​เอซาว​พี่ชาย​ของ​ท่าน​แล้ว เขา​กำลัง​มาหา​ท่าน พร้อมกับ​คน​สี่ร้อย​คน” ยาโคบ​กลัว​มาก​และ​เครียด​ด้วย เขา​จึง​ได้​แบ่ง​คน​ที่​มา​กับ​เขา รวมทั้ง​ฝูงสัตว์ ฝูงวัว และ​พวกอูฐ ออก​เป็น​สอง​กลุ่ม เขา​คิดว่า “ถ้า​เอซาว​มา​พบ​กลุ่มแรก​และ​ทำลาย​มัน อีก​กลุ่ม​ที่​เหลือ​จะ​ได้​หนี​ทัน” แล้ว​ยาโคบ​จึง​พูด​ว่า “พระเจ้า​ของ​อับราฮัม พระเจ้า​ของ​อิสอัค​พ่อ​ของ​ข้าพเจ้า พระยาห์เวห์ พระองค์​บอก​กับ​ข้าพเจ้า​ว่า ‘กลับ​ไป​ยัง​ประเทศ​และ​ครอบครัว​ของเจ้า แล้ว​เรา​จะ​ทำ​ให้​เจ้า​เจริญ​รุ่งเรือง’ ข้าพเจ้า​ไม่สมควร​ที่​จะ​ได้รับ​ความรัก ความ​ซื่อสัตย์ ที่​พระองค์​มอบให้​กับ​ข้าพเจ้า​ผู้รับใช้​ของ​พระองค์​เลย เพราะ​ตอนที่​ข้าพเจ้า​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน​นี้​ไป​นั้น ข้าพเจ้า​มี​แค่​ไม้เท้า​อัน​เดียว แต่​เดี๋ยวนี้​ข้าพเจ้า​เจริญ​ขึ้น​จน​เป็น​สอง​กลุ่ม ได้โปรด​ช่วย​ข้าพเจ้า​ให้​รอดพ้น​จาก​เงื้อมมือ​ของ​เอซาว​พี่ชาย​ของ​ข้าพเจ้า​ด้วย​เถิด เพราะ​ข้าพเจ้า​กลัว​ว่า​เขา​จะ​มา​ฆ่า​ข้าพเจ้า รวมทั้ง​แม่​ทั้งหลาย​กับ​เด็กๆ​ด้วย แต่​พระองค์​บอก​ว่า ‘เรา​จะ​ทำ​ให้​เจ้า​เจริญ​รุ่งเรือง​อย่าง​แน่นอน และ​เรา​จะ​ทำให้​เจ้า​มี​ลูกหลาน​มากมาย เหมือน​เม็ดทราย​ใน​ทะเล​ที่​ไม่มี​วัน​นับ​ได้​หมด’” แล้ว​ยาโคบ​ก็​ค้างคืน​อยู่​ที่นั่น เขา​ได้​เลือก​ของขวัญ​ให้​กับ​เอซาว​พี่ชาย​ของเขา เขา​คัด​พวกมัน​ออกมา​จาก​สิ่ง​ที่​มี​อยู่​ใน​มือ​เขา คือ​แพะ​ตัวเมีย​สองร้อย​ตัว​และ​แพะ​ตัวผู้​ยี่สิบ​ตัว แกะ​ตัวเมีย​สองร้อย​ตัว​และ​แกะ​ตัวผู้​ยี่สิบ​ตัว อูฐ​ตัวเมีย​สามสิบ​ตัว​พร้อมกับ​ลูก​ของ​มัน วัว​ตัวเมีย​สี่สิบ​ตัว​และ​วัว​ตัวผู้​สิบ​ตัว ลา​ตัวเมีย​ยี่สิบ​ตัว​และ​ลา​ตัวผู้​สิบ​ตัว ยาโคบ​จึง​จัด​ฝูงสัตว์​แต่ละ​ฝูง​แยก​ต่างหาก​จาก​กัน และ​มอบให้​คนรับใช้​ของเขา​ดูแล แล้ว​ยาโคบ​พูด​กับ​คนรับใช้​ว่า “ล่วงหน้า​เรา​ไป​ก่อน และ​ให้​ฝูงสัตว์​แต่ละฝูง​อยู่​ห่างๆกัน” ยาโคบ​สั่ง​กับ​คนใช้​ของ​กลุ่ม​แรก​ว่า “เมื่อ​เอซาว​พี่ชาย​เรา​เห็น​เจ้า​และ​ถาม​ว่า ‘เจ้า​เป็น​คน​ของ​ใคร จะ​ไป​ไหน และ​สัตว์​พวกนี้​ที่​อยู่​ตรงหน้า​เจ้า​เป็น​ของ​ใคร’ ก็​ให้​เจ้า​ตอบ​ว่า ‘พวกมัน​เป็น​ของ​ยาโคบ​ผู้รับใช้​ของ​ท่าน ยาโคบ​ส่ง​ของขวัญ​นี้​มา​ให้​ท่าน เอซาว​เจ้านาย​ของเรา และ​โน่น ยาโคบ​กำลัง​ตามหลัง​พวกเรา​มา’” ยาโคบ​ได้​สั่ง​คนใช้​ใน​กลุ่ม​ที่​สอง กลุ่ม​ที่​สาม และ​คนใช้​ทั้งหมด​ที่​เดิน​ตาม​ฝูงสัตว์​พวกนั้น ให้​พูด​เหมือนๆ​กัน คือ “พวกเจ้า​ต้อง​พูด​อย่างนี้​กับ​เอซาว​เมื่อ​เจ้า​พบ​เขา และ​เจ้า​ต้อง​พูด​ด้วย​ว่า ‘โน่นไง ยาโคบ​ผู้รับใช้​ท่าน​กำลัง​ตามหลัง​พวกเรา​มา’” เพราะ​ยาโคบ​คิดว่า “ฉัน​จะ​ระงับ​ความ​โกรธ​ของเขา​ด้วย​ของขวัญ​ที่​ล่วงหน้า​ไปก่อน​ฉัน หลัง​จาก​นั้น​ฉัน​จะ​พบ​เขา​ต่อหน้า บางที​เขา​อาจจะ​ยกโทษ​ให้​ฉัน” ดังนั้น​ของขวัญ​จึง​ล่วงหน้า​ยาโคบ​ไป​ก่อน ส่วน​ตัวเขา​เอง​ยัง​คง​ค้างคืน​อยู่​ใน​ค่าย​ใน​คืนนั้น ใน​คืนนั้น ยาโคบ​ได้​ลุกขึ้น​มา พา​เมีย​ทั้ง​สอง​คน​ของเขา รวมทั้ง​สาวใช้​ทั้ง​สอง​คน และ​ลูก​ทั้ง​สิบเอ็ด​คน ลุย​ตรง​ทาง​ข้าม​ของ​แม่น้ำ​ยับบอก​ไป ยาโคบ​พา​พวกเขา​ออก​มา​และ​ส่ง​พวกเขา​ข้าม​แม่น้ำ​ไป และ​ส่ง​ทรัพย์สิน​ทุกอย่าง​ที่​เขา​มีอยู่​ข้าม​แม่น้ำ​ไป​ด้วย

ปฐมกาล 32:1-23 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

เมื่อยาโคบเดินทางไป เหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าพบเขา เมื่อยาโคบเห็นทูตสวรรค์เหล่านั้นจึงว่า “นี่แหละค่ายของพระเจ้า” จึงเรียกสถานที่นั้นว่า “มาหะนาอิม” ยาโคบส่งผู้สื่อสารหลายคนล่วงหน้าไปหาเอซาวพี่ชาย ในดินแดนเสอีร์แถบเอโดม สั่งพวกเขาว่า “จงไปบอกเอซาวเจ้านายของเราว่า ยาโคบผู้รับใช้ของท่านกล่าวดังนี้ ‘ข้าพเจ้าไปอาศัยอยู่กับลาบันจนบัดนี้ ข้าพเจ้ามีฝูงโค ฝูงลา ฝูงแพะแกะ มีคนใช้ชายหญิง ข้าพเจ้าใช้คนมาเรียนเจ้านายของข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะได้เป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่าน’ ” พวกผู้สื่อสารนั้นกลับมาบอกยาโคบว่า “ข้าพเจ้าไปพบเอซาวพี่ชายของท่านแล้ว เขากำลังจะมาพบท่าน พร้อมกับผู้ชายสี่ร้อยคน” ยาโคบมีความกลัวและทุกข์ใจยิ่งนัก จึงให้แบ่งคนทั้งหลายที่มาด้วย และฝูงแพะแกะ ฝูงโค ฝูงอูฐ ออกเป็นสองพวก คิดว่า “ถ้าเอซาวมาถึงพวกหนึ่งและฆ่าเสีย พวกที่เหลือจะหนีไปได้” ยาโคบอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้าของอับราฮัมปู่ของข้าพระองค์ และพระเจ้าของอิสอัคบิดาของข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้ตรัสสั่งข้าพระองค์ไว้ว่า ‘กลับไปยังดินแดนของเจ้า และยังญาติพี่น้องของเจ้า เราจะทำดีแก่เจ้า’ ข้าพระองค์ไม่สมควรจะรับความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์แม้เล็กน้อยที่สุด ที่พระองค์ประทานแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ ด้วยว่าข้าพระองค์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้เมื่อมีแต่ไม้เท้า และบัดนี้ข้าพระองค์มีผู้คนเป็นสองกลุ่ม ขอพระองค์ทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากเงื้อมมือพี่ชายข้าพระองค์ คือจากเงื้อมมือของเอซาว เพราะข้าพระองค์กลัวเขา เกรงว่าเขาจะมาฆ่าข้าพระองค์ และแม่ๆ กับลูกๆ แต่พระองค์ตรัสไว้แล้วว่า ‘เราจะทำดีแก่เจ้าแน่นอนและจะช่วยให้เชื้อสายของเจ้าดุจเม็ดทรายที่ทะเลซึ่งมีมากจนนับไม่ถ้วน’ ” คืนวันนั้นยาโคบพักอยู่ที่นั่นและมอบบางส่วนจากทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ให้เป็นของกำนัลแก่เอซาวพี่ชายของตน คือแพะตัวเมีย 200 ตัว แพะตัวผู้ 20 ตัว แกะตัวเมีย 200 ตัว แกะตัวผู้ 20 ตัว อูฐแม่ลูกอ่อน 30 ตัว กับลูกโคตัวเมีย 40 ตัว โคตัวผู้ 10 ตัว ลาตัวเมีย 20 ตัว ลาตัวผู้ 10 ตัว ยาโคบมอบสิ่งเหล่านี้ไว้ในความดูแลของคนใช้ ให้แต่ละฝูงอยู่ต่างหาก และสั่งพวกคนใช้ว่า “ล่วงหน้าไปก่อนเรา และให้แต่ละฝูงทิ้งระยะห่างกันหน่อย” ยาโคบสั่งคนที่อยู่หน้าสุดว่า “เมื่อเอซาวพี่ชายของเรามาพบเจ้า และถามเจ้าว่า ‘เจ้าเป็นคนของใคร? เจ้าจะไปไหน? และของที่อยู่ข้างหน้าเจ้านี้เป็นของใคร?’ เจ้าจงตอบว่า ‘ของเหล่านี้เป็นของยาโคบผู้รับใช้ของท่าน เป็นของกำนัลส่งมาให้เอซาวเจ้านายของข้าพเจ้า และยิ่งกว่านั้นอีก ยาโคบตามมาข้างหลัง’ ” ยาโคบสั่งคนที่สองและคนที่สาม และบรรดาผู้ติดตามฝูงเหล่านั้นทำนองเดียวกันว่า “เมื่อพวกเจ้าพบเอซาว ให้พูดกับเขาเช่นเดียวกัน และเสริมว่า ‘ยิ่งกว่านั้นอีก นี่แน่ะ ยาโคบผู้รับใช้ของท่านกำลังตามมาข้างหลังพวกเรา’ ” เพราะยาโคบคิดว่า “ข้าคงจะระงับโทสะของเอซาวได้ด้วยของกำนัลที่ส่งล่วงหน้าไป และภายหลังเมื่อข้าเห็นหน้าเขา บางทีเขาจะยอมรับข้า” ดังนั้นของกำนัลต่างๆ จึงล่วงหน้าไปก่อน ส่วนตัวเขาคืนนั้นยังค้างอยู่ในค่าย กลางคืนนั้นเอง ยาโคบก็ลุกขึ้นและพาภรรยาทั้งสอง สาวใช้ทั้งสอง และลูกสิบเอ็ดคนข้ามที่ท่าข้ามแม่น้ำยับบอก ยาโคบส่งครอบครัวข้ามลำธารไป และส่งทรัพย์สมบัติทั้งหมดข้ามไปด้วย

ปฐมกาล 32:1-23 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ยาโคบก็เดินทางไปแล้วเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าพบเขา เมื่อยาโคบเห็นทูตสวรรค์​เหล่​านั้นเขาจึงว่า “​นี่​เป็นกองทัพของพระเจ้า” เขาจึงเรียกสถานที่นั้​นว​่า มาหะนาอิม ยาโคบส่งผู้สื่อสารหลายคนล่วงหน้าไปหาเอซาวพี่ชายของตนที่​แผ่​นดินเสอีร์​ที่​เมืองเอโดมตั้งอยู่ และสั่งเขาว่า “จงไปบอกเอซาวนายของเราว่า ยาโคบผู้​รับใช้​ของท่านกล่าวดังนี้ ‘ข้าพเจ้าไปอาศัยอยู่กับลาบันจนบัดนี้ ข้าพเจ้ามีฝูงวัว ฝูงลา ฝูงแพะแกะ มี​คนใช้​ชายหญิง ข้าพเจ้าใช้คนมาเรียนนายของข้าพเจ้าเพื่อข้าพเจ้าจะได้รับความกรุณาในสายตาของท่าน’” ผู้​สื่อสารนั้นกลับมาบอกยาโคบว่า “ข้าพเจ้าไปพบเอซาวพี่ชายของท่านแล้ว เขากำลังจะมาพบท่านด้วย มี​พวกผู้ชายมากับเขาสี่ร้อยคน” ยาโคบมีความกลัวและเป็นทุกข์​ยิ่งนัก เขาจึงแบ่งคนทั้งหลายที่​มาด​้วยเขา และฝูงแพะแกะ ฝูงวัว ฝู​งอ​ูฐ ออกเป็นสองพวก คิดว่า “ถ้าเอซาวมาตีพวกหนึ่ง อี​กพวกหนึ่งที่เหลือจะหนีไปได้” ยาโคบอธิษฐานว่า “​โอ พระเจ้าของอับราฮัมปู่ของข้าพระองค์ และพระเจ้าของอิสอั​คบ​ิดาของข้าพระองค์ ข้าแต่พระเยโฮวาห์​ผู้​ตรั​สส​ั่งข้าพระองค์​ไว้​ว่า ‘​กล​ับไปยังแผ่นดินและยังญาติ​พี่​น้องของเจ้า และเราจะกระทำการดี​แก่​เจ้​านั้น’ ข้าพระองค์​ไม่​สมควรจะรับบรรดาพระกรุณาและความจริงแม้เล็กน้อยที่​สุด ที่​พระองค์​ได้​ทรงโปรดสำแดงแก่​ผู้รับใช้​ของพระองค์ ด้วยว่าข้าพระองค์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้เมื่​อม​ี​แต่​ไม้เท้า และบัดนี้ข้าพระองค์​มี​ผู้​คนเป็นสองพวก ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยข้าพระองค์​ให้​พ้นจากเงื้อมมือพี่ชายข้าพระองค์ คือจากเงื้อมมือของเอซาว เพราะข้าพระองค์​กล​ัวเขา เกรงว่าเขาจะมาตีข้าพระองค์ ทั้งมารดากั​บลู​กด​้วย แต่​พระองค์​ตรัสไว้​แล​้​วว​่า ‘เราจะกระทำการดี​แก่​เจ้า และทำให้เชื้อสายของเจ้าดุจเม็ดทรายที่​ทะเล ซึ่งจะมากมายจนนับไม่​ถ้วน​’” คื​นว​ันนั้นยาโคบพักอยู่​ที่​นั่นและคัดเอาของที่​มี​อยู่​นั้นให้เป็นของกำนัลแก่เอซาวพี่ชายของตน คือแพะตัวเมียสองร้อย แพะตัวผู้​ยี​่​สิบ แกะตัวเมียสองร้อย และแกะตัวผู้​ยี​่​สิบ อูฐแม่ลู​กอ​่อนสามสิ​บก​ั​บลู​กวัวตัวเมียสี่​สิบ วัวตัวผู้​สิบ ลาตัวเมียยี่​สิบ และลูกลาสิบ ยาโคบมอบสิ่งเหล่านี้​ไว้​ในความดูแลของคนใช้ แต่​ละฝูงอยู่​ต่างหาก และสั่งพวกคนใช้​ว่า “ล่วงหน้าไปก่อนเรา และให้​หมู่​สัตว์​นี้​เว้นระยะห่างกันหน่อย” ยาโคบสั่งหมู่​ที่​ขึ้นหน้าว่า “เมื่อเอซาวพี่ชายของเรามาพบเจ้าและถามเจ้าว่า ‘​เจ้​าเป็นคนของใคร เจ้​าไปไหน และของที่​อยู่​ข้างหน้าเจ้านี้เป็นของใคร’ เจ้​าจงตอบว่า ‘ของเหล่านี้เป็นของยาโคบผู้​รับใช้​ของท่าน เป็นของกำนัลส่งมาให้เอซาวนายของข้าพเจ้า และดู​เถิด ยาโคบตามมาข้างหลัง’” ยาโคบสั่งหมู่​ที่​สองและหมู่​ที่สาม และบรรดาผู้​ที่​ติ​ดตามหมู่​เหล่​านั้นทำนองเดียวกั​นว​่า “เมื่อเจ้าพบเอซาว จงกล่าวแก่เขาเช่นเดียวกัน และเสริมว่า ‘​ดู​เถิด ยาโคบผู้​รับใช้​ของท่านกำลังตามมาข้างหลังพวกเรา’” เพราะยาโคบคิดว่า “ข้าจะระงับความโกรธของเอซาวได้ด้วยของกำนัลที่ส่งล่วงหน้าไป และภายหลังข้าจะเห็นหน้าเขา บางที​เขาจะยอมรับข้า” ดังนั้น ของกำนัลต่างๆจึงล่วงหน้าไปก่อนเขา ส่วนตัวเขาคืนนั้นยังค้างอยู่ในค่าย กลางคืนนั้นเอง ยาโคบก็​ลุกขึ้น พาภรรยาทั้งสอง สาวใช้​ทั้งสองและบุตรชายสิบเอ็ดคนข้ามลำธารชื่อยับบอกไป ยาโคบส่งครอบครัวข้ามลำธารไป และส่งของทั้งหมดของตนข้ามไปด้วย

ปฐมกาล 32:1-23 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

เมื่อยาโคบเดินทางไปเหล่าทูตของพระเจ้าพบเขา เมื่อยาโคบเห็นทูตสวรรค์เหล่านั้นจึงว่า <<นี่แหละกองทัพของพระเจ้า>> จึงเรียกสถานที่นั้นว่า <<มาหะนาอิม>> ยาโคบส่งผู้สื่อสารหลายคนล่วงหน้าไปหา เอซาวพี่ชายที่ในแคว้นเสอีร์ที่เมืองเอโดมตั้งอยู่ สั่งเขาว่า <<จงไปบอกเอซาวเจ้านายของเราว่า ยาโคบผู้รับใช้ของท่านกล่าวดังนี้ <ข้าพเจ้าไปอาศัยอยู่กับลาบันจนบัดนี้ ข้าพเจ้ามีฝูงโค ฝูงลา ฝูงแพะแกะ มีคนใช้ชายหญิง ข้าพเจ้าใช้คนมาเรียนใต้เท้า เพื่อข้าพเจ้าจะได้เป็นที่โปรดปรานในสายตาของใต้เท้า> >> ผู้สื่อสารนั้นกลับมาบอกยาโคบว่า <<ข้าพเจ้าไปพบเอซาวพี่ชายของท่านแล้ว เขากำลังจะมาพบท่าน มีพวกสี่ร้อยคน>> ยาโคบมีความกลัวและเป็นห่วงยิ่งนัก จึงให้แบ่งคนทั้งหลายที่มาด้วย และฝูงแพะแกะ ฝูงโค ฝูงอูฐ ออกเป็นสองพวก คิดว่า <<ถ้าเอซาวมาถึงพวกหนึ่งและทำลายเสีย พวกที่เหลือจะหนีไปได้ ยาโคบอธิษฐานว่า <<ข้าแต่พระเจ้าของอับราฮัม ปู่ของข้าพระองค์ และพระเจ้าของอิสอัคบิดาของข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าผู้ตรัสสั่งข้าพระองค์ไว้ว่า <กลับไปยังเมือง และยังญาติพี่น้องของเจ้า เราจะช่วยให้เจ้าได้ดี>นั้น ข้าพระองค์ไม่สมควรจะรับความรักมั่นคง และความซื่อสัตย์แม้เล็กน้อยที่สุด ที่พระองค์ทรงโปรดประทานแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ ด้วยว่าข้าพระองค์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้เมื่อมีแต่ไม้เท้า และบัดนี้ข้าพระองค์มีผู้คนเป็นสองพวก ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยกู้ข้าพระองค์ ให้พ้นจากเงื้อมมือพี่ชายข้าพระองค์ คือจากเงื้อมมือของเอซาว เพราะข้าพระองค์กลัวเขา เกรงว่าเขาจะมาฆ่าพวกข้าพระองค์ทั้งสิ้น คือแม่ๆกับลูกๆ แต่พระองค์ตรัสไว้แล้วว่า <เราจะทำดีแก่เจ้าและช่วยให้เชื้อสายของเจ้า ดุจเม็ดทรายที่ทะเล นับไม่ถ้วนเพราะมีมาก> >> คืนวันนั้นยาโคบพักอยู่ที่นั่นและคัดเอาทรัพย์สมบัติที่มี อยู่นั้นให้เป็นของกำนัลแก่เอซาวพี่ชายของตน คือแพะตัวเมียสองร้อย แพะผู้ยี่สิบ แกะตัวเมียสองร้อย แกะตัวผู้ยี่สิบ อูฐแม่ลูกอ่อนสามสิบกับลูกวัวตัวเมียสี่สิบ วัวตัวผู้สิบ ลาตัวเมียยี่สิบ ลาตัวผู้สิบ ยาโคบมอบสิ่งเหล่านี้ไว้ในความดูแลของคนใช้ แต่ละฝูงอยู่ต่างหาก และสั่งพวกคนใช้ว่า <<ล่วงหน้าไปก่อนเรา และให้หมู่เหล่านี้ไว้ระยะห่างกันหน่อย>> ยาโคบสั่งหมู่ที่ขึ้นหน้าว่า <<เมื่อเอซาวพี่ชายของเรามาพบเจ้า และถามเจ้าว่า <เจ้าเป็นคนของใคร เจ้าไปไหน และของที่อยู่ข้างหน้าเจ้านี้เป็นของใคร> เจ้าจงตอบว่า <ของเหล่านี้เป็นของยาโคบผู้รับใช้ของท่าน เป็นของกำนัลส่งมาให้เอซาวเจ้านายของข้าพเจ้า และยิ่งกว่านั้นอีก ยาโคบตามมาข้างหลัง> >> ยาโคบสั่งหมู่ที่สองและหมู่ที่สาม และบรรดาผู้ที่ติดตามหมู่เหล่านั้นทำนองเดียวกันว่า <<เมื่อเจ้าพบเอซาว จงกล่าวแก่เขาเช่นเดียวกัน และเสริมว่า <ยิ่งกว่านั้นอีก ยาโคบผู้รับใช้ของท่านกำลังตามมาข้างหลังพวกเรา> >> เพราะยาโคบคิดว่า <<ข้าคงจะระงับโทษะของเอซาวได้ด้วย ของกำนัลที่ส่งล่วงหน้าไป และภายหลังเมื่อข้าเห็นหน้าเขา บางทีเขาจะคืนดีกับข้า>> ดังนั้นของกำนัลต่างๆจึงล่วงหน้าไปก่อน ส่วนตัวเขาคืนนั้นยังค้างอยู่ในค่าย กลางคืนนั้นเอง ยาโคบก็ลุกขึ้นและพาภรรยาทั้งสอง สาวใช้ทั้งสองและลูกสิบเอ็ดคน ข้ามที่ท่า ลุยข้ามแม่น้ำยับบอก ยาโคบส่งครอบครัวข้ามลำธารไป และส่งทรัพย์สมบัติทั้งหมดข้ามไปด้วย

ปฐมกาล 32:1-23 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ส่วนยาโคบก็ออกเดินทางต่อไปตามทางของตนด้วย แล้วเหล่าทูตของพระเจ้าก็มาพบเขา เมื่อยาโคบเห็นทูตเหล่านั้นจึงกล่าวว่า “นี่คือค่ายของพระเจ้า!” ดังนั้นเขาจึงเรียกสถานที่นั้นว่ามาหะนาอิม ยาโคบส่งคนกลุ่มหนึ่งล่วงหน้าไปหาเอซาวพี่ชายของเขาที่เสอีร์ในดินแดนเอโดม เขากำชับคนเหล่านั้นว่า “พวกท่านจงพูดกับเอซาวนายของข้าพเจ้าว่า ‘ยาโคบผู้รับใช้ของท่านกล่าวดังนี้ ข้าพเจ้าได้ไปหาลาบันและอยู่ที่นั่นจนถึงบัดนี้ ข้าพเจ้ามีวัว ลา แกะ แพะ และคนรับใช้ชายหญิง บัดนี้ข้าพเจ้าส่งข่าวมายังนายของข้าพเจ้าเพื่อท่านจะกรุณาข้าพเจ้า’ ” เมื่อคนเหล่านั้นกลับมาหายาโคบ พวกเขากล่าวว่า “เราได้ไปหาเอซาวพี่ชายของท่าน บัดนี้เขากำลังมาหาท่านพร้อมกับชายสี่ร้อยคน” ยาโคบหวาดวิตกยิ่งนัก เขาจึงแบ่งคนที่อยู่กับเขาออกเป็นสองกลุ่ม รวมทั้งฝูงแพะแกะ ฝูงวัว และอูฐด้วย เขาคิดว่า “ถ้าเอซาวเข้ามาโจมตีกลุ่มหนึ่ง กลุ่มที่เหลือจะได้หนีไป” แล้วยาโคบอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้าของอับราฮัมและพระเจ้าของอิสอัคบิดาของข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ได้ตรัสกับข้าพระองค์ว่า ‘จงกลับไปยังประเทศของเจ้าและญาติพี่น้องของเจ้า และเราจะทำให้เจ้าเจริญรุ่งเรือง’ ข้าพระองค์ไม่คู่ควรเลยกับความกรุณาและความซื่อสัตย์ซึ่งทรงสำแดงแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้ไป ข้าพระองค์มีเพียงไม้เท้าอันเดียวเท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ข้าพระองค์มั่งคั่งจนแบ่งทรัพย์สินผู้คนได้เป็นสองค่าย โปรดช่วยข้าพระองค์ด้วย ข้าพระองค์อธิษฐานขอให้ข้าพระองค์รอดพ้นจากเงื้อมมือของเอซาวพี่ชายของข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์กลัวว่าเขาจะมาโจมตีข้าพระองค์และลูกๆ รวมทั้งบรรดาแม่ของเด็กเหล่านั้น แต่พระองค์ได้ตรัสว่า ‘เราจะทำให้เจ้าเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน และจะทำให้ลูกหลานของเจ้ามากมายเหมือนเม็ดทรายที่ชายทะเลซึ่งไม่อาจนับได้’ ” เขาพักแรมที่นั่นและเลือกของกำนัลให้เอซาวพี่ชายของเขาจากสิ่งที่เขามีอยู่คือ แพะตัวเมียสองร้อยตัว แพะตัวผู้ยี่สิบตัว แกะตัวเมียสองร้อยตัว แกะตัวผู้ยี่สิบตัว แม่อูฐสามสิบตัวกับลูกของมัน วัวตัวเมียสี่สิบตัว วัวตัวผู้สิบตัว ลาตัวเมียยี่สิบตัว ลาตัวผู้สิบตัว เขามอบสัตว์เหล่านี้ให้บรรดาคนรับใช้ดูแลโดยแยกแต่ละฝูงออกจากกัน และกล่าวกับคนรับใช้ว่า “จงล่วงหน้าเราไปและรักษาระยะห่างระหว่างฝูงสัตว์ไว้” เขาสั่งคนที่นำฝูงสัตว์ไปเป็นกลุ่มแรกสุดว่า “เมื่อเอซาวพี่ชายของเรามาพบเจ้าและถามว่า ‘พวกเจ้าเป็นคนของใคร กำลังจะไปที่ไหน และใครเป็นเจ้าของสัตว์ทั้งหมดที่อยู่ข้างหน้าเจ้า?’ ก็ให้เจ้าตอบว่า ‘สัตว์เหล่านี้เป็นของยาโคบผู้รับใช้ของท่าน ส่งมาเป็นของกำนัลแก่เอซาวนายของข้าพเจ้า และยาโคบกำลังตามมาข้างหลัง’ ” ยาโคบสั่งคนต้อนฝูงสัตว์คนที่สอง ที่สาม และคนอื่นๆ ทุกกลุ่มว่า “พวกเจ้าต้องพูดอย่างเดียวกันนี้กับเอซาวเมื่อพบเขา และพวกเจ้าอย่าลืมพูดว่า ‘ยาโคบผู้รับใช้ของท่านกำลังตามมาข้างหลังเรา’ ” เพราะยาโคบคิดว่า “เราจะทำให้เขาหายโกรธด้วยของกำนัลเหล่านี้ที่ส่งไปล่วงหน้า ภายหลังเมื่อเราพบหน้าเขา บางทีเขาอาจจะยอมรับเรา” ดังนั้นยาโคบจึงส่งของกำนัลไปล่วงหน้า ส่วนตัวเขาเองค้างแรมอยู่ในค่าย คืนนั้นยาโคบลุกขึ้นพาภรรยาทั้งสอง เมียทาสทั้งสอง และลูกชายสิบเอ็ดคน ข้ามลำน้ำยับบอกตรงบริเวณสันดอน หลังจากส่งพวกเขาข้ามลำน้ำไปแล้ว ก็ส่งทรัพย์สมบัติทั้งหมดข้ามตามไป

ปฐมกาล 32:1-23 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ฝ่าย​ยาโคบ​ก็​ไป​ตาม​ทาง​ของ​เขา และ​เหล่า​ทูต​สวรรค์​ของ​พระ​เจ้า​พบ​กับ​เขา เมื่อ​ยาโคบ​เห็น​ทูต​สวรรค์​ก็​พูด​ว่า “นี่​เป็น​กอง​ทัพ​ของ​พระ​เจ้า” เขา​จึง​เรียก​ชื่อ​ที่​นั้น​ว่า มาหะนาอิม ยาโคบ​ให้​ผู้​ส่ง​ข่าว​ไป​ล่วง​หน้า เพื่อ​ไป​หา​เอซาว​พี่​ชาย​ของ​ตน ที่​ดินแดน​เสอีร์​ใน​อาณาเขต​เอโดม โดย​สั่ง​ว่า “เจ้า​จะ​ต้อง​พูด​กับ​เอซาว​นาย​ของ​เรา​ตาม​นี้​คือ ยาโคบ​ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​ฝาก​พูด​ดังนี้​ว่า ‘ข้าพเจ้า​ได้​อาศัย​อยู่​กับ​ลาบัน​จน​กระทั่ง​บัดนี้ และ​ข้าพเจ้า​มี​โค ลา ฝูง​แพะ​แกะ ผู้​รับใช้​ชาย​และ​หญิง และ​ข้าพเจ้า​ส่ง​คน​มา​บอก​นาย​ท่าน เผื่อ​ข้าพเจ้า​อาจ​จะ​เป็น​ที่​โปรดปราน​ใน​สายตา​ของ​ท่าน​บ้าง’” แล้ว​พวก​ผู้​ส่ง​ข่าว​กลับ​มา​บอก​ยาโคบ​ว่า “พวก​เรา​ไป​หา​เอซาว​พี่​ชาย​ของ​ท่าน และ​เขา​กำลัง​มา​พบ​ท่าน มา​กับ​ชาย 400 คน” ยาโคบ​ตกใจ​กลัว​และ​เป็น​กังวล เขา​จึง​แยก​ผู้​คน​ที่​อยู่​กับ​เขา​พร้อม​ทั้ง​ฝูง​แพะ​แกะ ฝูง​โค และ​อูฐ​ออก​เป็น 2 พวก โดย​คิด​ว่า “ถ้า​เอซาว​โจมตี​พวก​หนึ่ง​จน​ราบคาบ อีก​พวก​ที่​เหลือ​จะ​ได้​หนี​ไป​ได้” ยาโคบ​พูด​ว่า “โอ พระ​เจ้า​ของ​อับราฮัม​บิดา​ของ​ข้าพเจ้า และ​พระ​เจ้า​ของ​อิสอัค​บิดา​ของ​ข้าพเจ้า โอ พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ผู้​กล่าว​กับ​ข้าพเจ้า​ว่า ‘จง​กลับ​ไป​ยัง​ประเทศ​ของ​เจ้า​และ​ญาติ​พี่​น้อง​ของ​เจ้า และ​เรา​จะ​ทำ​ให้​เจ้า​เจริญ’ ข้าพเจ้า​ไม่​มี​ค่า​แม้แต่​น้อย ที่​จะ​ได้​รับ​ความ​รัก​อัน​มั่นคง​และ​ความ​สัตย์​ซื่อ ที่​พระ​องค์​ได้​แสดง​ให้​ผู้​รับใช้​ของ​พระ​องค์​เห็น เพราะ​ครั้ง​ที่​ข้าพเจ้า​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน​ไป ก็​มี​แต่​ไม้​เท้า​เท่า​นั้น แต่​ตอน​นี้​ข้าพเจ้า​มี​ถึง 2 กลุ่ม ข้าพเจ้า​อธิษฐาน​ต่อ​พระ​องค์ ให้​ช่วย​ข้าพเจ้า​ให้​รอด​จาก​เงื้อมมือ​ของ​พี่​ชาย​ข้าพเจ้า จาก​มือ​ของ​เอซาว เพราะ​ข้าพเจ้า​กลัว​เขา เกรง​ว่า​เขา​จะ​ฆ่า​เรา​ทุก​คน​แม้​กระทั่ง​พวก​ผู้​หญิง​และ​เด็ก แต่​พระ​องค์​กล่าว​ไว้​ว่า ‘เรา​จะ​ทำ​ให้​เจ้า​เจริญ และ​ให้​บรรดา​ผู้​สืบ​เชื้อสาย​ของ​เจ้า​มี​มากมาย​จน​นับ​ไม่​ถ้วน ราว​กับ​เม็ด​ทราย​บน​ชาย​ฝั่ง​ทะเล’” ฉะนั้น เขา​ค้าง​แรม​ที่​นั่น​ใน​คืน​นั้น แล้ว​เขา​ก็​เลือก​บาง​สิ่ง​ที่​เขา​มี​ติด​ตัว​มา เพื่อ​เป็น​ของ​กำนัล​แก่​เอซาว​พี่​ชาย​ของ​ตน คือ​แพะ​ตัว​เมีย 200 ตัว แพะ​ตัว​ผู้ 20 ตัว แกะ​สาว 200 ตัว และ​แกะ​ตัว​ผู้ 20 ตัว อูฐ​แม่​ลูก​อ่อน 30 ตัว​กับ​ลูก​ของ​มัน โค​ตัว​เมีย 40 ตัว โค​ตัว​ผู้ 10 ตัว ลา​ตัว​เมีย 20 ตัว และ​ลา​ตัว​ผู้ 10 ตัว เขา​แยก​สัตว์​เป็น​ฝูงๆ ให้​คน​รับใช้​ดูแล​แต่​ละ​ฝูง และ​บอก​พวก​เขา​ว่า “ล่วง​หน้า​ไป​ก่อน​เรา และ​เว้น​ระยะ​ห่าง​ระหว่าง​ฝูง” เขา​สั่ง​กลุ่ม​แรก​ว่า “เมื่อ​เอซาว​พี่​ชาย​ของ​เรา​พบ​เจ้า​และ​ถาม​เจ้า​ว่า ‘เจ้า​รับใช้​ผู้​ใด เจ้า​กำลัง​จะ​ไป​ไหน และ​สัตว์​ที่​อยู่​ข้าง​หน้า​เจ้า​นี้​เป็น​ของ​ใคร’ เจ้า​จง​บอก​ไป​ว่า ‘มัน​เป็น​ของ​ยาโคบ​ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน และ​เป็น​ของ​กำนัล​ฝาก​มา​ให้​เอซาว​นาย​ของ​ข้าพเจ้า และ​ยิ่ง​กว่า​นั้น ยาโคบ​ท่าน​กำลัง​ตาม​หลัง​พวก​เรา​มา’” เขา​สั่ง​กลุ่ม​ที่​สอง ที่​สาม​และ​กลุ่ม​อื่นๆ ที่​ดูแล​ฝูง​สัตว์​ใน​ทำนอง​เดียวกัน​ว่า “เจ้า​จะ​ต้อง​พูด​กับ​เอซาว​แบบ​เดียวกัน เวลา​เจ้า​พบ​เขา และ​เจ้า​จะ​พูด​ว่า ‘ยิ่ง​กว่า​นั้น ยาโคบ​ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​กำลัง​ตาม​หลัง​พวก​เรา​มา’” เพราะ​ยาโคบ​คิด​ว่า “ฉัน​คง​จะ​คืนดี​กับ​เขา​ได้​ด้วย​ของ​กำนัล​ที่​ไป​ล่วง​หน้า​ฉัน และ​หลัง​จาก​นั้น​ฉัน​ก็​จะ​เจอ​หน้า​เขา เขา​อาจ​จะ​ยอม​รับ​ฉัน” ดังนั้น​ของ​กำนัล​จึง​ไป​ล่วง​หน้า​เขา และ​ตัว​เขา​เอง​ก็​พัก​แรม​ที่​ค่าย​คืน​นั้น ใน​คืน​เดียวกัน​นั้น​เขา​ลุก​ขึ้น​และ​พา​ภรรยา​ทั้ง​สอง หญิง​รับใช้ 2 คน และ​บุตร​ชาย 11 คน​ของ​เขา​ไป​ข้าม​ลำธาร​ยับบอก เมื่อ​พา​ส่ง​ข้าม​ลำธาร​ไป​แล้ว ก็​ได้​ส่ง​ทุก​สิ่ง​ที่​เป็น​ของ​เขา​ข้าม​ไป​พร้อม​กัน