ปฐมกาล 32:1-23
ปฐมกาล 32:1-23 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
ยาโคบไปตามทางของเขา พวกทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้มาพบเขา เมื่อยาโคบเห็นพวกทูตสวรรค์นั้น เขาพูดว่า “นี่คือค่ายของพระเจ้า” เขาจึงเรียกสถานที่นั้นว่า “มาหะนาอิม” แล้วยาโคบได้ส่งพวกผู้ส่งข่าวไปล่วงหน้าเขา เพื่อไปหาเอซาวพี่ชายของเขา ที่แคว้นเสอีร์ในเมืองเอโดม ยาโคบสั่งพวกเขาว่า “ให้พูดอย่างนี้กับเอซาวเจ้านายของฉันว่า ‘นี่คือสิ่งที่ยาโคบ ผู้รับใช้ของท่านกล่าวคือ “น้องได้อาศัยอยู่กับลาบัน ในฐานะคนต่างชาติมาจนถึงเดี๋ยวนี้ น้องมีทั้งฝูงวัว ฝูงลา ฝูงแกะ และทาสชายหญิงมากมาย และน้องส่งข่าวนี้มาบอกกับพี่ เจ้านายของน้อง เพื่อให้พี่ยอมรับ”’” พวกผู้ส่งข่าวกลับมาหายาโคบและบอกว่า “พวกเราไปหาเอซาวพี่ชายของท่านแล้ว เขากำลังมาหาท่าน พร้อมกับคนสี่ร้อยคน” ยาโคบกลัวมากและเครียดด้วย เขาจึงได้แบ่งคนที่มากับเขา รวมทั้งฝูงสัตว์ ฝูงวัว และพวกอูฐ ออกเป็นสองกลุ่ม เขาคิดว่า “ถ้าเอซาวมาพบกลุ่มแรกและทำลายมัน อีกกลุ่มที่เหลือจะได้หนีทัน” แล้วยาโคบจึงพูดว่า “พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัคพ่อของข้าพเจ้า พระยาห์เวห์ พระองค์บอกกับข้าพเจ้าว่า ‘กลับไปยังประเทศและครอบครัวของเจ้า แล้วเราจะทำให้เจ้าเจริญรุ่งเรือง’ ข้าพเจ้าไม่สมควรที่จะได้รับความรัก ความซื่อสัตย์ ที่พระองค์มอบให้กับข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์เลย เพราะตอนที่ข้าพเจ้าข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้ไปนั้น ข้าพเจ้ามีแค่ไม้เท้าอันเดียว แต่เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าเจริญขึ้นจนเป็นสองกลุ่ม ได้โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของเอซาวพี่ชายของข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะข้าพเจ้ากลัวว่าเขาจะมาฆ่าข้าพเจ้า รวมทั้งแม่ทั้งหลายกับเด็กๆด้วย แต่พระองค์บอกว่า ‘เราจะทำให้เจ้าเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน และเราจะทำให้เจ้ามีลูกหลานมากมาย เหมือนเม็ดทรายในทะเลที่ไม่มีวันนับได้หมด’” แล้วยาโคบก็ค้างคืนอยู่ที่นั่น เขาได้เลือกของขวัญให้กับเอซาวพี่ชายของเขา เขาคัดพวกมันออกมาจากสิ่งที่มีอยู่ในมือเขา คือแพะตัวเมียสองร้อยตัวและแพะตัวผู้ยี่สิบตัว แกะตัวเมียสองร้อยตัวและแกะตัวผู้ยี่สิบตัว อูฐตัวเมียสามสิบตัวพร้อมกับลูกของมัน วัวตัวเมียสี่สิบตัวและวัวตัวผู้สิบตัว ลาตัวเมียยี่สิบตัวและลาตัวผู้สิบตัว ยาโคบจึงจัดฝูงสัตว์แต่ละฝูงแยกต่างหากจากกัน และมอบให้คนรับใช้ของเขาดูแล แล้วยาโคบพูดกับคนรับใช้ว่า “ล่วงหน้าเราไปก่อน และให้ฝูงสัตว์แต่ละฝูงอยู่ห่างๆกัน” ยาโคบสั่งกับคนใช้ของกลุ่มแรกว่า “เมื่อเอซาวพี่ชายเราเห็นเจ้าและถามว่า ‘เจ้าเป็นคนของใคร จะไปไหน และสัตว์พวกนี้ที่อยู่ตรงหน้าเจ้าเป็นของใคร’ ก็ให้เจ้าตอบว่า ‘พวกมันเป็นของยาโคบผู้รับใช้ของท่าน ยาโคบส่งของขวัญนี้มาให้ท่าน เอซาวเจ้านายของเรา และโน่น ยาโคบกำลังตามหลังพวกเรามา’” ยาโคบได้สั่งคนใช้ในกลุ่มที่สอง กลุ่มที่สาม และคนใช้ทั้งหมดที่เดินตามฝูงสัตว์พวกนั้น ให้พูดเหมือนๆกัน คือ “พวกเจ้าต้องพูดอย่างนี้กับเอซาวเมื่อเจ้าพบเขา และเจ้าต้องพูดด้วยว่า ‘โน่นไง ยาโคบผู้รับใช้ท่านกำลังตามหลังพวกเรามา’” เพราะยาโคบคิดว่า “ฉันจะระงับความโกรธของเขาด้วยของขวัญที่ล่วงหน้าไปก่อนฉัน หลังจากนั้นฉันจะพบเขาต่อหน้า บางทีเขาอาจจะยกโทษให้ฉัน” ดังนั้นของขวัญจึงล่วงหน้ายาโคบไปก่อน ส่วนตัวเขาเองยังคงค้างคืนอยู่ในค่ายในคืนนั้น ในคืนนั้น ยาโคบได้ลุกขึ้นมา พาเมียทั้งสองคนของเขา รวมทั้งสาวใช้ทั้งสองคน และลูกทั้งสิบเอ็ดคน ลุยตรงทางข้ามของแม่น้ำยับบอกไป ยาโคบพาพวกเขาออกมาและส่งพวกเขาข้ามแม่น้ำไป และส่งทรัพย์สินทุกอย่างที่เขามีอยู่ข้ามแม่น้ำไปด้วย
ปฐมกาล 32:1-23 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
เมื่อยาโคบเดินทางไป เหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าพบเขา เมื่อยาโคบเห็นทูตสวรรค์เหล่านั้นจึงว่า “นี่แหละค่ายของพระเจ้า” จึงเรียกสถานที่นั้นว่า “มาหะนาอิม” ยาโคบส่งผู้สื่อสารหลายคนล่วงหน้าไปหาเอซาวพี่ชาย ในดินแดนเสอีร์แถบเอโดม สั่งพวกเขาว่า “จงไปบอกเอซาวเจ้านายของเราว่า ยาโคบผู้รับใช้ของท่านกล่าวดังนี้ ‘ข้าพเจ้าไปอาศัยอยู่กับลาบันจนบัดนี้ ข้าพเจ้ามีฝูงโค ฝูงลา ฝูงแพะแกะ มีคนใช้ชายหญิง ข้าพเจ้าใช้คนมาเรียนเจ้านายของข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะได้เป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่าน’ ” พวกผู้สื่อสารนั้นกลับมาบอกยาโคบว่า “ข้าพเจ้าไปพบเอซาวพี่ชายของท่านแล้ว เขากำลังจะมาพบท่าน พร้อมกับผู้ชายสี่ร้อยคน” ยาโคบมีความกลัวและทุกข์ใจยิ่งนัก จึงให้แบ่งคนทั้งหลายที่มาด้วย และฝูงแพะแกะ ฝูงโค ฝูงอูฐ ออกเป็นสองพวก คิดว่า “ถ้าเอซาวมาถึงพวกหนึ่งและฆ่าเสีย พวกที่เหลือจะหนีไปได้” ยาโคบอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้าของอับราฮัมปู่ของข้าพระองค์ และพระเจ้าของอิสอัคบิดาของข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้ตรัสสั่งข้าพระองค์ไว้ว่า ‘กลับไปยังดินแดนของเจ้า และยังญาติพี่น้องของเจ้า เราจะทำดีแก่เจ้า’ ข้าพระองค์ไม่สมควรจะรับความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์แม้เล็กน้อยที่สุด ที่พระองค์ประทานแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ ด้วยว่าข้าพระองค์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้เมื่อมีแต่ไม้เท้า และบัดนี้ข้าพระองค์มีผู้คนเป็นสองกลุ่ม ขอพระองค์ทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากเงื้อมมือพี่ชายข้าพระองค์ คือจากเงื้อมมือของเอซาว เพราะข้าพระองค์กลัวเขา เกรงว่าเขาจะมาฆ่าข้าพระองค์ และแม่ๆ กับลูกๆ แต่พระองค์ตรัสไว้แล้วว่า ‘เราจะทำดีแก่เจ้าแน่นอนและจะช่วยให้เชื้อสายของเจ้าดุจเม็ดทรายที่ทะเลซึ่งมีมากจนนับไม่ถ้วน’ ” คืนวันนั้นยาโคบพักอยู่ที่นั่นและมอบบางส่วนจากทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ให้เป็นของกำนัลแก่เอซาวพี่ชายของตน คือแพะตัวเมีย 200 ตัว แพะตัวผู้ 20 ตัว แกะตัวเมีย 200 ตัว แกะตัวผู้ 20 ตัว อูฐแม่ลูกอ่อน 30 ตัว กับลูกโคตัวเมีย 40 ตัว โคตัวผู้ 10 ตัว ลาตัวเมีย 20 ตัว ลาตัวผู้ 10 ตัว ยาโคบมอบสิ่งเหล่านี้ไว้ในความดูแลของคนใช้ ให้แต่ละฝูงอยู่ต่างหาก และสั่งพวกคนใช้ว่า “ล่วงหน้าไปก่อนเรา และให้แต่ละฝูงทิ้งระยะห่างกันหน่อย” ยาโคบสั่งคนที่อยู่หน้าสุดว่า “เมื่อเอซาวพี่ชายของเรามาพบเจ้า และถามเจ้าว่า ‘เจ้าเป็นคนของใคร? เจ้าจะไปไหน? และของที่อยู่ข้างหน้าเจ้านี้เป็นของใคร?’ เจ้าจงตอบว่า ‘ของเหล่านี้เป็นของยาโคบผู้รับใช้ของท่าน เป็นของกำนัลส่งมาให้เอซาวเจ้านายของข้าพเจ้า และยิ่งกว่านั้นอีก ยาโคบตามมาข้างหลัง’ ” ยาโคบสั่งคนที่สองและคนที่สาม และบรรดาผู้ติดตามฝูงเหล่านั้นทำนองเดียวกันว่า “เมื่อพวกเจ้าพบเอซาว ให้พูดกับเขาเช่นเดียวกัน และเสริมว่า ‘ยิ่งกว่านั้นอีก นี่แน่ะ ยาโคบผู้รับใช้ของท่านกำลังตามมาข้างหลังพวกเรา’ ” เพราะยาโคบคิดว่า “ข้าคงจะระงับโทสะของเอซาวได้ด้วยของกำนัลที่ส่งล่วงหน้าไป และภายหลังเมื่อข้าเห็นหน้าเขา บางทีเขาจะยอมรับข้า” ดังนั้นของกำนัลต่างๆ จึงล่วงหน้าไปก่อน ส่วนตัวเขาคืนนั้นยังค้างอยู่ในค่าย กลางคืนนั้นเอง ยาโคบก็ลุกขึ้นและพาภรรยาทั้งสอง สาวใช้ทั้งสอง และลูกสิบเอ็ดคนข้ามที่ท่าข้ามแม่น้ำยับบอก ยาโคบส่งครอบครัวข้ามลำธารไป และส่งทรัพย์สมบัติทั้งหมดข้ามไปด้วย
ปฐมกาล 32:1-23 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
ยาโคบก็เดินทางไปแล้วเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าพบเขา เมื่อยาโคบเห็นทูตสวรรค์เหล่านั้นเขาจึงว่า “นี่เป็นกองทัพของพระเจ้า” เขาจึงเรียกสถานที่นั้นว่า มาหะนาอิม ยาโคบส่งผู้สื่อสารหลายคนล่วงหน้าไปหาเอซาวพี่ชายของตนที่แผ่นดินเสอีร์ที่เมืองเอโดมตั้งอยู่ และสั่งเขาว่า “จงไปบอกเอซาวนายของเราว่า ยาโคบผู้รับใช้ของท่านกล่าวดังนี้ ‘ข้าพเจ้าไปอาศัยอยู่กับลาบันจนบัดนี้ ข้าพเจ้ามีฝูงวัว ฝูงลา ฝูงแพะแกะ มีคนใช้ชายหญิง ข้าพเจ้าใช้คนมาเรียนนายของข้าพเจ้าเพื่อข้าพเจ้าจะได้รับความกรุณาในสายตาของท่าน’” ผู้สื่อสารนั้นกลับมาบอกยาโคบว่า “ข้าพเจ้าไปพบเอซาวพี่ชายของท่านแล้ว เขากำลังจะมาพบท่านด้วย มีพวกผู้ชายมากับเขาสี่ร้อยคน” ยาโคบมีความกลัวและเป็นทุกข์ยิ่งนัก เขาจึงแบ่งคนทั้งหลายที่มาด้วยเขา และฝูงแพะแกะ ฝูงวัว ฝูงอูฐ ออกเป็นสองพวก คิดว่า “ถ้าเอซาวมาตีพวกหนึ่ง อีกพวกหนึ่งที่เหลือจะหนีไปได้” ยาโคบอธิษฐานว่า “โอ พระเจ้าของอับราฮัมปู่ของข้าพระองค์ และพระเจ้าของอิสอัคบิดาของข้าพระองค์ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ผู้ตรัสสั่งข้าพระองค์ไว้ว่า ‘กลับไปยังแผ่นดินและยังญาติพี่น้องของเจ้า และเราจะกระทำการดีแก่เจ้านั้น’ ข้าพระองค์ไม่สมควรจะรับบรรดาพระกรุณาและความจริงแม้เล็กน้อยที่สุด ที่พระองค์ได้ทรงโปรดสำแดงแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ ด้วยว่าข้าพระองค์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้เมื่อมีแต่ไม้เท้า และบัดนี้ข้าพระองค์มีผู้คนเป็นสองพวก ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากเงื้อมมือพี่ชายข้าพระองค์ คือจากเงื้อมมือของเอซาว เพราะข้าพระองค์กลัวเขา เกรงว่าเขาจะมาตีข้าพระองค์ ทั้งมารดากับลูกด้วย แต่พระองค์ตรัสไว้แล้วว่า ‘เราจะกระทำการดีแก่เจ้า และทำให้เชื้อสายของเจ้าดุจเม็ดทรายที่ทะเล ซึ่งจะมากมายจนนับไม่ถ้วน’” คืนวันนั้นยาโคบพักอยู่ที่นั่นและคัดเอาของที่มีอยู่นั้นให้เป็นของกำนัลแก่เอซาวพี่ชายของตน คือแพะตัวเมียสองร้อย แพะตัวผู้ยี่สิบ แกะตัวเมียสองร้อย และแกะตัวผู้ยี่สิบ อูฐแม่ลูกอ่อนสามสิบกับลูกวัวตัวเมียสี่สิบ วัวตัวผู้สิบ ลาตัวเมียยี่สิบ และลูกลาสิบ ยาโคบมอบสิ่งเหล่านี้ไว้ในความดูแลของคนใช้ แต่ละฝูงอยู่ต่างหาก และสั่งพวกคนใช้ว่า “ล่วงหน้าไปก่อนเรา และให้หมู่สัตว์นี้เว้นระยะห่างกันหน่อย” ยาโคบสั่งหมู่ที่ขึ้นหน้าว่า “เมื่อเอซาวพี่ชายของเรามาพบเจ้าและถามเจ้าว่า ‘เจ้าเป็นคนของใคร เจ้าไปไหน และของที่อยู่ข้างหน้าเจ้านี้เป็นของใคร’ เจ้าจงตอบว่า ‘ของเหล่านี้เป็นของยาโคบผู้รับใช้ของท่าน เป็นของกำนัลส่งมาให้เอซาวนายของข้าพเจ้า และดูเถิด ยาโคบตามมาข้างหลัง’” ยาโคบสั่งหมู่ที่สองและหมู่ที่สาม และบรรดาผู้ที่ติดตามหมู่เหล่านั้นทำนองเดียวกันว่า “เมื่อเจ้าพบเอซาว จงกล่าวแก่เขาเช่นเดียวกัน และเสริมว่า ‘ดูเถิด ยาโคบผู้รับใช้ของท่านกำลังตามมาข้างหลังพวกเรา’” เพราะยาโคบคิดว่า “ข้าจะระงับความโกรธของเอซาวได้ด้วยของกำนัลที่ส่งล่วงหน้าไป และภายหลังข้าจะเห็นหน้าเขา บางทีเขาจะยอมรับข้า” ดังนั้น ของกำนัลต่างๆจึงล่วงหน้าไปก่อนเขา ส่วนตัวเขาคืนนั้นยังค้างอยู่ในค่าย กลางคืนนั้นเอง ยาโคบก็ลุกขึ้น พาภรรยาทั้งสอง สาวใช้ทั้งสองและบุตรชายสิบเอ็ดคนข้ามลำธารชื่อยับบอกไป ยาโคบส่งครอบครัวข้ามลำธารไป และส่งของทั้งหมดของตนข้ามไปด้วย
ปฐมกาล 32:1-23 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
เมื่อยาโคบเดินทางไปเหล่าทูตของพระเจ้าพบเขา เมื่อยาโคบเห็นทูตสวรรค์เหล่านั้นจึงว่า <<นี่แหละกองทัพของพระเจ้า>> จึงเรียกสถานที่นั้นว่า <<มาหะนาอิม>> ยาโคบส่งผู้สื่อสารหลายคนล่วงหน้าไปหา เอซาวพี่ชายที่ในแคว้นเสอีร์ที่เมืองเอโดมตั้งอยู่ สั่งเขาว่า <<จงไปบอกเอซาวเจ้านายของเราว่า ยาโคบผู้รับใช้ของท่านกล่าวดังนี้ <ข้าพเจ้าไปอาศัยอยู่กับลาบันจนบัดนี้ ข้าพเจ้ามีฝูงโค ฝูงลา ฝูงแพะแกะ มีคนใช้ชายหญิง ข้าพเจ้าใช้คนมาเรียนใต้เท้า เพื่อข้าพเจ้าจะได้เป็นที่โปรดปรานในสายตาของใต้เท้า> >> ผู้สื่อสารนั้นกลับมาบอกยาโคบว่า <<ข้าพเจ้าไปพบเอซาวพี่ชายของท่านแล้ว เขากำลังจะมาพบท่าน มีพวกสี่ร้อยคน>> ยาโคบมีความกลัวและเป็นห่วงยิ่งนัก จึงให้แบ่งคนทั้งหลายที่มาด้วย และฝูงแพะแกะ ฝูงโค ฝูงอูฐ ออกเป็นสองพวก คิดว่า <<ถ้าเอซาวมาถึงพวกหนึ่งและทำลายเสีย พวกที่เหลือจะหนีไปได้ ยาโคบอธิษฐานว่า <<ข้าแต่พระเจ้าของอับราฮัม ปู่ของข้าพระองค์ และพระเจ้าของอิสอัคบิดาของข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าผู้ตรัสสั่งข้าพระองค์ไว้ว่า <กลับไปยังเมือง และยังญาติพี่น้องของเจ้า เราจะช่วยให้เจ้าได้ดี>นั้น ข้าพระองค์ไม่สมควรจะรับความรักมั่นคง และความซื่อสัตย์แม้เล็กน้อยที่สุด ที่พระองค์ทรงโปรดประทานแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ ด้วยว่าข้าพระองค์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้เมื่อมีแต่ไม้เท้า และบัดนี้ข้าพระองค์มีผู้คนเป็นสองพวก ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยกู้ข้าพระองค์ ให้พ้นจากเงื้อมมือพี่ชายข้าพระองค์ คือจากเงื้อมมือของเอซาว เพราะข้าพระองค์กลัวเขา เกรงว่าเขาจะมาฆ่าพวกข้าพระองค์ทั้งสิ้น คือแม่ๆกับลูกๆ แต่พระองค์ตรัสไว้แล้วว่า <เราจะทำดีแก่เจ้าและช่วยให้เชื้อสายของเจ้า ดุจเม็ดทรายที่ทะเล นับไม่ถ้วนเพราะมีมาก> >> คืนวันนั้นยาโคบพักอยู่ที่นั่นและคัดเอาทรัพย์สมบัติที่มี อยู่นั้นให้เป็นของกำนัลแก่เอซาวพี่ชายของตน คือแพะตัวเมียสองร้อย แพะผู้ยี่สิบ แกะตัวเมียสองร้อย แกะตัวผู้ยี่สิบ อูฐแม่ลูกอ่อนสามสิบกับลูกวัวตัวเมียสี่สิบ วัวตัวผู้สิบ ลาตัวเมียยี่สิบ ลาตัวผู้สิบ ยาโคบมอบสิ่งเหล่านี้ไว้ในความดูแลของคนใช้ แต่ละฝูงอยู่ต่างหาก และสั่งพวกคนใช้ว่า <<ล่วงหน้าไปก่อนเรา และให้หมู่เหล่านี้ไว้ระยะห่างกันหน่อย>> ยาโคบสั่งหมู่ที่ขึ้นหน้าว่า <<เมื่อเอซาวพี่ชายของเรามาพบเจ้า และถามเจ้าว่า <เจ้าเป็นคนของใคร เจ้าไปไหน และของที่อยู่ข้างหน้าเจ้านี้เป็นของใคร> เจ้าจงตอบว่า <ของเหล่านี้เป็นของยาโคบผู้รับใช้ของท่าน เป็นของกำนัลส่งมาให้เอซาวเจ้านายของข้าพเจ้า และยิ่งกว่านั้นอีก ยาโคบตามมาข้างหลัง> >> ยาโคบสั่งหมู่ที่สองและหมู่ที่สาม และบรรดาผู้ที่ติดตามหมู่เหล่านั้นทำนองเดียวกันว่า <<เมื่อเจ้าพบเอซาว จงกล่าวแก่เขาเช่นเดียวกัน และเสริมว่า <ยิ่งกว่านั้นอีก ยาโคบผู้รับใช้ของท่านกำลังตามมาข้างหลังพวกเรา> >> เพราะยาโคบคิดว่า <<ข้าคงจะระงับโทษะของเอซาวได้ด้วย ของกำนัลที่ส่งล่วงหน้าไป และภายหลังเมื่อข้าเห็นหน้าเขา บางทีเขาจะคืนดีกับข้า>> ดังนั้นของกำนัลต่างๆจึงล่วงหน้าไปก่อน ส่วนตัวเขาคืนนั้นยังค้างอยู่ในค่าย กลางคืนนั้นเอง ยาโคบก็ลุกขึ้นและพาภรรยาทั้งสอง สาวใช้ทั้งสองและลูกสิบเอ็ดคน ข้ามที่ท่า ลุยข้ามแม่น้ำยับบอก ยาโคบส่งครอบครัวข้ามลำธารไป และส่งทรัพย์สมบัติทั้งหมดข้ามไปด้วย
ปฐมกาล 32:1-23 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
ส่วนยาโคบก็ออกเดินทางต่อไปตามทางของตนด้วย แล้วเหล่าทูตของพระเจ้าก็มาพบเขา เมื่อยาโคบเห็นทูตเหล่านั้นจึงกล่าวว่า “นี่คือค่ายของพระเจ้า!” ดังนั้นเขาจึงเรียกสถานที่นั้นว่ามาหะนาอิม ยาโคบส่งคนกลุ่มหนึ่งล่วงหน้าไปหาเอซาวพี่ชายของเขาที่เสอีร์ในดินแดนเอโดม เขากำชับคนเหล่านั้นว่า “พวกท่านจงพูดกับเอซาวนายของข้าพเจ้าว่า ‘ยาโคบผู้รับใช้ของท่านกล่าวดังนี้ ข้าพเจ้าได้ไปหาลาบันและอยู่ที่นั่นจนถึงบัดนี้ ข้าพเจ้ามีวัว ลา แกะ แพะ และคนรับใช้ชายหญิง บัดนี้ข้าพเจ้าส่งข่าวมายังนายของข้าพเจ้าเพื่อท่านจะกรุณาข้าพเจ้า’ ” เมื่อคนเหล่านั้นกลับมาหายาโคบ พวกเขากล่าวว่า “เราได้ไปหาเอซาวพี่ชายของท่าน บัดนี้เขากำลังมาหาท่านพร้อมกับชายสี่ร้อยคน” ยาโคบหวาดวิตกยิ่งนัก เขาจึงแบ่งคนที่อยู่กับเขาออกเป็นสองกลุ่ม รวมทั้งฝูงแพะแกะ ฝูงวัว และอูฐด้วย เขาคิดว่า “ถ้าเอซาวเข้ามาโจมตีกลุ่มหนึ่ง กลุ่มที่เหลือจะได้หนีไป” แล้วยาโคบอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้าของอับราฮัมและพระเจ้าของอิสอัคบิดาของข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ได้ตรัสกับข้าพระองค์ว่า ‘จงกลับไปยังประเทศของเจ้าและญาติพี่น้องของเจ้า และเราจะทำให้เจ้าเจริญรุ่งเรือง’ ข้าพระองค์ไม่คู่ควรเลยกับความกรุณาและความซื่อสัตย์ซึ่งทรงสำแดงแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้ไป ข้าพระองค์มีเพียงไม้เท้าอันเดียวเท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ข้าพระองค์มั่งคั่งจนแบ่งทรัพย์สินผู้คนได้เป็นสองค่าย โปรดช่วยข้าพระองค์ด้วย ข้าพระองค์อธิษฐานขอให้ข้าพระองค์รอดพ้นจากเงื้อมมือของเอซาวพี่ชายของข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์กลัวว่าเขาจะมาโจมตีข้าพระองค์และลูกๆ รวมทั้งบรรดาแม่ของเด็กเหล่านั้น แต่พระองค์ได้ตรัสว่า ‘เราจะทำให้เจ้าเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน และจะทำให้ลูกหลานของเจ้ามากมายเหมือนเม็ดทรายที่ชายทะเลซึ่งไม่อาจนับได้’ ” เขาพักแรมที่นั่นและเลือกของกำนัลให้เอซาวพี่ชายของเขาจากสิ่งที่เขามีอยู่คือ แพะตัวเมียสองร้อยตัว แพะตัวผู้ยี่สิบตัว แกะตัวเมียสองร้อยตัว แกะตัวผู้ยี่สิบตัว แม่อูฐสามสิบตัวกับลูกของมัน วัวตัวเมียสี่สิบตัว วัวตัวผู้สิบตัว ลาตัวเมียยี่สิบตัว ลาตัวผู้สิบตัว เขามอบสัตว์เหล่านี้ให้บรรดาคนรับใช้ดูแลโดยแยกแต่ละฝูงออกจากกัน และกล่าวกับคนรับใช้ว่า “จงล่วงหน้าเราไปและรักษาระยะห่างระหว่างฝูงสัตว์ไว้” เขาสั่งคนที่นำฝูงสัตว์ไปเป็นกลุ่มแรกสุดว่า “เมื่อเอซาวพี่ชายของเรามาพบเจ้าและถามว่า ‘พวกเจ้าเป็นคนของใคร กำลังจะไปที่ไหน และใครเป็นเจ้าของสัตว์ทั้งหมดที่อยู่ข้างหน้าเจ้า?’ ก็ให้เจ้าตอบว่า ‘สัตว์เหล่านี้เป็นของยาโคบผู้รับใช้ของท่าน ส่งมาเป็นของกำนัลแก่เอซาวนายของข้าพเจ้า และยาโคบกำลังตามมาข้างหลัง’ ” ยาโคบสั่งคนต้อนฝูงสัตว์คนที่สอง ที่สาม และคนอื่นๆ ทุกกลุ่มว่า “พวกเจ้าต้องพูดอย่างเดียวกันนี้กับเอซาวเมื่อพบเขา และพวกเจ้าอย่าลืมพูดว่า ‘ยาโคบผู้รับใช้ของท่านกำลังตามมาข้างหลังเรา’ ” เพราะยาโคบคิดว่า “เราจะทำให้เขาหายโกรธด้วยของกำนัลเหล่านี้ที่ส่งไปล่วงหน้า ภายหลังเมื่อเราพบหน้าเขา บางทีเขาอาจจะยอมรับเรา” ดังนั้นยาโคบจึงส่งของกำนัลไปล่วงหน้า ส่วนตัวเขาเองค้างแรมอยู่ในค่าย คืนนั้นยาโคบลุกขึ้นพาภรรยาทั้งสอง เมียทาสทั้งสอง และลูกชายสิบเอ็ดคน ข้ามลำน้ำยับบอกตรงบริเวณสันดอน หลังจากส่งพวกเขาข้ามลำน้ำไปแล้ว ก็ส่งทรัพย์สมบัติทั้งหมดข้ามตามไป
ปฐมกาล 32:1-23 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
ฝ่ายยาโคบก็ไปตามทางของเขา และเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าพบกับเขา เมื่อยาโคบเห็นทูตสวรรค์ก็พูดว่า “นี่เป็นกองทัพของพระเจ้า” เขาจึงเรียกชื่อที่นั้นว่า มาหะนาอิม ยาโคบให้ผู้ส่งข่าวไปล่วงหน้า เพื่อไปหาเอซาวพี่ชายของตน ที่ดินแดนเสอีร์ในอาณาเขตเอโดม โดยสั่งว่า “เจ้าจะต้องพูดกับเอซาวนายของเราตามนี้คือ ยาโคบผู้รับใช้ของท่านฝากพูดดังนี้ว่า ‘ข้าพเจ้าได้อาศัยอยู่กับลาบันจนกระทั่งบัดนี้ และข้าพเจ้ามีโค ลา ฝูงแพะแกะ ผู้รับใช้ชายและหญิง และข้าพเจ้าส่งคนมาบอกนายท่าน เผื่อข้าพเจ้าอาจจะเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่านบ้าง’” แล้วพวกผู้ส่งข่าวกลับมาบอกยาโคบว่า “พวกเราไปหาเอซาวพี่ชายของท่าน และเขากำลังมาพบท่าน มากับชาย 400 คน” ยาโคบตกใจกลัวและเป็นกังวล เขาจึงแยกผู้คนที่อยู่กับเขาพร้อมทั้งฝูงแพะแกะ ฝูงโค และอูฐออกเป็น 2 พวก โดยคิดว่า “ถ้าเอซาวโจมตีพวกหนึ่งจนราบคาบ อีกพวกที่เหลือจะได้หนีไปได้” ยาโคบพูดว่า “โอ พระเจ้าของอับราฮัมบิดาของข้าพเจ้า และพระเจ้าของอิสอัคบิดาของข้าพเจ้า โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้กล่าวกับข้าพเจ้าว่า ‘จงกลับไปยังประเทศของเจ้าและญาติพี่น้องของเจ้า และเราจะทำให้เจ้าเจริญ’ ข้าพเจ้าไม่มีค่าแม้แต่น้อย ที่จะได้รับความรักอันมั่นคงและความสัตย์ซื่อ ที่พระองค์ได้แสดงให้ผู้รับใช้ของพระองค์เห็น เพราะครั้งที่ข้าพเจ้าข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป ก็มีแต่ไม้เท้าเท่านั้น แต่ตอนนี้ข้าพเจ้ามีถึง 2 กลุ่ม ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระองค์ ให้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดจากเงื้อมมือของพี่ชายข้าพเจ้า จากมือของเอซาว เพราะข้าพเจ้ากลัวเขา เกรงว่าเขาจะฆ่าเราทุกคนแม้กระทั่งพวกผู้หญิงและเด็ก แต่พระองค์กล่าวไว้ว่า ‘เราจะทำให้เจ้าเจริญ และให้บรรดาผู้สืบเชื้อสายของเจ้ามีมากมายจนนับไม่ถ้วน ราวกับเม็ดทรายบนชายฝั่งทะเล’” ฉะนั้น เขาค้างแรมที่นั่นในคืนนั้น แล้วเขาก็เลือกบางสิ่งที่เขามีติดตัวมา เพื่อเป็นของกำนัลแก่เอซาวพี่ชายของตน คือแพะตัวเมีย 200 ตัว แพะตัวผู้ 20 ตัว แกะสาว 200 ตัว และแกะตัวผู้ 20 ตัว อูฐแม่ลูกอ่อน 30 ตัวกับลูกของมัน โคตัวเมีย 40 ตัว โคตัวผู้ 10 ตัว ลาตัวเมีย 20 ตัว และลาตัวผู้ 10 ตัว เขาแยกสัตว์เป็นฝูงๆ ให้คนรับใช้ดูแลแต่ละฝูง และบอกพวกเขาว่า “ล่วงหน้าไปก่อนเรา และเว้นระยะห่างระหว่างฝูง” เขาสั่งกลุ่มแรกว่า “เมื่อเอซาวพี่ชายของเราพบเจ้าและถามเจ้าว่า ‘เจ้ารับใช้ผู้ใด เจ้ากำลังจะไปไหน และสัตว์ที่อยู่ข้างหน้าเจ้านี้เป็นของใคร’ เจ้าจงบอกไปว่า ‘มันเป็นของยาโคบผู้รับใช้ของท่าน และเป็นของกำนัลฝากมาให้เอซาวนายของข้าพเจ้า และยิ่งกว่านั้น ยาโคบท่านกำลังตามหลังพวกเรามา’” เขาสั่งกลุ่มที่สอง ที่สามและกลุ่มอื่นๆ ที่ดูแลฝูงสัตว์ในทำนองเดียวกันว่า “เจ้าจะต้องพูดกับเอซาวแบบเดียวกัน เวลาเจ้าพบเขา และเจ้าจะพูดว่า ‘ยิ่งกว่านั้น ยาโคบผู้รับใช้ของท่านกำลังตามหลังพวกเรามา’” เพราะยาโคบคิดว่า “ฉันคงจะคืนดีกับเขาได้ด้วยของกำนัลที่ไปล่วงหน้าฉัน และหลังจากนั้นฉันก็จะเจอหน้าเขา เขาอาจจะยอมรับฉัน” ดังนั้นของกำนัลจึงไปล่วงหน้าเขา และตัวเขาเองก็พักแรมที่ค่ายคืนนั้น ในคืนเดียวกันนั้นเขาลุกขึ้นและพาภรรยาทั้งสอง หญิงรับใช้ 2 คน และบุตรชาย 11 คนของเขาไปข้ามลำธารยับบอก เมื่อพาส่งข้ามลำธารไปแล้ว ก็ได้ส่งทุกสิ่งที่เป็นของเขาข้ามไปพร้อมกัน