เอเสเคียล 47:1-12

เอเสเคียล 47:1-12 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ชาย​ผู้นั้น​ได้​พา​ผม​กลับ​มา​ที่​ประตู​ทางเข้า​วิหาร และ​ผม​ได้​เห็น​น้ำ​ไหล​ออก​มา​จาก​ใต้​ธรณี​ประตู​ของ​วิหาร ไหล​ไป​ทาง​ทิศ​ตะวันออก (เพราะ​วิหาร​หันหน้า​ไป​ทาง​ทิศ​ตะวันออก) น้ำ​ไหล​ลง​มา​จาก​ทาง​ด้าน​ทิศใต้​ของ​ธรณี​ประตู​ของ​วิหาร และ​ไหล​ผ่าน​ทาง​ด้าน​ทิศใต้​ของ​แท่นบูชา แล้ว​ชาย​ผู้นั้น​ได้​นำ​ผม​ออก​มา โดย​ใช้​ประตู​ทิศ​เหนือ และ​พา​ผม​อ้อม​ไป​ทาง​ด้าน​นอก​ไป​ถึง​ประตู​ด้าน​นอก​ที่​หันหน้า​ไป​ทาง​ทิศ​ตะวันออก และ​น้ำ​นั้น​ได้​ไหล​ออก​มา​จาก​ทาง​ทิศใต้​ของ​ประตู​นั้น ชาย​ผู้นั้น​เดิน​ไป​ทาง​ทิศ​ตะวันออก​พร้อม​กับ​ถือ​สายวัด​เส้นหนึ่ง​ใน​มือ เขา​วัด​สายน้ำ​ได้​หนึ่งพัน​ศอก แล้ว​เขา​พา​ผม​ลุย​น้ำ​ที่​ลึก​ถึง​ตาตุ่ม เขา​วัด​สายน้ำ​ได้​อีก​หนึ่งพัน​ศอก และ​เขา​พา​ผม​เดิน​ลุย​น้ำ​ที่​ลึก​ถึง​หัวเข่า เขา​วัด​สายน้ำ​ได้​อีก​หนึ่งพัน​ศอก และ​เขา​พา​ผม​เดิน​ลุย​น้ำ​ที่​ลึก​ถึง​เอว เขา​วัด​สายน้ำ​ได้​อีก​หนึ่งพัน​ศอก แต่​ตอนนี้​มัน​คือ​แม่น้ำ​สายหนึ่ง​ที่​ผม​ลุย​ข้าม​ไป​ไม่ได้ เพราะ​น้ำ​ขึ้น​สูง​และ​ลึก​มาก​จน​ไม่มี​ใคร​ลุย​ข้าม​ไป​ได้​นอก​จาก​จะ​ว่ายน้ำ​ข้ามไป ชาย​ผู้นั้น​ถาม​ผม​ว่า “เจ้า​ลูก​มนุษย์ เจ้า​ได้​สังเกต​เรื่อง​เหล่านี้​หรือเปล่า” แล้ว​เขา​ก็​พา​ผม​กลับ​ไป​ที่​ริมฝั่ง​แม่น้ำ เมื่อ​ผม​มา​ถึง​ที่นั้น ผม​ได้​เห็น​ต้นไม้​จำนวน​มาก​ขึ้น​อยู่​ริม​แม่น้ำ​ทั้ง​สองฝั่ง ชาย​ผู้นั้น​ได้​พูด​กับ​ผม​ว่า “แม่น้ำ​สายนี้​ไหล​ไป​ที่​แคว้น​ทาง​ทิศ​ตะวันออก​และ​ไหล​ไป​ที่​อาราบา และ​ไหล​ลง​สู่​ทะเลตาย​และ​ทำ​ให้​ทะเลตาย​กลาย​เป็น​น้ำจืด แม่น้ำ​นี้​ไหล​ผ่าน​ที่ไหน ก็​จะ​มี​สิ่งมีชีวิต​มา​อาศัย​อยู่​ที่นั่น จะ​มี​ปลา​อยู่​มากมาย เพราะ​เมื่อ​น้ำ​นี้​ไหล​ลง​ทะเล มัน​จะ​ทำ​ให้​น้ำเค็ม​กลาย​เป็น​น้ำจืด ดังนั้น ไม่ว่า​แม่น้ำ​สายนี้​จะ​ไหล​ผ่าน​ที่ใด ก็​จะ​มี​สิ่งมีชีวิต​ทุกชนิด​มา​อาศัย​อยู่​ที่นั่น ชาว​ประมง​จะ​ยืน​อยู่​ตาม​ริมฝั่ง ตั้งแต่​เอนเกดี​ไป​จนถึง​เอนเอกลาอิม จะ​มี​ที่​มากมาย​ให้​ทอดแห จะ​มี​ปลา​มากมาย​หลาย​ชนิด​เหมือน​กับ​ปลา​ที่​มี​อยู่​ใน​ทะเล​เมดิเตอร์เรเนียน แต่​น้ำ​ตาม​หนอง​ตาม​บึง​จะ​ไม่​เป็น​น้ำจืด มัน​จะ​ถูก​ทิ้ง​ไว้​ให้​เป็น​เกลือ ต้นไม้​ทุกชนิด​ที่​ให้​ผล จะ​เจริญ​เติบโต​อยู่​สอง​ฟาก​ฝั่ง​แม่น้ำ ใบไม้​ของมัน​จะ​ไม่​แห้งเหี่ยว และ​จะ​ออก​ผล​ไม่​หยุดหย่อน มัน​จะ​ออก​ผล​ให้​ทุกๆ​เดือน เพราะ​น้ำ​จาก​สถานที่​ศักดิ์สิทธิ์​ไหล​ผ่าน​พวกมัน ผล​ของมัน​จะ​ใช้​เป็น​อาหาร และ​ใบ​ของมัน​จะ​ใช้​เป็น​ยา​รักษา”

เอเสเคียล 47:1-12 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

แล้วท่านก็นำข้าพเจ้ากลับมาที่ทางเข้าพระนิเวศ และดูสิ มีน้ำไหลออกมาจากใต้ธรณีประตูพระนิเวศตรงไปทางทิศตะวันออก (เพราะพระนิเวศหันหน้าไปทางทิศตะวันออก) และน้ำไหลลงมาจากข้างล่างทางด้านทิศใต้ของพระนิเวศ คือทิศใต้ของแท่นบูชา แล้วท่านนำข้าพเจ้าออกมาทางประตูเหนือ และนำข้าพเจ้าอ้อมไปภายนอกถึงประตูชั้นนอกที่หันหน้าไปทางตะวันออก และน้ำนั้นไหลออกมาจากด้านใต้ ชายผู้นั้นเดินไปทางตะวันออกมีเชือกวัดอยู่ในมือ ท่านวัดระยะออกไป 500 เมตร แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไป และน้ำลึกเพียงตาตุ่ม แล้วท่านก็วัดอีก 500 เมตร แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไปและน้ำลึกถึงเข่า แล้วท่านก็วัดอีก 500 เมตร แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไป น้ำนั้นลึกเพียงเอว แล้วท่านก็วัดอีก 500 เมตร และกลายเป็นแม่น้ำที่ข้าพเจ้าลุยข้ามไม่ได้ เพราะน้ำขึ้นแล้วลึกพอที่จะว่ายได้ เป็นแม่น้ำที่ลุยข้ามไม่ได้ และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นสิ่งนี้หรือ?” แล้วท่านก็พาข้าพเจ้ากลับมาตามฝั่งแม่น้ำ ขณะเมื่อข้าพเจ้ากลับ ดูสิ ข้าพเจ้าเห็นต้นไม้มากมายอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำทั้งสองฟาก และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “น้ำนี้ไหลตรงไปในบริเวณตะวันออก และไหลลงไปถึงอารบาห์ และเมื่อน้ำไหลไปถึงทะเล น้ำที่ลงทะเลก็จะทำน้ำให้จืด แม่น้ำนั้นไปถึงที่ไหน สัตว์ทุกชนิดที่อยู่กันเป็นฝูงก็จะมีชีวิตอยู่ได้ และที่นั่นจะมีปลามากมาย เพราะว่าแม่น้ำนี้ไปถึงที่ไหนก็จะทำน้ำให้จืด แม่น้ำไปถึงไหน ทุกสิ่งก็มีชีวิตอยู่ได้ ชาวประมงก็ยืนอยู่ที่ข้างทะเล จากเอนเกดีถึงเอนเอก-ลาอิมจะเป็นที่สำหรับตากอวน ปลาในที่นั้นมีหลายชนิด เหมือนปลาในทะเลใหญ่ แต่ส่วนที่เป็นบึงและหนองน้ำจะไม่จืด ต้องทิ้งไว้ให้เป็นเกลือ ตามสองฝั่งของแม่น้ำจะมีต้นไม้ทุกชนิดที่ใช้เป็นอาหารปลูกไว้ ใบของมันจะไม่เหี่ยวและผลของมันจะไม่วาย แต่จะเกิดผลใหม่ๆ ทุกเดือน เพราะว่าน้ำสำหรับต้นไม้นั้นไหลจากสถานนมัสการ ผลไม้นั้นใช้เป็นอาหารและใบก็ใช้รักษาโรค”

เอเสเคียล 47:1-12 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ภายหลังท่านก็นำข้าพเจ้ากลับมาที่​ประตู​พระนิเวศ และดู​เถิด มีน​้ำไหลออกมาจากใต้​ธรณีประตู​พระนิเวศตรงไปทางทิศตะวันออก เพราะพระนิเวศหันหน้าไปทางทิศตะวันออก และน้ำไหลลงมาจากข้างล่าง ทางด้านขวาของพระนิเวศ ทิศใต้​ของแท่นบู​ชา แล​้​วท​่านจึงนำข้าพเจ้าออกมาทางประตู​เหนือ และนำข้าพเจ้าอ้อมไปภายนอกถึงประตู​ชั้นนอก ซึ่งหันหน้าไปทางตะวันออก และดู​เถิด น้ำนั้นออกมาทางด้านขวา ชายผู้นั้นได้เดินไปทางตะวันออกมีเชือกวั​ดอย​ู่ในมือ ท่านวัดได้​หน​ึ่งพันศอก แล​้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไป และน้ำลึกเพียงตาตุ่ม แล​้​วท​่านก็วัดได้​อี​กหนึ่งพัน แล​้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไปและน้ำลึกถึงเข่า แล​้​วท​่านก็วัดได้​อี​กหนึ่งพัน แล​้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไป น้ำนั้นลึกเพียงเอว ภายหลังท่านก็วัดได้​อี​กหนึ่งพัน และกลายเป็นแม่น้ำที่ข้าพเจ้าลุยข้ามไม่​ได้ เพราะน้ำนั้นขึ้นแล้วลึกพอที่จะว่ายได้ เป็นแม่น้ำที่​ลุ​ยข้ามไม่​ได้ และท่านพู​ดก​ับข้าพเจ้าว่า “​บุ​ตรแห่งมนุษย์​เอ๋ย เจ้​าเห็นสิ่งนี้​หรือ​” แล​้​วท​่านก็พาข้าพเจ้ากลับมาตามฝั่งแม่​น้ำ ขณะเมื่อข้าพเจ้ากลับ ดู​เถิด ข้าพเจ้าเห็นต้นไม้มากมายอยู่​ที่​ฝั่งแม่น้ำทั้งสองฟาก และท่านพู​ดก​ับข้าพเจ้าว่า “น้ำนี้ไหลตรงไปทางท้องถิ่นตะวันออก และไหลลงไปถึงทะเลทราย แล​้วลงไปถึงทะเล และเมื่อน้ำไหลออกมานั้นไปถึงน้ำทะเล น้ำนั้​นก​็​กล​ับจืดดี ต่อมาแม่น้ำนั้นไปถึงที่​ไหน ทุ​กสิ่งที่​มี​ชี​วิตซึ่งแหวกว่ายไปมาก็จะมี​ชี​วิตได้ และที่นั่​นม​ีปลามากมายเพราะว่าน้ำนี้ไปถึงที่นั่นน้ำทะเลก็​จืด เพราะฉะนั้นแม่น้ำไปถึงไหน ทุ​กสิ่​งก​็​มีชีวิต ต่อมาชาวประมงก็จะยืนอยู่​ที่​ข้างทะเล จากเอนเกดีถึงเอนเอกลาอิม จะเป็​นที​่สำหรับตากอวน ปลาในที่นั่นจะมี​หลายชนิด เหมือนปลาในทะเลใหญ่ คือจะมี​มากมาย แต่​ที่​เป็นบึงและหนองน้ำจะไม่​จืด ต้องทิ้งไว้​ให้​เป็นเกลือ ตามฝั่งทั้งสองฟากแม่​น้ำ จะมี​ต้นไม้​ทุ​กชนิดที่​ใช้​เป็นอาหาร ใบของมันจะไม่​เห​ี่ยวและผลของมันจะไม่​วาย แต่​จะเกิดผลใหม่​ทุ​กเดือน เพราะว่าน้ำสำหรับต้นไม้นั้นไหลจากสถานบริ​สุทธิ​์ ผลไม้​นั้นใช้เป็นอาหารและใบก็​ใช้​เป็นยา”

เอเสเคียล 47:1-12 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

แล้วท่านก็นำข้าพเจ้ากลับมาที่ประตูพระวิหาร และดูเถิด มีน้ำไหลออกมาจากใต้ธรณีประตูพระวิหาร ตรงไปทางทิศตะวันออก (เพราะพระวิหารหันหน้าไปทางทิศตะวันออก) และน้ำไหลลงมาจากข้างล่าง ปลายใต้ของธรณีประตูพระวิหาร ทิศใต้ของแท่นบูชา แล้วท่านจึงนำข้าพเจ้าออกมาทางประตูเหนือ และนำข้าพเจ้าอ้อมไปภายนอกถึงประตูชั้นนอก ซึ่งหันหน้าไปทางตะวันออก และน้ำนั้นออกมาทางด้านใต้ ชายผู้นั้นได้เดินไปทางตะวันออกมีเชือกวัดอยู่ในมือ ท่านวัดได้หนึ่งพันศอก แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไป และน้ำลึกเพียงตาตุ่ม แล้วท่านก็วัดได้อีกหนึ่งพัน แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไปและน้ำลึกถึงเข่า แล้วท่านก็วัดได้อีกหนึ่งพัน แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไป น้ำนั้นลึกเพียงเอว แล้วท่านก็วัดได้อีกหนึ่งพัน และกลายเป็นแม่น้ำที่ข้าพเจ้าลุยข้ามไม่ได้ เพราะน้ำนั้นขึ้นแล้วลึกพอที่จะว่ายได้ เป็นแม่น้ำที่ลุยข้ามไม่ได้ และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า <<บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นสิ่งนี้หรือ>> แล้วท่านก็พาข้าพเจ้ากลับมาตามฝั่งแม่น้ำ ขณะเมื่อข้าพเจ้ากลับ ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นต้นไม้มากมายอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำทั้งสองฟาก และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า <<น้ำนี้ไหลตรงไปทางท้องถิ่นตะวันออก และไหลลงไปถึงอารบา และเมื่อน้ำไหลออกมานั้นไปถึงน้ำทะเล น้ำนั้นก็กลับจืดดี แม่น้ำนั้นไปถึงที่ไหน สัตว์มีชีวิตที่อยู่กันเป็นฝูงก็จะมีชีวิตได้ และที่นั่นมีปลามากมาย เพราะว่าน้ำนี้ไปถึงที่นั่นน้ำทะเลก็จืด เพราะฉะนั้นแม่น้ำไปถึงไหน ทุกสิ่งก็มีชีวิต ชาวประมงก็ยืนอยู่ที่ข้างทะเล จากเอนเกดีถึงเอนเอกลาอิม จะเป็นที่สำหรับตากอวน ปลาในที่นั้นมีหลายชนิด เหมือนปลาในทะเลใหญ่ แต่ที่เป็นบึงและหนองน้ำจะไม่จืด ต้องทิ้งไว้ให้เป็นเกลือ ตามฝั่งทั้งสองฟากแม่น้ำ มีต้นไม้ทุกชนิดที่ใช้เป็นอาหาร ใบของมันจะไม่เหี่ยวและผลของมันจะไม่วาย แต่จะเกิดผลใหม่ทุกเดือน เพราะว่าน้ำสำหรับต้นไม้นั้นไหลจากสถานนมัสการ ผลไม้นั้นใช้เป็นอาหารและใบก็ใช้เป็นยา>>

เอเสเคียล 47:1-12 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ชายผู้นั้นพาข้าพเจ้ากลับมาที่ทางเข้าพระวิหาร และข้าพเจ้าเห็นสายน้ำไหลออกมาจากใต้ธรณีประตูพระวิหารไปทางตะวันออก (เพราะพระวิหารหันหน้าไปทางตะวันออก) น้ำนั้นไหลมาจากด้านใต้ของพระวิหาร ทางใต้ของแท่นบูชา แล้วเขาพาข้าพเจ้าออกมาทางประตูด้านเหนือ พาอ้อมด้านนอกไปยังประตูชั้นนอก ซึ่งหันหน้าไปทางตะวันออก และน้ำนั้นไหลออกมาจากทางทิศใต้ ขณะที่เขาผู้นั้นไปทางตะวันออก มีสายวัดอยู่ในมือ วัดได้ 1,000 คิวบิท จากนั้นเขาก็พาข้าพเจ้าลุยน้ำไปซึ่งลึกระดับตาตุ่ม เขาวัดไปอีก 1,000 คิวบิท แล้วพาข้าพเจ้าลุยน้ำซึ่งลึกระดับหัวเข่า เขาวัดอีก 1,000 คิวบิท และพาข้าพเจ้าลุยน้ำซึ่งสูงขึ้นถึงระดับเอว เขาวัดอีก 1,000 คิวบิท คราวนี้เป็นแม่น้ำซึ่งข้าพเจ้าไม่อาจลุยข้ามไปได้ เพราะน้ำลึกพอที่จะว่ายไป แต่ไม่มีใครเดินลุยข้ามแม่น้ำนั้นได้ เขาถามข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นสิ่งนี้หรือไม่?” แล้วเขาพาข้าพเจ้ากลับมาที่ริมฝั่งแม่น้ำนั้น เมื่อข้าพเจ้ามาถึงที่นั่นก็เห็นต้นไม้มากมายที่ตลิ่งทั้งสองฟาก เขากล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “น้ำนี้ไหลไปยังภูมิภาคตะวันออกลงสู่อาราบาห์และไหลสู่ทะเลตาย เมื่อไหลลงทะเลตายก็ทำให้น้ำนั้นเป็นน้ำจืด น้ำนั้นไหลไปที่ไหนก็มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ที่นั่นคลาคล่ำ จะมีปลาอุดมสมบูรณ์เพราะน้ำนี้ไหลไปทำให้น้ำเค็มกลายเป็นน้ำจืด ฉะนั้นที่ซึ่งน้ำนี้ไหลไปจึงมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ชาวประมงจะยืนอยู่ตามชายฝั่งทะเล จากเอนเกดีถึงเอนเอกลาอิมจะมีที่สำหรับตากอวน จะมีปลาหลากชนิดเหมือนในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ตามห้วยตามหนองน้ำจะไม่เป็นน้ำจืดเพื่อจะได้มีแหล่งเกลือ ไม้ผลทุกชนิดจะขึ้นที่สองฝั่งแม่น้ำ ใบของมันจะไม่เหี่ยวเฉาและผลของมันจะออกตามฤดูกาล มันจะออกผลทุกเดือนเพราะน้ำจากสถานนมัสการไหลมาถึง ผลของมันจะใช้เป็นอาหารและใบของมันใช้รักษาโรค”

เอเสเคียล 47:1-12 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

แล้ว​ท่าน​พา​ข้าพเจ้า​กลับ​ไป​ที่​ประตู​พระ​ตำหนัก ดู​เถิด น้ำ​กำลัง​ไหล​ออก​จาก​ใต้​ธรณี​ประตู​พระ​ตำหนัก​สู่​ทิศ​ตะวัน​ออก (พระ​ตำหนัก​หัน​ไป​ทาง​ทิศ​ตะวัน​ออก) น้ำ​นั้น​ไหล​ลง​มา​จาก​ใต้​ธรณี​ประตู​ทาง​ซ้าย​สุด คือ​ทาง​ใต้​ของ​แท่น​บูชา และ​ท่าน​พา​ข้าพเจ้า​ออก​ไป​ทาง​ประตู​เหนือ และ​นำ​ข้าพเจ้า​ไป​ข้าง​นอก ไป​ยัง​ประตู​นอก​ที่​หัน​ไป​ทาง​ทิศ​ตะวัน​ออก ดู​เถิด น้ำ​กำลัง​หยด​ออก​มา​จาก​ด้าน​ใต้ ชาย​ผู้​นั้น​เดิน​ต่อ​ไป​ทาง​ทิศ​ตะวัน​ออก มือ​ถือ​ไม้​วัด ท่าน​วัด​ระยะ​ได้ 1,000 ศอก และ​นำ​ข้าพเจ้า​ลุย​น้ำ​ซึ่ง​ลึก​ระดับ​ข้อ​เท้า และ​ท่าน​วัด​อีก 1,000 ศอก และ​นำ​ข้าพเจ้า​ลุย​น้ำ​ซึ่ง​ลึก​ระดับ​เข่า ท่าน​วัด​อีก 1,000 ศอก และ​นำ​ข้าพเจ้า​ลุย​น้ำ​ซึ่ง​ลึก​ระดับ​เอว ท่าน​วัด​อีก 1,000 ศอก และ​เห็น​ว่า​เป็น​แม่​น้ำ​ซึ่ง​ข้าพเจ้า​ไม่​สามารถ​ลุย​ได้ เพราะ​น้ำ​ขึ้น​แล้ว มัน​ลึก​พอ​ที่​จะ​ว่าย​น้ำ​ได้ แต่​เป็น​แม่​น้ำ​ที่​ไม่​สามารถ​ลุย​ผ่าน​ได้ ท่าน​พูด​กับ​ข้าพเจ้า​ว่า “บุตร​มนุษย์​เอ๋ย ท่าน​เห็น​แล้ว​หรือ​ยัง” แล้ว​ท่าน​นำ​ข้าพเจ้า​กลับ​ไป​ยัง​ฝั่ง​แม่​น้ำ เมื่อ​ข้าพเจ้า​กลับ​ไป​ที่​นั่น ข้าพเจ้า​เห็น​ต้น​ไม้​จำนวน​มาก​บน​สอง​ฟาก​ฝั่ง​ของ​แม่​น้ำ ท่าน​พูด​กับ​ข้าพเจ้า​ว่า “น้ำ​นี้​ไหล​ไป​สู่​เขต​แดน​ด้าน​ตะวัน​ออก และ​ลง​ไป​ยัง​อาราบาห์ แล้ว​ไหล​ลง​สู่​ทะเล เมื่อ​น้ำ​ไหล​ลง​สู่​ทะเล น้ำ​ก็​กลาย​เป็น​น้ำ​สะอาด และ​น้ำ​ไหล​ไป​ที่​ใด​ก็​ตาม สิ่ง​มี​ชีวิต​ทุก​ชนิด​ที่​แหวก​ว่าย​เป็น​ฝูงๆ จะ​มี​ชีวิต​อยู่​ได้ และ​จะ​มี​ปลา​มาก​มาย เพราะ​น้ำ​นี้​ไหล​ไป​ที่​นั่น​และ​ทำ​น้ำ​ทะเล​ให้​สะอาด ฉะนั้น​แม่​น้ำ​ไหล​ไป​ที่​ใด ทุก​สิ่ง​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​ได้ ชาว​ประมง​จะ​ยืน​อยู่​ข้าง​ทะเล จาก​เอนเกดีถึง​เอนเอกลาอิม​จะ​เป็น​ที่​สำหรับ​ทอด​แห จะ​มี​ปลา​หลาก​ชนิด เหมือน​ปลา​ใน​ทะเล​ใหญ่ แต่​บึง​และ​หนอง​น้ำ​จะ​ไม่​เป็น​น้ำ​จืด แต่​จะ​ถูก​ปล่อย​ให้​เป็น​แหล่ง​เกลือ และ​บน​ฝั่ง​แม่​น้ำ​ทั้ง​สอง​ฟาก​จะ​มี​ต้น​ไม้​ทุก​ชนิด​ขึ้น​อยู่ ซึ่ง​ใบ​จะ​ไม่​เหี่ยว​แห้ง และ​ผล​จะ​ไม่​ร่วง​หล่น แต่​จะ​ให้​ผล​ใหม่​สด​ทุก​เดือน เพราะ​มี​น้ำ​รด​ซึ่ง​จะ​ไหล​ลง​มา​จาก​ที่​พำนัก ผล​จาก​ต้น​เหล่า​นี้​จะ​เป็น​อาหาร และ​มี​ใบ​ไว้​สำหรับ​การ​เยียวยา”