อพยพ 33:7-20
อพยพ 33:7-20 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
โมเสสเคยตั้งเต็นท์หลังหนึ่งไว้ข้างนอกไกลจากค่าย และเรียกว่า เต็นท์นัดพบ ต่อมาทุกคนที่ปรารถนาจะเข้าเฝ้าพระยาห์เวห์ ก็มักจะออกไปยังเต็นท์นัดพบซึ่งตั้งอยู่นอกค่าย และเมื่อไรที่โมเสสออกไปยังเต็นท์นั้น ประชาชนทุกคนก็จะลุกขึ้นยืนอยู่ที่ประตูเต็นท์ของตนมองดูโมเสส จนท่านเข้าไปในเต็นท์ เมื่อโมเสสเข้าไปในเต็นท์แล้ว เสาเมฆก็ลอยลงมาตั้งอยู่ที่ประตูเต็นท์ แล้วพระองค์ก็ตรัสกับโมเสส เมื่อไรที่ประชาชนทั้งหมดเห็นเสาเมฆนั้นตั้งอยู่ที่ประตูเต็นท์ พวกเขาก็จะลุกขึ้นและนมัสการอยู่ที่ประตูเต็นท์ของตน พระยาห์เวห์เคยตรัสกับโมเสสสองต่อสอง เหมือนมิตรสหายสนทนากัน แล้วโมเสสก็กลับไปยังค่าย แต่ผู้รับใช้หนุ่มของท่าน คือโยชูวาบุตรนูน ไม่ได้ออกไปจากเต็นท์ โมเสสกราบทูลพระยาห์เวห์ว่า “ดูสิ พระองค์ตรัสสั่งข้าพระองค์ว่า ‘จงนำประชากรนี้ขึ้นไป’ แต่พระองค์ไม่ได้ทรงแจ้งให้ข้าพระองค์ทราบว่า จะใช้ใครขึ้นไปกับข้าพระองค์ พระองค์เองยังตรัสว่า ‘เรารู้จักชื่อของเจ้า และเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของเราด้วย’ และบัดนี้ ถ้าข้าพระองค์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์แล้ว ขอโปรดสำแดงพระมรรคาของพระองค์แก่ข้าพระองค์ แล้วข้าพระองค์จะรู้จักพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ และขอทรงนับชนชาตินี้เป็นประชากรของพระองค์” พระองค์ตรัสว่า “เราเองจะไปกับเจ้า และให้เจ้าได้พัก” แล้วโมเสสจึงกราบทูลพระองค์ว่า “ถ้าพระองค์ไม่เสด็จไปกับข้าพระองค์ ก็ขออย่าทรงนำพวกข้าพระองค์ขึ้นไปจากที่นี่เลย ทำอย่างไรใครๆ จะทราบได้ว่า ข้าพระองค์และประชากรของพระองค์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์แล้ว นอกจากพระองค์จะเสด็จไปกับพวกข้าพระองค์ด้วยไม่ใช่หรือ? ดังนั้นข้าพระองค์และประชากรของพระองค์ จึงแตกต่างจากชนชาติอื่นๆ ทั่วโลก” พระยาห์เวห์ตรัสตอบโมเสสว่า “สิ่งที่เจ้าขอนั้นเราจะทำให้ เพราะว่าเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของเราแล้ว และเรารู้จักชื่อของเจ้า” โมเสสจึงกราบทูลว่า “ขอทรงสำแดงพระสิริของพระองค์แก่ข้าพระองค์เถิด” พระองค์จึงตรัสตอบว่า “เราจะให้คุณความดีทั้งสิ้นของเราประจักษ์แจ้งต่อหน้าเจ้า และเราจะประกาศนามของยาห์เวห์ต่อหน้าเจ้า เราประสงค์จะโปรดปรานผู้ใดก็จะโปรดปรานผู้นั้น และเราประสงค์จะเมตตาผู้ใด เราก็จะเมตตาผู้นั้น” พระองค์จึงตรัสว่า “เจ้าจะเห็นหน้าของเราไม่ได้ เพราะมนุษย์เห็นหน้าเราแล้วจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้”
อพยพ 33:7-20 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
โมเสสเคยตั้งเต็นท์หลังหนึ่งนอกค่าย ห่างออกไปจากค่าย และเขาเรียกมันว่าเต็นท์นัดพบ ใครที่แสวงหาพระยาห์เวห์ ก็จะออกมาที่เต็นท์หลังนี้ที่อยู่นอกค่าย เมื่อโมเสสออกไปที่เต็นท์นัดพบ ประชาชนทั้งหมดก็จะลุกขึ้น และยืนอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์ของแต่ละคน พวกเขาจะเฝ้าดูโมเสส จนกระทั่งโมเสสเข้าไปในเต็นท์นั้น เมื่อโมเสสเข้าไปในเต็นท์ เสาเมฆก็จะลอยลงมาอยู่ตรงทางเข้าของเต็นท์นัดพบนั้น และพระยาห์เวห์ก็จะพูดกับโมเสส เมื่อประชาชนทุกคนเห็นเสาเมฆลอยลงมาอยู่ตรงทางเข้าของเต็นท์นัดพบ พวกเขาทั้งหมดก็จะก้มกราบลงที่ตรงทางเข้าเต็นท์ของตัวเอง พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสแบบซึ่งๆหน้า เหมือนกับที่คนคุยกับเพื่อนของเขา และเมื่อโมเสสกลับมาที่ค่าย โยชูวาผู้ช่วยของเขา ลูกของนูน ก็จะยังคงอยู่ที่เต็นท์นั้น โมเสสพูดกับพระยาห์เวห์ว่า “ดูสิ พระองค์บอกกับข้าพเจ้าว่า ‘ให้นำประชาชนเหล่านี้ขึ้นไป’ แต่พระองค์ไม่ได้เปิดเผยว่าพระองค์จะส่งใครไปกับข้าพเจ้าบ้าง พระองค์พูดว่า ‘เรารู้จักเจ้าดี และเราก็ชื่นชอบเจ้าด้วย’ ตอนนี้ ถ้าข้าพเจ้าเป็นที่ชื่นชอบในสายตาของพระองค์ ขอพระองค์เปิดเผยทางของพระองค์ให้ข้าพเจ้าได้รู้จักด้วยเถิด เพื่อข้าพเจ้าจะได้รู้จักพระองค์ และเป็นที่ชื่นชอบในสายตาของพระองค์ อย่าลืมว่าประชาชนพวกนี้เป็นชนชาติของพระองค์เอง” พระยาห์เวห์พูดว่า “ตัวเราจะไปกับเจ้า และนำทางเจ้า” โมเสสพูดกับพระองค์ว่า “ถ้าพระองค์ไม่ไป ก็ขออย่าได้นำพวกข้าพเจ้าไปจากที่นี่เลย ถ้าพระองค์ไม่ไปกับพวกข้าพเจ้า แล้วจะมีอะไรแสดงให้เห็นว่า พระองค์พอใจในตัวข้าพเจ้าและคนของพระองค์ แล้วข้าพเจ้าและคนของพระองค์จะแตกต่างจากชนชาติอื่นๆบนพื้นแผ่นดินโลกนี้อย่างไร” พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “เราจะทำตามสิ่งที่เจ้าได้พูดมานี้ เพราะเราชอบใจในตัวเจ้า และเรารู้จักเจ้าดี” โมเสสพูดว่า “ขอได้โปรดแสดงรัศมีของพระองค์ให้ข้าพเจ้าเห็นด้วยเถิด” พระยาห์เวห์จึงพูดว่า “เราจะทำให้ความดีทั้งหมดของเรา ผ่านไปต่อหน้าเจ้า และเราจะเรียกชื่อพระยาห์เวห์ต่อหน้าเจ้า เราอยากจะทำดีกับใคร เราก็จะทำดีกับคนนั้น เราอยากจะเมตตาใคร เราก็จะเมตตาคนนั้น” พระยาห์เวห์พูดว่า “เจ้าจะไม่สามารถมองหน้าเราได้ เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนที่เห็นหน้าเรา แล้วยังมีชีวิตอยู่ได้”
อพยพ 33:7-20 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
ฝ่ายโมเสสตั้งพลับพลาหลังหนึ่งไว้ข้างนอกไกลจากค่าย และเรียกว่าพลับพลาแห่งชุมนุม ต่อมาทุกคนซึ่งปรารถนาจะเข้าเฝ้าพระเยโฮวาห์ก็ออกไปยังพลับพลาแห่งชุมนุม ซึ่งตั้งอยู่นอกบริเวณค่าย และต่อมาเมื่อไรที่โมเสสออกไปยังพลับพลานั้น พลไพร่ทั้งปวงก็จะลุกขึ้นยืนอยู่ที่ประตูเต็นท์ของตน มองดูโมเสสจนท่านเข้าไปในพลับพลา ครั้นโมเสสเข้าไปในพลับพลาแล้ว เสาเมฆก็ลอยลงมาตั้งอยู่ที่ประตูพลับพลา แล้วพระเยโฮวาห์ก็ตรัสสนทนากับโมเสส เวลาพลไพร่ทั้งปวงเห็นเสาเมฆนั้นตั้งอยู่ที่ประตูพลับพลาเมื่อไร ทุกคนก็จะลุกขึ้นยืนนมัสการอยู่ที่ประตูเต็นท์ของตน ดังนี้แหละพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสสองต่อสอง เหมือนมิตรสหายสนทนากัน แล้วโมเสสก็กลับไปยังค่าย แต่โยชูวาผู้รับใช้หนุ่ม ผู้เป็นบุตรชายของนูน มิได้ออกไปจากพลับพลา โมเสสกราบทูลพระเยโฮวาห์ว่า “ดูเถิด พระองค์ได้ตรัสสั่งข้าพระองค์ว่า ‘จงนำพลไพร่นี้ขึ้นไป’ แต่พระองค์มิได้แจ้งให้ข้าพระองค์ทราบว่า จะใช้ผู้ใดขึ้นไปกับข้าพระองค์ แม้กระนั้นพระองค์ก็ยังตรัสกับข้าพระองค์ว่า ‘เรารู้จักเจ้าตามชื่อของเจ้า และเจ้าก็ได้รับความกรุณาในสายตาของเราด้วย’ ฉะนั้นบัดนี้ ข้าพระองค์ทูลวิงวอนต่อพระองค์ ถ้าแม้ข้าพระองค์ได้รับพระกรุณาในสายพระเนตรของพระองค์แล้ว ขอทรงโปรดสำแดงพระมรรคาของพระองค์ให้ข้าพระองค์เห็นในกาลบัดนี้ เพื่อข้าพระองค์จะรู้จักพระองค์ แล้วจะรับพระกรุณาในสายพระเนตรของพระองค์ และขอทรงถือว่าชนชาตินี้เป็นพลไพร่ของพระองค์” ฝ่ายพระองค์ตรัสว่า “เราเองจะไปกับเจ้า และให้เจ้าได้พัก” ฝ่ายโมเสสจึงกราบทูลพระองค์ว่า “ถ้าพระองค์มิได้เสด็จไปกับข้าพระองค์ ก็ขออย่านำพวกข้าพระองค์ขึ้นไปจากที่นี่เลย ทำอย่างไรจะทราบได้ตรงนี้ว่า ข้าพระองค์และพลไพร่ของพระองค์ได้รับพระกรุณาในสายพระเนตรของพระองค์แล้ว ก็เมื่อพระองค์เสด็จไปกับพวกข้าพระองค์ด้วยมิใช่หรือ ดังนี้ เราทั้งหลายทั้งข้าพระองค์และพลไพร่ของพระองค์จึงจะแยกออกจากชนชาติทั้งปวงที่อยู่บนพื้นแผ่นดินโลก” ฝ่ายพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “เราจะกระทำสิ่งที่เจ้ากล่าวถึงนี้ด้วยเพราะว่าเจ้าได้รับความกรุณาในสายตาของเราแล้ว และเรารู้จักเจ้าตามชื่อของเจ้า” โมเสสจึงกราบทูลว่า “ขอทรงโปรดสำแดงสง่าราศีของพระองค์แก่ข้าพระองค์เถิด” พระองค์จึงตรัสตอบว่า “เราจะให้คุณความดีของเราประจักษ์แจ้งต่อหน้าเจ้า และเราจะประกาศนามของเราคือ เยโฮวาห์ ให้ประจักษ์ต่อหน้าเจ้า เราประสงค์จะโปรดปรานผู้ใด เราก็จะโปรดปรานผู้นั้น และเราประสงค์จะเมตตาแก่ผู้ใด เราก็จะเมตตาผู้นั้น” พระองค์จึงตรัสว่า “เจ้าจะเห็นหน้าของเราไม่ได้ เพราะมนุษย์เห็นหน้าเราแล้วจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้”
อพยพ 33:7-20 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
ฝ่ายโมเสสเคยตั้งเต็นท์หลังหนึ่งไว้ข้างนอกไกลจากค่าย และเรียกว่า เต็นท์นัดพบ ต่อมาทุกคนซึ่งปรารถนาจะเข้าเฝ้าพระเจ้า ก็มักจะออกไปยังเต็นท์นัดพบ ซึ่งตั้งอยู่นอกบริเวณค่าย และเมื่อไรที่โมเสสออกไปยังเต็นท์นั้น ประชาชนทั้งปวงก็จะลุกขึ้นยืนอยู่ที่ ประตูเต็นท์ของตนมองดูโมเสส จนท่านเข้าไปในเต็นท์ ครั้นโมเสสเข้าไปในเต็นท์แล้ว เสาเมฆก็ลอยลงมาตั้งอยู่ที่ประตูเต็นท์ แล้วพระเจ้าก็ตรัสสนทนากับโมเสส เวลาประชาชนทั้งปวงเห็นเสาเมฆนั้นตั้งอยู่ที่ ประตูเต็นท์เมื่อไร ทุกคนก็จะลุกขึ้นยืนนมัสการอยู่ที่ประตูเต็นท์ของตน ดังนี้แหละพระเจ้าเคยตรัสสนทนากับโมเสสสองต่อสอง เหมือนมิตรสหายสนทนากัน แล้วโมเสสก็กลับไปยังค่าย แต่โยชูวาผู้รับใช้หนุ่ม ผู้เป็นบุตรของนูน มิได้ ออกไปจากเต็นท์ โมเสสกราบทูลพระเจ้าว่า <<นี่แหละพระองค์ได้ตรัสสั่งข้าพระองค์ว่า <จงนำประชากรนี้ขึ้นไป> แต่พระองค์มิได้แจ้งให้ข้าพระองค์ทราบว่า จะใช้ผู้ใดขึ้นไปกับข้าพระองค์ แม้กระนั้นพระองค์ก็ยังตรัสกับข้าพระองค์ว่า <เรารู้จักเจ้าด้วยนามของเจ้า และเจ้าเป็นที่โปรดปรานของเราแล้ว> เหตุฉะนี้ ถ้าแม้ข้าพระองค์เป็นที่โปรดปรานของพระองค์แล้ว ขอพระองค์ทรงโปรดสำแดงพระมรรคาของพระองค์ให้ ข้าพระองค์เห็นในกาลบัดนี้ เพื่อข้าพระองค์จะรู้จักพระองค์ แล้วจะรับความเมตตาในสายพระเนตรของพระองค์เสมอไป และขอทรงนับชนชาตินี้เป็นประชากรของพระองค์>> ฝ่ายพระองค์ตรัสว่า <<เราเองจะไปกับเจ้า และให้เจ้าได้พัก>> ฝ่ายโมเสสจึงกราบทูลพระองค์ว่า <<ถ้าพระองค์มิได้เสด็จไปกับข้าพระองค์ ก็ขออย่านำพวกข้าพระองค์ขึ้นไปจากที่นี่เลย ทำอย่างไรจะทราบได้ว่า ข้าพระองค์และประชากรของพระองค์เป็นที่โปรดปราน ของพระองค์แล้ว ก็เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นไปกับพวกข้าพระองค์ด้วยมิใช่หรือ ดังนี้ข้าพระองค์และประชากรของพระองค์ จึงแตกต่างกับชนชาติอื่นๆทั่วพื้นแผ่นดินโลก>> ฝ่ายพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า <<สิ่งซึ่งเจ้าขอแล้วเราจะกระทำตาม เพราะว่าเจ้าเป็นที่โปรดปรานของเราแล้ว และเรารู้จักชื่อของเจ้า>> โมเสสจึงกราบทูลว่า <<ขอทรงโปรดสำแดงพระสิริของพระองค์แก่ข้าพระองค์เถิด>> พระองค์จึงตรัสตอบว่า <<เราจะให้คุณความดีของเราประจักษ์แจ้งต่อหน้าเจ้า และเราจะประกาศนามของเราคือ เยโฮวาห์ ให้ประจักษ์ต่อหน้าเจ้า เราประสงค์จะโปรดปรานผู้ใดก็จะโปรดปรานผู้นั้น และเราประสงค์จะเมตตาแก่ผู้ใด เราก็จะเมตตาผู้นั้น>> พระองค์จึงตรัสว่า <<เจ้าจะเห็นหน้าของเราไม่ได้ เพราะมนุษย์เห็นหน้าเราแล้วจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้>>
อพยพ 33:7-20 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
โมเสสเคยตั้งเต็นท์หลังหนึ่งไว้นอกค่าย ไกลออกมาหน่อยหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า “เต็นท์นัดพบ” ทุกคนที่ต้องการคำปรึกษาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าจะไปที่เต็นท์นัดพบซึ่งอยู่นอกค่ายนั้น เมื่อใดก็ตามที่โมเสสออกไปที่เต็นท์นัดพบ ประชากรทั้งหมดจะลุกขึ้นยืนอยู่ตรงทางเข้าเต็นท์ของตนคอยดูจนโมเสสเข้าไปในเต็นท์นัดพบ เมื่อโมเสสเข้าไป เสาเมฆจะเคลื่อนมาหยุดอยู่ตรงทางเข้าขณะที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสส ทุกครั้งที่ประชากรเห็นเสาเมฆอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ พวกเขาทุกคนก็จะยืนนมัสการอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์ของตน องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสต่อหน้าเหมือนเพื่อนคุยกัน หลังจากนั้นโมเสสจะกลับมาที่ค่ายพัก แต่โยชูวาบุตรนูนชายหนุ่มผู้ช่วยของโมเสสยังคงอยู่ในเต็นท์ โมเสสกราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์ตรัสกับข้าพระองค์ว่า ‘จงนำประชากรเหล่านี้ไป’ แต่พระองค์ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะทรงส่งผู้ใดไปกับข้าพระองค์ พระองค์ตรัสว่า ‘เรารู้จักชื่อของเจ้าและเจ้าเป็นที่โปรดปรานของเรา’ หากพระองค์ทรงพอพระทัยข้าพระองค์ ขอทรงสอนทางของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะรู้จักพระองค์และเป็นที่โปรดปรานของพระองค์สืบไป นอกจากนี้ขอทรงระลึกว่าชนชาตินี้เป็นประชากรของพระองค์” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “เราเองจะไปกับเจ้าและให้เจ้าได้หยุดพัก” โมเสสจึงกราบทูลว่า “หากพระองค์ไม่ได้เสด็จไปกับข้าพระองค์ทั้งหลายก็ขออย่าให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเคลื่อนไปจากที่นี่เลย หากพระองค์ไม่ได้เสด็จไปด้วย ใครเล่าจะทราบได้ว่าข้าพระองค์และประชากรของพระองค์เป็นที่โปรดปรานและแตกต่างจากประชากรอื่นใดบนพื้นโลก?” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เราจะทำตามที่เจ้าขอ เพราะเจ้าเป็นที่โปรดปรานของเรา และเรารู้จักชื่อของเจ้า” โมเสสจึงกราบทูลว่า “บัดนี้ขอทรงสำแดงพระเกียรติสิริของพระองค์แก่ข้าพระองค์” และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะให้ความดีทั้งหมดของเราประจักษ์แจ้งต่อหน้าเจ้า และเราจะประกาศนามของเรา คือพระยาห์เวห์ต่อหน้าเจ้า เราจะเมตตาใครก็จะเมตตาคนนั้น เราจะกรุณาใครก็จะกรุณาคนนั้น แต่เจ้าไม่อาจเห็นหน้าเราเพราะมนุษย์เห็นเราแล้วไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้”
อพยพ 33:7-20 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
โมเสสมักจะตั้งกระโจมไว้ที่นอกค่าย และเรียกว่า กระโจมที่นัดหมาย ทุกคนที่แสวงหาพระผู้เป็นเจ้าก็จะออกไปยังกระโจมที่นัดหมายซึ่งอยู่ที่นอกค่าย เมื่อใดที่โมเสสออกไปยังกระโจมหลังนั้น ประชาชนทั้งปวงจะลุกขึ้น ทุกคนยืนอยู่ที่ทางเข้ากระโจมของตนมองตามโมเสส จนท่านเข้าไปในกระโจม ครั้นโมเสสเข้าไปในกระโจม เมฆก้อนมหึมาดั่งเสาหลักก็ลอยเคลื่อนลงมา และหยุดอยู่ที่ทางเข้ากระโจม แล้วพระผู้เป็นเจ้าก็สนทนากับโมเสส เวลาประชาชนทั้งปวงเห็นเมฆก้อนมหึมาดั่งเสาหลักอยู่ที่ประตูกระโจม พวกเขาทุกคนจะยืนขึ้น แล้วก้มลงกราบนมัสการอยู่ที่ทางเข้ากระโจม พระผู้เป็นเจ้าสนทนากับโมเสสต่อหน้าเช่นเดียวกับคนหนึ่งพูดกับสหาย แล้วโมเสสกลับไปยังค่ายอีก ส่วนผู้ช่วยหนุ่มของท่านชื่อโยชูวาบุตรของนูนยังอยู่ในกระโจม โมเสสพูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์ดูเถิด พระองค์พูดกับข้าพเจ้าไว้ว่า ‘จงพาชนชาติพวกนี้ออกไป’ แต่พระองค์ยังไม่ได้ให้ข้าพเจ้าทราบว่าพระองค์จะให้ใครไปกับข้าพเจ้า กระนั้นพระองค์ยังกล่าวอีกว่า ‘เรารู้จักเจ้าดีแม้แต่ชื่อของเจ้า และเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของเราด้วย’ ฉะนั้นบัดนี้หากว่าข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ โปรดให้ข้าพเจ้าทราบความประสงค์ของพระองค์เถิด ข้าพเจ้าจะได้รู้จักพระองค์และเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ต่อไป ขอพระองค์ระลึกด้วยว่าประชาชาตินี้เป็นชนชาติของพระองค์โดยแท้จริง” พระองค์กล่าวว่า “เราจะไปกับเจ้าเอง และเราจะให้เจ้าได้หยุดพัก” ท่านตอบว่า “ถ้าพระองค์ไม่ไปกับข้าพเจ้า ก็ขออย่าให้พวกข้าพเจ้าต้องออกไปจากที่นี่เลย จะมีใครทราบได้อย่างไรว่า ข้าพเจ้าและชนชาติของพระองค์เป็นที่โปรดปรานของพระองค์ นอกจากว่าพระองค์จะไปกับพวกเรา ข้าพเจ้าและชนชาติของพระองค์แตกต่างกับชนชาติอื่นบนพื้นโลกก็เนื่องจากพระองค์ไปกับพวกเรามิใช่หรือ” แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “เราจะทำสิ่งที่เจ้าขอมานี้ เพราะเจ้าเป็นที่โปรดปรานของเราและเรารู้จักเจ้าดีแม้แต่ชื่อของเจ้า” โมเสสตอบว่า “ขอพระองค์โปรดให้ข้าพเจ้าเห็นพระบารมีของพระองค์เถิด” พระองค์กล่าวว่า “เราจะทำให้คุณความดีของเราทั้งหมดปรากฏต่อหน้าเจ้า และจะประกาศในนามพระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าเจ้า เรามีความเมตตาให้กับผู้ใด เราก็จะเมตตาผู้นั้น และเรามีความสงสารให้กับผู้ใด เราก็จะสงสารผู้นั้น” พระองค์กล่าวว่า “แต่เจ้าจะมองไม่เห็นหน้าเรา เพราะไม่มีผู้ใดที่เห็นเราแล้วจะมีชีวิตอยู่รอด”