เอสเธอร์ 8:1-14

เอสเธอร์ 8:1-14 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ใน​วัน​เดียวกัน​นั้น กษัตริย์​อาหสุเอรัส​ยก​ทรัพย์​สมบัติ​ทั้งหมด​ของ​ฮามาน​ที่​เป็น​ศัตรู​ของ​ชาวยิว​ให้​กับ​ราชินี​เอสเธอร์ และ​เอสเธอร์​ก็​ได้​บอก​ให้​กษัตริย์​รู้​ว่า​นาง​กับ​โมรเดคัย​เป็น​ญาติ​กัน โมรเดคัย​ก็​เลย​ได้​มา​เข้าเฝ้า​กษัตริย์ จากนั้น กษัตริย์​จึง​ถอด​แหวน​ตรา​ประทับ​ให้​กับ​โมรเดคัย เป็น​แหวน​ที่​พระองค์​เอา​คืนมา​จาก​ฮามาน แล้ว​เอสเธอร์​ได้​มอบ​ทรัพย์​สมบัติ​ทั้งหมด​ของ​ฮามาน​ให้​กับ​โมรเดคัย​ดูแล เอสเธอร์​ได้​พูด​กับ​กษัตริย์​อีก​ครั้งหนึ่ง นาง​ล้มตัว​ลง​แทบเท้า​ของ​พระองค์​และ​ร้องไห้ นาง​ได้​อ้อนวอน​ขอ​ความ​เมตตา​จาก​กษัตริย์​ให้​ยกเลิก​แผนการ​ชั่วร้าย​ของ​ฮามาน​ชาว​อากัก ที่​จะ​ทำลาย​ชาวยิว กษัตริย์​ได้​ยื่น​คทา​ทองคำ​ให้​กับ​เอสเธอร์ แล้ว​นาง​ก็​ลุกขึ้น​มา​ยืน​อยู่​ต่อหน้า​พระองค์ นาง​พูด​ว่า “ข้าแต่​กษัตริย์ ถ้า​พระองค์​เห็นด้วย และ​พอใจ​ใน​ตัว​ของ​หม่อมฉัน และ​ถ้า​พระองค์​เห็น​ว่า​ความคิด​นี้​ดี และ​ถ้า​พระองค์​ชอบใจ​ใน​ตัว​หม่อมฉัน ขอ​พระองค์​ช่วย​เขียน​คำสั่ง​ออกไป เพื่อ​กลับ​คำสั่ง​เดิม​ของ​ฮามาน ลูกชาย​ของ​ฮัมเมดาธา ชาว​อากัก เพราะ​ฮามาน​ได้​ส่ง​จดหมาย​ออกไป สั่ง​ให้​ทำลาย​ล้าง​ชาวยิว​ให้​หมดสิ้น​ไป​ใน​ทุก​มณฑล​ที่​อยู่​ใน​อาณาจักร​ของ​พระองค์ หม่อมฉัน​ทน​ไม่ได้​หรอก​ที่​จะ​เห็น​คน​ของ​หม่อมฉัน​ได้รับ​ความ​ทุกข์ทรมาน​อย่างนั้น หม่อมฉัน​ทน​ไม่ได้​หรอก​ที่​จะ​เห็น​ครอบครัว​ของ​หม่อมฉัน​ต้อง​พินาศ​ไป” กษัตริย์​อาหสุเอรัส​จึง​ตอบ​ราชินี​เอสเธอร์ และ​โมรเดคัย​ชาวยิว​ว่า “เรา​รู้​ว่า​ฮามาน​วางแผน​จะ​ฆ่า​ชาวยิว นั่น​เป็น​เหตุ​ที่​เรา​ยก​ทรัพย์​สมบัติ​ทั้งหมด​ของ​ฮามาน​ให้​กับ​เอสเธอร์ และ​ให้​เสียบ​เขา​ไว้​บน​ไม้นั้น ตอนนี้​ให้​เจ้า​ทั้งสอง​เขียน​จดหมาย​ขึ้น พวกเจ้า​เห็น​สมควร​จัดการ​เรื่อง​ของ​ชาวยิว​ยังไง ก็​ให้​เขียน​ไป​ตามนั้น แล้ว​เอา​แหวน​ของ​เรา​ประทับ​ลง​บน​จดหมาย​นั้น เพราะ​คำสั่ง​ที่​ถูก​เขียน​โดย​ชื่อ​กษัตริย์​และ​ประทับตรา​ด้วย​แหวน​นี้ จะ​ไม่​สามารถ​เปลี่ยน​แปลง​ได้” พวก​เสมียน​ของ​วัง​ก็​ถูก​ตามตัว​มา​อย่าง​รวดเร็ว ใน​วันที่​ยี่สิบสาม​เดือน​สาม เป็น​เดือน​สิวัน และ​คำสั่ง​ใหม่​ก็​ถูก​เขียน​ขึ้น​ตาม​คำสั่ง​ของ​โมรเดคัย เพื่อ​ส่ง​ไป​ให้​กับ​ชาวยิว พวก​ผู้​ควบคุม​ภาค พวก​บรรดา​ผู้ว่า​ราชการ และ​เจ้าหน้าที่​มณฑล​ต่างๆ​ทั้ง​หนึ่งร้อย​ยี่สิบเจ็ด​มณฑล เริ่ม​ตั้งแต่​ประเทศ​อินเดีย​ไป​จนถึง​ประเทศ​คูช จดหมาย​นี้​เขียน​เป็น​อักษร​ของ​แต่ละ​มณฑล และ​เป็น​ภาษา​ของ​แต่ละ​ชนชาติ และ​ยัง​เขียน​เป็น​ตัวอักษร​ยิว​และ​เป็น​ภาษา​ยิว​ด้วย โมรเดคัย เขียน​คำสั่ง​เหล่านี้​ภายใต้​ชื่อ​ของ​กษัตริย์​อาหสุเอรัส และ​ประทับตรา​ด้วย​แหวน​ของ​พระองค์ และ​ส่ง​ไป​กับ​ผู้​ถือ​สาร​ที่​ใช้​ม้าเร็ว เป็น​ม้า​ที่​เลี้ยง​ไว้​สำหรับ​กษัตริย์​เท่านั้น คำสั่ง​นั้น​บอก​ว่า กษัตริย์​อนุญาต​ให้​ชาวยิว​ใน​ทุก​เมือง​สามารถ​รวมตัว​กัน​เพื่อ​ปกป้อง​ชีวิต​ของ​ตน​ได้ พวกเขา​ได้รับ​สิทธิ์​ที่​จะ​ทำลาย ฆ่า และ​กวาดล้าง​ให้​สิ้นซาก​ต่อ​พวก​ศัตรู​ไม่ว่า​จะ​มา​จาก​มณฑล​หรือ​ชาติ​ใดๆ​ก็ตาม และ​พวกเขา​ก็​ยัง​ได้รับ​อนุญาต​ให้​ฆ่า​ลูกหลาน และ​ผู้หญิง​ของ​ศัตรู​เหล่านั้น พวกยิว​มี​สิทธิ์​ที่​จะ​ยึด​หรือ​ทำลาย​ทรัพย์สิน​ของ​พวก​ศัตรู​ได้ พวกยิว​มี​สิทธิ์​ที่​จะ​ทำ​สิ่ง​ต่างๆ​เหล่านี้​ได้​ใน​ทั่ว​ทุก​มณฑล​ของ​กษัตริย์​อาหสุเอรัส ใน​วันที่​สิบสาม เดือน​สิบสอง ซึ่ง​คือ​เดือน​อาดาร์ พวก​สำเนา​ของ​จดหมาย​นี้​จะ​ออก​เป็น​กฎหมาย​ใน​ทุก​มณฑล และ​ประกาศ​ให้​กับ​ทุก​ชนชาติ​ได้รู้ เพื่อ​ให้​ชาวยิว​เตรียม​พร้อม​ที่​จะ​แก้แค้น​ศัตรู​ของ​พวกเขา​ใน​วันนั้น พวก​ผู้​ถือ​สาร จึง​ขี่ม้า​ทั้งหลาย​ของ​กษัตริย์​ออกไป​อย่าง​รวดเร็ว​เท่าที่​จะ​ทำได้ ตาม​คำสั่ง​ของ​กษัตริย์ นอก​จากนั้น กฎหมาย​นี้​ยัง​ประกาศ​ใช้​ใน​เขต​วัง​ของ​เมือง​สุสา​ด้วย

เอสเธอร์ 8:1-14 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

ในวันนั้น กษัตริย์อาหสุเอรัสประทาน บ้านของฮามานศัตรูของพวกยิวแก่พระราชินีเอสเธอร์ โมรเดคัยก็เข้าเฝ้ากษัตริย์ เพราะพระนางเอสเธอร์ได้ทูลว่าท่านเป็นอะไรกับพระนาง กษัตริย์จึงถอดแหวนตราซึ่งพระองค์ทรงเอามาจากฮามานและประทานแก่โมรเดคัย ส่วนพระนางเอสเธอร์ก็ทรงตั้งโมรเดคัยเป็นใหญ่เหนือบ้านของฮามาน แล้วพระนางเอสเธอร์ทูลกษัตริย์อีก พระนางกราบลงที่พระบาทของพระองค์ และวิงวอนพระองค์ด้วยน้ำพระเนตร เพื่อขอให้ยุติแผนชั่วของฮามาน คนอากัก และการคิดร้ายต่อพวกยิวเสีย กษัตริย์จึงยื่นพระคทาสุวรรณแก่พระนางเอสเธอร์ พระนางเอสเธอร์ก็ทรงลุกขึ้นยืนเฝ้ากษัตริย์ พระนางทูลว่า “ถ้าเป็นที่พอพระทัยกษัตริย์ และถ้าหม่อมฉันเป็นที่โปรดปรานต่อพระพักตร์ของพระองค์ท่าน ถ้าสิ่งนั้นถูกต้องเหมาะสมต่อพระพักตร์กษัตริย์ และหม่อมฉันเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ท่าน ขอทรงให้มีพระอักษรรับสั่งให้กลับความในจดหมายซึ่งฮามานบุตรฮัมเมดาธา คนอากัก ได้คิดและเขียนขึ้นเพื่อทำลายพวกยิวที่อยู่ในมณฑลทั้งสิ้นของกษัตริย์ เพราะหม่อมฉันจะทนดูเหตุร้ายมาถึงชนชาติของหม่อมฉันได้อย่างไร? หม่อมฉันจะทนดูการทำลายญาติพี่น้องของหม่อมฉันได้อย่างไร?” กษัตริย์อาหสุเอรัสจึงตรัสกับพระราชินีเอสเธอร์และกับโมรเดคัยคนยิวว่า “ดูสิ เรามอบบ้านของฮามานแก่พระนางเอสเธอร์แล้ว และพวกเขาก็แขวนคอมันบนตะแลงแกง เพราะมันยื่นมือออกทำร้ายพวกยิว พวกท่านจงเขียนเกี่ยวกับพวกยิวตามที่เห็นว่าดี ในนามของกษัตริย์และประทับตราด้วยแหวนตราของกษัตริย์ เพราะว่ากฤษฎีกาที่เขียนในนามของกษัตริย์ และประทับตราด้วยแหวนตราของกษัตริย์ จะเปลี่ยนกลับไม่ได้” แล้วพระองค์ทรงเรียกราชอาลักษณ์เข้ามาในเวลานั้น ในเดือนที่สาม คือเดือนสิวัน ณ วันที่ยี่สิบสาม และให้เขียนกฤษฎีกาตามที่โมรเดคัยบัญชาทุกประการ ส่งถึงพวกยิว ถึงบรรดาสมุหเทศาภิบาล และพวกข้าหลวงและเจ้านายแห่งมณฑล ตั้งแต่อินเดียถึงคูช 127 มณฑล ไปถึงทุกมณฑลเป็นตัวอักษรของมณฑลนั้น และถึงชนทุกชาติเป็นภาษาของเขา และถึงพวกยิวเป็นตัวอักษรและภาษาของเขา และโมรเดคัยเขียนในพระนามของกษัตริย์อาหสุเอรัสและประทับตราด้วยแหวนตราของกษัตริย์ และส่งจดหมายนั้นไปโดยผู้ถือสารที่ขึ้นม้าเร็วซึ่งเป็นพันธุ์ม้าหลวง ตามจดหมายเหล่านี้กษัตริย์ทรงอนุญาตให้พวกยิวผู้อยู่ในทุกเมืองมาชุมนุมกันเพื่อป้องกันชีวิตของตน เพื่อทำลาย เพื่อสังหารและเพื่อล้างผลาญกองกำลังทั้งสิ้นของประชาชนหรือของมณฑล ซึ่งจะมาทำร้ายพวกเขาทั้งเด็กและผู้หญิง และมาปล้นข้าวของของพวกเขาไป ภายในวันเดียวในทุกมณฑลของกษัตริย์อาหสุเอรัสคือ วันที่สิบสามเดือนสิบสอง คือเดือนอาดาร์ สำเนาของหนังสือที่เขียนนั้นจะต้องออกเป็นกฤษฎีกาในทุกมณฑล และแจ้งให้ประชาชนทุกคนทราบ และให้พวกยิวพร้อมกันในวันนั้นเพื่อแก้แค้นศัตรูของตน ผู้ถือสารจึงขึ้นม้าหลวง รีบเร่งขี่ไปตามพระบัญชาของกษัตริย์ กฤษฎีกานั้นออกในสุสาเมืองป้อม

เอสเธอร์ 8:1-14 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ในวันนั้นกษั​ตริ​ย์อาหสุเอรัสพระราชทานวงศ์วานของฮามานศั​ตรู​ของพวกยิวแก่​พระราชินี​เอสเธอร์ โมรเดคั​ยก​็​เข​้าเฝ้ากษั​ตริ​ย์ เพราะพระนางเอสเธอร์​ได้​ทูลว่าท่านเป็นอะไรกับพระนาง กษัตริย์​จึงถอดพระธำมรงค์​ตรา ซึ่งพระองค์ทรงเอามาจากฮามาน พระราชทานให้โมรเดคัย พระนางเอสเธอร์​ก็​ทรงตั้งโมรเดคัยเป็นใหญ่เหนือวงศ์วานของฮามาน แล​้วพระนางเอสเธอร์กราบทูลกษั​ตริ​ย์​อีก พระนางกราบลงที่พระบาทของพระองค์และวิงวอนพระองค์ด้วยน้ำพระเนตร ขอให้​แผนการร้ายของฮามาน คนอากัก และการปองร้ายซึ่งท่านได้คิดขึ้นต่อพวกยิ​วน​ั้นพ้นไปเสีย กษัตริย์​จึงทรงยื่นธารพระกรทองคำแก่พระนางเอสเธอร์ พระนางเอสเธอร์​ก็​ทรงลุกขึ้นประทับยืนเฝ้ากษั​ตริ​ย์ พระนางทูลว่า “ถ้าเป็​นที​่พอพระทัยกษั​ตริ​ย์ และถ้าหม่อมฉันเป็​นที​่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ ถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่​ถู​กต้องต่อพระพักตร์​กษัตริย์ และหม่อมฉันเป็​นที​่พอพระทัยในสายพระเนตรของพระองค์ ขอทรงให้​มี​พระอักษรรับสั่งให้​กล​ับความในจดหมายซึ่งฮามาน คนอากัก บุ​ตรชายฮัมเมดาธาได้คิดขึ้น และเขียนเพื่อทำลายพวกยิ​วท​ี่​อยู่​ในมณฑลทั้งสิ้นของกษั​ตริ​ย์ เพราะหม่อมฉันจะอดทนดู​ภัยพิบัติ​มาถึงชาติของหม่อมฉันอย่างไรได้ หม่อมฉันจะทนดูการทำลายญาติ​พี่​น้องของหม่อมฉันอย่างไรได้” กษัตริย์​อาหสุเอรัสจึงตรัสกับพระราชินีเอสเธอร์และแก่โมรเดคัยคนยิ​วว​่า “​ดู​เถิด เรามอบวงศ์วานของฮามานแก่พระนางเอสเธอร์​แล้ว และเขาก็แขวนมันบนตะแลงแกง เพราะมันจะทำอันตรายแก่พวกยิว ท่านจะเขียนตามที่ท่านพอใจเกี่ยวกับเรื่องยิวในนามของกษั​ตริ​ย์ และประทับตราด้วยพระธำมรงค์ เพราะว่ากฤษฎีกาที่​เข​ียนในนามของกษั​ตริ​ย์และประทับตราด้วยพระธำมรงค์จะเปลี่ยนกลับไม่​ได้​” แล​้วพระองค์ทรงเรียกราชอาลักษณ์​เข​้ามาในเวลานั้นในเดือนที่สามซึ่งเป็นเดือนสิ​วัน ณ วันที่​ยี​่​สิ​บสาม และให้​เข​ียนกฤษฎีกาตามที่โมรเดคัยบัญชาทุกอย่างเกี่ยวกับพวกยิว ถึงบรรดาสมุหเทศาภิบาล และผู้​ว่าราชการ และเจ้าหน้าที่ของมณฑล ตั้งแต่​อินเดียถึงเอธิโอเปีย ร้อยยี่​สิ​บเจ็ดมณฑล ไปถึงทุกมณฑลเป็​นอ​ักขระของมณฑลนั้น และถึงชนทุกชาติเป็นภาษาของเขา และถึงพวกยิวเป็​นอ​ักขระและในภาษาของเขา และท่านเขียนในพระนามของกษั​ตริ​ย์อาหสุเอรัสและประทับตราพระธำมรงค์ของกษั​ตริ​ย์ และส่งจดหมายนั้นไปทางผู้เดินข่าวขึ้​นม​้าเร็ว และผู้​ขี่​ล่อ อูฐและม้าอาชาไนยหนุ่ม ตามจดหมายเหล่านี้​กษัตริย์​ทรงอนุญาตให้พวกยิวผู้​อยู่​ในทุกเมืองชุ​มนุ​มกันและป้องกันชีวิตของตน ให้​ทำลาย ให้​สังหารและให้ล้างผลาญกำลังพลใดๆของประชาชนหรือมณฑลใดๆซึ่งจะมาทำร้าย ทั้งเด็กและผู้​หญิง และปล้นเอาข้าวของของเขา ในวันเดียวตลอดทั่​วท​ุกมณฑลของกษั​ตริ​ย์อาหสุเอรัส คือวั​นที​่​สิ​บสาม เดือนที่​สิบสอง ซึ่งเป็นเดือนอาดาร์ สำเนาของหนังสือที่​เข​ียนนั้นจะต้องเป็นกฤษฎีกาในทุกมณฑล และออกโดยการป่าวร้องแก่​ชนชาติ​ทั้งปวง พวกยิวจะต้องพร้อมกันในวันนั้นแก้แค้นศั​ตรู​ของตน คนเดินข่าวซึ่งขี่ล่​อก​ับอูฐจึงรีบเร่งขับไปตามพระบัญชาของกษั​ตริ​ย์ และกฤษฎี​กาน​ั้นออกในสุสาปราสาท

เอสเธอร์ 8:1-14 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ในวันนั้นกษัตริย์อาหสุเอรัสพระราชทาน บ้านเรือนของฮามานศัตรูของพวกยิว แก่พระราชินีเอสเธอร์ โมรเดคัยก็เข้าเฝ้าพระราชา เพราะพระนางเอสเธอร์ได้ทูลว่าท่านเป็นอะไรกับพระนาง พระราชาจึงถอดพระธำมรงค์ตรา ซึ่งพระองค์ทรงเอามาจากฮามานพระราชทานให้โมรเดคัย พระนางเอสเธอร์ก็ทรงตั้งโมรเดคัยเป็นใหญ่เหนือ บ้านเรือนของฮามาน แล้วพระนางเอสเธอร์กราบทูลพระราชาอีก พระนางกราบลงที่พระบาทของพระองค์ และวิงวอนพระองค์ด้วยน้ำพระเนตร ขอให้แผนการร้ายของฮามาน คนอากัก และการปองร้ายซึ่งท่านได้คิดขึ้นต่อพวกยิวนั้นพ้นไปเสีย พระราชาจึงทรงยื่นพระคทาสุวรรณแก่พระนางเอสเธอร์ พระนางเอสเธอร์ก็ทรงลุกขึ้นประทับยืนเฝ้าพระราชา พระนางทูลว่า <<ถ้าเป็นที่พอพระทัยพระราชา และถ้าหม่อมฉันเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ ถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องต่อพระพักตร์พระราชา และหม่อมฉันเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ ขอทรงให้มีพระอักษรรับสั่งให้กลับความในจดหมาย ซึ่งฮามานคนอากักบุตรฮัมเมดาธาได้คิดขึ้น และเขียนเพื่อทำลายพวกยิวที่อยู่ในมณฑลของพระราชา เพราะหม่อมฉันจะอดทนดูภัยพิบัติมาถึงชาติของ หม่อมฉันอย่างไรได้ หม่อมฉันจะทนดูการทำลายญาติพี่น้องของหม่อมฉัน อย่างไรได้>> กษัตริย์อาหสุเอรัสจึงตรัสกับพระราชินีเอสเธอร์ และแก่โมรเดคัยคนยิวว่า <<ดูเถิด เรามอบบ้านเรือนของฮามานแก่พระนางเอสเธอร์แล้ว และเขาก็แขวนมันบนตะแลงแกง เพราะมันจะทำอันตรายแก่พวกยิว ท่านจงเขียนตามที่ท่านพอใจ เกี่ยวกับเรื่องยิวในนามของพระราชา เพราะว่ากฤษฎีกาที่เขียนในนามของ พระราชาและประทับตราด้วยพระธำมรงค์จะเปลี่ยนกลับไม่ได้>> แล้วพระองค์ทรงเรียกราชอาลักษณ์เข้ามาในเวลานั้น ในเดือนที่สาม ซึ่งเป็นเดือนสิวัน ณ วันที่ยี่สิบสามและให้เขียนกฤษฎีกา ตามที่โมรเดคัยบัญชาทุกอย่างเกี่ยวกับพวกยิว ถึงบรรดาสมุหเทศาภิบาล และผู้ว่าราชการและเจ้าหน้าที่ของมณฑล ตั้งแต่อินเดียถึงเอธิโอเปียร้อยยี่สิบเจ็ดมณฑล ไปถึงทุกมณฑลเป็นอักขระของมณฑลนั้น และถึงชนทุกชาติเป็นภาษาของเขา และถึงพวกยิวเป็นอักขระและในภาษาของเขา และเขาเขียนในพระนามของกษัตริย์อาหสุเอรัสและ ประทับตราพระธำมรงค์ของพระราชา และส่งจดหมายนั้นไปทางผู้เดินข่าวขึ้นม้าเร็วซึ่งเคย ใช้ในราชการของพระราชา อันเป็นพันธุ์ม้าหลวง ตามจดหมายเหล่านี้พระราชาทรงอนุญาต ให้พวกยิวผู้อยู่ในทุกมณฑลชุมนุมกัน และป้องกันชีวิตของตนให้ทำลาย ให้สังหารและให้ล้างผลาญกำลังพลใดๆของประชาชนหรือมณฑลใดๆ ซึ่งจะมาทำร้ายทั้งเด็กและผู้หญิง และปล้นเอาข้าวของของเขา ในวันเดียวตลอดทั่วทุกมณฑลของกษัตริย์อาหสุเอรัสคือ วันที่สิบสามเดือนที่สิบสอง ซึ่งเป็นเดือนอาดาร์ สำเนาของหนังสือที่เขียนนั้นจะต้อง เป็นกฤษฎีกาในทุกมณฑล และออกโดยการป่าวร้องแก่ชนชาติทั้งปวง พวกยิวจะต้องพร้อมกันในวันนั้นแก้แค้นศัตรูของตน คนเดินข่าวจึงขึ้นม้าเร็วซึ่งใช้ในราชการของ พระราชา รีบเร่งขับไปตามพระบัญชาของพระราชา กฤษฎีกานั้นออกในสุสาเมืองป้อม

เอสเธอร์ 8:1-14 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ในวันนั้นเองกษัตริย์เซอร์ซีสประทานทรัพย์สมบัติของฮามานศัตรูของชาวยิวแก่พระนางเอสเธอร์ และโมรเดคัยมาเข้าเฝ้ากษัตริย์ เนื่องจากเอสเธอร์ได้กราบทูลว่าโมรเดคัยเกี่ยวข้องกับพระนางอย่างไร กษัตริย์ทรงถอดแหวนตราซึ่งริบคืนมาจากฮามานประทานแก่โมรเดคัย และเอสเธอร์ทรงแต่งตั้งโมรเดคัยให้มีสิทธิ์เหนือทรัพย์สมบัติของฮามาน ขณะนั้นเอสเธอร์มาเข้าเฝ้ากษัตริย์อีกครั้งหนึ่ง หมอบลงแทบพระบาทและทูลวิงวอนด้วยน้ำพระเนตรไหล ให้กษัตริย์ทรงโปรดระงับแผนการร้ายต่อชาวยิวของฮามานชาวอากัก แล้วกษัตริย์ทรงยื่นคทาทองคำแก่เอสเธอร์ พระนางจึงทรงยืนขึ้นต่อหน้าพระองค์ พระนางทูลว่า “หากเป็นที่พอพระทัยของฝ่าพระบาท และหากฝ่าพระบาททรงโปรดปรานหม่อมฉัน และทรงเห็นควรที่จะกระทำสิ่งนี้ และถ้าฝ่าพระบาทพอพระทัยหม่อมฉัน ขอให้มีพระราชสาส์นออกไปล้มล้างคำสั่งของฮามานบุตรฮัมเมดาธาชาวอากัก ที่วางแผนทำลายชาวยิวในทุกมณฑลของฝ่าพระบาท เพราะหม่อมฉันจะทนดูความหายนะของพี่น้องร่วมชาติ และความย่อยยับของครอบครัวของหม่อมฉันได้อย่างไร?” กษัตริย์เซอร์ซีสจึงตรัสกับราชินีเอสเธอร์และโมรเดคัยชาวยิวว่า “เราได้ยกทรัพย์สมบัติของฮามานให้เอสเธอร์แล้ว และเขาก็ถูกแขวนบนตะแลงแกง เพราะพยายามทำลายล้างชาวยิว บัดนี้จงร่างกฤษฎีกาอีกฉบับสำหรับชาวยิวทั้งปวงตามที่เจ้าเห็นดีที่สุด ลงนามของเราและประทับด้วยแหวนตรา เพราะกฤษฎีกาที่ลงนามกษัตริย์และประทับด้วยแหวนตราจะยกเลิกไม่ได้” บรรดาอาลักษณ์หลวงถูกเรียกตัวเข้ามาทันทีในวันที่ยี่สิบสามเดือนสิวัน ซึ่งเป็นเดือนที่สาม พวกเขาเขียนกฤษฎีกาตามคำสั่งทั้งหมดของโมรเดคัย ถึงชาวยิว เจ้าหน้าที่ ผู้ว่าการ และขุนนางทั้งปวงของ 127 มณฑลจากอินเดียจดคูชโดยใช้ภาษาต่างๆ ของทุกเผ่าพันธุ์ทั่วจักรวรรดิ และถึงชาวยิวโดยใช้ภาษาของชาวยิวเองด้วย โมรเดคัยร่างข้อความลงพระนามกษัตริย์เซอร์ซีส ประทับด้วยแหวนตรา และให้ผู้ส่งสาส์นขี่ม้าพันธุ์ดีของกษัตริย์ถือพระราชสาส์นไป พระราชโองการนี้อนุญาตให้ชาวยิวทุกเมืองมีสิทธิ์รวมตัวกันเพื่อปกป้องชีวิตและครอบครัวของตน ให้ฆ่าทำลายล้างกองกำลังติดอาวุธของชนชาติหรือมณฑลใดๆ ก็ตามที่จะมาโจมตีพวกเขา ผู้หญิง และลูกหลานของเขา และให้ยึดทรัพย์สมบัติของศัตรูเหล่านั้นได้ วันที่กำหนดไว้สำหรับชาวยิวที่จะทำการนี้ทั่วทุกมณฑลของกษัตริย์เซอร์ซีสคือวันที่สิบสามเดือนอาดาร์ ซึ่งเป็นเดือนที่สิบสอง ให้คัดลอกพระราชโองการนี้เป็นกฤษฎีกาสำหรับทุกมณฑล และประกาศแก่ประชาชนทุกเชื้อชาติ เพื่อชาวยิวจะได้เตรียมพร้อมสำหรับการแก้แค้นศัตรูในวันนั้น ผู้ส่งสาส์นจึงขี่ม้าหลวง เร่งนำพระราชสาส์นออกไปตามพระบัญชา และมีประกาศพระราชโองการนี้ในป้อมเมืองสุสา

เอสเธอร์ 8:1-14 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ใน​วัน​นั้น​กษัตริย์​อาหสุเอรัส​ได้​มอบ​บ้าน​ของ​ฮามาน​ผู้​เป็น​ศัตรู​ของ​ชาว​ยิว​ให้​แก่​เอสเธอร์ และ​โมร์เดคัย​มา​เข้า​เฝ้า​กษัตริย์ ด้วย​ว่า เอสเธอร์​ได้​บอก​ท่าน​ว่า​เขา​กับ​เธอ​เกี่ยว​พัน​กัน​อย่างไร และ​กษัตริย์​ถอด​แหวน​ตรา​ที่​ท่าน​เอา​คืน​มา​จาก​ฮามาน และ​มอบ​ให้​แก่​โมร์เดคัย และ​เอสเธอร์​แต่ง​ตั้ง​ให้​เขา​มี​สิทธิ์​เหนือ​ทรัพย์​สิน​ของ​ฮามาน เอสเธอร์​พูด​กับ​กษัตริย์​อีก เธอ​ก้ม​ลง​ที่​แทบ​เท้า​ของ​ท่าน ทั้ง​ร้องไห้​และ​วิงวอน​ขอ​ให้​ท่าน​ช่วย​ยุติ​แผน​การ​ชั่วร้าย​ที่​ฮามาน​ชาว​อากัก ได้​เตรียม​ไว้​เพื่อ​ทำลาย​ชาว​ยิว แล้ว​กษัตริย์​ยื่น​คทา​ทอง​ไป​ที่​เอสเธอร์ เอสเธอร์​จึง​ลุก​ขึ้น​ยืน​ที่​เบื้อง​หน้า​ท่าน กล่าว​ว่า “ถ้า​กษัตริย์​จะ​โปรด และ​ถ้า​หาก​ว่า​ท่าน​พอใจ​ใน​ตัว​หม่อมฉัน และ​ถ้า​กษัตริย์​เห็น​ว่า​เป็น​สิ่ง​ที่​ถูกต้อง และ​หม่อมฉัน​เป็น​ที่​โปรดปราน​ใน​สายตา​ของ​ท่าน ขอ​ท่าน​โปรด​ออก​คำ​สั่ง​เป็น​ลาย​ลักษณ์​อักษร​เพื่อ​ยกเลิก​จดหมาย​ที่​เป็น​แผน​ของ​ฮามาน​ชาว​อากัก​ผู้​เป็น​บุตร​ของ​ฮัมเมดาธา ซึ่ง​เขา​เขียน​ขึ้น​เพื่อ​กำจัด​ชาว​ยิว​ที่​อยู่​ใน​แคว้น​ต่างๆ ของ​ท่าน หม่อมฉัน​จะ​ทน​ดู​ความ​หายนะ​ที่​กำลัง​จะ​เกิด​แก่​ชน​ชาติ​ของ​หม่อมฉัน​ได้​อย่างไร หรือ​หม่อมฉัน​จะ​ทน​ดู​ความ​พินาศ​ของ​ญาติ​พี่​น้อง​ได้​อย่างไร” กษัตริย์​อาหสุเอรัส​จึง​ตอบ​ราชินี​เอสเธอร์​และ​โมร์เดคัย​ชาว​ยิว​ว่า “ดู​เถิด เรา​ได้​มอบ​บ้าน​ของ​ฮามาน​ให้​แก่​เอสเธอร์​แล้ว และ​พวก​เขา​ก็​ได้​แขวน​คอ​เขา​บน​ตะแลงแกง​แล้ว เพราะ​เขา​ตั้ง​ใจ​จะ​กำจัด​ชาว​ยิว แต่​เธอ​กับ​โมร์เดคัย​จง​เขียน​ตาม​ที่​เห็น​สมควร ใน​เรื่อง​ที่​เกี่ยว​กับ​ชาว​ยิว เขียน​ใน​นาม​ของ​เรา และ​ประทับ​ด้วย​แหวน​ของ​กษัตริย์ เพราะ​ว่า​กฤษฎีกา​ที่​ร่าง​ใน​นาม​ของ​กษัตริย์​และ​ประทับ​ด้วย​แหวน​ของ​กษัตริย์​จะ​ยกเลิก​ไม่​ได้” บรรดา​เลขา​ของ​กษัตริย์​ถูก​เรียก​มา​ใน​เวลา​นั้น ใน​เดือน​ที่​สาม​คือ​เดือน​สิวัน วัน​ที่​ยี่​สิบ​สาม กฤษฎีกา​ถูก​เขียน​ขึ้น ตาม​ทุก​สิ่ง​ที่​โมร์เดคัย​สั่ง​ใน​เรื่อง​ที่​เกี่ยว​กับ​ชาว​ยิว และ​ส่ง​ไป​ให้​แก่​บรรดา​ผู้​ปกครอง​แคว้น แก่​ผู้ว่า​ราชการ แก่​เจ้านาย​ชั้น​ผู้ใหญ่​ของ​ทุก​แคว้น ตั้งแต่​อินเดีย​ถึง​คูช 127 แคว้น สำหรับ​แต่​ละ​แคว้น​ตาม​อักษร​ที่​ระบุ​ไว้ และ​แต่​ละ​ชนชาติ​ตาม​ภาษา และ​แก่​ชาว​ยิว​ตาม​อักษร​และ​ภาษา​ของ​พวก​เขา​เช่น​กัน และ​เขา​เขียน​ใน​นาม​กษัตริย์​อาหสุเอรัส และ​ผนึก​ด้วย​แหวน​ตรา​ของ​กษัตริย์ และ​เขา​ส่ง​จดหมาย​ไป​กับ​บรรดา​คน​เดิน​ข่าว​ด่วน​ขี่​ม้า​เร็ว​พันธุ์​พิเศษ​ของ​กษัตริย์ จดหมาย​มี​ใจ​ความ​ว่า กษัตริย์​อนุญาต​ชาว​ยิว​ที่​อยู่​ใน​ทุก​เมือง​ให้​รวม​ตัว​กัน​เพื่อ​ปกป้อง​ชีวิต​ของ​ตน​เอง และ​ให้​ทำลาย ฆ่า และ​กำจัด​ประชาชน​หรือ​แคว้น​ใดๆ ที่​ใช้​กำลัง​โจมตี​พวก​เขา รวม​ถึง​เด็ก​และ​ผู้​หญิง และ​ริบ​สิ่ง​ของ​พวก​เขา​ได้ วัน​ที่​มอบ​หมาย​ให้​ชาว​ยิว​ดำเนิน​การ​ดัง​กล่าว​ได้​ใน​ทุก​แคว้น​ของ​กษัตริย์​อาหสุเอรัส เป็น​วัน​ที่​สิบ​สาม​ของ​เดือน​สิบ​สอง คือ​เดือน​อาดาร์ สำเนา​ที่​เขียน​ขึ้น​ก็​ถูก​ประกาศ​ให้​ใช้​เป็น​กฤษฎีกา​ใน​ทุก​แคว้น ถูก​ปิด​ประกาศ​ให้​ทราบ​กัน​ทั่ว​หน้า​แก่​ชน​ชาติ​ทั้ง​ปวง และ​ใน​วัน​นั้น​ชาว​ยิว​พร้อม​ที่​จะ​ต่อสู้​ศัตรู​ของ​พวก​เขา ดังนั้น บรรดา​คน​เดิน​ข่าว​ด่วน ขึ้น​ขี่​ม้า​เร็ว​พันธุ์​พิเศษ​ของ​กษัตริย์ รีบ​รุด​ออก​ไป​ด้วย​คำ​บัญชา​ของ​กษัตริย์ และ​กฤษฎีกา​ถูก​เขียน​ขึ้น​ใน​สุสา​เมือง​ป้อม​ปราการ