เอสเธอร์ 2:1-18

เอสเธอร์ 2:1-18 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้ เมื่อพระพิโรธของกษัตริย์อาหสุเอรัสสงบลง พระองค์ทรงระลึกถึงวัชทีและสิ่งที่พระนางทรงกระทำ และกฤษฎีกาที่พระองค์ทรงออกเรื่องพระนาง ข้าราชการของพระราชาผู้ปรนนิบัติพระองค์อยู่จึงทูลว่า <<ขอทรงให้หาหญิงพรหมจารีสาวสวยมาถวายพระราชา และขอพระราชาทรงแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ทุกมณฑล แห่งราชอาณาจักรของพระองค์ ให้หาหญิงพรหมจารีสาวงามมายังฮาเร็มในสุสาเมืองป้อม ให้อยู่ในอารักขาของเฮกัยขันทีของพระราชาผู้ดูแลสตรี และขอประทานเครื่องประเทืองผิวสำหรับหญิงเหล่านั้น และขอให้หญิงสาวคนที่พระราชาพอพระทัยได้ เป็นพระราชินีแทนวัชที>> ข้อนี้พอพระทัยพระราชา พระองค์จึงทรงกระทำตามนั้น ยังมียิวคนหนึ่งในสุสาเมืองป้อมชื่อโมรเดคัยบุตรยาอีร์ ผู้เป็นบุตรชิเมอี ผู้เป็นบุตรคีช คนเบนยามิน ผู้ถูกกวาดต้อนจากเยรูซาเล็มในหมู่เชลยที่ถูกกวาด ต้อนไปพร้อมกับเยโคนิยาห์พระราชาของยูดาห์ ผู้ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์พระราชาของบาบิโลนได้กวาด ต้อนไปนั้น ท่านได้เลี้ยงดู ฮาดาชาห์คือ เอสเธอร์ บุตรสาวลุงของท่านเพราะเธอไม่มีพ่อแม่ สาวคนนี้รูปงามและน่าดู เมื่อบิดามารดาของเธอสิ้นชีวิตแล้ว โมรเดคัยก็รับเธอมาเลี้ยงเป็นบุตรี เมื่อรับสั่งของพระราชา และกฤษฎีกาของพระองค์ประกาศออกไป และเมื่อเขารวบรวมหญิงสาวทั้งหลายเข้ามาในสุสาเมืองป้อม เอสเธอร์ก็ถูกนำเข้ามาไว้ในราชสำนัก อยู่ในอารักขาของเฮกัยผู้ดูแลสตรี หญิงนั้นเป็นที่พอใจเขาและเธอก็เป็นที่โปรดปรานแก่เขา เขาจึงรีบจัดหาเครื่องประเทืองผิว และส่วนอาหารของเธอให้เธอ พร้อมกับสาวใช้ที่คัดเลือกแล้วเจ็ดคนจากราชสำนัก แล้วก็เลื่อนเธอและสาวใช้ของเธอขึ้นไปยังสถานที่ ที่ดีที่สุดในฮาเร็ม เอสเธอร์มิได้บอกให้ทราบถึงชาติและญาติของเธอ เพราะโมรเดคัยกำชับเธอไม่ให้ใครรู้ ทุกๆวันโมรเดคัยเดินมาหน้าลานของฮาเร็ม เพื่อฟังข่าวเอสเธอร์เป็นอย่างไร และมีอะไรเกิดขึ้นแก่เธอ เมื่อถึงเวรที่สาวๆทุกคนจะเข้าไปเฝ้ากษัตริย์อาหสุเอรัส หลังจากได้เตรียมตัวตามระเบียบของหญิงสิบสองเดือนแล้ว (และนี่เป็นเวลาปกติสำหรับประเทืองผิว คือชโลมกายหญิงด้วยน้ำมันกำยานหกเดือน และหกเดือนด้วยเครื่องเทศและน้ำมันประเทืองผิว) เมื่อผู้หญิงจะเข้าไปเฝ้าพระราชาอย่างนี้ เธอจะต้องการเอาอะไรจากฮาเร็มไปยังราชสำนัก ก็เอาไปได้ เธอเข้าไปเฝ้าเวลาเย็น และในเวลาเช้าเธอกลับออกมาใน ฮาเร็มที่สองในอารักขาของชาอัชกาส ขันทีของพระราชาผู้ดูแลนางห้าม เธอไม่ได้เข้าไปเฝ้าพระราชาอีก นอกจากพระราชาจะพอพระทัยในเธอ และทรงเรียกชื่อเธอให้เข้าเฝ้า เมื่อถึงเวรของเอสเธอร์ บุตรสาวของอาบีฮาอิล ลุงของโมรเดคัยผู้ซึ่งรับเธอไว้เป็นบุตรีจะ เข้าเฝ้าพระราชา เธอมิได้ขอสิ่งใด นอกจากสิ่งที่เฮกัยขันทีของพระราชาผู้ดูแลผู้หญิงแนะนำ ฝ่ายเอสเธอร์เป็นที่ถูกตาทุกคนที่เห็นเธอ เมื่อเขาพาเอสเธอร์เข้าไปเฝ้ากษัตริย์อาหสุเอรัสใน พระราชสำนัก ในเดือนสิบซึ่งเป็นเดือนเทเบทในปีที่เจ็ดแห่งรัชกาล ของพระองค์ พระราชาทรงรักเอสเธอร์ยิ่งกว่าหญิงอื่นทั้งสิ้น และเธอได้รับพระกรุณาและความโปรดปรานใน สายพระเนตรของพระองค์ มากกว่าหญิงพรหมจารีทั้งสิ้นพระองค์จึง ทรงสวมมงกุฎบนศีรษะของเธอ และทรงตั้งเธอให้เป็นพระราชินีแทนวัชที แล้วพระราชาพระราชทานการเลี้ยง แก่เจ้านายและข้าราชการทั้งปวงของพระองค์ เป็นการเลี้ยงของพระนางเอสเธอร์ พระองค์ทรงอนุมัติให้งดส่วยแก่มณฑลทั้งปวง และพระราชทานของกำนัลด้วยพระทัยกว้างขวาง

เอสเธอร์ 2:1-18 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ต่อมาเมื่อพระพิโรธของกษัตริย์เซอร์ซีสสงบลงแล้ว พระองค์ทรงคิดถึงพระนางวัชที ตลอดจนสิ่งที่พระนางได้ทำและพระราชโองการของพระองค์เองเกี่ยวกับพระนาง แล้วข้าราชบริพารส่วนพระองค์จึงทูลเสนอว่า “ควรเฟ้นหาหญิงสาวพรหมจารีผู้งดงามมาถวายกษัตริย์ ขอทรงตั้งเจ้าพนักงานในแต่ละมณฑลของอาณาจักรของพระองค์ให้เฟ้นหาตัวหญิงสาวโฉมงามทั้งหมด และนำตัวมายังฮาเร็มในป้อมเมืองสุสา ให้อยู่ในความดูแลของเฮกัยขันทีของกษัตริย์ซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับเหล่าสตรี และให้พวกนางรับการประทินโฉม หลังจากนั้นให้สตรีซึ่งฝ่าพระบาทโปรดปรานเป็นราชินีแทนพระนางวัชที” กษัตริย์ก็พอพระทัยความคิดนี้และให้ลงมือปฏิบัติ ครั้งนั้นในป้อมเมืองสุสา มีชายชาวยิวจากเผ่าเบนยามินคนหนึ่งชื่อโมรเดคัย ผู้เป็นบุตรของยาอีร์ ผู้เป็นบุตรของชิเมอี ผู้เป็นบุตรของคีช เขาถูกจับมาเป็นเชลยเมื่อครั้งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนทรงกวาดต้อนเชลยมาจากเยรูซาเล็มพร้อมกษัตริย์เยโฮยาคีนแห่งยูดาห์ โมรเดคัยมีลูกพี่ลูกน้องเป็นหญิงสาวรูปโฉมงามน่ารักชื่อ ฮาดัสสาห์หรือเอสเธอร์ เขาเลี้ยงดูนางเป็นบุตรสาวบุญธรรมหลังจากที่บิดามารดาของนางสิ้นชีวิต เนื่องด้วยพระราชโองการของกษัตริย์ หญิงสาวหลายคนจึงถูกนำมาอยู่ที่ป้อมเมืองสุสาในความดูแลของเฮกัย และเอสเธอร์ก็ถูกนำมาที่พระราชวังของกษัตริย์และอยู่ในความดูแลของเฮกัยผู้ดูแลฮาเร็มเช่นกัน เฮกัยเอ็นดูและพอใจเอสเธอร์มาก เขาจึงรีบจัดหาเครื่องประทินโฉมและอาหารพิเศษให้นางทันที ทั้งจัดเด็กหญิงเจ็ดคนซึ่งคัดเลือกจากพระราชวังมาคอยรับใช้นาง และให้นางกับสาวใช้ย้ายไปอยู่ที่ที่ดีที่สุดในฮาเร็ม เอสเธอร์ไม่ได้เปิดเผยเรื่องเชื้อชาติและภูมิหลังครอบครัวของนางเพราะโมรเดคัยสั่งห้ามไว้ ทุกวันโมรเดคัยจะเดินวนเวียนแถวๆ ลานฮาเร็ม เพื่อถามข่าวคราวและความเป็นไปของเอสเธอร์ ก่อนถึงเวรที่หญิงสาวแต่ละคนเข้าเฝ้ากษัตริย์เซอร์ซีส พวกนางจะต้องรับการประทินโฉมครบสิบสองเดือนตามที่กำหนดไว้คือ หกเดือนแรกบำรุงด้วยน้ำมันมดยอบ จากนั้นบำรุงด้วยน้ำหอมและเครื่องประทินผิวอีกหกเดือน เมื่อถึงรอบที่แต่ละคนจะเข้าเฝ้ากษัตริย์ จะขอนำอะไรจากฮาเร็มไปพระราชวังด้วยก็ได้ ในเวลาเย็นนางจะเข้าวัง และเช้าวันรุ่งขึ้นจะกลับไปอยู่อีกตำหนักหนึ่งในฮาเร็มซึ่งอยู่ในความดูแลของชาอัชกาสขันทีของกษัตริย์ผู้คอยดูแลพวกสนม นางจะไม่ได้เฝ้ากษัตริย์อีกเว้นเสียแต่ว่าพระองค์ทรงโปรดและเอ่ยนามเรียกตัวนางมาเข้าเฝ้า เมื่อถึงรอบของเอสเธอร์ที่จะเข้าเฝ้ากษัตริย์ (หญิงสาวที่โมรเดคัยรับเป็นบุตรบุญธรรม นางเป็นบุตรสาวของอาบีฮายิล ผู้เป็นลุงของโมรเดคัย) นางไม่ได้ขอสิ่งใดนอกจากที่ขันทีเฮกัยผู้ดูแลฮาเร็มแนะนำ และทุกคนที่เห็นเอสเธอร์ก็ชื่นชอบนาง เอสเธอร์ถูกนำมาเข้าเฝ้ากษัตริย์เซอร์ซีสในพระราชวังเมื่อเดือนเทเบท ซึ่งเป็นเดือนที่สิบปีที่เจ็ดแห่งรัชกาล กษัตริย์พอพระทัยเอสเธอร์มากกว่าหญิงอื่นทั้งปวง พระองค์โปรดปรานและพอพระทัยนางมากกว่าหญิงพรหมจารีคนอื่นๆ จึงสวมมงกุฎให้และตั้งนางเป็นราชินีแทนพระนางวัชที และกษัตริย์ทรงจัดงานเลี้ยงใหญ่ประทานแก่ขุนนางและข้าราชบริพารทั้งปวงเพื่อเอสเธอร์ พระองค์ทรงประกาศวันหยุดทั่วทุกมณฑล และประทานของขวัญด้วยพระทัยกว้างขวาง

เอสเธอร์ 2:1-18 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

หลัง​จากนั้น เมื่อ​กษัตริย์​อาหสุเอรัส​หาย​โกรธ​แล้ว พระองค์​ก็​คิดถึง​พระนาง​วัชที และ​สิ่ง​ที่​พระนาง​ได้​ทำไป รวมทั้ง​คำสั่ง​ที่​พระองค์​ได้​ออก​มา​เกี่ยวกับ​พระนาง พวก​คนรับใช้​พระองค์​ได้​เสนอ​กับ​กษัตริย์​ว่า “น่า​จะ​ให้​มี​การ​ค้นหา​สาว​แรกรุ่น​ที่​บริสุทธิ์​ทั้งหลาย​มา​ให้​กับ​กษัตริย์ ขอให้​พระองค์​แต่งตั้ง​เจ้าหน้าที่​ทุก​มณฑล​ใน​อาณาจักร​ของ​พระองค์ ให้​ออก​ไป​รวบรวม​สาว​แรกรุ่น​ที่​บริสุทธิ์​ทั้งหลาย แล้ว​นำ​มา​ที่​เขต​วัง​ใน​เมือง​สุสา ให้​ส่ง​พวก​นาง​ไป​อยู่​กับ​พวก​ผู้หญิง​ของ​กษัตริย์ และ​ให้​เฮกัย​ขันที​ของ​กษัตริย์ ทำหน้าที่​ดูแล​สาวงาม​เหล่านี้ ให้​เขา​บำรุง​ผิว​ให้​กับ​สาวงาม​เหล่านี้ สาวงาม​คนใด​ที่​พระองค์​ถูกใจ ก็​จะได้​เป็น​ราชินี​แทน​พระนาง​วัชที” กษัตริย์​ชอบ​ข้อเสนอ​นี้ พระองค์​จึง​ทำ​ตามนั้น มี​ชาวยิว​คนหนึ่ง​อาศัย​อยู่​ใน​เขต​วัง​ใน​เมือง​สุสา เขา​มี​ชื่อ​ว่า​โมรเดคัย​เป็น​ลูกชาย​ของ​ยาอีร์ ที่​เป็น​ลูกชาย​ของ​ชิเมอี ที่​เป็น​ลูกชาย​ของ​คีช ชาว​เบนยามิน กษัตริย์​เนบูคัดเนสซาร์​ของ​บาบิโลน​ได้​กวาด​ต้อน​คีช บรรพบุรุษ​ของ​โมรเดคัย​ไป​เป็น​เชลย​จาก​เมือง​เยรูซาเล็ม พวกนั้น​อยู่​ใน​กลุ่ม​ที่​ถูก​กวาด​ต้อน​ไป​พร้อม​กับ​เยโฮยาคีน​กษัตริย์​แห่ง​ยูดาห์ โมรเดคัย​ได้​ดูแล​ฮาดาชาห์ หรือ​มี​อีก​ชื่อ​หนึ่ง​ว่า เอสเธอร์ ซึ่ง​เป็น​ลูกสาว​ของ​ลุงเขา โมรเดคัย​รับ​เอสเธอร์​มา​เป็น​ลูก เมื่อ​พ่อแม่​ของ​เธอ​ตาย เอสเธอร์​มี​รูปร่าง​หน้าตา​ที่​สวยงาม​มาก เมื่อ​คำสั่ง​ของ​กษัตริย์​ถูก​ประกาศ​ออกไป ก็​มี​หญิง​แรกรุ่น​เป็น​จำนวน​มาก​ถูก​รวบรวม​มา​ที่​เขต​วัง​ใน​เมือง​สุสา มา​อยู่​ภายใต้​การ​ดูแล​ของ​เฮกัย เอสเธอร์​ก็​ถูก​พา​มา​ที่​วัง​ของ​กษัตริย์​ด้วย และ​อยู่​ใน​ความ​ดูแล​ของ​เฮกัย ผู้​ดูแล​พวก​ผู้หญิง​ทั้งหลาย​ของ​กษัตริย์ เฮกัย​ชอบ​เอสเธอร์ และ​เธอ​ก็​กลาย​เป็น​คนโปรด​ของเขา ดังนั้น​เฮกัย​จึง​รีบ​บำรุง​ผิวพรรณ​ให้​กับ​เอสเธอร์ และ​ให้​อาหาร​ที่​พิเศษ​กับ​นาง เขา​ยัง​ได้​คัดเลือก​หญิง​รับใช้​เจ็ดคน​จาก​วัง​ของ​กษัตริย์ เพื่อ​ให้​มา​รับใช้​เอสเธอร์ หลัง​จากนั้น​เขา​ได้​ย้าย​เอสเธอร์​และ​สาวใช้​ทั้ง​เจ็ดคน​ไป​อยู่​ในที่​ที่​ดี​ที่สุด​ของ​บริเวณ​ที่​พวก​ผู้หญิง​ของ​กษัตริย์​อยู่กัน เอสเธอร์​ไม่ได้​เปิดเผย​ความ​เป็นมา​ของ​เธอ หรือ​บรรพบุรุษ​ของ​เธอ​ว่า​เป็น​ใคร เพราะ​โมรเดคัย​ได้​สั่ง​ห้าม​เธอ​ไว้ โมรเดคัย​จะ​เดินเล่น​อยู่​หน้าลาน​ที่พัก​ของ​พวก​ผู้หญิง​เหล่านั้น​ทุกวัน เพื่อ​จะได้​รู้​ความ​เป็นอยู่​ของ​เอสเธอร์ และ​ดู​ว่า​เกิด​อะไรขึ้น​กับ​เธอ​บ้าง ก่อน​ที่​หญิงสาว​เหล่านี้​จะได้​เข้าเฝ้า​กษัตริย์ พวกเธอ​จะต้อง​ผ่าน​ขั้นตอน​การ​บำรุง​ผิวพรรณ​เป็น​เวลา​สิบสอง​เดือน​เสียก่อน คือ​ต้อง​อาบ​น้ำมัน​กำยาน​เป็น​เวลา​หก​เดือน และ​อาบ​น้ำหอม​อีก​หก​เดือน พร้อม​กับ​ตกแต่ง​ด้วย​เครื่องสำอาง​ต่างๆ ถึง​ตอนนั้น หญิงสาว​ที่​จะ​ไป​เข้าเฝ้า​กษัตริย์​ก็​มีสิทธิ์​ที่​จะ​ขอ​อะไร​ก็ได้​จาก​ที่พัก​ของ​พวกนาง ติดตัว​ไป​ยัง​วัง​ของ​กษัตริย์ สาวงาม​แต่ละคน​จะ​ถูก​ส่ง​เข้าไป​เฝ้า​กษัตริย์​ใน​ตอน​เย็น และ​กลับ​ออกมา​ใน​ตอนเช้า นาง​จะได้​ไป​อยู่​ใน​ที่พัก​แห่ง​ใหม่ ภายใต้​การ​ดูแล​ของ​ชาอัชกาส ผู้​เป็น​ขันที​ของ​กษัตริย์ เขา​ดูแล​พวก​นางสนม​ของ​กษัตริย์ นาง​จะ​ไม่ได้​เข้าเฝ้า​กษัตริย์​อีก นอกจาก​กษัตริย์​จะ​ถูกใจ​นาง และ​เรียกหา​ชื่อ​นาง​อีก​ครั้งหนึ่ง เมื่อ​ถึง​เวลา​ที่​เอสเธอร์​จะ​ต้อง​ไป​เข้าเฝ้า เธอ​ไม่ได้​ขอ​อะไร​ติดตัว​ไปเลย นอกจาก​ที่​เฮกัย​บอก​ให้​เธอ​ขอ เฮกัย​เป็น​ขันที​ของ​กษัตริย์​ที่​ดูแล​พวก​ผู้หญิง​เหล่านี้ เอสเธอร์​ชนะใจ​ทุกคน​ที่​พบเห็น​เธอ เอสเธอร์​ผู้นี้​คือ​ลูกสาว​ของ​อาบีฮาอิล​ที่​เป็น​ลุง​ของ​โมรเดคัย โมรเดคัย​ได้รับ​เธอ​ไว้​เป็น​ลูกสาว เอสเธอร์​ถูก​นำตัว​ไป​เข้าเฝ้า​กษัตริย์​อาหสุเอรัส​ใน​วัง​ของ​พระองค์ ใน​เดือน​ที่สิบ​ซึ่ง​เป็น​เดือน​เทเบท ตรงกับ​ปี​ที่เจ็ด​ของ​รัชกาล​ของ​พระองค์ กษัตริย์​รัก​เอสเธอร์​มากกว่า​หญิง​อื่นใด เธอ​เป็น​ที่​โปรดปราน​ของ​พระองค์ และ​พระองค์​ก็​ได้​เอ็นดู​นาง​มากกว่า​หญิง​บริสุทธิ์​ทุกคน ดังนั้น​พระองค์​จึง​สวม​มงกุฎ​บน​ศีรษะ​นาง และ​แต่งตั้ง​ให้​นาง​เป็น​ราชินี​แทน​พระนาง​วัชที แล้ว​กษัตริย์​ก็​ได้​จัด​งานเลี้ยง​อย่าง​ใหญ่โต​ให้​กับ​เอสเธอร์ เลี้ยง​เจ้าหน้าที่​และ​ผู้นำ​ทุกคน​ของ​พระองค์ พระองค์​ประกาศ​ให้​วันนั้น​เป็น​วันหยุด​สำหรับ​มณฑล​ทุกแห่ง และ​มอบ​ของขวัญ​ให้​กับ​ประชาชน เพราะ​พระองค์​เป็น​กษัตริย์​ที่​ใจดี

เอสเธอร์ 2:1-18 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

ภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้ เมื่อพระพิโรธของกษัตริย์อาหสุเอรัสสงบลง พระองค์ทรงระลึกถึงวัชทีและสิ่งที่นางทำ อีกทั้งกฤษฎีกาที่พระองค์ทรงออกเกี่ยวกับเรื่องนาง ข้าราชการของกษัตริย์ผู้ปรนนิบัติพระองค์จึงทูลว่า “ขอทรงให้เสาะหาหญิงสาวพรหมจารีที่งดงามมาถวายกษัตริย์ และขอกษัตริย์ทรงแต่งตั้งผู้แทนพระองค์ในทุกมณฑลแห่งราชอาณาจักรของพระองค์ ให้รวบรวมหญิงสาวพรหมจารีที่งดงามทุกคนมายังฮาเร็มในสุสาเมืองป้อม ให้อยู่ในอารักขาของเฮกัย ขันทีของกษัตริย์ผู้ดูแลสตรี และขอประทานเครื่องสำอางแก่พวกนาง และขอให้หญิงสาวผู้ที่กษัตริย์พอพระทัย ได้เป็นพระราชินีแทนวัชที” คำทูลนี้พอพระทัยกษัตริย์ พระองค์จึงทรงทำตามนั้น ยังมียิวคนหนึ่งในสุสาเมืองป้อม ชื่อโมรเดคัย บุตรยาอีร์ ผู้เป็นบุตรชิเมอี ผู้เป็นบุตรคีช คนเบนยามิน คือคีช ผู้ถูกเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์บาบิโลนกวาดต้อนจากเยรูซาเล็มไปพร้อมกับเชลยและเยโคนิยาห์กษัตริย์ยูดาห์ ท่านได้เลี้ยงดูฮาดาชาห์คือ เอสเธอร์ บุตรหญิงของลุงของท่านเพราะเธอไม่มีบิดามารดา หญิงสาวคนนี้รูปงามและชวนมอง เมื่อบิดามารดาของเธอสิ้นชีวิตแล้ว โมรเดคัยก็รับเธอมาเป็นบุตร เมื่อรับสั่งของกษัตริย์ และกฎหมายของพระองค์ประกาศออกไป หญิงสาวมากมายก็ถูกรวบรวมเข้ามายังสุสาเมืองป้อมในอารักขาของเฮกัย เอสเธอร์ก็ถูกนำเข้ามาไว้ในราชสำนัก อยู่ในอารักขาของเฮกัยผู้ดูแลสตรี หญิงนั้นเป็นที่พอใจและเป็นที่โปรดปรานแก่เขา เขาจึงรีบจัดเครื่องสำอางและอาหารส่วนที่เป็นของเธอ พร้อมกับสาวใช้ที่คัดเลือกแล้วเจ็ดคนจากราชสำนักให้เธอ แล้วก็ย้ายเธอและสาวใช้ของเธอไปยังสถานที่ที่ดีที่สุดในฮาเร็ม เอสเธอร์ไม่ได้เปิดเผยเรื่องชาติกำเนิดของเธอ เพราะโมรเดคัยกำชับเธอไม่ให้บอกใคร ทุกๆ วันโมรเดคัยเดินไปเดินมาหน้าลานของฮาเร็ม เพื่อฟังข่าวคราวของเอสเธอร์ว่าเป็นอย่างไร และมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เมื่อถึงเวร หญิงสาวทุกคนจะเข้าไปเฝ้ากษัตริย์อาหสุเอรัส หลังจากได้เตรียมตัวตามระเบียบของหญิงเป็นเวลาสิบสองเดือนแล้ว (และนี่เป็นเวลาปกติสำหรับประทินผิว คือชโลมกายด้วยน้ำมันกำยานหกเดือน และด้วยเครื่องเทศและเครื่องสำอางของผู้หญิงอีกหกเดือน) หญิงสาวจะเข้าเฝ้ากษัตริย์อย่างนี้คือ เธอต้องการจะเอาอะไรจากฮาเร็มไปยังพระราชวังก็เอาไปได้ เธอเข้าไปเฝ้าเวลาเย็น และในเวลาเช้าเธอกลับไปยังฮาเร็มที่สองในอารักขาของชาอัชกาส ขันทีของกษัตริย์ผู้ดูแลนางห้าม เธอไม่ได้ไปเข้าเฝ้ากษัตริย์อีก นอกจากกษัตริย์จะพอพระทัยในเธอและทรงเรียกชื่อเธอให้เข้าเฝ้า เมื่อถึงเวรของเอสเธอร์บุตรหญิงของอาบีฮาอิล ผู้เป็นลุงของโมรเดคัยผู้ซึ่งรับเธอไว้เป็นบุตร จะเข้าเฝ้ากษัตริย์ เธอไม่ได้ขอสิ่งใด นอกจากสิ่งที่เฮกัยขันทีของกษัตริย์ผู้ดูแลสตรีแนะนำ เอสเธอร์เป็นที่โปรดปรานของทุกคนที่เห็นเธอ เขาได้พาเอสเธอร์เข้าไปเฝ้ากษัตริย์อาหสุเอรัสในพระราชสำนัก ในเดือนสิบซึ่งเป็นเดือนเทเบทในปีที่เจ็ดแห่งรัชกาลของพระองค์ กษัตริย์ทรงรักเอสเธอร์ยิ่งกว่าหญิงอื่นทั้งสิ้น และเธอได้รับความโปรดปรานและพระกรุณาจากพระองค์มากกว่าหญิงพรหมจารีทั้งหมด พระองค์จึงทรงสวมมงกุฎบนศีรษะของเธอ และทรงตั้งเธอให้เป็นพระราชินีแทนวัชที แล้วกษัตริย์ประทานการเลี้ยงแก่เจ้านายและข้าราชการทั้งปวงของพระองค์ เป็นการเลี้ยงเพื่อให้เกียรติแก่พระนางเอสเธอร์ พระองค์ทรงอนุมัติให้มีวันหยุดพักแก่มณฑลทั้งปวง และประทานของกำนัลด้วยพระทัยกว้างขวาง

เอสเธอร์ 2:1-18 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ภายหลังเหตุ​การณ์​เหล่านี้ เมื่อพระพิโรธของกษั​ตริ​ย์อาหสุเอรัสสงบลง พระองค์​ทรงระลึกถึงวัชทีและสิ่งที่พระนางทรงกระทำ และกฤษฎีกาที่​พระองค์​ทรงออกเรื่องพระนาง ข้าราชการของกษั​ตริ​ย์​ผู้​ปรนนิบัติ​พระองค์​อยู่​จึงทูลว่า “ขอทรงให้หาหญิงพรหมจารีสาวสวยมาถวายกษั​ตริ​ย์ และขอกษั​ตริ​ย์ทรงแต่งตั้งเจ้าหน้าที่​ทุ​กมณฑลแห่งราชอาณาจักรของพระองค์ เพื่อให้​คนเหล่านี้รวบรวมหญิงสาวพรหมจารีงดงามทั้งหลายมายังฮาเร็มในสุสาปราสาท ให้​อยู่​ในอารักขาของเฮกัยข้าราชบริพารในพระราชสำนักของกษั​ตริ​ย์ ผู้ดู​แลสตรี และขอประทานเครื่องชำระล้างและประเทืองผิวสำหรับหญิงเหล่านั้น และขอให้หญิงสาวคนที่​กษัตริย์​พอพระทัยได้เป็นพระราชินีแทนวัชที” ข้อน​ี้พอพระทัยกษั​ตริ​ย์ พระองค์​จึงทรงกระทำตามนั้น ยั​งม​ียิวคนหนึ่งในสุสาปราสาทชื่อโมรเดคัย บุ​ตรชายยาอีร์ ผู้​เป็นบุตรชายชิเมอี ผู้​เป็นบุตรชายคีช คนเบนยามิน ผู้​ถู​กกวาดต้อนจากเยรูซาเล็มในหมู่เชลยที่​ถู​กกวาดต้อนไปพร้อมกับเยโคนิยาห์​กษัตริย์​ของยูดาห์ ผู้​ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์​กษัตริย์​ของบาบิโลนได้กวาดต้อนไปนั้น ท่านได้​เลี้ยงดู​ฮาดาชาห์คือเอสเธอร์​บุ​ตรสาวลุงของท่าน เพราะเธอไม่​มี​พ่อแม่ สาวคนนี้​รู​ปงามและน่าดู เมื่​อบ​ิดามารดาของเธอสิ้นชีวิตแล้ว โมรเดคั​ยก​็รับเธอมาเลี้ยงเป็นบุตรสาว ต่อมาเมื่อพระบัญชาของกษั​ตริ​ย์และกฤษฎีกาของพระองค์ประกาศออกไป และเมื่อเขารวบรวมหญิงสาวเป็​นอ​ันมากเข้ามาในสุสาปราสาทให้​อยู่​ภายใต้​อารักขาของเฮกัย เอสเธอร์​ก็​ถู​กนำเข้ามาไว้ในราชสำนักภายใต้อารักขาของเฮกัยผู้​ดู​แลสตรี หญิงนั้นเป็​นที​่พอใจเขาและเธอก็เป็​นที​่โปรดปรานแก่​เขา เขาจึงรีบจัดหาเครื่องประเทืองผิว และส่วนของเธอให้​เธอ พร​้อมกับสาวใช้​ที่​คัดเลือกแล้วเจ็ดคนจากราชสำนัก แล้วก็​เลื่อนเธอและสาวใช้ของเธอขึ้นไปยังสถานที่​ที่​ดี​ที่​สุดในฮาเร็ม เอสเธอร์​มิได้​บอกให้ทราบถึงชาติและญาติของเธอ เพราะโมรเดคัยกำชับเธอไม่​ให้​ใครรู้ ทุ​กๆวันโมรเดคัยเดินมาหน้าลานของฮาเร็ม เพื่อฟังข่าวเอสเธอร์เป็นอย่างไร และมีอะไรเกิดขึ้นแก่​เธอ เมื่อถึงเวรที่สาวๆทุกคนจะเข้าไปเฝ้ากษั​ตริ​ย์อาหสุเอรัส หลังจากได้เตรียมตัวตามระเบียบของหญิงสิบสองเดือนแล้ว (และนี่เป็นเวลาปกติสำหรับประเทืองผิว คือชโลมกายหญิ​งด​้วยน้ำมันกำยานหกเดือน และหกเดือนด้วยเครื่องเทศและน้ำมันประเทืองผิวผู้​หญิง​) เมื่อสาวๆทุกคนจะเข้าไปเฝ้ากษั​ตริ​ย์​อย่างนี้ เธอจะต้องการเอาอะไรจากฮาเร็มไปยังราชสำนัก ก็​เอาไปได้ เธอเข้าไปเฝ้าเวลาเย็น และในเวลาเช้าเธอกลับออกมาในฮาเร็​มท​ี่สองในอารักขาของชาอัชกาสขั​นที​ของกษั​ตริ​ย์​ผู้ดู​แลนางห้าม เธอไม่​ได้​เข​้าไปเฝ้ากษั​ตริ​ย์​อีก นอกจากกษั​ตริ​ย์จะพอพระทัยในเธอ และทรงเรียกชื่อเธอให้​เข้าเฝ้า บัดนี้​เมื่อถึงเวรของเอสเธอร์ บุ​ตรสาวของอาบีฮาอิล ลุ​งของโมรเดคัยผู้ซึ่งรับเธอไว้เป็นบุตรสาว จะเข้​าเฝ้ากษั​ตริ​ย์ เธอมิ​ได้​ขอสิ่งใด นอกจากสิ่งที่เฮกัยข้าราชสำนักของกษั​ตริ​ย์​ผู้ดู​แลพวกสตรี​แนะนำ ฝ่ายเอสเธอร์​ได้​รับความโปรดปรานในสายตาของทุกคนที่​ได้​พบเห็น เมื่อเขาพาเอสเธอร์​เข​้าไปเฝ้ากษั​ตริ​ย์อาหสุเอรัสในพระราชสำนัก ในเดือนสิบซึ่งเป็นเดือนเทเบทในปี​ที่​เจ​็ดแห่งรัชกาลของพระองค์ กษัตริย์​ทรงรักเอสเธอร์ยิ่งกว่าบรรดาหญิงทั้งปวงนั้น และเธอได้รับพระกรุณาและความโปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์มากกว่าหญิงพรหมจารี​ทั้งสิ้น พระองค์​จึงทรงสวมพระมงกุฎบนศีรษะของเธอ และทรงตั้งเธอให้เป็นพระราชินีแทนวัชที แล​้วกษั​ตริ​ย์พระราชทานการเลี้ยงใหญ่​แก่​เจ้​านายและข้าราชการทั้งปวงของพระองค์ เป็นการเลี้ยงของพระนางเอสเธอร์ พระองค์​ทรงอนุมั​ติ​ให้​งดส่วยแก่มณฑลทั้งปวง และพระราชทานของกำนัล ด้วยพระทัยกว้างขวางของกษั​ตริ​ย์

เอสเธอร์ 2:1-18 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

หลัง​จาก​นั้น เมื่อ​กษัตริย์​อาหสุเอรัส​คลาย​ความ​โกรธ​ลง​แล้ว ท่าน​ระลึก​ถึง​การ​กระทำ​ของ​นาง​วัชที และ​คำ​สั่ง​ที่​ห้าม​นาง​เข้า​เฝ้า​ต่อ​ไป และ​บรรดา​ผู้​รับใช้​ชาย​ที่​ปรนนิบัติ​กษัตริย์​เสนอ​ว่า “ขอ​โปรด​เสาะ​หา​พรหม​จาริณี​สาว​รูป​งาม​ให้​กษัตริย์​เถิด และ​ให้​กษัตริย์​แต่ง​ตั้ง​เจ้าหน้าที่​ใน​แคว้น​ทุก​แคว้น​ของ​อาณา​จักร เพื่อ​พา​พรหม​จาริณี​สาว​รูป​งาม​ทุก​คน​มา​ยัง​ฮาเร็ม​ที่​สุสา​เมือง​ป้อม​ปราการ ให้​อยู่​ภาย​ใต้​การ​ดูแล​ของ​เฮกัย​ขันที​ของ​กษัตริย์ ผู้​ควบคุม​ดูแล​ผู้​หญิง​ทั้ง​หลาย และ​ให้​พวก​เขา​ได้​รับ​การ​เสริม​ความ​งาม และ​ขอ​ให้​หญิง​สาว​ผู้​เป็น​ที่​โปรดปราน​ของ​กษัตริย์ ได้​รับ​ตำแหน่ง​ราชินี​แทน​วัชที” กษัตริย์​พอใจ​ใน​ข้อ​เสนอ จึง​ดำเนิน​การ​ตาม​นั้น ใน​เวลา​นั้น มี​ชาว​ยิว​ผู้​หนึ่ง​ที่​สุสา​เมือง​ป้อม​ปราการ ชื่อ​โมร์เดคัย​บุตร​ของ​ยาอีร์ ยาอีร์​เป็น​บุตร​ของ​ชิเมอี ชิเมอี​เป็น​บุตร​ของ​คีช​ชาว​เบนยามิน เขา​เป็น​คน​ที่​ถูก​จับ​ตัว​จาก​เยรูซาเล็ม​ไป​เป็น​เชลย​พร้อม​กับ​กลุ่ม​เชลย​และ​เยโคนิยาห์​กษัตริย์​แห่ง​ยูดาห์ ครั้ง​ที่​เนบูคัดเนสซาร์​กษัตริย์​บาบิโลน​จับ​ไป เขา​เลี้ยง​ดู​ฮาดัสซา ซึ่ง​มี​อีก​ชื่อ​หนึ่ง​ว่า เอสเธอร์ เธอ​เป็น​บุตร​หญิง​ของ​ลุง​ของ​เขา และ​กำพร้า​ทั้ง​บิดา​และ​มารดา เธอ​มี​รูป​ร่าง​หน้า​ตา​สวย เมื่อ​บิดา​มารดา​ของ​เธอ​สิ้น​ชีวิต โมร์เดคัย​จึง​รับ​เธอ​มา​เป็น​บุตร​ของ​ตน ฉะนั้น เมื่อ​มี​คำ​สั่ง​และ​ประกาศ​กฤษฎีกา​ของ​กษัตริย์ และ​เมื่อ​หญิง​สาว​มาก​มาย​มา​รวม​กัน​ที่​สุสา​เมือง​ป้อม​ปราการ ภาย​ใต้​การ​ดูแล​ของ​เฮกัย เอสเธอร์​ก็​ถูก​นำ​มา​ยัง​ราชวัง และ​อยู่​ภาย​ใต้​การ​ดูแล​ของ​เฮกัย​ผู้​ควบคุม​ดูแล​ผู้​หญิง​ทั้ง​หลาย เอสเธอร์​เป็น​ที่​พึงใจ​และ​ทำ​ให้​เขา​ชอบใจ​เธอ​เป็น​พิเศษ เขา​จึง​เตรียม​เสริม​ความ​งาม​และ​จัด​หา​อาหาร​ให้​แก่​เธอ​เพิ่ม​เติม อีก​ทั้ง​จัด​หา​หญิง​สาว 7 คน​ที่​ได้​คัดเลือก​จาก​ราชวัง เพื่อ​มา​รับใช้​เธอ และ​ย้าย​เอสเธอร์​กับ​หญิง​รับใช้​เข้า​ไป​อยู่​ใน​สถาน​ที่​ดี​ที่​สุด​ใน​ฮาเร็ม เอสเธอร์​ยัง​ไม่​ได้​เปิดเผย​สัญชาติ​และ​ประวัติ​ครอบครัว​ของ​เธอ เพราะ​โมร์เดคัย​ได้​สั่ง​ห้าม​ไว้ ทุกๆ วัน โมร์เดคัย​เดิน​อยู่​ที่​หน้า​ลาน​ฮาเร็ม เพื่อ​ดู​ว่า​เอสเธอร์​เป็น​อยู่​อย่างไร และ​เธอ​ทำ​อะไร​บ้าง หลัง​จาก​ที่​บรรดา​หญิง​สาว​ผ่าน​การ​เสริม​ความ​งาม​เป็น​เวลา 12 เดือน​ตาม​กำหนด คือ ชโลม​กาย​ด้วย​น้ำมัน​มดยอบ 6 เดือน และ​ด้วย​น้ำมัน​กับ​เครื่อง​หอม​อีก 6 เดือน​ก็​จะ​ถึง​เวร​ที่​หญิง​สาว​แต่​ละ​คน​จะ​ได้​เข้า​เฝ้า​กษัตริย์​อาหสุเอรัส เมื่อ​หญิง​สาว​เข้า​เฝ้า​กษัตริย์​ใน​กรณี​ดัง​กล่าว เธอ​จะ​ได้​รับ​สิ่ง​ที่​เธอ​ปรารถนา​จาก​ฮาเร็ม และ​นำ​ติด​ตัว​ไป​ที่​ราชวัง ใน​เวลา​เย็น เธอ​จะ​ไป​ที่​ราชวัง และ​ใน​เวลา​เช้า เธอ​จะ​กลับ​ไป​ยัง​ฮาเร็ม​ที่​สอง​ภาย​ใต้​การ​ดูแล​ของ​ชาอัชกัซ​ขันที​ของ​กษัตริย์ ผู้​เป็น​ผู้​ควบคุม​ดูแล​บรรดา​ภรรยา​น้อย เธอ​จะ​ไม่​เข้า​เฝ้า​กษัตริย์​อีก เว้น​เสีย​แต่​ว่า​กษัตริย์​จะ​พึง​พอใจ​เธอ และ​เรียก​ชื่อ​เธอ​ให้​มา​เข้า​เฝ้า เมื่อ​ถึง​เวลา​ของ​เอสเธอร์​บุตร​หญิง​ของ​อาบีฮาอิล​ลุง​ของ​โมร์เดคัย ผู้​รับ​เธอ​เป็น​บุตร​ของ​ตน จะ​ต้อง​เข้า​เฝ้า​กษัตริย์ เธอ​ไม่​ได้​ขอ​สิ่ง​ใด​นอก​จาก​สิ่ง​ที่​เฮกัย​แนะนำ เฮกัย​เป็น​ขันที​ของ​กษัตริย์ และ​เป็น​ผู้​ควบคุม​ดูแล​กลุ่ม​ผู้​หญิง ส่วน​เอสเธอร์​ก็​เป็น​ที่​โปรดปราน​ใน​สายตา​ของ​ทุก​คน​ที่​เห็น​เธอ ครั้น​เอสเธอร์​ถูก​นำ​ไป​เข้า​เฝ้า​กษัตริย์​อาหสุเอรัส​ที่​ราชวัง ใน​เดือน​ที่​สิบ​ซึ่ง​เป็น​เดือน​เทเบท ใน​ปี​ที่​เจ็ด​แห่ง​การ​ครอง​ราชย์​ของ​ท่าน กษัตริย์​ก็​รัก​เอสเธอร์​ยิ่ง​กว่า​หญิง​สาว​คน​อื่นๆ และ​เธอ​เป็น​ที่​โปรดปราน​และ​เห็น​ชอบ​ของ​กษัตริย์ มาก​กว่า​พรหม​จาริณี​ทั้ง​ปวง ท่าน​จึง​สวม​ราช​มงกุฎ​บน​ศีรษะ​เธอ และ​แต่ง​ตั้ง​เธอ​เป็น​ราชินี​แทน​วัชที และ​กษัตริย์​ก็​จัด​งาน​ฉลอง​ให้​แก่​บรรดา​เจ้านาย​ชั้น​ผู้ใหญ่​และ​ข้า​ราชการ​ของ​ท่าน เป็น​งาน​ฉลอง​เพื่อ​เอสเธอร์ ท่าน​ประกาศ​ให้​ถือ​เป็น​วัน​หยุด​ทั่ว​ทุก​แคว้น และ​แจก​ของ​ขวัญ​ด้วย​ความ​ใจ​กว้าง