เฉลยธรรมบัญญัติ 32:19-52
เฉลยธรรมบัญญัติ 32:19-52 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
พระยาห์เวห์เห็นสิ่งนี้และทอดทิ้งพวกเขา เพราะลูกชายและลูกสาวของพระองค์ทำให้พระองค์โกรธ และพระองค์พูดว่า ‘เราจะหลบหน้าจากพวกเขา เราเห็นจุดจบของพวกเขา เพราะพวกเขาคือคนอกตัญญู เป็นลูกหลานที่ไม่ซื่อสัตย์ พวกเขาทำให้เราหึงหวงด้วยพวกนั้นที่ไม่ใช่พระเจ้า พวกเขาทำให้เราโกรธด้วยรูปเคารพที่ไร้ค่าของเขา ดังนั้น เราจะทำให้พวกเขาหึงหวงด้วยพวกที่ไม่ใช่ชนชาติ เราจะทำให้พวกเขาโกรธด้วยชนชาติที่โง่เขลา เพราะไฟได้จุดขึ้นแล้วจากความโกรธของเรา และมันจะเผาลงไปถึงหลุมฝังศพ และมันจะเผาไหม้แผ่นดินและพืชผลของมัน และมันจะเผาไหม้ลึกลงไปถึงรากของภูเขา เราจะสุมความทุกข์ยากทั้งหลายบนพวกเขา เราจะใช้ลูกธนูทั้งหมดยิงใส่พวกเขา พวกเขาจะอ่อนแอจากความหิวโหย และถูกทำลายด้วยเชื้อโรคที่น่ากลัว และโรคระบาดที่รุนแรง และเราจะส่งสัตว์ป่ามาทำร้ายพวกเขาพร้อมกับงูพิษ พวกทหารจะฆ่าพวกเขาบนถนน และความกลัวจะฆ่าพวกเขาในห้องนอน คนหนุ่มสาวจะตาย รวมทั้งเด็กๆและคนแก่ เราเคยพูดว่า “เราจะทำลายพวกเขา เราจะกวาดล้างพวกเขาจนหมดสิ้น แต่เรากลัวว่าศัตรูของพวกเขาจะทำให้เราโกรธ เพราะเข้าใจผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น กลัวศัตรูพวกเขาจะพูดว่า ‘พวกเราชนะด้วยอำนาจของพวกเราเอง พระยาห์เวห์ไม่ได้ทำอะไรเลย’” เพราะพวกเขา คือชาติที่ไม่มีที่ปรึกษา และพวกเขาไม่มีความเข้าใจ ถ้าพวกเขาฉลาด เขาจะเข้าใจในสิ่งนี้ พวกเขาจะคิดถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับเขา คนๆหนึ่งจะไล่คนหนึ่งพันคนได้อย่างไร และคนสองคนจะทำให้คนหนึ่งหมื่นคนวิ่งหนีไปได้อย่างไร นอกจากพระศิลาของชาวอิสราเอลได้ขายพวกเขาไปแล้ว นอกจากพระยาห์เวห์ได้มอบพวกเขาไป เพราะศิลาของพวกเขาไม่เหมือนพระศิลาของเรา และผู้ปกป้องของศัตรูเราก็ไม่เข้มแข็งเท่ากับพระศิลาของพวกเรา ใช่แล้ว องุ่นของพวกเขามาจากองุ่นที่เก็บไว้ของโสโดม และไร่องุ่นของโกโมราห์ องุ่นของพวกเขาเป็นองุ่นที่มีพิษ เถาองุ่นของพวกเขาจะมีรสขม เหล้าองุ่นของพวกเขาเป็นเหมือนพิษงู เป็นพิษงูเห่าที่ร้ายแรงถึงตาย พระยาห์เวห์พูดว่า ‘เราได้เก็บเหล้าองุ่นนี้ไว้ มันถูกเก็บอยู่ในโรงเก็บของเรา’ เราจะใช้มันลงโทษพวกเขาเอง และตอบแทนพวกเขาเมื่อเท้าของพวกเขาลื่นไถล เพราะเวลาแห่งความหายนะล่มจมของพวกเขาใกล้เข้ามาแล้ว การลงโทษพวกเขากำลังจะมาในเร็วๆนี้ เมื่อพระองค์เห็นว่าอำนาจของพวกเขาหมดลง ไม่มีผู้ปกครองและไม่มีผู้ช่วยเหลือ พระยาห์เวห์ก็จะให้ความยุติธรรมกับประชาชนของพระองค์ และพระองค์จะให้ความเมตตากับผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์จึงจะพูดว่า ‘พระของพวกเขาอยู่ที่ไหนแล้ว หินที่พวกเขาไว้ใจว่าปกป้องพวกเขาได้ อยู่ที่ไหนแล้ว พระที่กินไขมันของเครื่องบูชาของพวกเขา และดื่มเหล้าองุ่นของเครื่องดื่มบูชาของพวกเขา ให้พระพวกนั้นลุกขึ้นมาช่วยเจ้าสิ ให้พวกมันมาปกป้องเจ้าสิ ตอนนี้เห็นแล้วหรือยังว่า เราผู้เดียว เป็นพระเจ้า ไม่มีพระอื่นนอกจากเรา เราให้ความตาย เราให้ชีวิต เราได้ทำให้บาดเจ็บ เราจะรักษา และไม่มีใครที่จะช่วยให้พ้นจากมือของเราได้ ที่จริงแล้ว เราได้ยกมือขึ้นบนสวรรค์ และสัญญาว่า เรามีชีวิตนิรันดร์ฉันใด สิ่งนี้ก็จะเกิดขึ้นกับพวกเขาแน่ๆฉันนั้น เราก็จะลับดาบของเราให้คมแวววาว เราจะใช้มันลงโทษศัตรูของเรา คนที่เกลียดเรา เราจะลงโทษตามที่พวกเขาสมควรจะได้รับ ลูกธนูของเราจะอาบไปด้วยเลือดของศัตรู ดาบของเราจะกินเนื้อหนัง และเลือดของคนที่ถูกจับมาฆ่า ดาบของเราจะตัดหัวของผู้นำของศัตรูพวกนั้น’ ชนชาติทั้งหลายเอ๋ย ให้แสดงความยินดีกับประชาชนของพระองค์ เพราะพระองค์จะทำโทษคนที่ฆ่าพวกผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์จะลงโทษศัตรูของพระองค์ พระองค์จะชำระแผ่นดินของพระองค์ให้บริสุทธิ์” แล้วโมเสสก็มาร้องเพลงนี้ให้ประชาชนชาวอิสราเอลฟัง โยชูวาลูกชายของนูนก็อยู่กับโมเสส เมื่อโมเสสพูดคำเหล่านี้ให้ชาวอิสราเอลทั้งหมดฟังเสร็จแล้ว โมเสสจึงพูดกับพวกเขาว่า “ให้ใส่ใจกับคำพูดเหล่านี้ ที่เราได้สั่งท่านในวันนี้ ให้บอกกับลูกๆว่าคำพูดเหล่านี้เป็นคำสั่ง เพื่อพวกเขาจะได้ระมัดระวังที่จะเชื่อฟังคำสอนนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันเป็นเรื่องชีวิตของพวกท่าน และผ่านทางคำสอนเหล่านี้ พวกท่านจะได้มีชีวิตยืนยาวในแผ่นดินที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเป็นเจ้าของ” พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสในวันนั้นเองว่า “ขึ้นไปบนเทือกเขาอาบาริม ไปที่เขาเนโบในแผ่นดินของโมอับตรงข้ามเมืองเยริโค และมองดูแผ่นดินคานาอันที่เราได้ให้กับชาวอิสราเอลไว้เป็นสมบัติของพวกเขา เจ้าจะตายบนภูเขานั้นที่เจ้ากำลังจะปีนขึ้นไป และเจ้าจะได้ไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของเจ้า เหมือนกับอาโรนพี่ชายของเจ้าที่ตายบนภูเขาโฮร์และได้ไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของเขา เพราะเจ้าทั้งสองไม่ซื่อสัตย์กับเราท่ามกลางชาวอิสราเอลที่แหล่งน้ำเมรีบาห์คาเดชในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศิน และเพราะพวกเจ้าไม่ให้เกียรติเราว่าเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ในหมู่ชาวอิสราเอล ดังนั้นเจ้าจะได้เห็นแผ่นดินนั้นจากที่ไกลๆ แต่เจ้าจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินที่เรากำลังจะยกให้กับชาวอิสราเอล”
เฉลยธรรมบัญญัติ 32:19-52 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
“พระยาห์เวห์ทอดพระเนตรและทรงชังเขา เพราะการยั่วยุจากบุตรชายหญิงของพระองค์ และพระองค์ตรัสว่า ‘เราจะซ่อนหน้าของเราจากพวกเขา เราจะคอยดูว่าปลายทางของเขาจะเป็นอย่างไร เพราะเขาเป็นชาติพันธุ์ที่วิปริต เป็นลูกหลานที่ไม่ซื่อสัตย์ เขาทั้งหลายทำให้เราอิจฉาด้วยสิ่งที่ไม่ใช่พระ เขาได้ยั่วยุเราด้วยสิ่งไร้สาระของเขา ดังนั้นเราจะทำให้เขาอิจฉาผู้ที่ไม่ใช่ชนชาติ และจะยั่วโทสะเขาด้วยประชาชาติโง่เขลาชาติหนึ่ง เพราะความกริ้วของเราจึงมีไฟก่อขึ้น มันไหม้ลุกลามไปจนถึงก้นลึกของแดนคนตาย เผาแผ่นดินโลกและพืชผลในนั้น และลุกไหม้ถึงรากฐานแห่งขุนเขา “ ‘เราจะสุมสิ่งร้ายไว้บนเขาทั้งหลาย และปล่อยลูกธนูของเรายิงไปยังเขา เขาจะสิ้นแรงเพราะความหิว ความร้อนอันแรงกล้าและโรคร้ายจะเผาผลาญเขา เราจะส่งฟันของสัตว์ร้ายมายังเขา กับพิษของสัตว์เลื้อยคลานในผงคลี ที่ภายนอกจะมีดาบคร่าชีวิต ที่ในห้องจะมีความกลัว ทำลายทั้งชายหนุ่มและหญิงพรหมจารี ทั้งเด็กที่ยังดูดนมและคนแก่ผมหงอก เราพูดแล้วว่า “เราจะให้เขากระจัดกระจายไป เราจะให้ชื่อของเขาสูญไปจากความทรงจำของมนุษย์” แต่เราก็กลัวการยุยงของศัตรู เกรงว่าพวกศัตรูของเขาจะคิดผิดไป เกรงว่าพวกเขาจะพูดว่า “กำลังมือของเราที่มีชัย พระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงทำการนี้” ’ “เพราะเขาทั้งหลายเป็นประชาชาติที่ขาดคำปรึกษา ในพวกเขาไม่มีความเข้าใจ โอ ถ้าเขาฉลาดแล้วเขาจะเข้าใจเรื่องนี้ และพิจารณาถึงวาระสุดท้ายของตน คนเดียวจะไล่พันคนได้อย่างไร สองคนจะทำให้หมื่นคนหนีได้อย่างไร นอกจากพระศิลาของเขาได้ขายเขาเสียแล้ว และพระยาห์เวห์ได้ทรงทอดทิ้งเขาเสีย เพราะศิลาของเขาไม่เหมือนพระศิลาของเรา แม้ศัตรูของเราก็ตัดสินอย่างนั้น เพราะว่าเถาองุ่นของเขาคือเถาองุ่นเมืองโสโดม และมาจากไร่เมืองโกโมราห์ ผลองุ่นของเขาเป็นองุ่นขม ทั้งพวงองุ่นก็ขมด้วย เหล้าองุ่นของเขาเป็นพิษงู เป็นพิษร้ายแรงของงูเห่า “เรื่องนี้ไม่ได้สะสมไว้กับเรา และประทับตราไว้ในคลังของเราหรือ? การแก้แค้นและการตอบสนองเป็นของเรา รอเวลาเมื่อเท้าของเขาจะลื่นพลาด เพราะว่าวันหายนะของเขามาใกล้แล้ว และมันจะมาถึงเขาอย่างฉับพลัน เพราะพระยาห์เวห์จะทรงพิพากษาประชากรของพระองค์ และทรงเมตตาผู้รับใช้ของพระองค์ เมื่อทอดพระเนตรว่ากำลังของเขาสิ้นลง ไม่มีใครเหลือแล้ว ไม่ว่าทาสหรือไท แล้วพระองค์จะตรัสว่า ‘พระทั้งหลายของพวกเขาอยู่ที่ไหน ศิลาที่เขาลี้ภัยนั้นอยู่ที่ไหน?’ คือผู้ที่รับประทานไขมันของเครื่องสัตวบูชาของเขา และดื่มเหล้าองุ่นที่เป็นเครื่องดื่มบูชาของเขา ให้พระเหล่านั้นลุกขึ้นช่วยเจ้า ให้พระเหล่านั้นเป็นผู้ปกป้องเจ้า “ ‘จงดูเถิด บัดนี้ ตัวเรา คือเรานี่แหละเป็นผู้นั้น นอกจากเราไม่มีพระเจ้าอื่นใด เราฆ่าให้ตายและเราก็ให้มีชีวิตอยู่ เราทำให้บาดเจ็บ และเราก็รักษาให้หาย ไม่มีผู้ใดจะช่วยให้พ้นมือเราได้ เพราะเราชูมือขึ้นถึงสวรรค์ และปฏิญาณว่า ดังที่เราดำรงอยู่เป็นนิตย์ ถ้าเราลับดาบอันวาววับของเรา และมือของเรายึดการพิพากษาไว้ เราจะแก้แค้นศัตรูของเรา และตอบแทนผู้ที่เกลียดชังเรา เราจะให้ลูกธนูของเราเมาโลหิต และดาบของเราจะกินเนื้อหนัง ด้วยโลหิตของผู้ที่ถูกฆ่าและของเชลย จากศีรษะเจ้านายศัตรู’ “จงยินดีเถิด ประชาชาติทั้งหลาย กับประชากรของพระองค์ เพราะพระองค์จะทรงแก้แค้นแทนโลหิตของผู้รับใช้ของพระองค์ และจะทรงทำการแก้แค้นศัตรูของพระองค์ และจะทรงลบมลทินแผ่นดินแห่งประชากรของพระองค์” โมเสสได้มาบอกเนื้อเพลงบทนี้ทั้งหมดให้ประชาชนฟัง ทั้งตัวท่านพร้อมกับโยชูวาบุตรนูน และเมื่อโมเสสบอกถ้อยคำเหล่านี้ทั้งสิ้นแก่คนอิสราเอลทุกคนจบแล้ว ท่านก็กล่าวแก่เขาว่า “จงใส่ใจในถ้อยคำซึ่งข้าพเจ้าเป็นพยานแก่ท่านในวันนี้ เพื่อท่านจะได้บัญชาลูกหลานของท่าน ให้เขาระวังที่จะทำตามถ้อยคำทั้งหมดของธรรมบัญญัตินี้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกท่าน แต่เป็นเรื่องชีวิตของท่านทั้งหลาย โดยเรื่องนี้จะทำให้ท่านมีชีวิตยืนนานในแผ่นดินซึ่งท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยึดครองนั้น” และพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสในวันเดียวกันนั้นว่า “จงขึ้นไปบนภูเขาอาบาริมถึงยอดเขาเนโบ ซึ่งอยู่ในแผ่นดินโมอับตรงข้ามเมืองเยรีโค และดูแผ่นดินคานาอันซึ่งเราให้แก่ประชาชนอิสราเอลเป็นกรรมสิทธิ์ และสิ้นชีวิตเสียบนภูเขาซึ่งเจ้าขึ้นไปนั้น และถูกรวบไปอยู่กับประชาชนของเจ้า ดังอาโรนพี่ชายของเจ้าได้สิ้นชีวิตที่ภูเขาโฮร์ และถูกรวบไปอยู่กับประชาชนของเขา เพราะเจ้าทั้งสองได้ละเมิดต่อเราท่ามกลางคนอิสราเอลเรื่องน้ำแห่งเมรีบาห์ที่คาเดชในถิ่นทุรกันดารศิน เพราะเจ้าไม่ให้เกียรติเราในหมู่คนอิสราเอล เจ้าจะได้เห็นแผ่นดินซึ่งอยู่ต่อหน้าเจ้า แต่เจ้าจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินซึ่งเราให้แก่คนอิสราเอล”
เฉลยธรรมบัญญัติ 32:19-52 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
พระเยโฮวาห์ทอดพระเนตรและทรงชังเขา เพราะเหตุบุตรชายหญิงของพระองค์ได้ยั่วพระองค์ และพระองค์ตรัสว่า ‘เราจะซ่อนหน้าของเราเสียจากเขา เราจะคอยดูว่าปลายทางของเขาจะเป็นอย่างไร เพราะเขาเป็นยุคที่ดื้อรั้น เป็นลูกเต้าที่ไม่มีความเชื่อ เขาทำให้เราอิจฉาด้วยสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้า เขาได้ยั่วโทสะเราด้วยความไร้ประโยชน์ของเขา ดังนั้นเราจึงทำให้เขาอิจฉาผู้ที่ไม่ใช่ชนชาติ และจะยั่วโทสะเขาด้วยประชาชาติที่เขลาชาติหนึ่ง เพราะมีไฟก่อขึ้นด้วยเหตุความกริ้วของเรานั้น ไฟก็ไหม้ลุกลามไปจนถึงก้นลึกของนรก เผาแผ่นดินโลกและพืชผลในนั้น และก่อเพลิงติดรากภูเขา เราจะสุมสิ่งร้ายไว้บนเขาทั้งหลาย และปล่อยลูกธนูของเรามายิงเขา เขาจะซูบผอมไปเพราะความหิว ความร้อนอันแรงกล้าและการทำลายอันขมขื่นจะเผาผลาญเขาเสีย เราจะส่งฟันสัตว์ร้ายให้มาขบกับพิษของสัตว์เลื้อยคลานในผงคลี ภายนอกจะมีดาบและภายในจะมีความกลัวมาทำลายทั้งชายหนุ่มและหญิงพรหมจารี ทั้งเด็กที่ยังดูดนมและคนที่ผมหงอก เราพูดแล้วว่า “เราจะให้เขากระจัดกระจายไปถึงมุมต่างๆ เราจะให้ชื่อของเขาสูญไปจากความทรงจำของมนุษย์” ถ้าหากว่าเราไม่กลัวความกริ้วโกรธของศัตรู เกรงว่าศัตรูจะประพฤติผิดไป กลัวว่าศัตรูทั้งหลายจะพูดว่า “กำลังมือของเราจะมีชัย พระเยโฮวาห์หาได้ทรงกระทำกิจการทั้งปวงนี้ไม่” เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นประชาชาติที่ไม่ยอมฟังคำปรึกษา ในพวกเขาไม่มีความเข้าใจ โอ ถ้าเขาฉลาดแล้วเขาจะเข้าใจเรื่องนี้และทราบเรื่องสุดท้ายปลายมือ คนเดียวจะไล่พันคนอย่างไรได้ สองคนจะทำให้หมื่นคนหนีได้อย่างไร นอกจากศิลาของเขาได้ขายเขาเสียแล้ว และพระเยโฮวาห์ได้ทรงทอดทิ้งเขาเสีย เพราะศิลาของเขาไม่เหมือนศิลาของเรา แม้ศัตรูของเราก็ตัดสินอย่างนั้น เพราะว่าเถาองุ่นของเขามาจากเถาเมืองโสโดม มาจากไร่เมืองโกโมราห์ ผลองุ่นของเขาเป็นดีหมี และองุ่นที่เป็นพวงๆก็ขมขื่น น้ำองุ่นของเขาเป็นพิษของมังกร เป็นพิษอำมหิตของงูเห่า เรื่องนี้มิได้สะสมไว้กับเราดอกหรือ ประทับตราไว้ในคลังของเรา การแก้แค้นและการตอบสนองเป็นของเรา เท้าของเขาจะลื่นไถลไปตามกำหนดเวลา เพราะว่าวันแห่งหายนะของเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว และสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับเขาก็จะมาโดยพลัน เพราะพระเยโฮวาห์จะทรงพิพากษาประชาชนของพระองค์ และทรงเมตตาปรานีต่อผู้รับใช้ของพระองค์ เมื่อทอดพระเนตรกำลังของเขาสิ้นลง ไม่มีใครยังอยู่หรือเหลืออยู่ แล้วพระองค์จะตรัสว่า “พระของเขาอยู่ที่ไหน ศิลาที่เขาพึ่งพานั้นอยู่ที่ไหนเล่า คือผู้ที่รับประทานไขมันของเครื่องสัตวบูชาของเขา และดื่มน้ำองุ่นที่เป็นเครื่องดื่มบูชาของเขา ให้บรรดาพระเหล่านั้นลุกขึ้นช่วย ให้พระเหล่านั้นเป็นผู้ป้องกันเจ้าซิ จงดูเถิด ตัวเรา คือเรานี่แหละเป็นผู้นั้น นอกจากเราไม่มีพระเจ้าอื่นใด เราฆ่าให้ตาย และเราก็ให้มีชีวิตอยู่ เราทำให้บาดเจ็บ และเราก็รักษาให้หาย ไม่มีผู้ใดจะช่วยให้พ้นมือเราได้ เพราะเราชูมือขึ้นถึงสวรรค์ และปฏิญาณว่า ดังที่เราดำรงอยู่เป็นนิตย์ ถ้าเราลับดาบอันวาววับของเรา และมือของเรายึดการพิพากษาไว้ เราจะแก้แค้นศัตรูของเรา และตอบแทนผู้ที่เกลียดเรา เราจะให้ลูกธนูของเราเมาโลหิต และดาบของเราจะกินเนื้อหนัง ด้วยโลหิตของผู้ที่ถูกฆ่าและของเชลย ตั้งแต่เริ่มแก้แค้นต่อศัตรู”’ โอ ประชาชาติทั้งหลาย จงชื่นชมยินดีกับประชาชนของพระองค์ เพราะพระองค์จะแก้แค้นโลหิตแห่งพวกผู้รับใช้ของพระองค์แล้ว และจะทรงทำการแก้แค้นศัตรูของพระองค์ และจะทรงเมตตาปรานีทั้งแผ่นดินและประชาชนของพระองค์” โมเสสได้มาเล่าบรรดาถ้อยคำของเพลงบทนี้ให้ประชาชนฟัง ทั้งตัวท่านพร้อมกับโยชูวาบุตรชายนูน และเมื่อโมเสสเล่าคำเหล่านี้ทั้งหมดแก่บรรดาคนอิสราเอลจบแล้ว ท่านก็กล่าวแก่เขาว่า “จงใส่ใจในถ้อยคำทั้งหลายซึ่งข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านในวันนี้ เพื่อท่านจะได้บัญชาแก่ลูกหลานของท่าน เพื่อเขาจะได้ระวังที่จะกระทำตามถ้อยคำแห่งพระราชบัญญัตินี้ทั้งสิ้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยสำหรับท่านทั้งหลาย แต่เป็นเรื่องชีวิตของท่านทั้งหลาย และเรื่องนี้จะกระทำให้ท่านทั้งหลายมีชีวิตยืนนานในแผ่นดิน ซึ่งท่านทั้งหลายกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยึดครองนั้น” และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสในวันนั้นเองว่า “จงขึ้นไปบนภูเขาอาบาริม ถึงยอดเขาเนโบ ซึ่งอยู่ในแผ่นดินโมอับ ตรงข้ามเมืองเยรีโค และดูแผ่นดินคานาอัน ซึ่งเราให้แก่ประชาชนอิสราเอลเป็นกรรมสิทธิ์ และสิ้นชีวิตเสียบนภูเขาซึ่งเจ้าขึ้นไปนั้น และถูกรวบไปอยู่กับญาติพี่น้องของเจ้า ดังอาโรนพี่ชายของเจ้าได้สิ้นชีวิตที่ภูเขาโฮร์ และถูกรวบไปอยู่กับประชาชนของเขา เพราะเจ้าทั้งสองได้ละเมิดต่อเราท่ามกลางคนอิสราเอลที่น้ำเมรีบาห์แห่งคาเดชในถิ่นทุรกันดารศิน เพราะเจ้ามิได้เคารพเราว่าบริสุทธิ์ในหมู่คนอิสราเอล เพราะเจ้าจะได้เห็นแผ่นดินซึ่งอยู่ต่อหน้าเจ้า แต่เจ้าไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินซึ่งเราให้แก่คนอิสราเอล”
เฉลยธรรมบัญญัติ 32:19-52 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
<<พระเจ้าทอดพระเนตรและทรงชังเขา เพราะบุตรชายหญิงของพระองค์ทำให้เศร้าพระทัย และพระองค์ตรัสว่า <เราจะซ่อนหน้าของเราเสียจากเขา เราจะคอยดูว่าปลายทางของเขาจะเป็นอย่างไร เพราะเขาเป็นพงศ์พันธุ์ที่เฉไฉ เป็นลูกเต้าที่ไม่มีความซื่อสัตย์ เขาทำให้เราอิจฉาด้วยสิ่งที่ไม่ใช่พระ เขาได้ยั่วเย้าเราด้วยรูปเคารพของเขา ดังนั้นเราจึงทำให้เขาอิจฉาผู้ที่ไม่ใช่ชนชาติ และจะยั่วโทสะเขา ด้วยประชาชาติที่เขลาชาติหนึ่ง เพราะมีไฟก่อขึ้นด้วยเหตุความกริ้วของเรานั้น ไฟก็ไหม้ลุกลามไปจนถึงก้นลึกของแดนผู้ตาย เผาแผ่นดินโลกและพืชผลในนั้น และก่อเพลิงติดรากขุนเขา << <เราจะสุมสิ่งร้ายไว้บนเขาทั้งหลาย และปล่อยลูกธนูของเรามายิงเขา เขาจะซูบผอมไปเพราะความหิวความร้อนอันแรงกล้า และโรคพิษร้ายจะเผาผลาญเขาเสีย เราจะส่งฟันสัตว์ร้ายให้มาขบ กับพิษของสัตว์เลื้อยคลานในผงคลี ในกลางแจ้งจะมีดาบมาทำให้โศกเศร้า ที่ในห้องจะมีความกลัว ทำลายทั้งชายหนุ่มและหญิงพรหมจารี ทั้งเด็กที่ยังดูดนมและคนที่ผมหงอก เราพูดแล้วว่า <<เราจะให้เขากระจัดกระจายไป เราจะให้ชื่อของเขาศูนย์ไปจากความทรงจำของมนุษย์>> ถ้าหากว่าเราไม่กลัวว่าศัตรูจะว่าย้อนเรา เกรงว่าศัตรูจะคิดผิดไป กลัวว่าศัตรูทั้งหลายจะพูดว่า <<กำลังมือของเราซิมีชัย พระเจ้าหาได้ทรงกระทำการนี้ไม่>> > <<เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นประชาชาติที่ไม่ยอมฟังคำปรึกษา ในพวกเขาไม่มีความเข้าใจ ถ้าเขาฉลาดแล้วเขาจะเข้าใจเรื่องนี้และทราบเรื่องสุดท้ายปลายมือ คนเดียวจะไล่พันคนอย่างไรได้ สองคนจะทำให้หมื่นคนหนีได้อย่างไร นอกจากพระศิลาของเขาได้ขายเขาเสียแล้ว และพระเจ้าได้ทรงทอดทิ้งเขาเสีย เพราะพระศิลาของเขาไม่เหมือนพระศิลาของเรา แม้ศัตรูของเราก็ตัดสินอย่างนั้น เพราะว่าเถาองุ่นของเขามาจากเถามะแว้งเครือ มาจากไร่เมืองโกโมราห์ ผลองุ่นของเขาเป็นดีหมี และองุ่นที่เป็นพวงๆ ก็ขมขื่น เหล้าองุ่นของเขาเป็นพิษของงู เป็นพิษร้ายแรงของงูเห่า <<เรื่องนี้มิได้สะสมไว้กับเราดอกหรือ ประทับตราไว้ในคลังของเรา การแก้แค้นและการตอบสนองเป็นของเรา รอเวลาเมื่อเท้าของเขาจะลื่นพลาด เพราะว่าวันหายนะของเขามาใกล้แล้ว และกรรมจะมาถึงเขาโดยเร็วพลัน เพราะพระเจ้าจะทรงพิพากษาประชากรของพระองค์ และทรงเมตตาปรานีต่อผู้รับใช้ของพระองค์ เมื่อทอดพระเนตรกำลังของเขาสิ้นลง ไม่มีใครเหลือแล้ว ไม่ว่าทาสหรือไท แล้วพระองค์จะตรัสว่า <พระของเขาอยู่ที่ไหน ศิลาที่เขาพึ่งพานั้นอยู่ที่ไหนเล่า> คือผู้ที่รับประทานไขมันของเครื่องสัตวบูชาของเขา และดื่มเหล้าที่เป็นเครื่องดื่มบูชาของเขา ให้บรรดาพระเหล่านั้นลุกขึ้นช่วยเจ้า ให้พระเหล่านั้นเป็นผู้ป้องกันเจ้าซิ << <จงดูเถิด ตัวเรา คือเรานี่แหละเป็นผู้นั้น นอกจากเราไม่มีพระเจ้าอื่นใด เราฆ่าให้ตายและเราก็ให้มีชีวิตอยู่ เราทำให้บาดเจ็บ และเราก็รักษาให้หาย ไม่มีผู้ใดจะช่วยให้พ้นมือเราได้ เพราะเราชูมือขึ้นถึงสวรรค์ และปฏิญาณว่า ดังที่เราดำรงอยู่เป็นนิตย์ ถ้าเราลับดาบอันวาววับของเรา และมือของเรายึดการพิพากษาไว้ เราจะแก้แค้นศัตรูของเรา และตอบแทนผู้ที่เกลียดเรา เราจะให้ลูกธนูของเราเมาโลหิต และดาบของเราจะกินเนื้อหนัง ด้วยโลหิตของผู้ที่ถูกฆ่าและของเชลย จากศีรษะเจ้านายศัตรู> <<โอ ประชาชาติทั้งหลาย จงสรรเสริญประชากรของพระองค์ เพราะพระองค์จะแก้แค้นโลหิตแห่งผู้รับใช้ ของพระองค์แล้ว และจะทรงทำการแก้แค้นศัตรูของพระองค์ และจะทรงทำการลบมลทินแผ่นดินแห่ง ประชากรของพระองค์>> โมเสสได้มาเล่าถ้อยคำของเพลงบทนี้ให้ประชาชนฟัง ทั้งตัวท่านพร้อมกับโยชูวาบุตรนูน และเมื่อโมเสสเล่าคำเหล่านี้แก่คนอิสราเอลจบแล้ว ท่านก็กล่าวแก่เขาว่า <<จงใส่ใจในถ้อยคำซึ่งข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านในวันนี้ เพื่อท่านจะได้บัญชาแก่ลูกหลานของท่าน เพื่อเขาจะได้ระวังที่จะกระทำตามถ้อยคำ แห่งธรรมบัญญัตินี้ทั้งสิ้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยสำหรับท่านทั้งหลาย แต่เป็นเรื่องชีวิตของท่านทั้งหลาย และเรื่องนี้จะกระทำให้ท่านทั้งหลายมีชีวิตยืนนานในแผ่นดิน ซึ่งท่านทั้งหลายกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยึดครองนั้น>> และพระเจ้าตรัสกับโมเสสในวันนั้นเองว่า <<จงขึ้นไปบนภูเขาอาบาริมถึงยอดเขาเนโบ ซึ่งอยู่ในแผ่นดินโมอับตรงข้ามเมืองเยรีโค และดูแผ่นดินคานาอันซึ่งเราให้แก่ประชาชน อิสราเอลเป็นกรรมสิทธิ์ และสิ้นชีวิตเสียบนภูเขา ซึ่งเจ้าขึ้นไปนั้น และถูกรวบไปอยู่กับญาติพี่น้องของเจ้า ดังอาโรนพี่ชายของเจ้าได้สิ้นชีวิตที่ภูเขาโฮร์ และถูกรวบไปอยู่กับประชาชนของเขา เพราะเจ้าทั้งสองได้ละเมิดต่อเราท่ามกลางคนอิสราเอลที่น้ำเมรีบาห์แห่งคาเดช ในถิ่นทุรกันดาร เพราะเจ้ามิได้เคารพเราว่าบริสุทธิ์ในหมู่คนอิสราเอล เพราะเจ้าจะได้เห็นแผ่นดินซึ่งอยู่ต่อหน้าเจ้า แต่เจ้าไม่ได้เข้าไปในแผ่นดิน ซึ่งเราให้แก่คนอิสราเอล>>
เฉลยธรรมบัญญัติ 32:19-52 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเห็นเช่นนี้และทรงละทิ้งเขา เพราะว่าบุตรชายบุตรสาวของพระองค์ทำให้พระองค์ทรงพระพิโรธ พระองค์ตรัสว่า “เราจะซ่อนหน้าจากพวกเขา และดูว่าบั้นปลายของเขาจะเป็นเช่นใด เพราะเขาเป็นคนรุ่นที่นอกลู่นอกรอย ลูกหลานผู้ไม่ซื่อสัตย์ เขาทำให้เราอิจฉาสิ่งที่ไม่ใช่พระ และยั่วโทสะเราด้วยรูปเคารพอันไร้ค่า เราจะทำให้เขาอิจฉาผู้ที่ไม่ใช่ชนชาติ เราจะยั่วโทสะเขาด้วยประชาชาติที่ไม่มีความเข้าใจ เพราะโทสะของเราจุดเปลวไฟ ซึ่งเผาถึงก้นบึ้งของแดนมรณา ไฟนั้นจะเผาผลาญโลกและพืชผลทั้งปวง และบันดาลให้ภูเขาทั้งหลายลุกเป็นไฟ “เราจะสุมหายนะลงเหนือพวกเขา และยิงธนูเข้าใส่พวกเขา เราจะส่งการกันดารอาหารมาต่อสู้พวกเขา ส่งโรคระบาดอันล้างผลาญและภัยพิบัติร้ายแรงมาเล่นงานพวกเขา เราจะส่งเขี้ยวเล็บของสัตว์ป่ามาทำร้ายพวกเขา ส่งพิษของงูร้ายซึ่งเลื้อยมาในผงคลี ตามท้องถนนมีคมดาบปลิดชีวิตลูกหลานของพวกเขา ภายในบ้านมีความหวาดหวั่นพรั่นพรึง ชายหนุ่มและหญิงสาวจะพินาศ ทั้งทารกและคนสูงอายุ เราพูดแล้วว่าเราจะกระจายพวกเขาออกไป และลบพวกเขาให้เลือนหายไปจากความทรงจำของมนุษยชาติ แต่เราหวั่นคำถากถางของศัตรู เกรงว่าปฏิปักษ์จะเข้าใจผิด และพูดว่า ‘มือของเราพิชิตชัยชนะ องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงทำอะไรเลย’ ” พวกเขาเป็นชนชาติที่ไร้ความคิด ขาดความฉลาดหลักแหลม ถ้าเพียงแต่พวกเขาฉลาดและเข้าใจ และมองออกว่าบั้นปลายของตนจะเป็นเช่นใด! คนคนเดียวจะไล่คนเป็นพันได้อย่างไร? หรือสองคนทำให้คนเป็นหมื่นหนีเตลิดได้อย่างไร? ถ้าไม่ใช่เพราะพระศิลาของพวกเขาได้ขายพวกเขาเสียแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบพวกเขาไว้แล้ว เพราะศิลาของชนชาติอื่นๆ ไม่เหมือนพระศิลาของเรา แม้ศัตรูของเราก็ยอมรับเช่นนั้น เทือกเถาของพวกเขามาจากเทือกเถาแห่งโสโดม และจากท้องทุ่งแห่งโกโมราห์ ผลองุ่นของพวกเขาเต็มไปด้วยยาพิษ พวงองุ่นของพวกเขามีแต่ความขมขื่น เหล้าองุ่นของพวกเขาคือพิษงูร้าย เป็นพิษร้ายของงูเห่า “เราเก็บงำเรื่องนี้ และประทับตราเก็บไว้ในคลังของเราไม่ใช่หรือ? การแก้แค้นเป็นหน้าที่ของเราเอง เราจะคืนสนอง เมื่อถึงเวลาเท้าของพวกเขาจะลื่นไถล วันแห่งหายนะของพวกเขาใกล้เข้ามาแล้ว และความย่อยยับจะถาโถมเข้าใส่พวกเขา” องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพิพากษาประชากรของพระองค์ และทรงสงสารเอ็นดูผู้รับใช้ของพระองค์ เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นพละกำลังของพวกเขาเสื่อมลง และไม่มีใครหลงเหลืออยู่ ไม่ว่าทาสหรือไท พระองค์จะตรัสว่า “พระทั้งหลายของพวกเขาไปไหนเสียเล่า ศิลาที่พวกเขาลี้ภัยไปไหนเสียแล้ว ไหนล่ะพระที่กินไขมันของเครื่องบูชา และดื่มเหล้าองุ่นของเครื่องดื่มบูชาของพวกเขา? ให้พระเหล่านั้นลุกขึ้นมาช่วยพวกเจ้าสิ! ให้พระเหล่านั้นมาให้ที่พักพิงแก่พวกเจ้าสิ! “จงดูเถิด เราเองนี่แหละคือผู้นั้น! ไม่มีพระอื่นใดนอกจากเรา เราทำให้ตายและเราให้ชีวิต เราทำให้บาดเจ็บและเราจะรักษาให้หาย และไม่มีผู้ใดช่วยให้พ้นมือของเราไปได้ เราชูมือขึ้นฟ้าและประกาศว่า เราดำรงอยู่นิรันดร์ฉันใด เมื่อเราลับดาบอันวาววับของเรา และเมื่อเรากุมการพิพากษาไว้ในมือ เราจะแก้แค้นศัตรูของเรา และตอบแทนผู้ที่เกลียดชังเราฉันนั้น เราจะทำให้ลูกศรของเราดื่มเลือดจนเมามาย ส่วนดาบของเราจะกินเนื้อ คือเลือดเนื้อของผู้ถูกสังหารและเชลย ศีรษะของบรรดาผู้นำของศัตรู” ประชาชาติทั้งหลายเอ๋ย จงชื่นชมยินดีร่วมกับประชากรของพระองค์เถิด เพราะพระองค์จะทรงแก้แค้นให้แก่โลหิตของผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์จะล้างแค้นศัตรูของพระองค์ และลบมลทินบาปให้แก่ดินแดนและประชากรของพระองค์ โมเสสมากับโยชูวาบุตรนูน กล่าวเนื้อเพลงทั้งบทนี้ให้ประชาชนฟัง เมื่อโมเสสท่องข้อความให้อิสราเอลทั้งปวงฟังจบแล้ว ก็กล่าวแก่พวกเขาว่า “จงจำใส่ใจทุกถ้อยคำที่ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่ท่านอย่างหนักแน่นในวันนี้ เพื่อท่านจะกำชับบุตรหลานให้ใส่ใจปฏิบัติตามทุกถ้อยคำในบทบัญญัตินี้ บทบัญญัตินี้ไม่ได้เป็นเพียงถ้อยคำที่พูดไปเปล่าๆ แต่เป็นชีวิตของท่าน โดยบทบัญญัตินี้ท่านจะมีชีวิตอยู่ยาวนานในดินแดนซึ่งท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปครอบครอง” ในวันเดียวกันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงขึ้นไปบนภูเขาเนโบในเทือกเขาอาบาริม ในโมอับตรงข้ามเมืองเยรีโค และมองดูคานาอัน ดินแดนซึ่งเรายกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ชนอิสราเอล บนภูเขาที่เจ้าขึ้นไปนั้น เจ้าจะตายไปอยู่ร่วมกับญาติพี่น้องของเจ้า เช่นเดียวกับอาโรนพี่ชายของเจ้าซึ่งตายที่ภูเขาโฮร์และถูกรวบไปอยู่กับญาติพี่น้องของเขา เพราะเจ้าทั้งสองไม่ได้ให้เกียรติเราต่อหน้าชนอิสราเอลที่สายน้ำแห่งเมรีบาห์คาเดชในถิ่นกันดารศิน และไม่ได้เชิดชูความบริสุทธิ์ของเราในหมู่ชนอิสราเอล ฉะนั้นเจ้าจะเห็นดินแดนนั้นแต่ไกล เจ้าจะไม่ได้เข้าไปในดินแดนซึ่งเราจะยกให้ประชากรอิสราเอล”
เฉลยธรรมบัญญัติ 32:19-52 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
พระผู้เป็นเจ้าเห็นการกระทำเช่นนั้น พระองค์โกรธและปฏิเสธบรรดาบุตรชายบุตรหญิงของพระองค์ และพระองค์กล่าวว่า ‘เราจะซ่อนหน้าจากพวกเขา เราจะดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขาในที่สุด เพราะพวกเขาเป็นคนในยุคที่บิดเบือน เป็นบุตรที่ไม่ภักดี พวกเขาได้ปลุกให้เราเกิดหวงแหนด้วยสิ่งที่ไม่ใช่เทพเจ้า พวกเขาทำให้เราโกรธด้วยรูปเคารพซึ่งไร้ค่าของเขา ฉะนั้นเราจะกระตุ้นให้พวกเขาอิจฉาบรรดาผู้ที่ไม่ได้เป็นชนชาติ เราจะทำให้พวกเขาโกรธด้วยประชาชาติที่โง่เขลา เพราะเพลิงไฟลุกขึ้นจากความโกรธของเรา และมันเผาไหม้ถึงก้นบึ้งของแดนคนตาย เผาผลาญแผ่นดินโลกกับพืชผล และทำให้ฐานรากของภูเขาลุกโพลง เราจะสุมความวิบัติไว้กับพวกเขา และเราจะยิงลูกธนูใส่เขา ชีวิตของเขาจะดับลงด้วยความหิวโหย และถูกกลืนกินด้วยความร้อนดั่งเพลิงและโรคระบาดร้ายแรง และเราจะทำให้เขาถูกรังควานด้วยสัตว์ป่า และด้วยพิษของสัตว์เลื้อยคลานที่อยู่บนดิน จะมีการฆ่ารันฟันแทงในที่แจ้ง สิ่งอันน่าสะพรึงกลัวจะเกิดขึ้นในเรือน ทำให้ชายหนุ่มและหญิงสาวล้มตาย รวมทั้งเด็กเล็กและคนชราด้วย เราจะพูดก็ได้ว่า เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปให้ไกล เราจะทำให้มนุษย์ไม่รำลึกถึงพวกเขาอีกต่อไป แต่เราไม่อยากให้ศัตรูคุยโว เกรงว่าปฏิปักษ์จะสำคัญผิดไป และพวกเขาจะพูดว่า “เราได้ชัยชนะด้วยมือของเราเอง พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้เป็นผู้กระทำสิ่งเหล่านี้”’ พวกเขาเป็นประชาชาติหนึ่งที่ขาดคำปรึกษา และไม่มีความหยั่งรู้ ถ้าพวกเขามีสติปัญญาก็จะเข้าใจเรื่องนี้ได้ และก็จะสังเกตได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับเขาในที่สุด คนเดียวจะขับไล่คนเป็นพัน และสองคนทำให้คนเป็นหมื่นเตลิดหนีได้อย่างไร นอกจากว่าศิลาของพวกเขาทอดทิ้งเขาไปแล้ว และพระผู้เป็นเจ้ายอมยกพวกเขาให้แล้ว เพราะศิลาของพวกเขาไม่เป็นเช่นศิลาของพวกเรา แม้แต่พวกศัตรูเองก็ทราบดี เพราะกิ่งก้านของพวกเขาผลิออกมาจากกิ่งก้านของโสโดม และจากทุ่งนาของโกโมราห์ ผลองุ่นของพวกเขาเป็นผลที่มีพิษ เป็นพวงองุ่นขม เหล้าองุ่นของพวกเขาเป็นพิษดั่งพิษงู พิษร้ายของงูเห่า ‘เราไม่ได้เก็บเรื่องนี้ไว้เอง และปิดไว้อย่างมิดชิดดั่งของมีค่าของเราหรอกหรือ การแก้แค้นและการสนองตอบเป็นของเรา เมื่อถึงคราวเท้าของพวกเขาจะพลาดพลั้ง เพราะวันหายนะใกล้จะถึง และเขาจะถูกพิพากษาอย่างฉับพลัน’ เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะพิสูจน์ว่าคนของพระองค์ไม่ผิด และเมตตาต่อบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ เมื่อพระองค์เห็นว่าพลังของพวกเขาหมดสิ้นแล้ว และไม่มีใครเหลืออยู่เลย ไม่ว่าจะเป็นทาสหรืออิสระ พระองค์จะกล่าวว่า ‘เทพเจ้าของพวกเขาอยู่ที่ไหน ศิลาที่เขาพึ่งพิง เทพเจ้าผู้กินเครื่องสักการะที่ดีที่สุดของพวกเขา และดื่มเหล้าองุ่นจากเครื่องดื่มบูชาของเขา ให้เทพเจ้าเหล่านั้นลุกขึ้นมาช่วยพวกเจ้า และปกป้องเจ้าเถิด บัดนี้ จงดูเถิด เรานี่แหละ เราเป็นผู้นั้น และไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเรา เราฆ่า และเราทำให้มีชีวิตอยู่ เราทำให้บาดเจ็บ และเรารักษาให้หาย และไม่มีใครที่สามารถช่วยให้พ้นจากมือของเราได้ เราชูมือของเราขึ้นสู่สวรรค์ และประกาศว่า ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์กาล เมื่อเราลับดาบอันวาววับของเรา และการพิพากษาอยู่ในมือของเรา เราจะลงโทษพวกศัตรูของเรา และจะสนองตอบพวกที่เกลียดชังเรา เราจะทำให้ลูกธนูของเราอาบชุ่มด้วยเลือด และดาบของเราจะกลืนกินเนื้อหนัง พร้อมกับเลือดของคนถูกเชือดและเชลย จากหัวของศัตรูซึ่งมีผมยาว’ บรรดาประชาชาติเอ๋ย จงยินดีกับชนชาติของพระองค์เถิด เพราะพระองค์จะแก้แค้นเลือดของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์จะลงโทษศัตรูของพระองค์ และลบล้างบาปให้แผ่นดินและชนชาติของพระองค์” แล้วโมเสสก็มากล่าวคำในบทเพลงทั้งหมดให้ประชาชนได้ยิน ทั้งตัวท่านกับโยชูวาบุตรของนูน เมื่อโมเสสกล่าวแก่ชาวอิสราเอลจบแล้ว ท่านกล่าวแก่พวกเขาต่อไปว่า “จงใส่ใจในคำพูดที่เรากำชับพวกท่านในวันนี้ เพื่อท่านจะได้สั่งลูกๆ ของท่านให้กระทำตามคำกล่าวในกฎบัญญัตินี้อย่างระมัดระวัง เพราะไม่ใช่เรื่องพูดเล่น แต่เป็นชีวิตของพวกท่าน ท่านจะมีชีวิตยืนยาวในแผ่นดินที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเพื่อยึดครองก็ด้วยการกระทำตามคำสั่งดังกล่าว” ในวันเดียวกันนั้นเอง พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงขึ้นไปที่เทือกเขาอาบาริมนี้ ไปยังภูเขาเนโบซึ่งอยู่ในแผ่นดินโมอับ ตรงข้ามกับเมืองเยรีโค แล้วมองดูแผ่นดินคานาอันที่เรามอบให้ชาวอิสราเอลเป็นเจ้าของ และสิ้นลมบนภูเขาที่เจ้าขึ้นไป เจ้าจะถูกนำไปรวมอยู่กับชนชาติของเจ้าที่ล่วงลับไปแล้ว อย่างที่อาโรนพี่ชายของเจ้าสิ้นชีวิตที่ภูเขาโฮร์และถูกนำไปรวมอยู่กับชนชาติของเขาที่ล่วงลับไปแล้ว เพราะเจ้าไม่ภักดีต่อเราท่ามกลางชาวอิสราเอลที่แหล่งน้ำเมรีบาห์-คาเดช ในถิ่นทุรกันดารศิน เพราะเจ้าไม่แสดงความเคารพต่อเราท่ามกลางชาวอิสราเอลว่าเราบริสุทธิ์ เจ้าจะเห็นแผ่นดินอยู่เบื้องหน้าเจ้า แต่จะไม่ได้ก้าวเท้าเข้าไปยังแผ่นดินที่เรามอบให้แก่ชาวอิสราเอล”