เฉลยธรรมบัญญัติ 21:10-23
เฉลยธรรมบัญญัติ 21:10-23 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
เมื่อท่านไปทำสงครามกับศัตรู และพระยาห์เวห์ได้มอบพวกเขาไว้ในมือของท่าน และท่านจับเชลยมา และในหมู่เชลยนั้น ท่านเห็นผู้หญิงสวยคนหนึ่ง และท่านหลงใหลนางและต้องการเอานางมาเป็นเมีย ท่านได้พานางมาที่บ้าน นางต้องโกนหัวและตัดเล็บ ทิ้งเสื้อผ้าชุดเชลยที่นางใส่นั้นและอยู่ในบ้านของท่าน นางต้องร้องไห้ให้กับพ่อและแม่ของนางเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม หลังจากนั้นท่านถึงจะมีเพศสัมพันธ์กับนางได้ และท่านจะเป็นสามีของนางและนางจะเป็นภรรยาของท่าน แต่ถ้าเกิดว่าท่านเบื่อนางแล้ว ท่านต้องหย่ากับนางและปล่อยให้นางไปที่ไหนก็ได้ที่นางอยากจะไป ท่านจะขายนางแลกกับเงินไม่ได้ ท่านจะทำกับนางเหมือนสินค้าไม่ได้ เพราะท่านได้ทำให้นางอับอายขายหน้า ถ้าชายคนหนึ่งมีเมียสองคน และเขารักคนหนึ่งและไม่ชอบอีกคนหนึ่ง และเมียทั้งสอง คือทั้งคนที่เขารักและคนที่เขาไม่ชอบ คลอดลูกชายให้เขา และลูกชายคนแรกเป็นของเมียคนที่เขาเกลียด ในวันที่เขาแบ่งสมบัติให้กับลูกชายของเขานั้น เขาจะลำเอียงทำกับลูกของเมียที่เขารัก เหมือนกับลูกของเมียที่เขาไม่ชอบ ซึ่งเป็นลูกหัวปีไม่ได้ แต่เขาจะต้องยอมรับลูกชายหัวปี ลูกของเมียที่เขาไม่ชอบ และให้ส่วนแบ่งกับลูกหัวปีสองเท่าของสมบัติที่เขาให้กับลูกชายคนอื่นๆ เพราะเป็นลูกชายคนแรกของเขา ดังนั้นสิทธิของลูกชายหัวปีจึงตกเป็นของเขา ถ้าบางคนมีลูกชายที่ดื้อรั้นและพยศ ไม่ยอมเชื่อฟังพ่อแม่ ถึงแม้จะถูกพ่อแม่ลงโทษแล้วก็ยังไม่ยอมเชื่อฟัง พ่อแม่ต้องจับเขาไปพบผู้นำของเมืองนั้นที่ประตูเมือง พ่อแม่ต้องบอกผู้นำของเมืองนั้นว่า ‘ลูกชายของเราคนนี้ดื้อรั้นและพยศ ไม่ยอมเชื่อฟังเรา เขากินเติบและขี้เมา’ แล้วชายทุกคนในเมืองนั้นต้องเอาหินขว้างเขาให้ตาย เมื่อท่านทำอย่างนี้ ท่านก็ได้ขจัดคนชั่วช้าออกไปจากท่ามกลางท่าน คนอิสราเอลจะได้ยินเรื่องนี้กันหมด และเกิดความกลัว เมื่อคนหนึ่งทำผิดบาปถึงขั้นรับโทษถึงตาย หลังจากที่เขาถูกฆ่าแล้ว ท่านก็เอาเขาไปแขวนบนต้นไม้ ท่านต้องไม่ปล่อยให้ร่างนั้นค้างอยู่บนต้นไม้ข้ามคืน แต่ท่านต้องฝังเขาในวันนั้น เพราะคนที่ถูกแขวนอยู่บนต้นไม้นั้นถูกพระเจ้าสาปแช่ง ท่านต้องไม่ทำให้แผ่นดินของท่านไม่บริสุทธิ์ แผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้กับท่านเป็นมรดก
เฉลยธรรมบัญญัติ 21:10-23 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
“เมื่อท่านออกไปทำสงครามกับพวกศัตรูของท่าน และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของท่านแล้ว และท่านจับเขามาเป็นเชลย และท่านเห็นผู้หญิงคนหนึ่งรูปร่างงดงามในหมู่เชลยนั้น และปรารถนาจะได้มาเป็นภรรยาของท่าน ท่านจงพานางมาไว้ที่บ้านของท่าน ให้นางโกนศีรษะและตัดเล็บมือเสีย และให้นางถอดเครื่องแต่งกายอย่างเชลยออก และให้อยู่ในบ้านของท่าน ให้ไว้ทุกข์ถึงบิดามารดาของนางหนึ่งเดือนเต็ม หลังจากนั้นท่านจึงจะเข้าไปหานางและเป็นสามีของนางได้ และให้นางเป็นภรรยาของท่าน ภายหลังถ้าท่านไม่พอใจนางนั้น จงปล่อยนางไปตามแต่นางจะพอใจไปไหน ห้ามขายนางเอาเงิน ห้ามทำกับนางเยี่ยงทาส เพราะท่านทำให้นางได้อายแล้ว “ถ้าชายคนหนึ่งมีภรรยาสองคน รักคนหนึ่ง ไม่ชอบอีกคนหนึ่ง ภรรยาทั้งสองคือ ทั้งคนที่รักและคนที่ไม่ชอบก็มีบุตรด้วยกัน และบุตรหัวปีเป็นบุตรของภรรยาคนที่ตนไม่ชอบ เมื่อถึงวันแบ่งทรัพย์สินให้แก่บุตรเป็นมรดกนั้น ห้ามเขาทำต่อบุตรของภรรยาคนที่ตนรักนั้นเหมือนเป็นบุตรหัวปี แทนบุตรของภรรยาที่ตนไม่ชอบซึ่งเป็นบุตรหัวปี แต่เขาต้องยอมรับบุตรหัวปีคือบุตรของภรรยาคนที่ตนไม่ชอบ โดยแบ่งทุกสิ่งที่มีให้แก่บุตรหัวปีสองเท่า เพราะว่าคนนี้เป็นต้นกำลังของบิดา สิทธิของบุตรหัวปีเป็นของเขา “ถ้าชายคนใดมีบุตรที่ดื้อและไม่อยู่ในโอวาท ไม่เชื่อฟังเสียงของบิดาของตนหรือเสียงของมารดาของตน แม้ว่าบิดามารดาจะได้ตีสอน เขาก็ไม่ยอมฟัง ให้บิดามารดาจับตัวเขาออกมาหาพวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้น ณ ประตูเมืองของเขา และพูดกับพวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้นว่า ‘บุตรชายของเราคนนี้เป็นคนดื้อและไม่อยู่ในโอวาท ไม่เชื่อฟังเสียงเรา เป็นคนตะกละและขี้เมา’ แล้วผู้ชายทุกคนในเมืองนั้นจะเอาหินขว้างเขาให้ตาย ดังนั้นท่านจะได้กำจัดความชั่วเสียจากท่ามกลางท่าน คนอิสราเอลทั้งสิ้นจะได้ยินและเกรงกลัว “ถ้าคนใดทำความผิดซึ่งมีโทษถึงตาย และเขาถูกประหารชีวิต และท่านแขวนเขาไว้ที่ต้นไม้ ห้ามปล่อยให้ศพของเขาค้างอยู่ที่ต้นไม้ ท่านจงฝังเขาเสียในวันเดียวกันนั้น เพราะผู้ที่ต้องถูกแขวนไว้บนต้นไม้ก็ถูกสาปแช่งโดยพระเจ้า ท่านอย่าทำให้แผ่นดินของท่านซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านเป็นมรดกนั้นเป็นมลทิน
เฉลยธรรมบัญญัติ 21:10-23 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
เมื่อท่านออกไปสู้รบกับศัตรูของท่าน และพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงมอบเขาไว้ในมือของท่านแล้ว และท่านจับเขามาเป็นเชลย และท่านเห็นหญิงงามคนหนึ่งในหมู่เชลยนั้น และปรารถนาอยากได้มาเป็นภรรยาของท่าน ท่านจงพาหญิงมาไว้ที่เรือนของท่าน ให้นางโกนศีรษะและตัดเล็บมือเสีย และให้นางเปลื้องเครื่องแต่งกายอย่างเชลยออกและให้อยู่ในเรือนของท่าน ให้ไว้ทุกข์ถึงบิดามารดาของนางหนึ่งเดือนเต็ม หลังจากนั้นท่านจึงจะเข้าไปหานางและเป็นสามีของนางได้ และให้นางเป็นภรรยาของท่าน ภายหลังถ้าท่านไม่พอใจนางนั้นเสียแล้ว จงปล่อยนางไปตามแต่นางจะพอใจไปไหน อย่าขายนางเอาเงิน อย่ากระทำให้นางเป็นสินค้า เพราะท่านได้หยามเกียรตินางแล้ว ถ้าชายคนหนึ่งมีภรรยาสองคน รักคนหนึ่ง ชังอีกคนหนึ่ง ภรรยาทั้งสองคือทั้งคนที่รักและคนที่ชังก็กำเนิดบุตรด้วยกัน และบุตรชายหัวปีเป็นบุตรของภรรยาคนที่ตนชัง เมื่อถึงวันแบ่งทรัพย์สินให้แก่บุตรชายเป็นมรดกนั้น อย่าให้เขากระทำแก่บุตรชายของภรรยาคนที่ตนรักนั้นอย่างกับเป็นบุตรหัวปี แทนบุตรชายของภรรยาที่ตนชัง ซึ่งเป็นบุตรหัวปี แต่เขาต้องยอมรับบุตรหัวปีคือบุตรชายของภรรยาคนที่ตนชัง โดยแบ่งข้าวของให้แก่บุตรหัวปีสองเท่า เพราะว่าคนนี้เป็นต้นกำลังของบิดา สิทธิของบุตรหัวปีเป็นของเขา ถ้าชายคนใดมีบุตรชายที่ดื้อและไม่อยู่ในโอวาท ไม่เชื่อฟังเสียงของบิดาของตน หรือเสียงของมารดาของตน แม้ว่าบิดามารดาจะได้ตีสอน เขาก็ไม่ยอมฟัง ให้บิดามารดาจับตัวเขาให้ออกมาหาพวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้น ณ ประตูเมืองที่เขาอาศัยอยู่ และเขาจะพูดกับพวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้นว่า ‘บุตรชายของเราคนนี้เป็นคนดื้อดึงและไม่อยู่ในโอวาท ไม่เชื่อฟังเสียงเรา เป็นคนตะกละและขี้เมา’ แล้วบรรดาผู้ชายในเมืองนั้นจะเอาหินขว้างเขาให้ตาย ดังนั้นท่านจะได้กำจัดความชั่วเสียจากท่ามกลางท่าน คนอิสราเอลทั้งปวงจะได้ยินและยำเกรง ถ้าคนใดได้กระทำความผิดอันมีโทษถึงตาย และเขาถูกประหารชีวิต และแขวนเขาไว้ที่ต้นไม้ อย่าให้ศพค้างอยู่ที่ต้นไม้ข้ามคืน ท่านจงฝังเขาเสียในวันเดียวกันนั้น (ด้วยว่าผู้ที่ต้องถูกแขวนไว้บนต้นไม้ก็ต้องถูกสาปแช่งโดยพระเจ้า) ท่านอย่ากระทำให้แผ่นดินของท่านซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านให้เป็นมรดกนั้นเป็นมลทิน”
เฉลยธรรมบัญญัติ 21:10-23 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
<<เมื่อท่านออกไปสู้รบกับศัตรูของท่าน และพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรง มอบเขาไว้ในมือของท่านแล้ว และท่านจับเขามาเป็นเชลย และท่านเห็นหญิงงามคนหนึ่งในหมู่เชลยนั้น และปรารถนาอยากได้มาเป็นภรรยาของท่าน ท่านจงพาหญิงมาไว้ที่เรือนของท่าน ให้นางโกนศีรษะและตัดเล็บมือเสีย และให้นางเปลื้องเครื่องแต่งกายอย่างเชลยออก และให้อยู่ในเรือนของท่าน ให้ไว้ทุกข์ถึงบิดามารดาของนางหนึ่งเดือนเต็ม หลังจากนั้นท่านจึงจะเข้าไปหานางและเป็นสามีของนางได้ และให้นางเป็นภรรยาของท่าน ภายหลังถ้าท่านไม่พอใจนางนั้นเสียแล้ว จงปล่อยนางไปตามแต่นางจะพอใจไปไหน อย่าขายนางเอาเงิน อย่ากระทำกับนางเยี่ยงทาส เพราะท่านได้กระทำให้นางได้อายแล้ว <<ถ้าชายคนหนึ่งมีภรรยาสองคน รักคนหนึ่ง ไม่ชอบอีกคนหนึ่ง ภรรยาทั้งสองคือทั้ง คนที่รักและคนที่ไม่ชอบก็มีบุตรด้วยกัน และบุตรหัวปีเป็นบุตรของภรรยาคนที่ตนไม่ชอบ เมื่อถึงวันแบ่งทรัพย์สินให้แก่บุตรเป็นมรดกนั้น อย่าให้เขากระทำแก่บุตรของภรรยาคนที่ตนรัก นั้นอย่างกับเป็นบุตรหัวปี แทนบุตรของภรรยาที่ตนไม่ชอบซึ่งเป็นบุตรหัวปี แต่เขาต้องยอมรับบุตรหัวปีคือบุตรของ ภรรยาคนที่ตนไม่ชอบ โดยแบ่งข้าวของให้แก่บุตรหัวปีสองเท่า เพราะว่าคนนี้เป็นต้นกำลังของบิดา สิทธิของบุตรหัวปีเป็นของเขา <<ถ้าชายคนใดมีบุตรที่ดื้อและไม่อยู่ในโอวาท ไม่เชื่อฟังเสียงของบิดาของตนหรือเสียงของมารดาของตน แม้ว่าบิดามารดาจะได้ตีสอน เขาก็ไม่ยอมฟัง ให้บิดามารดาจับตัวเขาให้ออกมาหาพวกผู้ใหญ่ของ เมืองนั้น ณ ประตูเมืองที่เขาอาศัยอยู่ และเขาจะพูดกับพวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้นว่า <บุตรชายของเราคนนี้เป็นคนดื้อดึงและไม่อยู่ในโอวาท ไม่เชื่อฟังเสียงเราเป็นคนตะกละและขี้เมา> แล้วผู้ชายในเมืองนั้นจะเอาหินขว้างเขาให้ตาย ดังนั้นท่านจะได้กำจัดความชั่วเสียจากท่ามกลางท่าน คนอิสราเอลทั้งปวงจะได้ยินและยำเกรง <<ถ้าคนใดได้กระทำความผิดอันมีโทษถึงตาย และเขาถูกประหารชีวิต และแขวนเขาไว้ที่ต้นไม้ อย่าให้ศพค้างอยู่ที่ต้นไม้ข้ามคืน ท่านจงฝังเขาเสียในวันเดียวกันนั้น ด้วยว่าผู้ที่ต้องถูกแขวนไว้บนต้นไม้ ก็ต้องถูกสาปแช่งโดยพระเจ้า ท่านอย่ากระทำให้แผ่นดินของท่านซึ่งพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านให้เป็นมรดกนั้นเป็นมลทิน
เฉลยธรรมบัญญัติ 21:10-23 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
เมื่อท่านออกรบและพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงมอบข้าศึกไว้ในมือของท่าน และท่านจับเขาเป็นเชลย หากท่านเห็นหญิงงามในหมู่เชลยซึ่งท่านชอบและอยากได้ไว้เป็นภรรยา จงพานางมาที่บ้านของท่าน ให้นางโกนผมและตัดเล็บ และเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งสวมอยู่เมื่อถูกจับมาเป็นเชลย ให้นางอยู่ในบ้านของท่าน ไว้ทุกข์แก่บิดามารดาของนางหนึ่งเดือนเต็มๆ หลังจากนั้นท่านจึงรับนางมาเป็นภรรยา หากนางไม่ถูกใจท่าน จงปล่อยนางไปตามทางที่นางต้องการ อย่าขายหรือปฏิบัติกับนางเยี่ยงทาส เพราะท่านได้ทำให้นางอับอายแล้ว หากชายใดมีภรรยาสองคน เขารักคนหนึ่งและไม่รักอีกคนหนึ่ง และทั้งสองให้กำเนิดบุตรชายแก่เขา แต่บุตรหัวปีเป็นบุตรของภรรยาที่เขาไม่รัก เมื่อเขาแบ่งทรัพย์สินให้บุตรชายของเขา เขาจะต้องไม่ให้สิทธิบุตรหัวปีแก่บุตรชายที่เกิดจากภรรยาที่เขารักแทนบุตรชายหัวปีจริงๆ ที่เกิดจากภรรยาที่เขาไม่รัก เขาต้องยอมรับบุตรของภรรยาที่เขาไม่รักเป็นบุตรหัวปีโดยยกทรัพย์สินให้แก่บุตรหัวปีเป็นสองเท่า บุตรนี้เป็นเครื่องหมายแรกแห่งกำลังของบิดาของเขา สิทธิบุตรหัวปีเป็นของเขา หากคนใดมีบุตรชายที่ดื้อดึงหัวแข็ง ไม่อยู่ในโอวาทไม่ยอมเชื่อฟังบิดามารดา แม้ถูกตีสั่งสอนก็แล้ว ให้บิดามารดานำตัวบุตรนั้นมาพบผู้อาวุโสของเมืองนั้นที่ประตูเมือง เขาจะแจ้งผู้อาวุโสว่า “ลูกคนนี้ดื้อรั้นหัวแข็ง ไม่เชื่อฟัง ชอบสำมะเลเทเมา” แล้วชาวเมืองนั้นจะเอาหินขว้างเขาให้ตาย ท่านต้องขจัดความชั่วร้ายออกไปจากหมู่พวกท่าน ชนอิสราเอลทั้งปวงจะได้ยินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเกรงกลัว ผู้ใดทำความผิดที่มีโทษถึงตาย เมื่อถูกประหารแขวนศพไว้บนต้นไม้ อย่าปล่อยให้ศพค้างอยู่บนต้นไม้ข้ามคืน จงฝังในวันนั้น เพราะคนที่ถูกแขวนไว้ที่ต้นไม้นั้นถูกพระเจ้าสาปแช่ง อย่าทำให้แผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านเป็นกรรมสิทธิ์นั้นเป็นมลทิน
เฉลยธรรมบัญญัติ 21:10-23 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
เมื่อท่านทำศึกสงครามกับศัตรู และพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบพวกเขาไว้ในมือท่าน แล้วท่านจับตัวพวกเขาไว้ เมื่อท่านเห็นหญิงงามในหมู่เชลย ท่านต้องการตัวนางไว้เป็นภรรยาของท่าน ท่านจงพานางไปที่บ้านของท่าน เพื่อให้นางโกนศีรษะและตัดเล็บเสีย นางจะเปลี่ยนเสื้อผ้าและอยู่ที่บ้านท่าน นางจะร้องคร่ำครวญถึงพ่อแม่ของนางเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม หลังจากนั้นท่านจึงรับนางไว้เป็นภรรยา อยู่กินกับนางฉันสามีภรรยาได้ ต่อมาถ้านางไม่เป็นที่พอใจของท่านอีกแล้ว ท่านจงปล่อยนางไปตามความต้องการของนาง แต่ท่านจะขายนางเป็นเงินไม่ได้ คือจะปฏิบัติต่อนางในฐานะทาสไม่ได้ ในเมื่อท่านได้ล่วงเกินนางเสียแล้ว ถ้าชายคนหนึ่งมีภรรยา 2 คน เขารักคนหนึ่ง และชังอีกคนหนึ่ง ทั้งสองคนมีบุตรด้วยกันกับเขา และถ้าบุตรชายหัวปีเกิดจากหญิงที่เขาชัง เมื่อถึงวันที่เขามอบสมบัติเป็นมรดกให้แก่บุตรของเขา อย่าให้เขากระทำต่อบุตรที่เกิดจากหญิงที่เขารักประหนึ่งบุตรชายหัวปีเพราะรักมากกว่าบุตรที่เกิดจากหญิงที่เขาชังซึ่งเป็นบุตรหัวปีของเขา แต่เขาจงยอมรับบุตรซึ่งเกิดจากหญิงที่เขาชัง ว่าเป็นบุตรหัวปีโดยยกส่วนแบ่งจากทุกสิ่งที่มีให้แก่เขาเป็นสองเท่า เพราะเขาเป็นสิ่งแรกที่แสดงถึงพละกำลังของบิดา สิทธิของบุตรหัวปีเป็นของเขา ถ้าชายใดมีบุตรที่ดื้อรั้นและชอบขัดขืนโดยไม่เชื่อฟังบิดามารดา แม้ว่าเขาจะถูกลงโทษ แต่ก็ยังไม่ยอมฟังบุคคลทั้งสอง แล้วบิดามารดาต้องจับตัวเขาไปให้บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของเมือง ณ ที่ประตูเมืองที่เขาอาศัยอยู่ เขาทั้งสองจะพูดกับบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของเมืองว่า ‘บุตรชายของเราคนนี้ดื้อรั้นและชอบขัดขืน เขาไม่ยอมเชื่อฟังเรา ทั้งกินเติบและขี้เมา’ ครั้นแล้วชายทั้งปวงในเมืองนั้นจะใช้ก้อนหินขว้างเขาจนตาย ดังนั้นท่านจงกำจัดคนชั่วร้ายออกไปจากพวกท่านเถิด และชาวอิสราเอลทั้งปวงจะได้ยินเรื่องราวและพากันเกรงกลัว ถ้าผู้ใดกระทำผิดสมควรแก่ความตาย เขาก็จะรับโทษถึงตายโดยถูกแขวนไว้บนต้นไม้ อย่าทิ้งร่างของเขาให้ค้างต้นไม้ข้ามคืน แต่จงฝังร่างเขาภายในวันนั้น เพราะพระเจ้าแช่งสาปคนที่ถูกแขวนไว้ ท่านจงอย่าทำให้แผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้แก่ท่านเป็นมรดกมีมลทิน