เฉลยธรรมบัญญัติ 1:1-38

เฉลยธรรมบัญญัติ 1:1-38 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

นี่​คือ​คำพูด​ที่​โมเสส​พูด​กับ​ประชาชน​ชาว​อิสราเอล​ทั้งหมด ตอน​ที่​พวกเขา​อยู่​ที่​หุบเขา​จอร์แดน ใน​ที่​เปล่าเปลี่ยว​แห้งแล้ง​ที่​อยู่​ทาง​ฝั่ง​ตะวันออก​ของ​แม่น้ำ​จอร์แดน ตรง​ข้าม​กับ​เมือง​สูฟ และ​อยู่​ระหว่าง​ที่​เปล่าเปลี่ยว​แห้งแล้ง​ปาราน​กับ​เมือง​พวก​นี้​คือ​โทเฟล ลาบัน ฮาเซโรท​และ​ดีซาหับ การ​เดิน​ทาง​จาก​ภูเขา​ซีนาย ไป​ถึง​คาเดช-บารเนีย ผ่าน​ทาง​ภูเขา​เสอีร์ ใช้​เวลา​เพียง​แค่​สิบเอ็ด​วัน​เท่านั้น ใน​วัน​ที่​หนึ่ง​ของ​เดือน​ที่​สิบเอ็ด ใน​ปี​ที่​สี่สิบ โมเสส​ได้​บอก​กับ​ชาว​อิสราเอล​ทุกสิ่ง​ทุกอย่าง​ที่​เกี่ยวกับ​พวกเขา​ตาม​ที่​พระยาห์เวห์​สั่ง เรื่องนี้​เกิด​ขึ้น​หลังจาก​ที่​โมเสส​ได้​รบ​ชนะ​กษัตริย์​สิโหน​ของ​ชาว​อาโมไรต์​ซึ่ง​ปกครอง​เมือง​เฮชโบน และ​กษัตริย์​โอก​ของ​เมือง​บาชาน​ซึ่ง​ปกครอง​อัชทาโรท​ใน​เอเดรอี โมเสส​เริ่ม​อธิบาย​กฎ นี้​ให้​กับ​ชาว​อิสราเอล ตอน​ที่​พวกเขา​อยู่​ทาง​ฝั่ง​ตะวันออก​ของ​แม่น้ำ​จอร์แดน​ใน​ดินแดน​ของ​ชาว​โมอับ โมเสส​พูด​ว่า “ที่​ภูเขา​ซีนาย พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​พวกเรา​บอก​พวกเรา​ว่า ‘พวกเจ้า​อยู่​ที่​ภูเขานี้​มา​นาน​พอ​แล้ว ให้​เตรียม​ตัว​และ​มุ่งหน้า​เดิน​ไป​ยัง​เนินเขา​ที่​พวก​อาโมไรต์ อยู่ และ​ดินแดน​แถบนั้น​ทั้งหมด​ที่​เป็น​เพื่อน​บ้าน​ของ​เขา ทั้ง​ใน​หุบเขา​จอร์แดน แถบ​เนินเขา แถบ​ที่​ลุ่ม​เชิงเขา​ด้าน​ตะวันตก และ​ใน​เนเกบ รวม​ทั้ง​ชาย​ฝั่ง​ทะเล​เมดิเตอร์เรเนียน เข้า​ไป​ยัง​ดินแดน​ของ​ชาว​คานาอัน แคว้น​เลบานอน ตลอด​ไป​จน​ถึง​แม่น้ำ​ใหญ่​คือ​แม่น้ำ​ยูเฟรติส ดูสิ เรา​ได้​ยก​ดินแดน​นั้น​ให้​กับ​พวกเจ้า​แล้ว เข้า​ไป​ยึด​เอาซะ เป็น​ดินแดน​ที่​พระยาห์เวห์​ได้​สาบาน​ไว้​ว่า​จะ​ยก​ให้​กับ​บรรพบุรุษ​ของ​พวกเจ้า คือ​อับราฮัม อิสอัค​และ​ยาโคบ รวมทั้ง​ลูกหลาน​ของ​พวกเขา​ด้วย’ แล้ว​โมเสส​ก็​พูด​ว่า ใน​เวลานั้น เรา​ได้​บอก​กับ​พวกท่าน​ว่า ‘ลำพัง​ตัว​เรา​คน​เดียว​ไม่​สามารถ​ดูแล​พวกท่าน​ได้​ทั้งหมด​หรอก พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​พวกท่าน​ได้​เพิ่ม​จำนวน​พวกท่าน​ขึ้น​อย่าง​มากมาย​มหาศาล ตอนนี้​พวก​ท่าน​ก็​มี​จำนวน​มาก​พอๆ​กับ​ดวง​ดาว​บน​ท้องฟ้า​แล้ว ขอ​ให้​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​บรรพบุรุษ​พวกท่าน เพิ่ม​จำนวน​พวกท่าน​ขึ้น​อีก​พันเท่า และ​ขอ​ให้​พระองค์​อวยพร​พวกท่าน​เหมือน​กับ​ที่​พระองค์​ได้​สัญญา​ไว้ ลำพัง​ตัว​เรา​คน​เดียว​จะ​ไป​แบก​รับ​ภาระ​ต่างๆ​ที่​หนัก​อึ้ง และ​คดีความ​ต่างๆ​ของ​พวก​ท่าน​ไหว​ได้ยังไง ให้​พวกท่าน​แต่​ละ​เผ่า​ไป​เลือก​คน​ของ​ท่าน​ขึ้น​มา​เอง เลือก​คน​ที่​เฉลียว​ฉลาด เต็ม​ไป​ด้วย​ความรู้​ความเข้าใจ และ​ประสบการณ์ แล้ว​เรา​จะ​แต่งตั้ง​พวกเขา​ให้​เป็น​หัวหน้า​พวกท่าน’ และ​พวกท่าน​ก็​ได้​บอก​เรา​ว่า ‘สิ่ง​ที่​ท่าน​บอก​ให้​ทำ​นั้น​ดี​มาก​เลย’ แล้ว​เรา​ได้​เอา​พวก​ผู้นำ​จาก​เผ่า​ต่างๆ​ของ​ท่าน ที่​เต็ม​ไป​ด้วย​ความ​เฉลียว​ฉลาด และ​มี​ประสบการณ์​มา และ​แต่งตั้ง​พวกเขา​ให้​เป็น​ผู้นำ​ของ​พวกท่าน มี​ตั้ง​แต่​ผู้นำ คน​พันคน ร้อย​คน ห้าสิบ​คน และ สิบคน รวมทั้ง​แต่งตั้ง​พวก​เจ้าหน้าที่​ด้วย​ใน​แต่ละ​เผ่า​ของ​ท่าน และ​เรา​ได้​สั่ง​กำชับ​พวก​ผู้พิพากษา​ของ​ท่าน​ด้วย​ว่า ‘ให้​ฟัง​ความ​ของ​ทั้ง​สอง​ฝ่าย​ก่อน แล้ว​ให้​ตัดสิน​อย่าง​ยุติธรรม ไม่ว่า​จะ​เป็น​คน​อิสราเอล​ด้วย​กัน หรือ​คน​อิสราเอล​กับ​คน​ต่าง​ชาติ เวลา​พวก​ท่าน​ตัดสิน ห้าม​ลำเอียง ให้​ฟัง​ทั้ง​คนรวย​และ​คนจน​เหมือน​กัน ไม่​ต้อง​กลัว​ใคร​เลย เพราะ​การ​ตัดสินนั้น​มา​จาก​พระเจ้า และ​ถ้า​เรื่อง​ไหน​ยาก​เกิน​ไป​สำหรับ​ท่าน ให้​เอา​มา​บอก​เรา เรา​จะ​ตัดสิน​เอง’ และ​ใน​ตอนนั้น​เรา​ก็​ได้​สั่ง​พวกท่าน​ไป​แล้ว​ทุกเรื่อง​ที่​พวกท่าน​ควร​ทำ พวกเรา​ได้​ทำ​ตาม​คำสั่ง​ของ​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​พวกเรา พวกเรา​จึง​ออก​เดินทาง​จาก​ภูเขา​ซีนาย ผ่าน​ที่​เปล่าเปลี่ยว​แห้งแล้ง​ที่​ยิ่งใหญ่​และ​น่ากลัว อย่าง​ที่​พวกท่าน​ก็​เห็น​มา​แล้ว ใน​ระหว่าง​ทาง​มุ่ง​เดิน​ไป​ตาม​แถบ​เนินเขา​ที่​ชาว​อาโมไรต์​อยู่ แล้ว​เรา​ก็​มา​ถึง​คาเดช-บารเนีย เรา​ได้​บอก​กับ​พวกท่าน​ว่า ‘พวกท่าน​มา​ถึง​แถบ​เนินเขา​ที่​ชาว​อาโมไรต์​อยู่​แล้ว เป็น​แผ่นดิน​ที่​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​พวกเรา​ยก​ให้​กับ​พวกเรา ดูสิ พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​พวกท่าน​ได้​ตั้ง​แผ่นดินนี้​ไว้​ตรง​หน้า​พวกท่าน​แล้ว พวกท่าน​ขึ้น​ไป​ยึด​เอา​ไว้​เลย เหมือน​กับ​ที่​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​บรรพบุรุษ​พวกท่าน​ได้​บอก​ไว้ ไม่​ต้อง​กลัว อย่า​ท้อถอย’ แล้ว​พวกท่าน​ทั้งหลาย​ได้​มา​หา​เรา พูด​ว่า ‘ให้​พวกเรา​ส่ง​คน​กลุ่มหนึ่ง​ไป​ก่อน ให้​เข้า​ไป​สำรวจ​แผ่นดินนั้น แล้ว​ค่อย​กลับ​ออก​มา​บอก​พวกเรา​ว่า ควร​จะ​ไป​ทาง​ไหน และ​เมือง​ที่​พวกเรา​จะ​เข้าไปนั้น​เป็น​อย่างไร​บ้าง’ เรา​เห็นด้วย​กับ​ความคิดนั้น เรา​จึง​เลือก​สิบสอง​คน​มา​จาก​พวกท่าน เผ่า​ละ​หนึ่ง​คน พวกเขา​ได้​ออก​เดิน​ทาง​ไป​ที่​เนินเขา​แห่งนั้น และ​เข้า​ไป​ที่​หุบเขา​เอชโคล์​แล้ว​ทำการ​สำรวจ ดินแดน​แห่งนั้น พวกเขา​ได้​นำ​ผลไม้​ติด​มือ​ลง​มา​ให้​พวกเรา และ​มา​รายงาน​ให้​ฟัง​ว่า ‘แผ่นดิน​ที่​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​เรา​จะ​ให้​กับ​พวกเรานั้น​ดี​มาก’ แต่​พวกท่าน​ไม่​ยอม​ขึ้น​ไป​ที่นั่น พวกท่าน​จึง​ขัด​คำสั่ง​ของ​ยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​ท่าน และ​เข้า​ไป​บ่น​กัน​ใน​เต็นท์​ของ​ท่าน​ว่า ‘เพราะ​พระยาห์เวห์​เกลียด​พวกเรา พระองค์​ถึง​ได้​นำ​พวกเรา​ออก​จาก​แผ่นดิน​อียิปต์ เพื่อ​ให้​ตก​อยู่​ใน​เงื้อม​มือ​ของ​พวก​อาโมไรต์ และ​ถูก​พวก​มัน​ทำลาย แล้ว​ทีนี้​พวก​เรา​จะ​หัน​หน้า​ไป​ทาง​ไหน พวก​พี่​น้อง​ที่​เข้า​ไป​สอดแนม​ทำ​ให้​พวกเรา​ท้อถอย​เสีย​แล้ว พวกเขา​บอก​ว่า “พวกนั้น​มี​จำนวน​มาก​กว่า และ​ตัว​สูง​ใหญ่​กว่า​พวกเรา​มาก เมือง​เหล่านั้น​ก็​ใหญ่โต​และ​มี​กำแพง​สูง​เสียด​ฟ้า พวก​เรา​ยัง​เห็น​พวก​ยักษ์ ที่นั่น​ด้วย”’ เรา​ได้​บอก​กับ​พวกท่าน​ว่า ‘ไม่​ต้อง​ขวัญหนี​ดีฟ่อ ไม่​ต้อง​กลัว​พวกมัน​หรอก พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​ท่าน​จะ​นำ​หน้า​ท่าน และ​ต่อสู้​แทน​ท่าน เหมือน​กับ​สิ่ง​ต่างๆ​ที่​พระองค์​ได้​ทำ​ต่อหน้า​ท่าน​ใน​แผ่นดิน​อียิปต์ ใน​ที่​เปล่าเปลี่ยว​แห้งแล้ง​ก็​เหมือนกัน ท่าน​ก็​ได้​เห็น​แล้ว​ว่า​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​ท่าน ได้​อุ้ม​ท่าน​ไว้​เหมือน​พ่อ​อุ้ม​ลูก ตลอด​ทาง​ที่​ท่าน​เดิน​มา​จน​ถึง​ที่นี่’ แต่​ถึง​อย่างนั้น พวก​ท่าน​ก็​ไม่​ได้​ไว้​วางใจ​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​ท่าน พระองค์​นำ​หน้า​ท่าน​ใน​การ​เดินทาง เพื่อ​หา​ที่​ตั้ง​เต็นท์​ให้​ท่าน และ​พระองค์​ก็​นำ​หน้า​ท่าน​ใน​ไฟ​ใน​ตอน​กลางคืน และ​ใน​เมฆ​ใน​ตอน​กลางวัน เพื่อ​ให้​พวกท่าน​รู้​ว่า​จะ​ไป​ทาง​ไหน แล้ว​พระยาห์เวห์​ก็​ได้ยิน​เสียง​บ่น​ของ​พวก​ท่าน พระองค์​โกรธ และ​สาบาน​ว่า ‘จะ​ไม่​มี​ใคร​สักคน​ใน​รุ่น​ที่​ชั่วร้ายนี้ ที่​จะ​ได้​เห็น​แผ่นดิน​ดีนั้น ที่​เรา​ได้​สัญญา​ไว้​ว่า​จะ​ให้​กับ​บรรพบุรุษ​ของ​เจ้า นอกจาก​คาเลบ​ลูกชาย​ของ​เยฟุนเนห์​จะ​ได้​เห็น เรา​จะ​ยก​แผ่นดิน​ที่​เขา​เดิน​อยู่นั้น​ให้​กับ​เขา​และ​ลูกหลาน​ของ​เขา เพราะ​เขา​ซื่อสัตย์​ต่อ​พระยาห์เวห์​อย่าง​แท้จริง’ แม้แต่​เรา พระยาห์เวห์​ยัง​โกรธ​เลย ก็​เพราะ​พวกท่าน​นี่แหละ พระองค์​พูด​กับ​เรา​ว่า ‘แม้​แต่​เจ้า​ก็​จะ​ไม่​ได้​เข้า​ไป​ที่​แผ่นดินนั้น โยชูวา​ลูกชาย​ของ​นูน ผู้ช่วย​ของ​เจ้า​จะ​ได้​เข้าไป​ที่นั่น ให้​กำลังใจ​กับ​เขา เพราะ​เขา​จะ​เป็น​คน​แบ่ง​แผ่นดิน​นั้น​แจกจ่าย​ให้​กับ​ชาว​อิสราเอล

เฉลยธรรมบัญญัติ 1:1-38 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

ข้อความต่อไปนี้เป็นคำที่โมเสสกล่าวกับคนอิสราเอลทั้งสิ้นในถิ่นทุรกันดารฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ณ ที่ราบข้างหน้าสูฟระหว่างปารานและโทเฟล ลาบาน ฮาเซโรทและดีซาหับ หนทางจากโฮเรบตามแนวเขาเสอีร์จนถึงคาเดชบารเนียนั้นเป็นระยะทางสิบเอ็ดวัน ในวันที่หนึ่งเดือนที่สิบเอ็ด ปีที่สี่สิบ โมเสสได้กล่าวกับคนอิสราเอลตามทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาท่านให้แจ้งแก่เขาทั้งหลาย หลังจากท่านชนะสิโหนกษัตริย์ของคนอาโมไรต์ผู้อยู่ในเฮชโบน และชนะโอกกษัตริย์ของบาชานผู้อยู่ในอัชทาโรทที่เอเดรอีนั้นแล้ว โมเสสได้เริ่มอธิบายธรรมบัญญัตินี้ในแผ่นดินโมอับฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้ตรัสสั่งเราที่โฮเรบว่า ‘เจ้าพักที่ภูเขานี้นานพอแล้ว จงหันไปและเดินตามทางของเจ้ามุ่งไปยังแดนเทือกเขาของคนอาโมไรต์ และที่ใกล้เคียงกันในที่ราบของแดนเทือกเขา และในเนินเชเฟลาห์ และในเนเกบ และที่ฝั่งทะเล แผ่นดินของคนคานาอันและที่เลบานอนจนถึงแม่น้ำใหญ่คือ แม่น้ำยูเฟรติส ดูสิ เราได้ตั้งแผ่นดินนั้นไว้ตรงหน้าเจ้าแล้ว จงเข้าไปยึดครองแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณกับบรรพบุรุษของเจ้า คือกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบว่า จะให้แก่พวกเขาและแก่เชื้อสายของเขาที่ตามมาด้วย’ “เวลานั้นข้าพเจ้าบอกท่านทั้งหลายว่า ‘ข้าพเจ้าคนเดียวแบกพวกท่านไม่ไหว พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงให้พวกท่านทวีมากขึ้น และ ดูสิ ทุกวันนี้พวกท่านมีจำนวนมากดุจดวงดาวในท้องฟ้า ขอพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่านทั้งหลายทรงทำให้ท่านทวีขึ้นพันเท่า และทรงอวยพรท่านดังที่ทรงสัญญากับท่านแล้วนั้น ข้าพเจ้าคนเดียวจะแบกภาระ ความยากลำบากและการวิวาทของพวกท่านได้อย่างไร? จงเลือกคนที่มีปัญญา มีความรู้และมีชื่อเสียงในเผ่าของพวกท่าน และข้าพเจ้าจะตั้งเขาให้เป็นหัวหน้าของท่าน’ ท่านก็ตอบข้าพเจ้าว่า ‘สิ่งที่ท่านกล่าวนั้นดีแล้ว เราควรจะทำ’ ข้าพเจ้าจึงเลือกหัวหน้าจากทุกเผ่า ซึ่งเป็นคนมีปัญญาและมีชื่อเสียง ตั้งไว้เป็นหัวหน้าเหนือท่านทั้งหลาย ให้เป็นผู้ปกครองคนพันคนบ้าง ร้อยคนบ้าง ห้าสิบคนบ้าง สิบคนบ้าง และพนักงานต่างๆ ตามเผ่าของท่าน เวลานั้นข้าพเจ้าได้กล่าวกำชับพวกตุลาการของท่านว่า ‘จงพิจารณาคดีของพี่น้องของท่านและตัดสินอย่างยุติธรรมในคดีความระหว่างชายคนหนึ่งกับพี่น้องของตน หรือกับคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่กับเขา ห้ามลำเอียงในการพิพากษา จงฟังทั้งผู้น้อยและผู้ใหญ่ให้เสมอกัน อย่ากลัวหน้ามนุษย์เลย เพราะการพิพากษานั้นเป็นของพระเจ้า และคดีใดที่ยากจงนำมาให้ข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะพิจารณาเอง’ เวลานั้นข้าพเจ้าได้สั่งพวกท่านเกี่ยวกับทุกสิ่งที่ท่านควรทำ “พวกเราได้ออกจากโฮเรบ เดินผ่านถิ่นทุรกันดารใหญ่และน่ากลัวตามที่พวกท่านเห็นนั้น เดินไปตามแดนเทือกเขาของคนอาโมไรต์ ดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราตรัสสั่งเราไว้ และเรามาถึงคาเดชบารเนีย และข้าพเจ้าได้กล่าวแก่พวกท่านว่า ‘พวกท่านมาถึงแดนเทือกเขาของคนอาโมไรต์แล้ว เป็นที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราประทานแก่พวกเรา ดูสิ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงตั้งแผ่นดินนั้นไว้ตรงหน้าท่านแล้ว จงขึ้นไปยึดครองแผ่นดินนั้น ดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่านได้ตรัสกับท่านว่า อย่ากลัวหรืออย่าตกใจเลย’ แล้วท่านทุกคนเข้ามาใกล้ข้าพเจ้า พูดว่า ‘ให้เราใช้คนไปล่วงหน้าเรา และสอดแนมดูแผ่นดินนั้นแทนเรา แล้วนำข่าวเรื่องทางที่เราจะต้องขึ้นไป และเรื่องเมืองที่เราจะไปนั้นมาให้เรา’ เรื่องนี้ข้าพเจ้าเห็นดีด้วย ข้าพเจ้าจึงเลือกสิบสองคนจากพวกท่านเผ่าละคน แล้วคนเหล่านั้นได้มุ่งหน้าขึ้นแดนเทือกเขา มาถึงหุบเขาเอชโคล์ และสอดแนมดูที่นั่น เขาทั้งหลายได้เก็บผลไม้ของแผ่นดินนั้นติดมือมาให้เรา และนำข่าวมาแจ้งเราว่า ‘ที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราประทานแก่เรานั้นเป็นแผ่นดินที่ดี’ “แต่กระนั้นพวกท่านก็ไม่ยอมขึ้นไป กลับขัดขืนพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย และพวกท่านได้บ่นอยู่ในเต็นท์ของตนและพูดว่า ‘เพราะพระยาห์เวห์ทรงเกลียดชังเรา พระองค์จึงทรงพาเราออกจากแผ่นดินอียิปต์ จะได้มอบเราไว้ในมือคนอาโมไรต์เพื่อจะทำลายเราเสีย เราจะขึ้นไปที่ไหนเล่า? พวกพี่น้องของเราก็ทำให้เราใจเสียโดยกล่าวว่า “คนเหล่านั้นสูงใหญ่กว่าพวกเราอีก เมืองเหล่านั้นก็ใหญ่โตและมีกำแพงสูงเทียมฟ้า ยิ่งกว่านั้นเราเห็นพวกคนอานาคอยู่ที่นั่นด้วย’ ” แล้วข้าพเจ้าจึงพูดกับท่านทั้งหลายว่า ‘อย่าครั่นคร้ามหรือกลัวเขาเลย พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านผู้นำหน้าท่าน พระองค์จะทรงต่อสู้เพื่อท่าน ดังที่พระองค์ได้ทรงทำทุกสิ่งเพื่อท่านในอียิปต์ต่อหน้าต่อตาท่าน และในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งท่านได้เห็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงอุ้มชูท่าน ดังพ่ออุ้มลูกของตนตลอดทางที่พวกท่านไปนั้น จนท่านทั้งหลายได้มาถึงที่นี่’ แต่อย่างไรก็ตาม พวกท่านไม่ได้เชื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ผู้ทรงนำทางข้างหน้าท่าน เพื่อจะหาที่ให้ท่านทั้งหลายตั้งเต็นท์ของท่าน เป็นไฟในกลางคืน เพื่อโปรดให้ท่านเห็นทางที่ควรจะไป และเป็นเมฆในกลางวัน “พระยาห์เวห์ได้ทรงสดับเสียงพูดของพวกท่าน จึงกริ้วและทรงปฏิญาณว่า ‘จะไม่มีสักคนเดียวในชาติพันธุ์ที่ชั่วนี้ จะได้เห็นแผ่นดินดีนั้น ที่เราปฏิญาณว่าจะให้แก่บรรพบุรุษของพวกเจ้า นอกจากคาเลบบุตรเยฟุนเนห์ เขาจะเห็นแผ่นดินนั้น และเราจะให้แผ่นดินที่เขาเหยียบนั้นแก่เขาและแก่ลูกหลานของเขา เพราะเขาได้ติดตามพระยาห์เวห์อย่างสุดใจ’ เพราะพวกท่าน พระยาห์เวห์ก็ทรงพระพิโรธเราด้วย ตรัสว่า ‘เจ้าจะไม่ได้เข้าไปในที่นั้นด้วยเหมือนกัน โยชูวาบุตรนูนผู้ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าจะได้เข้าไป จงสนับสนุนเขา เพราะเขาจะพาคนอิสราเอลไปครอบครองแผ่นดินนั้น

เฉลยธรรมบัญญัติ 1:1-38 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ข้อความต่อไปนี้เป็นคำที่โมเสสกล่าวแก่คนอิสราเอลทั้งปวงที่ในถิ่นทุ​รก​ันดารฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้ คือในที่ราบข้างหน้าทะเลแดงระหว่างปารานและโทเฟล ลาบาน ฮาเซโรท และดีซาหับ (หนทางจากโฮเรบตามทางภูเขาเสอีร์จนถึงคาเดชบารเนียนั้นเป็นทางเดินสิบเอ็ดวัน) อยู่​มาในวั​นที​่​หน​ึ่งเดือนที่​สิ​บเอ็ดปี​ที่สี่​สิ​บโมเสสได้​กล​่าวแก่คนอิสราเอล ตามบรรดาพระดำรัสที่พระเยโฮวาห์ทรงประทานแก่​ท่าน เป็นพระบัญญั​ติ​ให้​แก่​เขาทั้งหลาย หลังจากที่​ท่านได้ฆ่าสิโหนกษั​ตริ​ย์คนอาโมไรต์ ที่อยู่​เมืองเฮชโบน และโอกกษั​ตริ​ย์เมืองบาชาน ผู้​ซึ่งอยู่ในอัชทาโรท ณ ตำบลเอเดรอีนั้นแล้ว โมเสสได้เริ่มอธิบายพระราชบัญญั​ติ​นี้​ที่​ในแผ่นดินโมอับฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้​ว่า “พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราได้ตรั​สส​ั่งเราทั้งหลายที่โฮเรบว่า ‘​เจ้​าทั้งหลายได้พักที่​ภู​เขานี้นานพอแล้ว เจ้​าทั้งหลายจงหันไปเดินตามทางที่ไปยังแดนเทือกเขาของคนอาโมไรต์ และที่​ใกล้​เคียงกันในที่​ราบ และในแดนเทือกเขา และในหุบเขา ในทางใต้ และที่​ฝั่งทะเล แผ่​นดินของคนคานาอัน และที่​เลบานอน จนถึงแม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรติส ดู​เถิด เราได้ตั้งแผ่นดินนั้นไว้ตรงหน้าเจ้าทั้งหลาย เจ้​าทั้งหลายจงเข้าไปยึดครองแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงปฏิญาณกับบรรพบุรุษของเจ้า คื​ออ​ับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ว่าจะให้​แก่​เขาทั้งหลายและแก่เชื้อสายของเขาที่มาภายหลังเขาด้วย’ ครั้งนั้นข้าพเจ้าได้บอกท่านทั้งหลายว่า ‘ข้าพเจ้าผู้เดียวแบกพวกท่านทั้งหลายไม่​ไหว พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านได้ทรงให้ท่านทั้งหลายทวี​มากขึ้น และดู​เถิด ทุกวันนี้​พวกท่านทั้งหลายมีจำนวนมากดุจดวงดาวทั้งหลายในท้องฟ้า (ขอพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่านทั้งหลายทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายทวีขึ้นพันเท่าและทรงอำนวยพระพรแก่​ท่าน ดังที่​พระองค์​ได้​ทรงสัญญาไว้​แก่​ท่านทั้งหลายแล้​วน​ั้น) ข้าพเจ้าคนเดียวจะแบกท่านทั้งหลายผู้เป็นภาระและเป็นความยากลำบากและการทุ่มเถียงของท่านทั้งหลายอย่างไรได้ จงเลือกคนที่​มี​ปัญญา มี​ความเข้าใจและมีชื่อตามตระกูลของท่านทั้งหลาย และข้าพเจ้าจะตั้งเขาให้เป็นหัวหน้าของท่านทั้งหลาย’ ท่านทั้งหลายได้ตอบข้าพเจ้าว่า ‘​สิ​่งที่ท่านกล่าวนั้นดี​แล้ว ควรที่ข้าพเจ้าทั้งหลายจะกระทำ’ ข้าพเจ้าจึงได้เลือกหัวหน้าจากทุกตระกูล ซึ่งเป็นคนมีปัญญาและมี​ชื่อ ตั้งไว้​เป็นใหญ่​เหนือท่านทั้งหลาย ให้​เป็นนายพัน นายร้อย นายห้าสิบ นายสิบ และพนักงานต่างๆตามตระกูลของท่าน ครั้งนั้นข้าพเจ้าได้​กล​่าวกำชับพวกตุลาการของท่านทั้งหลายว่า ‘จงพิจารณาคดีของพี่น้องและตัดสินความตามยุ​ติ​ธรรมระหว่างชายคนหนึ่งและพี่น้องของตน หรือคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่กั​บท​่าน ท่านทั้งหลายอย่าลำเอียงในการพิพากษา จงฟังผู้น้อยและผู้​ใหญ่​ให้​เหมือนกัน ท่านทั้งหลายอย่ากลัวหน้ามนุษย์​เลย เพราะการพิพากษานั้นเป็นการของพระเจ้า และคดีใดที่ยากเกินไปสำหรั​บท​่านจงนำมาให้​ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะพิจารณาเอง’ ครั้งนั้นข้าพเจ้าได้สั่งท่านทั้งหลายถึงบรรดาสิ่งที่ท่านทั้งหลายควรกระทำ เราได้ออกไปจากโฮเรบเดินทะลุถิ่นทุ​รก​ันดารใหญ่อันเป็​นที​่น่ากลัวตามที่ท่านทั้งหลายได้​เห​็นนั้น เดินไปตามแดนเทือกเขาของคนอาโมไรต์ ดังที่​พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราได้ตรั​สส​ั่งเราไว้ และเรามาถึงคาเดชบารเนีย และข้าพเจ้าได้​กล​่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ‘ท่านทั้งหลายมาถึงแดนเทือกเขาของคนอาโมไรต์​แล้ว เป็​นที​่ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราประทานแก่เราทั้งหลาย ดู​เถิด พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงตั้งแผ่นดินนั้นไว้ตรงหน้าท่านแล้ว จงขึ้นไปยึดแผ่นดินนั้น ดังที่​พระเยโฮวาห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่านได้ตรั​สส​ั่งไว้ อย่ากลัวหรืออย่าตกใจไปเลย’ แล​้​วท​่านทั้งหลายทุกคนได้​เข​้ามาหาข้าพเจ้าพูดว่า ‘​ให้​เราทั้งหลายใช้คนไปก่อนเราและสอดแนมดู​แผ่​นดินนั้นแทนเรา นำข่าวเรื่องทางที่เราจะต้องขึ้นไป และเรื่องหัวเมืองที่เราจะไปนั้นมาให้​เรา​’ เรื่องนั้นข้าพเจ้าเห็นดี​ด้วย ข้าพเจ้าจึงได้เลือกสิบสองคนมาจากท่านทั้งหลายตระกูลละคน แล​้วคนเหล่านั้นได้หันไปขึ้นแดนเทือกเขา มาถึงหุบเขาเอชโคล์ และสอดแนมดู​ที่นั่น เขาทั้งหลายได้​เก​็บผลไม้เมืองนั้นติ​ดม​ือมาให้เราทั้งหลายและนำข่าวมาให้เราว่า ‘​ที่​ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราประทานแก่เรานั้นเป็นแผ่นดิ​นที​่​ดี​’ แต่​กระนั้นท่านทั้งหลายก็​ไม่​ยอมขึ้นไป กล​ับขัดขืนพระบัญชาของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย และท่านทั้งหลายได้บ่นอยู่ในเต็นท์ของตน และว่า ‘เพราะพระเยโฮวาห์ทรงชังพวกเรา พระองค์​จึงทรงพาเราทั้งหลายออกมาจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ จะได้มอบเราไว้ในมือคนอาโมไรต์เพื่อจะทำลายเราเสีย เราทั้งหลายจะขึ้นไปที่ไหนเล่า พวกพี่น้องของเราได้ทำอกใจของเราให้ฝ่อท้อถอยไปโดยที่​ว่า “คนเหล่านั้นใหญ่กว่าและสูงกว่าพวกเราอีก เมืองเหล่านั้​นก​็​ใหญ่​มี​กำแพงสูงเทียมฟ้า และยิ่งกว่านั้นเราได้​เห​็นพวกคนอานาคอยู่​ที่​นั่นด้วย”’ แล​้วข้าพเจ้าจึงได้​พู​ดก​ั​บท​่านทั้งหลายว่า ‘อย่าครั่​นคร​้ามหรือกลัวเขาเลย พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านผู้นำหน้าท่านทั้งหลาย พระองค์​จะทรงต่อสู้เผื่อท่านทั้งหลาย ดังที่​พระองค์​ได้​ทรงกระทำให้​แก่​ท่านทั้งหลายในอียิปต์ต่อหน้าต่อตาท่านทั้งหลาย และในถิ่นทุ​รก​ันดาร ซึ่งในที่นั้นพวกท่านได้​เห​็นพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงอุ้มชูพวกท่าน ดังพ่​ออ​ุ้​มล​ูกชายของตน ตลอดทางที่ท่านได้ไปนั้น จนท่านทั้งหลายได้มาถึงที่​นี่​’ แต่​อย่างไรก็ตาม ท่านทั้งหลายมิ​ได้​เชื่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย ผู้​ได้​ทรงนำทางข้างหน้าท่าน เพื่อจะหาที่​ให้​ท่านทั้งหลายตั้งเต็นท์ของท่าน เป็นไฟในกลางคืน เพื่อโปรดให้ท่านทั้งหลายเห็นทางที่ควรจะไป และเป็นเมฆในกลางวัน พระเยโฮวาห์​ได้​ทรงสดับเสียงคำพูดของท่านทั้งหลาย จึงทรงกริ้วและปฏิญาณว่า ‘​แท้​จร​ิงจะไม่​มี​ผู้​ใดในยุคที่ชั่​วน​ี้สักคนเดียวที่จะได้​เห​็นแผ่นดินดี​นั้น ที่​เราได้ปฏิญาณว่าจะให้​แก่​บรรพบุรุษของเจ้าทั้งหลาย เว้นแต่​คาเลบบุตรชายเยฟุนเนห์ เขาจะเห็นแผ่นดินนั้น และเราจะให้​แผ่​นดิ​นที​่เขาได้​เหย​ียบนั้นแก่เขาและแก่​ลูกหลาน เพราะเขาได้ตามพระเยโฮวาห์อย่างสุดใจ’ เพราะเหตุท่านทั้งหลายพระเยโฮวาห์​ก็​ทรงพิโรธเราด้วย ตรั​สว​่า ‘​เจ้​าจะไม่​ได้​เข​้าไปในที่นั้นด้วยเหมือนกัน แต่​โยชู​วาบ​ุตรชายนูนผู้ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้า จะได้​เข้าไป จงสนับสนุนเขาเพราะเขาจะพาคนอิสราเอลไปถือกรรมสิทธิ์พื้นดินนั้น

เฉลยธรรมบัญญัติ 1:1-38 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ข้อความต่อไปนี้เป็นคำที่โมเสสกล่าว แก่คนอิสราเอลทั้งปวงที่ในถิ่นทุรกัน ดารฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน คือในอาราบาห์ ข้างหน้าสูฟระหว่างปารานและโทเฟล ลาบาน ฮาเซโรทและดีซาหับ หนทางจากโฮเรบตามทางภูเขาเสอีร์ จนถึงคาเดชบารเนียนั้นเป็นทางเดินสิบเอ็ดวัน ในวันที่หนึ่งเดือนที่สิบเอ็ด ปีที่สี่สิบโมเสสได้กล่าวแก่คนอิสราเอล ตามบรรดาพระดำรัสที่พระเจ้าทรงประทาน แก่ท่านเป็นพระบัญญัติให้แก่เขาทั้งหลาย หลังจากที่ท่านได้ชัยชนะต่อสิโหนกษัตริย์คน อาโมไรต์ที่อยู่เมืองเฮชโบน และโอกกษัตริย์เมืองบาชาน ผู้ซึ่งอยู่ในอัชทาโรท ณ ตำบลเอเดรอีนั้นแล้ว โมเสสได้เริ่มอธิบายธรรมบัญญัตินี้ที่ในแผ่นดิน โมอับฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนว่า <<พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราได้ตรัส สั่งเราทั้งหลายที่โฮเรบว่า <เจ้าทั้งหลายได้พักที่ภูเขานี้นานพอแล้ว เจ้าทั้งหลายจงหันไปเดินตามทางที่ ไปยังแดนเทือกเขาของคนอาโมไรต์ และที่ใกล้เคียงกันในอาราบาห์ และในแดนเทือกเขาและในเนินเชเฟลาห์ ในเนเกบและที่ฝั่งทะเล แผ่นดินของคนคานาอัน และที่เลบานอนจนถึงแม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรติส ดูเถิด เราได้ตั้งแผ่นดินนั้นไว้ตรงหน้าเจ้าทั้งหลาย เจ้าทั้งหลายจงเข้าไปยึดครองแผ่นดิน ซึ่งพระเจ้าทรงสัญญากับบรรพบุรุษของเจ้า คืออับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ว่าจะให้แก่เขาทั้งหลายและแก่เผ่าพันธุ์ของเขาด้วย> <<ครั้งนั้นข้าพเจ้าได้บอกท่านทั้งหลายว่า <ข้าพเจ้าผู้เดียวแบกพวกท่านทั้งหลายไม่ไหว พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านได้ทรง ให้ท่านทั้งหลายทวีมากขึ้น และดูเถิด ทุกวันนี้พวกท่านทั้งหลายมีจำนวนมากดุจดวงดาวทั้งหลาย ในท้องฟ้า ขอพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่านทั้งหลาย ทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายทวีขึ้นพันเท่า และทรงอำนวยพระพรแก่ท่าน ดังที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้แก่ท่านทั้งหลายแล้วนั้น ข้าพเจ้าคนเดียวจะแบกท่านทั้งหลายผู้เป็นภาระ และเป็นความยากลำบากและการทุ่มเถียงของท่าน ทั้งหลายอย่างไรได้ จงเลือกคนที่มีปัญญา มีความรู้และเจนงานตามเผ่าของท่านทั้งหลาย และข้าพเจ้าจะตั้งเขาให้เป็นหัวหน้าของท่านทั้งหลาย> ท่านทั้งหลายได้ตอบข้าพเจ้าว่า <สิ่งที่ท่านกล่าวนั้นดีแล้วควรที่ข้าพเจ้าทั้งหลายจะกระทำ> ข้าพเจ้าจึงได้เลือกหัวหน้าจากทุกเผ่า ซึ่งเป็นคนมีปัญญาและเจนงาน ตั้งไว้เป็นใหญ่เหนือท่านทั้งหลาย ให้เป็นนายพัน นายร้อย นายห้าสิบ นายสิบ และพนักงานต่างๆ ตามเผ่าของท่าน ครั้งนั้นข้าพเจ้าได้กล่าวกำชับพวก ตุลาการของท่านทั้งหลายว่า <จงพิจารณาคดีของพี่น้องและตัดสิน ความตามยุติธรรมระหว่างชายคนหนึ่งและพี่น้องของตน หรือคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่กับท่าน ท่านทั้งหลายอย่าลำเอียงในการพิพากษา จงฟังผู้น้อยและผู้ใหญ่ให้เหมือนกัน ท่านทั้งหลายอย่ากลัวหน้ามนุษย์เลย เพราะการพิพากษานั้นเป็นการของพระเจ้า และคดีใดที่ยากจงนำมาให้ข้าพเจ้าข้าพเจ้า จะพิจารณาเอง> ครั้งนั้นข้าพเจ้าได้สั่งท่านทั้งหลาย ถึงบรรดาสิ่งที่ท่านทั้งหลายควรกระทำ <<เราได้ออกไปจากโฮเรบ เดินทะลุถิ่นทุรกันดารใหญ่อันเป็น ที่น่ากลัวตามที่ท่านทั้งหลายได้เห็นนั้น เดินไปตามแดนเทือกเขาของคนอาโมไรต์ ดังที่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราได้ตรัสสั่งเราไว้ และเรามาถึงคาเดชบารเนีย และข้าพเจ้าได้กล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า <ท่านทั้งหลายมาถึงแดนเทือกเขาของคนอาโมไรต์แล้ว เป็นที่ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราประทานแก่ เราทั้งหลาย ดูเถิด พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกท่าน ได้ทรงตั้งแผ่นดินนั้นไว้ตรงหน้าท่านแล้ว จงขึ้นไปยึดแผ่นดินนั้น ดังที่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของ บรรพบุรุษของพวกท่านได้ตรัสสั่งไว้ อย่ากลัวหรืออย่าตกใจไปเลย> แล้วท่านทั้งหลายทุกคนได้เข้ามาหาข้าพเจ้า พูดว่า <ให้เราทั้งหลายใช้คนไปก่อนเรา และสอดแนมดูแผ่นดินนั้นแทนเรา นำข่าวเรื่องทางที่เราจะต้องขึ้นไป และเรื่องหัวเมืองที่เราจะไปนั้นมาให้เรา> เรื่องนั้นข้าพเจ้าเห็นดีด้วย ข้าพเจ้าจึงได้เลือกสิบสองคนมาจากท่านทั้งหลายเผ่าละคน แล้วคนเหล่านั้นได้หันไปขึ้นแดนเทือกเขา มาถึงห้วยชื่อ เอชโคล์ และสอดแนมดูที่นั่น เขาทั้งหลายได้เก็บผลไม้เมืองนั้นติดมือมาให้เรา ทั้งหลายและนำข่าวมาให้เราว่า <ที่ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราประทานแก่เรา นั้นเป็นแผ่นดินที่ดี> <<แต่กระนั้นท่านทั้งหลายก็ไม่ยอมขึ้นไป กลับขัดขืนพระบัญชาของพระเยโฮวาห์พระเจ้า ของท่านทั้งหลาย และท่านทั้งหลายได้บ่นอยู่ในเต็นท์ของตน และว่า <เพราะพระเจ้าทรงชังพวกเรา พระองค์จึงทรงพาเราทั้งหลายออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ จะได้มอบเราไว้ในมือคนอาโมไรต์เพื่อจะทำลายเราเสีย เราทั้งหลายจะขึ้นไปที่ไหนเล่า พวกพี่น้องของเราได้ทำอกใจของเราให้ ฝ่อท้อถอยไปโดยที่ว่า <<คนเหล่านั้นใหญ่กว่าและสูงกว่าพวกเราอีก เมืองเหล่านั้นก็ใหญ่มีกำแพงสูงเทียมฟ้า และยิ่งกว่านั้นเราได้เห็นพวกคนอานาคอยู่ที่นั่นด้วย> >> แล้วข้าพเจ้าจึงได้พูดกับท่านทั้งหลายว่า <อย่าครั่นคร้ามหรือกลัวเขาเลย พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านผู้นำหน้าท่านทั้งหลาย พระองค์จะทรงต่อสู้เผื่อท่านทั้งหลาย ดังที่พระองค์ได้ทรงกระทำให้แก่ท่าน ทั้งหลายในอียิปต์ต่อหน้าต่อตาท่านทั้งหลาย และในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งในที่นั้นพวกท่านได้เห็นพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของท่านทรงอุ้มชูพวกท่าน ดังพ่ออุ้มลูกของตนตลอดทางที่ท่านได้ไปนั้น จนท่านทั้งหลายได้มาถึงที่นี่> แต่อย่างไรก็ตาม ท่านทั้งหลายมิได้เชื่อพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของท่านทั้งหลาย ผู้ได้ทรงนำทางข้างหน้าท่าน เพื่อจะหาที่ให้ท่านทั้งหลายตั้งเต็นท์ของท่าน เป็นไฟในกลางคืน เพื่อโปรดให้ท่านทั้งหลายเห็นทางที่ควรจะไป และเป็นเมฆในกลางวัน <<พระเจ้าได้ทรงสดับเสียงคำพูดของท่านทั้งหลาย จึงทรงกริ้วและสาบานว่า <แท้จริงจะไม่มีผู้ใดในชาติพันธุ์ที่ชั่วนี้ สักคนเดียวที่จะได้เห็นแผ่นดินดีนั้น ที่เราได้สัญญาว่าจะให้แก่บรรพบุรุษของ เจ้าทั้งหลาย เว้นแต่คาเลบบุตรเยฟุนเนห์ เขาจะเห็นเมืองนั้น และเราจะให้แผ่นดินที่เขาได้เหยียบนั้นแก่เขาและแก่ลูกหลาน เพราะเขาได้ตามพระเจ้าอย่างสุดใจ> เพราะเหตุท่านทั้งหลายพระเจ้าก็ทรงพิโรธเราด้วย ตรัสว่า <เจ้าจะไม่ได้เข้าไปในที่นั้นด้วยเหมือนกัน โยชูวาบุตรนูนผู้ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้า จะได้เข้าไป จงสนับสนุนเขา เพราะเขาจะพาคนอิสราเอลไปถือกรรมสิทธิ์พื้นดินนั้น

เฉลยธรรมบัญญัติ 1:1-38 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ต่อไปนี้เป็นถ้อยคำซึ่งโมเสสกล่าวแก่ชาวอิสราเอลทั้งปวงในถิ่นกันดารฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน คือที่ราบอาราบาห์ ซึ่งอยู่ตรงข้ามเมืองสูฟ ที่แห่งนี้อยู่ระหว่างปารานกับโทเฟล ลาบาน ฮาเซโรท และดีซาหับ (การเดินทางจากโฮเรบไปยังคาเดชบารเนียผ่านไปทางภูเขาเสอีร์ ต้องใช้เวลาสิบเอ็ดวัน) ในวันที่หนึ่ง เดือนที่สิบเอ็ด ปีที่สี่สิบ โมเสสประกาศแก่ชนอิสราเอลถึงสิ่งทั้งปวงที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสเกี่ยวกับพวกเขา ในเวลานั้นเขาเพิ่งรบชนะกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์ผู้ปกครองเฮชโบน และพวกเขารบชนะกษัตริย์โอกแห่งบาชานผู้ปกครองอัชทาโรทที่เอเดรอี โมเสสเริ่มชี้แจงบทบัญญัติที่ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนในดินแดนโมอับดังนี้ว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราตรัสกับเราที่ภูเขาโฮเรบว่า “พวกเจ้าพักอยู่ที่ภูเขานี้นานพอแล้ว จงเลิกค่ายและรุกเข้าไปในแดนเทือกเขาของชาวอาโมไรต์ จงเข้าไปยังชนชาติที่อยู่ใกล้เคียงทั้งปวงในที่ราบอาราบาห์ ในภูเขา ในเชิงเขาทางตะวันตก ในเนเกบและชายฝั่งทะเล ไปยังดินแดนคานาอันและเลบานอน จนจดแม่น้ำใหญ่คือแม่น้ำยูเฟรติส ดูเถิดเราได้ยกดินแดนนี้ให้เจ้า จงไปครอบครองดินแดนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้สัญญาว่าจะยกให้แก่บรรพบุรุษของเจ้าคืออับราฮัม อิสอัค และยาโคบ และกับวงศ์วานของพวกเขา” ครั้งนั้นข้าพเจ้าได้กล่าวแก่พวกท่านว่า “พวกท่านเป็นภาระหนักเกินกว่าข้าพเจ้าจะรับผิดชอบเพียงคนเดียว พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงให้ท่านทวีจำนวนขึ้นจนในวันนี้มีมากมายดุจดวงดาวในท้องฟ้า ขอพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่านทรงเพิ่มพูนพวกท่านยิ่งขึ้นอีกพันเท่า และทรงอวยพรพวกท่านตามที่ทรงสัญญาไว้! แต่ข้าพเจ้าเพียงคนเดียวจะรับปัญหา ภาระ และกรณีพิพาททั้งปวงของพวกท่านได้อย่างไร? จงเลือกบางคนจากแต่ละเผ่า ซึ่งเป็นคนเฉลียวฉลาด มีความเข้าใจ และเป็นที่นับถือ ข้าพเจ้าจะแต่งตั้งคนเหล่านั้นให้เป็นผู้นำของพวกท่าน” ท่านตอบข้าพเจ้าว่า “สิ่งที่ท่านเสนอมานั้นดีแล้ว” ดังนั้นข้าพเจ้าจึงแต่งตั้งบรรดาผู้นำซึ่งเฉลียวฉลาดและเป็นที่นับถือจากเผ่าต่างๆ ให้เป็นผู้บังคับบัญชาคนพันคนบ้าง ร้อยคนบ้าง ห้าสิบคนบ้าง และสิบคนบ้าง และให้เป็นเจ้าหน้าที่ประจำเผ่า ข้าพเจ้ากำชับบรรดาตุลาการของท่านในครั้งนั้นว่าให้ฟังความและตัดสินอย่างยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นกรณีพิพาทระหว่างพี่น้องอิสราเอล หรือระหว่างพี่น้องอิสราเอลกับคนต่างด้าว อย่าตัดสินความลำเอียงเข้าข้างใคร จงฟังความทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อยเสมอหน้ากัน ไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใด เพราะการพิพากษาเป็นของพระเจ้า ข้อพิพาทใดๆ ซึ่งยุ่งยากเกินกำลังก็ให้มาแจ้งข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะฟังความเอง ครั้งนั้นข้าพเจ้าได้กำชับทุกสิ่งที่พวกท่านต้องทำ ส่งสายสืบ จากนั้นเราเดินทางออกจากโฮเรบตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทรงบัญชา มุ่งหน้าไปยังแถบเทือกเขาของชาวอาโมไรต์ ผ่านถิ่นกันดารอันกว้างใหญ่และน่าสะพรึงกลัวตามที่ท่านเห็นแล้ว จนมาถึงคาเดชบารเนีย ข้าพเจ้าจึงกล่าวแก่ท่านว่า “พวกท่านมาถึงแดนเทือกเขาของชาวอาโมไรต์ ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราจะประทานแก่เรา ดูเถิด พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงยกดินแดนนี้ให้พวกท่าน จงขึ้นไปยึดครองตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษตรัสไว้กับท่าน อย่ากลัว อย่าท้อแท้เลย” แต่พวกท่านมาหาข้าพเจ้าและกล่าวว่า “ให้เราส่งสายสืบไปในดินแดนนั้นและกลับมารายงานเส้นทางกับเมืองที่เราควรจะเข้าไปยึดครองก่อน” ความคิดนี้ฟังดูเข้าที ข้าพเจ้าจึงเลือกสายสืบสิบสองคนโดยเลือกมาเผ่าละหนึ่งคน คนเหล่านั้นขึ้นไปยังแถบเทือกเขา ไปถึงหุบเขาเอชโคล์และสำรวจดูที่นั่น พวกเขาเก็บผลไม้จากดินแดนนั้นลงมาให้เราและรายงานว่า “ดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเรากำลังจะประทานให้เรานั้นอุดมสมบูรณ์” แต่พวกท่านไม่ยอมเข้าไปในดินแดนนั้น พวกท่านฝ่าฝืนพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน พวกท่านบ่นอยู่ในเต็นท์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเกลียดเรา จึงทรงนำเราออกจากอียิปต์เพื่อให้ชาวอาโมไรต์ทำลาย เราจะไปไหนได้ พี่น้องของเราทำให้เราขวัญหนีดีฝ่อ เขาบอกว่า ‘ผู้คนแถบนั้นแข็งแรงและสูงใหญ่กว่าเรา เมืองทั้งหลายก็ใหญ่โต กำแพงสูงเสียดฟ้า ทั้งยังเห็นมนุษย์ยักษ์อานาคที่นั่นด้วย’ ” ข้าพเจ้าจึงบอกท่านว่า “อย่าตระหนกตกใจ อย่ากลัวพวกเขาเลย พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงนำหน้าท่าน พระองค์จะทรงต่อสู้เพื่อท่าน เหมือนที่ทรงทำต่อหน้าต่อตาพวกท่านทั้งในอียิปต์ และในถิ่นกันดาร ที่นั่นท่านได้เห็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงโอบอุ้มท่านดั่งพ่อโอบอุ้มลูกตลอดทางมาจนถึงที่นี่” ถึงอย่างนั้นท่านก็ยังไม่ไว้วางใจพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พระองค์ทรงนำหน้าท่านมาตลอดทางด้วยไฟในตอนกลางคืนและด้วยเมฆในตอนกลางวัน เพื่อเสาะหาที่ตั้งค่ายพักและเพื่อชี้แนะทางที่ท่านควรจะไป เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงได้ยินคำบ่นว่าของท่าน ก็ทรงพระพิโรธและทรงสัญญาอย่างหนักแน่นว่า “ไม่มีสักคนเดียวในชั่วอายุอันเลวร้ายนี้จะได้เห็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งเราสัญญาว่าจะประทานแก่บรรพบุรุษของเจ้า ยกเว้นคาเลบบุตรเยฟุนเนห์ เขาจะได้เห็นดินแดนนั้น และเราจะมอบดินแดนที่เขาเหยียบย่างให้แก่เขากับวงศ์วานของเขาเพราะเขาได้ติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดใจ” เพราะพวกท่านเป็นเหตุ องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงพระพิโรธข้าพเจ้าด้วยและตรัสว่า “เจ้าก็จะไม่ได้เข้าในดินแดนนั้นเช่นกัน แต่โยชูวาบุตรนูนผู้ช่วยของเจ้าจะได้เข้าไป จงให้กำลังใจเขาเพราะเขาจะนำอิสราเอลเข้ายึดครองดินแดนนั้นเป็นกรรมสิทธิ์

เฉลยธรรมบัญญัติ 1:1-38 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

นี่​คือ​สิ่ง​ที่​โมเสส​กล่าว​แก่​ชาว​อิสราเอล​ทั้ง​ปวง​ที่​ทาง​ฝั่ง​ตะวันออก​ของ​แม่น้ำ​จอร์แดน​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร ใน​อาราบาห์​ตรงข้าม​กับ​สูฟ ระหว่าง​ปาราน​และ​โทเฟล ลาบาน ฮาเซโรท และ​ดีซาหับ การ​เดินทาง​จาก​โฮเรบ​โดย​ผ่าน​ทาง​ภูเขา​เสอีร์​ไป​จนถึง​คาเดชบาร์เนีย​ใช้​เวลา 11 วัน ใน​วัน​ที่​หนึ่ง เดือน​สิบ​เอ็ด ปี​ที่​สี่​สิบ โมเสส​กล่าว​แก่​ชาว​อิสราเอล​ตาม​คำ​ที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​บัญชา​ให้​กล่าว​ทุก​ประการ อัน​เป็น​เวลา​หลัง​จาก​ที่​ท่าน​ได้​ชัยชนะ​สิโหน​กษัตริย์​ของ​ชาว​อาโมร์​ซึ่ง​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​เฮชโบน และ​โอก​กษัตริย์​แห่ง​บาชาน​ซึ่ง​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​อัชทาโรท​และ​เอเดรอี​แล้ว โมเสส​ตั้งต้น​เฉลย​กฎ​บัญญัติ​นี้ ณ ฝั่ง​ตะวันออก​ของ​แม่น้ำ​จอร์แดน​ใน​แผ่นดิน​โมอับ​ว่า “พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​เรา​กล่าว​กับ​เรา​ที่​โฮเรบ​ว่า ‘พวก​เจ้า​อยู่​ที่​ภูเขา​นี้​นาน​พอ​แล้ว จง​เดินทาง​มุ่งหน้า​ไป​ยัง​แถบ​ภูเขา​ของ​ชาว​อาโมร์ ไป​ยัง​ดินแดน​เพื่อน​บ้าน​ใน​อาราบาห์ ทั้ง​ใน​แถบ​ภูเขา​และ​ที่​ลุ่ม และ​ใน​เนเกบ และ​ชาย​ฝั่ง​ทะเล แผ่นดิน​ของ​ชาว​คานาอัน และ​ที่​เลบานอน จนถึง​แม่น้ำ​ใหญ่​คือ​แม่น้ำ​ยูเฟรติส ดู​นั่น​สิ เรา​ได้​วาง​แผ่นดิน​นั้น​ไว้​ให้​เพียง​แค่​เอื้อม​ของ​พวก​เจ้า​แล้ว เจ้า​จง​เข้า​ไป​และ​ยึด​ครอง​แผ่นดิน​ซึ่ง​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ได้​ปฏิญาณ​ว่า​จะ​มอบ​ให้​แก่​บรรพบุรุษ​ของ​เจ้า​คือ อับราฮัม อิสอัค ยาโคบ และ​แก่​บรรดา​ผู้​สืบ​เชื้อ​สาย​ต่อ​จาก​พวก​เขา’ ใน​ครั้ง​โน้น​เรา​บอก​พวก​ท่าน​ว่า ‘เรา​ไม่​สามารถ​ทน​ต่อ​พวก​ท่าน​ได้​คน​เดียว พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​พวก​ท่าน​ได้​เพิ่ม​จำนวน​ทายาท​พวก​ท่าน​มาก​ขึ้น ก็​ดู​สิ ใน​ขณะ​นี้​จำนวน​ของ​พวก​ท่าน​มี​มากมาย​ดุจ​ดวงดาว​บน​ท้องฟ้า ขอ​ให้​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​บรรพบุรุษ​ของ​ท่าน​ทำ​ให้​ท่าน​มี​จำนวน​มาก​ขึ้น​อีก​นับ​พัน​เท่า และ​อวยพร​ท่าน​ตาม​ที่​พระ​องค์​ได้​สัญญา​กับ​พวก​ท่าน​ไว้ เรา​จะ​แบก​ภาระ​และ​ปัญหา​อัน​หนัก​หน่วง​ใน​เรื่อง​การ​โต้แย้ง​ของ​พวก​ท่าน​คน​เดียว​ได้​อย่างไร ท่าน​จง​เลือก​คน​จาก​แต่​ละ​เผ่า​ของ​พวก​ท่าน ขอ​ให้​เป็น​ผู้​เรือง​ปัญญา เข้าอก​เข้าใจ​ผู้​อื่น และ​เป็น​ที่​น่า​นับถือ แล้ว​เรา​จะ​ตั้ง​ให้​เขา​เป็น​หัวหน้า​ของ​ท่าน’ และ​ท่าน​ตอบ​เรา​ว่า ‘สิ่ง​ที่​ท่าน​เสนอ​มา​นั้น​ดี เหมาะ​ที่​เรา​จะ​ทำ’ ดังนั้น เรา​จึง​เลือก​หัวหน้า​ประจำ​เผ่า​ของ​ท่าน ซึ่ง​เรือง​ปัญญา​และ​เป็น​ที่​น่า​นับถือ และ​ตั้ง​ให้​เขา​เป็น​หัวหน้า​เหนือ​ท่าน เพื่อ​ดูแล​คน​กลุ่ม​ละ​พัน​คน ร้อย​คน ห้า​สิบ​คน สิบ​คน และ​เจ้าหน้าที่​ต่างๆ ประจำ​เผ่า​ของ​พวก​ท่าน และ​เรา​กำชับ​บรรดา​ผู้​ตัดสิน​ความ​ของ​ท่าน​ใน​ครั้ง​โน้น​ว่า ท่าน​จง​พิจารณา​คดี​ระหว่าง​พวก​พ้อง​ของ​ท่าน และ​ตัดสิน​ด้วย​ความ​ยุติธรรม​ระหว่าง​คน​ใน​ชาติ​เดียวกัน​หรือ​กับ​คน​ต่างด้าว อย่า​มี​ความ​ลำเอียง​ใน​การ​ตัดสิน ท่าน​จง​ฟัง​ทั้ง​ผู้น้อย​และ​ผู้ใหญ่​ให้​เสมอ​กัน อย่า​กลัว​มนุษย์​หน้า​ไหน เพราะ​การ​ตัดสิน​เป็น​ของ​พระ​เจ้า คดี​ใด​ที่​ยาก​เกิน​ความ​สามารถ​ของ​ท่าน ก็​จง​นำ​มา​ให้​เรา​พิจารณา ใน​ครั้ง​โน้น เรา​ได้​กำชับ​ท่าน​แล้ว​ถึง​ทุก​สิ่ง​ที่​ท่าน​ควร​กระทำ แล้ว​พวก​เรา​ออก​เดินทาง​ไป​จาก​โฮเรบ ผ่าน​เข้า​ไป​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร​อัน​กว้าง​ใหญ่​ไพศาล​และ​น่ากลัว ซึ่ง​ท่าน​ก็​เห็น​มา​แล้ว ใน​ระหว่าง​ทาง​ใน​แถบ​ภูเขา​ของ​ชาว​อาโมร์​ตาม​ที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​เรา​บัญชา​พวก​เรา​ไว้ และ​เรา​ก็​มา​ถึง​คาเดชบาร์เนีย เรา​พูด​กับ​ท่าน​ว่า ‘พวก​ท่าน​มา​ถึง​แถบ​ภูเขา​ของ​ชาว​อาโมร์​ซึ่ง​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​เรา​ยก​ให้​เรา​แล้ว ดู​นั่น​สิ พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​ท่าน​ได้​วาง​แผ่นดิน​นั้น​ไว้​ให้​เพียง​แค่​เอื้อม​ของ​ท่าน จง​ขึ้น​ไป​และ​ยึดครอง​แผ่นดิน​ตาม​ที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​บรรพบุรุษ​ของ​ท่าน​บอก​ท่าน​ไว้​แล้ว อย่า​กลัว​หรือ​ท้อใจ​เลย’ พวก​ท่าน​ทุก​คน​ก็​มา​หา​เรา แล้ว​บอก​ว่า ‘ให้​พวก​ผู้​ชาย​ล่วงหน้า​เรา​ไป​ก่อน​เถิด เขา​จะ​ได้​ไป​สอดแนม​ดู​สถาน​ที่​ให้​พวก​เรา แล้ว​ให้​เขา​กลับ​มา​รายงาน​ว่า​พวก​เรา​ควร​ขึ้น​ไป​ทาง​ไหน​และ​ไป​ยัง​เมือง​ใด’ เรา​เห็น​ว่า​เป็น​ความ​คิด​ดี​จึง​ได้​เลือก​ชาย 12 คน มา​จาก​เผ่า​ละ 1 คน พวก​เขา​ก็​ขึ้น​ไป​ยัง​แถบ​ภูเขา​แล้ว​ลง​ไป​ยัง​ลุ่มน้ำ​เอชโคล์​สอดแนม​อยู่​ที่​นั่น เขา​เอา​ผลไม้​จาก​ดินแดน​นั้น​ติดตัว​ลง​มา​ให้​พวก​เรา​ด้วย พร้อม​กับ​รายงาน​ว่า ‘เป็น​แผ่นดิน​อุดม​สมบูรณ์​ที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​เรา​มอบ​ให้​แก่​พวก​เรา’ ถึง​กระนั้น​พวก​ท่าน​ยัง​ไม่​ยอม​ขึ้น​ไป แต่​กลับ​ขัดขืน​ต่อ​คำ​บัญชา​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​ท่าน แล้ว​ก็​บ่น​พึมพำ​อยู่​ใน​กระโจม​ว่า ‘เป็น​เพราะ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​เกลียดชัง​พวก​เรา พระ​องค์​จึง​ได้​นำ​เรา​ออก​จาก​แผ่นดิน​อียิปต์ เพื่อ​ให้​เรา​ตก​อยู่​ใน​มือ​ของ​ชาว​อาโมร์ พวก​เขา​จะ​ได้​กำจัด​เรา พวก​เรา​จะ​หนี​ไป​ไหน​ได้ ผู้​สอดแนม​ทำ​ให้​เรา​ใจ​เสีย​จาก​คำ​พูด​ที่​ว่า “ชาว​เมือง​สูง​ใหญ่​และ​กำยำ​กว่า​พวก​เรา เมือง​เหล่า​นั้น​ก็​ใหญ่ มี​กำแพง​สูง​เทียม​ฟ้า และ​ยิ่ง​กว่า​นั้น พวก​เรา​เห็น​ลูก​หลาน​พวก​อานาค​ที่​นั่น​ด้วย”’ แล้ว​เรา​ก็​บอก​ท่าน​ว่า ‘อย่า​ตกใจ​หรือ​กลัว​พวก​เขา​เลย พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​ท่าน พระ​องค์​ได้​ล่วงหน้า​ท่าน​ไป​แล้ว และ​จะ​เป็น​ผู้ช่วย​ใน​การ​ต่อสู้ เหมือน​กับ​ที่​ท่าน​เห็น​พระ​องค์​กระทำ​เพื่อ​ท่าน​ใน​อียิปต์ และ​ท่าน​เห็น​แล้ว​ว่า​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​ท่าน​อุ้มชู​พวก​ท่าน​อย่างไร​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร เปรียบดัง​พ่อ​อุ้ม​ลูก​ของ​ตน และ​ท่าน​ก็​ผ่าน​มา​ได้​ตลอด​รอดฝั่ง​จน​ถึง​ที่​นี่’ แม้​เรา​จะ​บอก​ท่าน​แล้ว​ก็​ตาม แต่​ดู​เหมือน​ท่าน​ก็​ยัง​ไม่​เชื่อ​ใน​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​ท่าน เวลา​ท่าน​เดินทาง พระ​องค์​ก็​ล่วงหน้า​ไป​ก่อน​ท่าน​เพื่อ​หา​สถาน​ที่​ให้​ท่าน​ตั้ง​กระโจม​ใน​ลักษณะ​ของ​เพลิงไฟ​ใน​ตอน​กลางคืน และ​ใน​ลักษณะ​ของ​เมฆ​ใน​ตอน​กลางวัน​เพื่อ​ชี้​ให้​ท่าน​เห็น​ว่า​ควร​จะ​ไป​ทาง​ไหน เมื่อ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ได้ยิน​พวก​ท่าน​พูด พระ​องค์​ก็​โกรธ​และ​ปฏิญาณ​ว่า ‘ไม่​มี​ใคร​สักคน​ใน​ยุค​อัน​ชั่วร้าย​นี้​ที่​จะ​ได้​เห็น​แผ่นดิน​อัน​อุดม​ที่​เรา​ได้​ปฏิญาณ​ว่า​จะ​มอบ​ให้​แก่​บรรพบุรุษ​ของ​พวก​เจ้า ยกเว้น​คาเลบ​บุตร​เยฟุนเนห์ เขา​จะ​ได้​เห็น​แผ่นดิน และ​เรา​จะ​มอบ​แผ่นดิน​ที่​เขา​เหยียบ​ให้​แก่​เขา​และ​ลูก​หลาน​ของ​เขา เพราะ​เขา​ทำ​ตาม​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ด้วย​ใจ​จริง’ เป็น​เพราะ​ท่าน พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​จึง​โกรธ​เรา​ด้วย และ​พระ​องค์​กล่าว​ว่า ‘เจ้า​เอง​จะ​ไม่​ได้​เข้า​ไป​ที่​นั่น​ด้วย​เช่น​กัน แต่​ผู้ช่วย​ของ​พวก​เจ้า​คือ​โยชูวา​บุตร​ของ​นูน​จะ​ได้​เข้า​ไป จง​ให้​กำลัง​ใจ​เขา เพราะ​เขา​จะ​เป็น​ผู้​นำ​ชาว​อิสราเอล​ให้​ยึดครอง​แผ่นดิน