กิจการ 9:1-15

กิจการ 9:1-15 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ใน​ระหว่าง​นั้น​เซาโล​ยัง​คง​ขู่​ฆ่า​พวก​ศิษย์​ของ​องค์​เจ้า​ชีวิต เขา​ไปหา​หัวหน้า​นักบวช​สูงสุด เพื่อ​ขอ​จดหมาย​แนะนำ​ตัว​ต่อ​ผู้นำ​ใน​ที่ประชุม​ต่างๆ​ของ​ชาว​ยิว​ใน​เมือง​ดามัสกัส เพื่อ​ว่า​ถ้า​เขา​พบ​คน​ที่​ติดตาม​แนว​ทาง​ของ​องค์​เจ้า​ชีวิต ไม่ว่า​จะ​เป็น​ชาย​หรือ​หญิง เขา​ก็​จะ​ได้​จับกุม​ตัว​กลับ​มา​ที่​เมือง​เยรูซาเล็ม ทันที​ที่​เซาโล​เดิน​ทาง​ใกล้​ถึง​เมือง​ดามัสกัส ก็​มี​แสงสว่าง​จ้า​จาก​ท้องฟ้า​ส่อง​ลง​มา​รอบ​ตัว​เขา เขา​ล้มลง​กับ​พื้น และ​ได้ยิน​เสียง​พูด​ว่า “เซาโล เซาโล เจ้า​ข่มเหง​เรา​ทำไม” เซาโล​พูด​ว่า “ท่าน​เป็น​ใคร​กัน” พระองค์​ตอบ​ว่า “เรา​คือ​เยซู คน​ที่​เจ้า​ข่มเหง​ไง ลุกขึ้น​แล้ว​เข้า​ไป​ใน​เมือง จะ​มี​คน​มา​บอก​เจ้า​เอง​ว่า​จะ​ต้อง​ทำ​อะไร​ต่อไป” พวก​คน​ที่​เดิน​ทาง​มา​กับ​เซาโล​ยืน​งง​พูด​อะไร​ไม่​ออก​เพราะ​ได้ยิน​เสียง แต่​ไม่​เห็น​ตัว​คน​พูด เซาโล​ลุกขึ้น แต่​เมื่อ​ลืมตา​เขา​กลับ​มอง​อะไร​ไม่​เห็น​เลย พวก​นั้น​จึง​จูง​มือ​เซาโล​พา​ไป​ที่​เมือง​ดามัสกัส เซาโล​มอง​อะไร​ไม่​เห็น​และ​ไม่​ได้​กิน​หรือ​ดื่ม​อะไร​เป็น​เวลา​สาม​วัน ใน​เมือง​ดามัสกัส มี​ศิษย์​คน​หนึ่ง​ของ​พระเยซู ชื่อ​อานาเนีย องค์​เจ้า​ชีวิต​ได้​พูด​กับ​เขา​ทาง​นิมิต​ว่า “อานาเนีย” แล้ว​เขา​ก็​ตอบ​ว่า “ผม​อยู่​นี่​ครับ องค์​เจ้า​ชีวิต” พระองค์​สั่ง​ว่า “ลุก​ขึ้น ไป​ที่​บ้าน​ของ​ยูดาส ที่​อยู่​บน​ถนน​ตรง ถาม​หา​ชาย​ที่​ชื่อ​เซาโล​ที่​มา​จาก​ทาร์ซัส ซึ่ง​ตอนนี้​เขา​กำลัง​อธิษฐาน​อยู่ เซาโล​ก็​เห็น​นิมิต​เหมือน​กัน เขา​เห็น​ชาย​ชื่อ​อานาเนีย กำลัง​เข้า​มา​ใน​บ้าน​และ​วางมือ​บน​ตัว​เขา เพื่อ​เขา​จะ​กลับ​มา​มอง​เห็น​ได้​อีก” อานาเนีย​ตอบ​ว่า “องค์​เจ้า​ชีวิต ผม​ได้ยิน​เกี่ยวกับ​เรื่อง​ชั่วๆ​ที่​ชาย​คนนี้​ทำ​กับ​คน​ที่​เป็น​ของ​พระองค์​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม​จาก​ปาก​ของ​หลาย​คน​แล้ว เขา​ได้รับ​อำนาจ​จาก​พวก​ผู้นำ​นักบวช​ให้​มา​จับกุม​ทุก​คน​ที่​ไว้วางใจ​ใน​พระองค์ ที่​นี่” แต่​องค์​เจ้า​ชีวิต​บอก​กับ​อานาเนีย​ว่า “ไป​เถอะ เพราะ​เรา​ได้​เลือก​ชาย​คนนี้​มา​เป็น​เครื่องมือ​ที่​จะ​ไป​ส่งข่าว​เรื่อง​ของ​เรา​ให้​กับ​คน​ที่​ไม่​ใช่​ยิว พวก​กษัตริย์ และ​ประชาชน​ชาว​อิสราเอล

กิจการ 9:1-15 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

ในระหว่างนั้นเซาโลยังขู่คำราม กล่าวว่าจะฆ่าบรรดาสาวกขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงไปหามหาปุโรหิต ขอหนังสือไปยังธรรมศาลาต่างๆ ในเมืองดามัสกัส เพื่อที่ว่าถ้าพบใครเป็นพวก “ทางนั้น” ไม่ว่าชายหรือหญิง จะจับมัดพามายังกรุงเยรูซาเล็ม ขณะที่เซาโลเดินทางไปใกล้จะถึงเมืองดามัสกัส ทันใดนั้นมีแสงสว่างส่องมาจากฟ้าล้อมรอบตัวท่าน ท่านก็ล้มลงที่พื้นและได้ยินพระสุรเสียงตรัสว่า “เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม?” เซาโลจึงทูลถามว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เป็นใคร?” พระองค์ตรัสว่า “เราคือเยซูผู้ที่เจ้าข่มเหง จงลุกขึ้นเถิดและเข้าไปในเมือง จะมีคนบอกให้เจ้าทราบว่าเจ้าต้องทำอะไร” พวกที่เดินทางไปด้วยกันก็ยืนจังงังพูดไม่ออก พวกเขาได้ยินพระสุรเสียงแต่ไม่เห็นใคร เซาโลจึงลุกขึ้นจากพื้น เมื่อลืมตาแล้วก็มองอะไรไม่เห็น พวกเขาจึงจูงมือท่านเข้าไปในเมืองดามัสกัส ตาของท่านก็มืดมัวไปถึงสามวัน และท่านไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลย ในเมืองดามัสกัสมีสาวกคนหนึ่งชื่ออานาเนีย องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับคนนั้นทางนิมิตว่า “อานาเนียเอ๋ย” อานาเนียจึงทูลตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์อยู่ที่นี่” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “จงลุกขึ้นไปที่ถนนสายที่เรียกว่า ‘ถนนตรง’ และไปที่บ้านของยูดาสถามหาชายคนหนึ่งจากเมืองทาร์ซัสที่ชื่อเซาโล ตอนนี้เขากำลังอธิษฐานอยู่ และ[ในนิมิต]เขามองเห็นชายคนหนึ่งชื่ออานาเนียเข้ามาวางมือบนตัวเขาเพื่อที่ว่าเขาจะมองเห็นอีก” แต่อานาเนียทูลตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ได้ยินหลายคนพูดถึงคนนั้นว่า เขาทำร้ายธรรมิกชนของพระองค์ในกรุงเยรูซาเล็มมากมาย และที่นี่เขาก็ได้สิทธิอำนาจจากพวกหัวหน้าปุโรหิตให้มาจับคนทั้งหลายที่อธิษฐานออกพระนามของพระองค์” องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับท่านว่า “จงไปเถิด เพราะว่าคนนี้เป็นภาชนะที่เราเลือกสรรไว้ เขาจะนำนามของเราไปถึงบรรดาคนต่างชาติและบรรดากษัตริย์ และไปถึงพวกอิสราเอล

กิจการ 9:1-15 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ฝ่ายเซาโลยังขู่คำรามกล่าวว่าจะฆ่าศิษย์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเสีย จึงไปหามหาปุโรหิต ขอหนังสือไปยังธรรมศาลาในเมืองดามัสกัส เพื่อว่าถ้าพบผู้ใดถือทางนั้นไม่ว่าชายหรือหญิง จะได้จับมัดพามายังกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อเซาโลเดินทางไปใกล้จะถึงเมืองดามัสกัส ในทันใดนั้​นม​ีแสงสว่างส่องมาจากฟ้าล้อมตัวเขาไว้​รอบ เซาโลจึงล้มลงถึ​งด​ินและได้ยินพระสุรเสียงตรัสแก่เขาว่า “เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้​าข่มเหงเราทำไม” เซาโลจึงทูลถามว่า “​พระองค์​เจ้าข้า พระองค์​ทรงเป็นผู้​ใด​” องค์​พระผู้เป็นเจ้าตรั​สว​่า “เราคือเยซู ที่​เจ้​าข่มเหง ซึ่งเจ้าถีบประตั​กก​็ยากนัก” เซาโลก็ตัวสั่นและรู้สึกประหลาดใจจึงถามว่า “​พระองค์​เจ้าข้า พระองค์​ประสงค์​จะให้ข้าพระองค์ทำอะไร” องค์​พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เขาว่า “​เจ้​าจงลุกขึ้นเข้าไปในเมือง และเจ้าจะต้องทำประการใด จะมีคนบอกให้​รู้​” คนทั้งหลายที่เดินทางไปด้วยกั​นก​็ยืนนิ่งพูดไม่​ออก ได้​ยินพระสุรเสียงนั้นแต่​ไม่​เห​็นใคร ฝ่ายเซาโลได้​ลุ​กขึ้นจากพื้นดิน เมื่อลืมตาแล้​วก​็มองอะไรไม่​เห็น เขาจึงจู​งม​ือท่านไปยังเมืองดามัสกัส ตาท่านก็มื​ดม​ัวไปถึงสามวันและท่านมิ​ได้​กินหรื​อด​ื่มอะไรเลย ในเมืองดามัสกั​สม​ี​ศิษย์​คนหนึ่งชื่ออานาเนีย องค์​พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับผู้นั้นโดยนิ​มิ​ตว่า “อานาเนียเอ๋ย” อานาเนียจึงทูลตอบว่า “​พระองค์​เจ้าข้า ดู​เถิด ข้าพระองค์​อยู่​ที่นี่​” องค์​พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “จงลุกขึ้น ไปที่ถนนที่เรียกว่าถนนตรง ถามหาชายคนหนึ่งชื่อเซาโลชาวเมืองทาร์ซั​สอย​ู่ในบ้านของยูดาส เพราะดู​เถิด เขากำลังอธิษฐานอยู่ และในนิ​มิ​ตเขาได้​เห​็นคนหนึ่งชื่ออานาเนียเข้ามาวางมือบนเขา เพื่อเขาจะเห็นได้​อีก​” แต่​อานาเนียทูลตอบว่า “​พระองค์​เจ้าข้า ข้าพระองค์​ได้​ยินหลายคนพูดถึงคนนั้​นว​่า เขาได้ทำร้ายวิ​สุทธิ​ชนของพระองค์ในกรุงเยรูซาเล็มมาก และในที่​นี่​เขาได้อำนาจมาจากพวกปุโรหิตใหญ่ ให้​ผูกมัดคนทั้งปวงที่ร้องออกพระนามของพระองค์” ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกั​บท​่านว่า “จงไปเถิด เพราะว่าคนนั้นเป็นภาชนะที่เราได้เลือกสรรไว้ สำหรับจะนำนามของเราไปยังประชาชาติ กษัตริย์​และชนชาติ​อิสราเอล

กิจการ 9:1-15 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ฝ่ายเซาโลยังขู่คำราม กล่าวว่าจะฆ่าศิษย์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเสีย จึงไปหามหาปุโรหิตประจำการ ขอหนังสือไปยังธรรมศาลาในเมืองดามัสกัส เพื่อว่าถ้าพบผู้ใดถือทางนั้นไม่ว่าชายหรือหญิง จะได้จับมัดพามายังกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อเซาโลเดินทางไปใกล้จะถึงเมืองดามัสกัส ในทันใดนั้น มีแสงสว่างส่องมาจากฟ้าล้อมตัวเขาไว้รอบ เซาโลจึงล้มลงถึงดินและได้ยินพระสุรเสียงตรัสมาว่า <<เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม>> เซาโลจึงทูลถามว่า <<พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงเป็นผู้ใด>> พระองค์ตรัสว่า <<เราคือเยซู ซึ่งเจ้าข่มเหง แต่เจ้าจงลุกขึ้นเข้าไปในเมือง และเจ้าจะต้องทำประการใดจะมีคนบอกให้รู้>> คนทั้งหลายที่เดินทางไปด้วยกันก็ยืนนิ่งพูดไม่ออก ได้ยินพระสุรเสียงนั้น แต่ไม่เห็นใคร ฝ่ายเซาโลได้ลุกขึ้นจากพื้นดิน เมื่อลืมตาแล้วก็มองอะไรไม่เห็น เขาจึงจูงมือท่านไปยังเมืองดามัสกัส ตาท่านก็มืดมัวไปถึงสามวัน และท่านมิได้กินหรือดื่มอะไรเลย ในเมืองดามัสกัสมีศิษย์คนหนึ่งชื่ออานาเนีย องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับผู้นั้นโดยนิมิตว่า <<อานาเนียเอ๋ย>> อานาเนียจึงทูลตอบว่า <<พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์อยู่ที่นี่>> พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า <<จงลุกขึ้นไปที่ถนนที่เรียกว่าถนนตรง ถามหาชายคนหนึ่งชื่อเซาโลชาวเมืองทาร์ซัสอยู่ในตึกของยูดาส เพราะดูเถิด เขากำลังอธิษฐานอยู่ และเขาได้เห็นคนหนึ่งชื่ออานาเนีย เข้ามาวางมือบนเขา เพื่อเขาจะเห็นได้อีก>> แต่อานาเนียทูลตอบว่า <<พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ได้ยินหลายคนพูดถึงคนนั้นว่า เขาได้ทำร้ายวิสุทธิชนของพระองค์ ในกรุงเยรูซาเล็มมาก และในที่นี่เขาได้อำนาจมาจากพวกมหาปุโรหิต ให้ผูกมัดคนทั้งปวงที่อธิษฐานออกพระนามของพระองค์>> ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับท่านว่า <<จงไปเถิด เพราะว่าคนนั้นเป็นภาชนะที่เราได้เลือกสรรไว้ สำหรับจะนำนามของเราไปยังประชาชาติ กษัตริย์และพวกอิสราเอล

กิจการ 9:1-15 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ขณะเดียวกันเซาโลยังข่มขู่จะเข่นฆ่าสาวกขององค์พระผู้เป็นเจ้า เซาโลเข้าพบมหาปุโรหิต และขอจดหมายถึงธรรมศาลาต่างๆ ในเมืองดามัสกัสเพื่อว่าถ้าเขาพบใครก็ตามที่ถือ “ทางนั้น” ไม่ว่าชายหรือหญิงจะได้คุมตัวเป็นนักโทษมายังกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อเขาเดินทางมาเกือบถึงเมืองดามัสกัส ทันใดนั้นมีแสงสว่างจากฟ้าสวรรค์ส่องแวบวาบรอบตัวเซาโล เขาล้มลงกับพื้นและได้ยินพระสุรเสียงตรัสกับเขาว่า “เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม?” เซาโลถามว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงเป็นผู้ใด?” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราคือเยซูผู้ที่เจ้ากำลังข่มเหง บัดนี้จงลุกขึ้นเข้าไปในเมืองและจะมีผู้บอกให้เจ้ารู้ว่าเจ้าต้องทำประการใด” ผู้คนที่ร่วมทางมากับเซาโลยืนนิ่งพูดไม่ออก พวกเขาได้ยินเสียงนั้นแต่ไม่เห็นใคร เซาโลลุกขึ้นจากพื้นแต่เมื่อเขาลืมตาก็มองอะไรไม่เห็น ดังนั้นพวกเขาจึงจูงมือเซาโลเข้าเมืองดามัสกัส เซาโลตาบอดและไม่ได้กินดื่มอะไรเลยเป็นเวลาสามวัน ในเมืองดามัสกัสมีสาวกคนหนึ่งชื่ออานาเนีย องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเรียกเขาในนิมิตว่า “อานาเนียเอ๋ย!” เขาทูลว่า “พระเจ้าข้า” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสบอกเขาว่า “จงไปที่บ้านยูดาสบนถนนที่เรียกว่าถนนตรง แล้วถามหาคนชื่อเซาโลจากเมืองทาร์ซัส เพราะเขากำลังอธิษฐานอยู่ และในนิมิตเขาเห็นคนหนึ่งชื่ออานาเนียมาวางมือบนเขาเพื่อให้สายตาของเขากลับเป็นปกติ” อานาเนียทูลตอบว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ได้ยินมามากมายเกี่ยวกับคนนี้และการร้ายสารพัดที่เขาได้ทำต่อประชากรของพระองค์ในกรุงเยรูซาเล็ม และเขาก็มาที่นี่พร้อมด้วยสิทธิอำนาจจากหัวหน้าปุโรหิตเพื่อจับกุมคนทั้งปวงที่ร้องออกพระนามของพระองค์” แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอานาเนียว่า “ไปเถิด! ชายผู้นี้คืออุปกรณ์ที่เราได้เลือกสรรไว้เพื่อนำนามของเราไปยังคนต่างชาติและบรรดากษัตริย์ของพวกเขาตลอดจนประชากรอิสราเอล

กิจการ 9:1-15 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ใน​เวลา​นั้น​เซาโล​ยัง​คง​ขู่​ฆ่า​พวก​สาวก​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ต่อ​ไป ทั้ง​ยัง​ไป​หา​หัวหน้า​มหา​ปุโรหิต เพื่อ​ทำ​หนังสือ​ยื่น​ไป​ยัง​ศาลา​ที่​ประชุม​ต่างๆ ใน​เมือง​ดามัสกัส​ว่า หาก​มี​ผู้​ใด​ไม่​ว่า​ชาย​หรือ​หญิง​ที่​ดำเนิน​ตาม​ใน “วิถี​ทาง​นั้น” ให้​จับ​มัด​พา​มา​ยัง​เมือง​เยรูซาเล็ม ขณะ​ที่​เซาโล​เดิน​ทาง​จวน​จะ​ถึง​เมือง​ดามัสกัส ใน​ทันใด​นั้น ก็​มี​แสง​จาก​สวรรค์​ส่อง​ล้อม​รอบ​ตัว​ท่าน ท่าน​ทรุด​ตัว​ลง​บน​พื้น​และ​ได้ยิน​เสียง​พูด​กับ​ท่าน​ว่า “เซาโล เซาโล​เอ๋ย ทำไม​เจ้า​จึง​กดขี่​ข่มเหง​เรา” เซาโล​ถาม​ว่า “พระ​องค์​ท่าน พระ​องค์​เป็น​ผู้​ใด” พระ​องค์​ตอบ​ว่า “เรา​คือ​เยซู​ผู้​ที่​เจ้า​กำลัง​ข่มเหง จง​ลุก​ขึ้น​เถิด เข้า​ไป​ใน​เมือง และ​จะ​มี​คน​บอก​ว่า​เจ้า​จะ​ต้อง​ทำ​สิ่ง​ใด​บ้าง” ชาย​พวก​ที่​เดิน​ทาง​ไป​กับ​เซาโล​ได้​แต่​ยืน​นิ่ง​อึ้ง พูด​ไม่​ออก​เพราะ​ได้ยิน​เสียง​แต่​ไม่​เห็น​ตัว​ผู้​พูด เมื่อ​เซาโล​ลุก​ขึ้น​มา แม้​จะ​เปิด​ตา แต่​กลับ​มอง​อะไร​ไม่​เห็น เขา​เหล่า​นั้น​จึง​ต้อง​ช่วย​จูง​มือ​ไป​ยัง​เมือง​ดามัสกัส เซาโล​ตา​บอด​อยู่ 3 วัน​และ​ไม่​ได้​ดื่ม​กิน​สิ่ง​ใด​เลย ใน​เมือง​ดามัสกัส​มี​สาวก​คน​หนึ่ง​ชื่อ​อานาเนีย พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​กับ​เขา​ใน​ภาพ​นิมิต​ว่า “อานาเนีย​เอ๋ย” เขา​ตอบ​ว่า “พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ข้าพเจ้า​อยู่​ที่​นี่” พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​กับ​เขา​ว่า “เจ้า​จง​ลุก​ขึ้น ไป​ที่​ถนน​ที่​เรียก​ว่า ถนน​ตรง ไป​ยัง​บ้าน​ของ​ยูดาส​และ​ถาม​หา​เซาโล​ที่​มา​จาก​เมือง​ทาร์ซัส เขา​กำลัง​อธิษฐาน​อยู่ และ​เขา​ได้​เห็น​ภาพ​นิมิต​ของ​ชาย​ผู้​หนึ่ง​ชื่อ​อานาเนีย ซึ่ง​มา​และ​วาง​มือ​ทั้ง​สอง​บน​ตัว​เขา​เพื่อ​จะ​ได้​มอง​เห็น​อีก” อานาเนีย​ตอบ​ว่า “พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ข้าพเจ้า​เคย​ได้ยิน​เรื่อง​ของ​ชาย​คน​นี้​จาก​คน​จำนวน​มาก เขา​ได้​กระทำ​ความ​ชั่ว​มากมาย​ต่อ​บรรดา​ผู้​บริสุทธิ์​ของ​พระ​เจ้า​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม และ​ที่​นี่​เขา​ก็​ยืม​สิทธิ​อำนาจ​ของ​พวก​มหา​ปุโรหิต เพื่อ​จับ​กุม​ทุก​คน​ที่​ร้อง​เรียก​พระ​นาม​ของ​พระ​องค์” แต่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​กับ​อานาเนีย​ว่า “จง​ไป​เถิด ชาย​คน​นี้​เป็น​เครื่องมือ​ที่​เรา​เลือก​ไว้ เพื่อ​จะ​นำ​ชื่อ​ของ​เรา​ไป​ยัง​บรรดา​คนนอก บรรดา​กษัตริย์ และ​ไป​ยัง​ชน​ชาติ​อิสราเอล