กิจการ 7:9-60

กิจการ 7:9-60 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

“และบรรพบุรุษเหล่านั้นอิจฉาโยเซฟ จึงขายเขาไปยังประเทศอียิปต์ แต่พระเจ้าสถิตกับโยเซฟ ทรงช่วยให้พ้นจากความทุกข์ลำบากทั้งสิ้น ทรงให้มีความชอบและมีสติปัญญาเฉพาะพระพักตร์ฟาโรห์กษัตริย์ของประเทศอียิปต์ ฟาโรห์จึงตั้งโยเซฟให้ดูแลประเทศอียิปต์และทุกอย่างในพระราชสำนักของพระองค์ ต่อมาเกิดการกันดารอาหารทั่วแผ่นดินอียิปต์และแผ่นดินคานาอัน และมีความลำบากมาก บรรพบุรุษของเราจึงไม่มีอาหาร ยาโคบเมื่อได้ยินว่ามีข้าวอยู่ในประเทศอียิปต์ จึงใช้บรรพบุรุษของเราไปเป็นครั้งที่หนึ่ง พอครั้งที่สองโยเซฟแสดงตัวให้พี่น้องรู้ และฟาโรห์ก็ทรงรู้จักญาติของโยเซฟด้วย โยเซฟจึงเชิญยาโคบบิดากับบรรดาญาติของตนเจ็ดสิบห้าคนให้มาหา ยาโคบจึงลงไปที่ประเทศอียิปต์และท่านกับบรรพบุรุษของเราก็เสียชีวิตที่นั่น พวกเขาจึงนำศพไปฝังไว้ในเมืองเชเคม ในอุโมงค์ที่อับราฮัมเอาเงินจำนวนหนึ่งซื้อจากบุตรของฮาโมร์ในเชเคม “แต่เมื่อใกล้จะถึงเวลาตามพระสัญญาที่พระเจ้าตรัสไว้กับอับราฮัม ชนชาติอิสราเอลได้ทวีจำนวนมากขึ้นในประเทศอียิปต์ จนกระทั่งกษัตริย์องค์หนึ่งซึ่งไม่รู้จักโยเซฟได้ขึ้นครองราชสมบัติในประเทศอียิปต์ กษัตริย์องค์นั้นทรงออกอุบายจัดการกับชนชาติของเรา ทรงข่มเหงบรรพบุรุษของเรา ทรงบังคับให้ทิ้งลูกอ่อนของพวกเขาเพื่อไม่ให้รอดชีวิต เป็นเวลาเดียวกับที่โมเสสเกิดมา มีรูปร่างงดงามเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เขาจึงถูกเลี้ยงไว้ในบ้านบิดาจนครบสามเดือน แต่หลังจากถูกทิ้งไว้นอกบ้านแล้ว ราชธิดาของฟาโรห์ก็รับมาเลี้ยงเสมือนเป็นบุตรของตน โมเสสจึงได้รับการสอนในเรื่องวิชาการทุกอย่างของชาวอียิปต์ มีสมรรถภาพในการพูดและในกิจการต่างๆ “เมื่อโมเสสมีอายุย่างเข้าสี่สิบปี ก็นึกอยากไปเยี่ยมญาติพี่น้องของตนคือชนชาติอิสราเอล เมื่อท่านเห็นคนหนึ่งถูกข่มเหง จึงเข้าไปช่วยโดยฆ่าชาวอียิปต์ซึ่งเป็นผู้ข่มเหงนั้นเพื่อแก้แค้น เพราะคิดว่าญาติพี่น้องคงเข้าใจดีว่า พระเจ้าจะทรงช่วยพวกเขาให้รอดด้วยมือของตน แต่พวกเขาไม่เข้าใจอย่างนั้น วันรุ่งขึ้นโมเสสเข้ามาพบเขาทั้งสองขณะวิวาทกัน ก็อยากให้เขาทั้งสองกลับคืนดีกัน จึงกล่าวว่า ‘เพื่อนเอ๋ยพวกท่านเป็นพี่น้องกัน ทำไมถึงทำร้ายกัน?’ คนที่ข่มเหงเพื่อนก็ผลักโมเสสออกไป และกล่าวว่า ‘ใครตั้งเจ้าให้เป็นผู้ครอบครองและผู้พิพากษาของเรา? เจ้าจะฆ่าข้าเหมือนกับที่ฆ่าชาวอียิปต์เมื่อวานนี้หรือ?’ เมื่อโมเสสได้ยินคำพูดนั้น จึงหนีไปอาศัยอยู่ที่แผ่นดินมีเดียนและมีบุตรสองคนที่นั่น “เมื่อเวลาผ่านไปได้สี่สิบปี ทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาปรากฏแก่โมเสสในเปลวไฟที่พุ่มไม้ในถิ่นทุรกันดารของภูเขาซีนาย เมื่อโมเสสเห็นก็อัศจรรย์ใจเพราะนิมิตนั้น เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ก็ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสว่า ‘เราเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของเจ้า คือพระเจ้าของอับราฮัม ของอิสอัค และของยาโคบ’ โมเสสจึงกลัวจนตัวสั่นไม่กล้ามองดู พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า ‘จงถอดรองเท้าออก เพราะที่ที่เจ้ายืนอยู่นี้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ อันที่จริงเราเห็นความทุกข์ของชนชาติของเราที่อยู่ในประเทศอียิปต์แล้ว และเราได้ยินเสียงคร่ำครวญของเขาทั้งหลาย เราจึงลงมาเพื่อช่วยพวกเขาให้รอด มาเถอะ เราจะใช้เจ้าไปยังประเทศอียิปต์’ “โมเสสคนนี้ที่เคยถูกพวกเขาปฏิเสธ โดยกล่าวว่า ‘ใครตั้งเจ้าให้เป็นผู้ครอบครองและผู้พิพากษาของเรา’ นั้นเอง โดยมือของทูตสวรรค์ผู้ซึ่งปรากฏแก่ท่านที่พุ่มไม้ พระเจ้าทรงใช้โมเสสคนนี้แหละ ไปเป็นผู้ครอบครองและผู้ช่วยกู้ คนนี้แหละที่เป็นผู้นำพวกเขาออกมา และทำการอัศจรรย์และหมายสำคัญต่างๆ ในแผ่นดินอียิปต์ ที่ทะเลแดง และในถิ่นทุรกันดารสี่สิบปี โมเสสคนนี้แหละที่กล่าวกับชนชาติอิสราเอลว่า ‘พระเจ้าจะประทานผู้เผยพระวจนะผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อท่านทั้งหลาย จากพี่น้องของพวกท่าน เหมือนอย่างข้าพเจ้า’ โมเสสคนนี้แหละที่อยู่ในชุมนุมชนในถิ่นทุรกันดาร อยู่กับทูตสวรรค์ผู้พูดกับท่านที่ภูเขาซีนาย และอยู่กับบรรพบุรุษของเรา ท่านได้รับพระดำรัสอันทรงชีวิตเพื่อส่งต่อมาให้เรา บรรพบุรุษของเราไม่ยอมฟังโมเสส แต่ผลักไสท่านออกไป และหันเหจิตใจกลับไปยังแผ่นดินอียิปต์ พวกเขากล่าวกับอาโรนว่า ‘ขอสร้างพระให้แก่เรา เป็นพระที่จะนำเราไป เพราะว่าโมเสสคนนี้ ที่เป็นคนนำเราออกจากประเทศอียิปต์นั้น เราไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไป’ ในเวลานั้นพวกเขาทำรูปโคหนุ่ม และนำเครื่องสัตวบูชามาถวายแก่รูปนั้น และมีใจยินดีในสิ่งที่พวกเขาทำขึ้นด้วยมือ แต่พระเจ้าเบือนพระพักตร์และทรงปล่อยให้พวกเขานมัสการหมู่ดาวในท้องฟ้า ตามที่มีเขียนไว้ในหนังสือของบรรดาผู้เผยพระวจนะว่า ‘โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอล พวกเจ้าฆ่าสัตว์บูชาเรา ในถิ่นทุรกันดารถึงสี่สิบปีหรือ? พวกเจ้าขนเต็นท์ของพระโมเลค และนำดาวพระเรฟาน รูปพระต่างๆ ที่พวกเจ้าทำขึ้น เพื่อกราบนมัสการรูปนั้นต่างหาก เราจะกวาดพวกเจ้าไปไกลจนพ้น เมืองบาบิโลน’ “บรรพบุรุษของเราเมื่ออยู่ในถิ่นทุรกันดารก็มีเต็นท์แห่งสักขีพยาน ตามที่พระองค์ทรงสั่งไว้เมื่อตรัสกับโมเสสว่าให้ทำเต็นท์ตามแบบที่ได้เห็น บรรพบุรุษของเราเมื่อได้รับเต็นท์นั้นจึงขนตามโยชูวาไป หลังจากเข้ายึดแผ่นดินของบรรดาประชาชาติที่พระเจ้าทรงขับไล่ให้พ้นหน้าบรรพบุรุษของเราแล้ว เต็นท์นั้นก็ยังคงอยู่จนถึงสมัยของดาวิด ดาวิดนั้นได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า และทรงขออนุญาตที่จะจัดเตรียมพระนิเวศสำหรับพระเจ้าของยาโคบ แต่ซาโลมอนเป็นผู้ที่ได้สร้างพระนิเวศสำหรับพระเจ้า ถึงกระนั้นก็ดี องค์ผู้สูงสุดก็ไม่ได้ประทับในพระนิเวศที่มือมนุษย์ทำไว้ ตามที่ผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้ว่า ‘สวรรค์เป็นที่ประทับของเรา และแผ่นดินโลกเป็นที่รองเท้าของเรา พวกเจ้าจะสร้างนิเวศชนิดไหนสำหรับเรา องค์พระผู้เป็นเจ้า ตรัส หรืออะไรจะเป็นที่พำนักของเรา? สิ่งเหล่านี้มือของเราทำไว้ทั้งหมดไม่ใช่หรือ?’ “เจ้าพวกคนหัวแข็ง ใจดื้อดึง และหูตึง พวกท่านขัดขวางพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เสมอ บรรพบุรุษของท่านทั้งหลายทำอย่างไร พวกท่านก็ทำอย่างนั้น มีใครบ้างในบรรดาผู้เผยพระวจนะที่บรรพบุรุษทั้งหลายของพวกท่านไม่ได้ข่มเหง? พวกเขาฆ่าคนทั้งหลายที่พยากรณ์ถึงการเสด็จมาของ ‘องค์ผู้ชอบธรรม’ และบัดนี้ท่านทั้งหลายก็ทรยศและฆ่าพระองค์ คือพวกท่านที่ได้รับธรรมบัญญัติจากเหล่าทูตสวรรค์ แต่ไม่ได้ประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้น” เมื่อพวกเขาได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกเดือดดาล และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเข้าใส่สเทเฟน ส่วนสเทเฟนเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านเขม้นดูสวรรค์เห็นพระรัศมีของพระเจ้า และเห็นพระเยซูทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ แล้วท่านกล่าวว่า “นี่แน่ะ ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้าแหวกเป็นช่อง และเห็นบุตรมนุษย์ทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า” แต่พวกเขาร้องเสียงดังและอุดหูวิ่งกรูกันเข้าไปหาสเทเฟน แล้วขับไล่ท่านออกจากกรุงและเอาหินขว้าง และพวกสักขีพยานที่ปรักปรำสเทเฟน ก็ฝากเสื้อผ้าของตนวางไว้ที่เท้าของชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อเซาโล ขณะที่พวกเขาเอาหินขว้างสเทเฟนอยู่นั้น ท่านร้องทูลว่า “ข้าแต่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงรับจิตวิญญาณของข้าพระองค์ด้วย” แล้วสเทเฟนก็คุกเข่าลงร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดอย่าถือโทษพวกเขาเพราะบาปนี้” เมื่อกล่าวอย่างนี้แล้วก็สิ้นใจ

กิจการ 7:9-60 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

<<ฝ่ายบรรพบุรุษเหล่านั้นคิดอิจฉาโยเซฟ จึงขายเขาไปยังประเทศอียิปต์ แต่พระเจ้าทรงสถิตกับโยเซฟ ทรงโปรดช่วยให้พ้นจากความทุกข์ลำบากทั้งสิ้น ให้มีความชอบและมีสติปัญญาต่อพระพักตร์ฟาโรห์ กษัตริย์ของประเทศอียิปต์ ท่านจึงตั้งโยเซฟให้ครองประเทศอียิปต์ กับทั้งพระราชสำนักของท่าน แล้วบังเกิดการกันดารอาหารทั่วแผ่นดินอียิปต์ และแผ่นดินคานาอัน และมีความลำบากมาก บรรพบุรุษของเราจึงไม่มีอาหาร ฝ่ายยาโคบเมื่อได้ยินว่ามีข้าวอยู่ในประเทศอียิปต์ จึงใช้บรรพบุรุษของเราไปเป็นครั้งแรก พอคราวที่สองโยเซฟก็แสดงตัวให้พี่น้องรู้จัก และฟาโรห์ก็ทรงรู้จักญาติของโยเซฟด้วย ฝ่ายโยเซฟจึงได้เชิญยาโคบบิดากับบรรดาญาติของตนเจ็ดสิบห้าคนให้มาหา ยาโคบได้ลงไปยังประเทศอียิปต์ แล้วท่านกับพวกบรรพบุรุษของเราได้สิ้นชีพ ณ ที่นั่น เขาจึงได้นำศพไปฝังไว้ในเมืองเชเคม ในอุโมงค์ที่อับราฮัมเอาเงินจำนวนหนึ่ง ซื้อจากบุตรของฮาโมร์ในเชเคม <<ใกล้เวลาตามพระสัญญาซึ่งพระเจ้าได้ตรัสกับอับราฮัม ชนชาติอิสราเอลได้ทวีมากขึ้นในประเทศอียิปต์ จนกระทั่งกษัตริย์องค์หนึ่งซึ่งไม่รู้จักโยเซฟ ได้ขึ้นเสวยราชย์ในประเทศอียิปต์ กษัตริย์องค์นั้นได้ทรงออกอุบายทำกับชาติของเรา ข่มเหงบรรพบุรุษของเรา บังคับให้ทิ้งลูกอ่อนของเขาเสียไม่ให้มีชีวิตรอดอยู่ได้ คราวนั้นโมเสสเกิดมามีรูปร่างงดงามเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เขาจึงได้เลี้ยงไว้ในบ้านบิดาจนครบสามเดือน และเมื่อลูกอ่อนคนนั้นถูกทิ้งไว้นอกบ้านแล้ว ราชธิดาของฟาโรห์จึงรับมาเลี้ยงไว้ต่างบุตรของตน ฝ่ายโมเสสจึงได้รับการสอนในวิชาการทุกอย่างของชาวอียิปต์ มีสมรรถภาพในการพูดและกิจการต่างๆ <<แต่ครั้นโมเสสมีอายุย่างเข้าสี่สิบปี ก็นึกอยากจะไปเยี่ยมญาติพี่น้องของตน คือชนชาติอิสราเอล เมื่อท่านได้เห็นคนหนึ่งถูกข่มเหง จึงเข้าไปช่วยโดยฆ่าชาวอียิปต์ซึ่งเป็นผู้กดขี่นั้น เป็นการแก้แค้น ด้วยคาดว่าญาติพี่น้องคงเข้าใจว่า พระเจ้าจะทรงช่วยเขาให้รอดด้วยมือของตน แต่เขาหาเข้าใจดังนั้นไม่ วันรุ่งขึ้นโมเสสได้เข้ามาพบเขาขณะวิวาทกัน ก็อยากจะให้เขากลับดีกันอีก จึงกล่าวว่า <เพื่อนเอ๋ย ท่านเป็นพี่น้องกัน ไฉนจึงทำร้ายกันเล่า> ฝ่ายคนที่ข่มเหงเพื่อนนั้น จึงผลักโมเสสออกไป และกล่าวว่า <ใครได้ตั้งเจ้าให้เป็นผู้ครอบครองและผู้พิพากษาพวกเรา เจ้าจะฆ่าเราเสียเหมือนฆ่าชาวอียิปต์เมื่อวานนี้หรือ> เมื่อโมเสสได้ยินคำนั้น จึงหนีไปอาศัยอยู่ที่แผ่นดินมีเดียน และมีบุตรสองคนที่นั่น <<ครั้นล่วงไปได้สี่สิบปี ทูตองค์หนึ่งของพระเจ้ามาปรากฏแก่โมเสสในเปลวไฟที่พุ่มไม้ ในถิ่นทุรกันดารแห่งภูเขาซีนาย เมื่อโมเสสเห็นก็ประหลาดใจด้วยเรื่องนิมิตนั้น ครั้นเข้าไปดูใกล้ๆก็มีพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสว่า <เราเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของเจ้า คือพระเจ้าของอับราฮัม ของอิสอัคและของยาโคบ> โมเสสจึงกลัวจนตัวสั่นไม่อาจมองดู ฝ่ายพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า <จงถอดรองเท้าออกเสียเถิด เพราะที่ซึ่งเจ้ายืนอยู่นี้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ แท้จริงเราได้เห็นความทุกข์ของชนชาติของเราที่อยู่ในประเทศอียิปต์แล้ว และเราได้ยินเสียงคร่ำครวญของเขา เราจึงลงมาเพื่อจะได้ช่วยเขาให้รอด มาเถิด เราจะให้เจ้าไปยังประเทศอียิปต์> <<โมเสสผู้นี้ซึ่งถูกเขาปฏิเสธ โดยกล่าวว่า <ใครได้ตั้งเจ้าให้เป็นผู้ครอบครองและผู้พิพากษาพวกเรา> โดยมือของทูตสวรรค์ ซึ่งได้ปรากฏแก่ท่านที่พุ่มไม้ พระเจ้าทรงใช้โมเสสคนนี้แหละ ให้เป็นทั้งผู้ครอบครองและผู้ช่วยให้พ้น คนนี้แหละเป็นผู้นำเขาทั้งหลายออกมา โดยที่ได้ทำการอัศจรรย์และทำการเป็นนิมิตในแผ่นดินอียิปต์ ที่ทะเลแดง และในถิ่นทุรกันดารสี่สิบปี โมเสสคนนี้แหละได้กล่าวแก่ชนชาติอิสราเอลว่า <พระเจ้าจะทรงประทานผู้เผยพระวจนะผู้หนึ่งให้เกิดมาเพื่อท่าน จากพี่น้องของท่าน เหมือนอย่างที่ให้ข้าพเจ้าเกิดมา> โมเสสนี้แหละได้อยู่ในชุมนุมชนในถิ่นทุรกันดาร กับทูตสวรรค์ซึ่งได้บอกแก่ท่านที่ภูเขาซีนายและอยู่กับบรรพบุรุษของเรา ที่ได้รับพระดำรัสอันทรงชีวิตมาให้เราทั้งหลาย บรรพบุรุษของเราไม่ยอมฟังโมเสสผู้นี้ แต่ได้ผลักไสท่านให้ไปจากเขา ด้วยมีใจปรารถนาจะกลับไปยังแผ่นดินอียิปต์ จึงกล่าวแก่อาโรนว่า <ขอสร้างพระให้แก่พวกข้าพเจ้า ซึ่งจะนำพวกข้าพเจ้าไป ด้วยว่าโมเสสคนนี้ ที่ได้นำข้าพเจ้าออกจากประเทศอียิปต์ เป็นอะไรไปเสียแล้วข้าพเจ้าไม่ทราบ> ในคราวนั้นเขาทั้งหลายได้ทำรูปโคหนุ่ม และได้นำเครื่องสัตวบูชามาถวายแก่รูปนั้น และมีใจยินดีในสิ่งซึ่งมือของตนเองได้ทำขึ้น แต่พระเจ้าทรงหันพระพักตร์ไปเสีย และปล่อยให้เขานมัสการหมู่ดาวในท้องฟ้า ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์แห่งผู้เผยพระวจนะว่า โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอล เจ้าได้ฆ่าสัตว์บูชาเรา ในถิ่นทุรกันดารถึงสี่สิบปีหรือ พวกเจ้าได้ขนเอาเต็นท์ของพระโมเลค และได้เอาดาวพระเรฟาน รูปพระที่เจ้าได้กระทำขึ้นเพื่อกราบนมัสการรูปนั้นต่างหาก เราจึงจะกวาดเจ้าทั้งหลายให้ไปอยู่พ้นเมืองบาบิโลนอีก <<บรรพบุรุษของเราเมื่ออยู่ในถิ่นทุรกันดารก็มีเต็นท์แห่งสักขีพยาน ตามที่พระองค์ทรงสั่งไว้ เมื่อตรัสกับโมเสสว่า ให้ทำเต็นท์ตามแบบที่ได้เห็น ฝ่ายบรรพบุรุษของเราเมื่อได้รับเต็นท์นั้นจึงขนตามโยชูวาไป เมื่อได้เข้ายึดแผ่นดินของบรรดาประชาชาติ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงขับไล่ไปให้พ้นหน้าบรรพบุรุษของเรา เต็นท์นั้นก็มีสืบมาจนถึงสมัยกษัตริย์ดาวิด ดาวิดนั้นมีความชอบเฉพาะพระเจ้า และขอพระอนุญาตที่จะหาพระนิเวศสำหรับพระเจ้าของยาโคบ แต่ซาโลมอนเป็นผู้ได้ทรงสร้างพระนิเวศสำหรับพระองค์ ถึงกระนั้นก็ดีองค์ผู้สูงสุดหาได้ประทับในพระนิเวศ ซึ่งมือมนุษย์ได้ทำไว้ไม่ ตามที่ผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้ว่า <สวรรค์เป็นบัลลังก์ของเรา และแผ่นดินโลกเป็นแท่นรองเท้าของเรา เจ้าจะสร้างนิเวศอะไรสำหรับเรา หรือที่พำนักของเราอยู่ที่ไหน สิ่งเหล่านี้มือของเราได้ทำไว้ทั้งสิ้นมิใช่หรือ> <<โอ คนชาติหัวแข็งใจดื้อหูตึง ท่านทั้งหลายขัดขวางพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เสมอ บรรพบุรุษของท่านทำอย่างไร ท่านก็ทำอย่างนั้นด้วย มีใครบ้างในพวกผู้เผยพระวจนะซึ่งบรรพบุรุษของท่านมิได้ข่มเหง และเขาได้ฆ่าบรรดาคนที่พยากรณ์ถึงการเสด็จขององค์ผู้ชอบธรรม บัดนี้ท่านทั้งหลายได้อายัดพระองค์ไว้และฆ่าเสีย คือท่านทั้งหลายผู้ที่ได้รับธรรมบัญญัติจากเหล่าทูตสวรรค์ แต่หาได้ประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้นไม่>> เมื่อเขาทั้งหลายได้ยินดังนั้นก็รู้สึกบาดใจ และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเข้าใส่สเทเฟน ฝ่ายสเทเฟนประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้เขม้นดูสวรรค์เห็นพระสิริของพระเจ้า และพระเยซูทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ แล้วท่านได้กล่าวว่า <<ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้าแหวกเป็นช่อง และบุตรมนุษย์ยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า>> แต่เขาทั้งหลายร้องเสียงดังและอุดหูวิ่งกรูกันเข้าไปยังสเทเฟน แล้วขับไล่ท่านออกจากกรุงและเอาหินขว้าง ฝ่ายคนที่เป็นพยานปรักปรำสเทเฟน ได้ฝากเสื้อผ้าของตนวางไว้ที่เท้าของชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อเซาโล เขาจึงเอาหินขว้างสเทเฟน เมื่อกำลังอ้อนวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ว่า <<ข้าแต่พระเยซูเจ้า ขอทรงโปรดรับจิตวิญญาณของข้าพระองค์ด้วย>> สเทเฟนก็คุกเข่าลงร้องเสียงดังว่า <<ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดอย่าทรงถือโทษเขาเพราะบาปนี้>> เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้วก็ล่วงหลับไป

กิจการ 7:9-60 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ต้น​ตระกูล​พวกนี้ ต่าง​ก็​อิจฉา​โยเซฟ​น้อง​ชาย​ของ​ตน จึง​ขาย​โยเซฟ​ให้​ไป​เป็น​ทาส​ใน​อียิปต์ แต่​พระเจ้า​อยู่​กับ​โยเซฟ พระองค์​ช่วย​ให้​โยเซฟ​พ้น​จาก​ความ​ทุกข์ยาก​ทุก​อย่าง พระเจ้า​ทำ​ให้​โยเซฟ​เฉลียว​ฉลาด และ​ทำ​ให้​ฟาโรห์​กษัตริย์​ของ​อียิปต์​ชอบ​โยเซฟ ถึง​กับ​แต่งตั้ง​ให้​เขา​เป็น​ผู้ปกครอง​ดูแล​ทั่ว​ทั้ง​อียิปต์ รวม​ทั้ง​ทุก​อย่าง​ใน​วัง​ของ​พระองค์​ด้วย ต่อมา​ทั่ว​อียิปต์​และ​คานาอัน​เกิด​ความ​อด​อยาก ทำ​ให้​เดือด​ร้อน​อย่าง​หนัก บรรพบุรุษ​ของ​เรา​ไม่​มี​อาหาร​กิน เมื่อ​ยาโคบ​ได้ยิน​ว่า​มี​ข้าว​ใน​อียิปต์ ก็​ส่ง​บรรพบุรุษ​ของ​เรา​ไป​ที่​นั่น นี่​เป็น​เที่ยว​แรก ใน​เที่ยว​ที่​สอง โยเซฟ​เปิดเผย​ตัวเอง​ให้​พี่น้อง​ของ​เขา​รู้ และ​ฟาโรห์​ก็​ได้​รู้จัก​ครอบครัว​ของ​โยเซฟ​ด้วย โยเซฟ​ส่ง​คน​ไป​เชิญ​ยาโคบ​พ่อ​ของ​เขา และ​ญาติ​พี่น้อง​ของ​เขา​รวม​ทั้งหมด​เจ็ดสิบห้า​คน​มา​ด้วย จาก​นั้น​ยาโคบ​ก็​ย้าย​ไป​อยู่​ที่​อียิปต์ และ​ที่​นั่น​เอง ยาโคบ​และ​บรรพบุรุษ​ของ​เรา​ตาย​ลง ศพ​ของ​พวก​เขา​ถูก​นำ​กลับ​ไป​ที่​เมือง​เชเคม และ​ถูก​ฝัง​ไว้​ใน​อุโมงค์​ฝัง​ศพ​ที่​อับราฮัม​ใช้​เงิน​ก้อน​หนึ่ง​ซื้อ​มา​จาก​พวก​ลูกชาย​ของ​ฮาโมร์​ใน​เชเคม เมื่อ​ใกล้​ถึง​เวลา​ที่​สัญญา​ที่​พระเจ้า​ให้​ไว้​กับ​อับราฮัม​จะ​เป็น​จริง จำนวน​คน​ของ​เรา​ก็​ได้​เพิ่ม​ขึ้น​อย่าง​มหาศาล​ใน​อียิปต์ ใน​ตอน​นั้น​มี​กษัตริย์​องค์​อื่น​ที่​ไม่​เคย​รู้​เรื่อง​เกี่ยวกับ​โยเซฟ​ขึ้น​ปกครอง​แผ่นดิน​อียิปต์ เขา​เจ้าเล่ห์​หลอกลวง​คน​ของ​เรา และ​ทารุณ​โหดร้าย​ต่อ​บรรพบุรุษ​ของ​เรา ด้วย​การ​บังคับ​ให้​เอา​ทารก​น้อย​ของ​พวกเขา​ไป​ทิ้ง​ข้าง​นอก​ให้​ตาย โมเสส​เกิด​มา​ใน​ช่วง​นั้น เขา​เป็น​เด็ก​ที่​พิเศษ​มาก เขา​ได้รับ​การ​เลี้ยงดู​อยู่​ใน​บ้าน​พ่อ​ของ​เขา​จน​อายุ​ครบ​สาม​เดือน แล้ว​ก็​ถูก​นำ​ไป​ทิ้ง​ข้าง​นอก ลูกสาว​ของ​ฟาโรห์​เก็บ​เขา​ได้ และ​เอา​ไป​เลี้ยง​เป็น​ลูก โมเสส​จึง​ได้รับ​การ​สั่งสอน​วิชา​ความรู้​ทั้งหมด​ของ​ชาว​อียิปต์ และ​เขา​ก็​เป็น​คน​ที่​เก่งกาจ​มาก​ทั้ง​ใน​ด้าน​คำ​พูด​และ​การ​กระทำ​ต่างๆ เมื่อ​โมเสส​มี​อายุ​ได้​สี่สิบ​ปี เขา​ตัดสิน​ใจ​ไป​เยี่ยม​เยียน​พี่น้อง​ชาว​อิสราเอล​ของ​เขา เมื่อ​เขา​เห็น​ชาว​อิสราเอล​คน​หนึ่ง​ถูก​ชาว​อียิปต์​คน​หนึ่ง​รังแก เขา​ก็​เข้า​ไป​ช่วย​และ​ได้​ฆ่า​ชาย​ชาว​อียิปต์​คน​นั้น​เป็น​การ​แก้แค้น โมเสส​คิด​ว่า​พี่น้อง​ชาว​อิสราเอล​คง​รู้​แล้ว​ว่า​พระเจ้า​จะ​ใช้​เขา​มา​ปลดปล่อย​ให้​พวก​เขา​เป็น​อิสระ แต่​กลาย​เป็น​ว่า​ชาว​อิสราเอล​ไม่​รู้​เรื่อง​เลย พอ​วันรุ่งขึ้น​โมเสส​ผ่าน​มา​เห็น​ชาว​อิสราเอล​สอง​คน​กำลัง​ทะเลาะ​กัน เขา​พยายาม​เข้า​ไป​ไกล่เกลี่ย​ให้​คืน​ดี​กัน โดย​พูด​ว่า ‘นี่ คุณ​เป็น​พี่น้อง​กัน ทำไม​ถึง​ทำร้าย​กัน​ล่ะ’ แต่​ชาย​คน​ที่​ทำร้าย​เพื่อน​บ้าน​ของ​ตน​ได้​ผลัก​โมเสส​ออก​ไป แล้ว​พูด​ว่า ‘ใคร​ตั้ง​ให้​แก​เป็น​ผู้ปกครอง​และ​ผู้ตัดสิน​เรา แก​จะ​ฆ่า​เรา​เหมือน​ที่​ฆ่า​คน​อียิปต์​เมื่อวานนี้​หรือ’ เมื่อ​โมเสส​ได้ยิน​อย่าง​นั้น ก็​หนี​ไป​อาศัย​อยู่​ใน​ดินแดน​มีเดียน​ใน​ฐานะ​คน​ต่าง​ชาติ และ​เขา​ก็​มี​ลูกชาย​สอง​คน​ที่​นั่น สี่สิบ​ปี​ผ่าน​ไป ทูตสวรรค์​มา​ปรากฏ​ให้​โมเสส​เห็น​ใน​เปลว​ไฟ​ที่​ลุก​อยู่​ใน​พุ่มไม้​ใน​ที่​เปล่า​เปลี่ยว​แห้งแล้ง ใกล้​ภูเขา​ซีนาย เมื่อ​โมเสส​เห็น​ก็​แทบ​ไม่​เชื่อ​สายตา​ตัวเอง เมื่อ​เขา​เดิน​เข้า​ไป​ใกล้ๆ​เพื่อ​จะ​ได้​เห็น​ชัดๆ​ก็​ได้ยิน​เสียง​ของ​องค์​เจ้า​ชีวิต​พูด​ว่า ‘เรา​คือ​พระเจ้า​ของ​บรรพบุรุษ​ของ​เจ้า พระเจ้า​ของ​อับราฮัม อิสอัค และ​ยาโคบ’ โมเสส​กลัว​จน​ตัว​สั่น​ไม่​กล้า​มอง​ที่​พุ่มไม้ แล้ว​องค์​เจ้า​ชีวิต พูด​กับ​โมเสส​อีก​ว่า ‘ถอด​รองเท้า เพราะ​ที่​ที่​เจ้า​ยืน​อยู่นี้​เป็น​พื้นที่​ศักดิ์สิทธิ์ เรา​ได้​เห็น​ชาว​อียิปต์​ข่มเหง​ประชาชน​ของ​เรา และ​ได้ยิน​เสียง​ร้อง​คร่ำครวญ​ของ​พวก​เขา เรา​จึง​ลง​มา​เพื่อ​ปลดปล่อย​ให้​พวก​เขา​เป็น​อิสระ มา​สิ เรา​จะ​ส่ง​เจ้า​ไป​อียิปต์’ โมเสส​คนนี้​แหละ​ที่​ถูก​ชาว​อิสราเอล​พูด​ตอก​หน้า​มา​ว่า ‘ใคร​ตั้ง​แก​ให้​เป็น​ผู้ปกครอง​และ​ผู้ตัดสิน​เรา’ เขา​เป็น​คน​ที่​พระเจ้า​ส่ง​มา​ให้​เป็น​ผู้ปกครอง​และ​ผู้ช่วย​ชีวิต​ชาว​อิสราเอล โดย​พระเจ้า​ได้​พูด​ผ่าน​ทาง​ทูตสวรรค์​ที่​ได้​มา​ปรากฏ​ให้​เขา​เห็น​ใน​พุ่มไม้​ไฟ โมเสส​คือ​คน​ที่​นำ​ชาว​อิสราเอล​ออก​มา เขา​ทำ​สิ่ง​อัศจรรย์​และ​ปาฏิหาริย์​ต่างๆ​ใน​ดิน​แดน​อียิปต์​ที่​ทะเล​แดง และ​ใน​ที่​เปล่า​เปลี่ยว​แห้งแล้ง​เป็น​เวลา​ถึง​สี่สิบ​ปี เขา​คือ​โมเสส​คน​นั้น​ที่​พูด​กับ​ประชาชน​ชาว​อิสราเอล​ว่า ‘พระเจ้า​จะ​ส่ง​ผู้​พูด​แทน​พระเจ้า​เหมือน​อย่าง​ผม​ให้​กับ​ท่าน​ทั้งหลาย ผู้​พูด​แทน​พระเจ้า​คนนี้​จะ​มา​จาก​ท่าม​กลาง​พี่​น้อง​ของ​ท่าน’ เขา​คือ​โมเสส​คน​นั้น​ที่​อยู่​กับ​หมู่​ชน​ชาว​อิสราเอล​ใน​ที่​เปล่า​เปลี่ยว​แห้งแล้ง เขา​อยู่​กับ​บรรพบุรุษ​ของ​เรา​และ​อยู่​กับ​ทูตสวรรค์​ที่​พูด​กับ​เขา​บน​ภูเขา​ซีนาย เขา​เป็น​คน​รับ​ถ้อยคำ​แห่ง​ชีวิต​ของ​พระเจ้า​มา​ให้​เรา แต่​บรรพบุรุษ​ของ​เรา​ไม่​ยอม​เชื่อฟัง​เขา และ​ไม่​ยอมรับ​เขา ใน​จิตใจ​บรรพบุรุษ​เรา​คิด​แต่​จะ​กลับ​ไป​อียิปต์ พวก​เขา​พูด​กับ​อาโรน​ว่า ‘ช่วย​สร้าง​พวก​เทพเจ้า​ให้​มา​นำทาง​เรา​ด้วย เพราะ​ไม่​รู้​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​โมเสส​คน​ที่​นำ​เรา​ออก​มา​จาก​อียิปต์’ ใน​เวลา​นั้น​พวก​เขา​ปั้น​รูป​ลูก​วัว​ขึ้น​มา และ​เซ่น​ไหว้​รูปปั้น​นั้น พวก​เขา​เฉลิม​ฉลอง​สิ่ง​ที่​พวก​เขา​ปั้น​ขึ้น​มา​กับ​มือ แต่​พระเจ้า​หัน​หน้า​หนี​พวก​เขา และ​พระองค์​ปล่อย​ให้​พวก​เขา​กราบ​ไหว้​หมู่​ดาว​ใน​ท้องฟ้า​ตาม​ที่​มี​เขียน​ไว้​แล้ว​ใน​หนังสือ​ของ​ผู้​พูด​แทน​พระเจ้า​ว่า ‘ประชาชน​ชาว​อิสราเอล​ทั้งหลาย สัตว์​ที่​พวก​เจ้า​ฆ่า​แล้ว​เอา​มา​บูชายัญ​ใน​ที่​เปล่า​เปลี่ยว​แห้งแล้ง​เป็น​เวลา​ถึง​สี่สิบ​ปี​นั้น พวก​เจ้า​ไม่​ได้​บูชา​ให้​กับ​เรา​หรอก พวก​เจ้า​แบก​เต็นท์​ของ​พระโมเลค และ​เอา​ดวง​ดาว​ของ​เทพเจ้า​เรฟาน​ของ​พวก​เจ้า​มา​ด้วย ของ​พวกนี้​เป็น​รูป​บูชา​ที่​พวก​เจ้า​ทำ​ขึ้น​มา​กราบ​ไหว้ ดังนั้น​เรา​จะ​ส่ง​พวก​เจ้า​ให้​ไป​เป็น​เชลย​ไกล​พ้น​เมือง​บาบิโลน​ไป​อีก’ บรรพบุรุษ​ของ​พวก​เรา​ใน​ที่​เปล่า​เปลี่ยว​แห้งแล้ง​มี​เต็นท์​ศักดิ์สิทธิ์​อยู่​ด้วย ซึ่ง​เป็น​เต็นท์​ที่​พระเจ้า​บอก​ให้​โมเสส​ทำ​ขึ้น​ตาม​แบบ​ที่​พระองค์​แสดง​ให้​เขา​เห็น เมื่อ​บรรพบุรุษ​ของ​เรา​ได้​เต็นท์​มา ก็​นำเข้า​ไป​ไว้​ใน​ดินแดน​ที่​บรรพบุรุษ​ของ​เรา​ได้​ยึดครอง​มา​จาก​ชนชาติ​ต่างๆ​ที่​พระเจ้า​ได้​ขับไล่​ออก​ไป​ต่อหน้า​บรรพบุรุษ​ของ​เรา​โดย​การ​นำ​ของ​โยชูวา และ​เต็นท์นี้​ก็​ได้​อยู่​ที่​นั่น​เรื่อย​มา​จน​ถึง​สมัย​ของ​กษัตริย์​ดาวิด พระเจ้า​ชอบ​ใจ​ดาวิด​มาก ดาวิด​ขอ​สร้าง​บ้าน​ให้​กับ​พระเจ้า​ของ​ยาโคบ แต่​กลับ​กลาย​เป็น​ซาโลมอน​ที่​สร้าง​บ้าน​ให้​พระองค์ อย่างไร​ก็​ตาม องค์​ผู้สูงสุด​ไม่​ได้​อยู่​ใน​บ้าน​ที่​สร้าง​ด้วย​มือ​ของ​มนุษย์​หรอก เหมือน​กับ​ที่​ผู้​พูด​แทน​พระเจ้า พูด​ไว้​ว่า ‘สวรรค์​เป็น​บัลลังก์​ของ​เรา และ​โลก​คือ​แท่น​รองเท้า​ของ​เรา องค์​เจ้า​ชีวิต​ถาม​ว่า แล้ว​พวก​เจ้า​จะ​สร้าง​บ้าน​แบบ​ไหน​ให้​กับ​เรา​ล่ะ หรือ​จะ​ให้​เรา​พักผ่อน​ที่​ไหน​ล่ะ ไม่​ใช่​มือ​เรา​หรอก​หรือ​ที่​สร้าง​สรรพ​สิ่ง​เหล่านี้​ขึ้น​มา’ พวก​คุณ​หัวแข็ง ใจแข็ง​กระด้าง​และ​ดื้อดึง พวก​คุณ​ได้​แต่​ต่อต้าน​พระวิญญาณ​บริสุทธิ์​เหมือน​กับ​บรรพบุรุษ​ของ​คุณ มี​ผู้​พูด​แทน​พระเจ้า​คน​ไหน​บ้าง ที่​บรรพบุรุษ​ของ​คุณ​ไม่​ได้​ข่มเหง พวก​เขา​ฆ่า​แม้​กระทั่ง​คน​พวก​นั้น​ที่​นาน​มา​แล้ว​ได้​ประกาศ​ถึง​การ​มา​ของ​องค์​ผู้​ศักดิ์สิทธิ์ และ​ตอนนี้​พวก​คุณ​ก็​ได้​ทรยศ​และ​ฆ่า​พระองค์​แล้ว พวก​คุณ​นั่น​แหละ เป็น​พวก​ที่​ได้รับ​กฎปฏิบัติ​ที่​พวก​ทูตสวรรค์​นำ​มา แต่​พวก​คุณ​ก็​ไม่​ยอม​เชื่อฟัง​กฎ​นั้น” เมื่อ​ผู้นำ​ชาว​ยิว​ได้ยิน​อย่าง​นั้น ต่าง​ก็​โกรธ​เป็น​ฟืน​เป็น​ไฟ พวก​เขา​แยก​เขี้ยว​ยิง​ฟัน​เข้า​ใส่​สเทเฟน แต่​สเทเฟน​เต็ม​ไป​ด้วย​พระวิญญาณ​บริสุทธิ์ เขา​มอง​ขึ้น​บน​ท้องฟ้า และ​ได้​เห็น​ความ​ยิ่งใหญ่​ของ​พระเจ้า และ​เห็น​พระเยซู​ยืน​อยู่​ด้าน​ขวา​ของ​พระองค์ เขา​จึง​พูด​ขึ้น​ว่า “ดู​นั่น​สิ ผม​เห็น​สวรรค์​เปิด และ​บุตร​มนุษย์​ยืน​อยู่​ด้าน​ขวา​ของ​พระเจ้า” ขณะ​เดียว​กัน พวก​นั้น​ก็​แหก​ปาก​ร้อง​ตะโกน เอา​มือ​อุด​หู และ​ต่าง​วิ่ง​กรู​กัน​เข้า​ใส่​สเทเฟน พวก​เขา​ลาก​สเทเฟน​ออก​นอก​เมือง​และ​เอา​หิน​ขว้าง​เขา พวก​ที่​พูด​ปรักปรำ​ใส่ร้าย​เขา​ต่าง​ก็​ทิ้ง​เสื้อคลุม​ของ​ตน​ไว้​ที่​เท้า​ของ​ชาย​หนุ่ม​ที่​ชื่อ​เซาโล จาก​นั้น​พวก​เขา​ได้​เอา​ก้อน​หิน​ขว้าง​สเทเฟน ที่​กำลัง​อธิษฐาน​ว่า “พระเยซูเจ้า รับ​จิต​วิญญาณ​ของ​ข้าพเจ้า​ด้วย” แล้ว​เขา​ก็​คุกเข่า ร้อง​เสียง​ดัง​ว่า “องค์​เจ้า​ชีวิต อย่า​ถือ​โทษ​ที่​พวก​เขา​ทำ​บาป​ครั้งนี้​เลย” พอ​อธิษฐาน​จบ สเทเฟน​ก็​ตาย

กิจการ 7:9-60 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

“และบรรพบุรุษเหล่านั้นอิจฉาโยเซฟ จึงขายเขาไปยังประเทศอียิปต์ แต่พระเจ้าสถิตกับโยเซฟ ทรงช่วยให้พ้นจากความทุกข์ลำบากทั้งสิ้น ทรงให้มีความชอบและมีสติปัญญาเฉพาะพระพักตร์ฟาโรห์กษัตริย์ของประเทศอียิปต์ ฟาโรห์จึงตั้งโยเซฟให้ดูแลประเทศอียิปต์และทุกอย่างในพระราชสำนักของพระองค์ ต่อมาเกิดการกันดารอาหารทั่วแผ่นดินอียิปต์และแผ่นดินคานาอัน และมีความลำบากมาก บรรพบุรุษของเราจึงไม่มีอาหาร ยาโคบเมื่อได้ยินว่ามีข้าวอยู่ในประเทศอียิปต์ จึงใช้บรรพบุรุษของเราไปเป็นครั้งที่หนึ่ง พอครั้งที่สองโยเซฟแสดงตัวให้พี่น้องรู้ และฟาโรห์ก็ทรงรู้จักญาติของโยเซฟด้วย โยเซฟจึงเชิญยาโคบบิดากับบรรดาญาติของตนเจ็ดสิบห้าคนให้มาหา ยาโคบจึงลงไปที่ประเทศอียิปต์และท่านกับบรรพบุรุษของเราก็เสียชีวิตที่นั่น พวกเขาจึงนำศพไปฝังไว้ในเมืองเชเคม ในอุโมงค์ที่อับราฮัมเอาเงินจำนวนหนึ่งซื้อจากบุตรของฮาโมร์ในเชเคม “แต่เมื่อใกล้จะถึงเวลาตามพระสัญญาที่พระเจ้าตรัสไว้กับอับราฮัม ชนชาติอิสราเอลได้ทวีจำนวนมากขึ้นในประเทศอียิปต์ จนกระทั่งกษัตริย์องค์หนึ่งซึ่งไม่รู้จักโยเซฟได้ขึ้นครองราชสมบัติในประเทศอียิปต์ กษัตริย์องค์นั้นทรงออกอุบายจัดการกับชนชาติของเรา ทรงข่มเหงบรรพบุรุษของเรา ทรงบังคับให้ทิ้งลูกอ่อนของพวกเขาเพื่อไม่ให้รอดชีวิต เป็นเวลาเดียวกับที่โมเสสเกิดมา มีรูปร่างงดงามเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เขาจึงถูกเลี้ยงไว้ในบ้านบิดาจนครบสามเดือน แต่หลังจากถูกทิ้งไว้นอกบ้านแล้ว ราชธิดาของฟาโรห์ก็รับมาเลี้ยงเสมือนเป็นบุตรของตน โมเสสจึงได้รับการสอนในเรื่องวิชาการทุกอย่างของชาวอียิปต์ มีสมรรถภาพในการพูดและในกิจการต่างๆ “เมื่อโมเสสมีอายุย่างเข้าสี่สิบปี ก็นึกอยากไปเยี่ยมญาติพี่น้องของตนคือชนชาติอิสราเอล เมื่อท่านเห็นคนหนึ่งถูกข่มเหง จึงเข้าไปช่วยโดยฆ่าชาวอียิปต์ซึ่งเป็นผู้ข่มเหงนั้นเพื่อแก้แค้น เพราะคิดว่าญาติพี่น้องคงเข้าใจดีว่า พระเจ้าจะทรงช่วยพวกเขาให้รอดด้วยมือของตน แต่พวกเขาไม่เข้าใจอย่างนั้น วันรุ่งขึ้นโมเสสเข้ามาพบเขาทั้งสองขณะวิวาทกัน ก็อยากให้เขาทั้งสองกลับคืนดีกัน จึงกล่าวว่า ‘เพื่อนเอ๋ยพวกท่านเป็นพี่น้องกัน ทำไมถึงทำร้ายกัน?’ คนที่ข่มเหงเพื่อนก็ผลักโมเสสออกไป และกล่าวว่า ‘ใครตั้งเจ้าให้เป็นผู้ครอบครองและผู้พิพากษาของเรา? เจ้าจะฆ่าข้าเหมือนกับที่ฆ่าชาวอียิปต์เมื่อวานนี้หรือ?’ เมื่อโมเสสได้ยินคำพูดนั้น จึงหนีไปอาศัยอยู่ที่แผ่นดินมีเดียนและมีบุตรสองคนที่นั่น “เมื่อเวลาผ่านไปได้สี่สิบปี ทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาปรากฏแก่โมเสสในเปลวไฟที่พุ่มไม้ในถิ่นทุรกันดารของภูเขาซีนาย เมื่อโมเสสเห็นก็อัศจรรย์ใจเพราะนิมิตนั้น เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ก็ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสว่า ‘เราเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของเจ้า คือพระเจ้าของอับราฮัม ของอิสอัค และของยาโคบ’ โมเสสจึงกลัวจนตัวสั่นไม่กล้ามองดู พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า ‘จงถอดรองเท้าออก เพราะที่ที่เจ้ายืนอยู่นี้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ อันที่จริงเราเห็นความทุกข์ของชนชาติของเราที่อยู่ในประเทศอียิปต์แล้ว และเราได้ยินเสียงคร่ำครวญของเขาทั้งหลาย เราจึงลงมาเพื่อช่วยพวกเขาให้รอด มาเถอะ เราจะใช้เจ้าไปยังประเทศอียิปต์’ “โมเสสคนนี้ที่เคยถูกพวกเขาปฏิเสธ โดยกล่าวว่า ‘ใครตั้งเจ้าให้เป็นผู้ครอบครองและผู้พิพากษาของเรา’ นั้นเอง โดยมือของทูตสวรรค์ผู้ซึ่งปรากฏแก่ท่านที่พุ่มไม้ พระเจ้าทรงใช้โมเสสคนนี้แหละ ไปเป็นผู้ครอบครองและผู้ช่วยกู้ คนนี้แหละที่เป็นผู้นำพวกเขาออกมา และทำการอัศจรรย์และหมายสำคัญต่างๆ ในแผ่นดินอียิปต์ ที่ทะเลแดง และในถิ่นทุรกันดารสี่สิบปี โมเสสคนนี้แหละที่กล่าวกับชนชาติอิสราเอลว่า ‘พระเจ้าจะประทานผู้เผยพระวจนะผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อท่านทั้งหลาย จากพี่น้องของพวกท่าน เหมือนอย่างข้าพเจ้า’ โมเสสคนนี้แหละที่อยู่ในชุมนุมชนในถิ่นทุรกันดาร อยู่กับทูตสวรรค์ผู้พูดกับท่านที่ภูเขาซีนาย และอยู่กับบรรพบุรุษของเรา ท่านได้รับพระดำรัสอันทรงชีวิตเพื่อส่งต่อมาให้เรา บรรพบุรุษของเราไม่ยอมฟังโมเสส แต่ผลักไสท่านออกไป และหันเหจิตใจกลับไปยังแผ่นดินอียิปต์ พวกเขากล่าวกับอาโรนว่า ‘ขอสร้างพระให้แก่เรา เป็นพระที่จะนำเราไป เพราะว่าโมเสสคนนี้ ที่เป็นคนนำเราออกจากประเทศอียิปต์นั้น เราไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไป’ ในเวลานั้นพวกเขาทำรูปโคหนุ่ม และนำเครื่องสัตวบูชามาถวายแก่รูปนั้น และมีใจยินดีในสิ่งที่พวกเขาทำขึ้นด้วยมือ แต่พระเจ้าเบือนพระพักตร์และทรงปล่อยให้พวกเขานมัสการหมู่ดาวในท้องฟ้า ตามที่มีเขียนไว้ในหนังสือของบรรดาผู้เผยพระวจนะว่า ‘โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอล พวกเจ้าฆ่าสัตว์บูชาเรา ในถิ่นทุรกันดารถึงสี่สิบปีหรือ? พวกเจ้าขนเต็นท์ของพระโมเลค และนำดาวพระเรฟาน รูปพระต่างๆ ที่พวกเจ้าทำขึ้น เพื่อกราบนมัสการรูปนั้นต่างหาก เราจะกวาดพวกเจ้าไปไกลจนพ้น เมืองบาบิโลน’ “บรรพบุรุษของเราเมื่ออยู่ในถิ่นทุรกันดารก็มีเต็นท์แห่งสักขีพยาน ตามที่พระองค์ทรงสั่งไว้เมื่อตรัสกับโมเสสว่าให้ทำเต็นท์ตามแบบที่ได้เห็น บรรพบุรุษของเราเมื่อได้รับเต็นท์นั้นจึงขนตามโยชูวาไป หลังจากเข้ายึดแผ่นดินของบรรดาประชาชาติที่พระเจ้าทรงขับไล่ให้พ้นหน้าบรรพบุรุษของเราแล้ว เต็นท์นั้นก็ยังคงอยู่จนถึงสมัยของดาวิด ดาวิดนั้นได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า และทรงขออนุญาตที่จะจัดเตรียมพระนิเวศสำหรับพระเจ้าของยาโคบ แต่ซาโลมอนเป็นผู้ที่ได้สร้างพระนิเวศสำหรับพระเจ้า ถึงกระนั้นก็ดี องค์ผู้สูงสุดก็ไม่ได้ประทับในพระนิเวศที่มือมนุษย์ทำไว้ ตามที่ผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้ว่า ‘สวรรค์เป็นที่ประทับของเรา และแผ่นดินโลกเป็นที่รองเท้าของเรา พวกเจ้าจะสร้างนิเวศชนิดไหนสำหรับเรา องค์พระผู้เป็นเจ้า ตรัส หรืออะไรจะเป็นที่พำนักของเรา? สิ่งเหล่านี้มือของเราทำไว้ทั้งหมดไม่ใช่หรือ?’ “เจ้าพวกคนหัวแข็ง ใจดื้อดึง และหูตึง พวกท่านขัดขวางพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เสมอ บรรพบุรุษของท่านทั้งหลายทำอย่างไร พวกท่านก็ทำอย่างนั้น มีใครบ้างในบรรดาผู้เผยพระวจนะที่บรรพบุรุษทั้งหลายของพวกท่านไม่ได้ข่มเหง? พวกเขาฆ่าคนทั้งหลายที่พยากรณ์ถึงการเสด็จมาของ ‘องค์ผู้ชอบธรรม’ และบัดนี้ท่านทั้งหลายก็ทรยศและฆ่าพระองค์ คือพวกท่านที่ได้รับธรรมบัญญัติจากเหล่าทูตสวรรค์ แต่ไม่ได้ประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้น” เมื่อพวกเขาได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกเดือดดาล และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเข้าใส่สเทเฟน ส่วนสเทเฟนเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านเขม้นดูสวรรค์เห็นพระรัศมีของพระเจ้า และเห็นพระเยซูทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ แล้วท่านกล่าวว่า “นี่แน่ะ ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้าแหวกเป็นช่อง และเห็นบุตรมนุษย์ทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า” แต่พวกเขาร้องเสียงดังและอุดหูวิ่งกรูกันเข้าไปหาสเทเฟน แล้วขับไล่ท่านออกจากกรุงและเอาหินขว้าง และพวกสักขีพยานที่ปรักปรำสเทเฟน ก็ฝากเสื้อผ้าของตนวางไว้ที่เท้าของชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อเซาโล ขณะที่พวกเขาเอาหินขว้างสเทเฟนอยู่นั้น ท่านร้องทูลว่า “ข้าแต่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงรับจิตวิญญาณของข้าพระองค์ด้วย” แล้วสเทเฟนก็คุกเข่าลงร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดอย่าถือโทษพวกเขาเพราะบาปนี้” เมื่อกล่าวอย่างนี้แล้วก็สิ้นใจ

กิจการ 7:9-60 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ฝ่ายบรรพบุรุษเหล่านั้นคิดอิจฉาโยเซฟจึงขายเขาไปยังประเทศอียิปต์ แต่​พระเจ้าทรงสถิ​ตก​ับโยเซฟ ทรงโปรดช่วยโยเซฟให้พ้นจากความทุกข์ลำบากทั้งสิ้น และทรงให้ท่านเป็​นที​่โปรดปรานและมี​สติ​ปัญญาในสายพระเนตรของฟาโรห์ กษัตริย์​ของประเทศอียิปต์ ท่านจึงตั้งโยเซฟให้เป็นผู้ปกครองประเทศอียิปต์กั​บท​ั้งพระราชสำนักของท่าน แล​้วบังเกิดการกันดารอาหารทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์และแผ่นดินคานาอัน และมีความลำบากมาก บรรพบุรุษของเราจึงไม่​มี​อาหาร ฝ่ายยาโคบเมื่อได้ยิ​นว​่ามีข้าวอยู่ในประเทศอียิปต์ จึงใช้บรรพบุรุษของเราไปเป็​นคร​ั้งแรก พอคราวที่สองโยเซฟก็สำแดงตัวให้​พี่​น้องรู้​จัก และให้​ฟาโรห์​รู้​จักวงศ์​ญาติ​ของตนด้วย ฝ่ายโยเซฟจึงได้เชิญยาโคบบิ​ดาก​ับบรรดาญาติของตนเจ็ดสิบห้าคนให้​มาหา ยาโคบได้ลงไปยังประเทศอียิปต์ แล​้​วท​่านกับพวกบรรพบุรุษของเราได้​สิ้นชีพ เขาจึงได้นำศพไปฝังไว้ในเมืองเชเคมในอุโมงค์​ที่​อับราฮัมเอาเงินจำนวนหนึ่งซื้อจากบุตรชายของฮาโมร์​บิ​ดาของเชเคม เมื่อใกล้เวลาตามพระสัญญาซึ่งพระเจ้าได้ปฏิญาณไว้กับอับราฮัม ชนชาติ​อิสราเอลได้​ทวี​มากขึ้นในประเทศอียิปต์ จนกระทั่งกษั​ตริ​ย์​องค์​หน​ึ่งซึ่งไม่​รู้​จักโยเซฟได้ขึ้นเสวยราชย์ กษัตริย์​องค์​นั้นได้ทรงออกอุบายทำกับญาติของเรา ข่มเหงบรรพบุรุษของเรา บังคับให้ทิ้งลู​กอ​่อนของเขาเสียไม่​ให้​มี​ชี​วิตรอดอยู่​ได้ คราวนั้นโมเสสเกิดมามี​รู​ปร่างงดงาม เขาจึงได้เลี้ยงไว้ในบ้านบิดาจนครบสามเดือน และเมื่อลู​กอ​่อนนั้นถูกทิ้งไว้นอกบ้านแล้ว ราชธิดาของฟาโรห์จึงรับมาเลี้ยงไว้ต่างบุตรชายของตน ฝ่ายโมเสสจึงได้​เรียนรู้​ในวิชาการทุกอย่างของชาวอียิปต์ มี​ความเฉียบแหลมมากในการพูดและกิจการต่างๆ แต่​ครั้นโมเสสมี​อายุ​ได้​สี​่​สิ​บปีเต็มแล้ว ก็​นึกอยากจะไปเยี่ยมญาติ​พี่​น้องของตน คือชนชาติ​อิสราเอล เมื่อท่านได้​เห​็นคนหนึ่งถูกข่มเหงจึงเข้าไปช่วย โดยฆ่าชาวอียิปต์ซึ่งเป็นผู้​กดขี่​นั้นเป็นการแก้​แค้น ด้วยคาดว่าญาติ​พี่​น้องคงเข้าใจว่า พระเจ้าจะทรงช่วยเขาให้รอดด้วยมือของตน แต่​เขาหาเข้าใจดังนั้นไม่ วั​นร​ุ่งขึ้นโมเสสได้​เข​้ามาพบเขาขณะวิ​วาทก​ัน ก็​อยากจะให้เขากลั​บด​ีกั​นอ​ีก จึงกล่าวว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ท่านเป็นพี่น้องกัน ไฉนจึงทำร้ายกันเล่า’ ฝ่ายคนที่ข่มเหงเพื่อนนั้นจึงผลักโมเสสออกไปและกล่าวว่า ‘ใครแต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้ครอบครองและผู้พิพากษาพวกเรา เจ้​าจะฆ่าเราเสียเหมือนฆ่าชาวอียิปต์เมื่อวานนี้​หรือ​’ เมื่อโมเสสได้ยินคำนั้นจึงหนีไปอาศัยอยู่​ที่​แผ่​นดิ​นม​ีเดียน และให้กำเนิดบุตรชายสองคนที่​นั่น ครั้นล่วงไปได้​สี​่​สิ​บปี​แล้ว ทูตสวรรค์​องค์​หน​ึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่โมเสสในเปลวไฟที่​พุ่มไม้ ในถิ่นทุ​รก​ันดารแห่งภูเขาซี​นาย เมื่อโมเสสเห็​นก​็ประหลาดใจด้วยเรื่องนิ​มิ​ตน​ั้น ครั้นเข้าไปดู​ใกล้​ๆก็​มี​พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขา ว่า ‘เราเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของเจ้า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม เป็นพระเจ้าของอิสอัค และเป็นพระเจ้าของยาโคบ’ โมเสสจึงกลัวจนตัวสั่นไม่อาจมองดู ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า ‘จงถอดรองเท้าของเจ้าออกเสีย เพราะว่าที่ซึ่งเจ้ายืนอยู่​นี้​เป็​นที​่​บริสุทธิ์ ดู​เถิด เราได้​เห​็นความทุกข์ของชนชาติของเราที่​อยู่​ในประเทศอียิปต์​แล้ว และเราได้ยินเสียงคร่ำครวญของเขา และเราลงมาเพื่อจะช่วยเขาให้​รอด จงมาเถิด เราจะใช้​เจ้​าไปยังประเทศอียิปต์’ โมเสสผู้​นี้​ซึ่งถูกเขาปฏิเสธโดยกล่าวว่า ‘ใครแต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้ครอบครองและผู้พิพากษาพวกเรา’ โดยมือของทูตสวรรค์ซึ่งได้ปรากฏแก่ท่านที่​พุ่มไม้ พระเจ้าทรงใช้โมเสสคนนี้แหละให้เป็นทั้งผู้ครอบครองและผู้ช่วยให้​พ้น คนนี้​แหละ เป็นผู้นำเขาทั้งหลายออกมา โดยที่​ได้​ทำการมหัศจรรย์และหมายสำคัญต่างๆในแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ ที่​ทะเลแดงและในถิ่นทุ​รก​ันดารสี่​สิ​บปี โมเสสคนนี้แหละได้​กล​่าวแก่​ชนชาติ​อิสราเอลว่า ‘​องค์​พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่านทั้งหลายจะทรงโปรดประทานศาสดาพยากรณ์​ผู้​หนึ่ง เหมือนอย่างเราให้​แก่​ท่านจากจำพวกพี่น้องของท่าน ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังผู้​นั้น​’ โมเสสนี้แหละได้​อยู่​กับพลไพร่ในถิ่นทุ​รก​ันดารกั​บท​ูตสวรรค์ซึ่งได้ตรัสแก่ท่านที่​ภู​เขาซี​นาย และอยู่กับบรรพบุรุษของเรา ที่​ได้​รับพระดำรัสอันทรงชีวิตมาให้เราทั้งหลาย บรรพบุรุษของเราไม่ยอมเชื่อฟังโมเสสผู้​นี้ แต่​ได้ผล​ักไสท่านให้ไปจากเขา ด้วยมีใจปรารถนาจะกลับไปยังแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ จึงกล่าวแก่อาโรนว่า ‘ขอสร้างพระให้​แก่​พวกข้าพเจ้า ซึ่งจะนำพวกข้าพเจ้าไป ด้วยว่าโมเสสคนนี้​ที่​ได้​นำข้าพเจ้าออกมาจากประเทศอียิปต์เป็นอะไรไปเสียแล้ว ข้าพเจ้าไม่​ทราบ​’ ในคราวนั้นเขาทั้งหลายได้ทำรูปโคหนุ่ม และได้นำเครื่องสัตวบูชามาถวายแก่​รู​ปน​ั้น และมีใจยินดีในสิ่งซึ่​งม​ือของตนเองได้ทำขึ้น แต่​พระเจ้าทรงหันพระพักตร์ไปเสียและปล่อยให้เขานมัสการหมู่ดาวในท้องฟ้า ตามที่​มี​เข​ียนไว้ในพระคัมภีร์​แห่​งศาสดาพยากรณ์​ว่า ‘​โอ วงศ์​วานอิสราเอลเอ๋ย เจ้​าได้ฆ่าสัตวบูชาเราและถวายเครื่องบูชาให้​แก่​เราในถิ่นทุ​รก​ันดารถึงสี่​สิ​บปี​หรือ แล​้วเจ้าทั้งหลายได้หามพลับพลาของพระโมเลค และได้เอาดาวพระเรฟาน รู​ปพระที่​เจ้​าได้กระทำขึ้นเพื่อกราบนมัสการรู​ปน​ั้นต่างหาก เราจึงจะกวาดเจ้าทั้งหลายให้ไปอยู่พ้นเมืองบาบิโลนอีก’ บรรพบุรุษของเราเมื่ออยู่ในถิ่นทุ​รก​ันดารก็​มี​พล​ับพลาแห่งสักขี​พยาน ตามที่​พระองค์​ทรงสั่งไว้เมื่อตรัสกับโมเสสว่าให้ทำพลับพลาตามแบบที่​ได้​เห็น ฝ่ายบรรพบุรุษของเราที่มาภายหลัง เมื่อได้รับพลับพลานั้นจึงขนตามเยซู​ไป เมื่อได้​เข​้ายึดแผ่นดินของบรรดาประชาชาติ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงขับไล่ไปให้พ้นหน้าบรรพบุรุษของเรา พล​ับพลานั้​นก​็​มี​สืบมาจนถึงสมัยดาวิด ดาว​ิดนั้​นม​ีความชอบจำเพาะพระพักตร์​พระเจ้า และมีใจปรารถนาที่จะหาพระนิเวศสำหรับพระเจ้าของยาโคบ แต่​ซาโลมอนเป็นผู้​ได้​สร้างพระนิเวศสำหรับพระองค์ ถึงกระนั้​นก​็​ดี องค์​ผู้​สูงสุดหาได้ประทับในพระวิหารซึ่​งม​ื​อมนุษย์​ได้​ทำไว้​ไม่ ตามที่​ศาสดาพยากรณ์​ได้​กล​่าวไว้​ว่า ‘​องค์​พระผู้เป็นเจ้าตรั​สว​่า สวรรค์​เป็นบัลลั​งก​์ของเรา และแผ่นดินโลกเป็นแท่นรองเท้าของเรา เจ้​าจะสร้างนิเวศอะไรสำหรับเรา หรือที่พำนักของเราอยู่​ที่ไหน สิ​่งเหล่านี้มือของเราได้กระทำทั้งสิ้น มิใช่​หรือ​’ ท่านคนชาติ​หัวแข็ง ใจดื้อ หูตึง ท่านทั้งหลายขัดขวางพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​อยู่​เสมอ บรรพบุรุษของท่านทำอย่างไร ท่านก็ทำอย่างนั้นด้วย มี​ใครบ้างในพวกศาสดาพยากรณ์ซึ่งบรรพบุรุษของท่านมิ​ได้​ข่มเหง และเขาได้ฆ่าบรรดาคนที่​พยากรณ์​ถึงการเสด็จมาขององค์​ผู้​ชอบธรรม ซึ่งท่านทั้งหลายเป็นผู้ทรยศและผู้ฆาตกรรมพระองค์นั้นเสีย คือท่านทั้งหลายผู้​ที่​ได้​รับพระราชบัญญั​ติ​จากเหล่าทูตสวรรค์ แต่​หาได้รักษาพระราชบัญญั​ติ​นั้นไม่” เมื่อเขาทั้งหลายได้ยินดังนั้น ก็​รู้​สึกบาดใจ และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเข้าใส่สเทเฟน ฝ่ายสเทเฟนประกอบด้วยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ ได้​เขม้นดู​สวรรค์​เห​็นสง่าราศีของพระเจ้า และพระเยซูทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า แล​้​วท​่านได้​กล่าวว่า “​ดู​เถิด ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้าแหวกเป็นช่อง และบุตรมนุษย์ยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า” แต่​เขาทั้งปวงร้องเสียงดังและอุดหูวิ่งกรูกันเข้าไปยังสเทเฟน แล​้วขับไล่ท่านออกจากกรุงและเอาหินขว้าง ฝ่ายคนที่เป็นพยานปรักปรำสเทเฟนได้ฝากเสื้อผ้าของตนวางไว้​ที่​เท​้าของชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อเซาโล เขาจึงเอาหินขว้างสเทเฟนเมื่อกำลั​งอ​้อนวอนพระเจ้าอยู่​ว่า “ข้าแต่​พระเยซู​เจ้า ขอทรงโปรดรับจิตวิญญาณของข้าพระองค์​ด้วย​” สเทเฟนก็​คุ​กเข่าลงร้องเสียงดังว่า “​พระองค์​เจ้าข้า ขอโปรดอย่าทรงถือโทษเขาเพราะบาปนี้” เมื่อกล่าวเช่นนี้​แล้วก็​ล่วงหลับไป

กิจการ 7:9-60 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

<<ฝ่ายบรรพบุรุษเหล่านั้นคิดอิจฉาโยเซฟ จึงขายเขาไปยังประเทศอียิปต์ แต่พระเจ้าทรงสถิตกับโยเซฟ ทรงโปรดช่วยให้พ้นจากความทุกข์ลำบากทั้งสิ้น ให้มีความชอบและมีสติปัญญาต่อพระพักตร์ฟาโรห์ กษัตริย์ของประเทศอียิปต์ ท่านจึงตั้งโยเซฟให้ครองประเทศอียิปต์ กับทั้งพระราชสำนักของท่าน แล้วบังเกิดการกันดารอาหารทั่วแผ่นดินอียิปต์ และแผ่นดินคานาอัน และมีความลำบากมาก บรรพบุรุษของเราจึงไม่มีอาหาร ฝ่ายยาโคบเมื่อได้ยินว่ามีข้าวอยู่ในประเทศอียิปต์ จึงใช้บรรพบุรุษของเราไปเป็นครั้งแรก พอคราวที่สองโยเซฟก็แสดงตัวให้พี่น้องรู้จัก และฟาโรห์ก็ทรงรู้จักญาติของโยเซฟด้วย ฝ่ายโยเซฟจึงได้เชิญยาโคบบิดากับบรรดาญาติของตนเจ็ดสิบห้าคนให้มาหา ยาโคบได้ลงไปยังประเทศอียิปต์ แล้วท่านกับพวกบรรพบุรุษของเราได้สิ้นชีพ ณ ที่นั่น เขาจึงได้นำศพไปฝังไว้ในเมืองเชเคม ในอุโมงค์ที่อับราฮัมเอาเงินจำนวนหนึ่ง ซื้อจากบุตรของฮาโมร์ในเชเคม <<ใกล้เวลาตามพระสัญญาซึ่งพระเจ้าได้ตรัสกับอับราฮัม ชนชาติอิสราเอลได้ทวีมากขึ้นในประเทศอียิปต์ จนกระทั่งกษัตริย์องค์หนึ่งซึ่งไม่รู้จักโยเซฟ ได้ขึ้นเสวยราชย์ในประเทศอียิปต์ กษัตริย์องค์นั้นได้ทรงออกอุบายทำกับชาติของเรา ข่มเหงบรรพบุรุษของเรา บังคับให้ทิ้งลูกอ่อนของเขาเสียไม่ให้มีชีวิตรอดอยู่ได้ คราวนั้นโมเสสเกิดมามีรูปร่างงดงามเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เขาจึงได้เลี้ยงไว้ในบ้านบิดาจนครบสามเดือน และเมื่อลูกอ่อนคนนั้นถูกทิ้งไว้นอกบ้านแล้ว ราชธิดาของฟาโรห์จึงรับมาเลี้ยงไว้ต่างบุตรของตน ฝ่ายโมเสสจึงได้รับการสอนในวิชาการทุกอย่างของชาวอียิปต์ มีสมรรถภาพในการพูดและกิจการต่างๆ <<แต่ครั้นโมเสสมีอายุย่างเข้าสี่สิบปี ก็นึกอยากจะไปเยี่ยมญาติพี่น้องของตน คือชนชาติอิสราเอล เมื่อท่านได้เห็นคนหนึ่งถูกข่มเหง จึงเข้าไปช่วยโดยฆ่าชาวอียิปต์ซึ่งเป็นผู้กดขี่นั้น เป็นการแก้แค้น ด้วยคาดว่าญาติพี่น้องคงเข้าใจว่า พระเจ้าจะทรงช่วยเขาให้รอดด้วยมือของตน แต่เขาหาเข้าใจดังนั้นไม่ วันรุ่งขึ้นโมเสสได้เข้ามาพบเขาขณะวิวาทกัน ก็อยากจะให้เขากลับดีกันอีก จึงกล่าวว่า <เพื่อนเอ๋ย ท่านเป็นพี่น้องกัน ไฉนจึงทำร้ายกันเล่า> ฝ่ายคนที่ข่มเหงเพื่อนนั้น จึงผลักโมเสสออกไป และกล่าวว่า <ใครได้ตั้งเจ้าให้เป็นผู้ครอบครองและผู้พิพากษาพวกเรา เจ้าจะฆ่าเราเสียเหมือนฆ่าชาวอียิปต์เมื่อวานนี้หรือ> เมื่อโมเสสได้ยินคำนั้น จึงหนีไปอาศัยอยู่ที่แผ่นดินมีเดียน และมีบุตรสองคนที่นั่น <<ครั้นล่วงไปได้สี่สิบปี ทูตองค์หนึ่งของพระเจ้ามาปรากฏแก่โมเสสในเปลวไฟที่พุ่มไม้ ในถิ่นทุรกันดารแห่งภูเขาซีนาย เมื่อโมเสสเห็นก็ประหลาดใจด้วยเรื่องนิมิตนั้น ครั้นเข้าไปดูใกล้ๆก็มีพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสว่า <เราเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของเจ้า คือพระเจ้าของอับราฮัม ของอิสอัคและของยาโคบ> โมเสสจึงกลัวจนตัวสั่นไม่อาจมองดู ฝ่ายพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า <จงถอดรองเท้าออกเสียเถิด เพราะที่ซึ่งเจ้ายืนอยู่นี้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ แท้จริงเราได้เห็นความทุกข์ของชนชาติของเราที่อยู่ในประเทศอียิปต์แล้ว และเราได้ยินเสียงคร่ำครวญของเขา เราจึงลงมาเพื่อจะได้ช่วยเขาให้รอด มาเถิด เราจะให้เจ้าไปยังประเทศอียิปต์> <<โมเสสผู้นี้ซึ่งถูกเขาปฏิเสธ โดยกล่าวว่า <ใครได้ตั้งเจ้าให้เป็นผู้ครอบครองและผู้พิพากษาพวกเรา> โดยมือของทูตสวรรค์ ซึ่งได้ปรากฏแก่ท่านที่พุ่มไม้ พระเจ้าทรงใช้โมเสสคนนี้แหละ ให้เป็นทั้งผู้ครอบครองและผู้ช่วยให้พ้น คนนี้แหละเป็นผู้นำเขาทั้งหลายออกมา โดยที่ได้ทำการอัศจรรย์และทำการเป็นนิมิตในแผ่นดินอียิปต์ ที่ทะเลแดง และในถิ่นทุรกันดารสี่สิบปี โมเสสคนนี้แหละได้กล่าวแก่ชนชาติอิสราเอลว่า <พระเจ้าจะทรงประทานผู้เผยพระวจนะผู้หนึ่งให้เกิดมาเพื่อท่าน จากพี่น้องของท่าน เหมือนอย่างที่ให้ข้าพเจ้าเกิดมา> โมเสสนี้แหละได้อยู่ในชุมนุมชนในถิ่นทุรกันดาร กับทูตสวรรค์ซึ่งได้บอกแก่ท่านที่ภูเขาซีนายและอยู่กับบรรพบุรุษของเรา ที่ได้รับพระดำรัสอันทรงชีวิตมาให้เราทั้งหลาย บรรพบุรุษของเราไม่ยอมฟังโมเสสผู้นี้ แต่ได้ผลักไสท่านให้ไปจากเขา ด้วยมีใจปรารถนาจะกลับไปยังแผ่นดินอียิปต์ จึงกล่าวแก่อาโรนว่า <ขอสร้างพระให้แก่พวกข้าพเจ้า ซึ่งจะนำพวกข้าพเจ้าไป ด้วยว่าโมเสสคนนี้ ที่ได้นำข้าพเจ้าออกจากประเทศอียิปต์ เป็นอะไรไปเสียแล้วข้าพเจ้าไม่ทราบ> ในคราวนั้นเขาทั้งหลายได้ทำรูปโคหนุ่ม และได้นำเครื่องสัตวบูชามาถวายแก่รูปนั้น และมีใจยินดีในสิ่งซึ่งมือของตนเองได้ทำขึ้น แต่พระเจ้าทรงหันพระพักตร์ไปเสีย และปล่อยให้เขานมัสการหมู่ดาวในท้องฟ้า ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์แห่งผู้เผยพระวจนะว่า โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอล เจ้าได้ฆ่าสัตว์บูชาเรา ในถิ่นทุรกันดารถึงสี่สิบปีหรือ พวกเจ้าได้ขนเอาเต็นท์ของพระโมเลค และได้เอาดาวพระเรฟาน รูปพระที่เจ้าได้กระทำขึ้นเพื่อกราบนมัสการรูปนั้นต่างหาก เราจึงจะกวาดเจ้าทั้งหลายให้ไปอยู่พ้นเมืองบาบิโลนอีก <<บรรพบุรุษของเราเมื่ออยู่ในถิ่นทุรกันดารก็มีเต็นท์แห่งสักขีพยาน ตามที่พระองค์ทรงสั่งไว้ เมื่อตรัสกับโมเสสว่า ให้ทำเต็นท์ตามแบบที่ได้เห็น ฝ่ายบรรพบุรุษของเราเมื่อได้รับเต็นท์นั้นจึงขนตามโยชูวาไป เมื่อได้เข้ายึดแผ่นดินของบรรดาประชาชาติ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงขับไล่ไปให้พ้นหน้าบรรพบุรุษของเรา เต็นท์นั้นก็มีสืบมาจนถึงสมัยกษัตริย์ดาวิด ดาวิดนั้นมีความชอบเฉพาะพระเจ้า และขอพระอนุญาตที่จะหาพระนิเวศสำหรับพระเจ้าของยาโคบ แต่ซาโลมอนเป็นผู้ได้ทรงสร้างพระนิเวศสำหรับพระองค์ ถึงกระนั้นก็ดีองค์ผู้สูงสุดหาได้ประทับในพระนิเวศ ซึ่งมือมนุษย์ได้ทำไว้ไม่ ตามที่ผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้ว่า <สวรรค์เป็นบัลลังก์ของเรา และแผ่นดินโลกเป็นแท่นรองเท้าของเรา เจ้าจะสร้างนิเวศอะไรสำหรับเรา หรือที่พำนักของเราอยู่ที่ไหน สิ่งเหล่านี้มือของเราได้ทำไว้ทั้งสิ้นมิใช่หรือ> <<โอ คนชาติหัวแข็งใจดื้อหูตึง ท่านทั้งหลายขัดขวางพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เสมอ บรรพบุรุษของท่านทำอย่างไร ท่านก็ทำอย่างนั้นด้วย มีใครบ้างในพวกผู้เผยพระวจนะซึ่งบรรพบุรุษของท่านมิได้ข่มเหง และเขาได้ฆ่าบรรดาคนที่พยากรณ์ถึงการเสด็จขององค์ผู้ชอบธรรม บัดนี้ท่านทั้งหลายได้อายัดพระองค์ไว้และฆ่าเสีย คือท่านทั้งหลายผู้ที่ได้รับธรรมบัญญัติจากเหล่าทูตสวรรค์ แต่หาได้ประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้นไม่>> เมื่อเขาทั้งหลายได้ยินดังนั้นก็รู้สึกบาดใจ และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเข้าใส่สเทเฟน ฝ่ายสเทเฟนประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้เขม้นดูสวรรค์เห็นพระสิริของพระเจ้า และพระเยซูทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ แล้วท่านได้กล่าวว่า <<ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้าแหวกเป็นช่อง และบุตรมนุษย์ยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า>> แต่เขาทั้งหลายร้องเสียงดังและอุดหูวิ่งกรูกันเข้าไปยังสเทเฟน แล้วขับไล่ท่านออกจากกรุงและเอาหินขว้าง ฝ่ายคนที่เป็นพยานปรักปรำสเทเฟน ได้ฝากเสื้อผ้าของตนวางไว้ที่เท้าของชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อเซาโล เขาจึงเอาหินขว้างสเทเฟน เมื่อกำลังอ้อนวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ว่า <<ข้าแต่พระเยซูเจ้า ขอทรงโปรดรับจิตวิญญาณของข้าพระองค์ด้วย>> สเทเฟนก็คุกเข่าลงร้องเสียงดังว่า <<ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดอย่าทรงถือโทษเขาเพราะบาปนี้>> เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้วก็ล่วงหลับไป

กิจการ 7:9-60 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

“เพราะบรรพบุรุษเหล่านั้นอิจฉาโยเซฟจึงขายเขาไปเป็นทาสอยู่ที่ประเทศอียิปต์ แต่พระเจ้าสถิตกับเขา และช่วยให้เขาพ้นจากความทุกข์ร้อนทั้งปวง ทรงให้เขามีสติปัญญาและได้รับความดี ความชอบจากฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ถึงกับตั้งให้ครอบครองทั้งอียิปต์และราชสำนัก “ต่อมาเกิดการกันดารอาหารทั่วทั้งอียิปต์และคานาอันทำให้เกิดความทุกข์เข็ญครั้งใหญ่และบรรพบุรุษของเราหาอาหารไม่ได้เลย เมื่อยาโคบได้ข่าวว่าที่อียิปต์มีข้าวจึงให้เหล่าบรรพบุรุษของเราไปที่นั่นเป็นครั้งแรก พอครั้งที่สองโยเซฟแสดงตัวต่อพี่น้องและฟาโรห์ทรงทราบเกี่ยวกับครอบครัวของโยเซฟ หลังจากนั้นโยเซฟจึงส่งคนไปรับยาโคบบิดาของเขาและครอบครัวของเขาทั้งหมด 75 คนมา ยาโคบจึงลงไปอยู่ประเทศอียิปต์ เขาและเหล่าบรรพบุรุษของเราได้สิ้นชีวิตที่นั่น ศพของพวกเขาถูกนำกลับมาไว้ในสุสานที่เชเคมซึ่งอับราฮัมได้จ่ายเงินจำนวนหนึ่งซื้อจากบุตรของฮาโมร์ “เมื่อใกล้ถึงกำหนดที่พระเจ้าจะทรงให้เป็นจริงตามพระสัญญาซึ่งทรงให้ไว้กับอับราฮัม จำนวนประชากรของเราในอียิปต์ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก แล้วกษัตริย์อีกองค์หนึ่งซึ่งไม่รู้จักโยเซฟเลยได้ขึ้นครองอียิปต์ พระองค์ทรงใช้อุบายเล่นงานชนชาติของเรากดขี่เหล่าบรรพบุรุษของเราบังคับให้ทิ้งทารกเกิดใหม่ของเราให้ตายไป “ครั้งนั้นโมเสสเกิดมามีลักษณะพิเศษกว่าเด็กทั่วไป จึงได้รับการเลี้ยงดูในบ้านบิดาของเขาจนอายุสามเดือน เมื่อถูกนำไปทิ้งไว้นอกบ้านพระธิดาของฟาโรห์ก็ได้รับไปเลี้ยงดูเป็นโอรสของตน โมเสสได้รับการศึกษาในวิชาความรู้ทั้งปวงของอียิปต์ ทรงอำนาจทั้งด้านวาจาและการกระทำ “เมื่อโมเสสอายุสี่สิบปีก็ตัดสินใจไปเยี่ยมเยียนอิสราเอลพี่น้องร่วมชาติ เขาเห็นชาวอิสราเอลคนหนึ่งถูกชาวอียิปต์รังแกก็เข้าไปป้องกันและแก้แค้นแทนโดยฆ่าชาวอียิปต์คนนั้น โมเสสคิดว่าพี่น้องร่วมชาติของตนจะตระหนักว่าพระเจ้าทรงใช้เขาให้มาช่วยพวกเขาแต่พวกเขาไม่ได้ตระหนักเช่นนั้น วันรุ่งขึ้นโมเสสพบชาวอิสราเอลสองคนกำลังต่อสู้กันจึงพยายามไกล่เกลี่ยโดยกล่าวว่า ‘เพื่อนเอ๋ย พวกท่านเป็นพี่น้องกัน มาทำร้ายกันเองทำไม?’ “แต่คนที่กำลังทำร้ายอีกคนหนึ่งอยู่กลับผลักโมเสสออกไปและกล่าวว่า ‘ใครตั้งเจ้าเป็นเจ้านายปกครองและเป็นตุลาการตัดสินพวกเรา? เจ้าอยากจะฆ่าฉันอย่างที่ฆ่าชาวอียิปต์เมื่อวานนี้หรือ?’ เมื่อโมเสสได้ยินเช่นนั้นจึงหนีไปมีเดียน เขาตั้งรกรากที่นั่นในฐานะคนต่างด้าวและมีบุตรชายสองคน “สี่สิบปีผ่านไป ทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาปรากฏแก่โมเสสในพุ่มไม้ที่ลุกเป็นไฟในถิ่นกันดารใกล้ภูเขาซีนาย โมเสสเห็นแล้วก็อัศจรรย์ใจ ขณะเข้าไปดูใกล้ๆ ก็ได้ยินพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ‘เราเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของเจ้า พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ’ โมเสสกลัวจนตัวสั่นและไม่กล้าที่จะมอง “แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘จงถอดรองเท้าออกเพราะเจ้ากำลังยืนอยู่บนที่บริสุทธิ์ เราได้เห็นความทุกข์เข็ญของประชากรของเราในอียิปต์แล้ว เราได้ยินเสียงคร่ำครวญของเขา เราจึงลงมาเพื่อปลดปล่อยเขาทั้งหลายให้เป็นอิสระ มาเถิด บัดนี้เราจะส่งเจ้ากลับไปยังอียิปต์’ “โมเสสคนเดียวกันนี้ที่ถูกพวกเขาปฏิเสธว่า ‘ใครตั้งเจ้าให้เป็นผู้ปกครองและเป็นตุลาการ?’ พระเจ้าเองได้ทรงส่งเขามาเป็นผู้ปกครองและเป็นผู้ปลดปล่อยของพวกเขาผ่านทางทูตสวรรค์ผู้ได้ปรากฏแก่เขาในพุ่มไม้ โมเสสนำพวกเขาออกจากอียิปต์ และได้ทำหมายสำคัญและปาฏิหาริย์ต่างๆ ในอียิปต์ที่ทะเลแดงและตลอดสี่สิบปีในถิ่นทุรกันดาร “โมเสสคนนี้เองที่บอกชนอิสราเอลว่า ‘พระเจ้าจะทรงส่งผู้เผยพระวจนะเช่นข้าพเจ้ามาคนหนึ่งสำหรับท่านจากหมู่ประชากรของพวกท่านเอง’ เขาอยู่กับชุมนุมชนในถิ่นกันดาร อยู่กับทูตสวรรค์ที่กล่าวกับเขาบนภูเขาซีนาย และอยู่กับบรรพบุรุษของเราทั้งหลาย และเขาได้รับพระวจนะอันทรงชีวิตซึ่งสืบทอดมาถึงเรา “แต่เหล่าบรรพบุรุษไม่ยอมเชื่อฟัง กลับปฏิเสธเขา และมีใจปรารถนาจะกลับไปอียิปต์ พวกเขาบอกอาโรนว่า ‘ช่วยสร้างเทพเจ้าขึ้นมานำพวกเราไป เพราะเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโมเสสผู้ที่พาพวกเราออกมาจากอียิปต์!’ ครั้งนั้นเหล่าประชากรได้ทำเทวรูปลูกวัว พวกเขาถวายเครื่องบูชาแก่เทวรูปนั้นและเฉลิมฉลองเพื่อเป็นเกียรติแก่สิ่งที่สร้างขึ้นด้วยน้ำมือของตน แต่พระเจ้าทรงหันหลังให้พวกเขาและทรงปล่อยให้พวกเขานมัสการสิ่งต่างๆ ในท้องฟ้า เป็นจริงตามที่เขียนไว้ในหนังสือของบรรดาผู้เผยพระวจนะว่า “ ‘พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ตลอดสี่สิบปีในถิ่นกันดาร เจ้าได้ถวายเครื่องบูชาและมอบของถวายแก่เราหรือ? เจ้าตั้งสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งพระโมเลค และดวงดาวแห่งเรฟานเทพเจ้าของเจ้า คือรูปเคารพต่างๆ ซึ่งเจ้าสร้างขึ้นกราบไหว้ ฉะนั้นเราจะส่งเจ้าไปเป็นเชลย’ในดินแดนที่ไกลยิ่งกว่าบาบิโลน “บรรพบุรุษของเรามีพลับพลาแห่งพันธสัญญาอยู่ด้วยในถิ่นกันดาร ซึ่งสร้างขึ้นตามที่พระเจ้าทรงบัญชาโมเสสตามแบบที่โมเสสได้เห็น เมื่อได้รับพลับพลาแล้วบรรพบุรุษของเราภายใต้การบังคับบัญชาของโยชูวาก็นำพลับพลานั้นไปกับพวกเขาเมื่อเข้ายึดครองดินแดนจากชนชาติต่างๆ ที่พระเจ้าทรงขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าพวกเขา พลับพลาคงอยู่ในดินแดนจนถึงสมัยของดาวิด ผู้เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าและดาวิดทูลขอที่จะสร้างที่ประทับถวายพระเจ้าของยาโคบ แต่เป็นโซโลมอนที่สร้างพระนิเวศถวายพระองค์ “อย่างไรก็ดี องค์ผู้สูงสุดไม่ได้ประทับในนิเวศที่มนุษย์สร้างขึ้นตามที่ผู้เผยพระวจนะกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘สวรรค์เป็นบัลลังก์ของเรา และโลกเป็นที่วางเท้าของเรา ก็แล้วนิเวศที่เจ้าจะสร้างให้เราเป็นแบบไหนเล่า? หรือที่พำนักสำหรับเราอยู่ที่ไหน? มือของเราเองมิใช่หรือที่ได้สร้างสิ่งทั้งปวงเหล่านี้?’ “ท่านเหล่าประชากรผู้หัวแข็ง ผู้มีจิตใจและหูที่ไม่ได้เข้าสุหนัต! ท่านก็เป็นเหมือนบรรพบุรุษของท่าน พวกท่านต่อต้านพระวิญญาณบริสุทธิ์เสมอ! มีผู้เผยพระวจนะคนไหนบ้างที่ไม่ถูกบรรพบุรุษของท่านข่มเหง? พวกเขาฆ่าแม้กระทั่งบรรดาผู้ที่พยากรณ์ถึงการเสด็จมาขององค์ผู้ชอบธรรมและบัดนี้พวกท่านได้ทรยศและประหารพระองค์ ท่านผู้ได้รับบทบัญญัติซึ่งประทานผ่านทูตสวรรค์แต่ไม่ได้เชื่อฟังบทบัญญัตินั้น” เมื่อเขาทั้งหลายได้ยินเช่นนี้ก็โกรธจัดและขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเข้าใส่สเทเฟน ฝ่ายสเทเฟนเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เงยหน้าขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์ เห็นพระเกียรติสิริของพระเจ้า และเห็นพระเยซูประทับยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า เขากล่าวว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นฟ้าสวรรค์เปิดออกและบุตรมนุษย์ประทับยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า” ถึงตรงนี้พวกเขาอุดหูพร้อมกับตะโกนสุดเสียงและพากันกรูเข้าใส่สเทเฟน แล้วลากเขาออกจากกรุงและรุมขว้างก้อนหินใส่ ขณะเดียวกันเหล่าพยานผู้ปรักปรำสเทเฟนถอดเสื้อวางไว้แทบเท้าชายหนุ่มที่ชื่อเซาโล ขณะพวกเขาเอาหินขว้างใส่นั้นสเทเฟนอธิษฐานว่า “ข้าแต่องค์พระเยซูเจ้า ขอทรงรับจิตวิญญาณของข้าพระองค์” แล้วคุกเข่าลงพร้อมกับร้องว่า “พระองค์เจ้าข้า ขออย่าทรงถือโทษพวกเขาเนื่องด้วยบาปนี้” แล้วเขาก็ขาดใจตาย

กิจการ 7:9-60 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ต้น​ตระกูล​เหล่า​นั้น​อิจฉา​โยเซฟ จึง​ได้​ขาย​เขา​ไป​เป็น​ทาส​ใน​ประเทศ​อียิปต์ แต่​พระ​เจ้า​สถิต​กับ​โยเซฟ จึง​ช่วย​เขา​ให้​พ้น​จาก​ความ​ทุกข์​ยาก พระ​องค์​ได้​ให้​สติ​ปัญญา ทั้ง​ยัง​โปรด​ให้​ฟาโรห์​กษัตริย์​ของ​ประเทศ​อียิปต์​โปรดปราน​โยเซฟ และ​แต่งตั้ง​ให้​เป็น​ผู้​ดูแล​พระ​ราชฐาน​และ​ทั้ง​ประเทศ​ด้วย ต่อ​มา​ได้​เกิด​ทุพภิกขภัย​ขึ้น​ทั่ว​ทั้ง​ประเทศ​อียิปต์​และ​ดินแดน​คานาอัน ทำ​ให้​ผู้​คน​ได้​รับ​ความ​ลำบาก​เป็น​อย่าง​มาก บรรพบุรุษ​ของ​เรา​จึง​ไม่​มี​อาหาร แต่​เมื่อ​ยาโคบ​ทราบ​ว่า​มี​ข้าว​อยู่​ใน​ประเทศ​อียิปต์ จึง​ได้​ส่ง​บรรพบุรุษ​ของ​เรา​ไป​เป็น​ครั้ง​แรก ครั้ง​ที่​สอง โยเซฟ​บอก​พวก​พี่ๆ ให้​ทราบ​ว่า​ท่าน​คือ​ใคร ฟาโรห์​จึง​ทราบ​เรื่อง​ราว​ของ​ครอบครัว​โยเซฟ หลัง​จาก​นั้น​โยเซฟ​ได้​เรียก​ยาโคบ​ผู้​เป็น​บิดา​และ​สมาชิก​ใน​ครอบครัว​มา​ทั้ง 75 คน ครั้น​แล้ว​ยาโคบ​ก็​ออก​เดิน​ทาง​ไป​ยัง​ประเทศ​อียิปต์ ที่​นั่น​แหละ​เป็น​ที่​ซึ่ง​ท่าน​และ​บรรพบุรุษ​ของ​เรา​ได้​สิ้น​ชีวิต ร่าง​ของ​พวก​เขา​ถูก​นำ​กลับ​ไป​วาง​ใน​ถ้ำ​เก็บ​ศพ​ที่​เมือง​เชเคม ซึ่ง​อับราฮัม​ได้​ใช้​เงิน​จำนวน​หนึ่ง​ซื้อ​ไว้​จาก​พวก​ลูกๆ ของ​ฮาโมร์​ที่​เมือง​เชเคม เมื่อ​ใกล้​กำหนด​เวลา​ของ​พระ​สัญญา​ที่​พระ​เจ้า​ได้​กล่าว​ไว้​กับ​อับราฮัม​แล้ว จำนวน​คน​ของ​พวก​เรา​ได้​เพิ่ม​ขึ้น​อย่าง​มาก​ใน​ประเทศ​อียิปต์ มี​กษัตริย์​อีก​ท่าน​หนึ่ง​ซึ่ง​ไม่​ทราบ​เรื่อง​ราว​ของ​โยเซฟ​เลย ขึ้น​มา​ปกครอง​ประเทศ​อียิปต์ ท่าน​ใช้​เล่ห์เหลี่ยม​และ​กดขี่​ข่มเหง​บรรพบุรุษ​ของ​เรา ทั้ง​ยัง​บังคับ​ให้​คน​ของ​เรา​ทอดทิ้ง​ทารก​แรก​เกิด​เพื่อ​ให้​ถึง​แก่​ความ​ตาย ใน​เวลา​นั้น​โมเสส​ได้​กำเนิด​ขึ้น และ​เป็น​ที่​เอ็นดู​ของ​พระ​เจ้า หลัง​จาก​ที่​ได้​รับ​การ​เลี้ยง​ดู​ใน​บ้าน​ของ​บิดา​ได้ 3 เดือน ก็​ถูก​ทิ้ง​ไว้​นอก​บ้าน ธิดา​ของ​ฟาโรห์​จึง​รับ​ตัว​ไป​เลี้ยง​เป็น​บุตร​ของ​ตน แล้ว​ให้​โมเสส​ศึกษา​เรียน​รู้​วิชา​การ​ทุก​แขนง​ของ​ชาว​อียิปต์ และ​โมเสส​มี​อิทธิพล​ทั้ง​การ​พูด​และ​การ​กระทำ เมื่อ​โมเสส​มี​อายุ​ได้ 40 ปี ก็​ใคร่​จะ​ไป​เยี่ยม​เยียน​พี่​น้อง​คือ​ชน​ชาติ​อิสราเอล โมเสส​เห็น​คน​ถูก​ข่มเหง​จึง​เข้า​ช่วยเหลือ และ​ได้​ฆ่า​คน​ร้าย​ซึ่ง​เป็น​ชาว​อียิปต์​เสีย โมเสส​คิด​ไป​ว่า ชาว​อิสราเอล​จะ​ตระหนัก​ถึง​การ​ที่​พระ​เจ้า​ใช้​ท่าน​มา​ช่วย​ชาว​อิสราเอล​ให้​รอด​พ้น แต่​เขา​เหล่า​นั้น​หา​ได้​เข้า​ใจ​ตาม​นั้น​ไม่ วัน​รุ่ง​ขึ้น​เมื่อ​โมเสส​เห็น​ชาว​อิสราเอล 2 คน​กำลัง​ต่อ​สู้​กัน ก็​พยายาม​ที่​จะ​ให้​เขา​คืน​ดี​กัน​โดย​พูด​ว่า ‘บุรุษ​เอ๋ย ท่าน​เป็น​พี่​น้อง​กัน ทำไม​จึง​ทำ​ร้าย​กัน​เอง’ แต่​อันธพาล​คน​นั้น​ผลัก​โมเสส​ออก​ไป​และ​พูด​ว่า ‘ใคร​แต่งตั้ง​ให้​ท่าน​เป็น​ผู้​ปกครอง​และ​ผู้​ตัดสิน​ความ​ของ​เรา ท่าน​อยาก​จะ​ฆ่า​เรา​อย่าง​ที่​ท่าน​ได้​ฆ่า​ชาว​อียิปต์​เมื่อ​วาน​นี้​หรือ’ เมื่อ​โมเสส​ได้ยิน​ดังนั้น​จึง​ลี้ภัย​ไป​อยู่​ใน​ดิน​แดน​ของ​มีเดียน และ​มี​บุตร​ที่​นั่น 2 คน เวลา​ผ่าน​ไป 40 ปี ทูต​สวรรค์​ได้​มา​ปรากฏ​แก่​โมเสส​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร​ใกล้​ภูเขา​ซีนาย ใน​พุ่ม​ไม้​ที่​ลุก​เป็น​ไฟ เมื่อ​ท่าน​เห็น​สิ่ง​ที่​ปรากฏ​ขึ้น​ก็​แปลก​ใจ ขณะ​ที่​เข้า​ไป​ดู​ใกล้ๆ ท่าน​ก็​ได้ยิน​เสียง​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ว่า ‘เรา​เป็น​พระ​เจ้า​ของ​บรรพบุรุษ​ของ​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​อับราฮัม พระ​เจ้า​ของ​อิสอัค และ​พระ​เจ้า​ของ​ยาโคบ’ โมเสส​ตกใจ​กลัว​จน​ตัว​สั่น​ไม่​กล้า​แม้​แต่​จะ​ชำเลือง​ดู แล้ว​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​กับ​ท่าน​ว่า ‘จง​ถอด​รองเท้า​ออก​เสีย​เถิด เพราะ​ว่า​ที่​ที่​เจ้า​ยืน​อยู่​นี้​เป็น​สถาน​ที่​บริสุทธิ์ เรา​เห็น​จริง​แล้ว​ว่า​คน​ของ​เรา​ถูก​ข่มเหง​ใน​ประเทศ​อียิปต์ เรา​ได้ยิน​เสียง​ร้อง​คร่ำครวญ​ของ​พวก​เขา และ​ได้​ลง​มา​เพื่อ​ปล่อย​เขา​เหล่า​นั้น​ให้​มี​อิสระ มา​เถิด เรา​จะ​ส่ง​เจ้า​กลับ​ไป​ประเทศ​อียิปต์’ นี่​คือ​โมเสส​คน​เดิม​ที่​คน​เหล่า​นั้น​ได้​ปฏิเสธ​ท่าน​ว่า ‘ใคร​แต่งตั้ง​ให้​ท่าน​เป็น​ผู้​ปกครอง​และ​ผู้​ตัดสิน​ความ’ พระ​เจ้า​ได้​แต่งตั้ง​โมเสส​ให้​เป็น​ผู้​ปกครอง​และ​ผู้​ช่วย​ปลดปล่อย ด้วย​ความ​ช่วยเหลือ​ของ​ทูต​สวรรค์​ที่​ปรากฏ​แก่​ท่าน​ใน​พุ่ม​ไม้ โมเสส​ได้​นำ​ผู้​คน​ออก​ไป​จาก​ประเทศ​อียิปต์ และ​กระทำ​สิ่ง​มหัศจรรย์ รวม​ทั้ง​ปรากฏการณ์​อัศจรรย์​ใน​ประเทศ​อียิปต์ ที่​ทะเล​แดง​และ​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร​เป็น​เวลา 40 ปี นี่​คือ​โมเสส​ผู้​ที่​บอก​ชาว​อิสราเอล​ว่า ‘พระ​เจ้า​จะ​กำหนด​ผู้​เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​ผู้​หนึ่ง​ดัง​เช่น​เรา​จาก​หมู่​พี่​น้อง​ของ​ท่าน​เอง’ ท่าน​เป็น​ผู้​ที่​อยู่​ใน​หมู่​ชน​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร​พร้อม​ด้วย​ทูต​สวรรค์​ผู้​ได้​กล่าว​กับ​ท่าน​บน​ภูเขา​ซีนาย​และ​บรรพบุรุษ​ของ​เรา​ด้วย ท่าน​ได้​รับ​คำกล่าว​แห่ง​ชีวิต​มา​เพื่อ​ถ่าย​ทอด​ให้​แก่​พวก​เรา บรรพบุรุษ​ของ​เรา​ไม่​ยอม​เชื่อ​ฟัง​ท่าน นอก​จาก​จะ​ไม่​ยอม​รับ​ท่าน​แล้ว ใจ​ของ​เขา​เหล่า​นั้น​ก็​หวน​ระลึก​ถึง​ประเทศ​อียิปต์​อีก​ด้วย พวก​เขา​บอก​อาโรน​ว่า ‘ช่วย​สร้าง​บรรดา​เทพเจ้า​ให้​เป็น​ผู้​นำ​หน้า​พวก​เรา​ไป​เถิด ไม่​รู้​ว่า​โมเสส​คน​ที่​ได้​นำ​เรา​ออก​มา​จาก​ประเทศ​อียิปต์​เป็น​อะไร​ไป​แล้ว’ ขณะ​นั้น​พวก​เขา​ได้​ปั้น​รูป​ลูก​โค​ขึ้น และ​นำ​เครื่อง​สักการะ​มา​ถวาย ทั้ง​จัด​งาน​ฉลอง​เพื่อ​แสดง​ความ​เคารพ​ต่อ​สิ่ง​ที่​ทำ​ขึ้น​ด้วย​มือ​ของ​พวก​เขา​เอง พระ​เจ้า​จึง​หัน​จาก​ไป​โดย​ปล่อย​ให้​เขา​ไป​นมัสการ​หมู่​ดาว​ใน​ท้อง​ฟ้า ดัง​ที่​ปรากฏ​เป็น​บันทึก​ใน​หมวด​ผู้​เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​ว่า ‘โอ พงศ์​พันธุ์​อิสราเอล​เอ๋ย เจ้า​นำ​เครื่อง​สักการะ​และ​ของ​ถวาย มา​เซ่น​สรวง​เรา 40 ปี​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร​หรือ พวก​เจ้า​ได้​ยก​กระโจม​ของ​เทพเจ้า​โมเลค และ​ดาว​ของ​เทพเจ้า​เรฟาน​ของ​เจ้า รูป​เคารพ​ต่างๆ ที่​เจ้า​สร้าง​ขึ้น​เพื่อ​นมัสการ ฉะนั้น​เรา​จะ​ให้​เจ้า​ถูก​เนรเทศ​ออก​ไป​จน​เลย​เขต​บาบิโลน’ บรรพบุรุษ​ของ​เรา​มี​กระโจม​แห่ง​สักขีพยาน​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร​ซึ่ง​สร้าง​ตาม​แบบ​ที่​พระ​เจ้า​กำหนด​มา​กับ​โมเสส ดัง​ที่​โมเสส​เคย​เห็น​มา​แล้ว ต่อ​มา​บรรพบุรุษ​ของ​เรา​ก็​ได้​ขน​กระโจม​นั้น​ไป​กับ​โยชูวา เมื่อ​ครั้ง​ที่​พวก​เขา​ไป​ยึด​แผ่นดิน​จาก​ชาติ​ต่างๆ ที่​พระ​เจ้า​ได้​ขับ​ไล่​ออก​ไป และ​กระโจม​ก็​ยัง​คง​อยู่​ใน​ถิ่น​นั้น​จน​ถึง​สมัย​ดาวิด ผู้​เป็น​ที่​พอใจ​ของ​พระ​เจ้า และ​ได้​ขอ​อนุญาต​พระ​องค์​เพื่อ​หา​ที่​พำนัก​สำหรับ​พระ​เจ้า​ของ​ยาโคบ แต่​ซาโลมอน​เป็น​ผู้​ที่​สร้าง​พระ​ตำหนัก​สำหรับ​พระ​องค์ อย่างไร​ก็​ตาม พระ​เจ้า​ผู้​สูง​สุด​ไม่​ได้​พำนัก​อยู่​ใน​พระ​ตำหนัก​ที่​สร้าง​ด้วย​ฝีมือ​มนุษย์ ตาม​ที่​ผู้​เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​ได้​กล่าว​ไว้​ว่า ‘พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​ว่า สวรรค์​เป็น​บัลลังก์​ของ​เรา และ​โลก​เป็น​ที่​วาง​เท้า​ของ​เรา เจ้า​สร้าง​ตำหนัก​อะไร​ให้​เรา หรือ​ว่า​ที่​พำนัก​ของ​เรา​อยู่​ที่​ไหน มิ​ใช่​มือ​ของ​เรา​หรอก​หรือ​ที่​ได้​สร้าง​สิ่ง​เหล่า​นี้​ไว้’ พวก​คน​หัวรั้น​เอ๋ย ท่าน​ใจ​แข็ง​ต่อ​พระ​เจ้า ทั้ง​ยัง​ทำ​หู​ทวน​ลม พวก​ท่าน​เหมือน​กับ​บรรพบุรุษ​ของ​ท่าน​ที่​ไม่​เชื่อ​ฟัง​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​เลย มี​ผู้​เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​ท่าน​ใด​บ้าง ที่​บรรพบุรุษ​ของ​ท่าน​ไม่​ได้​กดขี่​ข่มเหง เขา​ฆ่า​แม้​แต่​บรรดา​ผู้​พยากรณ์​ถึง​การ​มา​ของ​องค์​ผู้​มี​ความ​ชอบธรรม และ​บัดนี้​ท่าน​ได้​ทรยศ​และ​ฆ่า​พระ​องค์​เสีย พวก​ท่าน​ได้​รับ​กฎ​บัญญัติ​ที่​ทูต​สวรรค์​นำ​มา​ให้ แต่​กลับ​ไม่​เชื่อ​ฟัง” เมื่อ​คน​เหล่า​นั้น​ได้ยิน​ก็​รู้สึก​โกรธ​มาก ต่าง​ขบเขี้ยว​เคี้ยวฟัน​เข้า​ใส่​สเทเฟน แต่​ว่า​สเทเฟน​ผู้​เปี่ยม​ด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​ได้​แหงน​หน้า​ขึ้น​สู่​สวรรค์ และ​ได้​แล​เห็น​พระ​สง่า​ราศี​ของ​พระ​เจ้า โดย​มี​พระ​เยซู​ยืน​อยู่ ณ เบื้อง​ขวา​ของ​พระ​องค์ สเทเฟน​พูด​ว่า “ดู​สิ ข้าพเจ้า​เห็น​สวรรค์​เปิด​ออก และ​บุตรมนุษย์​ยืน​อยู่ ณ เบื้อง​ขวา​ของ​พระ​เจ้า” คน​เหล่า​นั้น​ยก​มือ​อุด​หู​แล้ว​ร้อง​ตะโกน​ด้วย​เสียง​อัน​ดัง และ​วิ่ง​กรู​กัน​เข้า​หา​สเทเฟน เมื่อ​พวก​เขา​ขับ​ไล่​สเทเฟน​ออก​ไป​จาก​เมือง​แล้ว​ก็​เริ่ม​เอา​ก้อนหิน​ขว้าง​ท่าน พวก​พยาน​ก็​เอา​เสื้อ​ของ​ตน​ไป​วาง​ไว้​ที่​เท้า​ของ​ชาย​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​ชื่อ​เซาโล ขณะ​ที่​กำลัง​ถูก​ขว้าง​ก้อนหิน​ใส่​อยู่ สเทเฟน​ได้​อธิษฐาน​ว่า “พระ​เยซู องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า โปรด​รับ​วิญญาณ​ของ​ข้าพเจ้า​ด้วย” แล้ว​ท่าน​ก็​คุกเข่า​ลง​ร้อง​ว่า “ข้า​แต่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ขอ​อย่า​ได้​ถือ​โทษ​บาป​แก่​เขา​เหล่า​นั้น​เลย” สิ้น​ประโยค​นั้น สเทเฟน​ก็​ล้ม​ลง​ขาด​ใจ​ตาย