กิจการ 20:4-38

กิจการ 20:4-38 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

เขา​มี​เพื่อน​ร่วม​เดิน​ทาง​ไป​ด้วย​คือ โสปาเทอร์​ลูกชาย​ของ​ปีรัส​ชาว​เมือง​เบโรอา อาริสทารคัส กับ​เสคุนดัส​ชาว​เมือง​เธสะโลนิกา กายอัส​จาก​เดอร์บี และ​ทิโมธี ทีคิกัส​กับ​โตรฟีมัส​ที่​มา​จาก​แคว้น​เอเชีย คน​ทั้งหมดนี้​เดิน​ทาง​ล่วงหน้า​ไป​คอย​พวก​เรา​ที่​เมือง​โตรอัส หลังจาก​วัน​เทศกาล​ขนมปัง​ไร้​เชื้อ พวก​เรา​ก็​ลง​เรือ​ออก​จาก​เมือง​ฟีลิปปี ห้า​วัน​ต่อมา พวก​เรา​ไป​สมทบ​กับ​พวก​เขา​ที่​เมือง​โตรอัส และ​พัก​อยู่​ที่​นั่นเจ็ด​วัน ใน​วัน​อาทิตย์ ขณะ​ที่​เรา​ประชุม​กัน​เพื่อ​หัก​ขนมปัง เปาโล​คุย​กับ​พวก​เขา​จน​ถึง​เที่ยงคืน เพราะ​เปาโล​ตั้งใจ​จะ​ออก​จาก​เมือง​ใน​วันรุ่งขึ้น ใน​ห้อง​ชั้น​บน​ที่​เรา​ประชุม​กัน​นั้น มี​ตะเกียง​อยู่​หลาย​ดวง ชาย​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​ชื่อ​ยุทิกัส นั่ง​อยู่​บน​ขอบ​หน้าต่าง เขา​ง่วง​นอน​มาก จึง​หลับ​ไป​ขณะ​ที่​เปาโล​ยัง​พูด​อยู่ และ​ตกลง​มา​จาก​หน้าต่าง​ชั้น​ที่​สาม เมื่อ​ยก​ตัว​เขา​ขึ้น​มา​ก็​พบ​ว่า​เขา​ตาย​เสีย​แล้ว เปาโล​จึง​ลง​ไป​และ​ก้ม​ตัว​ลง​ไป​กอด​ร่าง​ของ​ยุทิกัส​แล้ว​พูด​ว่า “ไม่​ต้อง​เป็น​ห่วง เพราะ​เขา​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่” จาก​นั้น​เปาโล​ก็​ขึ้น​ไป​ชั้น​บน หัก​ขนมปัง​และ​กิน​อาหาร​กัน และ​พูด​กับ​พวก​นั้น​ต่อ​ไป​จน​ถึง​เช้ามืด​แล้ว​จึง​จาก​ไป พวก​เขา​ก็​พา​ชาย​หนุ่ม​คน​ที่​ฟื้น​จาก​ความ​ตาย​กลับ​บ้าน และ​ทุก​คน​ก็​รู้สึก​ปลาบปลื้ม​ใจ​มาก เปาโล​ตั้งใจ​จะ​เดิน​ทาง​ไป​เมือง​อัสโสส​ทาง​บก จึง​จัดการ​ให้​พวก​เรา​ขึ้น​เรือ​ล่วงหน้า​ไป​ก่อน แล้ว​ค่อย​แวะ​รับ​เขา​ขึ้น​เรือ​ที่​นั่น เมื่อ​เปาโล​พบ​พวก​เรา​ที่​เมือง​อัสโสส เรา​รับ​เขา​ขึ้น​เรือ​มุ่ง​หน้า​ไป​เมือง​มิทิเลนี ใน​วันรุ่งขึ้น เรา​แล่น​เรือ​ออก​จาก​มิทิเลนี ไป​ถึง​บริเวณ​ฝั่ง​ตรงข้าม​กับ​เกาะ​คิโอส พอ​วัน​ต่อมา​เรา​ก็​แล่น​เรือ​มา​ถึง​เกาะ​สามอส และ​อีก​วัน​ต่อมา​เรา​ได้​มา​ถึง​เมือง​มิเลทัส เปาโล​ตัดสิน​ใจ​ว่า​จะ​แล่น​ผ่าน​เมือง​เอเฟซัส​ไป​เลย จะ​ได้​ไม่​ต้อง​เสีย​เวลา​ที่​แคว้น​เอเชีย เพราะ​ถ้า​เป็น​ไป​ได้ เขา​จะ​รีบ​ไป​ให้​ถึง​เมือง​เยรูซาเล็ม​ก่อน​วัน​เพ็นเทคอสต์ ตอน​เปาโล​อยู่​ที่​เมือง​มิเลทัส เปาโล​ฝาก​ข้อ​ความ​ไป​ให้​พวก​ผู้นำ​อาวุโส​ที่​หมู่​ประชุม​ของ​พระเจ้า​ใน​เมือง​เอเฟซัส​ให้​มา​เจอ​กัน​ที่​นั่น เมื่อ​พวก​นั้น​มา​ถึง เปาโล​พูด​ว่า “คุณ​ก็​รู้​ว่า ตลอด​เวลา​ที่​ผม​อยู่​กับ​พวก​คุณ​ผม​ใช้​ชีวิต​อย่าง​ไร นับ​ตั้งแต่​วัน​แรก​ที่​ผม​มา​ถึง​แคว้น​เอเชียนี้ ผม​รับใช้​องค์​เจ้า​ชีวิต​อย่าง​อ่อนน้อม​ถ่อมตน​และ​น้ำตาไหล ผม​ผ่าน​ความ​ทุกข์ยาก​ลำบาก​มากมาย​จาก​แผน​ร้าย​ต่างๆ​ของ​พวก​ยิว คุณ​ก็​รู้​ว่า​สิ่ง​ที่​เป็น​ประโยชน์​กับ​พวก​คุณ ผม​ไม่​เคย​ลังเล​ที่​จะ​บอก​ให้​รู้​เลย ซ้ำ​ยัง​สอน​ให้​ทั้ง​ใน​ที่​สาธารณะ และ​ที่​บ้าน​อีก​ด้วย ผม​เตือน​หมด​ทุก​คน ไม่ว่า​จะ​เป็น​คน​ยิว หรือ​คน​กรีก​ให้​กลับ​ตัว​กลับ​ใจ กลับ​มาหา​พระเจ้า และ​ให้​ไว้วางใจ​ใน​พระเยซูเจ้า​ของ​พวก​เรา ตอนนี้​ผม​จะ​ต้อง​ไป​เมือง​เยรูซาเล็ม ตาม​ที่​พระวิญญาณ​บริสุทธิ์ สั่ง ไม่​รู้​ว่า​จะ​เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​ผม​ที่​นั่น​บ้าง รู้​แต่​ว่า​พระวิญญาณ​บริสุทธิ์​ได้​เตือน​ผม​ใน​ทุก​เมือง​ที่​ไป​ว่า ทั้ง​คุก ทั้ง​ความ​ทุกข์ยาก​ลำบาก กำลัง​รอ​ผม​อยู่​ที่​เมือง​เยรูซาเล็ม แต่​ผม​ไม่​สนใจ​หรอก​ว่า​จะ​เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​ชีวิต​ของ​ผม ขอ​เพียง​แต่​ให้​ผม​วิ่ง​ถึง​เส้นชัย และ​ทำงาน​ที่​พระเยซูเจ้า​มอบ​หมาย​ไว้​ให้​สำเร็จ​ก็​พอ​แล้ว งาน​นั้น​ก็​คือ​การ​ประกาศ​ข่าวดี​เรื่อง​ความ​เมตตา​กรุณา​ของ​พระเจ้า ผม​รู้​ว่า​ต่อไปนี้​จะ​ไม่​มี​ใคร​เลย​ใน​พวก​คุณ ที่​ผม​ได้​ตระเวน​ไป​ประกาศ​เรื่อง​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า​ให้​ฟัง​นั้น จะ​ได้​เห็น​หน้า​ผม​อีก ดังนั้น​ผม​ขอ​บอก​ให้​รู้​ตอนนี้​เลย​ว่า ถ้า​หาก​มี​ใคร​ใน​พวก​คุณ​หลง​หาย อย่า​มา​โทษ​ผม​ก็​แล้ว​กัน เพราะ​ผม​ได้​บอก​เรื่อง​ที่​พระเจ้า​อยาก​ให้​พวก​คุณ​รู้​อย่าง​ครบ​ถ้วน​แล้ว ระวัง​ตัวเอง​กับ​ฝูงชน​ทั้งหลาย​ที่​พระวิญญาณ​บริสุทธิ์ ได้​ตั้ง​ให้​คุณ​เป็น​ผู้​ดูแล​เลี้ยงดู ซึ่ง​ก็​คือ​หมู่​ประชุม​ของ​พระเจ้า​ที่​พระองค์​ได้​ซื้อ​มา​ด้วย​เลือด​ของ​พระบุตร​ของ​พระองค์​เอง ผม​รู้​ว่า​เมื่อ​ผม​จาก​ไป จะ​มี​คน​อื่น​ที่​เป็น​เหมือน​ฝูง​หมาป่า​ดุร้าย​เข้า​มา​ทำร้าย​ฝูงชน​ของ​พระเจ้า แม้แต่​พวก​คุณ​เอง​บางคน ก็​จะ​พูด​บิดเบือน​ความจริง เพื่อ​ล่อ​พวก​ศิษย์​ของ​พระเยซู​ให้​ไป​ติดตาม​พวก​เขา​แทน ฉะนั้น ระวัง​ตัว​ไว้​ให้​ดี จำ​ไว้​ว่า​ตลอด​เวลา​สาม​ปี​มานี้ ผม​ได้​ตักเตือน​พวก​คุณ​แต่​ละ​คน​ด้วย​น้ำตา​มา​ตลอด ไม่​เคย​หยุด​เลย​ทั้ง​กลาง​วัน​และ​กลาง​คืน และ​เดี๋ยวนี้ ผม​ขอ​มอบ​พวก​คุณ​ไว้​กับ​พระเจ้า และ​กับ​พระคำ​เรื่อง​ความ​เมตตา​กรุณา​ของ​พระองค์ ที่​จะ​ทำ​ให้​คุณ​เข้มแข็ง​ขึ้น และ​จะ​ทำ​ให้​คุณ​เป็น​ผู้​รับ​มรดก​ร่วม​กับ​คน​พวก​นั้น​ทั้งหมด​ที่​พระเจ้า​ได้​แยก​ออก​มา​ไว้​เป็น​ของ​พระองค์ ผม​ไม่​เคย​คิด​อยาก​จะ​ได้​เงิน​ทอง หรือ​เสื้อผ้า​ของ​ใคร​เลย พวก​คุณ​ก็​รู้​ว่า ผม​ได้​ทำงาน​เลี้ยงดู​ตัวเอง​และ​คน​ที่​อยู่​กับ​ผม ด้วย​มือ​ทั้ง​สอง​ของ​ผมนี้ ที่​ผม​ทำ​อย่างนี้ ก็​เพื่อ​พวก​คุณ​จะ​ได้​เห็น​ว่า​เรา​จะ​ต้อง​ทำงาน​หนัก​เพื่อ​จะ​ได้​ช่วยเหลือ​คน​ที่​ขัดสน จำ​คำพูด​ของ​พระเยซูเจ้า​ไว้​ให้​ดี​ที่​ว่า ‘การ​ให้​เป็น​เกียรติ​มาก​ยิ่งกว่า​การ​รับ’” หลัง​จาก​เปาโล​พูด​เสร็จ​แล้ว เขา​ก็​คุกเข่า​ลง​พร้อม​กับ​ทุก​คน และ​เขา​ได้​อธิษฐาน ทุก​คน​ร้องไห้​สะอึก​สะอื้น​พา​กัน​กอด​คอ​และ​จูบ​เปาโล พวก​เขา​เสียใจ​มาก​ที่​เปาโล​บอก​ว่า จะ​ไม่​ได้​เห็น​หน้า​เขา​อีก​แล้ว จาก​นั้น​ก็​พา​กัน​ไป​ส่ง​เปาโล​ที่​เรือ

กิจการ 20:4-38 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

พวกที่ไปกับเปาโลได้แก่โสปาเทอร์ชาวเมืองเบโรอาผู้เป็นบุตรของปีรัส อาริสทารคัสกับเสคุนดัสชาวเมืองเธสะโลนิกา กายอัสชาวเมืองเดอร์บี ทิโมธี ทีคิกัส และโตรฟีมัสจากแคว้นเอเชีย แต่พวกเขาเดินทางล่วงหน้าไปก่อนโดยคอยเราอยู่ที่เมืองโตรอัส หลังจากเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ เราลงเรือออกจากเมืองฟีลิปปี และอีกห้าวันต่อมาก็มาทันพวกเขาที่เมืองโตรอัส และพักอยู่ที่นั่นเจ็ดวัน ในวันอาทิตย์เมื่อเราประชุมกันทำพิธีหักขนมปัง เปาโลก็กล่าวสั่งสอนเขาทั้งหลาย และเพราะท่านตั้งใจจะจากไปในวันรุ่งขึ้น ท่านจึงกล่าวยืดยาวไปจนถึงเที่ยงคืน ในห้องชั้นบนที่เราประชุมกันนั้นมีตะเกียงหลายดวง ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อยุทิกัสนั่งอยู่ที่หน้าต่างกำลังง่วงนอนมากขึ้นทุกทีระหว่างที่เปาโลยังคงสอนยืดยาวต่อไป ในที่สุดเขาผลอยหลับและพลัดตกลงมาจากชั้นสาม เมื่อยกขึ้นมาก็พบว่าตายเสียแล้ว แต่เปาโลลงไปและก้มตัวกอดคนนั้นไว้ แล้วบอกว่า “อย่าตกใจไปเลย เพราะว่าชีวิตยังอยู่ในตัวเขา” เมื่อเปาโลกลับขึ้นไปห้องชั้นบน ท่านหักขนมปังและรับประทาน แล้วสนทนากับพวกเขาต่อจนสว่าง จากนั้นท่านก็ลาไป คนทั้งหลายจึงพาชายหนุ่มที่ยังมีชีวิตอยู่กลับไป และพวกเขาก็ได้รับการหนุนใจไม่น้อยเลย เราลงเรือก่อนและแล่นเรือไปยังเมืองอัสโสส ตั้งใจว่าจะไปรับเปาโลที่นั่น เพราะท่านสั่งไว้อย่างนั้นเนื่องจากท่านเองตั้งใจไปทางบก เมื่อท่านพบเราที่เมืองอัสโสสแล้ว เราก็รับท่านขึ้นมาแล้วไปยังเมืองมิทิเลนี หลังจากออกจากที่นั่นได้วันหนึ่ง ก็มาถึงยังบริเวณฝั่งตรงข้ามเกาะคิโอส พอวันที่สองมาถึงเกาะสามอส และอีกวันหนึ่งมาถึงเมืองมิเลทัส เพราะเปาโลตัดสินใจว่าจะแล่นผ่านเมืองเอเฟซัสไป เพื่อจะไม่ต้องเสียเวลาในแคว้นเอเชีย ท่านต้องการรีบไปให้ถึงกรุงเยรูซาเล็ม ถ้าเป็นได้ให้ทันวันเพ็นเทคอสต์ เปาโลจึงส่งคนจากเมืองมิเลทัสไปยังเมืองเอเฟซัสเพื่อเชิญบรรดาผู้ปกครองในคริสตจักรนั้นมา เมื่อมาแล้วเปาโลจึงกล่าวว่า “ท่านทั้งหลายย่อมทราบอยู่แล้วว่า ข้าพเจ้าประพฤติอย่างไรตลอดเวลาที่อยู่กับท่านนับตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในแคว้นเอเชีย ข้าพเจ้ารับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความถ่อมใจและด้วยน้ำตา ต้องทนต่อการทดลองที่มาถึงตัวเองอันเนื่องจากแผนร้ายของพวกยิว สิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งเป็นคุณประโยชน์ต่อพวกท่าน ข้าพเจ้าไม่ได้ละเว้นที่จะทำ แต่ประกาศกับพวกท่านและสั่งสอนพวกท่านทั้งในที่ชุมนุมชนและตามบ้านเรือน เป็นพยานทั้งกับพวกยิวและพวกกรีกเรื่องการกลับใจมาหาพระเจ้าและเรื่องความเชื่อในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา นี่แน่ะ บัดนี้พระวิญญาณทรงนำข้าพเจ้าให้ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ไม่ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าที่นั่นบ้าง ยกเว้นสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานกับข้าพเจ้าในทุกๆ เมืองว่าเครื่องจำจองและความยากลำบากกำลังคอยข้าพเจ้าอยู่ แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ถือว่าชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่าสำหรับตัวเอง ขอแต่เพียงให้ข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่ของข้าพเจ้าและทำพันธกิจที่ได้รับจากพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าให้สำเร็จ คือการเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐที่สำแดงพระคุณของพระเจ้า นี่แน่ะ บัดนี้ข้าพเจ้าทราบว่า ไม่มีใครในพวกท่านซึ่งเป็นผู้ที่ข้าพเจ้าเที่ยวป่าวประกาศแผ่นดินของพระเจ้าให้นั้น จะได้เห็นหน้าข้าพเจ้าอีก เพราะฉะนั้นในวันนี้ข้าพเจ้าขอยืนยันต่อท่านทั้งหลายว่า แม้ท่านทุกคนจะหลงหายไป ข้าพเจ้าก็พ้นโทษแล้ว เพราะว่าข้าพเจ้าไม่ได้ละเว้นในการกล่าวเรื่องพระดำริทั้งสิ้นของพระเจ้าให้ท่านฟัง จงเฝ้าระวังทั้งตัวพวกท่านเองและฝูงแกะซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงตั้งพวกท่านไว้ให้เป็นผู้ดูแล และให้เลี้ยงดูคริสตจักรของพระเจ้า ที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระบุตรของพระองค์ ข้าพเจ้าทราบอยู่แล้วว่า เมื่อข้าพเจ้าไปแล้วจะมีพวกสุนัขป่าที่ดุร้ายเข้ามาในหมู่พวกท่าน และจะไม่ละเว้นฝูงแกะไว้เลย และจะมีบางคนในหมู่พวกท่านออกมาบิดเบือนความจริง เพื่อชักชวนสาวกให้หลงตามพวกเขาไป เพราะฉะนั้นจงตื่นตัวและจำไว้ว่าข้าพเจ้าได้สั่งสอนเตือนสติพวกท่านทุกคนด้วยน้ำตาทั้งกลางวันกลางคืนตลอดสามปีไม่ได้หยุดหย่อน บัดนี้ข้าพเจ้าฝากท่านไว้กับพระเจ้าและกับคำแห่งพระคุณของพระองค์ซึ่งสามารถก่อสร้างท่านขึ้นได้และให้ท่านมีมรดกด้วยกันกับบรรดาธรรมิกชน ข้าพเจ้าไม่ได้โลภเงินหรือทองหรือเสื้อผ้าของใครเลย พวกท่านเองก็ทราบว่า มือทั้งสองของข้าพเจ้าจัดหาปัจจัยสำหรับตัวเองและสำหรับพวกที่อยู่กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าวางแบบอย่างให้ท่านแล้วในทุกเรื่อง เพื่อให้เห็นว่าโดยการตรากตรำงานแบบเดียวกันนี้ เราต้องช่วยพวกที่มีกำลังน้อย และระลึกถึงพระวจนะของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า ตามที่พระองค์ตรัสว่า ‘การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ’ ” เมื่อเปาโลกล่าวอย่างนั้นแล้วจึงคุกเข่าลงอธิษฐานกับคนเหล่านั้น เขาทุกคนร้องไห้กันอย่างมาก พวกเขากอดเปาโลและจูบท่าน รู้สึกเป็นทุกข์อย่างยิ่งยวด เพราะถ้อยคำที่ท่านกล่าวว่า พวกเขาจะไม่ได้เห็นหน้าท่านอีก แล้วเขาพาท่านไปส่งที่เรือ

กิจการ 20:4-38 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

คนที​่ไปยังแคว้นเอเชี​ยก​ับเปาโลคือโสปาเทอร์ชาวเมืองเบโรอา อาริสทารคัสกับเสคุนดัสชาวเมืองเธสะโลนิ​กา กายอัสชาวเมืองเดอร์บี และทิโมธี ที​คิก​ัสกับโตรฟีมัสชาวแคว้นเอเชีย แต่​คนเหล่านั้นได้เดินทางล่วงหน้าไปคอยพวกเราอยู่​ที่​เมืองโตรอัสก่อน ครั้​นว​ันเทศกาลขนมปังไร้เชื้อล่วงไปแล้ว เราทั้งหลายจึงลงเรือออกจากเมืองฟีลิปปี และต่อมาห้าวั​นก​็มาถึงพวกนั้​นที​่เมืองโตรอัส และยับยั้งอยู่​ที่​นั่นเจ็ดวัน ในวันต้นสัปดาห์เมื่อพวกสาวกประชุมกันทำพิธีหักขนมปัง เปาโลก็​กล​่าวสั่งสอนเขา เพราะว่าวั​นร​ุ่งขึ้นจะลาไปจากเขาแล้ว ท่านได้​กล​่าวยืดยาวไปจนเที่ยงคืน มี​ตะเกียงหลายดวงในห้องชั้นบนที่เขาประชุมกันนั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อยุทิกั​สน​ั่งอยู่​ที่​หน​้าต่างง่วงนอนเต็​มท​ี และเมื่อเปาโลสั่งสอนช้านานไปอีก คนนั้​นก​็โงกพลัดตกจากหน้าต่างชั้​นที​่​สาม เมื่อยกขึ้​นก​็​เห​็​นว​่าตายเสียแล้ว ฝ่ายเปาโลจึงลงไป ก้มตัวกอดผู้นั้นไว้ แล​้​วว​่า “อย่าตกใจเลย ด้วยว่าชีวิตยังอยู่ในตัวเขา” ครั้นเปาโลขึ้นไปห้องชั้นบนหักขนมปังและรับประทานแล้ว ก็​สนทนาต่อไปอีกช้านานจนสว่าง ท่านก็ลาเขาไป คนทั้งหลายจึงพาคนหนุ่มผู้ยังเป็นอยู่​ไป และก็ปลื้มใจยินดี​ไม่​น้อยเลย ฝ่ายพวกเราก็ลงเรือแล่นไปยังเมืองอัสโสสก่อน ตั้งใจว่าจะรับเปาโลที่​นั่น ด้วยท่านสั่งไว้​อย่างนั้น เพราะท่านหมายว่าจะไปทางบก ครั้นท่านพบกับเราที่เมืองอัสโสส เราก็รั​บท​่าน แล​้วมายังเมืองมิทิ​เลน​ี ครั้นแล่นเรือออกจากที่นั่นได้วันหนึ่​งก​็​มาย​ังที่ตรงข้ามเกาะคิโอส วันที่​สองก็มาถึงเกาะสามอส และหยุดพักที่​โตรก​ิเลี​ยม และอีกวันหนึ่​งก​็มาถึงเมืองมิเลทัส ด้วยว่าเปาโลได้ตั้งใจว่า จะแล่นเลยเมืองเอเฟซัสไป เพื่อจะไม่ต้องค้างอยู่นานในแคว้นเอเชีย เพราะท่านรีบให้ถึงกรุงเยรูซาเล็ม ถ้าเป็นได้​ให้​ทั​นว​ันเทศกาลเพ็นเทคศเต เปาโลจึงใช้คนจากเมืองมิเลทัสไปยังเมืองเอเฟซัส ให้​เชิญพวกผู้ปกครองในคริสตจั​กรน​ั้นมา ครั้นเขาทั้งหลายมาถึงเปาโลแล้ว เปาโลจึงกล่าวแก่เขาว่า “ท่านทั้งหลายย่อมทราบอยู่เองว่า ข้าพเจ้าได้​ประพฤติ​ต่อท่านอย่างไรทุกเวลา ตั้งแต่​วันแรกที่ข้าพเจ้าเข้ามาในแคว้นเอเชีย ข้าพเจ้าได้​ปรนนิบัติ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าด้วยความถ่อมใจ ด้วยน้ำตาไหลเป็​นอ​ันมาก และด้วยการถูกทดลอง ซึ่งมาถึงข้าพเจ้าเพราะพวกยิวคิดร้ายต่อข้าพเจ้า และสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งเป็นคุณประโยชน์​แก่​ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ามิ​ได้​ปิดซ่อนไว้ แต่​ได้​ชี้​แจงให้ท่านเห็​นก​ับได้สั่งสอนท่านต่อหน้าคนทั้งปวงและตามบ้านเรือน ทั้งเป็นพยานแก่พวกยิวและพวกกรีก ถึงเรื่องการกลับใจใหม่เฉพาะพระเจ้า และความเชื่อในพระเยซู​คริสต์​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา ดู​เถิด บัดนี้​พระวิญญาณพันผูกข้าพเจ้า จึงจำเป็นจะต้องไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ไม่​ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้​นก​ับข้าพเจ้าที่นั่นบ้าง เว้นไว้​แต่​พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ทรงเป็นพยานในทุ​กบ​้านทุกเมืองว่า เครื่องจองจำและความยากลำบากคอยท่าข้าพเจ้าอยู่ แต่​สิ​่งเหล่านี้​ไม่ได้​เปล​ี่ยนแปลงข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้ามิ​ได้​ถือว่าชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งประเสริฐแก่​ข้าพเจ้า แต่​ในชีวิตของข้าพเจ้าขอทำหน้าที่​ให้​สำเร็​จด​้วยความปี​ติ​ยินดี และทำการปรนนิบั​ติ​ที่​ได้​รับมอบหมายจากพระเยซู​เจ้า คือที่จะเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐแห่งพระคุณของพระเจ้านั้น ดู​เถิด ข้าพเจ้าเที่ยวป่าวประกาศอาณาจักรของพระเจ้าในหมู่พวกท่าน บัดนี้ ข้าพเจ้าทราบอยู่ว่าท่านทั้งหลายจะไม่​เห​็นหน้าข้าพเจ้าอีก เหตุ​ฉะนั้น วันนี้​ข้าพเจ้ายืนยันต่อท่านทั้งหลายว่า ข้าพเจ้าหมดราคีจากโลหิตของทุกคน เพราะว่า ข้าพเจ้ามิ​ได้​ย่อท้อในการกล่าวเรื่องพระดำริของพระเจ้าทั้งสิ้น ให้​ท่านทั้งหลายฟัง เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงระวังตัวให้​ดี และจงรักษาฝูงแกะที่พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​ได้​ทรงตั้งท่านไว้​ให้​เป็นผู้​ดูแล และเพื่อจะได้บำรุงเลี้ยงคริสตจักรของพระเจ้า ที่​พระองค์​ทรงไถ่ด้วยพระโลหิตของพระองค์​เอง ข้าพเจ้าทราบอยู่​ว่า เมื่อข้าพเจ้าไปแล้ว จะมีสุนัขป่าอั​นร​้ายเข้ามาในหมู่พวกท่าน และจะไม่ละเว้นฝูงแกะไว้​เลย จะมีบางคนในหมู่พวกท่านเองขึ้นกล่าวบิดเบือนความจริง เพื่อจะชักชวนพวกสาวกให้หลงตามเขาไป เหตุ​ฉะนั้นจงตื่นตัวอยู่และจำไว้​ว่า ข้าพเจ้าได้สั่งสอนเตือนสติท่านทุกคนด้วยน้ำตาไหล ทั้งกลางวันกลางคืนตลอดสามปี​มิได้​หยุดหย่อน พี่​น้องทั้งหลาย บัดนี้​ข้าพเจ้าฝากท่านไว้กับพระเจ้าและกับพระดำรัสแห่งพระคุณของพระองค์ ซึ่​งม​ี​ฤทธิ์​ก่อสร้างท่านขึ้นได้ และให้ท่านมีมรดกด้วยกั​นก​ับบรรดาผู้​ที่​ทรงแยกตั้งไว้ ข้าพเจ้ามิ​ได้​โลภเงินหรือทองหรือเสื้อผ้าของผู้​ใด แล​้​วท​่านทั้งหลายทราบว่า มือของข้าพเจ้าเองนี้ ได้​จัดหาสิ่งที่จำเป็นสำหรับตัวข้าพเจ้ากับคนที่​อยู่​กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้วางแบบอย่างไว้​ให้​ท่านทุกอย่างแล้ว ให้​เห​็​นว​่าโดยทำงานเช่นนี้ควรจะช่วยคนที่​มี​กำลังน้อย และให้ระลึกถึงพระวจนะของพระเยซู​เจ้า ซึ่งพระองค์ตรั​สว​่า ‘การให้​เป็นเหตุให้​มี​ความสุขยิ่งกว่าการรับ’ ” ครั้นเปาโลกล่าวอย่างนั้นแล้วจึงคุกเข่าลงอธิษฐานกับคนเหล่านั้น เขาทั้งหลายจึงร้องไห้​มากมาย และกอดคอของเปาโล จุ​บท​่าน เขาเป็นทุกข์มากที่สุดเพราะเหตุถ้อยคำที่ท่านกล่าวว่า เขาจะไม่​เห​็นหน้าท่านอีก แล​้วเขาก็​พาท​่านไปส่งที่​เรือ

กิจการ 20:4-38 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

คนที่ไปกับเปาโลคือโสปาเทอร์บุตรของปีรัสชาวเมืองเบโรอา อาริสทารคัสกับเสคุนดัสชาวเมืองเธสะโลนิกา กายอัสชาวเมืองเดอร์บี และทิโมธี ทีคิกัสกับโตรฟีมัส ชาวแคว้นเอเชีย แต่คนเหล่านั้น ได้เดินทางล่วงหน้าไปคอยพวกเราอยู่ที่เมืองโตรอัสก่อน ครั้นวันเทศกาลขนมปังไร้เชื้อล่วงไปแล้ว เราทั้งหลายจึงลงเรือออกจากเมืองฟีลิปปี และต่อมาห้าวันก็มาถึงพวกนั้นที่เมืองโตรอัส และยับยั้งอยู่ที่นั่นเจ็ดวัน ในวันอาทิตย์เมื่อเราทั้งหลายประชุมกันทำพิธีหักขนมปัง เปาโลก็กล่าวสั่งสอนเขา เพราะว่าวันรุ่งขึ้นจะลาไปจากเขาแล้ว ท่านได้กล่าวยืดยาวไปจนเที่ยงคืน มีตะเกียงหลายดวงในห้องชั้นบนที่เราประชุมกันนั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อยุทิกัสนั่งอยู่ที่หน้าต่างง่วงนอนเต็มที และเมื่อเปาโลสั่งสอนช้านานไปอีก คนนั้นก็โงกพลัดตกจากหน้าต่างชั้นที่สาม เมื่อยกขึ้นมาก็เห็นว่าตายเสียแล้ว ฝ่ายเปาโลจึงลงไปก้มตัวกอดผู้นั้นไว้ แล้วว่า <<อย่าตกใจไปเลย ด้วยว่าชีวิตยังอยู่ในตัวเขา>> ครั้นเปาโลขึ้นไปห้องชั้นบน หักขนมปังและรับประทานแล้ว ก็สนทนากับเขาต่อไปอีกช้านาน จนสว่างท่านก็ลาเขาไป คนทั้งหลายจึงพาคนหนุ่มผู้ยังเป็นอยู่ไป และเขาทั้งหลายก็ปลื้มใจยินดีไม่น้อยเลย ฝ่ายพวกเราก็ลงเรือแล่นไปยังเมืองอัสโสสก่อน ตั้งใจว่าจะรับเปาโลที่นั่น ด้วยท่านสั่งไว้อย่างนั้น เพราะท่านหมายจะไปทางบก ครั้นท่านพบกับเราที่เมืองอัสโสส เราก็รับท่านแล้วมายังเมืองมิทิเลนี ครั้นออกจากที่นั่นได้วันหนึ่ง ก็มายังที่ตรงข้ามเกาะคิโอส วันที่สองก็มาถึงเกาะสามอส และอีกวันหนึ่งก็มาถึงเมืองมิเลทัส ด้วยว่าเปาโลได้ตั้งใจว่าจะแล่นเลยเมืองเอเฟซัสไป เพื่อจะไม่ต้องค้างอยู่นานในแคว้นเอเชีย เพราะท่านรีบให้ถึงกรุงเยรูซาเล็ม ถ้าเป็นได้ให้ทันวันเทศกาลวันเพ็นเทคอสต์ เปาโลจึงใช้คนจากเมืองมิเลทัสไปยังเมืองเอเฟซัส ให้เชิญพวกผู้ปกครองในคริสตจักรนั้นมา ครั้นมาแล้วเปาโลจึงกล่าวว่า <<ท่านทั้งหลายย่อมทราบอยู่เองว่า ข้าพเจ้าได้ประพฤติต่อท่านอย่างไรทุกเวลา ตั้งแต่วันแรกเข้ามาในแคว้นเอเชีย ข้าพเจ้าได้ปรนนิบัติพระเจ้าด้วยความถ่อมใจ ด้วยน้ำตาไหล และด้วยถูกการทดลอง ซึ่งมาถึงข้าพเจ้าเพราะพวกยิวคิดร้ายต่อข้าพเจ้า และสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งเป็นคุณประโยชน์แก่ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ามิได้ปิดซ่อนไว้ แต่ได้ชี้แจงให้ท่านเห็น กับได้สั่งสอนท่านในที่ประชุม และตามบ้านเรือน ทั้งเป็นพยานแก่พวกยิวและพวกกรีก ถึงเรื่องการกลับใจใหม่เฉพาะพระเจ้า และความเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้าของเรา นี่แน่ะ บัดนี้พระวิญญาณพันผูกข้าพเจ้า จึงจำเป็นจะต้องไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ไม่ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าที่นั่นบ้าง เว้นไว้แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงเป็นพยานแก่ข้าพเจ้าในทุกบ้านทุกเมืองว่า เครื่องจำจองและความยากลำบากคอยท่าข้าพเจ้าอยู่ แต่ข้าพเจ้ามิได้ถือว่า ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่าและประเสริฐสำหรับตัวข้าพเจ้า แต่ในชีวิตของข้าพเจ้าขอทำหน้าที่ให้สำเร็จก็แล้วกัน และทำการปรนนิบัติที่ได้รับมอบหมายจากพระเยซูเจ้า คือที่จะเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐ ซึ่งสำแดงพระคุณของพระเจ้านั้น ดูเถิด ข้าพเจ้าเที่ยวป่าวประกาศแผ่นดินของพระเจ้าในหมู่พวกท่าน บัดนี้ข้าพเจ้าทราบอยู่ว่า ท่านจะไม่เห็นหน้าข้าพเจ้าอีก เหตุฉะนั้นวันนี้ข้าพเจ้ายืนยันต่อท่านทั้งหลายว่า ท่านทุกคนจะเป็นหรือตาย ข้าพเจ้าก็พ้นโทษแล้ว เพราะว่าข้าพเจ้ามิได้ย่อท้อในการกล่าวเรื่องพระดำริของพระเจ้าทั้งสิ้นให้ท่านทั้งหลายฟัง ท่านทั้งหลายจงระวังตัวให้ดี และจงรักษาฝูงแกะที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงตั้งท่านไว้ให้เป็นผู้ดูแล และเพื่อจะได้ปกครองคริสตจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง ข้าพเจ้าทราบอยู่ว่า เมื่อข้าพเจ้าไปแล้วจะมีสุนัขป่าอันร้ายเข้ามาในหมู่พวกท่าน และจะไม่ละเว้นฝูงแกะไว้เลย จะมีบางคนในหมู่พวกท่านเองกล่าวผันแปรความจริง เพื่อจะชักชวนพวกสาวกให้หลงตามเขาไป เหตุฉะนั้นจงตื่นตัวอยู่ และจำไว้ว่าข้าพเจ้าได้สั่งสอนเตือนสติท่านทุกคนด้วยน้ำตาไหล ทั้งกลางวันกลางคืนตลอดสามปีมิได้หยุดหย่อน บัดนี้ข้าพเจ้าฝากท่านไว้กับพระเจ้าและกับคำแห่งพระคุณของพระองค์ ซึ่งมีฤทธิ์อาจก่อสร้างท่านขึ้นได้ และให้ท่านมีมรดกด้วยกันกับบรรดาวิสุทธิชน ข้าพเจ้ามิได้โลภเงินหรือทอง หรือเสื้อผ้าของผู้ใด ท่านทั้งหลายทราบว่า มือของข้าพเจ้าเองได้จัดหาปัจจัยสำหรับตัวข้าพเจ้า กับคนที่อยู่กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้วางแบบอย่างไว้ให้ท่านทุกอย่างแล้ว ให้เห็นว่าโดยทำงานเช่นนี้ควรจะช่วยคนที่มีกำลังน้อย ระลึกถึงพระวาทะของพระเยซูเจ้า ซึ่งพระองค์ตรัสว่า <การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ> >> ครั้นเปาโลกล่าวอย่างนั้นแล้วจึงคุกเข่าลงอธิษฐานกับคนเหล่านั้น เขาทั้งหลายจึงร้องไห้มากมายและกอดคอของเปาโล จุบท่าน เขาเป็นทุกข์มากที่สุด เพราะถ้อยคำที่ท่านกล่าวว่า เขาจะไม่เห็นหน้าท่านอีก แล้วเขาก็พาท่านไปส่งที่เรือ

กิจการ 20:4-38 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ผู้ที่ร่วมทางกับเปาโลได้แก่โสปาเทอร์บุตรปีรัสจากเมืองเบเรอา อาริสทารคัสและเสคุนดัสจากเมืองเธสะโลนิกา กายอัสจากเมืองเดอร์บี ทิโมธีรวมทั้งทีคิกัสกับโตรฟีมัสจากแคว้นเอเชีย คนเหล่านี้เดินทางล่วงหน้าไปคอยเราที่เมืองโตรอัส แต่หลังจากผ่านเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อไปแล้ว เราก็ลงเรือจากเมืองฟิลิปปี และอีกห้าวันก็มาสมทบกับพวกเขาที่เมืองโตรอัส เราอยู่ที่นั่นเจ็ดวัน ในวันต้นสัปดาห์เรามาประชุมกันเพื่อหักขนมปัง เปาโลกล่าวแก่คนทั้งหลายและเนื่องจากเขาตั้งใจจะจากไปในวันรุ่งขึ้นจึงพูดต่อเนื่องไปจนถึงเที่ยงคืน ในห้องชั้นบนที่เราประชุมกันมีตะเกียงหลายดวง ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อยุทิกัสนั่งอยู่ที่หน้าต่าง ยิ่งเปาโลพูดนานขึ้นเขาก็ยิ่งง่วงนอนมากขึ้นทุกที เมื่อเขาหลับสนิทก็พลัดตกจากชั้นที่สามถึงพื้นดิน พอประคองขึ้นมาก็พบว่าตายแล้ว เปาโลเดินลงไปแล้วทิ้งตัวโอบเขาไว้และกล่าวว่า “ไม่ต้องตกใจ เขายังมีชีวิตอยู่!” จากนั้นเขากลับขึ้นมาที่ห้องชั้นบนอีก แล้วหักขนมปังรับประทานและสนทนากันต่อจนถึงรุ่งเช้าจึงลาไป คนทั้งหลายพาชายหนุ่มคนนั้นซึ่งยังมีชีวิตอยู่กลับบ้านไปและรู้สึกสบายใจอย่างมาก เราลงเรือแล่นไปยังเมืองอัสโสส จะไปรับเปาโลตามที่ได้นัดไว้ เนื่องจากเขาจะมาทางบก เมื่อพบกันที่เมืองอัสโสสก็รับเขาลงเรือและเดินทางต่อไปยังเมืองมิทิเลนี ออกจากที่นั่นได้หนึ่งวันก็มาถึงที่ตรงข้ามเกาะคิโอส อีกวันมาถึงเกาะสามอส วันรุ่งขึ้นมาถึงมิเลทัส เปาโลตั้งใจจะแล่นเลยเมืองเอเฟซัสไปจะได้ไม่ต้องเสียเวลาอยู่ที่แคว้นเอเชีย เพราะหากเป็นไปได้เขาจะรีบไปกรุงเยรูซาเล็มให้ทันวันเพ็นเทคอสต์ จากเมืองมิเลทัส เปาโลส่งคนไปเชิญเหล่าผู้ปกครองคริสตจักรเอเฟซัสมา เมื่อพวกเขามาถึงเปาโลก็กล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “ท่านทั้งหลายทราบอยู่ว่าตลอดเวลานับตั้งแต่วันแรกที่ข้าพเจ้ามายังแคว้นเอเชียข้าพเจ้าใช้ชีวิตอยู่กับพวกท่านอย่างไร ข้าพเจ้ารับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความถ่อมใจอย่างยิ่งและด้วยน้ำตาแม้เผชิญการทดสอบอย่างหนักหน่วงโดยแผนการของพวกยิว ท่านรู้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้รีรอที่จะเทศนาสิ่งใดๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อท่านแต่ได้สั่งสอนทั้งในที่สาธารณะและตามบ้านต่างๆ ข้าพเจ้าประกาศแก่ทั้งคนยิวและคนกรีกว่าพวกเขาต้องกลับใจใหม่หันมาหาพระเจ้าและเชื่อในองค์พระเยซูเจ้าของเรา “และบัดนี้พระวิญญาณทรงบังคับให้ข้าพเจ้าไปกรุงเยรูซาเล็ม ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับข้าพเจ้าที่นั่น รู้เพียงแต่ว่าในทุกๆ เมืองพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเตือนว่าคุกและความยากลำบากรอคอยข้าพเจ้าอยู่ ถึงกระนั้นข้าพเจ้าถือว่าชีวิตของข้าพเจ้าไม่ได้มีคุณค่าอันใดสำหรับตน ขอเพียงแต่ข้าพเจ้าวิ่งให้ถึงหลักชัยและทำภารกิจซึ่งองค์พระเยซูเจ้าทรงมอบหมายให้สำเร็จก็แล้วกัน คือภารกิจในการเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐแห่งพระคุณของพระเจ้า “บัดนี้ข้าพเจ้าทราบว่าไม่มีสักคนในพวกท่านซึ่งข้าพเจ้าได้เที่ยวป่าวประกาศอาณาจักรของพระเจ้าให้ฟังนั้นจะได้เห็นหน้าข้าพเจ้าอีก ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขอประกาศแก่พวกท่านในวันนี้ว่าข้าพเจ้าพ้นจากความรับผิดชอบต่อความตายของทุกคน เพราะข้าพเจ้าไม่ได้รีรอที่จะประกาศพระประสงค์ทั้งสิ้นของพระเจ้าแก่ท่าน ท่านทั้งหลาย จงเฝ้าระวังตัวของท่านเองและฝูงแกะทั้งสิ้นที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงตั้งให้ท่านเป็นผู้ปกครองดูแล จงเป็นคนเลี้ยงแกะสำหรับคริสตจักรของพระเจ้าซึ่งทรงซื้อมาด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง ข้าพเจ้าทราบว่าเมื่อข้าพเจ้าจากไปสุนัขป่าร้ายกาจจะเข้ามาในหมู่พวกท่านและจะไม่ปล่อยฝูงแกะทั้งสิ้นไว้เลย แม้ในหมู่ท่านเองก็จะมีคนลุกขึ้นมาบิดเบือนความจริงเพื่อจะดึงเหล่าสาวกไปติดตามพวกเขา ฉะนั้นจงเฝ้าระวังให้ดี! จงระลึกว่าทั้งวันทั้งคืนตลอดสามปีข้าพเจ้าไม่เคยหยุดยั้งที่จะเตือนท่านแต่ละคนด้วยน้ำตา “บัดนี้ข้าพเจ้าขอมอบท่านไว้กับพระเจ้าและพระวจนะแห่งพระคุณของพระองค์ซึ่งสามารถเสริมสร้างท่านและให้ท่านมีมรดกร่วมกับคนทั้งปวงที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ ข้าพเจ้าไม่ได้โลภเงินหรือทองหรือเสื้อผ้าของใคร ท่านเองทราบว่าด้วยสองมือของข้าพเจ้านี้ได้จัดหาปัจจัยสำหรับตนเองและคนที่อยู่กับข้าพเจ้า ทุกอย่างที่ข้าพเจ้าทำไป ข้าพเจ้าแสดงให้ท่านเห็นแล้ว ว่า โดยการทำงานหนักเช่นนี้ เราต้องช่วยผู้อ่อนแอ จงระลึกถึงพระดำรัสที่องค์พระเยซูเจ้าเองตรัสไว้ว่า ‘การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ’ ” เมื่อกล่าวจบแล้ว เปาโลก็คุกเข่าลงอธิษฐานร่วมกับพวกเขา พวกเขาทั้งปวงร่ำไห้ขณะสวมกอดและจูบลาเปาโล สิ่งที่ทำให้พวกเขาโศกเศร้าที่สุด คือที่เปาโลกล่าวว่าพวกเขาจะไม่ได้เห็นหน้าเปาโลอีก จากนั้นพวกเขาก็พากันมาส่งเปาโลที่เรือ

กิจการ 20:4-38 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ใน​ครั้ง​นี้​คน​ที่​ไป​ด้วย​คือ โสปาเทอร์​บุตร​ของ​ปีรัส​จาก​เมือง​เบโรอา อาริสทาร์คัส​กับ​เสคุนดัส​จาก​เมือง​เธสะโลนิกา กายอัส​จาก​เมือง​เดอร์บี และ​ทิโมธี ทีคิกัส​กับ​โตรฟีมัส​จาก​แคว้น​เอเชีย ชาย​เหล่า​นั้น​ได้​ไป​ล่วงหน้า​ก่อน​แล้ว และ​ได้​รอ​คอย​พวก​เรา​อยู่​ที่​โตรอัส แต่​เรา​ได้​ลง​เรือ​มา​จาก​เมือง​ฟีลิปปี​หลัง​จาก​เทศกาล​ขนมปัง​ไร้​เชื้อ และ 5 วัน​ต่อ​มา​ก็​ร่วม​ทาง​ไป​กับ​พวก​เขา​ที่​โตรอัส และ​เรา​พัก​อยู่​ที่​นั่น​ได้ 7 วัน วัน​แรก​ของ​สัปดาห์​นั้น​พวก​เรา​มา​ร่วม​ประชุม​กัน​เพื่อ​บิ​ขนมปัง เปาโล​ได้​สั่ง​สอน​ผู้​คน และ​ด้วย​เหตุ​ว่า​ท่าน​ตั้งใจ​ที่​จะ​เดิน​ทาง​จาก​ไป​ใน​วัน​รุ่ง​ขึ้น ท่าน​จึง​พูด​ยาว​นาน​ไป​จน​ถึง​เที่ยง​คืน ใน​ห้อง​ชั้น​บน​ที่​พวก​เรา​ประชุม​กัน​มี​ตะเกียง​หลาย​ดวง ชาย​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​ชื่อ​ยุทิกัส​นั่ง​อยู่​ที่​หน้าต่าง​และ​ง่วง​นอน​เต็ม​ที ขณะ​ที่​เปาโล​พูด​สั่ง​สอน​ต่อ​ไป​อีก เขา​โงก​หลับ​ไป​จึง​พลัด​ตก​จาก​ชั้น​ที่​สาม​ลง​มา พอ​ยก​ขึ้น​มา​ก็​พบ​ว่า​ตาย​เสีย​แล้ว เปาโล​จึง​ลง​ไป​ข้าง​ล่าง​แล้ว​นอน​ทาบ​ลง​บน​ชาย​หนุ่ม กอด​ตัว​เขา​แล้ว​พูด​ว่า “ไม่​ต้อง​ตก​ใจ เขา​มี​ชีวิต​แล้ว” แล้ว​ท่าน​ก็​ขึ้น​ไป​ห้อง​ชั้น​บน​อีก บิ​ขนมปัง​รับ​ประทาน​กัน หลัง​จาก​ที่​ได้​สนทนา​จน​ถึง​รุ่ง​เช้า​แล้ว​ก็​ได้​จาก​ไป ผู้​คน​ได้​พา​ชาย​หนุ่ม​ที่​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่​กลับ​บ้าน​ไป​ด้วย​ความ​สบาย​ใจ​ไม่​น้อย พวก​เรา​ไป​ล่วงหน้า​เพื่อ​จะ​ลง​เรือ​ไป​ยัง​เมือง​อัสโสส โดย​หมาย​จะ​รับ​เปาโล​ที่​นั่น ท่าน​ได้​เตรียม​การณ์​ไว้​อย่าง​นั้น​เพราะ​ว่า​ท่าน​ตั้งใจ​จะ​ไป​ทาง​บก เมื่อ​ท่าน​พบ​กับ​พวก​เรา​ที่​เมือง​อัสโสส​แล้ว เรา​ก็​รับ​ท่าน​ไป​ยัง​เมือง​มิทิเลนี​ต่อ วัน​รุ่ง​ขึ้น​พวก​เรา​ลง​เรือ​จาก​ที่​นั่น​จน​มา​ถึง​ฝั่ง​ตรง​ข้าม​เกาะ​คิโอส วัน​ต่อ​มา​พวก​เรา​ข้าม​ไป​ยัง​เกาะ​สามอส และ​อีก​วัน​ต่อ​มา​ก็​ถึง​เมือง​มิเลทัส เปาโล​ได้​ตัดสิน​ใจ​จะ​ลง​เรือ​เลย​เมือง​เอเฟซัส​ไป เพราะ​ไม่​ต้อง​การ​อยู่​ใน​แคว้น​เอเชีย ท่าน​รีบ​ไป​ยัง​เมือง​เยรูซาเล็ม ถ้า​เป็น​ไป​ได้​จะ​ได้​ให้​ทัน​วัน​เพ็นเทคศเต จาก​เมือง​มิเลทัส เปาโล​ได้​ส่ง​คน​ไป​เชิญ​คณะ​ผู้​ปกครอง​ของ​คริสตจักร​ที่​เมือง​เอเฟซัส​มา เมื่อ​เขา​เหล่า​นั้น​มา​ถึง ท่าน​กล่าว​ขึ้น​ว่า “พวก​ท่าน​ทราบ​ว่า​ข้าพเจ้า​ใช้​ชีวิต​อย่างไร ตลอด​เวลา​ที่​ข้าพเจ้า​อยู่​กับ​ท่าน นับ​แต่​วัน​แรก​ที่​ข้าพเจ้า​เข้า​มา​ใน​แคว้น​เอเชีย ข้าพเจ้า​ได้​รับ​ใช้​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ด้วย​ความ​ถ่อม​ตัว​และ​ด้วย​น้ำตา​นอง​หน้า ข้าพเจ้า​ถูก​ทดสอบ​อย่าง​หนัก​จาก​ชาว​ยิว​ที่​คิด​ร้าย​ต่อ​ข้าพเจ้า พวก​ท่าน​ทราบ​ว่า ข้าพเจ้า​ไม่​เคย​ลังเล​ที่​จะ​สั่ง​สอน​สิ่ง​ที่​เป็น​ประโยชน์​แก่​พวก​ท่าน ทั้ง​ใน​ที่​ชุมชน​และ​ตาม​บ้าน ข้าพเจ้า​ได้​ประกาศ​แก่​ชาว​ยิว​และ​กรีก​ว่า เขา​ต้อง​กลับ​ใจ​เข้า​หา​พระ​เจ้า และ​มี​ความ​เชื่อ​ใน​พระ​เยซู องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา มา​บัดนี้ ข้าพเจ้า​กำลัง​จะ​ไป​ยัง​เมือง​เยรูซาเล็ม โดย​รับ​การ​ดลใจ​จาก​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์ โดย​ที่​ไม่​ทราบ​ว่า​อะไร​จะ​เกิด​ขึ้น​กับ​ข้าพเจ้า​ที่​นั่น ข้าพเจ้า​ทราบ​แต่​เพียง​ว่า พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​เตือน​ข้าพเจ้า​ใน​ทุก​เมือง ว่า​เรือนจำ​และ​ความ​ลำบาก​คอยท่า​ข้าพเจ้า​อยู่ อย่างไร​ก็​ตาม ข้าพเจ้า​จะ​เป็น​หรือ​ตาย​ก็​ไม่​ว่า เพียง​แต่​ขอ​วิ่ง​ใน​การ​แข่งขัน​ให้​เสร็จ​สิ้น และ​ทำงาน​ซึ่ง​พระ​เยซู องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​มอบ​หมาย​ไว้​ให้​เสร็จ​บริบูรณ์ คือ​การ​ยืนยัน​เรื่อง​ข่าว​ประเสริฐ​ซึ่ง​แสดง​ถึง​พระ​คุณ​ของ​พระ​เจ้า ดู​เถิด ข้าพเจ้า​ได้​เที่ยว​ประกาศ​อาณาจักร​ของ​พระ​เจ้า​ใน​หมู่​ท่าน บัดนี้​ข้าพเจ้า​ทราบ​ว่า​ไม่​มี​ใคร​ใน​พวก​ท่าน​ที่​จะ​เห็น​หน้า​ข้าพเจ้า​อีก ด้วย​เหตุนี้​ข้าพเจ้า​จึง​ยืนยัน​แก่​ท่าน​ใน​วัน​นี้​ว่า ข้าพเจ้า​ไม่​เป็น​ผู้​รับ​ผิดชอบ​ถ้า​ใคร​หลง​หาย​ตาย​ไป เพราะ​ข้าพเจ้า​ไม่​ลังเล​เลย​ที่​จะ​ประกาศ​ความ​ประสงค์​ทั้ง​สิ้น​ของ​พระ​เจ้า​ให้​ท่าน​ทราบ จง​รักษา​ตัว​ท่าน​เอง​และ​รักษา​แกะ​ทุก​ตัว​ใน​ฝูง​ที่​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​ได้​มอบ​ให้​ท่าน​เป็น​ผู้​ดูแล จง​เลี้ยง​ดู​คริสตจักร​ของ​พระ​เจ้า ซึ่ง​พระ​องค์​ได้​มา​ด้วย​โลหิต​ของ​พระ​องค์​เอง ข้าพเจ้า​ทราบ​ว่า​หลัง​จาก​ที่​ข้าพเจ้า​จาก​ไป​แล้ว พวก​สุนัข​ป่า​ร้ายกาจ​จะ​เข้า​มา​ใน​หมู่​ท่าน​และ​จะ​ไม่​ละเว้น​ฝูง​แกะ​ไว้ บาง​คน​ใน​พวก​ท่าน​เอง​นั่น​แหละ จะ​ลุก​ขึ้น​มา​กล่าว​สิ่ง​ที่​บิดเบือน​ความ​จริง​เพื่อ​ชัก​พา​สาวก​ให้​ตาม​พวก​เขา​ไป ฉะนั้น​จง​ระวัง​ให้​ดี จง​จำ​ไว้​ว่า​เป็น​เวลา 3 ปี​ที่​ข้าพเจ้า​ไม่​ได้​หยุด​ตักเตือน​ท่าน​ทุก​คน​ทั้ง​วัน​และ​คืน​ด้วย​น้ำตา​นอง​หน้า บัดนี้​ข้าพเจ้า​ฝาก​ท่าน​ไว้​กับ​พระ​เจ้า และ​กับ​คำกล่าว​ของ​พระ​องค์ ซึ่ง​เป็น​พระ​คุณ​ที่​สามารถ​เสริม​พลัง​ฝ่าย​วิญญาณ​ให้​ท่าน และ​มอบ​มรดก​แก่​ท่าน​ด้วย​กัน​กับ​ทุก​คน​ที่​พระ​เจ้า​ชำระ​ให้​บริสุทธิ์​แล้ว ข้าพเจ้า​ไม่​โลภ​อยาก​ได้​เงิน​และ​ทอง หรือ​เสื้อ​ผ้า​ของ​ผู้​ใด พวก​ท่าน​เอง​ก็​ทราบ​ว่า มือ​ทั้ง​สอง​ของ​ข้าพเจ้า​ได้​ทำงาน​เลี้ยง​ชีวิต​ของ​ข้าพเจ้า และ​ของ​คน​ที่​อยู่​กับ​ข้าพเจ้า​ด้วย ข้าพเจ้า​ได้​แสดง​ให้​ท่าน​เห็น​ว่า​การ​ทำงาน​หนัก​เช่น​นี้ พวก​เรา​ต้อง​ช่วยเหลือ​ผู้​อ่อนแอ จง​จำ​คำ​ที่​พระ​เยซู องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​ไว้​ว่า ‘การ​ให้​ย่อม​ทำ​ให้​มี​ความ​สุข​มาก​กว่า​การ​รับ’” เมื่อ​ท่าน​พูด​เช่น​นั้น​แล้ว​ก็​คุกเข่า​ลง​กับ​ทุก​คน​และ​อธิษฐาน เขา​เหล่า​นั้น​ร้องไห้​ขณะ​ที่​กอด​และ​จูบ​แก้ม​ลา​ท่าน สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​เขา​เหล่า​นั้น​เศร้าโศก​มาก​ที่​สุด​ก็​คือ คำกล่าว​ของ​เปาโล​ที่​ว่า เขา​จะ​ไม่​มี​วัน​เห็น​หน้า​ท่าน​อีก แล้ว​เขา​ก็​พา​กัน​เดิน​ไป​ส่ง​ท่าน​ลง​เรือ