กิจการ 2:1-47

กิจการ 2:1-47 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

เมื่อ​ถึง​วัน​เพ็นเทคอสต์ พวก​ศิษย์​ของ​พระเยซู​ก็​มา​รวม​ตัว​กัน​ใน​ที่​แห่ง​หนึ่ง จู่ๆ​ก็​มี​เสียง​จาก​ท้องฟ้า​คล้าย​กับ​เสียง​พายุ​พัด​อย่าง​แรง ดัง​สนั่น​หวั่นไหว​ไป​ทั่ว​บ้าน​ที่​พวก​เขา​กำลัง​นั่ง​กัน​อยู่ จาก​นั้น​พวก​เขา​ก็​เห็น​บาง​อย่าง​คล้าย​เปลว​ไฟ​ที่​มี​รูปร่าง​เหมือน​ลิ้น​ได้​กระจาย​ออก​ไป​อยู่​เหนือ​พวก​เขา​แต่​ละ​คน แล้ว​พระวิญญาณ​บริสุทธิ์​ก็​ได้​เข้า​ไป​อยู่​ใน​ตัว​พวก​เขา​อย่าง​บริบูรณ์ แล้ว​พวก​เขา​ทุก​คน​ก็​เริ่ม​พูด​ภาษา​ต่างๆ​ตาม​แต่​ที่​พระวิญญาณ​บริสุทธิ์​จะ​ให้​เขา​พูด​ได้ ชาว​ยิว​ที่​นับถือ​พระเจ้า​จาก​ชาติ​ต่างๆ​ทั่ว​โลก มา​อยู่​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม​เวลา​นั้น เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​อื้ออึง ก็​มา​มุง​ดู​กัน และ​ต่าง​ก็​รู้สึก​งุนงง​สงสัย​ที่​พวก​เขา​ต่าง​ก็​ได้ยิน​ศิษย์​ของ​พระเยซู​พวกนี้​พูด​ภาษา​ของ​พวก​เขา พวก​เขา​ทึ่ง​มาก​ถึง​กับ​พูด​ว่า “คน​พวกนี้​เป็น​ชาว​กาลิลี​ทั้ง​นั้น​เลย​ไม่​ใช่​หรือ แล้ว​ทำไม​พวก​เรา​ถึง​ได้ยิน​เขา​พูด​ภาษา​บ้านเกิด​เมืองนอน​ของ​พวก​เรา​ล่ะ ซึ่ง​มี​ทั้ง​มา​จาก ปารเธีย มีเดีย เอลาม เมโสโปเตเมีย ยูเดีย คัปปาโดเซีย ปอนทัส เอเชีย ฟรีเจีย​และ​ปัมฟีเลีย อียิปต์​และ​บาง​ส่วน​ของ​ลิเบีย​ใกล้​กับ​เมือง​ไซรีน แขก​ที่​มา​เยือน​จาก​กรุง​โรม (มี​ทั้ง​ยิว​โดย​กำเนิด กับ​คน​ที่​เปลี่ยน​มา​ถือ​แบบ​ยิว) เกาะ​ครีต และ​อาระเบีย แล้ว​เรา​ทั้งหมด​ต่าง​ก็​ได้ยิน​คน​พวกนี้​พูด​ถึง​สิ่ง​ยอดเยี่ยม​ต่างๆ​ที่​พระเจ้า​ได้​ทำ​เป็น​ภาษา​บ้านเกิด​เมืองนอน​ของ​พวก​เรา​เอง” ผู้คน​ทั้งหมด​รู้สึก​สับสน​อลหม่าน ถาม​ไถ่​กัน​ว่า “นี่​มัน​อะไร​กัน” บางคน​หัวเราะ​เยาะ​ศิษย์​ของ​พระเยซู โดย​พูด​ว่า “พวกนี้​เมา​เหล้า​องุ่น” แล้ว​เปโตร​ก็​ยืน​ขึ้น​พร้อม​กับ​ศิษย์​เอก​อีก​สิบเอ็ด​คน เขา​ตะเบ็ง​เสียง​ดัง​ต่อหน้า​คน​พวก​นั้น​ว่า “เพื่อนๆ​ชาว​ยิว​และ​ทุก​คน​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม ตั้งใจ​ฟัง​ให้​ดี​ใน​เรื่อง​ที่​ผม​จะ​เล่านี้ คน​พวกนี้​ไม่​ได้​เมา​อย่าง​ที่​พวก​คุณ​คิด​หรอก​นะ ตอนนี้​เพิ่ง​จะ​เก้า​โมง​เช้า​เอง แต่​สิ่ง​ที่​คุณ​เห็น​นี้ เป็น​สิ่ง​ที่​โยเอล​ผู้​พูด​แทน​พระเจ้า ได้​พูด​ไว้​ว่า ‘พระเจ้า​พูด​ว่า ใน​ช่วง​สุดท้าย​นั้น เรา​จะ​เท​พระวิญญาณ​ของ​เรา​ลง​บน​มนุษย์​ทุก​คน ทั้ง​บุตร​ชาย​และ​บุตร​สาว​ของ​พวก​เจ้า​จะ​พูด​แทน​เรา คน​หนุ่ม​จะ​เห็น​ภาพ​นิมิต คน​แก่​จะ​มี​ความฝัน​พิเศษ ใน​ช่วง​นั้น เรา​จะ​เท​พระวิญญาณ​ของ​เรา​ลง​บน​ทาส​ของ​เรา​ทั้ง​ชาย​และ​หญิง และ​เขา​เหล่า​นั้น​จะ​พูด​แทน​เรา เรา​จะ​แสดง​สิ่ง​มหัศจรรย์​ใน​ท้องฟ้า​เบื้อง​บน​และ​สิ่ง​อัศจรรย์​ใน​โลก​เบื้อง​ล่าง ได้​แก่​เลือด ไฟ​และ​หมอก​ควัน​หนา​ทึบ ดวง​อาทิตย์​จะ​มืดมิด ส่วน​ดวง​จันทร์​จะ​เป็น​สี​เลือด ก่อน​จะ​ถึง​วัน​อัน​ยิ่งใหญ่​และ​รุ่งโรจน์​ของ​องค์​เจ้า​ชีวิต แล้ว​ทุก​คน​ที่​ร้อง​ขอ​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​องค์​เจ้า​ชีวิต ก็​จะ​ได้รับ​ความ​รอด’” “ฟัง​ให้​ดี​ชาว​อิสราเอล​ทั้งหลาย พระเจ้า​ได้​แสดง​ให้​พวก​คุณ​เห็น​ชัด​ว่า พระเยซู​ชาว​นาซาเร็ธ​เป็น​คน​พิเศษ เพราะ​พระเจ้า​ได้​ให้​อำนาจ​กับ​พระองค์​ที่​จะ​ทำ​อิทธิฤทธิ์​ปาฏิหาริย์ และ​การ​อัศจรรย์​มากมาย​ท่ามกลาง​พวก​คุณ อย่าง​ที่​พวก​คุณ​รู้​กัน​อยู่​แล้ว พระเจ้า​ได้​วางแผน​ไว้​ก่อน​ล่วงหน้า​แล้ว ที่​จะ​มอบ​พระเยซู​ให้​กับ​พวกคุณ พวกคุณ​ได้​ฆ่า​พระองค์​ด้วย​ความ​ช่วยเหลือ​ของ​พวก​คน​ชั่ว​นอก​กฎหมาย คือ​ได้​ตรึง​พระองค์​ไว้​ที่​กางเขน แต่​พระเจ้า​ได้​ทำ​ให้​พระเยซู​ฟื้น​ขึ้น​มา​ใหม่ และ​ทำ​ให้​พระองค์​เป็น​อิสระ​จาก​ความ​ตาย เพราะ​ความ​ตาย​ไม่​สามารถ​ที่​จะ​ยึด​พระเยซู​ไว้​ได้ กษัตริย์​ดาวิด​ได้​พูด​ถึง​พระองค์​ว่า ‘เรา​เห็น​องค์​เจ้า​ชีวิต​อยู่​ต่อหน้า​เรา​เสมอ เรา​จะ​ไม่​หวั่น​กลัว​เพราะ​พระองค์​อยู่​ที่​ขวา​มือ​ของ​เรา เพราะ​อย่างนี้​นี่​เอง หัวใจ​ของ​เรา​ถึง​เบิกบาน และ​คำ​พูด​ของ​เรา​ก็​ชื่นชม​ยินดี แม้แต่​ร่างกาย​ของ​เรา​ก็​เต็ม​ไป​ด้วย​ความ​หวัง เพราะ​พระองค์​จะ​ไม่​ทิ้ง​เรา​ไว้​ใน​แดน​คน​ตาย พระองค์​จะ​ไม่​ยอม​ให้​องค์​ผู้​ศักดิ์สิทธิ์​ของ​พระองค์​นั้น​เน่าเปื่อย พระองค์​ทำ​ให้​เรา​รู้จัก​ทาง​ที่​นำ​ไป​สู่​ชีวิต และ​จะ​ทำ​ให้​เรา​มี​ความ​สุข​อย่าง​เต็มที่​เมื่อ​อยู่​ต่อหน้า​พระองค์’ พี่​น้อง​ทั้งหลาย ผม​มั่นใจ​ว่า​ดาวิด​ผู้​เป็น​บรรพบุรุษ​ของ​เรา ไม่​ได้​พูด​ถึง​ตัวเอง​เพราะ​เขา​ได้​ตาย​ไป​แล้ว และ​หลุม​ฝังศพ​ของ​เขา​ก็​อยู่​ใน​เมืองนี้​จน​ถึง​ทุก​วันนี้ แต่​ดาวิด​เป็น​ผู้​พูด​แทน​พระเจ้า และ​เขา​ก็​รู้​ว่า​พระเจ้า​ได้​ให้​คำมั่น​สัญญา​ว่า​ลูก​หลาน​ของ​ดาวิด​คน​หนึ่ง​จะ​ได้​ขึ้น​เป็น​กษัตริย์​เหมือน​เขา ดาวิด​ก็​รู้​เหตุการณ์นี้​ล่วงหน้า เขา​พูด​ถึง​การ​ฟื้น​คืน​ชีพ​ของ​กษัตริย์​ผู้​ยิ่งใหญ่​องค์​นั้น​ว่า ‘เขา​ไม่​ได้​ถูก​ทิ้ง​อยู่​ใน​แดน​คน​ตาย และ​ร่างกาย​ของ​เขา​ก็​ไม่​เน่าเปื่อย’ พระเจ้า​ทำ​ให้​พระเยซู​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ความ​ตาย พวก​เรา​ทั้งหมด​ต่าง​ก็​เห็น​เป็น​พยาน​ใน​เรื่องนี้ พระเยซู​ถูก​รับขึ้น​ไป​นั่ง​อยู่​ทาง​ขวา​มือ​ของ​พระเจ้า พระเจ้า​ก็​มอบ​พระวิญญาณ​บริสุทธิ์​ให้​กับ​พระเยซู​ตาม​ที่​สัญญา​ไว้ และ​พระเยซู​ก็​เท​พระวิญญาณ​นี้​ลง​บน​พวก​เรา อย่าง​ที่​พวก​คุณ​ได้​เห็น​และ​ได้ยิน​อยู่​ตอน​นี้ ดังนั้น​ดาวิด​เอง​ไม่​ได้​ถูก​รับขึ้น​ไป​บน​สวรรค์ แต่​ตัว​ดาวิด​เอง​ได้​พูด​ว่า ‘พระเจ้า องค์​เจ้า​ชีวิต ได้​พูด​กับ​พระคริสต์ องค์​เจ้า​ชีวิต​ของ​เรา​ว่า นั่ง​ลง​ทาง​ขวา​มือ​ของ​เรา จนกว่า​เรา​จะ​ปราบ​ศัตรู​ของ​ท่าน​ให้​สยบ​ลง​เป็น​ที่​วาง​เท้า​ของ​ท่าน’ ดังนั้น​ขอ​ให้​ชาว​อิสราเอล​ทั้งหลาย​รู้​แน่นอน​ว่า พระเจ้า​ได้​ตั้ง​พระเยซู​คน​ที่​พวก​คุณ​ตรึง​ไว้​ที่​กางเขน ให้​เป็น​ทั้ง​องค์​เจ้า​ชีวิต​และ​พระคริสต์” เมื่อ​คน​พวก​นั้น​ได้ยิน​อย่างนี้ ก็​รู้สึก​เหมือน​ถูก​แทง​ทะลุ​ใจ พวก​เขา​จึง​พูด​กับ​เปโตร​และ​ศิษย์​เอก​คน​อื่นๆ​ว่า “พี่ๆ​น้องๆ พวก​เรา​จะ​ทำ​อย่างไร​ดี” เปโตร​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “กลับ​ตัว​กลับ​ใจ​เสียใหม่ และ​เข้า​พิธี​จุ่มน้ำ​ใน​นาม​ของ​พระเยซู​ผู้​เป็น​พระคริสต์ เพื่อ​พระเจ้า​จะ​ได้​ยกโทษ​ความ​ผิด​บาป​ของ​คุณ แล้ว​คุณ​ก็​จะ​ได้รับ​พระวิญญาณ​บริสุทธิ์​เป็น​ของขวัญ เพราะ​นี่​เป็น​สิ่ง​ที่​พระเจ้า​สัญญา​ไว้​กับ​พวก​คุณ ลูก​หลาน​ของ​คุณ และ​ทุก​คน​ที่​อยู่​ห่าง​ไกล คำ​สัญญานี้​มี​ไว้​สำหรับ​ทุก​คน​ที่​องค์​เจ้า​ชีวิต​พระเจ้า​ของ​เรา​จะ​เรียก​มา” แล้ว​เปโตร​ได้​เตือน​พวก​เขา​อีก​หลาย​เรื่อง​ด้วย​กัน และ​ได้​ขอ​ร้อง​เขา​ว่า “ให้​เอา​ตัว​รอด​จาก​โทษ​ที่​จะ​เกิด​ขึ้น​กับ​สังคม​ที่​ชั่วร้าย​ของ​ยุคนี้” คน​ทั้งหลาย​ที่​ยอมรับ​สิ่ง​ที่​เปโตร​พูด​ได้​เข้า​พิธี​จุ่มน้ำ และ​ใน​วัน​นั้น​จำนวน​ศิษย์​ของ​พระเยซู จึง​ได้​เพิ่ม​ขึ้น​อีก​ราว​สามพัน​คน พวกเขา​ได้​ทุ่มเท​เวลา​ใน​การ​ฟัง​คำ​สั่งสอน​ของ​พวก​ศิษย์​เอก ใน​การ​มา​ร่วม​ประชุม​กัน ใน​การ​หัก​ขนมปังกัน และ​ใน​การ​อธิษฐานกัน ทุก​คน​เกิด​ความ​เกรง​กลัว เพราะ​พวก​ศิษย์​เอก​ทำ​สิ่ง​มหัศจรรย์​และ​การ​อัศจรรย์​หลาย​อย่าง พวก​ศิษย์​ของ​พระเยซู​ได้​พบ​กัน​อย่าง​สม่ำเสมอ และ​เอา​ข้าวของ​ทั้งหมด​ที่​ตน​เอง​มี​อยู่​ออก​มา​แบ่งปัน​กัน พวก​เขา​เอา​ที่ดิน​และ​ข้าวของ​ต่างๆ​ไป​ขาย แล้ว​นำ​เงิน​มา​แบ่ง​ให้​กับ​คน​ที่​มี​ความ​จำเป็น​ต้อง​ใช้ พวก​ศิษย์​เหล่านี้​จะ​ไป​ประชุม​ร่วม​กัน​ใน​วิหาร​ทุกๆ​วัน พวก​เขา​จะ​หัก​ขนมปัง​กัน​ตาม​บ้าน​ของ​ตน และ​แบ่ง​ปัน​อาหาร​กัน​กิน​ด้วย​ความ​ยินดี​และ​เต็มใจ พวก​เขา​สรรเสริญ​พระเจ้า และ​ทุก​คน​ก็​ชื่นชอบ​พวก​เขา แล้ว​องค์​เจ้า​ชีวิต​ก็​เพิ่ม​จำนวน​คน​ที่​พระองค์​ได้​ช่วย​ให้​รอด​เข้า​มา​ใน​กลุ่ม​ของ​ศิษย์​พวกนี้​ทุกๆ​วัน

กิจการ 2:1-47 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

เมื่อถึงวันเพ็นเทคอสต์ พวกเขาทั้งหมดมารวมอยู่ในที่เดียวกัน ทันใดนั้นก็มีเสียงจากฟ้าสวรรค์เหมือนเสียงพายุกล้าดังก้องไปทั่วทั้งบ้านที่เขานั่งอยู่ พวกเขาเห็นสิ่งที่ดูเหมือนเปลวไฟรูปร่างคล้ายลิ้นกระจายออกและมาอยู่เหนือพวกเขาแต่ละคน ทุกคนเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และเริ่มพูดภาษาต่างๆ ตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้พวกเขาสามารถพูดได้ ขณะนั้นมีพวกยิวผู้ยำเกรงพระเจ้าจากทุกชาติทั่วใต้ฟ้าสวรรค์มาพักอยู่ที่เยรูซาเล็ม เมื่อได้ยินเสียงนี้ฝูงชนก็มาชุมนุมกันด้วยความงุนงงสงสัยเพราะแต่ละคนต่างก็ได้ยินพวกเขาพูดภาษาของตน พวกเขาจึงถามด้วยความอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งว่า “คนเหล่านี้ที่กำลังพูดอยู่ล้วนเป็นชาวกาลิลีไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดเราแต่ละคนจึงได้ยินพวกเขาพูดภาษาท้องถิ่นของเรา? ไม่ว่าชาวปารเธีย ชาวมีเดีย และชาวเอลาม คนที่อยู่ในแถบเมโสโปเตเมีย ยูเดีย คัปปาโดเซีย ปอนทัสและเอเชีย ฟรีเจียและปัมฟีเลีย อียิปต์และส่วนต่างๆ ของลิเบียแถวไซรีน ผู้มาเยือนจากกรุงโรม (ทั้งชาวยิวกับผู้เข้าจารีตยิว) ชาวเกาะครีต และชาวอาหรับ พวกเราได้ยินเขาประกาศความอัศจรรย์ของพระเจ้าด้วยภาษาของเราเอง!” เขาทั้งหลายล้วนอัศจรรย์ใจและฉงนสนเท่ห์จึงถามกันว่า “นี่หมายความว่าอย่างไร?” แต่บางคนก็ล้อเลียนพวกเขาว่า “พวกนั้นดื่มเหล้าองุ่นมากเกินไป” แล้วเปโตรจึงยืนขึ้นกับอัครทูตสิบเอ็ดคนและกล่าวกับฝูงชนด้วยเสียงอันดังว่า “พี่น้องชาวยิวและท่านทั้งปวงที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าขอชี้แจงเรื่องนี้แก่ท่านทั้งหลาย โปรดตั้งใจฟังสิ่งที่ข้าพเจ้าจะกล่าว คนเหล่านี้ไม่ได้เมาเหล้าอย่างที่ท่านคิด นี่เพิ่งเก้าโมงเช้า! แต่ทั้งนี้เป็นไปตามที่ผู้เผยพระวจนะโยเอลกล่าวไว้ว่า “ ‘พระเจ้าตรัสว่า ในวาระสุดท้าย เราจะเทพระวิญญาณของเราลงเหนือประชากรทั้งปวง บุตรชายบุตรสาวของเจ้าจะเผยพระวจนะ คนหนุ่มของเจ้าจะเห็นนิมิต คนชราของเจ้าจะฝันเห็น เมื่อถึงเวลานั้น เราจะเทวิญญาณของเรา ลงมาเหนือผู้รับใช้ของเราทั้งชายและหญิง และพวกเขาจะเผยพระวจนะ เราจะสำแดงการอัศจรรย์ในฟ้าสวรรค์เบื้องบน และหมายสำคัญที่แผ่นดินโลกเบื้องล่าง มีเลือด ไฟ และกลุ่มควัน ดวงอาทิตย์จะถูกเปลี่ยนเป็นความมืด และดวงจันทร์จะกลายเป็นเลือด ก่อนวันอันยิ่งใหญ่และเปี่ยมด้วยพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาถึง และทุกคนที่ร้อง ออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้รับ การช่วยให้รอด’ “ชนอิสราเอลเอ๋ย ขอจงฟังสิ่งนี้ พระเยซูแห่งนาซาเร็ธคือผู้ที่พระเจ้าทรงรับรองโดยปาฏิหาริย์ การอัศจรรย์ และหมายสำคัญต่างๆ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงกระทำผ่านพระองค์ท่ามกลางพวกท่านตามที่ท่านเองทราบอยู่แล้ว พระเยซูผู้นี้ทรงถูกมอบให้พวกท่าน ตามที่พระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้และทรงทราบล่วงหน้า และโดยความช่วยเหลือของเหล่าคนอธรรม ท่านได้จับพระองค์ไปประหารด้วยการตอกตรึงที่ไม้กางเขน แต่พระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตาย พ้นจากความทุกข์ทรมานแห่งความตาย เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ความตายจะยึดครองพระองค์ไว้ ดาวิดได้กล่าวถึงพระองค์ว่า “ ‘ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ เพราะพระองค์ประทับอยู่ที่ด้านขวามือของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว ฉะนั้น จิตใจของข้าพเจ้าจึงยินดีและลิ้นของข้าพเจ้าก็ปรีดา กายของข้าพเจ้าก็จะอยู่ด้วยความหวังเช่นกัน เพราะพระองค์จะไม่ทรงทิ้งข้าพระองค์ไว้กับหลุมฝังศพ ทั้งจะไม่ทรงปล่อยให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์เน่าเปื่อย พระองค์ได้ทรงสำแดงหนทางแห่งชีวิตแก่ข้าพระองค์ พระองค์จะทรงให้ข้าพระองค์เปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดีต่อหน้าพระองค์’ “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าบอกท่านได้อย่างมั่นใจว่าดาวิดบรรพบุรุษของเราสิ้นชีพและถูกฝังไปแล้ว สุสานของเขาก็อยู่ที่นี่ตราบจนทุกวันนี้ แต่เขาเป็นผู้เผยพระวจนะและรู้ว่าพระเจ้าทรงสัญญากับเขาด้วยคำปฏิญาณว่าพระองค์จะทรงตั้งผู้หนึ่งในวงศ์วานของเขาให้ขึ้นครองบัลลังก์ของเขา เขาทราบล่วงหน้าจึงได้กล่าวถึงการคืนพระชนม์ของพระคริสต์ว่า พระเจ้าจะไม่ทรงทิ้งพระองค์ไว้ในหลุมฝังศพ ทั้งไม่ให้กายของพระองค์ต้องเน่าเปื่อย พระเจ้าทรงให้พระเยซูผู้นี้คืนพระชนม์และพวกเราทั้งหมดเป็นพยานในความจริงข้อนี้ เมื่อทรงรับการเชิดชูสู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้าแล้ว พระองค์ทรงได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์จากพระบิดาตามพระสัญญาและได้ทรงเทลงมาตามที่ท่านเห็นและได้ยินอยู่นี้ เพราะดาวิดไม่ได้ขึ้นสู่สวรรค์แต่ยังกล่าวว่า “ ‘พระเจ้าตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า “จงนั่งที่ขวามือของเรา จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของเจ้า เป็นแท่นวางเท้าของเจ้า” ’ “ฉะนั้นให้ชนอิสราเอลทั้งปวงแน่ใจในข้อนี้ คือพระเจ้าทรงตั้งพระเยซูผู้นี้ซึ่งพวกท่านได้ตรึงที่ไม้กางเขนให้เป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์” เมื่อคนทั้งหลายได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกเสียดแทงใจยิ่งนักและกล่าวกับเปโตรและอัครทูตคนอื่นๆ ว่า “พี่น้องเอ๋ย เราจะทำอย่างไรดี?” เปโตรตอบว่า “พวกท่านทุกคนจงกลับใจใหม่และรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์เพื่อรับการทรงอภัยโทษบาปของท่าน และพวกท่านจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นของประทาน พระสัญญานั้นมีแก่ท่านทั้งหลายและลูกหลานของพวกท่านตลอดจนคนทั้งปวงที่อยู่ไกล คือคนทั้งปวงที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเราจะทรงเรียก” เปโตรกล่าวเตือนและวิงวอนพวกเขาอีกหลายคำว่า “จงรักษาตัวท่านให้พ้นจากคนในยุคที่เสื่อมทรามนี้เถิด” บรรดาผู้ที่ยอมรับถ้อยคำของเปโตรได้รับบัพติศมาและในวันนั้นมีคนราวสามพันคนเข้าร่วมเป็นสาวก เขาทั้งหลายอุทิศตนในคำสอนของเหล่าอัครทูตและในการร่วมสามัคคีธรรม ในการหักขนมปัง และในการอธิษฐาน และเหล่าอัครทูตทำหมายสำคัญและปาฏิหาริย์หลายอย่าง ทุกคนจึงเต็มไปด้วยความยำเกรง ผู้เชื่อทั้งปวงอยู่รวมกันและถือครองทุกอย่างร่วมกัน พวกเขาขายทรัพย์สิ่งของและนำมาแบ่งปันให้แต่ละคนตามความต้องการ ทุกๆ วันพวกเขามาประชุมกันที่ลานพระวิหาร หักขนมปังตามบ้านของตน และรับประทานร่วมกันด้วยความยินดีและจริงใจ พวกเขาพากันสรรเสริญพระเจ้าและเป็นที่ชื่นชมของคนทั้งปวง ในแต่ละวันองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้คนทั้งหลายที่กำลังจะได้รับความรอดมาเข้ากับพวกเขา

กิจการ 2:1-47 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

เมื่อวันเทศกาลเพ็นเทคอสต์มาถึง พวกสาวกรวมตัวอยู่ในสถานที่แห่งเดียวกัน ในทันใดนั้นมีเสียงมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุแรงกล้าดังก้องทั่วตึกที่เขานั่งอยู่นั้น และพวกเขาเห็นบางสิ่งที่คล้ายเปลวไฟลักษณะเหมือนลิ้นแผ่กระจายอยู่บนตัวพวกเขาทุกคน พวกเขาทั้งหมดก็เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงเริ่มต้นพูดภาษาอื่นๆ ตามที่พระวิญญาณทรงให้พูด มีพวกยิวจากทุกประเทศทั่วใต้ฟ้าซึ่งเป็นผู้เกรงกลัวพระเจ้า มาอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อมีเสียงอย่างนั้นเขาทั้งหลายจึงพากันมา และฉงนสนเท่ห์เพราะต่างคนต่างได้ยินพวกเขาพูดภาษาของตัว เขาทั้งหลายจึงแปลกใจและอัศจรรย์ใจพูดว่า “นี่แน่ะ คนทั้งหลายที่พูดอยู่นี้เป็นชาวกาลิลีทุกคนไม่ใช่หรือ? ทำไมเราทุกคนถึงได้ยินพวกเขาพูดภาษาของบ้านเกิดเมืองนอนของเรา? ซึ่งเป็นชาวปารเธีย ชาวมีเดีย ชาวเอลาม และเป็นคนที่อาศัยอยู่ในเขตแดนเมโสโปเตเมีย อยู่ในแคว้นยูเดียและแคว้นคัปปาโดเซีย อยู่ในแคว้นปอนทัสและแคว้นเอเชีย อยู่ในแคว้นฟรีเจียและแคว้นปัมฟีเลีย เป็นคนที่อยู่ในประเทศอียิปต์และในบางส่วนของเมืองลิเบียซึ่งขึ้นกับนครไซรีน เป็นคนที่มาจากกรุงโรม ซึ่งมีทั้งพวกยิวกับพวกที่เข้าจารีตยิว และเป็นชาวครีตและชาวอาระเบีย เราต่างได้ยินคนเหล่านี้กล่าวถึงกิจการที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในภาษาของเราเอง” พวกเขาจึงประหลาดใจและฉงนสนเท่ห์พูดกันว่า “นี่อะไรกัน?” แต่บางคนเยาะเย้ยว่า “พวกเขาเมาเหล้าองุ่นใหม่” แต่เปโตรได้ยืนขึ้นพร้อมกับอัครทูตสิบเอ็ดคน และกล่าวกับเขาทั้งหลายด้วยเสียงดังว่า “พี่น้องชาวยิวกับทุกท่านที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม จงทราบเรื่องนี้และฟังถ้อยคำของข้าพเจ้า คนเหล่านี้ไม่ได้เมาเหล้าองุ่นเหมือนอย่างที่ท่านทั้งหลายคิด เพราะว่าเพิ่งจะเก้าโมงเช้าเท่านั้น แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตามคำที่โยเอลผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้ว่า ‘พระเจ้าตรัสว่า ในวาระสุดท้าย เราจะเทพระวิญญาณของเราบนมนุษย์ทั้งหมด บุตรา บุตรีของท่านทั้งหลายจะเผยพระวจนะ บรรดาคนหนุ่มของท่านจะเห็นนิมิต และบรรดาคนแก่ของท่านทั้งหลายจะฝันเห็น แน่ทีเดียวเวลานั้น เราจะเทพระวิญญาณของเรา บนทาสทาสีของเรา และเขาทั้งหลายจะเผยพระวจนะ เราจะสำแดงการอัศจรรย์ในอากาศเบื้องบน และ หมายสำคัญ ที่แผ่นดิน เบื้องล่าง เป็นเลือด ไฟ และไอควัน ดวงอาทิตย์จะมืดไป และดวงจันทร์จะกลับเป็นเลือด ก่อนถึงวันยิ่งใหญ่และสง่างามของพระเจ้า และจะเป็นเช่นนี้คือ ทุกคนที่ร้องขอในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้รับความรอด’ “ท่านทั้งหลายผู้เป็นชนชาติอิสราเอล จงฟังเรื่องต่อไปนี้ คือพระเยซูชาวนาซาเร็ธผู้ที่พระเจ้าทรงรับรองต่อท่านทั้งหลาย โดยการอิทธิฤทธิ์ การอัศจรรย์และหมายสำคัญต่างๆ ที่พระเจ้าได้ทรงทำโดยพระองค์ท่ามกลางท่านทั้งหลาย ดังที่พวกท่านทราบอยู่แล้ว พระเยซูองค์นี้ทรงถูกมอบไว้ตามที่พระเจ้าทรงดำริแน่นอนและทรงทราบล่วงหน้า และท่านทั้งหลายได้ประหารพระองค์ด้วยการตรึงพระองค์บนกางเขนโดยอาศัยน้ำมือของคนอธรรม แต่พระเจ้าทรงทำให้พระองค์คืนพระชนม์ ทรงให้พ้นจากความตายอันปวดร้าว เพราะว่าความตายจะครอบงำพระองค์ไว้ไม่ได้ เพราะดาวิดกล่าวถึงพระองค์ว่า ‘ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ เพราะพระองค์ประทับที่ขวามือของข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว เพราะเหตุนี้ จิตใจของข้าพเจ้าจึงยินดี และลิ้นของข้าพเจ้าจึงเปรมปรีดิ์ ยิ่งกว่านั้นร่างกายของข้าพเจ้าจะอยู่ด้วยความหวัง เพราะพระองค์จะไม่ทรงละข้าพระองค์ไว้ในแดนคนตาย ทั้งจะไม่ทรงให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์เปื่อยเน่าไป พระองค์จะทรงให้ข้าพระองค์รู้จักทางแห่งชีวิต แล้วพระองค์จะทรงให้ข้าพระองค์มีความยินดีเต็มเปี่ยมด้วยการสถิตของพระองค์’ “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีใจกล้าที่จะกล่าวกับท่านทั้งหลายถึงดาวิดบรรพบุรุษของเราว่า ท่านตายแล้วและถูกฝังไว้แล้ว และอุโมงค์ฝังศพของท่านยังอยู่กับเราจนถึงทุกวันนี้ ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะ และทราบว่าพระเจ้าตรัสสัญญาไว้กับท่านด้วยพระปฏิญาณว่าพระองค์จะประทานผู้หนึ่งในวงศ์ตระกูลของท่านให้นั่งบนบัลลังก์ของท่าน ท่านก็ล่วงรู้เหตุการณ์นี้ก่อน จึงกล่าวถึงการคืนพระชนม์ของพระคริสต์ว่า ‘พระเจ้าไม่ทรงละพระองค์ไว้ในแดนคนตาย ทั้งพระกายของพระองค์ ก็ไม่ทรงเปื่อยเน่าไป’ พระเยซูองค์นี้พระเจ้าได้ทรงให้คืนพระชนม์แล้วซึ่งเราทุกคนคือสักขีพยานของเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อทรงเชิดชูพระองค์ขึ้นอยู่ที่พระหัตถ์เบื้องขวาของพระเจ้าแล้ว และเมื่อพระองค์ทรงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์จากพระบิดาตามพระสัญญาแล้ว พระองค์ทรงเทลงมาดังที่ท่านทั้งหลายได้ยินและได้เห็น เพราะว่าดาวิดไม่ได้ขึ้นไปยังสวรรค์แต่ท่านกล่าวว่า ‘พระเจ้าตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า จงนั่งที่ขวามือของเรา จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของท่านเป็นที่รองเท้าของท่าน ’ เพราะฉะนั้น ให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมดทราบแน่นอนว่า พระเจ้าทรงแต่งตั้งพระเยซูที่ท่านทั้งหลายตรึงไว้บนกางเขนนั้น ให้เป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์” เมื่อคนทั้งหลายได้ยินแล้วก็รู้สึกแปลบปลาบใจ จึงกล่าวกับเปโตรและอัครทูตคนอื่นๆ ว่า “พี่น้องเอ๋ย เราจะทำอย่างไรดี?” เปโตรจึงกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “จงกลับใจใหม่และรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ให้หมดทุกคน เพื่อพระเจ้าจะทรงยกความผิดบาปของท่านทั้งหลาย แล้วพวกท่านจะได้รับของประทานคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะว่าพระสัญญานั้นตกแก่ท่านทั้งหลายกับลูกหลานของพวกท่านด้วย และแก่ทุกคนที่อยู่ไกล คือทุกคนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเราทรงเรียกให้มาเฝ้า” เปโตรจึงกล่าวอีกหลายเรื่องเป็นพยานและเตือนสติพวกเขาว่า “จงเอาตัวรอดจากชาติพันธุ์ที่คดโกงนี้เถิด” คนทั้งหลายที่รับถ้อยคำของเปโตรก็รับบัพติศมา ในวันนั้นมีคนเข้าเป็นสาวกประมาณสามพันคน เขาทั้งหลายอุทิศตัวเพื่อฟังคำสอนของบรรดาอัครทูตและร่วมสามัคคีธรรม รวมทั้งหักขนมปังและอธิษฐาน เขาทั้งหลายมีความเกรงกลัวด้วยกันทุกคน และพวกอัครทูตทำการอัศจรรย์ และหมายสำคัญมากมาย คนทั้งหมดที่เชื่อถือก็อยู่รวมกัน และนำทุกสิ่งมารวมเป็นของกลาง และพวกเขาขายที่ดินและทรัพย์สิ่งของมาแบ่งให้แก่กันตามความจำเป็น ทุกๆ วัน พวกเขาอุทิศตัวอยู่ด้วยกันในพระวิหารและหักขนมปังตามบ้านของพวกเขา รับประทานอาหารร่วมกันด้วยความชื่นชมยินดีและจริงใจ ทั้งสรรเสริญพระเจ้าและได้รับความชื่นชอบจากทุกคน องค์พระผู้เป็นเจ้าก็โปรดให้คนทั้งหลายที่กำลังจะรอด เพิ่มจำนวนเข้ามามากยิ่งขึ้นทุกๆ วัน

กิจการ 2:1-47 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

เมื่อวันเทศกาลเพ็นเทคศเตมาถึง จำพวกสาวกจึงมาร่วมใจกันอยู่ในที่​แห่​งเดียวกัน ในทันใดนั้น มี​เสียงดังมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุ​กล​้าสั่​นก​้องทั่วบ้านที่เขานั่งอยู่​นั้น มี​เปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้นปรากฏแก่​เขา และกระจายอยู่บนเขาสิ้นทุกคน เขาเหล่านั้​นก​็ประกอบด้วยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์จึงตั้งต้นพูดภาษาต่างๆตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้​พูด มี​พวกยิวจากทุกประเทศทั่วใต้​ฟ้า ซึ่งเป็นผู้เกรงกลัวพระเจ้ามาอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม เมื่​อม​ีเสียงอย่างนั้น เขาจึงพากันมาและสับสนเพราะต่างคนต่างได้ยินเขาพูดภาษาของตนเอง คนทั้งปวงจึงประหลาดและอัศจรรย์ใจพู​ดก​ั​นว​่า “​ดู​เถิด คนทั้งหลายที่​พู​ดก​ันนั้นเป็นชาวกาลิลี​ทุ​กคนไม่​ใช่​หรือ เหตุ​ไฉนเราทุกคนได้ยินเขาพูดภาษาของบ้านเกิดเมืองนอนของเรา เช่นชาวปารเธียและมีเดีย ชาวเอลามและคนที่​อยู่​ในเขตแดนเมโสโปเตเมีย และแคว้นยูเดียและแคว้นคัปปาโดเซีย ในแคว้นปอนทัสและเอเชีย ในแคว้นฟรี​เจ​ีย แคว​้นปัมฟีเลียและประเทศอียิปต์ ในแคว้นเมืองลิเบียซึ่งขึ้​นก​ับนครไซรีน และคนมาจากกรุงโรม ทั้งพวกยิ​วก​ับคนเข้าจารีตยิว ชาวเกาะครีตและชาวอาระเบีย เราทั้งหลายต่างก็​ได้​ยินคนเหล่านี้​กล​่าวถึงมหกิจของพระเจ้าตามภาษาของเราเอง” เขาทั้งหลายจึ​งอ​ัศจรรย์ใจและฉงนสนเท่ห์​พู​ดก​ั​นว​่า “​นี่​อะไรกัน” แต่​บางคนเยาะเย้ยว่า “คนเหล่านั้นเมาเหล้าองุ่นใหม่” ฝ่ายเปโตรได้ยืนขึ้​นก​ับอัครสาวกสิบเอ็ดคน และได้​กล​่าวแก่คนทั้งปวงด้วยเสียงอันดังว่า “ท่านชาวยูเดียและบรรดาคนที่​อยู่​ในกรุงเยรูซาเล็ม จงทราบเรื่องนี้ และฟังถ้อยคำของข้าพเจ้าเถิด ด้วยว่าคนเหล่านี้​มิได้​เมาเหล้าองุ่นเหมือนอย่างที่ท่านคิดนั้น เพราะว่าเป็นเวลาสามโมงเช้า แต่​เหตุการณ์​นี้​เก​ิดขึ้นตามคำซึ่งโยเอลศาสดาพยากรณ์​ได้​กล​่าวไว้​ว่า ‘พระเจ้าตรั​สว​่า ต่อมาในวันสุดท้าย เราจะเทพระวิญญาณของเรามาเหนือเนื้อหนังทั้งปวง บุ​ตรชายบุตรสาวของท่านจะพยากรณ์ คนหนุ่มของท่านจะเห็นนิ​มิ​ต และคนแก่จะฝันเห็น ในคราวนั้นเราจะเทพระวิญญาณของเราบนทาสและทาสีของเรา และคนเหล่านั้นจะพยากรณ์ เราจะสำแดงการมหัศจรรย์ในอากาศเบื้องบนและหมายสำคัญที่​แผ่​นดินเบื้องล่างเป็นเลื​อด ไฟและไอควัน ดวงอาทิตย์​จะมืดไปและดวงจันทร์จะกลับเป็นเลื​อด ก่อนถึงวันใหญ่​นั้น คือวันใหญ่ยิ่งขององค์​พระผู้เป็นเจ้า และจะเป็นเช่นนี้คือผู้ใดที่จะร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็จะรอด’ ท่านทั้งหลายผู้เป็นชนชาติ​อิสราเอล ขอฟังคำเหล่านี้​เถิด คือพระเยซูชาวนาซาเร็ธ เป็นผู้​ที่​พระเจ้าทรงโปรดชี้แจงให้ท่านทั้งหลายทราบโดยการอัศจรรย์ การมหัศจรรย์และหมายสำคัญต่างๆ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงกระทำโดยพระองค์​นั้น ท่ามกลางท่านทั้งหลาย ดังที่​ท่านทราบอยู่​แล้ว พระองค์​นี้​ทรงถูกมอบไว้​ตามที่​พระเจ้าได้ทรงดำริ​แน่​นอนล่วงหน้าไว้​ก่อน ท่านทั้งหลายได้​ให้​คนชั่วจับพระองค์ไปตรึงที่กางเขนและประหารชีวิตเสีย พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้​พระองค์​คืนพระชนม์ ด้วยทรงกำจัดความเจ็บปวดแห่งความตายเสีย เพราะว่าความตายจะครอบงำพระองค์​ไว้​ไม่ได้ เพราะดาวิดได้ทรงกล่าวถึงพระองค์​ว่า ‘ข้าพเจ้าได้​เห​็นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ เพราะว่าพระองค์ประทั​บท​ี่มือขวาของข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะมิ​ได้​หวั่นไหว เพราะฉะนั้นจิตใจของข้าพเจ้าจึงยินดี และลิ้นของข้าพเจ้าจึงเปรมปรี​ดิ​์ ยิ่งกว่านี้เนื้อหนังของข้าพเจ้าจะพักพิงอยู่ในความหวังใจด้วย เพราะพระองค์จะไม่ทรงทิ้งจิตวิญญาณของข้าพระองค์​ไว้​ในนรก ทั้งจะไม่ทรงให้​องค์​บริสุทธิ์​ของพระองค์เปื่อยเน่าไป พระองค์​ได้​ทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทราบทางแห่งชีวิตแล้ว พระองค์​จะทรงโปรดให้ข้าพระองค์​มีความยินดี​เต็มเปี่ยมด้วยสี​พระพักตร์​อันชอบพระทัยของพระองค์’ ท่านพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีใจกล้าที่จะกล่าวแก่ท่านทั้งหลายถึงดาวิดบรรพบุรุษของเราว่า ท่านสิ้นพระชนม์​แล​้วถูกฝังไว้ และอุโมงค์ฝังศพของท่านยังอยู่กับเราจนถึงทุกวันนี้ ท่านเป็นศาสดาพยากรณ์และทราบว่าพระเจ้าตรั​สส​ัญญาไว้​แก่​ท่านด้วยพระปฏิญาณว่า พระองค์​จะทรงประทานผู้​หน​ึ่งจากบั้นเอวของท่าน และตามเนื้อหนังนั้น พระองค์​จะทรงยกพระคริสต์​ให้​ประทับบนพระที่นั่งของท่าน ดาว​ิ​ดก​็ทรงล่วงรู้​เหตุการณ์​นี้​ก่อน จึงทรงกล่าวถึงการคืนพระชนม์ของพระคริสต์​ว่า จิ​ตวิญญาณของพระองค์​ไม่​ต้องละไว้ในนรก ทั้งพระมังสะของพระองค์​ก็​ไม่​เปื่อยเน่าไป พระเยซู​นี้​พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้คืนพระชนม์​แล้ว ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นพยานในข้อนี้ เหตุ​ฉะนั้นเมื่อพระหัตถ์เบื้องขวาของพระเจ้าได้ทรงตั้งพระองค์​ขึ้น และครั้นพระองค์​ได้​ทรงรับพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์จากพระบิดาตามพระสัญญา พระองค์​ได้​ทรงเทฤทธิ์เดชนี้​ลงมา ดังที่​ท่านทั้งหลายได้ยินและเห็นแล้ว เหตุ​ว่าท่านดาวิดไม่​ได้​ขึ้นไปยังสวรรค์ แต่​ท่านได้​กล่าวว่า ‘​องค์​พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า จงนั่งที่ขวามือของเรา จนกว่าเราจะกระทำให้​ศัตรู​ของท่านเป็นแท่นรองเท้าของท่าน’ เหตุ​ฉะนั้นให้​วงศ์​วานอิสราเอลทั้งปวงทราบแน่นอนว่า พระเจ้าได้ทรงยกพระเยซู​นี้ ซึ่งท่านทั้งหลายได้ตรึงไว้​ที่​กางเขน ทรงตั้งขึ้นให้เป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและเป็นพระคริสต์” เมื่อคนทั้งหลายได้ยินแล้​วก​็​รู้​สึกแปลบปลาบใจ จึงกล่าวแก่เปโตรและอัครสาวกอื่นๆว่า “ท่านพี่น้องทั้งหลาย เราจะทำอย่างไรดี” ฝ่ายเปโตรจึงกล่าวแก่เขาว่า “จงกลับใจเสียใหม่และรับบัพติศมาในพระนามแห่งพระเยซู​คริสต์​สิ​้นทุกคน เพราะว่าพระเจ้าทรงยกความผิดบาปของท่านเสีย และท่านจะได้รับของประทานของพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ ด้วยว่าพระสัญญานั้นตกแก่ท่านทั้งหลายกั​บลู​กหลานของท่านด้วย และแก่คนทั้งหลายที่​อยู่​ไกล คือทุกคนที่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเราทรงเรียกมาเฝ้าพระองค์” เปโตรจึงกล่าวอีกหลายคำเป็นพยานและได้​เตือนสติ​เขาว่า “จงเอาตัวรอดจากยุคที่คดโกงนี้​เถิด​” คนทั้งหลายที่รับคำของเปโตรด้วยความยินดี​ก็​รับบัพติศมา ในวันนั้​นม​ีคนเข้าเป็นสาวกเพิ่​มอ​ีกประมาณสามพันคน เขาทั้งหลายได้ตั้​งม​ั่นคงอยู่ในคำสอนของจำพวกอัครสาวก และในการสามั​คค​ี​ธรรม และร่วมใจกันในการหักขนมปัง และการอธิษฐาน เขามีความเกรงกลัวด้วยกันทุกคน และพวกอัครสาวกทำการมหัศจรรย์และหมายสำคัญหลายประการ บรรดาผู้​ที่​เชื่อถือนั้​นก​็​อยู่​พร้อมกัน ณ ที่​แห่​งเดียว และทรัพย์​สิ​่งของของเขาเหล่านั้นเขาเอามารวมกันเป็นของกลาง เขาจึงได้ขายทรัพย์​สมบัติ​และสิ่งของมาแบ่งให้​แก่​คนทั้งปวงตามซึ่งทุกคนต้องการ เขาได้ร่วมใจกันไปในพระวิ​หาร และหักขนมปังตามบ้านของเขาร่วมรับประทานอาหารด้วยความชื่นชมยินดีและด้วยจริงใจ ทุ​กวันเรื่อยไป ทั้งได้สรรเสริญพระเจ้าและคนทั้งปวงก็​ชอบใจ ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดให้​ผู้​ที่​กำลังจะรอด เข​้าสมทบกับคริสตจักรทวีขึ้นทุกๆวัน

กิจการ 2:1-47 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

เมื่อวันเทศกาลเพ็นเทคอสต์มาถึง จำพวกศิษย์จึงรวมอยู่ในที่แห่งเดียวกัน ในทันใดนั้นมีเสียงมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุกล้าสั่นก้องทั่วตึกที่เขานั่งอยู่นั้น มีเปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้นปรากฏแก่เขากระจายอยู่บนเขาสิ้นทุกคน เขาเหล่านั้นก็ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงตั้งต้นพูดภาษาอื่นๆตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้พูด มีพวกยิวจากทุกประเทศทั่วใต้ฟ้าซึ่งเป็นผู้เกรงกลัวพระเจ้า มาอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อมีเสียงอย่างนั้นเขาจึงพากันมา และฉงนสนเท่ห์เพราะต่างคนต่างได้ยินเขาพูดภาษาของตัว คนทั้งปวงจึงประหลาดและอัศจรรย์ใจพูดว่า <<ดูแน่ะ คนทั้งหลายที่พูดกันนั้นเป็นชาวกาลิลีทุกคนไม่ใช่หรือ เหตุไฉนเราทุกคนได้ยินเขาพูดภาษาของบ้านเกิดเมืองนอนของเรา เช่นชาวปารเธียและมีเดีย ชาวเอลามและคนที่อยู่ในเขตแดนเมโสโปเตเมีย และแคว้นยูเดียและแคว้นคัปปาโดเซีย ในแคว้นปอนทัสและเอเชีย ในแคว้นฟรีเจีย แคว้นปัมฟีเลียและประเทศอียิปต์ในแขวงเมืองลิเบียซึ่งขึ้นกับนครไซรีน และคนมาจากกรุงโรม ทั้งพวกยิวกับคนเข้าจารีตยิว ชาวเกาะครีตและชาวอาระเบีย เราทั้งหลายต่างก็ได้ยินคนเหล่านี้กล่าวถึงมหกิจของพระเจ้า ตามภาษาของเราเอง>> เขาทั้งหลายจึงอัศจรรย์ใจ และฉงนสนเท่ห์พูดกันว่า <<นี่อะไรกัน>> แต่บางคนเยาะเย้ยว่า <<คนเหล่านั้นเมาเหล้าองุ่นใหม่>> ฝ่ายเปโตรได้ยืนขึ้นกับอัครทูตสิบเอ็ดคน และได้กล่าวแก่คนทั้งปวงด้วยเสียงอันดังว่า <<ท่านชาวยูเดียและบรรดาคนที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม จงทราบเรื่องนี้และฟังถ้อยคำของข้าพเจ้าเถิด ด้วยว่าคนเหล่านี้มิได้เมาเหล้าองุ่นเหมือนอย่างที่ท่านคิดนั้น เพราะว่าเป็นเวลาสามโมงเช้า แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตามคำซึ่งโยเอลผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้ว่า <พระเจ้าตรัสว่าในวาระสุดท้าย เราจะเทฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณของเราโปรดประทานแก่มนุษย์ทั้งปวง บุตราบุตรีของท่านทั้งหลายจะกล่าวคำพยากรณ์ คนหนุ่มของท่านจะเห็นนิมิต และคนแก่จะฝันเห็น ในคราวนั้น เราจะเทฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณของเราบนทาสทาสีของเรา และคนเหล่านั้นจะกล่าวคำพยากรณ์ เราจะสำแดงการอัศจรรย์ในอากาศเบื้องบน และนิมิตที่แผ่นดินเบื้องล่าง เป็นเลือด ไฟ และไอควัน ดวงอาทิตย์จะมืดไป และดวงจันทร์จะกลับเป็นเลือด ก่อนถึงวันใหญ่นั้น คือวันใหญ่ยิ่งของพระเจ้า และจะเป็นเช่นนี้คือ ทุกคนซึ่งได้ออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด> <<ท่านทั้งหลายผู้เป็นชนชาติอิสราเอล ขอฟังคำของข้าพเจ้า คือพระเยซูชาวนาซาเร็ธ เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงโปรดชี้แจงให้ท่านทั้งหลายทราบ โดยการอิทธิฤทธิ์ การอัศจรรย์และหมายสำคัญต่างๆ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงกระทำโดยพระองค์นั้น ท่ามกลางท่านทั้งหลาย ดังที่ท่านทราบอยู่แล้ว พระเยซูนี้ทรงถูกมอบไว้ตามที่พระเจ้าได้ทรงดำริแน่นอนล่วงหน้าไว้ก่อน ท่านทั้งหลายได้ให้คนอธรรมจับพระองค์ไปตรึงที่กางเขนและประหารชีวิตเสีย พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้พระองค์คืนพระชนม์ ด้วยทรงกำจัดความเจ็บปวดแห่งความตายเสีย เพราะว่าความตายจะครอบงำพระองค์ไว้ไม่ได้ เพราะกษัตริย์ดาวิดได้ทรงกล่าวถึงพระองค์ว่า <ข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ เพราะว่าพระองค์ประทับที่มือขวาของข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะมิได้หวั่นไหว เพราะฉะนั้น จิตใจของข้าพเจ้าจึงยินดี และลิ้นของข้าพเจ้าจึงเปรมปรีดิ์ อนึ่งร่างกายของข้าพเจ้าจะอยู่ด้วยความไว้ใจ เพราะพระองค์จะไม่ทรงละข้าพระองค์ไว้ในแดนคนตาย ทั้งจะไม่ทรงให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์เปื่อยเน่าไป พระองค์ได้ทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทราบทางแห่งชีวิตแล้ว พระองค์ทรงโปรดให้ข้าพระองค์มีความยินดีเต็มเปี่ยมหน้าพระพักตร์ของพระองค์> <<พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีใจกล้าที่จะกล่าวแก่ท่านทั้งหลายถึงดาวิดบรรพบุรุษของเราว่า ท่านสิ้นชีวิตแล้วฝังไว้ และอุโมงค์ฝังศพของท่านยังอยู่กับเราจนถึงทุกวันนี้ ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะ และทราบว่าพระเจ้าตรัสสัญญาไว้แก่ท่านด้วยพระปฏิญาณว่า พระองค์จะทรงประทานผู้หนึ่งในวงศ์ตระกูลของท่านให้ประทับบนพระที่นั่งของท่าน กษัตริย์ดาวิดก็ทรงล่วงรู้เหตุการณ์นี้ก่อน จึงทรงกล่าวถึงการคืนพระชนม์ของพระคริสต์ว่า พระเจ้ามิได้ทรงละพระองค์ไว้ในแดนคนตาย ทั้งพระมังสะของพระองค์ก็ไม่เปื่อยเน่าไป พระเยซูนี้พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้คืนพระชนม์แล้ว ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นพยานในข้อนี้ เหตุฉะนั้นเมื่อทรงเชิดชูพระองค์ขึ้นอยู่ที่พระหัตถ์เบื้องขวาของพระเจ้า และครั้นพระองค์ได้ทรงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์จากพระบิดาตามพระสัญญา พระองค์ได้ทรงเทฤทธิ์เดชนี้ลงมา ดังที่ท่านทั้งหลายได้ยิน และเห็นแล้ว เหตุว่าท่านดาวิดไม่ได้ขึ้นไปยังสวรรค์แต่ท่านได้กล่าวว่า <พระเจ้าตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า จงนั่งขวามือของเรา จนกว่าเราจะกระทำให้ศัตรูของเจ้าอยู่ใต้เท้าเจ้า > เหตุฉะนั้น ให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งปวงทราบแน่นอนว่า พระเจ้าได้ทรงยกพระเยซูนี้ ซึ่งท่านทั้งหลายได้ตรึงไว้ที่กางเขนนั้น ทรงตั้งขึ้นให้เป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและเป็นพระคริสต์>> เมื่อคนทั้งหลายได้ยินแล้วก็รู้สึกแปลบปลาบใจ จึงกล่าวแก่เปโตรและอัครทูตอื่นๆว่า <<พี่น้องเอ๋ย เราจะทำอย่างไรดี>> ฝ่ายเปโตรจึงกล่าวแก่เขาว่า <<จงกลับใจใหม่และรับบัพติศมาในพระนามแห่งพระเยซูคริสต์สิ้นทุกคน เพื่อพระเจ้าจะทรงยกความผิดบาปของท่านเสีย แล้วท่านจะได้รับพระราชทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ ด้วยว่าพระสัญญานั้นตกแก่ท่านทั้งหลายกับลูกหลานของท่านด้วย และแก่คนทั้งหลายที่อยู่ไกล คือทุกคนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเราทรงเรียกมาเฝ้าพระองค์>> เปโตรจึงกล่าวอีกหลายคำเป็นพยาน และได้เตือนสติเขาว่า <<จงเอาตัวรอดจากชาติพันธุ์ที่คดโกงนี้เถิด>> คนทั้งหลายที่รับคำของเปโตรก็รับบัพติศมา ในวันนั้นมีคนเข้าเป็นสาวกประมาณสามพันคน เขาทั้งหลายได้ขะมักเขม้นฟังคำสอนของจำพวกอัครทูตและร่วมสามัคคีธรรม ทั้งขะมักเขม้นในการหักขนมปังและการอธิษฐาน เขามีความเกรงกลัวด้วยกันทุกคน และพวกอัครทูตทำการอัศจรรย์ และหมายสำคัญหลายประการ บรรดาผู้ที่เชื่อถือนั้นก็อยู่พร้อมกัน ณ ที่แห่งเดียว และทรัพย์สิ่งของของเขาเหล่านั้นเขาเอามารวมกันเป็นของกลาง เขาจึงได้ขายที่ดินและทรัพย์สิ่งของ มาแบ่งให้แก่คนทั้งปวงตามซึ่งทุกคนต้องการ เขาได้ร่วมใจกันไปในพระวิหาร และหักขนมปังตามบ้านของเขา ร่วมรับประทานอาหารด้วยความชื่นชมยินดีและใจกว้างขวาง ทุกวันเรื่อยไป ทั้งได้สรรเสริญพระเจ้าและคนทั้งปวงก็ชอบใจ ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้า ได้ทรงโปรดให้คนทั้งหลายซึ่งกำลังจะรอด มาเข้ากับพวกสาวกทุกวันๆ

กิจการ 2:1-47 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

เมื่อ​ถึง​วัน​เทศกาล​เพ็นเทคศเต ขณะ​ที่​พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย​รวม​ตัว​กัน​อยู่​ใน​ที่​แห่ง​เดียว​กัน ใน​ทันใด​นั้น​มี​เสียง​เหมือน​ลม​พัด​กล้า​จาก​ฟ้า​สวรรค์ ดัง​ก้อง​ทั่ว​บ้าน​ที่​พวก​เขา​กำลัง​นั่ง​กัน​อยู่ มี​เปลว​ไฟ​รูป​ร่าง​เหมือน​ลิ้น​ปรากฏ​ขึ้น และ​กระจาย​แยก​ออก​ไป​อยู่​เหนือ​พวก​เขา​แต่​ละ​คน ทุก​คน​จึง​เปี่ยม​ล้น​ด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์ และ​เริ่ม​พูด​ภาษา​ที่​ตน​ไม่​รู้จัก ตาม​แต่​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​โปรด​ให้​พูด มี​กลุ่ม​ชาว​ยิว​จาก​ทั่ว​ทุก​มุม​โลก​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม คน​เหล่า​นี้​ล้วน​เกรง​กลัว​ใน​พระ​เจ้า เมื่อ​บังเกิด​เสียง​อย่าง​นั้น คน​กลุ่ม​ใหญ่​จึง​พา​กัน​เข้า​มา​และ​ต่าง​ก็​ฉงน​สนเท่ห์ เพราะ​แต่​ละ​คน​ได้ยิน​พวก​เขา​พูด​ภาษา​ของ​ตน คน​ทั้ง​ปวง​ล้วน​แต่​อัศจรรย์​ใจ​ยิ่ง​นัก จึง​ถาม​กัน​ว่า “พวก​คน​ที่​กำลัง​พูด​อยู่​นี้​เป็น​ชาว​กาลิลี​มิ​ใช่​หรือ แล้ว​เป็น​ไป​ได้​อย่างไร ที่​พวก​เรา​แต่​ละ​คน​ได้ยิน​ภาษา​ของ​เรา​เอง ชาว​ปาร์เธีย มีเดีย และ​ชาว​เอลาม คน​ที่​อยู่​ใน​เขต​แดน​เมโสโปเตเมีย แคว้น​ยูเดีย แคว้น​คัปปาโดเซีย แคว้น​ปอนทัส​และ​เอเชีย แคว้น​ฟรีเจีย แคว้น​ปัมฟีเลีย ประเทศ​อียิปต์ และ​บาง​ส่วน​ของ​ลิเบีย​ใกล้​เมือง​ไซรีน บ้าง​ก็​เป็น​ชาว​โรม​ซึ่ง​มา​เยือน (คือ​ชาว​ยิว​และ​พวก​ที่​เคย​ปฏิบัติ​ตาม​ศาสนา​ของ​ชาว​ยิว) อีก​ทั้ง​ชาว​เกาะ​ครีต​และ​ชาว​อาระเบีย​ด้วย พวก​เรา​ได้ยิน​คน​เหล่า​นั้น กล่าว​ถึง​สิ่ง​มหัศจรรย์​ของ​พระ​เจ้า​ใน​ภาษา​ของ​เรา​เอง” ผู้​คน​เหล่า​นั้น​พา​กัน​อัศจรรย์​ใจ​และ​ฉงน​สนเท่ห์ จึง​ถาม​กัน​และ​กัน​ว่า “นี่​มัน​หมาย​ความ​ว่า​อย่างไร​กัน” แต่​มี​บาง​คน​ที่​ได้​ล้อเลียน​และ​พูด​ว่า “พวก​เขา​ดื่ม​เหล้า​องุ่น​มาก​เกิน​ไป” เปโตร​จึง​ยืน​ขึ้น​พร้อม​กับ​อัครทูต​ทั้ง​สิบ​เอ็ด และ​กล่าว​กับ​ผู้​คน​ด้วย​เสียง​อัน​ดัง​ว่า “ท่าน​ชาว​ยิว​ทั้ง​หลาย และ​ทุก​ท่าน​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม ขอ​ให้​ข้าพเจ้า​ได้​อธิบาย​บาง​สิ่ง​แก่​ท่าน​เถิด จง​ฟัง​สิ่ง​ที่​ข้าพเจ้า​จะ​พูด​ให้​ดี ผู้​คน​เหล่า​นี้​ไม่​ได้​เมา​อย่าง​ที่​ท่าน​คิด​กัน แล้ว​นี่​ก็ 9 โมง​เช้า​เท่า​นั้น แต่​สิ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น​นี้ เป็น​ไป​ตาม​คำ​ที่​โยเอล​ผู้​เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​ได้​กล่าว​ไว้​ว่า ‘พระ​เจ้า​กล่าว​ว่า เมื่อ​ถึง​ช่วง​เวลา​แห่ง​วาระ​สุด​ท้าย เรา​จะ​หลั่ง​วิญญาณ​ของ​เรา​สู่​มนุษย์​ทั้ง​หลาย บุตร​ชาย​บุตร​หญิง​ของ​เจ้า​จะ​เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า คน​หนุ่ม​จะ​เห็น​ภาพ​นิมิต​ต่างๆ ผู้​เฒ่า​จะ​ฝัน​เห็น แม้​แต่​ผู้​รับใช้​ของ​เรา​ทั้ง​ชาย​และ​หญิง เรา​ก็​จะ​หลั่ง​วิญญาณ​ของ​เรา​ใน​วาระ​นั้น และ​เขา​เหล่า​นั้น​จะ​เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า เรา​จะ​แสดง​สิ่ง​มหัศจรรย์​ต่างๆ ที่​ปรากฏ​ใน​สวรรค์​เบื้อง​บน และ​ปรากฏการณ์​อัศจรรย์​ต่างๆ บน​โลก​เบื้อง​ล่าง จะ​มี​เลือด ไฟ และ​กลุ่ม​ควัน ดวง​อาทิตย์​จะ​กลาย​เป็น​ความ​มืด ดวง​จันทร์​จะ​กลาย​เป็น​เลือด ก่อน​ที่​จะ​ถึง​วัน​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​และ​งาม​ตระการ​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​ทุก​คน​ที่​ร้อง​เรียก​พระ​นาม​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​จะ​รอด​พ้น’ ชาว​อิสราเอล​เอ๋ย จง​ฟัง​เถิด พระ​เจ้า​ได้​รับรอง​ให้​พระ​เยซู​แห่ง​เมือง​นาซาเร็ธ เป็น​ผู้​สำแดง​ฤทธานุภาพ สิ่ง​มหัศจรรย์ และ​ปรากฏการณ์​อัศจรรย์​ต่างๆ ท่าม​กลาง​ท่าน ดัง​ที่​ท่าน​ทราบ​กัน​อยู่ พระ​เยซู​ผู้​นี้​ถูก​มอบ​ให้​ท่าน ตาม​แผน​การ​ที่​พระ​เจ้า​ได้​กำหนด​ไว้​ล่วงหน้า​และ​ทราบ​ดี​มา​แต่​แรก ท่าน​ได้​ประหาร​พระ​องค์ พวก​คน​ชั่ว​ร้าย​ให้​ความ​ช่วยเหลือ​ท่าน​ใน​การ​ตรึง​พระ​องค์​บน​ไม้​กางเขน แต่​พระ​เจ้า​ให้​พระ​องค์​ฟื้น​คืน​ชีวิต​จาก​ความ​ตาย ปลด​ปล่อย​พระ​องค์​ให้​หลุด​พ้น​จาก​ความ​เจ็บ​ปวด​รวดร้าว​แห่ง​ความ​ตาย เพราะ​ความ​ตาย​ไม่​อาจ​ฉุด​รั้ง​พระ​องค์​ไว้​ได้ ด้วย​ว่า​ดาวิด​ได้​กล่าว​เกี่ยว​กับ​พระ​องค์​ไว้​ว่า ‘ข้าพเจ้า​เห็น​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ที่​ตรง​หน้า​ข้าพเจ้า​เสมอ ด้วย​ว่า​พระ​องค์​อยู่​ทาง​ขวา​มือ​ของ​ข้าพเจ้า จึง​ไม่​มี​ผู้​ใด​ทำให้​ข้าพเจ้า​หวั่น​ไหว​ได้ ฉะนั้น ใจ​ของ​ข้าพเจ้า​แสน​จะ​โสมนัส และ​ลิ้น​ของ​ข้าพเจ้า​จึง​ชื่นชม​ยินดี ร่างกาย​ของ​ข้าพเจ้า​ก็​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​ด้วย​ความ​หวัง เพราะ​พระ​องค์​จะ​ไม่​ละ​ทิ้ง​ข้าพเจ้า​ไว้​ใน​แดน​คน​ตาย และ​จะ​ไม่​ปล่อย​ให้​องค์​ผู้​บริสุทธิ์​ของ​พระ​องค์​เปื่อย​เน่า​ไป พระ​องค์​ได้​ให้​ข้าพเจ้า​ทราบ​ถึง​วิถี​ทาง​แห่ง​ชีวิต และ​จะ​โปรด​ให้​ข้าพเจ้า​ปิติ​อย่าง​มาก​ล้น ณ เบื้อง​หน้า​พระ​องค์’ พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย ข้าพเจ้า​กล่าว​กับ​ท่าน​ได้​อย่าง​มั่นใจ​ว่า ดาวิด​บรรพบุรุษ​ของ​เรา​ได้​ล่วงลับ​ไป​แล้ว และ​ถ้ำ​เก็บ​ศพ​ของ​ท่าน​ก็​ยัง​อยู่ มา​จน​ถึง​ทุก​วัน​นี้ ท่าน​เป็น​ผู้​เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า และ​ทราบ​ว่า​พระ​เจ้า​ได้​ให้​คำ​ปฏิญาณ​ว่า พระ​องค์​จะ​ให้​ผู้​หนึ่ง​ใน​บรรดา​ผู้​สืบ​วงศ์​ตระกูล​ครอง​บัลลังก์ ท่าน​เห็น​ว่า​เป็น​เช่น​นั้น ท่าน​จึง​ได้​กล่าว​ถึง​การ​ฟื้น​คืน​ชีวิต​ของ​พระ​คริสต์​ว่า พระ​องค์​จะ​ไม่​ถูก​ทอดทิ้ง​อยู่​ใน​แดน​คน​ตาย และ​ร่าง​ของ​พระ​องค์​ก็​จะ​ไม่​เปื่อย​เน่า พระ​เจ้า​ได้​บันดาล​ให้​พระ​เยซู​พระ​องค์​นี้​ฟื้น​คืน​ชีวิต และ​พวก​เรา​ทุก​คน​ก็​เป็น​พยาน​ใน​เรื่อง​จริง​นี้ พระ​องค์​ได้​รับ​การ​เชิดชู ณ เบื้อง​ขวา​ของ​พระ​เจ้า พระ​บิดา​ได้​มอบ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​ตาม​พระ​สัญญา​ให้​แก่​พระ​องค์ เพื่อ​หลั่ง​ให้​แก่​พวก​เรา ดัง​ที่​ท่าน​เห็น​และ​ได้ยิน​กัน ด้วย​ว่า​ดาวิด​ไม่​ได้​ขึ้น​ไป​สวรรค์​แต่​ยัง​ได้​กล่าว​ไว้​ว่า ‘พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​กับ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​ข้าพเจ้า​ว่า “จง​นั่ง​ทาง​ด้าน​ขวา​ของ​เรา จน​กว่า​เรา​จะ​ทำ​ให้​พวก​ศัตรู​ของ​เจ้า อยู่​ใต้​เท้า ดั่ง​ที่​วาง​เท้า​ของ​เจ้า”’ ฉะนั้น ให้​ชาว​อิสราเอล​ทั้ง​ปวง​ตระหนัก​ว่า พระ​เจ้า​ให้​พระ​เยซู​เป็น​ทั้ง​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​และ​พระ​คริสต์ ซึ่ง​พวก​ท่าน​ได้​ตรึง​ที่​ไม้​กางเขน​แล้ว” เมื่อ​ผู้​คน​ได้ยิน​แล้ว​ก็​รู้สึก​เสียด​แทง​ใจ จึง​พูด​กับ​เปโตร​และ​อัครทูต​อื่นๆ ว่า “พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย พวก​เรา​ควร​จะ​ทำ​อย่างไร​กัน​ดี” เปโตร​จึง​ตอบ​ว่า “พวก​ท่าน​ทุกๆ คน​จง​กลับ​ใจ​และ​รับ​บัพติศมา​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​เยซู​คริสต์ เพื่อ​รับ​การ​ยกโทษ​บาป​ของ​ท่าน แล้ว​ท่าน​จะ​ได้​รับ​ของ​ประทาน​คือ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์ พระ​สัญญา​นี้​เป็น​ของ​ท่าน ของ​ลูกๆ และ​ทุก​ท่าน​ที่​อยู่​ห่าง​ไกล และ​ทุก​ท่าน​ที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​เรา​จะ​เรียก​ตัว” ท่าน​ได้​เตือน​ผู้​คน​หลาย​ต่อ​หลาย​สิ่ง โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ได้​เตือน​ว่า “จง​ให้​ตัว​ท่าน​เอง​รอด​พ้น​จาก​คน​ใน​ช่วง​กาล​เวลา​ที่​คดโกง​นี้​เถิด” ผู้​ที่​ยอม​รับ​คำ​ประกาศ​ของ​เปโตร​ก็​รับ​บัพติศมา ใน​วัน​นั้น​มี​จำนวน​ที่​เพิ่ม​ขึ้น​อีก​ประมาณ 3,000 คน ผู้​คน​เหล่า​นั้น​ล้วน​ใฝ่​ใจ​ทั้ง​ใน​คำ​สั่งสอน​ของ​เหล่า​อัครทูต การ​ร่วม​สามัคคีธรรม รวม​ถึง​การ​บิ​ขนมปัง และ​การ​อธิษฐาน ทุก​คน​เกรง​กลัว​ใน​สิ่ง​มหัศจรรย์​และ​ปรากฏการณ์​อัศจรรย์​ต่างๆ ที่​พวก​อัครทูต​กระทำ ทุก​คน​ที่​เชื่อ​ต่าง​ก็​พบปะ​กัน​ด้วย​ความ​ใกล้​ชิด​อยู่​เสมอ และ​แบ่งปัน​สิ่ง​ของ​ที่​ตน​มี​ให้​แก่​กัน​และ​กัน ต่าง​ขาย​สมบัติ​พัสถาน​ของ​ตน​เอง เพื่อ​แบ่งปัน​ให้​แก่​ทุก​คน​ที่​ขัดสน เขา​เหล่า​นั้น​ร่วม​ประชุม​กัน​ต่อ​ไป​ทุก​วัน​ใน​บริเวณ​พระ​วิหาร บิ​ขนมปัง​รับ​ประทาน​กัน​ตาม​บ้าน​ด้วย​ความ​ยินดี​และ​ความ​จริงใจ ผู้​ที่​เชื่อ​พา​กัน​สรรเสริญ​พระ​เจ้า และ​คน​ทั่ว​ไป​ล้วน​ชื่นชม​ไป​กับ​พวก​เขา​ด้วย พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ได้​เพิ่ม​จำนวน​ผู้​รอด​พ้น​ให้​ทวี​ขึ้น​เป็น​ประจำ​ทุก​วัน