1 ซามูเอล 9:3-27
1 ซามูเอล 9:3-27 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
ฝูงแม่ลาของคีชบิดาของซาอูลหายไป คีชจึงพูดกับซาอูลบุตรของตนว่า “ลุกขึ้น เอาคนใช้คนหนึ่งไปกับเจ้า ไปหาฝูงแม่ลา” เขาทั้งสองผ่านแดนเทือกเขาเอฟราอิม ผ่านเข้าดินแดนชาลิชา แต่หาลาไม่พบ ก็ผ่านข้ามดินแดนชาอาลิมแต่ลาไม่อยู่ที่นั่น แล้วเขาทั้งสองผ่านเข้าดินแดนเบนยามิน แต่ก็หาไม่พบ เมื่อพวกเขามาถึงดินแดนศูฟ ซาอูลจึงพูดกับคนใช้ที่อยู่กับท่านว่า “มาเถอะ ให้เรากลับไป เกรงว่าบิดาของข้าจะเลิกกังวลเรื่องฝูงลา และมาร้อนใจด้วยเรื่องของเรา” แต่คนใช้ตอบท่านว่า “ดูเถิด มีคนของพระเจ้าคนหนึ่งในเมืองนี้ เป็นคนที่เขานับถือกันมาก สิ่งที่ท่านพูดนั้นเป็นไปตามที่พูดนั้นทุกอย่าง ให้เราไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ บางทีท่านจะบอกเราถึงทางซึ่งเราควรไป” แล้วซาอูลพูดกับคนใช้ของท่านว่า “แต่ดูสิ ถ้าเราไป เราจะเอาอะไรไปให้ชายผู้นั้น เพราะขนมปังในย่ามของเราก็หมดแล้ว เราไม่มีของขวัญที่จะนำไปให้แก่คนของพระเจ้า เรามีอะไรบ้าง?” คนใช้ตอบซาอูลอีกว่า “ในมือข้ามีเงินอยู่หนึ่งส่วนสี่เชเขลและข้าจะให้แก่คนของพระเจ้า เพื่อท่านจะบอกทางให้เรา” ในอิสราเอลสมัยก่อน เมื่อคนใดจะไปทูลถามพระเจ้า เขาพูดว่า “มาเถอะ ให้เราไปหาผู้ทำนายกัน” เพราะในสมัยก่อนเรียกผู้เผยพระวจนะในสมัยนี้ว่าผู้ทำนาย ซาอูลจึงพูดกับคนใช้ของท่านว่า “พูดดีนี่ มาให้เราไปกันเถอะ” พวกเขาจึงไปที่เมืองซึ่งคนของพระเจ้าอยู่ ขณะเมื่อพวกเขาขึ้นภูเขาไปยังเมืองนั้น พวกเขาพบพวกผู้หญิงสาวออกมาตักน้ำ จึงถามว่า “ผู้ทำนายอยู่ที่นี่หรือ?” พวกเธอตอบว่า “อยู่ ดูนี่ ท่านอยู่ข้างหน้าท่าน รีบเถอะ เพราะท่านมาที่เมืองวันนี้ เพราะว่าประชาชนจะมีการถวายสัตวบูชา ณ ปูชนียสถานสูงวันนี้ พอพวกท่านเข้าไปถึงในเมือง พวกท่านจะพบผู้ทำนายก่อนที่ท่านจะขึ้นไปรับประทานอาหาร ณ ปูชนียสถานสูง เพราะประชาชนจะไม่รับประทานจนกว่าท่านจะมาถึง เพราะท่านจะต้องมาอวยพรเครื่องสัตวบูชา หลังจากนั้นพวกผู้ที่ได้รับเชิญจึงจะรับประทาน ขึ้นไปเดี๋ยวนี้เถิด พวกท่านจะได้พบท่านเวลานี้” เขาทั้งสองก็ขึ้นไปยังเมืองนั้น ขณะเมื่อเขาทั้งสองเข้าไปในเมือง นี่แน่ะ ซามูเอลกำลังเดินออกมาทางพวกเขาเพื่อขึ้นไปยังปูชนียสถานสูงนั้น พระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ซามูเอลแล้วในวันก่อนวันที่ซาอูลมาถึงว่า “พรุ่งนี้เวลาประมาณเท่านี้ เราจะส่งชายผู้หนึ่งซึ่งมาจากดินแดนเบนยามินมาหาเจ้า เจ้าจงเจิมเขาให้เป็นผู้นำเหนืออิสราเอลประชากรของเรา เขาจะช่วยประชากรของเราให้พ้นจากมือพวกฟีลิสเตีย เนื่องจากเราเห็นประชากรของเราแล้ว เพราะเสียงร้องทุกข์ของเขามาถึงเรา” เมื่อซามูเอลเห็นซาอูลเข้าแล้ว พระยาห์เวห์ทรงบอกท่านว่า “นี่เป็นชายคนที่เราได้บอกกับเจ้าแล้ว เขาผู้นี้จะปกครองเหนือประชากรของเรา” แล้วซาอูลก็เข้ามาใกล้ซามูเอลที่ประตูและพูดว่า “ขอบอกข้าพเจ้าหน่อยว่า บ้านของผู้ทำนายอยู่ที่ไหน?” ซามูเอลตอบซาอูลว่า “ข้าพเจ้าเองเป็นผู้ทำนายนั้น จงนำหน้าข้าพเจ้าขึ้นไปยังปูชนียสถานสูงนั้น เพราะในวันนี้ท่านจะรับประทานอาหารกับข้าพเจ้า และพรุ่งนี้เช้าข้าพเจ้าจึงจะให้ท่านไปและข้าพเจ้าจะบอกทุกอย่างที่อยู่ในใจของท่านแก่ท่าน ส่วนเรื่องฝูงลาของท่านที่หายไปสามวันแล้วนั้นอย่าสนใจเลย เพราะมีคนพบแล้ว ความปรารถนาทั้งหมดของคนอิสราเอลนั้นมุ่งที่ใครเล่า ไม่ใช่ตัวท่านและพงศ์พันธุ์ของบิดาท่านหรือ?” ซาอูลตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่คนเผ่าเบนยามินหรือ? เป็นเผ่าเล็กน้อยที่สุดในอิสราเอล และตระกูลของข้าพเจ้าไม่ใช่ตระกูลที่ด้อยที่สุดในบรรดาตระกูลของเผ่าเบนยามินหรือ? ทำไมท่านจึงบอกถ้อยคำเหล่านี้กับข้าพเจ้าเล่า?” แล้วซามูเอลก็พาซาอูลกับคนใช้ของท่านเข้าไปในห้องโถง ให้นั่งในที่นั่งด้านหน้าสำหรับผู้ที่รับเชิญ ซึ่งมีประมาณ 30 คน และซามูเอลพูดกับคนครัวว่า “จงนำส่วนที่ข้าพเจ้ามอบให้ ซึ่งข้าพเจ้าบอกเจ้าว่า ‘เก็บไว้ต่างหาก’ นั้นมา” คนครัวจึงนำส่วนขาและส่วนบนนั้นมาวางไว้ข้างหน้าซาอูล และซามูเอลพูดว่า “นี่แน่ะ ส่วนที่ได้เก็บไว้ก็วางอยู่ต่อหน้าท่าน จงรับประทานเถอะ เพราะว่าเก็บไว้ให้แก่ท่านจนถึงเวลาที่กำหนดไว้ เพราะข้าพเจ้าพูดว่า ข้าพเจ้าได้เชิญประชาชนมาแล้ว” ซาอูลจึงรับประทานกับซามูเอลในวันนั้น และเมื่อพวกเขาลงมาจากปูชนียสถานสูงเข้ามาในเมือง ท่านสนทนากับซาอูลบนดาดฟ้าหลังคาบ้าน พวกเขาตื่นแต่เช้าตรู่ และเมื่อสว่างแล้ว ซามูเอลก็เรียกซาอูลผู้อยู่บนดาดฟ้าว่า “จงลุกขึ้นเถิด เพื่อข้าพเจ้าจะส่งท่านไป” ซาอูลก็ลุกขึ้น ท่านทั้งสองก็ออกไปที่ถนน ทั้งท่านและซามูเอล เมื่อพวกเขากำลังลงมาที่ชานเมือง ซามูเอลจึงพูดกับซาอูลว่า “จงบอกคนใช้ให้เดินนำหน้าเราไป และเมื่อเขาเดินพ้นไปแล้ว ท่านจงยืนที่นี่สักครู่ เพื่อข้าพเจ้าจะได้แจ้งพระดำรัสของพระเจ้าให้ท่านทราบ”
1 ซามูเอล 9:3-27 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
ตอนที่ฝูงลาของคีชพ่อของซาอูลหายไป คีชบอกกับซาอูลลูกชายว่า “เอาคนรับใช้ไปกับเจ้าคนหนึ่ง แล้วออกตามหาฝูงลา” ซาอูลผ่านแถบเทือกเขาเอฟราอิม และพื้นที่รอบเมืองชาลิชา แต่พวกเขาก็ไม่พบฝูงลา พวกเขาจึงเข้าไปในเขตแดนชาอาลิม แต่ก็ไม่พบฝูงลาที่นั่น เขาจึงเข้าไปในเขตแดนของคนเบนยามิน แต่ก็ยังไม่พบฝูงลา เมื่อพวกเขามาถึงเขตแดนที่ตระกูลศูฟอาศัยอยู่กัน ซาอูลก็พูดกับคนรับใช้ที่มากับเขาว่า “กลับกันเถอะ บางทีพ่ออาจจะเลิกห่วงลา แต่เริ่มห่วงพวกเราแทนแล้ว” แต่คนรับใช้เขาตอบว่า “มีคนของพระเจ้าคนหนึ่งอยู่ในเมืองนี้ คนนับถือเขามาก และทุกสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง ไปกันเถอะ บางทีเขาอาจจะบอกได้ว่าพวกเราควรไปทางไหน” ซาอูลพูดกับคนใช้ของเขาว่า “ถ้าเราไปหาเขา เรามีอะไรจะให้กับเขาหรือ อาหารในถุงของพวกเราก็หมดแล้ว เราไม่มีของขวัญอะไรจะไปให้คนของพระเจ้าเลย” คนรับใช้ตอบเขาว่า “ดูซิ ข้าพเจ้ามีเงินอยู่สามกรัม ข้าพเจ้าจะเอาไปให้คนของพระเจ้า แล้วเขาก็จะบอกกับพวกเราว่าควรจะไปทางไหน” (อิสราเอลในสมัยก่อน ถ้าใครไปสอบถามเรื่องต่างๆกับพระเจ้า เขาจะพูดว่า “ไปเถอะไปหาผู้ที่เห็นนิมิตกัน” เพราะในสมัยก่อนนั้น คนเรียกผู้พูดแทนพระเจ้าว่า “ผู้ทำนาย”) ซาอูลตอบคนใช้ของเขาว่า “ดีมาก ไปกันเถอะ” จากนั้นพวกเขาจึงไปยังเมืองที่คนของพระเจ้าคนนั้นอยู่ ระหว่างทางเดินขึ้นเขาเข้าไปในเมืองนั้น พวกเขาได้พบพวกเด็กผู้หญิงออกมาตักน้ำ จึงถามเด็กเหล่านั้นว่า “ผู้ที่เห็นนิมิตอยู่ที่นี่หรือเปล่า” พวกเด็กผู้หญิงเหล่านั้นตอบว่า “เขามาอยู่ที่นี่ และเพิ่งไปก่อนหน้าท่าน รีบๆหน่อย เขาเพิ่งเข้ามาในเมืองของพวกเราวันนี้เอง เพราะมีประชาชนมาถวายเครื่องบูชาบนที่สูงนั้น พอท่านทั้งสองเข้าไปถึงในเมือง ท่านจะได้พบเขาก่อนที่เขาจะขึ้นไปกินอาหารบนที่สูงนั้น ประชาชนจะไม่เริ่มกินอาหารจนกว่าเขาจะมาถึง เพราะเขาต้องขอบคุณพระเจ้าสำหรับเครื่องบูชานั้น หลังจากนั้นคนที่ได้รับเชิญมาก็จะกินอาหารกัน ขึ้นไปตอนนี้เลย ท่านจะได้พบเขาทันที” ซาอูลและคนรับใช้ขึ้นไปที่เมือง ขณะที่พวกเขากำลังเข้ามาในเมืองนั้น ซามูเอลก็เดินตรงมาทางพวกเขา กำลังเดินมาตามทางที่จะขึ้นไปบนสถานที่สูงนั้น หนึ่งวันก่อนที่ซาอูลจะมาถึง พระยาห์เวห์ได้แสดงให้ซามูเอลรู้ว่า “พรุ่งนี้เวลานี้ เราจะส่งชายหนุ่มคนหนึ่งจากแผ่นดินเบนยามินมา ให้เจ้าเจิมเขาเป็นผู้นำเหนือคนอิสราเอลของเรา เขาจะช่วยประชาชนของเราให้พ้นจากเงื้อมมือของคนฟีลิสเตีย เราได้เห็นความทุกข์ยากประชาชนของเรา และเราก็ได้ยินเสียงร้องให้ช่วยของพวกเขาแล้ว” เมื่อซามูเอลเห็นซาอูล พระยาห์เวห์ก็พูดกับเขาว่า “นี่คือชายที่เราได้บอกเจ้า เขาจะปกครองประชาชนของเรา” ซาอูลเข้ามาใกล้ซามูเอลที่ประตู และถามว่า “ช่วยบอกหน่อยว่าบ้านของผู้ที่เห็นนิมิตอยู่ที่ไหน” ซามูเอลตอบว่า “เรานี่แหละคือผู้ที่เห็นนิมิต ให้ท่านเดินนำหน้าเราไปบนที่สูงนั้น เพราะวันนี้ท่านจะกินอาหารร่วมกับเรา และพรุ่งนี้เราถึงจะให้ท่านกลับไป และจะบอกกับท่านถึงสิ่งทั้งหมดที่ท่านข้องใจอยู่ ส่วนฝูงลาที่หายไปเมื่อสามวันก่อน ก็ไม่ต้องห่วงอีกแล้ว เพราะพวกเขาหามันพบแล้ว และตอนนี้ มีสิ่งที่ชาวอิสราเอลทั้งหมดกำลังมองหาอยู่ สิ่งนั้นก็คือท่านและครอบครัวของท่าน” ซาอูลตอบว่า “แต่เราเป็นคนเผ่าเบนยามิน เผ่าที่เล็กที่สุดของอิสราเอล และตระกูลของเราก็ด้อยที่สุดในพวกตระกูลทั้งหมดของเผ่าเบนยามิน ทำไมท่านถึงพูดอย่างนี้กับเรา” แล้วซามูเอลจึงนำซาอูลและคนใช้เข้ามาในห้องโถง และให้เขาทั้งสองนั่งที่หัวโต๊ะ แขกที่เชิญมาทั้งหมดมีประมาณสามสิบคน ซามูเอลพูดกับพ่อครัวว่า “ให้เอาเนื้อชิ้นที่เราให้ท่านไปมานี่ ชิ้นที่เราบอกให้แยกเก็บไว้ต่างหากนั่นแหละ” ดังนั้นพ่อครัวจึงนำเนื้อส่วนขา และเนื้อที่ติดมันมาวางไว้ตรงหน้าซาอูล ซามูเอลพูดว่า “กินเนื้อที่วางไว้ตรงหน้าท่านเถิด เพราะตอนที่เราเรียกผู้คนมาประชุมกัน เนื้อส่วนนี้ก็ได้ถูกเก็บไว้สำหรับท่าน สำหรับโอกาสพิเศษนี้” และซาอูลก็กินอาหารเย็นกับซามูเอลในวันนั้น หลังจากกินกันเสร็จแล้ว ซาอูลและคนรับใช้ลงมาจากบนที่สูง และ เข้ามาในเมือง ซามูเอลได้จัดที่นอนให้กับซาอูลบนดาดฟ้า แล้วซาอูลก็นอน เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ซามูเอลตะโกนเรียกซาอูลบนดาดฟ้าว่า “ลุกขึ้นเถอะ เราจะส่งท่านไปตามทางของท่าน” เมื่อซาอูลลุกขึ้น เขาและซามูเอลก็ออกไปข้างนอกด้วยกัน เมื่อพวกเขาเดินมาถึงชานเมือง ซามูเอลพูดกับซาอูลว่า “ให้บอกคนใช้ ให้เดินนำหน้าพวกเราขึ้นไปก่อน” และคนใช้ก็ทำตามนั้น “แต่ให้ท่านอยู่ที่นี่ก่อน เพื่อเราจะได้บอกข้อความจากพระเจ้าให้ท่านรู้”
1 ซามูเอล 9:3-27 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
ฝ่ายฝูงแม่ลาของคีชบิดาของซาอูลหายไป คีชจึงกล่าวแก่ซาอูลบุตรชายของตนว่า “ลุกขึ้นเอาคนใช้คนหนึ่งไปกับเจ้า เพื่อไปหาลา” เขาทั้งสองก็ผ่านแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม ผ่านเข้าแผ่นดินชาลิชา เขาหาลาไม่พบ เขาก็ผ่านข้ามแผ่นดินชาอาลิม แต่ลาไม่อยู่ที่นั่น แล้วเขาผ่านเข้าแผ่นดินของคนเบนยามิน แต่ก็หาลาไม่พบ เมื่อเขามาถึงแผ่นดินศูฟ ซาอูลจึงพูดกับคนใช้ผู้ซึ่งอยู่กับท่านว่า “มาเถิด ให้เรากลับไป เกรงว่าบิดาของข้าจะเลิกกังวลเรื่องลา และมาร้อนใจด้วยเรื่องของเรา” แต่คนใช้ตอบท่านว่า “ดูเถิด มีคนของพระเจ้าคนหนึ่งในเมืองนี้ เป็นคนที่เขานับถือกันมาก สิ่งที่ท่านกล่าวนั้นเป็นไปตามที่กล่าวนั้นทุกอย่าง ขอให้เราไปที่นั่น ชะรอยท่านจะบอกเราถึงทางซึ่งเราควรดำเนิน” แล้วซาอูลพูดกับคนใช้ของท่านว่า “แต่ดูเถิด ถ้าเราไปเราจะเอาอะไรไปให้ชายผู้นั้น เพราะขนมปังในย่ามของเราก็หมดแล้ว เราไม่มีของขวัญที่จะนำไปให้แก่คนของพระเจ้า เรามีอะไรบ้าง” คนใช้ตอบซาอูลอีกว่า “ดูเถิด ผมมีเงินอยู่หนึ่งเสี้ยวเชเขลและผมจะให้แก่คนของพระเจ้าเพื่อจะบอกหนทางให้แก่เรา” (ในอิสราเอลสมัยเดิม เมื่อคนใดจะไปทูลถามพระเจ้า เขากล่าวว่า “มาเถิด ให้เราไปหาผู้ทำนายกัน” เพราะผู้ที่ในสมัยนี้เราเรียกว่าผู้พยากรณ์นั้น ในสมัยเดิมเขาเรียกว่าผู้ทำนาย) และซาอูลจึงพูดกับคนใช้ของท่านว่า “พูดดีนี่มาให้เราไปกันเถิด” เขาทั้งสองขึ้นไปที่เมืองซึ่งคนของพระเจ้าอยู่ ขณะเมื่อเขาขึ้นภูเขาไปยังเมืองนั้น เขาพบพวกผู้หญิงสาวออกมาตักน้ำ จึงถามว่า “ผู้ทำนายอยู่ที่นี่หรือ” เธอทั้งหลายตอบว่า “อยู่นี่ ดูเถิด ท่านเพิ่งขึ้นหน้าท่านไป จงรีบเข้าเถิด ท่านเพิ่งมาในเมืองเมื่อกี้นี้ เพราะว่าวันนี้ประชาชนทำการถวายสัตวบูชา ณ ปูชนียสถานสูง พอท่านทั้งสองเข้าไปถึงในเมือง ท่านทั้งสองจะพบก่อนที่ผู้ทำนายขึ้นไปรับประทานอาหาร ณ ปูชนียสถานสูง เพราะว่าประชาชนจะไม่รับประทานจนกว่าท่านจะมาถึง เพราะท่านจะต้องมาอวยพรแก่เครื่องสัตวบูชา ภายหลังผู้ที่ได้รับเชิญจึงรับประทาน ฉะนั้นบัดนี้จงขึ้นไปเถิด ท่านทั้งสองจะพบทันที” เขาทั้งสองก็ขึ้นไปยังเมืองนั้น ขณะเมื่อเขาเข้าไปในเมือง ดูเถิด ซามูเอลกำลังเดินออกมาตรงหน้าเขาทั้งสอง จะขึ้นไปยังปูชนียสถานสูงนั้น พระเยโฮวาห์ได้ตรัสในหูของซามูเอลแล้วในวันก่อนวันที่ซาอูลมาถึงว่า “พรุ่งนี้เวลาประมาณเท่านี้ เราจะส่งชายผู้หนึ่งซึ่งมาจากดินแดนเบนยามิน เจ้าจงเจิมเขาให้เป็นเจ้าเหนืออิสราเอลประชาชนของเรา เขาจะช่วยประชาชนของเราให้พ้นจากมือคนฟีลิสเตีย เพราะเราได้มองดูประชาชนของเราแล้ว ด้วยเสียงร้องทุกข์ของเขามาถึงเรา” เมื่อซามูเอลเห็นซาอูลเข้าแล้ว พระเยโฮวาห์ทรงบอกท่านว่า “ดูเถิด นี่เป็นชายคนที่เราได้พูดกับเจ้าแล้วนั้น เขาเป็นผู้ที่จะปกครองเหนือประชาชนของเรา” แล้วซาอูลก็เข้ามาใกล้ซามูเอลที่ประตูและกล่าวว่า “ขอบอกข้าพเจ้าหน่อยว่า บ้านของผู้ทำนายอยู่ที่ไหน” ซามูเอลตอบซาอูลว่า “ฉันเป็นผู้ทำนาย จงเดินขึ้นหน้าฉันไปยังปูชนียสถานสูงนั้น เพราะในวันนี้ท่านจะรับประทานอาหารกับฉัน และพรุ่งนี้เช้าฉันจึงจะให้ท่านไป และฉันจะบอกทุกอย่างที่ข้องอยู่ในใจของท่านแก่ท่าน ส่วนเรื่องลาของท่านที่หายไปสามวันแล้วนั้น อย่าเอาใจใส่เลย เพราะเขาพบแล้ว ความปรารถนาของคนอิสราเอลนั้นมุ่งหมายเอาใครเล่า ไม่ใช่ตัวท่านและวงศ์วานทั้งสิ้นของบิดาท่านดอกหรือ” ซาอูลตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่คนเบนยามินดอกหรือ เป็นตระกูลเล็กน้อยที่สุดในอิสราเอล และครอบครัวของข้าพเจ้าไม่ใช่ครอบครัวที่ด้อยที่สุดในตระกูลเบนยามินดอกหรือ ทำไมท่านจึงพูดกับข้าพเจ้าอย่างนี้เล่า” แล้วซามูเอลก็พาซาอูลกับคนใช้ของท่านเข้าไปในห้องโถงให้นั่งในตอนต้นที่นั่งสำหรับผู้ที่รับเชิญ ซึ่งมีประมาณสามสิบคน และซามูเอลพูดกับคนครัวว่า “จงนำส่วนที่ฉันได้มอบให้ ซึ่งฉันบอกว่า ‘เก็บไว้ต่างหาก’ นั้นมา” คนครัวจึงนำเอาส่วนขาและส่วนบนนั้นมาวางไว้ที่ข้างหน้าซาอูล และซามูเอลกล่าวว่า “ดูเถิด สิ่งที่ได้เก็บไว้ก็วางอยู่ต่อหน้าท่าน จงรับประทานเถิด เพราะว่าเก็บไว้ให้แก่ท่านจนถึงชั่วโมงที่กำหนดไว้ ตั้งแต่ฉันกล่าวว่า ‘ฉันได้เชิญประชาชนมาแล้ว’” ซาอูลจึงรับประทานกับซามูเอลในวันนั้น และเมื่อเขาทั้งหลายลงมาจากปูชนียสถานสูงเข้ามาในเมือง ซามูเอลสนทนากับซาอูลบนดาดฟ้าหลังคาบ้าน และเขาทั้งสองตื่นแต่เช้าตรู่ และอยู่มาเมื่อสว่างแล้ว ซามูเอลก็เรียกซาอูลผู้อยู่บนดาดฟ้าว่า “จงลุกขึ้นเถิด เพื่อฉันจะส่งท่านไปตามทางของท่าน” ซาอูลก็ลุกขึ้น ท่านทั้งสองก็เดินออกไปที่ถนน ทั้งท่านและซามูเอล เมื่อเขาทั้งหลายกำลังลงมาที่ชานเมือง ซามูเอลจึงพูดกับซาอูลว่า “จงบอกคนใช้ให้เดินล่วงหน้าเราไปก่อน (และเขาก็เดินพ้นไป) ท่านจงหยุดที่นี่ก่อน เพื่อฉันจะได้แจ้งพระดำรัสของพระเจ้าให้ท่านทราบ”
1 ซามูเอล 9:3-27 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
ฝ่ายฝูงแม่ลาของคีชบิดาของซาอูลหายไป คีชจึงกล่าวแก่ซาอูลบุตรของตนว่า <<ลุกขึ้น เอาคนใช้คนหนึ่งไปกับเจ้า เพื่อไปหาลา>> เขาทั้งสองก็ผ่านแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม ผ่านเข้าแผ่นดินชาลิชา เขาหาลาไม่พบ เขาก็ผ่านข้ามแผ่นดินชาอาลิมแต่ลาไม่อยู่ที่นั่น แล้วเขาผ่านเข้าแผ่นดินของคนเบนยามิน แต่ก็หาลาไม่พบ เมื่อเขามาถึงแผ่นดินศูฟ ซาอูลจึงพูดกับคนใช้ผู้ซึ่งอยู่กับท่านว่า <<มาเถิด ให้เรากลับไป เกรงว่าบิดาของข้าจะเลิกกังวลเรื่องลา และมาร้อนใจด้วยเรื่องของเรา>> แต่คนใช้ตอบท่านว่า <<ดูเถิด มีคนของพระเจ้าคนหนึ่งในเมืองนี้ เป็นคนที่เขานับถือกันมาก สิ่งที่ท่านกล่าวนั้นเป็นไปตามที่กล่าวนั้นทุกอย่าง ขอให้เราไปที่นั่น ชะรอยท่านจะบอกเราถึงทางซึ่งเราควรดำเนิน>> แล้วซาอูลพูดกับคนใช้ของท่านว่า <<แต่ดูเถิด ถ้าเราไปเราจะเอาอะไรไปให้ชายผู้นั้น เพราะขนมปังในย่ามของเราก็หมดแล้ว เราไม่มีของขวัญที่จะนำไปให้แก่คนของพระเจ้า เรามีอะไรบ้าง>> คนใช้ตอบซาอูลอีกว่า <<ผมมีเงินอยู่หนึ่งเสี้ยวเชเขล และผมจะให้แก่คนของพระเจ้า เพื่อจะบอกหนทางให้แก่เรา>> (ในอิสราเอลสมัยเดิม เมื่อคนใดจะไปทูลถามพระเจ้า เขากล่าวว่า <<มาเถิด ให้เราไปหาผู้ทำนายกัน>> เพราะผู้ที่ในสมัยนี้เราเรียกว่าผู้เผยพระวจนะนั้น ในสมัยเดิมเขาเรียกว่าผู้ทำนาย) และซาอูลจึงพูดกับคนใช้ของท่านว่า <<พูดดีนี่ มาให้เราไปกันเถิด>> เขาทั้งสองจึงไปที่เมืองซึ่งคนของพระเจ้าอยู่ ขณะเมื่อเขาขึ้นภูเขาไปยังเมืองนั้น เขาพบพวกผู้หญิงสาวออกมาตักน้ำ จึงถามว่า <<ผู้ทำนายอยู่ที่นี่หรือ>> เธอทั้งหลายตอบว่า <<อยู่นี่ ดูเถิด ท่านเพิ่งขึ้นหน้าท่านไป จงรีบเข้าเถิดท่านเพิ่งมาในเมืองเมื่อกี้นี้ เพราะว่าวันนี้ประชาชนทำการถวายสัตวบูชา ณ ปูชนียสถานสูง พอท่านทั้งสองเข้าไปถึงในเมือง ท่านทั้งสองจะพบก่อนที่ผู้ทำนายขึ้นไปรับประทานอาหาร ณ ปูชนียสถานสูง เพราะว่าประชาชนจะไม่รับประทานจนกว่าท่านจะมาถึง เพราะท่านจะต้องมาอวยพรแก่เครื่องสัตวบูชา ภายหลังผู้ที่ได้รับเชิญจึงรับประทาน ขึ้นไปเถิด ท่านทั้งสองจะพบทันที>> เขาทั้งสองก็ขึ้นไปยังเมืองนั้น ขณะเมื่อเขาเข้าไปในเมือง ดูเถิด ซามูเอลกำลังเดินออกมาจะไปยังปูชนียสถานสูงนั้น พระเจ้าทรงสำแดงแก่ซามูเอล แล้วในวันก่อนวันที่ซาอูลมาถึงว่า <<พรุ่งนี้เวลาประมาณเท่านี้ เราจะส่งชายผู้หนึ่งซึ่งมาจากดินแดนเบนยามิน เจ้าจงเจิมเขาให้เป็นเจ้าเหนืออิสราเอลประชากรของเรา เขาจะช่วยประชากรของเราให้พ้นจากมือคนฟีลิสเตีย เพราะเราได้มองดูความทุกข์ใจแห่งประชากรของเราแล้ว ด้วยเสียงร้องทุกข์ของเขามาถึงเรา>> เมื่อซามูเอลเห็นซาอูลเข้าแล้ว พระเจ้าทรงบอกท่านว่า <<นี่เป็นชายคนที่เราได้พูดกับเจ้าแล้วนั้น เขาเป็นผู้ที่จะปกครองเหนือประชากรของเรา>> แล้วซาอูลก็เข้ามาใกล้ซามูเอลที่ประตูและกล่าวว่า <<ขอบอกข้าพเจ้าหน่อยว่า บ้านของผู้ทำนายอยู่ที่ไหน>> ซามูเอลตอบซาอูลว่า <<ฉันเป็นผู้ทำนาย จงเดินขึ้นหน้าฉันไปยังปูชนียสถานสูงนั้น เพราะในวันนี้ท่านจะรับประทานอาหารกับฉัน และพรุ่งนี้เช้าฉันจึงจะให้ท่านไปและฉันจะ บอกทุกอย่างที่ข้องอยู่ในใจของท่านแก่ท่าน ส่วนเรื่องลาของท่านที่หายไปสามวัน แล้วนั้นอย่าเอาใจใส่เลย เพราะเขาพบแล้ว ความปรารถนาของคนอิสราเอลนั้นมุ่งหมายเอาใครเล่า ไม่ใช่ตัวท่านและพงศ์พันธุ์ของบิดาท่านดอกหรือ>> ซาอูลตอบว่า <<ข้าพเจ้าไม่ใช่คนเผ่าเบนยามินดอกหรือ เป็นเผ่าเล็กน้อยที่สุดในอิสราเอล และตระกูลของข้าพเจ้าไม่ใช่ตระกูล ที่ด้อยที่สุดในเผ่าเบนยามินดอกหรือ ทำไมท่านจึงพูดกับข้าพเจ้าอย่างนี้เล่า>> แล้วซามูเอลก็พาซาอูลกับคนใช้ของท่านเข้าไปในห้องโถง ให้นั่งในตอนต้นที่นั่งสำหรับผู้ที่ รับเชิญ ซึ่งมีประมาณสามสิบคน และซามูเอลพูดกับคนครัวว่า <<จงนำส่วนที่ฉันได้มอบให้ ซึ่งฉันบอกว่า <เก็บไว้ต่างหาก> นั้นมา>> คนครัวจึงนำเอา ส่วนขาและส่วนบนนั้นมาวางไว้ที่ข้างหน้าซาอูล และซามูเอลกล่าวว่า <<ดูเถิด สิ่งที่ได้เก็บไว้ก็วางอยู่ต่อหน้าท่าน จงรับประทานเถิด เพราะว่าเก็บไว้ให้แก่ท่านจนถึงชั่วโมงที่กำหนดไว้ ฉันได้เชิญประชาชนมาแล้ว>> ซาอูลจึงรับประทานกับซามูเอลในวันนั้น และเมื่อเขาทั้งหลายลงมาจากปูชนียสถาน สูงเข้ามาในเมือง ท่านสนทนากับซาอูลบนดาดฟ้าหลังคาบ้าน และเขาทั้งสองตื่นแต่เช้าตรู่ และอยู่มาเมื่อสว่างแล้ว ซามูเอลก็เรียกซาอูลผู้อยู่บนดาดฟ้าว่า <<จงลุกขึ้นเถิด เพื่อฉันจะส่งท่านไปตามทางของท่าน>> ซาอูลก็ลุกขึ้น ท่านทั้งสองก็เดินออกไปที่ถนน ทั้งท่านและซามูเอล เมื่อเขาทั้งหลายกำลังลงมาที่ชานเมือง ซามูเอลจึงพูดกับซาอูลว่า <<จงบอกคนใช้ให้เดินล่วงหน้าเราไปก่อน และเมื่อเขาเดินพ้นไปแล้วท่านจงหยุดที่นี่ก่อน เพื่อฉันจะได้แจ้งพระดำรัสของพระเจ้าให้ท่านทราบ>>
1 ซามูเอล 9:3-27 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
วันหนึ่งฝูงลาของคีชบิดาของซาอูลหายไป เขาจึงสั่งซาอูลบุตรชายว่า “จงออกตามหาลา และเอาคนรับใช้คนหนึ่งไปด้วย” ทั้งสองเดินทางทั่วแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม ผ่านดินแดนชาลิชา ชาอาลิม และทั่วเขตเบนยามินแต่ก็ไม่พบลาเลย เมื่อมาถึงดินแดนศูฟ ซาอูลพูดกับคนรับใช้ที่มาด้วยว่า “กลับบ้านกันเถอะ เกรงว่าป่านนี้พ่อคงจะเลิกห่วงลา หันมากังวลใจเรื่องเราแทน” แต่คนรับใช้นั้นตอบว่า “ดูเถิด ในเมืองนี้มีคนของพระเจ้าอยู่คนหนึ่ง ผู้คนเคารพนับถือมาก เขากล่าวอะไรก็เป็นไปตามนั้นทุกประการ เราไปหาเขากันเถอะ เขาอาจบอกเราได้ว่าควรไปทางไหน” ซาอูลกล่าวกับคนรับใช้ว่า “หากเราไป เราจะให้อะไรเขาได้บ้าง? อาหารในถุงเสบียงของเราก็หมดแล้ว เราไม่มีของที่จะมอบให้คนของพระเจ้า เรามีอะไรบ้าง?” คนรับใช้ตอบว่า “ข้าพเจ้ามีเงินอยู่หนึ่งในสี่เชเขลจะมอบให้คนของพระเจ้า เพื่อเขาจะบอกทางแก่เรา” (ในอิสราเอลสมัยนั้นหากมีใครจะไปทูลถามจากพระเจ้า เขาจะพูดว่า “ให้เราไปหาผู้ทำนายกันเถิด” เพราะผู้เผยพระวจนะในปัจจุบันเคยถูกเรียกว่าผู้ทำนาย) ซาอูลกล่าวกับคนรับใช้ว่า “ดีแล้ว ให้เราไปกันเถิด” พวกเขาจึงมุ่งหน้าไปยังเมืองที่คนของพระเจ้าอยู่ เมื่อพวกเขาขึ้นเนินเขาเพื่อไปยังเมืองนั้นก็พบพวกหญิงสาวที่ออกมาตักน้ำ จึงถามว่า “ผู้ทำนายอยู่ที่นี่หรือเปล่า?” หญิงสาวตอบว่า “อยู่เจ้าข้า เขาเพิ่งล่วงหน้าไป รีบๆ เถิด เขาเพิ่งมาถึงเมืองของเราวันนี้เอง เพราะผู้คนจะถวายเครื่องบูชาบนสถานสูง เมื่อพวกท่านไปถึงตัวเมืองก็จะพบเขาก่อนที่เขาจะขึ้นไปรับประทานอาหารบนสถานสูง คนทั้งหลายจะไม่เริ่มรับประทานจนกว่าเขาจะไปถึงเพราะเขาต้องอวยพรเครื่องบูชา หลังจากนั้นคนที่ได้รับเชิญจึงจะรับประทาน พวกท่านรีบไปตอนนี้จะได้พบแน่” คนทั้งสองจึงไป ขณะกำลังเดินเข้าเมือง พวกเขาก็พบซามูเอลกำลังเดินมุ่งหน้ามาทางพวกเขาตามทางขึ้นไปสถานสูง องค์พระผู้เป็นเจ้าได้สำแดงแก่ซามูเอลตั้งแต่วันก่อนที่ซาอูลจะมาถึงว่า “วันพรุ่งนี้เวลาประมาณนี้ เราจะส่งชายคนหนึ่งจากเขตแดนเบนยามินมาหาเจ้า จงเจิมคนนั้นให้เป็นผู้นำอิสราเอลประชากรของเรา เขาจะช่วยเหล่าประชากรให้รอดพ้นจากเงื้อมมือชาวฟีลิสเตีย เราเอ็นดูสงสารประชากรของเรา เพราะเสียงร่ำร้องของพวกเขามาถึงเราแล้ว” เมื่อซามูเอลเห็นซาอูล องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “คนนี้แหละที่เราบอกเจ้าไว้ เขาจะปกครองประชากรของเรา” ซาอูลเดินเข้ามาหาซามูเอลที่ประตูเมืองและกล่าวว่า “ช่วยบอกทางไปบ้านผู้ทำนายด้วยเถิด” ซามูเอลตอบว่า “ข้าพเจ้านี่แหละเป็นผู้ทำนาย เชิญนำหน้าข้าพเจ้าขึ้นไปยังสถานสูง เพราะวันนี้ท่านจะรับประทานอาหารกับข้าพเจ้า แล้วพรุ่งนี้เช้าข้าพเจ้าจะบอกทุกอย่างที่อยู่ในใจของท่านและจะให้ท่านไป ส่วนฝูงลาที่หายไปเมื่อสามวันก่อนนั้น ไม่ต้องห่วง เขาพบแล้ว ใครเล่าที่อิสราเอลปรารถนาเป็นอย่างมาก? ก็คือตัวท่านและครอบครัวของบิดาของท่านนั่นเอง” ซาอูลตอบว่า “แต่ว่าข้าพเจ้าเป็นคนเบนยามินซึ่งเป็นเผ่าเล็กน้อยที่สุดของอิสราเอลไม่ใช่หรือ? และตระกูลของข้าพเจ้าก็เล็กที่สุดในบรรดาตระกูลในเผ่าเบนยามินไม่ใช่หรือ? เหตุใดท่านจึงกล่าวกับข้าพเจ้าเช่นนั้น?” ซามูเอลจึงนำซาอูลกับคนรับใช้เข้าไปในห้องโถง และให้นั่งหัวโต๊ะท่ามกลางแขกรับเชิญซึ่งมีราวสามสิบคน ซามูเอลสั่งพ่อครัวว่า “จงนำเนื้อชิ้นที่เราบอกให้เจ้าเก็บไว้ต่างหากออกมา” พ่อครัวจึงนำเนื้อส่วนขามาวางตรงหน้าซาอูล ซามูเอลกล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่เก็บไว้สำหรับท่าน เชิญรับประทานเถิด เพราะเนื้อนี้ได้แยกไว้สำหรับท่านในโอกาสนี้ ตั้งแต่เวลาที่ข้าพเจ้ากล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าได้เชิญแขกมาแล้ว’ ” ซาอูลก็รับประทานอาหารร่วมกับซามูเอลในวันนั้น หลังจากพวกเขากลับจากสถานสูงเข้ามาในเมืองแล้ว ซามูเอลสนทนากับซาอูลบนดาดฟ้าบ้านของเขา วันรุ่งขึ้นเมื่อฟ้าเริ่มสาง ซามูเอลเรียกซาอูลบนดาดฟ้าว่า “จงเตรียมตัว เราจะไปส่ง” เมื่อซาอูลพร้อมแล้ว ทั้งสองก็เดินออกไปด้วยกัน ขณะที่มาถึงสุดเขตเมือง ซามูเอลบอกซาอูลว่า “จงให้คนรับใช้ล่วงหน้าไปก่อน” เมื่อคนรับใช้ไปแล้ว ซามูเอลก็บอกซาอูลว่า “จงรอสักครู่เถิด เพื่อเราจะแจ้งพระดำรัสของพระเจ้าแก่ท่าน”
1 ซามูเอล 9:3-27 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
อยู่มาครั้งหนึ่ง ลาของคีชผู้เป็นบิดาของซาอูลหายไป คีชจึงพูดกับซาอูลบุตรของตนว่า “เอาคนรับใช้คนหนึ่งไปกับเจ้า ตามหาลาที่หายไป” เขาจึงเดินทางผ่านไปทางแถบภูเขาแห่งเอฟราอิม และผ่านไปในบริเวณใกล้กับชาลิชาห์ แต่ก็หาไม่พบ เขาจึงเดินทางต่อไป และเข้าไปในอาณาเขตชาอาลิม แต่ลาก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น จากนั้นก็ได้ผ่านพรมแดนของเบนยามิน แต่ก็ยังไม่พบลา เมื่อทั้งสองไปถึงอาณาเขตศูฟ ซาอูลพูดกับผู้รับใช้ที่ไปด้วยว่า “เรากลับไปบ้านกันเถิด มิฉะนั้น บิดาจะเลิกคิดเรื่องลา และจะเริ่มกังวลเรื่องเรา” แต่ผู้รับใช้ตอบว่า “ดูเถิด ในเมืองนี้มีคนของพระเจ้าคนหนึ่ง ท่านเป็นที่นับถือมาก และทุกสิ่งเกิดขึ้นตามที่ท่านพูด เราไปที่นั่นกันเถิด บางทีท่านอาจจะบอกเราได้ว่าควรจะไปทางไหน” ซาอูลพูดกับผู้รับใช้ว่า “ถ้าเราไป เราจะมอบอะไรให้ท่าน อาหารในย่ามก็หมดแล้ว เราไม่มีของกำนัลไปให้คนของพระเจ้า เรามีอะไรบ้าง” ผู้รับใช้ตอบอีกว่า “ดูนี่ ข้าพเจ้ามีเสี้ยวเงินเชเขล ข้าพเจ้าจะมอบให้คนของพระเจ้า ท่านจะได้บอกว่าเราควรไปทางไหน” (ในอิสราเอลสมัยของซาอูล ถ้ามีคนไปถามพระเจ้า เขามักจะพูดว่า “มาเถิด เราไปหาผู้รู้กันเถิด” เพราะ “ผู้รู้” เป็นคำที่เคยใช้เรียกผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าที่เราใช้ในเวลานี้) ซาอูลพูดกับผู้รับใช้ว่า “ดีเลย มาเถิด เราไปกันเถิด” ดังนั้นเขาทั้งสองจึงออกเดินทางไปยังเมืองที่คนของพระเจ้าอยู่ ขณะที่เขาขึ้นเนินเขาไปทางเมืองนั้น ก็พบพวกหญิงสาวกำลังออกมาตักน้ำ จึงถามว่า “ผู้รู้อยู่ที่นี่หรือเปล่า” พวกเธอตอบว่า “ท่านอยู่ที่นี่ ท่านอยู่ข้างหน้าโน้น รีบไปเถิด ท่านเพิ่งมาถึงเมืองเราวันนี้ เพราะประชาชนมีเครื่องสักการะจะถวายที่สถานบูชาบนภูเขาสูง ทันทีที่ท่านเข้าเมือง ท่านจะพบผู้ทำนายก่อนที่ท่านจะขึ้นไปสถานบูชาบนภูเขาสูงเพื่อรับประทาน ประชาชนจะไม่เริ่มรับประทาน จนกว่าท่านจะมา เพราะท่านต้องกล่าวขอบคุณพระเจ้าก่อน แล้วพวกที่ได้รับเชิญก็จะรับประทานกัน ขึ้นไปตอนนี้เถิด ท่านน่าจะพบท่านประมาณเวลานี้” เขาทั้งสองขึ้นไปยังเมืองนั้น และขณะที่กำลังเข้าไป ซามูเอลอยู่ที่นั่น ท่านกำลังเดินตรงมาทางเดียวกันพอดี และจะขึ้นไปสถานบูชาบนภูเขาสูง ในวันก่อนวันที่ซาอูลจะมา พระผู้เป็นเจ้าได้เผยให้ซามูเอลทราบว่า “ในวันพรุ่งนี้ประมาณเวลานี้ เราจะให้ชายผู้หนึ่งจากดินแดนของเบนยามินมาพบเจ้า จงเจิมเขาให้เป็นผู้นำอิสราเอลชนชาติของเรา เขาจะช่วยชนชาติของเราให้พ้นจากมือของชาวฟีลิสเตีย เราเห็นว่าชนชาติของเราเป็นทุกข์ เพราะเราได้ยินเสียงร้องของพวกเขา” เมื่อซามูเอลแลเห็นซาอูล พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านว่า “ชายผู้นี้เป็นคนที่เราบอกเจ้า เขาจะปกครองชนชาติของเรา” ซาอูลเข้าไปใกล้ซามูเอลที่ทางประตูและถามว่า “ท่านจะกรุณาบอกข้าพเจ้าได้ไหมว่า บ้านของผู้รู้อยู่ที่ไหน” ซามูเอลตอบว่า “เราเป็นผู้รู้ ท่านจงขึ้นไปล่วงหน้าเรา ไปสถานบูชาบนภูเขาสูง เพราะว่าวันนี้ท่านจะต้องรับประทานกับเรา และพอรุ่งเช้า เราก็จะให้ท่านไป และจะบอกท่านว่า ท่านมีความในใจอะไร ไม่ต้องห่วงเรื่องลาที่หายไปเมื่อ 3 วันก่อน เพราะมีคนพบมันแล้ว สิ่งเดียวที่อิสราเอลต้องการนั้น คือใครเล่า ถ้าไม่ใช่ท่านและครอบครัวของบิดาของท่าน” ซาอูลตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวเบนยามินมิใช่หรือ มาจากเผ่าเล็กที่สุดของอิสราเอล และตระกูลของข้าพเจ้าก็สำคัญน้อยที่สุดในบรรดาทุกเผ่าของเบนยามินมิใช่หรือ ทำไมท่านจึงพูดกับข้าพเจ้าเช่นนั้น” ครั้นแล้วซามูเอลก็พาซาอูลและผู้รับใช้เข้าไปในห้องโถง และให้ท่านนั่งที่หัวโต๊ะของผู้ได้รับเชิญประมาณ 30 คน ซามูเอลพูดกับพ่อครัวว่า “ไปเอาเนื้อที่เราให้เจ้ามา ชิ้นที่เราบอกให้เจ้าแยกเก็บไว้” ดังนั้นพ่อครัวจึงไปหยิบเนื้อท่อนขาพร้อมกับขาอ่อน มาวางไว้ที่ข้างหน้าซาอูล ซามูเอลพูดว่า “นี่เป็นสิ่งที่เก็บไว้ให้ท่าน จงรับประทาน เพราะเขาเก็บไว้ให้ท่านสำหรับโอกาสนี้ ท่านจะได้รับประทานกับแขกรับเชิญ” วันนั้นซาอูลจึงรับประทานกับซามูเอล เมื่อเขาทั้งหลายลงมาจากสถานบูชาบนภูเขาสูง และเข้าไปในเมือง ซามูเอลพูดกับซาอูลบนดาดฟ้า เขาทั้งสองลุกขึ้นเมื่อฟ้าสาง ซามูเอลเรียกซาอูลที่อยู่บนดาดฟ้าว่า “เตรียมตัวให้พร้อม แล้วเราจะส่งให้ท่านออกเดินทางไป” เมื่อซาอูลพร้อมแล้ว เขากับซามูเอลก็ออกไปนอกบ้านพร้อมกัน ขณะที่กำลังเดินไปถึงชานเมือง ซามูเอลพูดกับซาอูลว่า “บอกให้ผู้รับใช้ล่วงหน้าเราไปก่อน” ผู้รับใช้ก็ทำตามนั้น “แต่ท่านจงอยู่ที่นี่สักพักก่อน เราจะได้บอกให้ท่านทราบถึงสิ่งที่พระเจ้ากล่าวไว้”