1 ซามูเอล 20:1-41

1 ซามูเอล 20:1-41 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

จากนั้น​ดาวิด​ได้​หนี​จาก​นาโยท​ที่​รามาห์​ไป​หา​โยนาธาน และ​ถาม​ว่า “ข้า​ทำ​อะไร​ลง​ไป​หรือ ความผิด​ของ​ข้า​คือ​อะไร ข้า​ได้​ทำ​ผิด​อะไร​ต่อ​พ่อ​เจ้า​หรือ เขา​ถึง​ได้​พยายาม​มา​เอา​ชีวิต​ของ​ข้า” โยนาธาน​ตอบ​ว่า “เป็น​ไป​ไม่​ได้ เจ้า​จะ​ไม่​ตาย​หรอก ดู​สิ พ่อ​ของ​ข้า​ไม่​เคย​ทำ​อะไร​โดย​ไม่​บอก​ข้า​ก่อน ไม่ว่า​จะ​เป็น​เรื่อง​เล็ก​หรือ​เรื่อง​ใหญ่ แล้ว​เขา​จะ​มา​ปิดบัง​เรื่อง​นี้​จาก​ข้า​ทำไม คง​ไม่​เป็น​อย่าง​นั้น​หรอก” แต่​ดาวิด​สาบาน​ว่า “พ่อ​ของ​เจ้า​รู้ดี​ว่า เจ้า​ชื่นชอบ​ข้า และ​คิด​กับ​ตัวเอง​ว่า ‘ต้อง​ไม่​ให้​โยนาธาน​รู้​เรื่อง​นี้ เพราะ​เขา​จะ​ต้อง​เสียใจ​อย่าง​แน่นอน’ แต่​พระยาห์เวห์​และ​ตัว​เจ้า​มี​ชีวิต​อยู่​แน่​ขนาด​ไหน ก็​ให้​แน่ใจ​ขนาด​นั้น​เลย​ว่า ข้า​ห่าง​จาก​ความตาย​แค่​ก้าว​เดียว​เท่านั้น” โยนาธาน​พูด​กับ​ดาวิด​ว่า “เจ้า​จะ​ให้​ข้า​ทำ​อะไร ข้า​ก็​จะ​ทำ​เพื่อ​เจ้า” ดาวิด​จึง​พูด​ว่า “เอา​อย่าง​นี้ พรุ่งนี้​จะ​เป็น​วัน​เทศกาล​พระจันทร์​ใหม่ และ​ข้า​จะ​ต้อง​ไป​ร่วม​กิน​อาหาร​กับ​กษัตริย์ แต่​ปล่อย​ให้​ข้า​ไป​ซ่อน​ตัว​ใน​ท้องทุ่ง​เถอะ จน​ถึง​เย็น​วัน​ที่​สาม ถ้า​พ่อ​ของ​เจ้า​เห็น​ข้า​หาย​ไป ก็​บอก​เขา​ว่า ‘ดาวิด​ได้​มา​ขอ​อนุญาต​กับ​ลูก​เพื่อ​ลา​กลับ​บ้าน​อย่าง​เร่งด่วน​ที่​เบธเลเฮม เพราะ​ครอบครัว​ของ​เขา​จะ​ถวาย​สัตว์บูชา​ประจำ​ปี’ ถ้า​เขา​พูด​ว่า ‘ดี​มาก’ ผู้รับใช้​ของ​เจ้า​คน​นี้​ก็​ปลอดภัย แต่​ถ้า​เขา​โกรธ​มาก เจ้า​ก็​แน่ใจ​ได้​เลย​ว่า เขา​ได้​ตัดสินใจ​ที่​จะ​ทำร้าย​ข้า​แล้ว ถ้า​เจ้า​จะ​แสดง​ความ​เมตตา​ต่อ​ผู้รับใช้​ของ​เจ้า เพราะ​เจ้า​ได้​ทำ​สัญญา​กับ​ข้า​ต่อหน้า​พระยาห์เวห์​แล้ว ถ้า​ข้า​ผิด​จริง เจ้า​ก็​ฆ่า​ข้า​เสีย​เอง ไม่​ต้อง​มอบ​ข้า​ไป​ให้​กับ​พ่อ​ของ​เจ้า​หรอก” โยนาธาน​พูด​ว่า “ไม่​หรอก ถ้า​ข้า​รู้​ว่า​พ่อ​ของ​ข้า​คิด​จะ​ทำร้าย​เจ้า ข้า​จะ​ไม่​บอก​เจ้า​ได้​หรือ” ดาวิด​ถาม​ว่า “ใคร​จะ​มา​บอก​ข้า​ละ ถ้า​พ่อ​ของ​เจ้า​ตอบ​เจ้า​อย่าง​ดุดัน” โยนาธาน​พูด​ว่า “มา​เถอะ ออก​ไป​ที่​ท้องทุ่ง​กัน” เขา​ทั้ง​สอง​ก็​เดิน​ไป​ที่​นั่น​ด้วย​กัน จาก​นั้น​โยนาธาน​ก็​พูด​กับ​ดาวิด​ว่า “ข้า​ขอ​สาบาน​ต่อ​พระยาห์เวห์ พระเจ้า​ของ​อิสราเอล ข้า​จะ​ไป​ดู​ให้​รู้​แน่​ว่า​พ่อ​ของ​ข้า​คิด​ยังไง​กับ​เจ้า วัน​มะรืนนี้​เวลา​เดียว​กัน​นี้ ถ้า​เขา​รู้สึก​ดี​กับ​เจ้า ข้า​ก็​จะ​ส่ง​ข่าว​มา​ให้​เจ้า​รู้ แต่​ถ้า​พ่อ​ข้า​จะ​ทำร้าย​เจ้า ข้า​ก็​จะ​บอก​ให้​เจ้า​รู้ และ​ส่ง​เจ้า​ไป​อย่าง​ปลอดภัย ถ้า​ข้า​ไม่​ทำ​ตาม​ที่​พูด​นี้ ก็​ขอ​ให้​พระยาห์เวห์​ลงโทษ​ข้า​อย่าง​รุนแรง ขอ​ให้​พระยาห์เวห์​สถิต​อยู่​กับ​เจ้า​เหมือน​ที่​สถิต​อยู่​กับ​พ่อ​ของ​ข้า ตราบใด​ที่​ข้า​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่ ก็​ขอ​ให้​เจ้า​มี​น้ำใจ​กับ​ข้า เหมือน​กับ​ที่​พระยาห์เวห์​มี​ต่อ​ข้า​ตลอด​ชีวิต เพื่อ​ที่​ว่า​ข้า​จะ​ได้​ไม่​ถูก​ฆ่า​ตาย และ​ถ้า​หาก​ข้า​ตาย​ไป ก็​ขอ​ให้​เจ้า​อย่า​ได้​แล้ง​น้ำใจ​ต่อ​ครอบครัว​ของ​ข้า แม้​เมื่อ​พระยาห์เวห์​ได้​กำจัด​ศัตรู​ทั้งหมด​ของ​เจ้า​ออก​ไป​จาก​โลกนี้” ดังนั้น โยนาธาน​ได้​ทำ​สัญญา​กับ​ดาวิด​และ​ครอบครัว​ของ​ดาวิด โยนาธาน​พูด​ว่า “ขอ​ให้​พระยาห์เวห์​จัดการ​กับ​ศัตรู​ของ​เจ้า” และ​โยนาธาน​ให้​ดาวิด​ยืนยัน​สัญญา​อีก​ครั้ง​ด้วย​ความรัก​ที่​เขา​มี​ต่อ​ดาวิด เพราะ​เขา​รัก​ดาวิด​เหมือน​รัก​ตัวเอง จาก​นั้น​โยนาธาน​ก็​พูด​กับ​ดาวิด​ว่า “พรุ่งนี้​จะ​เป็น​วัน​เทศกาล​พระจันทร์​ใหม่ พ่อ​จะ​เห็น​ว่า​เจ้า​หาย​ไป เพราะ​ที่​นั่ง​ของ​เจ้า​จะ​ว่าง ใน​ตอน​เย็น​วัน​มะรืนนี้ ให้​ไป​ซ่อนตัว​ใน​ที่​ที่​เจ้า​เคย​ซ่อนตัว​ตอน​ที่​เรื่อง​ยุ่งยาก​นี้​เกิด​ขึ้น​ครั้ง​แรก และ​คอย​อยู่​ที่​ก้อน​หิน​เอเซล ข้า​จะ​ยิง​ธนู​สาม​ดอก​ไป​ข้างๆ​เจ้า​เหมือน​กับ​ว่า​ข้า​กำลัง​ซ้อม​ยิง​เป้า จาก​นั้น​ข้า​จะ​สั่ง​เด็ก​รับใช้​ว่า ‘ไป​หา​ลูกธนู​ซิ’ ถ้า​ข้า​พูด​กับ​เขา​ว่า ‘ลอง​ดูซิ ลูกธนู​ตก​อยู่​ทาง​ข้างๆ​เจ้า ไป​เอา​มัน​กลับ​มา​นี่’ ถ้า​ข้า​พูด​อย่าง​นี้ ก็​ให้​เจ้า​ออก​มา​จาก​ที่​ซ่อน​ได้ เพราะ​พระยาห์เวห์​มี​ชีวิต​อยู่​แน่​ขนาด​ไหน ก็​ให้​แน่ใจ​ขนาด​นั้น​เลย​ว่า เจ้า​จะ​ปลอดภัย​และ​ไม่​มี​อันตราย​อะไร แต่​ถ้า​ข้า​พูด​กับ​เด็ก​รับใช้​ว่า ‘ดู​สิ ลูกธนู​ตก​ไกล​ออก​ไป​ข้าง​หน้า​โน้น’ ถ้า​ข้า​พูด​อย่าง​นี้ เจ้า​ต้อง​รีบ​หนี​ไป เพราะ​พระยาห์เวห์​ได้​กำหนด​ให้​เจ้า​ไป​แล้ว และ​เรื่อง​ที่​ได้​คุย​กัน​ระหว่าง​เรา​สอง​คน จำ​ไว้​ว่า​พระยาห์เวห์​จะ​เป็น​พยาน​ให้​กับ​เรา​ทั้ง​สอง​คน​ตลอด​ไป” ดังนั้น​ดาวิด​จึง​ซ่อน​ตัว​อยู่​ใน​ท้องทุ่ง เมื่อ​ถึง​เทศกาล​พระจันทร์​ใหม่ ซาอูล​ซึ่ง​เป็น​กษัตริย์​ก็​มา​นั่ง​กิน​อาหาร เขา​นั่ง​ใน​ที่​เคย​นั่ง​เป็น​ประจำ​ที่​อยู่​ใกล้​กำแพง ซึ่ง​อยู่​ตรง​ข้าม​กับ​โยนาธาน ส่วน​อับเนอร์​ก็​นั่ง​อยู่​ข้างๆ​ซาอูล แต่​ที่​นั่ง​ของ​ดาวิด​กลับ​ว่างเปล่า ใน​วัน​นั้น​ซาอูล​ไม่​ได้​พูด​อะไร เขา​เพียง​คิด​ว่า “ต้อง​เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​ดาวิด​ที่​จะ​ทำ​ให้​เขา​ไม่​บริสุทธิ์​ใน​การ​เข้า​ร่วม​พิธี แน่นอน​ว่า​เขา​ต้อง​ไม่​บริสุทธิ์” แต่​วัน​ต่อมา วันที่​สอง​ของ​เดือน​นั้น ที่​นั่ง​ของ​ดาวิด​ก็​ยัง​คง​ว่าง​อยู่​อีก ซาอูล​จึง​ถาม​โยนาธาน​ว่า “ทำไม​ดาวิด​ลูกชาย​เจสซี​ไม่​มา​กิน​ข้าว​ด้วย​กัน ทั้ง​เมื่อวาน​และ​วันนี้​ด้วย” โยนาธาน​ตอบ​ว่า “ดาวิด​ได้​มา​วิงวอน​ขอ​อนุญาต​จาก​ลูก​เพื่อ​ลา​กลับ​บ้าน​ที่​เบธเลเฮม เขา​บอก​ว่า ‘อนุญาต​ให้​ฉัน​กลับ​บ้าน​เถอะ เพราะ​ครอบครัว​ของ​ฉัน​จะ​มี​การ​ถวาย​เครื่อง​บูชา​ใน​เมือง​และ​พี่ชาย​ของ​ฉัน​ก็​สั่ง​ให้​ฉัน​กลับ​ไป ถ้า​ท่าน​พอใจ​ฉัน​ก็​อนุญาต​ให้​ฉัน​กลับ​ไป​หา​พี่ชาย​ด้วย​เถอะ’ เพราะ​สาเหตุ​นี้​เขา​จึง​ไม่​ได้​มา​ร่วม​โต๊ะ​อาหาร​กับ​กษัตริย์” ซาอูล​ได้ยิน​อย่าง​นั้น ความ​โกรธ​ก็​พลุ่ง​ขึ้น​ต่อ​โยนาธาน เขา​พูด​กับ​โยนาธาน​ว่า “เจ้า​มัน​ลูก​กบฏ​ของ​หญิง​นอกคอก คิด​ว่า​ข้า​ไม่​รู้​หรือ​ว่า​เจ้า​เข้า​ข้าง​ไอ้​ลูกชาย​เจสซี​นั่น เจ้า​สร้าง​ความ​อับอาย​ให้​ตัวเอง​และ​แม่​ที่​คลอด​เจ้า​ออก​มา ตราบ​ใด​ที่​ดาวิด​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​โลก​นี้ เจ้า​และ​อาณาจักร​ของ​เจ้า​ก็​จะ​ไม่​มี​วันตั้ง​อยู่​ได้ ส่ง​คน​ไป​นำ​ตัว​ดาวิด​มา​เดี๋ยวนี้ มัน​ต้อง​ตาย” โยนาธาน​ถาม​ซาอูล​พ่อ​ของ​เขา​ว่า “ทำไม​เขา​จะ​ต้อง​ถูก​ประหาร เขา​ทำ​อะไร​ลง​ไป​หรือ” แต่​ซาอูล​ได้​พุ่ง​หอก​ใน​มือ​ใส่​โยนาธาน​เพื่อ​ฆ่า​เขา​เสีย โยนาธาน​จึง​รู้​ว่า​พ่อ​ของ​เขา​ตั้งใจ​จะ​ฆ่า​ดาวิด โยนาธาน​จึง​ลุก​จาก​โต๊ะ​อาหาร​ไป​ด้วย​ความโกรธ​มาก และ​ไม่​ได้​กิน​อะไร​ใน​วัน​ที่​สอง​นี้ เพราะ​เขา​เสียใจ​ต่อ​การ​กระทำ​ที่​น่า​อับอาย​ของ​พ่อ​เขา​ต่อ​ดาวิด เช้า​วัน​รุ่ง​ขึ้น​โยนาธาน​ออก​ไป​ที่​ทุ่งนา​เพื่อ​พบ​กับ​ดาวิด เขา​เอา​เด็ก​รับใช้​ไป​ด้วย​หนึ่ง​คน แล้ว​เขา​ก็​สั่ง​เด็ก​รับใช้​ว่า “ไป​หา​ลูกธนู​ที่​เรา​ยิง​ไป” เมื่อ​เด็ก​รับใช้​วิ่ง​ไป โยนาธาน​ก็​ยิง​ธนู​ลูก​หนึ่ง​นำ​หน้า​เขา​ไป เมื่อ​เด็ก​รับใช้​วิ่ง​ไป​ถึง​ที่​ที่​ลูกธนู​ของ​โยนาธาน​ตก เขา​ก็​ตะโกน​บอก​เด็ก​รับใช้​ว่า “ลูกธนู​อยู่​ข้าง​หน้า​เจ้า​ไม่​ใช่​หรือ” เขา​ยัง​ตะโกน​สั่ง​อีก​ด้วย​ว่า “รีบ​ไป​เถิด อย่า​หยุด​น่ะ” เด็ก​รับใช้​ก็​ไป​เก็บ​ลูกธนู​กลับ​มา​ให้​โยนาธาน​ผู้​เป็น​เจ้า​นาย (แต่​เด็ก​รับใช้​ก็​ไม่​รู้​เรื่อง​อะไร​เลย มี​แต่​ดาวิด​และ​โยนาธาน​เท่านั้น​ที่​เข้าใจ) จาก​นั้น​โยนาธาน​ก็​ส่ง​อาวุธ​ให้​เด็ก​รับใช้​และ​สั่ง​ว่า “เจ้า​เอา​ไป​เก็บ​ไว้​ใน​เมือง​ก่อน” หลังจาก​เด็ก​รับใช้​ไป​แล้ว ดาวิด​ก็​ออก​จาก​ที่​ซ่อน ทาง​ใต้​ของ​ก้อนหิน เขา​กราบ​โยนาธาน​จน​หน้า​ติด​พื้นดิน​สาม​ครั้ง จาก​นั้น​พวก​เขา​ก็​จูบ​ซึ่ง​กัน​และ​กัน แล้ว​ทั้ง​สอง​ก็​ร้องไห้​ด้วย​กัน แต่​ดาวิด​ร้อง​มาก​กว่า

1 ซามูเอล 20:1-41 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

ดาวิดก็หนีจากนาโยทในเมืองรามาห์ และมาทูลต่อหน้าโยนาธานว่า “ข้าพเจ้าได้ทำสิ่งใด? อะไรเป็นความผิดของข้าพเจ้า? และข้าพเจ้าได้ทำบาปอะไรต่อเสด็จพ่อของท่าน พระองค์จึงทรงต้องการเอาชีวิตของข้าพเจ้า?” โยนาธานตรัสตอบเขาว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นแน่ ท่านจะไม่ตาย นี่แน่ะ เสด็จพ่อไม่ได้ทรงทำเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กโดยไม่ให้ฉันรู้ ทำไมเสด็จพ่อจะปิดบังเรื่องนี้จากฉันเล่า? ไม่เป็นดังนั้นแน่” แต่ดาวิดสาบานว่า “เสด็จพ่อของท่านทรงทราบแน่ว่า ข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานของท่าน และพระองค์คงดำริว่า ‘อย่าให้โยนาธานรู้เรื่องนี้เลย เกรงว่าเขาจะเศร้าใจ’ แต่ที่จริงก็คือ พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด และท่านมีชีวิตแน่ฉันใด ระหว่างข้าพเจ้ากับความตายก็ยังเหลืออีกเพียงก้าวเดียว” โยนาธานจึงตรัสกับดาวิดว่า “ใจท่านว่าอย่างไร ฉันจะทำตามเพื่อท่าน” ดาวิดจึงกล่าวกับโยนาธานว่า “ดูเถิด พรุ่งนี้เป็นวันขึ้นค่ำ ข้าพเจ้าเองจะต้องนั่งรับประทานกับพระราชา แต่ขอทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าไปซ่อนตัวอยู่ที่ในทุ่งนาจนถึงเย็นวันที่สาม ถ้าเสด็จพ่อของท่านทรงสังเกตจริงๆ ว่าข้าพเจ้าขาดไป ก็ขอทูลพระองค์ว่า ‘ดาวิดวิงวอนขอลาข้าพระบาทรีบกลับไปเบธเลเฮมเมืองของเขา เพราะทุกคนในตระกูลทำการถวายสัตวบูชาประจำปีที่นั่น’ ถ้าพระองค์รับสั่งว่า ‘ดีแล้ว’ ผู้รับใช้ของท่านก็จะปลอดภัย แต่ถ้าพระองค์กริ้วจริงๆ ก็ทรงทราบได้ว่า พระองค์ทรงดำริการร้าย ขอท่านแสดงความรักมั่นคงแก่ผู้รับใช้ของท่านตามที่ท่านได้นำผู้รับใช้ของท่านเข้ามาในพันธสัญญาแห่งพระยาห์เวห์กับท่าน แต่ถ้าข้าพเจ้ามีความผิด ท่านจงฆ่าข้าพเจ้า ทำไมจะนำข้าพเจ้าไปให้เสด็จพ่อของท่าน” โยนาธานจึงตรัสว่า “อย่าเป็นอย่างนั้นสำหรับท่านเลย เพราะถ้าฉันทราบจริงๆ ว่าเสด็จพ่อทรงดำริการร้ายที่จะมาถึงท่าน ฉันจะไม่ไปบอกท่านหรือ?” แล้วดาวิดก็ทูลโยนาธานว่า “ใครจะบอกข้าพเจ้า ถ้าเสด็จพ่อของท่านตอบท่านอย่างดุดัน?” และโยนาธานตรัสกับดาวิดว่า “มาเถิดให้เราออกไปที่ทุ่งนา” ทั้งสองจึงออกไปที่ทุ่งนา และโยนาธานตรัสกับดาวิดว่า “ขอพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงเป็นพยาน เมื่อฉันหยั่งดูเสด็จพ่อของฉันในวันพรุ่งนี้ประมาณเวลานี้ หรือในวันที่สาม ดูเถิด ถ้ามีอะไรดีต่อดาวิดแล้ว ฉันจะไม่ใช้คนไปแจ้งท่านทีเดียวหรือ? แต่ถ้าเสด็จพ่อพอพระทัยที่จะทำร้ายท่าน ถ้าฉันไม่แจ้งให้ท่านทราบ และไม่ส่งท่านให้ไปอย่างปลอดภัยแล้ว ก็ขอพระยาห์เวห์ทรงลงโทษแก่โยนาธาน และทรงเพิ่มโทษนั้น ขอพระยาห์เวห์สถิตกับท่าน อย่างที่พระองค์สถิตกับเสด็จพ่อของฉัน ถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่ต่อไป ขอท่านสำแดงความรักมั่นคงแห่งพระยาห์เวห์ต่อฉัน แต่ถ้าฉันตาย ขออย่าตัดความรักมั่นคงของท่านที่มีต่อพงศ์พันธุ์ของฉันนิรันดร และอย่าหยุดแม้เมื่อพระยาห์เวห์ทรงกำจัดศัตรูทั้งสิ้นของดาวิดจากพื้นพิภพแล้ว” โยนาธานจึงทำพันธสัญญากับพงศ์พันธุ์ของดาวิดว่า “ขอพระยาห์เวห์ทรงแก้แค้นพวกศัตรูของดาวิด” และโยนาธานทรงให้ดาวิดปฏิญาณอีกครั้งหนึ่งโดยความรักของท่านที่มีต่อเขา เพราะท่านทรงรักเขาอย่างกับรักชีวิตของท่านเอง แล้วโยนาธานตรัสกับดาวิดว่า “พรุ่งนี้เป็นวันขึ้นค่ำ และเขาจะเห็นว่าท่านขาดไป เพราะที่นั่งของท่านจะว่างอยู่ เมื่อท่านอยู่สามวันแล้ว วันมะรืนนี้ ให้ท่านลงไปโดยเร็ว ไปที่ที่ท่านเคยซ่อนตัว ในวันที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น และคอยอยู่ข้างศิลาเอเซล ฉันจะยิงลูกธนูสาม ดอกไปข้างๆ ที่นั่น เหมือนกับว่าฉันยิงเป้า และนี่แน่ะ ฉันจะใช้เด็กหนุ่มไป สั่งว่า ‘จงไปหาพวกลูกธนู’ ถ้าฉันพูดกับเด็กหนุ่มนั้นจริงๆ ว่า ‘นี่แน่ะ พวกลูกธนูนั้นอยู่ทางข้างนี้ของเจ้า ไปเอามา’ แล้วท่านจงมาเพราะพระยาห์เวห์ทรงพระชนม์แน่ฉันใด ท่านก็ปลอดภัยแล้ว ไม่มีอันตรายอะไร แต่ถ้าฉันพูดกับเด็กหนุ่มนั้นว่า ‘นี่แน่ะ พวกลูกธนูอยู่ข้างหน้าเจ้าโน้น’ ท่านจงไป เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงส่งท่านไป ส่วนเรื่องที่เราพูดกันคือทั้งท่านกับฉันนั้น ดูเถิด พระยาห์เวห์ทรงเป็นพยานระหว่างท่านและฉันนิรันดร” ดาวิดจึงซ่อนตัวอยู่ในทุ่งนาและเมื่อถึงวันขึ้นค่ำ พระราชาก็ประทับเสวยอาหาร พระราชาประทับบนพระที่นั่งของพระองค์อย่างที่เคยทำ คือประทับที่พระที่นั่งข้างฝาผนัง โยนาธานทรงยืนอยู่และอับเนอร์นั่งข้างซาอูล แต่ที่ของดาวิดว่างอยู่ ในวันนั้นซาอูลไม่ได้ตรัสอะไร เพราะทรงดำริว่า “ดาวิดคงมีเหตุบางอย่าง เขามีมลทิน เขามีมลทินแน่” แต่รุ่งขึ้นจากวันขึ้นค่ำ คือวันที่สอง ที่ของดาวิดก็ว่างอยู่ และซาอูลก็ตรัสกับโยนาธานราชบุตรของพระองค์ว่า “ทำไมบุตรเจสซีไม่ได้มารับประทานอาหาร ทั้งวานนี้และวันนี้” โยนาธานทูลตอบซาอูลว่า “ดาวิดวิงวอนขอลาข้าพระบาทไปยังบ้านเบธเลเฮม เขาว่า ‘ขอปล่อยข้าพเจ้าไป เพราะตระกูลของข้าพเจ้ามีการถวายสัตวบูชาในเมือง และพี่ชายของข้าพเจ้าสั่งข้าพเจ้าให้ไป ดังนั้นถ้าข้าพเจ้าได้รับความโปรดปรานจากท่าน ก็ขอให้ข้าพเจ้าลาไปเยี่ยมพวกพี่ชายของข้าพเจ้า’ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้มาที่โต๊ะของพระราชา” แล้วความกริ้วของซาอูลก็พลุ่งขึ้นต่อโยนาธาน ตรัสว่า “เจ้า ลูกของหญิงกบฏและวิปลาส ข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าเลือกบุตรเจสซีมาเป็นความอับอายแก่เจ้า และแก่แม่ผู้ให้กำเนิดเจ้า? ตราบใดที่บุตรเจสซีมีชีวิตอยู่ในโลก ตัวเจ้าหรือราชอาณาจักรของเจ้าก็จะตั้งมั่นไม่ได้ เพราะฉะนั้นจงใช้คนไปจับเขามาให้ข้า เพราะเขาจะต้องตายแน่” โยนาธานจึงทูลตอบพระราชบิดาของท่านว่า “ทำไมเขาจะต้องถูกฆ่า? เขาทำอะไรบ้าง?” แต่ซาอูลทรงพุ่งหอกใส่ท่าน เพื่อจะฆ่าท่าน ดังนั้นโยนาธานจึงทราบว่าพระราชบิดาของท่านทรงตั้งพระทัยฆ่าดาวิด โยนาธานจึงทรงลุกขึ้นจากโต๊ะด้วยความโกรธยิ่งนัก ไม่ได้เสวยอาหารในวันที่สองของเดือนนั้น เพราะเศร้าใจด้วยเรื่องดาวิด เพราะว่าพระราชบิดาของท่านทรงเหยียดหยามดาวิด พอรุ่งเช้าโยนาธานก็ทรงออกไปที่ทุ่งนาตามที่นัดหมายไว้กับดาวิด มีเด็กไปด้วยคนหนึ่ง และทรงรับสั่งเด็กนั้นว่า “จงวิ่งไปหาพวกลูกธนูที่ฉันยิงไป” เมื่อเด็กนั้นวิ่งไป โยนาธานก็ทรงยิงธนูดอกหนึ่งไปข้างหน้าเด็กนั้น และเมื่อเด็กนั้นมาถึงที่ที่ลูกธนูซึ่งโยนาธานทรงยิงไปนั้น โยนาธานก็ทรงร้องไล่หลังเด็กนั้นว่า “ลูกธนูอยู่ข้างหน้าโน้นไม่ใช่หรือ?” และโยนาธานทรงร้องไล่หลังเด็กนั้นว่า “จงรีบไปโดยเร็ว อย่าหยุดอยู่” เด็กของโยนาธานก็ไปเก็บลูกธนู และกลับมาหานายของเขา แต่เด็กนั้นไม่รู้เรื่อง โยนาธานและดาวิดเท่านั้นที่รู้ และโยนาธานก็ทรงมอบเครื่องอาวุธของท่านให้เด็กนั้น และตรัสเขาว่า “จงไป จงเข้าไปในเมือง” เมื่อเด็กนั้นไปแล้ว ดาวิดก็ลุกขึ้นมาจากทางด้านข้างของกองหินซบหน้าลงถึงดิน แล้วย่อตัวลงสามครั้ง และทั้งสองก็จูบกัน และร้องไห้กัน แต่ดาวิดร้องไห้มากกว่า

1 ซามูเอล 20:1-41 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ดาวิดก็หนีจากนาโยทในเมืองรามาห์ และมาหาโยนาธานกล่าวว่า <<ข้าพเจ้าได้กระทำสิ่งใด อะไรเป็นความผิดของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้กระทำบาปอันใดต่อเสด็จพ่อของท่าน พระองค์จึงได้แสวงชีวิตของข้าพเจ้า>> และโยนาธานจึงตอบเธอว่า <<ไม่มีวี่แววเลย เธอไม่ต้องตายดอก ดูเถิด เสด็จพ่อมิได้ทรงกระทำการใหญ่น้อยสิ่งใด โดยมิให้ฉันรู้ ทำไมเสด็จพ่อจะปิดบังเรื่องนี้จากฉันเล่า คงไม่เป็นเช่นนั้นแน่>> แต่ดาวิดตอบว่า <<เสด็จพ่อของท่านทรงทราบดีว่า ข้าพเจ้าเป็นที่พอใจท่าน และพระองค์คงดำริว่า <อย่าให้โยนาธานรู้เรื่องนี้เลย เกรงว่าเขาจะเศร้าใจ> พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด และท่านมีชีวิตแน่ฉันใด ความจริงมีอยู่ว่า ระหว่างข้าพเจ้ากับความตายก็ยังเหลืออีกเพียงก้าวเดียว>> โยนาธานจึงพูดกับดาวิดว่า <<เธอว่าอย่างไร ฉันจะทำตามเพื่อเธอ>> ดาวิดจึงกล่าวกับโยนาธานว่า <<ดูเถิด พรุ่งนี้เป็นวันขึ้นค่ำ ข้าพเจ้าไม่ควรขาดที่จะนั่งร่วมโต๊ะเสวยกับพระราชา แต่ขอโปรดให้ข้าพเจ้าไปซ่อนตัวอยู่ที่ในทุ่งนา จนถึงเย็นวันที่สาม ถ้าเสด็จพ่อของท่านเห็นข้าพเจ้าขาดไป ก็ขอโปรดทูลพระองค์ว่า <ดาวิดได้วิงวอนขอลาข้าพระบาทรีบกลับไปเมือง เบธเลเฮมเมืองของตน เพราะที่นั่นวงศ์ญาติทำการถวายสัตวบูชาประจำปี> ถ้าพระองค์รับสั่งว่า <ดีแล้ว> ผู้รับใช้ของท่านก็ดีไป แต่ถ้าพระองค์ทรงกริ้วก็ขอทราบเถิดว่า พระองค์ดำริการร้าย เพราะฉะนั้นขอท่านกรุณากระทำ แก่ผู้รับใช้ของท่านด้วยใจจงรัก เพราะท่านได้กระทำพันธสัญญาแห่งพระเจ้ากับ ผู้รับใช้ของท่านแล้ว แต่ถ้าความผิดมีอยู่ในข้าพเจ้า ขอท่านฆ่าข้าพเจ้าเสียเองเถิด เพราะท่านจะนำข้าพเจ้าไปให้เสด็จพ่อของท่านทำไม>> โยนาธานจึงกล่าวว่า <<อย่าให้มีวี่แววอย่างนี้เลยน่ะ ถ้าฉันทราบว่าเสด็จพ่อคิดร้ายต่อเธอ ฉันจะไม่ไปบอกเธอหรือ>> แล้วดาวิดก็กล่าวแก่โยนาธานว่า <<ถ้าเสด็จพ่อของท่านตอบท่านอย่างดุดัน ใครจะบอกแก่ข้าพเจ้าได้>> และโยนาธานบอกดาวิดว่า <<มาเถิดให้เราเข้าไปในทุ่งนา>> เขาทั้งสองจึงเข้าไปในทุ่งนา และโยนาธานกล่าวแก่ดาวิดว่า <<ขอพระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงเป็นพยาน เมื่อฉันได้หยั่งดูเสด็จพ่อของฉันในวันพรุ่งนี้ประมาณเวลานี้ หรือในวันที่สาม ดูเถิด ถ้ามีอะไรดีต่อดาวิดแล้ว ฉันจะไม่ใช้คนไปบอกเธอทีเดียวหรือ แต่ถ้าเสด็จพ่อพอพระทัยที่จะทำร้ายเธอ ถ้าฉันไม่บอกเธอให้ทราบ และไม่ส่งให้เธอหนีไปให้พ้นภัยแล้ว ก็ขอพระเจ้าทรงลงโทษแก่โยนาธาน และยิ่งหนักกว่า ขอพระเจ้าทรงสถิตกับเธอ อย่างที่พระองค์ทรงสถิตกับเสด็จพ่อของฉัน ถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่ต่อไป ขอเธอสำแดงความรักมั่นคงแห่งพระเจ้าต่อฉัน เพื่อฉันจะไม่ต้องตาย ขออย่าตัดความรักมั่นคงของเธอที่มีต่อพงศ์พันธุ์ ของฉันเป็นนิตย์ ในเมื่อพระเจ้าทรงกำจัดศัตรูทั้งสิ้นของดาวิด เสียจากผิวพิภพแล้ว>> โยนาธานจึงทำพันธสัญญากับพงศ์พันธุ์ของดาวิดว่า <<ขอพระเจ้าทรงแก้แค้นต่อศัตรูของดาวิดเถิด>> และโยนาธานก็ให้ดาวิดปฏิญาณอีกครั้งหนึ่ง โดยความรักของท่านที่มีต่อเธอ เพราะท่านรักเธออย่างกับรักชีวิตของตนเอง แล้วโยนาธานจึงพูดกับเธอว่า <<พรุ่งนี้เป็นวันขึ้นค่ำ และเขาจะเห็นว่าเธอขาดไป เพราะที่นั่งของเธอจะว่างอยู่ เมื่อเธออยู่สามวันแล้ว เธอจงลงไปโดยเร็ว ไปยังที่ที่เธอได้ซ่อนตัวอยู่ ในวันแห่งการกระทำนั้น และคอยอยู่ข้างศิลาเอเซล ฉันจะยิงลูกธนูสามลูกไปข้างๆที่นั่น อย่างกับว่าฉันยิงเป้า และดูเถิด ฉันจะใช้เด็กไปสั่งว่า <จงไปหาลูกธนู> ถ้าฉันพูดกับเด็กนั้นว่า <ดูเถิด ลูกธนูอยู่ทางข้างนี้ของเจ้า ไปเอามา> แล้วขอเธอเข้ามาเพราะพระเจ้าทรงพระชนม์แน่ฉันใด เธอก็ปลอดภัยแล้ว ไม่มีอันตรายอันใด ถ้าฉันพูดกับเด็กหนุ่มนั้นว่า <ดูเถิด ลูกธนูอยู่ข้างหน้าเจ้าโน้น> เธอจงไปเถิด เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงส่งเธอไปแล้ว ส่วนเรื่องที่เธอและฉันได้พูดกันนั้น ดูเถิด พระเจ้าทรงเป็นพยานระหว่างเธอและฉันเป็นนิตย์>> ดาวิดจึงซ่อนตัวอยู่ในทุ่งนาและเมื่อถึงวันขึ้นค่ำ พระราชาก็ประทับเสวยพระกระยาหาร พระราชาประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ อย่างที่เคยทรงกระทำ คือประทับที่พระที่นั่งข้างๆฝาผนัง โยนาธานยืนอยู่และอับเนอร์นั่งอยู่ข้างซาอูล แต่ที่ของดาวิดก็ว่างอยู่ อย่างไรก็ดีในวันนั้นซาอูลมิได้ตรัสประการใด เพราะทรงดำริว่า <<ดาวิดคงเกิดเหตุบางอย่าง เขาคงมลทิน เขาคงมลทินแน่>> แต่รุ่งขึ้นจากวันขึ้นค่ำ คือวันที่สอง ที่ของดาวิดก็ว่างอยู่ และซาอูลก็ตรัสกับโยนาธานราชบุตรของพระองค์ว่า <<ทำไมบุตรเจสซีมิได้มารับประทานอาหาร ทั้งวานนี้และวันนี้>> โยนาธานทูลตอบซาอูลว่า <<ดาวิดได้วิงวอนขอลาข้าพระบาทไปยังบ้านเบธเลเฮม เขาว่า <ขออนุญาตให้ข้าพเจ้าไป เพราะตระกูลของข้าพเจ้ามีการถวายสัตวบูชาในเมือง และพี่ชายของข้าพเจ้าบัญชาให้ข้าพเจ้าไปที่นั่น ถ้าข้าพเจ้าได้รับความปรานีในสายตาของท่าน ก็ขอให้ข้าพเจ้าไปเพื่อเยี่ยมพี่ชายของข้าพเจ้า> ด้วยเหตุนี้เขาจึงมิได้มาที่โต๊ะของพระราชา>> แล้วความกริ้วของซาอูลก็พลุ่งขึ้นต่อโยนาธาน พระองค์ตรัสกับท่านว่า <<เจ้า ลูกของหญิงกบฏและวิปลาส ข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าเลือกบุตรเจสซีมาให้ ความอับอายแก่เจ้าเอง และให้ท้องแม่ของเจ้าได้อาย ตราบใดที่ลูกของเจสซีมีชีวิตอยู่บนดิน ตัวเจ้าหรือราชอาณาจักรของเจ้าก็จะตั้งอยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจงใช้คนไปตามเขามาให้เรา เพราะเขาจะต้องตายแน่>> แล้วโยนาธานจึงทูลตอบพระราชบิดาของท่านว่า <<ทำไมเขาจะต้องถูกประหาร เขาได้กระทำผิดสิ่งใดพระเจ้าข้า>> แต่ซาอูลได้ทรงพุ่งหอกใส่ท่าน เพื่อจะฆ่าท่าน ดังนั้นโยนาธานจึงทราบว่าพระราชบิดาของท่านหมาย ฆ่าดาวิดเสีย โยนาธานจึงลุกขึ้นจากโต๊ะด้วยความโกรธยิ่งนักมิได้ รับประทานอาหารในวันที่สองของเดือนนั้น เพราะท่านเศร้าใจด้วยเรื่องดาวิด เพราะว่าพระราชบิดาของท่านได้หยามน้ำหน้าดาวิด รุ่งเช้าขึ้นโยนาธานก็ออกไปที่ทุ่งนาตาม ที่นัดหมายไว้กับดาวิด มีเด็กไปด้วยคนหนึ่ง และท่านสั่งเด็กนั้นว่า <<จงวิ่งไปหาลูกธนูที่ฉันยิงไป>> เมื่อเด็กนั้นวิ่งไป โยนาธานก็ยิงธนูลูกหนึ่งขึ้นหน้าไป และเมื่อเด็กนั้นมาถึงที่ที่ลูกธนูซึ่งโยนาธานยิงไปนั้น โยนาธานก็ร้องสั่งเด็กนั้นว่า <<ลูกธนูอยู่ข้างหน้าโน้นไม่ใช่หรือ>> และโยนาธานร้องสั่งเด็กนั้นว่า <<จงรีบไปโดยเร็วอย่าหยุดอยู่>> เด็กของโยนาธานก็ไปเก็บลูกธนู และกลับมาหานายของตน แต่เด็กนั้นไม่ทราบเรื่อง โยนาธานและดาวิดเท่านั้นที่ทราบ และโยนาธานก็มอบอาวุธของท่านให้เด็กนั้น และบอกเขาว่า <<ไป จงแบกสิ่งเหล่านี้ไปในเมือง>> เมื่อเด็กนั้นไปแล้ว ดาวิดก็ลุกขึ้นมาจากที่ที่อยู่ทิศใต้ซบหน้าลงถึงดิน แล้วกราบลงสามครั้ง และทั้งสองก็จุบกัน และร้องไห้กัน จนดาวิดร้องมากเหลือเกิน

1 ซามูเอล 20:1-41 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ครั้งนั้นดาวิดหนีจากนาโยทที่รามาห์ไปพบกับโยนาธาน ดาวิดถามว่า “ข้าพเจ้าทำอะไรหรือ? ข้าพเจ้าก่ออาชญากรรมอะไรหรือ? ข้าพเจ้าทำอะไรผิดต่อราชบิดาของท่านหรือ พระองค์จึงทรงพยายามจะเอาชีวิตของข้าพเจ้า?” โยนาธานตอบว่า “ไม่เป็นเช่นนั้นหรอก! ท่านจะไม่ตาย! ดูเถิด เสด็จพ่อจะไม่ทรงทำสิ่งใดไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่โดยไม่บอกเรา ทำไมพระองค์จะต้องปิดบังเราในเรื่องนี้? ไม่เป็นเช่นนั้นแน่!” แต่ดาวิดสาบานและกล่าวว่า “เสด็จพ่อของท่านทรงทราบดีว่าท่านโปรดปรานข้าพเจ้า พระองค์คงดำริว่า ‘อย่าให้โยนาธานรู้เรื่องนี้เลย เดี๋ยวเขาจะสะเทือนใจ’ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใดและท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ข้าพเจ้าอยู่ใกล้ความตายแค่คืบฉันนั้น” โยนาธานพูดกับดาวิดว่า “ถ้าอย่างนั้นบอกมาสิว่าท่านจะให้เราทำอะไร เรายินดีจะทำให้” ดาวิดตอบว่า “ดูเถิด พรุ่งนี้จะมีงานฉลองขึ้นหนึ่งค่ำ ข้าพเจ้าน่าจะร่วมอยู่ที่โต๊ะเสวย แต่ข้าพเจ้าขอซ่อนอยู่ในทุ่งนาจนถึงเย็นวันมะรืนนี้ หากราชบิดาของท่านทรงถามถึงข้าพเจ้า ช่วยทูลว่า ‘ดาวิดทูลขออนุญาตรีบกลับไปเบธเลเฮม เพื่อร่วมฉลองการถวายบูชาประจำปีของตระกูล’ หากพระองค์ตรัสว่า ‘ดี’ ผู้รับใช้ของท่านก็ปลอดภัย แต่หากพระองค์กริ้ว ท่านก็แน่ใจได้ว่าพระองค์ตั้งพระทัยจะทำร้ายข้าพเจ้า ส่วนท่านขอให้กรุณาผู้รับใช้ของท่านเพราะท่านให้ข้าพเจ้าเข้าร่วมกระทำพันธสัญญากับท่านต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าหากข้าพเจ้าทำผิดคิดร้ายใดๆ ท่านเองก็ฆ่าข้าพเจ้าได้เลย! ทำไมต้องมอบข้าพเจ้าแก่ราชบิดาของท่านเล่า?” โยนาธานกล่าวว่า “เราไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด ทำไมเราจะไม่บอกท่านถ้าเราได้เบาะแสว่าเสด็จพ่อตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะทำร้ายท่าน?” ดาวิดจึงถามว่า “แล้วข้าพเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าราชบิดาของท่านทรงตอบท่านอย่างเกรี้ยวกราดหรือไม่?” โยนาธานตอบว่า “ไปทุ่งนากับเราเถิด” แล้วคนทั้งสองก็ออกไปด้วยกัน แล้วโยนาธานบอกดาวิดว่า “เราขอปฏิญาณโดยพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลว่า เราจะหยั่งดูเสด็จพ่อในวันมะรืนนี้ในช่วงเวลานี้! ทำไมเราจะไม่ส่งข่าวให้ท่านรู้หากพระองค์มีท่าทีโปรดปรานท่าน? แต่หากเสด็จพ่อทรงมีแนวโน้มจะทำร้ายท่าน แล้วเราไม่บอกท่านและส่งท่านไปให้รอดปลอดภัย ก็ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดการกับเราให้หนักกว่า ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่านดังที่เคยสถิตกับเสด็จพ่อ แต่ขอให้ท่านแสดงความรักมั่นคงขององค์พระผู้เป็นเจ้าต่อเราตราบชั่วชีวิตของเรา เพื่อเราเองจะได้ไม่ถูกฆ่า และขออย่าได้ตัดรอนความเมตตากรุณาต่อครอบครัวของเราเลยแม้ในยามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำลายศัตรูทั้งปวงของท่านไปจากแผ่นดินโลก” โยนาธานจึงทำพันธสัญญาไว้กับวงศ์วานของดาวิดว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดการกับศัตรูของดาวิด” แล้วโยนาธานขอให้ดาวิดสาบานอีกครั้งโดยอ้างความรักที่โยนาธานมีต่อดาวิด เพราะเขารักดาวิดเหมือนรักตนเอง โยนาธานพูดกับดาวิดว่า “วันพรุ่งนี้มีงานฉลองขึ้นหนึ่งค่ำ ผู้คนจะสังเกตว่าท่านไม่อยู่เพราะที่นั่งประจำของท่านจะว่าง วันมะรืนนี้เวลาเย็น เมื่อเกิดเรื่องยุ่งขึ้น ให้ท่านไปยังที่ซ่อนและคอยอยู่ที่ศิลาเอเซล เราจะยิงธนูสามดอกไปที่ข้างๆ ศิลาเหมือนกำลังยิงเข้าเป้า แล้วเราจะส่งเด็กมาและบอกเขาว่า ‘จงไปหาลูกธนู’ ถ้าเราบอกเขาว่า ‘นั่นไง ลูกธนูอยู่ข้างๆ ตัว เอามาที่นี่สิ’ ท่านก็ออกมาเถิดเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ท่านจะปลอดภัยและไม่มีอันตรายใดๆ ฉันนั้น แต่ถ้าเราบอกเด็กคนนั้นว่า ‘ไปโน่น ลูกธนูอยู่ข้างหน้าโน่นแน่ะ’ ท่านก็ต้องไป เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งท่านออกไป ส่วนเรื่องที่เราตกลงกันไว้ อย่าลืมว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพยานระหว่างท่านกับเราตลอดไป” ดาวิดจึงซ่อนตัวอยู่ในทุ่ง เมื่อเริ่มงานฉลองขึ้นหนึ่งค่ำ กษัตริย์เสด็จมาประทับเพื่อร่วมเสวย พระองค์นั่งในที่ประจำข้างกำแพงตรงข้ามกับโยนาธาน อับเนอร์นั่งอยู่ข้างๆ ซาอูล แต่ที่นั่งของดาวิดว่างอยู่ ซาอูลไม่ได้ตรัสว่าประการใดในวันนั้น เนื่องจากทรงดำริว่า “อาจจะเกิดอะไรขึ้นที่ทำให้ดาวิดเป็นมลทินตามระเบียบพิธี เขาเป็นมลทินแน่ๆ” แต่เมื่อที่นั่งของดาวิดยังว่างอยู่อีกในวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันที่สองของเดือน ซาอูลจึงตรัสถามโยนาธานราชโอรสว่า “ทำไมบุตรเจสซีไม่มาร่วมโต๊ะทั้งเมื่อวานและวันนี้?” โยนาธานทูลตอบว่า “ดาวิดมาอ้อนวอนขออนุญาตลูกไปเบธเลเฮม เขาขอว่า ‘ให้ข้าพเจ้าไปเถิด เพราะครอบครัวของข้าพเจ้าจัดพิธีถวายเครื่องบูชาในเมือง และพี่ชายของข้าพเจ้าสั่งให้ข้าพเจ้าไปร่วมด้วย ถ้าข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานของท่าน อนุญาตให้ข้าพเจ้าไปพบพวกพี่ๆ เถิด’ เขาจึงไม่ได้มาร่วมโต๊ะเสวยของกษัตริย์” ซาอูลกริ้วโยนาธานมาก และตรัสกับเขาว่า “เจ้าลูกของหญิงจอมกบฏและวิปริต! ข้าหรือจะไม่รู้ว่าเจ้าน่ะเข้าข้างเจ้าลูกชายของเจสซี ขายหน้าทั้งตัวเจ้าเอง ขายหน้าไปถึงแม่ที่ให้กำเนิดเจ้าด้วย? ตราบใดที่ลูกของเจสซีคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ตัวเจ้าหรืออาณาจักรของเจ้าก็ตั้งอยู่ไม่ได้ ไปสิไปเอาตัวมันมา เพราะมันต้องตาย!” โยนาธานทูลว่า “เขาทำผิดอะไรหรือเสด็จพ่อ? ทำไมจะต้องประหารเขาด้วย?” แต่ซาอูลพุ่งหอกเข้าใส่โยนาธานหมายจะฆ่าเสีย โยนาธานจึงตระหนักว่าราชบิดาทรงเจตนาจะฆ่าดาวิด โยนาธานลุกจากโต๊ะเสวยด้วยความโกรธจัด และไม่ยอมกินอะไรเลยในวันที่สองของเดือนนั้น เพราะรู้สึกเสียใจที่ราชบิดาทรงปฏิบัติต่อดาวิดอย่างน่าละอาย เช้าวันรุ่งขึ้น โยนาธานมาที่ทุ่งนาเพื่อพบกับดาวิด โดยพาเด็กคนหนึ่งมาด้วย โยนาธานสั่งเด็กคนนั้นว่า “วิ่งไปเก็บลูกธนูที่เรายิงออกไป” ขณะที่เด็กนั้นวิ่งไป โยนาธานก็ยิงลูกธนูไปข้างหน้า เมื่อเด็กนั้นวิ่งเกือบจะไปถึงลูกธนู โยนาธานตะโกนว่า “ลูกธนูยังอยู่ตรงหน้าโน้นไม่ใช่หรือ?” แล้วเขาตะโกนว่า “รีบๆ เข้า! ไปเร็วๆ! อย่าหยุด!” เด็กนั้นจึงรีบวิ่งไปเก็บลูกธนูกลับมาหาเจ้านาย (เขาไม่เข้าใจสัญญาณทั้งหมดเหล่านี้ มีแต่ดาวิดและโยนาธานเท่านั้นที่รู้) จากนั้นโยนาธานส่งคันธนูและลูกธนูให้เด็กนั้นแล้วสั่งว่า “จงนำกลับไปที่ตัวเมือง” เมื่อเด็กนั้นไปแล้ว ดาวิดก็ออกมาจากที่ซ่อนทางทิศใต้ของโขดหิน ดาวิดหมอบคำนับโยนาธานสามครั้ง ซบหน้าลงกับพื้น แล้วทั้งสองร้องไห้ จูบลากัน แต่ดาวิดร้องไห้หนักกว่า

1 ซามูเอล 20:1-41 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ดาว​ิ​ดก​็​หนี​จากนาโยทในเมืองรามาห์ และมาหาโยนาธานกล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้กระทำสิ่งใด อะไรเป็นความชั่วช้าของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้กระทำความผิดบาปอันใดต่อเสด็จพ่อของท่าน พระองค์​จึงได้แสวงหาชีวิตของข้าพเจ้า” และโยนาธานจึงตอบเธอว่า “ขอพระเจ้าอย่ายอมให้เป็นเช่นนั้นเลย เธอไม่ต้องตายดอก ดู​เถิด เสด็จพ่อจะมิ​ได้​ทรงกระทำการใหญ่น้อยสิ่งใดโดยมิ​ให้​ฉั​นร​ู้ ทำไมเสด็จพ่อจะปิดบังเรื่องนี้จากฉันเล่า คงไม่เป็นเช่นนั้นแน่” ดาว​ิดจึงปฏิญาณยิ่งกว่านั้​นอ​ีกและกล่าวว่า “เสด็จพ่อของท่านทรงทราบอย่างแน่นอนว่า ข้าพเจ้าได้รับความกรุณาในสายตาของท่าน และพระองค์ตรั​สว​่า ‘อย่าให้โยนาธานรู้เรื่องนี้​เลย เกรงว่าเขาจะเศร้าใจ’ พระเยโฮวาห์ทรงพระชนม์​อยู่​แน่​ฉันใด และท่านมี​ชี​วิตอยู่​แน่​ฉันใด ความจริ​งม​ี​อยู่​ว่า ระหว่างข้าพเจ้ากับความตายก็ยังเหลื​ออ​ีกเพียงก้าวเดียวฉันนั้น” โยนาธานจึงพู​ดก​ับดาวิดว่า “​จิ​ตใจเธอปรารถนาอะไร ฉันจะทำตามเพื่อเธอ” ดาว​ิดจึงกล่าวกับโยนาธานว่า “​ดู​เถิด พรุ่งนี้​เป็​นว​ันขึ้นค่ำ ข้าพเจ้าไม่ควรขาดที่จะนั่งร่วมโต๊ะเสวยกับกษั​ตริ​ย์ แต่​ขอโปรดให้ข้าพเจ้าไปซ่อนตัวอยู่​ที่​ในทุ่งนาจนถึงเย็​นว​ั​นที​่​สาม ถ้าเสด็จพ่อของท่านเห็นข้าพเจ้าขาดไป ก็​ขอโปรดทูลพระองค์​ว่า ‘​ดาว​ิดได้วิงวอนขอลาข้าพระองค์​รี​บกลับไปเมืองเบธเลเฮมเมืองของตน เพราะที่นั่นทั้งครอบครัวทำการถวายสัตวบูชาประจำปี’ ถ้าพระองค์รับสั่งว่า ‘​ดี​แล้ว​’ ผู้รับใช้​ของท่านก็​ดี​ไป แต่​ถ้าพระองค์ทรงกริ้ว ก็​ขอทราบเถิดว่า พระองค์​ดำริ​การร้าย เพราะฉะนั้นขอท่านกรุณากระทำแก่​ผู้รับใช้​ของท่านด้วยใจจงรัก เพราะท่านได้กระทำพันธสัญญาแห่งพระเยโฮวาห์กับผู้​รับใช้​ของท่านแล้ว แต่​ถ้าความชั่วช้ามี​อยู่​ในข้าพเจ้า ขอท่านฆ่าข้าพเจ้าเสียเองเถิด เพราะท่านจะนำข้าพเจ้าไปให้เสด็จพ่อของท่านทำไม” โยนาธานจึงกล่าวว่า “อย่าให้​มี​วี​่แววอย่างนี้เลยน่ะ เพราะถ้าฉันทราบว่าเสด็จพ่อคิดร้ายต่อเธอ ฉันจะไม่ไปบอกเธอหรือ” แล​้วดาวิ​ดก​็​กล​่าวแก่โยนาธานว่า “ถ้าเสด็จพ่อของท่านตอบท่านอย่างดุ​ดัน ใครจะบอกแก่ข้าพเจ้าได้” และโยนาธานบอกดาวิดว่า “มาเถิด ให้​เราเข้าไปในทุ่งนา” เขาทั้งสองจึงเข้าไปในทุ่งนา และโยนาธานกล่าวแก่​ดาว​ิดว่า “​โอ พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอล เมื่อฉันได้หยั่​งด​ูเสด็จพ่อของฉันในวันพรุ่งนี้ประมาณเวลานี้ หรือในวั​นที​่​สาม ดู​เถิด ถ้ามีอะไรดีต่อดาวิด และฉันจะไม่​ใช้​คนไปบอกเธอที​เดียว ขอพระเยโฮวาห์ทรงลงโทษแก่โยนาธานและให้​หน​ักยิ่งกว่า แต่​ถ้าเสด็จพ่อพอพระทัยที่จะทำร้ายเธอ ฉันจะบอกเธอให้​ทราบ และส่งให้เธอหนีไปให้​พ้นภัย ขอพระเยโฮวาห์ทรงสถิ​ตก​ับเธอ อย่างที่​พระองค์​ทรงสถิ​ตก​ับเสด็จพ่อของฉัน ถ้าฉันยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่​ต่อไป ขอเธอสำแดงความเมตตาแห่งพระเยโฮวาห์ต่อฉัน เพื่อฉันจะไม่ต้องตาย ขออย่าตัดความกรุณาของเธอที่​มีต​่อวงศ์วานของฉันเป็นนิตย์ ในเมื่อพระเยโฮวาห์ทรงกำจัดศั​ตรู​ทุ​กคนของดาวิดเสียจากพื้นพิภพแล้ว” โยนาธานจึงทำพันธสัญญากับวงศ์วานของดาวิดว่า “ขอพระเยโฮวาห์ทรงแก้แค้นต่อศั​ตรู​ของดาวิดเถิด” และโยนาธานก็​ให้​ดาว​ิดปฏิญาณอีกครั้งหนึ่งโดยความรักของท่านที่​มีต​่อเธอ เพราะท่านรักเธออย่างกับรักชีวิตของตนเอง แล​้วโยนาธานจึงพู​ดก​ับดาวิดว่า “​พรุ่งนี้​เป็​นว​ันขึ้นค่ำ และเขาจะเห็​นว​่าเธอขาดไป เพราะที่นั่งของเธอจะว่างอยู่ เมื่อเธออยู่สามวันแล้ว เธอจงลงไปโดยเร็ว ไปยังที่​ที่​เธอได้ซ่อนตัวอยู่ ในวันแห่งการกระทำนั้น และคอยอยู่ข้างศิลาเอเซล ฉันจะยิงลูกธนูสามลูกไปข้างๆที่​นั่น อย่างกับว่าฉันยิงเป้า และดู​เถิด ฉันจะใช้เด็กไปสั่งว่า ‘จงไปหาลูกธนู’ ถ้าฉันพู​ดก​ับเด็กนั้​นว​่า ‘​ดู​เถิด ลูกธนู​อยู่​ทางข้างนี้ของเจ้า ไปเอามา’ แล​้วขอเธอเข้ามา เพราะพระเยโฮวาห์ทรงพระชนม์​แน่​ฉันใด เธอก็ปลอดภัยแล้ว ไม่มี​อันตรายอันใดฉันนั้น แต่​ถ้าฉันพู​ดก​ับเด็กหนุ่​มน​ั้​นว​่า ‘​ดู​เถิด ลูกธนู​อยู่​ข้างหน้าเจ้าโน้น’ เธอจงไปเถิด เพราะว่าพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงส่งเธอไปแล้ว ส่วนเรื่องที่เธอและฉันได้​พู​ดก​ันนั้น ดู​เถิด พระเยโฮวาห์ทรงเป็นพยานระหว่างเธอและฉันเป็นนิตย์” ดาว​ิดจึงซ่อนตัวอยู่ในทุ่งนา และเมื่อถึงวันขึ้นค่ำ กษัตริย์​ก็​ประทับเสวยพระกระยาหาร กษัตริย์​ประทับบนพระที่นั่งของพระองค์อย่างที่เคยทรงกระทำ คือประทั​บท​ี่พระที่นั่งข้างๆฝาผนัง โยนาธานยืนอยู่และอับเนอร์นั่งอยู่ข้างซาอูล แต่​ที่​ของดาวิ​ดก​็ว่างอยู่ อย่างไรก็ดี​ในวันนั้นซาอู​ลม​ิ​ได้​ตรัสประการใด เพราะทรงดำริ​ว่า “​ดาว​ิดคงเกิดเหตุ​บางอย่าง เขาคงมลทิน เขาคงมลทินแน่” อยู่​มาวั​นร​ุ่งขึ้น คือวั​นที​่สองของเดือน ที่​ของดาวิ​ดก​็ว่างอยู่ และซาอู​ลก​็ตรัสกับโยนาธานราชบุตรของพระองค์​ว่า “ทำไมบุตรเจสซี​มิได้​มาร​ับประทานอาหาร ทั้งวานนี้และวันนี้” โยนาธานทูลตอบซาอูลว่า “​ดาว​ิดได้วิงวอนขอลาข้าพระองค์ไปยั​งบ​้านเบธเลเฮม เขาว่า ‘ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านอนุญาตให้ข้าพเจ้าไป เพราะครอบครัวของข้าพเจ้ามีการถวายสัตวบูชาในเมือง และพี่ชายของข้าพเจ้าสั่งให้ข้าพเจ้าไปที่​นั่น บัดนี้​ถ้าข้าพเจ้าได้รับความกรุณาในสายตาของท่าน ข้าพเจ้าก็ขอร้องให้ท่านอนุญาตให้ข้าพเจ้าไปเยี่ยมพี่ชายของข้าพเจ้า’ ด้วยเหตุนี้​เขาจึ​งม​ิ​ได้​มาที่​โต​๊ะของกษั​ตริ​ย์” แล​้วความกริ้วของซาอู​ลก​็​พลุ​่งขึ้นต่อโยนาธาน พระองค์​ตรัสกั​บท​่านว่า “​เจ้า ลูกของหญิงกบฏและวิปลาส ข้าไม่​รู้​หรือว่าเจ้าเลือกบุตรเจสซีมาให้ความอับอายแก่​เจ้​าเองและให้ความอับอายแก่ความเปลือยเปล่าแห่งแม่ของเจ้า ตราบใดที่​ลูกของเจสซี​มี​ชี​วิตอยู่บนดิน ตัวเจ้าหรือราชอาณาจักรของเจ้าก็จะตั้งอยู่​ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจงใช้คนไปตามเขามาให้​เรา เพราะเขาจะต้องตายแน่” แล​้วโยนาธานจึงทูลตอบซาอูลพระราชบิดาของท่านว่า “ทำไมเขาจะต้องถูกประหาร เขาได้กระทำผิดสิ่งใดพระเจ้าข้า” แต่​ซาอูลได้ทรงพุ่งหอกใส่ท่านเพื่อจะฆ่าท่าน ดังนั้นโยนาธานจึงทราบว่า พระราชบิดาของท่านหมายฆ่าดาวิดเสีย โยนาธานจึงลุกขึ้นจากโต๊ะด้วยความโกรธยิ่งนัก มิได้​รับประทานอาหารในวั​นที​่สองของเดือนนั้น เพราะท่านเศร้าใจด้วยเรื่องดาวิด เพราะว่าพระราชบิดาของท่านได้หยามน้ำหน้าดาวิด ต่อมารุ่งเช้าขึ้นโยนาธานก็ออกไปที่​ทุ​่งนาตามที่นัดหมายไว้กับดาวิด มี​เด็กไปด้วยคนหนึ่ง และท่านสั่งเด็กนั้​นว​่า “จงวิ่งไปหาลูกธนู​ที่​ฉันยิงไป” เมื่อเด็กนั้​นว​ิ่งไป โยนาธานก็ยิงธนูลูกหนึ่งขึ้นหน้าไป และเมื่อเด็กนั้นมาถึงที่​ที่​ลูกธนู​ซึ่งโยนาธานยิงไปนั้น โยนาธานก็ร้องสั่งเด็กนั้​นว​่า “​ลูกธนู​อยู่​ข้างหน้าโน้นไม่​ใช่​หรือ​” และโยนาธานร้องสั่งเด็กนั้​นว​่า “จงรีบไปโดยเร็วอย่าหยุ​ดอย​ู่” เด็กของโยนาธานก็ไปเก็​บลู​กธนู และกลับมาหานายของตน แต่​เด็กนั้นไม่ทราบเรื่อง โยนาธานและดาวิดเท่านั้​นที​่​ทราบ และโยนาธานก็มอบอาวุธของท่านให้เด็กนั้น และบอกเขาว่า “​ไป จงแบกสิ่งเหล่านี้ไปในเมือง” เมื่อเด็กนั้นไปแล้ว ดาว​ิ​ดก​็​ลุ​กขึ้นมาจากที่​ที่อยู่​ทิศใต้ ซบหน้าลงถึ​งด​ิน แล​้วกราบลงสามครั้ง และทั้งสองก็​จุ​บก​ัน และร้องไห้​กัน จนดาวิดร้องมากเหลือเกิน

1 ซามูเอล 20:1-41 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ดาวิด​ก็​หนี​จาก​นาโยท​ใน​รามาห์ ไป​หา​โยนาธาน​และ​พูด​ว่า “ข้าพเจ้า​ได้​กระทำ​อะไร​หรือ ข้าพเจ้า​ทำ​ผิด​อะไร และ​ข้าพเจ้า​ทำ​อะไร​ที่​เป็น​บาป​ใน​สายตา​ของ​บิดา​ของ​ท่าน ท่าน​จึง​จะ​เอา​ชีวิต​ของ​ข้าพเจ้า” โยนาธาน​ตอบ​ว่า “ไม่​มี​วัน ท่าน​จะ​ไม่​ตาย ดู​เถิด บิดา​ของ​เรา​ไม่​กระทำ​สิ่งใด​โดย​ไม่​เปิด​เผย​ให้​เรา​รู้ ไม่​ว่า​เรื่อง​เล็ก​หรือ​เรื่อง​ใหญ่ บิดา​จะ​ปกปิด​เรื่อง​นี้​กับ​เรา​ไป​ทำไม ไม่​เป็น​เช่น​นั้น​แน่” แต่​ดาวิด​สาบาน และ​พูด​อีก​ว่า “บิดา​ของ​ท่าน​ทราบ​ดี​ว่า ข้าพเจ้า​เป็น​ที่​โปรดปราน​ของ​ท่าน ซ้ำ​ยัง​คิด​ด้วย​ว่า ‘อย่า​ให้​โยนาธาน​ทราบ​เรื่อง​นี้ เพราะ​กลัว​ว่า​เขา​จะ​เศร้า​ใจ’ แต่​เป็น​ความ​จริง ตราบ​ที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​มี​ชีวิต​อยู่​ฉันใด และ​ตราบที่​ท่าน​มี​ชีวิต​อยู่ ความ​ตาย​อยู่​ใกล้​ตัว​ข้าพเจ้า​เพียง​ก้าว​เดียว” โยนาธาน​จึง​บอก​ดาวิด​ว่า “อะไร​ที่​ท่าน​ต้องการ เรา​จะ​ทำ​ให้” ดาวิด​พูด​กับ​โยนาธาน​ว่า “ดู​เถิด พรุ่งนี้​เป็น​วัน​เทศกาล​ข้างขึ้น และ​ข้าพเจ้า​ควร​จะ​ต้อง​ไป​นั่ง​ร่วม​โต๊ะ​กับ​กษัตริย์ แต่​ปล่อย​ให้​ข้าพเจ้า​ไป​เถิด จะ​ได้​ซ่อน​ตัว​อยู่​ใน​ทุ่ง​นา​จน​กระทั่ง 3 วัน​นับ​จาก​นี้​ใน​ตอน​เย็น ถ้า​หาก​ว่า​บิดา​ของ​ท่าน​สังเกต​เห็น​ว่า​ข้าพเจ้า​ไม่​ได้​อยู่​ด้วย ก็​ช่วย​บอก​ว่า ‘ดาวิด​ขอ​อนุญาต​ลา​ข้าพเจ้า เพื่อ​รีบ​ไป​เบธเลเฮม​เมือง​ของ​เขา เพราะ​ว่า​ทั้ง​ตระกูล​มี​งาน​ถวาย​เครื่อง​สักการะ​ประจำ​ปี​ที่​นั่น’ ถ้า​ท่าน​ตอบ​ว่า ‘ดี​แล้ว’ ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​ก็​จะ​ปลอดภัย แต่​ถ้า​ท่าน​โกรธ​กริ้ว ก็​ขอ​ทราบ​ไว้​เถิด​ว่า​ท่าน​ประสงค์​จะ​ทำ​ร้าย ฉะนั้น​ขอ​ให้​ท่าน​มี​ความ​กรุณา​ต่อ​ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน เพราะ​ท่าน​ให้​ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​ร่วม​สาบาน​ตน​กับ​ท่าน ณ เบื้อง​หน้า​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า แต่​ถ้า​หาก​ว่า​ข้าพเจ้า​มี​ความ​ผิด ท่าน​ก็​ประหาร​ข้าพเจ้า​ด้วย​ตัว​ท่าน​เอง ทำไม​จึง​จะ​นำ​ตัว​ข้าพเจ้า​ไป​มอบ​ให้​แก่​บิดา​ของ​ท่าน” โยนาธาน​พูด​ว่า “ไม่​มี​วัน​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น ถ้า​หาก​เรา​ทราบ​ว่า บิดา​ประสงค์​จะ​ทำ​ร้าย​ท่าน แล้ว​เรา​จะ​ไม่​บอก​ท่าน​หรือ” ดาวิด​จึง​พูด​กับ​โยนาธาน​ว่า “ถ้า​บิดา​ของ​ท่าน​ตอบ​อย่าง​แข็งกร้าว แล้ว​ใคร​จะ​บอก​ข้าพเจ้า” โยนาธาน​ตอบ​ดาวิด​ว่า “มา​เถิด ออก​ไป​ที่​ทุ่ง​นา​กัน” ทั้ง​สอง​จึง​ออก​ไป​ที่​ทุ่ง​นา โยนาธาน​พูด​กับ​ดาวิด​ว่า “ให้​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​อิสราเอล​เป็น​พยาน ใน​วัน​พรุ่งนี้​หรือ​มะรืน​นี้​ประมาณ​เวลา​นี้ เรา​จะ​หยั่ง​ดู​ให้​รู้​แน่​ว่า​บิดา​ของ​เรา​ประสงค์​ดี​ต่อ​ดาวิด แล้ว​เรา​จะ​ส่ง​คน​ไป​บอก​ให้​ท่าน​รู้​อย่าง​แน่นอน แต่​ถ้า​บิดา​ของ​เรา​ประสงค์​จะ​ทำ​ร้าย​ท่าน ก็​ให้​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กระทำ​ต่อ​โยนาธาน​เช่น​นั้น หรือ​มาก​กว่า​นั้น​ถ้า​หาก​ว่า​เรา​ไม่​บอก​ให้​ท่าน​รู้ เพื่อ​ให้​ท่าน​หนี​ไป​และ​ได้​รับ​ความ​ปลอดภัย ขอ​ให้​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​สถิต​กับ​ท่าน เหมือน​กับ​ที่​พระ​องค์​สถิต​กับ​บิดา​ของ​เรา ถ้า​หาก​ว่า​เรา​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่ ก็​ขอ​ท่าน​แสดง​ความ​รัก​อัน​มั่นคง​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ต่อ​เรา เรา​จะ​ได้​ไม่​ตาย ถึง​แม้​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ตัดขาด​ทุก​คน​ใน​หมู่​ศัตรู​ของ​ท่าน​ให้​พ้น​ไป​เสีย​จาก​โลก ก็​ขอ​ท่าน​อย่า​ตัดขาด​ความ​รัก​อัน​มั่นคง​ของ​ท่าน​จาก​พงศ์​พันธุ์​ของ​เรา​ไป​ตลอด​กาล​เลย” โยนาธาน​สาบาน​กับ​พงศ์​พันธุ์​ของ​ดาวิด​ว่า “ขอ​ให้​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ลง​โทษ​ศัตรู​ของ​ดาวิด” และ​โยนาธาน​ให้​ดาวิด​สาบาน​ด้วย​ความ​รัก​ที่​มี​ต่อ​ท่าน​อีก เพราะ​ว่า​ท่าน​รัก​ดาวิด​ประหนึ่ง​ชีวิต​ของ​ตน แล้ว​โยนาธาน​พูด​กับ​ดาวิด​ว่า “พรุ่งนี้​เป็น​วัน​เทศกาล​ข้างขึ้น และ​จะ​เป็น​ที่​สังเกต​ได้​ว่า​ท่าน​ไม่​อยู่ เพราะ​ที่​นั่ง​ของ​ท่าน​จะ​ว่าง วัน​มะรืน​เวลา​ใกล้​เย็น จง​ไปยัง​ที่​ที่​ท่าน​เคย​ซ่อน​ตัว​เมื่อ​ตอน​เริ่ม​เกิด​เรื่อง และ​รอ​อยู่​ที่​ข้างๆ กอง​หิน เรา​จะ​ยิง​ลูก​ธนู 3 ลูก​ไป​ที่​ข้าง​กอง​หิน ทำ​ที​ว่า​เรา​ยิง​ไป​ที่​เป้า ดู​เถิด เรา​จะ​สั่ง​ให้​เด็ก​หนุ่ม​ไป​โดย​พูด​ว่า ‘จง​ไป​หา​ลูก​ธนู’ ถ้า​เรา​พูด​กับ​เขา​ว่า ‘ดู​นั่น ลูก​ธนู​อยู่​ที่​ข้าง​นี้​ของ​เจ้า เอา​มัน​มา​ที่​นี่’ และ​ท่าน​ก็​ออก​มา​ได้ เพราะ​ตราบ​ที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​มี​ชีวิต​อยู่​ฉันใด ท่าน​ก็​ปลอดภัย​แน่ ไม่​มี​อันตราย​ใดๆ แต่​ถ้า​เรา​พูด​กับ​เด็ก​หนุ่ม​ว่า ‘ดู​นั่น ลูก​ธนู​อยู่​ข้าง​หน้า​เจ้า’ ท่าน​ก็​จง​ไป​เสีย เพราะ​ว่า​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ให้​ท่าน​จาก​ไป และ​เรื่อง​ที่​ท่าน​กับ​เรา​คุย​กัน​นั้น จำ​ไว้​ว่า พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​เป็น​พยาน​ระหว่าง​ท่าน​กับ​เรา​ตลอด​ไป” ดังนั้น​ดาวิด​จึง​ซ่อน​ตัว​อยู่​ใน​ทุ่ง​นา เมื่อ​ถึง​วัน​เทศกาล​ข้าง​ขึ้น กษัตริย์​นั่ง​ลง​รับ​ประทาน​อาหาร กษัตริย์​นั่ง​บน​ที่​นั่ง​ของ​ท่าน​ที่​ข้าง​ผนัง​เหมือน​เคย โยนาธาน​นั่ง​ตรง​ที่​ฝั่ง​ตรง​ข้าม และ​อับเนอร์​นั่ง​ที่​ข้างๆ ซาอูล แต่​ที่​นั่ง​ของ​ดาวิด​นั้น​ว่าง​อยู่ แต่​ซาอูล​ยัง​ไม่​ได้​กล่าว​สิ่ง​ใด​ใน​วัน​นั้น เพราะ​ท่าน​นึก​ใน​ใจ​ว่า “ได้​เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​ดาวิด เขา​มี​มลทิน เขา​ต้อง​มี​มลทิน​แน่” แต่​ใน​วัน​ที่​สอง คือ​รุ่ง​ขึ้น​จาก​วัน​เทศกาล​ข้างขึ้น ที่​ของ​ดาวิด​ก็​ว่าง​อีก ซาอูล​พูด​กับ​โยนาธาน​บุตร​ของ​ท่าน​ว่า “ทำไม​ลูก​ชาย​ของ​เจสซี​ยัง​ไม่​มา​รับประทาน​อาหาร​เลย ทั้ง​เมื่อวาน​และ​วันนี้” โยนาธาน​ตอบ​ซาอูล​ว่า “ดาวิด​ขอ​อนุญาต​ลา​ข้าพเจ้า เพื่อ​ไปยัง​เบธเลเฮม เขา​พูด​ว่า ‘ให้​ข้าพเจ้า​ไป​เถิด เพราะ​ตระกูล​ของ​เรา​ถวาย​เครื่อง​สักการะ​ที่​ใน​เมือง และ​พี่​ข้าพเจ้า​สั่ง​ข้าพเจ้า​ให้​ไป​ที่​นั่น หากว่า​ข้าพเจ้า​เป็น​ที่​โปรดปราน​ใน​สายตา​ของ​ท่าน ก็​ให้​ข้าพเจ้า​ไป​หา​พวก​พี่ๆ เถิด’ ด้วย​เหตุผล​ดัง​กล่าว เขา​จึง​ไม่​ได้​มา​นั่ง​ร่วม​โต๊ะ​กับ​กษัตริย์” ครั้น​แล้ว​ซาอูล​ก็​โกรธ​กริ้ว​โยนาธาน ท่าน​จึง​กล่าว​ว่า “เจ้า​เป็น​ลูก​ไม่​รัก​ดี​เหมือน​กับ​แม่​ของ​เจ้า เจ้า​คิด​ว่า​เรา​ไม่​รู้​หรือ​ยังไง ว่า​เจ้า​ได้​เข้าข้าง​ลูก​ของ​เจสซี​เพื่อ​นำ​ความ​อับอาย​มา​ให้​ตัว​เจ้า​เอง และ​ให้​แม่​ของ​เจ้า​ด้วย ตราบที่​ลูก​ของ​เจสซี​มี​ชีวิต​อยู่​บน​โลก​ฉันใด ทั้ง​ตัว​เจ้า​และ​อาณาจักร​ของ​เจ้า​จะ​ไม่​มี​วัน​ตั้ง​อยู่​ได้ ฉะนั้น​จง​ให้​คน​ไป​ตาม​ตัว​เขา​มา​หา​เรา เพราะ​เขา​จะ​ต้อง​ตาย​อย่าง​แน่นอน” โยนาธาน​ตอบ​ซาอูล​บิดา​ของ​ท่าน​ว่า “ทำไม​เขา​จึง​ต้อง​ถูก​ฆ่า​ตาย เขา​ทำ​อะไร” แต่​แล้ว​ซาอูล​ก็​พุ่ง​หอก​ไป​ที่​โยนาธาน​เพื่อ​จะ​ฆ่า​ท่าน ดังนั้น​โยนาธาน​จึง​ทราบ​ว่า​บิดา​ของ​ท่าน​ได้​ตั้งใจ​จะ​ฆ่า​ดาวิด โยนาธาน​โกรธ​มาก​และ​ลุก​ขึ้น​จาก​โต๊ะ ท่าน​ไม่​รับประทาน​อาหาร​ใน​วัน​ที่​สอง​ของ​เดือน​นั้น เพราะ​ท่าน​ทุกข์​ใจ​เรื่อง​ดาวิด​ที่​บิดา​กระทำ​ต่อ​ดาวิด​อย่าง​น่า​อับอาย ใน​เวลา​เช้า โยนาธาน​ออก​ไป​ใน​ทุ่ง​นา​ตาม​นัด​ที่​ให้​กับ​ดาวิด และ​มี​เด็ก​ไป​ด้วย​หนึ่ง​คน ท่าน​บอก​เด็ก​ของ​ท่าน​ว่า “จง​วิ่ง​ไป​ค้น​หา​ลูก​ธนู​ที่​เรา​ยิง” ขณะ​ที่​เด็ก​กำลัง​วิ่ง​ไป ท่าน​ยิง​ธนู​ลูก​หนึ่ง​เลย​เด็ก​ไป​อีก เมื่อ​เด็ก​มา​ถึง​จุด​ที่​ลูก​ธนู​ที่​โยนาธาน​ยิง โยนาธาน​ตะโกน​ถาม​เด็ก​ว่า “ลูก​ธนู​อยู่​ข้าง​หน้า​เจ้า​ไม่​ใช่​หรือ” และ​โยนาธาน​ตะโกน​บอก​เด็ก​ว่า “รีบ​ไป​โดย​เร็ว อย่า​อยู่​ที่​นี่” เด็ก​ของ​โยนาธาน​จึง​เก็บ​ลูก​ธนู​แล้ว​กลับ​มา​หา​เจ้า​นาย​ของ​ตน แต่​เด็ก​ไม่​ทราบ​อะไร​ทั้งสิ้น โยนาธาน​และ​ดาวิด​เท่า​นั้น​ที่​ทราบ​เรื่อง และ​โยนาธาน​ให้​เด็ก​แบก​อาวุธ​ของ​ท่าน​และ​บอก​ว่า “ไป​ได้​แล้ว แบก​อาวุธ​เข้า​ไป​ใน​เมือง” ทันที​ที่​เด็ก​กลับ​ไป​แล้ว ดาวิด​ก็​ลุก​ขึ้น​จาก​ข้าง​กอง​หิน ก้ม​หน้า​ลง และ​คำนับ 3 ครั้ง แล้ว​ทั้ง​สอง​ก็​จูบ​แก้ม​และ​ร้องไห้​กัน ดาวิด​ร้องไห้​มาก​ยิ่งกว่า