1 ซามูเอล 17:1-52
1 ซามูเอล 17:1-52 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
ขณะที่คนฟีลิสเตียรวบรวมพล เพื่อทำสงครามที่โสโคห์ในยูดาห์ พวกเขาได้ตั้งค่ายอยู่ที่เอเฟสดัมมิม ซึ่งอยู่ระหว่างโสโคห์และอาเซคาห์ ซาอูลและคนอิสราเอลก็รวมพลตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาเอลาห์ และวางแนวเตรียมสู้รบกับคนฟีลิสเตีย คนฟีลิสเตียยึดภูเขาลูกหนึ่ง ส่วนคนอิสราเอลก็ยึดภูเขาอีกลูกหนึ่ง โดยมีหุบเขาคั่นกลางพวกเขา มีทหารฝีมือเยี่ยมคนหนึ่งชื่อโกลิอัท ซึ่งมาจากเมืองกัท เขาสูงหกศอกหนึ่งคืบ เขาออกมานอกค่ายฟีลิสเตีย โกลิอัทสวมหมวกทองสัมฤทธิ์ไว้บนหัว และใส่เกราะทองสัมฤทธิ์น้ำหนักห้าสิบเจ็ดกิโลกรัม ที่ขาก็ใส่สนับแข้งทองสัมฤทธิ์ และมีหลาว ทองสัมฤทธิ์ไขว้หลังอยู่ เขามีหอกที่ด้ามใหญ่พอๆกับไม้ที่ใช้ทอผ้า ซึ่งมีหัวหอกทำจากเหล็กหนักเจ็ดกิโลกรัม และมีทหารถือโล่ของเขาเดินนำหน้าเขาไป โกลิอัทยืนตะโกนใส่พวกทหารของอิสราเอลว่า “พวกเจ้าทั้งหลายออกมาตั้งแนวรบอยู่ทำไม ข้าไม่ใช่คนฟีลิสเตียหรอกหรือ และพวกเจ้าไม่ใช่ผู้รับใช้ของซาอูลหรือ เลือกชายคนหนึ่งลงมาสู้กับข้าหน่อย ถ้าเขามีฝีมือและฆ่าข้าได้ พวกเราจะยอมเป็นทาสของคนอิสราเอล แต่ถ้าข้าชนะและฆ่าเขาได้ คนอิสราเอลก็จะกลายเป็นทาสและรับใช้พวกเรา” แล้วโกลิอัทก็พูดว่า “วันนี้ข้าขอท้าให้กองทัพอิสราเอลหาคนมาสู้กับข้า” เมื่อซาอูลและคนอิสราเอลทั้งหมดได้ยินคำพูดของคนฟีลิสเตียคนนั้น ต่างก็กลัวและท้อแท้ ดาวิดเป็นลูกชายของเจสซีคนเอฟราธาห์ ผู้มาจากเบธเลเฮมในยูดาห์ เจสซีมีลูกชายแปดคน และในช่วงที่ซาอูลปกครอง เจสซีเองก็แก่มากแล้ว ลูกชายคนโตสามคนของเขาตามซาอูลไปสงคราม คนแรกชื่อเอลีอับ คนที่สองชื่ออาบีนาดับ และคนที่สามชื่อชัมมาห์ ดาวิดเป็นน้องคนสุดท้อง พี่ชายทั้งสามได้ตามซาอูลไปรบ แต่ดาวิดก็จะไปๆมาๆจากซาอูลเป็นครั้งคราว เพื่อไปช่วยเลี้ยงฝูงแกะของพ่อที่เบธเลเฮม โกลิอัทออกมายืนท้าทายอยู่ทุกเช้าเย็นเป็นเวลาสี่สิบวัน วันหนึ่ง เจสซีพูดกับดาวิดลูกชายเขาว่า “รีบเอาข้าวคั่วประมาณยี่สิบสองลิตร และขนมปังสิบก้อน ไปให้พวกพี่ชายของเจ้าที่ค่าย และให้เอาเนยแข็งสิบก้อนนี้ไปให้ผู้บังคับกองพันของพวกพี่ชายเจ้าด้วย ไปดูสิว่าพวกพี่ชายเจ้าเป็นยังไง แล้วให้เอาของจากพวกเขาติดมือเจ้ามาด้วยเพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาสบายดี เพราะพวกพี่ชายเจ้าอยู่กับซาอูลและคนอิสราเอลอื่นๆในหุบเขาเอลาห์ เพื่อสู้รบกับคนฟีลิสเตีย” ตอนเช้ามืด ดาวิดก็ทิ้งแกะไว้ให้ผู้เลี้ยงแกะ แล้วบรรทุกข้าวของทั้งหมดออกเดินทางตามที่เจสซีบอก เขาถึงค่ายในขณะที่พวกทหารกำลังออกไปสู่แนวรบ และกำลังโห่ร้องทำศึก อิสราเอลและฟีลิสเตียต่างยกออกมาประจันหน้ากัน ดาวิดได้ฝากข้าวของของเขาไว้กับคนคุมเสบียง แล้ววิ่งไปหาพวกพี่ชายของเขาในแนวรบ ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น โกลิอัทนักรบฝีมือกล้าของฟีลิสเตียจากเมืองกัท ก็ออกมาจากกองทัพของฟีลิสเตีย ตะโกนท้ารบอย่างครั้งก่อน ดาวิดเองก็ได้ยิน เมื่อคนอิสราเอลเห็นโกลิอัทก็พากันวิ่งหนีด้วยความกลัว คนอิสราเอลพูดกันว่า “เห็นชายที่ออกมานั้นหรือเปล่า เขามาท้ารบกับคนอิสราเอล ถ้าใครฆ่าเขาได้ กษัตริย์ซาอูลจะให้ทรัพย์สินเงินทองมากมาย และยกลูกสาวของท่านให้แต่งงานด้วย แล้วครอบครัวของเขาก็ยังจะได้รับการยกเว้นภาษีในอิสราเอลอีกด้วย” ดาวิดถามคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆเขาว่า “คนที่ฆ่าคนฟีลิสเตียคนนี้ได้ และเอาความอัปยศอดสูนี้ไปจากคนอิสราเอลได้ จะได้อะไรเป็นรางวัลหรือ แล้วคนฟีลิสเตียที่ไม่ได้เข้าพิธีขลิบคนนี้เป็นใครกัน ถึงกล้ามาท้ารบกับกองทัพของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่” พวกเขาก็ตอบดาวิดเหมือนกับที่พวกเขาได้บอกไปแล้ว “ผู้ที่ฆ่าโกลิอัทคนฟีลิสเตียนี้ได้ จะได้รับรางวัลอย่างที่พูดไปนั่นแหละ” ฝ่ายเอลีอับพี่ชายคนโตของดาวิด เมื่อได้ยินสิ่งที่ดาวิดพูดกับพวกทหาร เขาก็โกรธดาวิด และถามว่า “เจ้าลงมาที่นี่ทำไม ทิ้งแกะไม่กี่ตัวนั้นไว้ในถิ่นแห้งแล้งกับใคร เรารู้ดีถึงความอวดดีของเจ้า และความคิดชั่วของเจ้า ที่เจ้าลงมานี่ก็แค่อยากจะมาดูเขาสู้รบกัน” ดาวิดตอบว่า “อ้าว ผมทำอะไรผิดหรือ แค่ถามก็ไม่ได้หรือ” แล้วดาวิดก็หันไปถามคนอื่นด้วยคำถามเดิมๆ แล้วคนเหล่านั้นก็ตอบเหมือนที่เคยบอกไปแล้ว มีคนได้ยินเรื่องที่ดาวิดพูด แล้วไปรายงานต่อซาอูล ซาอูลก็เลยเรียกดาวิดมาพบ ดาวิดพูดกับซาอูลว่า “อย่าปล่อยให้ผู้คนต้องเสียขวัญและกำลังใจกับเรื่องของชาวฟีลิสเตียคนนี้ ให้ผู้รับใช้ของท่านคนนี้ออกไปสู้กับมันเถอะ” ซาอูลตอบว่า “เจ้าออกไปสู้กับคนฟีลิสเตียคนนั้นไม่ได้หรอก เจ้าเป็นแค่เด็กหนุ่ม คนหนึ่งเท่านั้น แต่เขาเป็นชายที่ชำนาญศึกมาตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มๆ” แต่ดาวิดตอบซาอูลว่า “ข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของท่านคนนี้ เคยดูแลแกะให้กับพ่อของข้าพเจ้า เมื่อมีสิงโตหรือหมีมาจับแกะไปจากฝูง ข้าพเจ้าก็ไล่ตามไปช่วยชีวิตแกะจากปากของมัน เมื่อสัตว์พวกนั้นย้อนกลับมา ข้าพเจ้าก็ดึงหนวดเครามัน แล้วฆ่ามันเสีย ข้าพเจ้าเคยฆ่าทั้งสิงโตและหมี ส่วนคนฟีลิสเตียที่ไม่ได้เข้าพิธีขลิบคนนี้ ก็จะเป็นเหมือนกับสัตว์พวกนั้น เพราะเขาได้ท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ พระยาห์เวห์ได้ช่วยกู้ข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากเขี้ยวเล็บสิงโตและหมี พระองค์ก็จะช่วยกู้ข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของคนฟีลิสเตียคนนี้ด้วยเหมือนกัน” ซาอูลจึงบอกกับดาวิดว่า “ไปเถอะ และขอให้พระยาห์เวห์สถิตอยู่กับเจ้า” จากนั้นซาอูลก็เอาเสื้อของเขามาสวมให้กับดาวิดและเอาหมวกทองสัมฤทธิ์มาใส่ไว้บนหัวของดาวิด และยังให้เสื้อคลุมชุดเกราะกับเขาอีกด้วย ดาวิดเอาดาบของซาอูลมาคาดทับเสื้อคลุมแล้วลองเดินดู เพราะไม่ชินกับพวกมัน แล้วดาวิดพูดกับซาอูลว่า “ข้าพเจ้าใส่ชุดพวกนี้ไม่ได้หรอก เพราะข้าพเจ้าไม่ชินกับพวกมัน” เขาจึงถอดพวกมันออก จากนั้นดาวิดก็หยิบไม้เท้ามาถือ แล้วเลือกลูกหินเกลี้ยงๆมาห้าก้อนจากลำธารแห้ง แล้วเอาใส่ไว้ในถุงที่ใช้เลี้ยงแกะของเขา กับถือสลิงในมือของเขา เพื่อไปพบคนฟีลิสเตีย ชาวฟีลิสเตียคนนั้นได้เดินเข้ามาใกล้ดาวิด โดยมีคนถือโล่ของเขาเดินนำหน้า เขามองดูดาวิดและดูถูก เพราะเห็นเป็นแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง มีผิวแดง และหน้าตาหล่อเหลา คนฟีลิสเตียพูดกับดาวิดว่า “ข้าเป็นหมาหรือยังไง เจ้าถึงได้ถือไม้มาหาข้า” และเขายังอ้างชื่อพวกพระของเขาแช่งด่าดาวิด เขาพูดว่า “มานี่มา ข้าจะเอาเนื้อเจ้าเป็นอาหารเลี้ยงนกบนฟ้า และเลี้ยงสัตว์ในทุ่งหญ้า” ดาวิดพูดกับคนฟีลิสเตียคนนั้นว่า “เจ้ามาสู้กับข้าด้วยดาบและหอกและหลาว แต่ข้าจะสู้กับเจ้าในนามของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าแห่งกองทัพอิสราเอล ผู้ที่เจ้าท้าทาย วันนี้แหละ พระยาห์เวห์จะให้เจ้าตกอยู่ในกำมือของข้า ข้าจะโค่นเจ้าและตัดหัวเจ้าทิ้ง วันนี้ข้าจะเอาซากศพของกองทัพฟีลิสเตียเลี้ยงนกบนท้องฟ้าและสัตว์ป่าแห่งแผ่นดิน เพื่อทั้งโลกจะได้รู้ว่ามีพระเจ้าอยู่ในอิสราเอล ทุกคนที่มาอยู่รวมกันที่นี่จะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์ไม่ได้ช่วยกู้ โดยใช้ดาบหรือหอก เพราะการศึกเป็นของพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์จะมอบพวกเจ้าไว้ในกำมือของพวกเรา” และชาวฟีลิสเตียคนนั้นได้เข้ามาใกล้เพื่อสู้รบกับดาวิด ดาวิดก็วิ่งอย่างเร็วจากแนวรบเข้าหาเขา และล้วงหินก้อนหนึ่งจากถุง แล้วเหวี่ยงหินก้อนนั้นด้วยสายสลิงโดนหน้าผากของคนฟีลิสเตียคนนั้น ก้อนหินจมเข้าไปในหน้าผากของเขา และเขาก็ล้มหน้าคว่ำลงกับพื้น ดาวิดก็ชนะชาวฟีลิสเตียคนนั้นด้วยสลิง และก้อนหิน โดยไม่มีดาบอยู่ในมือ ดาวิดก็โค่นคนฟีลิสเตียคนนั้นและฆ่าเขาได้ ดาวิดวิ่งไปยืนบนตัวของเขา และดึงดาบของคนฟีลิสเตียคนนั้นออกจากฝัก แล้วดาวิดก็ใช้ดาบนั้นฆ่าเขาและตัดหัวของเขาไป เมื่อพวกคนฟีลิสเตียเห็นว่าทหารยอดฝีมือของเขาตาย พวกเขาพากันวิ่งหนีไป คนอิสราเอลกับคนยูดาห์ก็โห่ร้องไล่ตามคนฟีลิสเตียไปถึงทางเข้าเมืองกัทและไปถึงประตูเมืองเอโครน คนฟีลิสเตียล้มตายเกลื่อนกลาดตามทางจากถนนธาราอิมไปจนถึงเมืองกัทและเมืองเอโครน
1 ซามูเอล 17:1-52 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
ส่วนพวกฟีลิสเตีย ก็รวบรวมกองทัพเพื่อจะทำสงคราม พวกเขามารวมกันอยู่ที่ตำบลโสโคห์ ซึ่งเป็นของยูดาห์ และตั้งค่ายอยู่ระหว่างตำบลโสโคห์กับตำบลอาเซคาห์ที่เอเฟสดัมมิม และซาอูลกับคนอิสราเอลก็รวมกัน และตั้งค่ายอยู่ที่หุบเขาเอลาห์ และวางแนวรบเพื่อต่อสู้กับพวกฟีลิสเตีย พวกฟีลิสเตียยืนอยู่ที่ภูเขาข้างหนึ่งและอิสราเอลยืนอยู่ที่ภูเขาอีกข้างหนึ่ง มีหุบเขาคั่นระหว่างพวกเขา มีชายคนหนึ่งชื่อโกลิอัทเป็นยอดทหาร ออกมาจากค่ายพวกฟีลิสเตีย เป็นชาวเมืองกัท สูง 3 เมตรกว่า เขาสวมหมวกทองสัมฤทธิ์ที่ศีรษะ และสวมเสื้อเกราะที่ทำเป็นเกล็ดๆ เสื้อเกราะนั้นหนักประมาณ 57 กิโลกรัมเป็นทองสัมฤทธิ์ และสวมสนับแข้งทองสัมฤทธิ์ และมีทวนทองสัมฤทธิ์แขวนที่บ่า ส่วนด้ามหอกของเขานั้นเหมือนไม้กระพั่นทอผ้า ปลายหอกเป็นเหล็กหนักประมาณ 7 กิโลกรัม มีคนถือโล่นำหน้าเขา เขายืนตะโกนทางแนวรบของอิสราเอลว่า “พวกเจ้าออกมาเพื่อเตรียมทำสงครามทำไมเล่า? ข้าเป็นคนฟีลิสเตียไม่ใช่หรือ? พวกเจ้าก็เป็นข้ารับใช้ของซาอูลไม่ใช่หรือ? จงเลือกชายคนหนึ่งแทนพวกเจ้า ให้เขาลงมาหาข้า ถ้าเขาชนะในการต่อสู้และฆ่าข้าได้ พวกเราจะเป็นข้ารับใช้ของพวกเจ้า แต่ถ้าข้าชนะเขาและฆ่าเขาตาย แล้วพวกเจ้าจะเป็นข้ารับใช้ของพวกเรา และรับใช้พวกเรา” และคนฟีลิสเตียนั้นกล่าวว่า “วันนี้ข้าเองขอท้ากองทัพอิสราเอล จงส่งชายคนหนึ่งมาต่อสู้กัน” เมื่อซาอูลและคนอิสราเอลทั้งสิ้นได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ของคนฟีลิสเตียนั้น พวกเขาก็ตกใจและหวาดกลัวยิ่งนัก ดาวิดเป็นบุตรของชาวเอฟราธาห์คนหนึ่งแห่งเมืองเบธเลเฮมในยูดาห์ ชื่อเจสซี ผู้มีบุตรแปดคน ในรัชกาลของซาอูล ชายคนนี้เป็นคนมีอายุมากแล้ว บุตรชายใหญ่สามคนของเจสซีก็ตามซาอูลไปทำสงคราม ชื่อของบุตรชายสามคนที่ไปทำสงครามนั้นคือ บุตรหัวปีเอลีอับ คนที่สองอาบีนาดับ และคนที่สามชัมมาห์ ดาวิดเป็นบุตรสุดท้อง พี่ชายทั้งสามคนก็ตามซาอูลไป แต่ดาวิดไปกลับระหว่างซาอูลกับการเลี้ยงแกะของบิดาที่เบธเลเฮม คนฟีลิสเตียคนนั้น เข้ามาใกล้ยืนท้าทั้งเช้าตรู่และเย็น 40 วัน เจสซีพูดกับดาวิดบุตรของตนว่า “นำข้าวคั่วนี้ 10 กิโลกรัม และขนมปังสิบก้อนนี้ ไปให้พวกพี่ชายของเจ้า จงไปหาพวกพี่ชายของเจ้าที่ค่ายเร็วๆ และจงนำเนยแข็งสิบชิ้นนี้ไปให้ผู้บังคับกองพันของพวกเขาด้วย ดูว่าพี่ชายของเจ้าทุกข์สุขอย่างไร แล้วรับของฝากมาจากพวกเขาบ้าง” ส่วนซาอูลกับพวกเขาและคนอิสราเอลทั้งปวง อยู่ที่หุบเขาเอลาห์สู้รบกับพวกฟีลิสเตียอยู่ ดาวิดจึงลุกขึ้นแต่เช้ามืด และทิ้งแกะไว้กับผู้ดูแล นำเสบียงอาหารไปตามที่เจสซีบัญชาเขา และเขาก็มาถึงเขตค่าย ขณะเมื่อกองทัพกำลังยกออกไปแนวรบ โห่ร้องเพื่อทำสงคราม อิสราเอลกับพวกฟีลิสเตียต่างก็ตั้งแนวรบเผชิญหน้ากัน ดาวิดก็ทิ้งสัมภาระไว้กับผู้ดูแลกองสัมภาระ และวิ่งไปที่แนวรบไปทักทายพวกพี่ชายของตน เมื่อเขากำลังพูดกับพวกพี่ชาย นี่แน่ะ ยอดทหารฟีลิสเตียชาวเมืองกัท ที่ชื่อโกลิอัทออกมาจากแนวรบ ฟีลิสเตียกล่าวถ้อยคำท้าอย่างแต่ก่อนและดาวิดก็ได้ยิน เมื่อคนอิสราเอลทั้งปวงเห็นชายคนนั้นก็วิ่งหนีเขาไป และหวาดกลัวเขามาก คนอิสราเอลพูดว่า “พวกเจ้าเคยเห็นชายที่ออกมานั้นหรือ เขาออกมาท้าทายอิสราเอล ชายที่ฆ่าเขาได้ พระราชาจะประทานทรัพย์ให้เขามากมาย และจะมอบราชธิดาให้เขาและทำให้ครอบครัวของบิดาของเขารับการยกเว้นภาษีในอิสราเอล” และดาวิดกล่าวแก่พวกทหารที่ยืนอยู่ข้างเขาว่า “เขาจะทำอย่างไรแก่คนที่ฆ่าคนฟีลิสเตียคนนี้ได้ และนำเอาความเหยียดหยามไปจากอิสราเอล? คนฟีลิสเตียผู้ไม่ได้เข้าสุหนัตคนนี้คือใคร จึงมาท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่?” พวกทหารตอบเขาเหมือนกันว่า “ผู้ที่ฆ่าเขาได้ก็จะได้รับดังที่กล่าวมาแล้วนั้น” เอลีอับพี่ชายหัวปีได้ยินดาวิดพูดกับพวกผู้ชาย เอลีอับก็โกรธดาวิดกล่าวว่า “เจ้าลงมาทำไม? เจ้าทิ้งแกะไม่กี่ตัวที่ถิ่นทุรกันดารไว้กับใคร? ข้าเองรู้ถึงความอวดดีของเจ้า และความคิดชั่วของเจ้า เพราะเจ้าลงมาเพื่อจะมาดูสงคราม” ดาวิดจึงตอบว่า “ตอนนี้ข้าได้ทำอะไรไปแล้วหรือ? ถามเท่านั้นไม่ใช่หรือ?” เขาจึงหันไปหาคนอื่นเสีย และพูดอย่างเดียวกัน และพวกทหารก็ตอบเขาอย่างคราวก่อน เมื่อพวกเขาได้ยินถ้อยคำที่ดาวิดพูด พวกเขาก็ทูลให้ซาอูลทรงทราบ ซาอูลจึงทรงให้นำดาวิดมา ดาวิดก็ทูลซาอูลว่า “อย่าให้จิตใจของใครฝ่อไปเพราะชายคนนั้นเลย ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะไปสู้รบกับคนฟีลิสเตียคนนี้” และซาอูลตรัสกับดาวิดว่า “เจ้าไม่สามารถไปต้านคนฟีลิสเตียนี้ เพื่อสู้รบกับเขา เพราะเจ้าเป็นแต่เด็กหนุ่ม และชายคนนี้ชำนาญศึกตั้งแต่หนุ่มๆ แล้ว” แต่ดาวิดทูลซาอูลว่า “ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเคยเลี้ยงฝูงแกะของบิดา และเมื่อมีสิงโตหรือหมีมาเอาลูกแกะตัวหนึ่งไปจากฝูง ข้าพระบาทก็ตามไปฆ่ามัน และช่วยกู้ลูกแกะนั้นมาจากปากของมัน ถ้ามันลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระบาท ข้าพระบาทก็จับคางของมัน และทุบตีมันจนตาย ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทได้ฆ่าสิงโตและหมีนั้นมาแล้ว คนฟีลิสเตียผู้ไม่ได้เข้าสุหนัตนี้ก็เป็นเหมือนสัตว์เหล่านั้นตัวหนึ่ง ด้วยเขาได้ท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” และดาวิดทูลต่อไปว่า “พระยาห์เวห์ผู้ทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากอุ้งเท้าของสิงโต และจากอุ้งเท้าของหมี จะทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากมือของคนฟีลิสเตียนี้” และซาอูลจึงตรัสแก่ดาวิดว่า “จงไปเถอะ และพระยาห์เวห์จะสถิตอยู่กับเจ้า” แล้วซาอูลก็ทรงแต่งดาวิดด้วยเครื่องทรงของพระองค์ ทรงสวมหมวกทองสัมฤทธิ์บนศีรษะของเขา และทรงสวมเสื้อเกราะให้เขา และดาวิดก็คาดดาบทับเครื่องอาวุธ เขาพยายามเดินดู เพราะเขาไม่ชิน แล้วดาวิดจึงทูลซาอูลว่า “ข้าพระบาทไม่สามารถสวมเครื่องเหล่านี้ออกไป เพราะว่าข้าพระบาทไม่ชิน” ดาวิดจึงปลดออกจากเขา แล้วจึงถือไม้เท้าไว้ในมือ และเลือกก้อนหินเกลี้ยงจากลำธารได้ห้าก้อน จึงใส่ในย่ามผู้เลี้ยงแกะของเขาในถุงของเขาและมือถือสลิงอยู่ แล้วเขาก็เข้าไปใกล้คนฟีลิสเตียคนนั้น คนฟีลิสเตียนั้นก็ออกมาใกล้ดาวิด พร้อมกับคนถือโล่เดินนำหน้า เมื่อคนฟีลิสเตียมองดูและเห็นดาวิดก็ดูถูกเขา เพราะเขาเป็นคนหนุ่ม ผิวแดงๆ รูปร่างงามน่าดู คนฟีลิสเตียจึงพูดกับดาวิดว่า “ข้าเป็นหมาหรือ? เจ้าจึงถือไม้เท้ามาหาข้า” และคนฟีลิสเตียคนนั้นก็แช่งด่าดาวิด โดยใช้นามพวกพระของตน คนฟีลิสเตียพูดกับดาวิดว่า “มาหาข้า ข้าจะเอาเนื้อของเจ้าให้นกในอากาศกับสัตว์ป่ากิน” แล้วดาวิดก็พูดกับคนฟีลิสเตียคนนั้นว่า “ท่านมาหาข้าด้วยดาบ ด้วยหอกและด้วยหอกซัด แต่ข้ามาหาท่านในพระนามแห่งพระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งกองทัพอิสราเอล ผู้ซึ่งท่านได้ท้าทาย ในวันนี้พระยาห์เวห์จะทรงมอบท่านไว้ในมือข้า และข้าจะฆ่าท่านและตัดศีรษะของท่าน ในวันนี้ข้าจะให้ศพของกองทัพฟีลิสเตียแก่นกในอากาศและแก่สัตว์ป่า เพื่อทั้งโลกนี้จะทราบว่ามีพระเจ้าองค์หนึ่งในอิสราเอล และชุมนุมชนนี้ทั้งสิ้นจะทราบว่า พระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงช่วยด้วยดาบหรือด้วยหอก เพราะว่าการรบครั้งนี้เป็นของพระยาห์เวห์ พระองค์จะทรงมอบพวกท่านไว้ในมือของพวกเรา” ต่อมาเมื่อคนฟีลิสเตียนั้นลุกขึ้นเข้ามาใกล้เพื่อปะทะดาวิด ดาวิดก็วิ่งเข้าหาแนวรบเพื่อปะทะกับคนฟีลิสเตียนั้นอย่างรวดเร็ว และดาวิดเอามือล้วงเข้าไปในย่ามหยิบหินก้อนหนึ่งออกมา แล้วเหวี่ยงด้วยสลิงถูกคนฟีลิสเตียคนนั้นที่หน้าผาก ก้อนหินจมเข้าไปในหน้าผาก เขาก็ล้มหน้าคว่ำลงที่ดิน ดังนั้นดาวิดก็ชนะคนฟีลิสเตียคนนั้นด้วยสลิงและก้อนหินก้อนหนึ่ง และคว่ำคนฟีลิสเตียคนนั้นลง และฆ่าเขาเสีย แต่ดาวิดไม่มีดาบอยู่ในมือ ดาวิดจึงวิ่งไปยืนอยู่เหนือคนฟีลิสเตียคนนั้น หยิบดาบของเขาชักออกจากฝักฆ่าเขาเสีย และตัดศีรษะของเขาออกเสียด้วยดาบ เมื่อพวกฟีลิสเตียเห็นว่ายอดทหารของเขาตายเสียแล้วก็พากันหนีไป คนอิสราเอลกับคนยูดาห์ก็ลุกขึ้นโห่ร้องไล่ตามพวกฟีลิสเตีย ไกลไปจนถึงหุบเขาและถึงประตูเมืองเอโครน ทหารฟีลิสเตียที่บาดเจ็บจึงล้มลงตามทางจากชาอาราอิม ไกลไปจนถึงเมืองกัทและเมืองเอโครน
1 ซามูเอล 17:1-52 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
ครั้งนั้นชาวฟีลิสเตียรวมพลมาสู้รบและชุมนุมกันที่โสโคห์ในยูดาห์ พวกเขาตั้งค่ายพักที่เอเฟสดัมมิมซึ่งอยู่ระหว่างโสโคห์กับอาเซคาห์ ซาอูลและชนอิสราเอลมารวมพลและตั้งค่ายพักอยู่ที่หุบเขาเอลาห์ ตั้งแนวรบประจันหน้ากับชาวฟีลิสเตีย ชาวฟีลิสเตียยึดเนินเขาด้านหนึ่ง อิสราเอลยึดเนินเขาอีกด้านหนึ่ง มีหุบเขาคั่นกลาง ยอดนักรบชื่อโกลิอัทจากเมืองกัทออกมาจากค่ายฟีลิสเตีย เขาสูง 6 ศอกกับ 1 ฝ่ามือ เขาสวมหมวกเกราะทองสัมฤทธิ์และสวมเสื้อเกราะทองสัมฤทธิ์หนักประมาณ 57 กิโลกรัม ใส่สนับแข้งทองสัมฤทธิ์ มีหอกทองสัมฤทธิ์คล้องอยู่ที่บ่า ด้ามหอกเหมือนไม้กระพั่นทอผ้า ปลายหอกทำด้วยเหล็กหนักประมาณ 7 กิโลกรัม มีคนแบกโล่เดินนำหน้า โกลิอัทยืนร้องท้าทหารอิสราเอลว่า “พวกเจ้าจะมาตั้งแถวสู้รบกันทำไม? ข้าก็เป็นฟีลิสเตีย ส่วนพวกเจ้าก็เป็นบริวารของซาอูลไม่ใช่หรือ? จงเลือกคนหนึ่งลงมาสู้กับข้า ถ้าคนของเจ้าฆ่าข้าได้ พวกข้าจะยอมแพ้พวกเจ้า แต่ถ้าข้าชนะและฆ่าเขาได้ พวกเจ้าต้องยอมแพ้เป็นทาสรับใช้พวกข้า” ชาวฟีลิสเตียคนนั้นพูดว่า “วันนี้ข้าขอท้ากองทัพอิสราเอล! ส่งคนมาสู้กับข้าสิ” เมื่อซาอูลและชนอิสราเอลทั้งหมดได้ยินเช่นนี้ ก็พากันหวาดผวาและท้อแท้ใจ ฝ่ายดาวิดเป็นบุตรเจสซีชาวถิ่นเอฟราธาห์จากเบธเลเฮมในเขตยูดาห์ เจสซีมีบุตรชายแปดคน เขาก็ชราและมีอายุมากแล้วในสมัยที่ซาอูลเป็นกษัตริย์ บุตรชายสามคนแรกของเจสซีที่ติดตามซาอูลไปรบมีดังนี้คือ เอลีอับบุตรหัวปี อาบีนาดับบุตรคนที่สอง และชัมมาห์บุตรคนที่สาม ดาวิดเป็นบุตรคนสุดท้อง พี่ชายสามคนแรกติดตามซาอูลไป ส่วนดาวิดไปๆ มาๆ ระหว่างซาอูลกับการเลี้ยงแกะของบิดาที่เบธเลเฮม ชาวฟีลิสเตียคนนี้มายืนร้องท้าเป็นประจำทุกเช้าเย็นตลอดสี่สิบวัน ฝ่ายเจสซีพูดกับดาวิดบุตรชายว่า “จงรีบเอาข้าวคั่วประมาณ 22 ลิตรกับขนมปังสิบก้อนนี้ไปให้พี่ชายของเจ้าที่ค่าย เอาเนยแข็งสิบชิ้นนี้ไปให้ผู้บังคับกองของพี่ๆ ด้วย จงดูว่าพวกพี่เป็นอย่างไรกันบ้าง แล้วนำข่าวจากพวกเขากลับมาบอกเราด้วย พวกเขาอยู่กับซาอูลและกองทัพอิสราเอลที่หุบเขาเอลาห์ระหว่างการสู้รบกับคนฟีลิสเตีย” ดาวิดทิ้งฝูงแกะไว้กับคนเลี้ยงอีกคนหนึ่ง แล้วออกเดินทางตามคำสั่งของเจสซีตั้งแต่เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นพร้อมด้วยของฝาก เขามาถึงค่ายพอดีกับที่กองทัพอิสราเอลกำลังจะยกออกไปสนามรบ มีเสียงตะโกนเสียงโห่ร้องออกศึก กองพลอิสราเอลและฟีลิสเตียต่างก็มาตั้งขบวนประจันหน้ากัน ดาวิดทิ้งข้าวของไว้กับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลสัมภาระ แล้ววิ่งออกไปที่แนวรบและทักทายพวกพี่ๆ ขณะกำลังคุยกับพวกพี่ๆ โกลิอัทยอดนักรบชาวฟีลิสเตียจากเมืองกัทก้าวออกจากแถวมายืนร้องท้าเช่นเคย และดาวิดก็ได้ยิน ทันทีที่เห็นโกลิอัทคนอิสราเอลก็พากันวิ่งหนีด้วยความกลัวยิ่งนัก คนอิสราเอลพูดกันว่า “เจ้าเห็นคนนี้ไหม? เขาออกมาสบประมาทอิสราเอลอยู่เป็นประจำ กษัตริย์จะประทานทรัพย์สินมากมายให้แก่คนที่ฆ่าเขาได้ และจะยกพระธิดาให้เป็นภรรยา ยิ่งกว่านั้นครอบครัวของบิดาของเขาจะได้รับการยกเว้นภาษีด้วย” ดาวิดถามคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ว่า “ผู้ที่ฆ่าฟีลิสเตียคนนี้และกู้หน้าให้อิสราเอลจะได้รับบำเหน็จอะไรบ้าง? ชาวฟีลิสเตียผู้ไม่ได้เข้าสุหนัตคนนี้เป็นใครกัน ถึงบังอาจมาร้องท้ากองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่?” พวกเขาก็บอกซ้ำสิ่งที่พูดไปแล้วว่า “คนที่ฆ่าเขาสำเร็จจะได้รับสิ่งต่างๆ ดังกล่าว” เมื่อเอลีอับพี่ชายคนโตของดาวิดได้ยินดาวิดพูดกับคนนั้นก็โกรธ และถามว่า “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ แล้วเจ้าทิ้งแกะไม่กี่ตัวในถิ่นกันดารไว้ให้ใครดูแล? ข้ารู้ว่าเจ้าชอบคุยโวและรู้จักใจชั่วช้าของเจ้า นึกอยากมาดูเขารบกันล่ะสิ” ดาวิดตอบว่า “ข้าทำอะไรผิดหรือ? ถามดูไม่ได้หรือ?” แล้วดาวิดเดินไปถามคนอื่นๆ อีกในเรื่องเดิม ก็ได้รับคำตอบอย่างเดียวกัน มีผู้ได้ยินคำพูดของดาวิดจึงไปทูลรายงานซาอูล พระองค์จึงให้คนไปตามตัวดาวิดมาเข้าเฝ้า ดาวิดทูลซาอูลว่า “อย่าให้ผู้ใดเสียขวัญเพราะชาวฟีลิสเตียคนนี้เลย ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะไปรบกับเขา” ซาอูลตรัสว่า “เจ้าออกไปสู้กับชาวฟีลิสเตียคนนั้นไม่ได้หรอก เจ้าเป็นเพียงเด็ก ส่วนเขาเป็นนักรบมาตั้งแต่หนุ่ม” แต่ดาวิดทูลซาอูลว่า “ข้าพระบาทดูแลแกะของบิดา เมื่อมีสิงโตหรือหมีมาคาบแกะไปจากฝูง ข้าพระบาทจะไล่ตามฟาดฟันช่วยแกะนั้นออกมาจากปากของสิงโต หากมันหันมาเล่นงาน ข้าพระบาทก็จะกระชากขนของมัน ฟาดมัน และฆ่าเสีย ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทได้ฆ่าทั้งสิงโตและหมีมาแล้ว ชาวฟีลิสเตียผู้ไม่ได้เข้าสุหนัตคนนี้จะเป็นเหมือนสัตว์เหล่านั้น เพราะเขามาสบประมาทกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงช่วยข้าพระบาทจากเขี้ยวเล็บของสิงโตและหมี จะช่วยข้าพระบาทจากมือชาวฟีลิสเตียผู้นี้” ซาอูลตรัสกับดาวิดว่า “ไปเถิด ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเจ้า” จากนั้นซาอูลก็ให้ดาวิดสวมเครื่องทรงของซาอูลเอง มีเสื้อเกราะและหมวกเกราะทองสัมฤทธิ์ ดาวิดสะพายดาบ ทับเสื้อเกราะ ลองเดินวนไปรอบๆ เพราะไม่คุ้นเคยกับชุดแบบนี้มาก่อน ดาวิดทูลซาอูลว่า “ข้าพระบาทออกไปอย่างนี้ไม่ได้เพราะไม่เคยชิน” แล้วดาวิดก็ถอดชุดนั้นออก จากนั้นเขาหยิบไม้เท้าและไปเก็บหินเกลี้ยงห้าก้อนจากลำธารใส่ไว้ในย่ามของเขา ในมือถือสลิง เดินเข้าไปหาชาวฟีลิสเตียคนนั้น ขณะนั้นโกลิอัทเดินเข้ามาหาดาวิด มีคนแบกโล่เดินนำหน้า เมื่อเห็นดาวิดซึ่งเป็นเพียงเด็กหนุ่มรูปหล่อผิวพรรณดี ก็นึกดูหมิ่น และกล่าวว่า “เห็นข้าเป็นหมาหรือไง ถึงได้ถือไม้เท้าออกมาหา?” แล้วก็แช่งด่าดาวิดโดยอ้างนามเทพเจ้าต่างๆ ของตน โกลิอัทพูดว่า “มาสิ เดี๋ยวข้าจะแล่เนื้อเจ้าให้นกกาและสัตว์ป่ากิน!” ดาวิดพูดว่า “ท่านถือดาบ ถือหอก และหอกซัดมาสู้กับเรา ส่วนเราจะสู้กับท่านในพระนามพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าของกองทัพอิสราเอลซึ่งท่านลบหลู่ วันนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงมอบท่านแก่เรา เราจะฆ่าและตัดหัวท่าน วันนี้เราจะเอาซากศพของกองทัพฟีลิสเตียให้นกกาและสัตว์ป่ากิน แล้วทั้งโลกจะได้รู้ว่ามีพระเจ้าในอิสราเอล คนทั้งปวงที่ชุมนุมกันอยู่ที่นี่จะได้รู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงช่วยให้รอดด้วยดาบหรือหอก การศึกครั้งนี้เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์จะทรงมอบเจ้าทุกคนไว้ในมือของพวกเรา” ขณะที่โกลิอัทเข้ามาใกล้เพื่อต่อสู้ ดาวิดก็วิ่งเข้าไปประจันหน้า เอามือล้วงลงไปในย่ามหยิบก้อนหินออกมาคล้องเข้ากับสลิง แล้วเหวี่ยงก้อนหินอัดเข้าที่หน้าผากของโกลิอัท ก้อนหินฝังจมเข้าไป โกลิอัทล้มคว่ำลงกับพื้น เป็นอันว่าดาวิดพิชิตชาวฟีลิสเตียคนนั้นด้วยสลิงและก้อนหิน แม้ไม่มีดาบแต่ก็ล้มเขาได้และฆ่าเขาเสีย ดาวิดวิ่งขึ้นไปยืนบนร่างของเขา ดึงดาบของโกลิอัทออกจากฝักและฆ่าเขา แล้วก็ตัดศีรษะออกมา เมื่อชาวฟีลิสเตียเห็นวีรบุรุษของตนตายเสียแล้ว ก็หันหลังวิ่งหนีไป คนอิสราเอลและยูดาห์จึงโห่ร้องมีชัย แล้วรุกไล่ฟีลิสเตียไปไกลถึงทางเข้าเมืองกัทและประตูเมืองเอโครน ศพชาวฟีลิสเตียเกลื่อนกลาดตลอดเส้นทางชาอาราอิมที่จะไปยังเมืองกัทและเมืองเอโครน
1 ซามูเอล 17:1-52 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
ฝ่ายคนฟีลิสเตียก็รวบรวมกองทัพเพื่อจะทำสงคราม เขามาชุมนุมกันอยู่ที่ตำบลโสโคห์ ซึ่งเป็นเขตยูดาห์ และตั้งค่ายอยู่ระหว่างตำบลโสโคห์กับตำบลอาเซคาห์ที่เอเฟสดัมมิม และซาอูลกับคนอิสราเอลก็ชุมนุมกัน และตั้งค่ายอยู่ที่หุบเขาเอลาห์ และวางแนวไว้ต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย คนฟีลิสเตียยืนอยู่ที่ภูเขาข้างหนึ่ง และคนอิสราเอลยืนอยู่ที่ภูเขาอีกข้างหนึ่ง มีหุบเขาคั่นกลาง มีผู้หนึ่งชื่อโกลิอัทเป็นยอดทหารได้ออกมาจากค่ายคนฟีลิสเตีย เป็นชาวเมืองกัท สูงหกศอกคืบ เขาสวมหมวกทองสัมฤทธิ์ไว้ที่ศีรษะ และสวมเสื้อเกราะ เสื้อเกราะนั้นหนักห้าพันเชเขลเป็นทองสัมฤทธิ์ และสวมสนับแข้งทองสัมฤทธิ์ที่ขา และมีหอกทองสัมฤทธิ์แขวนอยู่ที่บ่า ด้ามหอกนั้นเหมือนไม้กระพั่นทอผ้า ตัวหอกหนักหกร้อยเชเขลเป็นเหล็ก ทหารถือโล่ของเขาเดินออกหน้า เขาออกมายืนตะโกนไปทางแนวอิสราเอลว่า “เจ้าทั้งหลายออกมาทำศึกทำไมเล่า ข้าเป็นคนฟีลิสเตียไม่ใช่หรือ เจ้าก็เป็นข้าของซาอูลไม่ใช่หรือ จงเลือกคนแทนพวกเจ้า ให้เขาลงมาหาข้านี่ ถ้าเขาสามารถสู้รบและฆ่าตัวข้าได้ พวกเราจะยอมเป็นข้าของพวกเจ้า แต่ถ้าข้าชนะเขาและฆ่าเขาตาย แล้วพวกเจ้าต้องเป็นข้าของพวกเรา และรับใช้เรา” และคนฟีลิสเตียคนนั้นกล่าวว่า “วันนี้ข้าขอท้ากองทัพอิสราเอล จงส่งคนมาสู้กันเถิด” เมื่อซาอูลและคนอิสราเอลทั้งสิ้นได้ยินถ้อยคำของคนฟีลิสเตียคนนั้น เขาทั้งหลายก็ท้อใจและกลัวมาก ฝ่ายดาวิดเป็นบุตรชายของชาวเอฟราธาห์คนหนึ่งแห่งเมืองเบธเลเฮมในยูดาห์ ชื่อเจสซี ผู้มีบุตรชายแปดคน ในรัชกาลของซาอูล ชายคนนี้เป็นคนแก่แล้วเป็นคนอายุมาก บุตรชายใหญ่สามคนของเจสซีก็ตามซาอูลไปทำศึกแล้ว ชื่อของบุตรชายสามคนที่ไปทำศึกนั้นคือ บุตรหัวปีเอลีอับ คนถัดมาอาบีนาดับ และคนที่สามชัมมาห์ ดาวิดเป็นบุตรสุดท้อง พี่ชายทั้งสามคนก็ตามซาอูลไปแล้ว แต่ดาวิดกลับจากซาอูลไปเลี้ยงแกะของบิดาที่เบธเลเฮม คนฟีลิสเตียคนนั้นได้ออกมายืนอยู่ทั้งเช้าและเย็นตั้งสี่สิบวัน เจสซีสั่งดาวิดบุตรชายของตนว่า “ข้าวคั่วนี้เอฟาห์หนึ่ง และขนมปังสิบก้อนนี้ อันจัดไว้ให้พวกพี่ชายของเจ้า จงเอาไปให้พี่ชายของเจ้าที่ค่ายเร็วๆ และจงนำเนยแข็งสิบชิ้นนี้ไปให้แก่ผู้บังคับกองพันของเขาด้วย ดูว่าพี่ชายของเจ้าทุกข์สุขอย่างไร แล้วรับของฝากมาจากเขาบ้าง” ฝ่ายซาอูลกับเขาทั้งหลายและคนอิสราเอลทั้งปวง อยู่ที่หุบเขาเอลาห์สู้รบกับคนฟีลิสเตียอยู่ ดาวิดจึงลุกขึ้นแต่เช้ามืด และทิ้งแกะไว้กับผู้ดูแลนำเสบียงอาหารเดินทางไปตามที่เจสซีได้บัญชาแก่เขา และเขาก็มาถึงเขตค่ายขณะเมื่อกองทัพกำลังยกออกไปสู่แนวรบพลางร้องกราวศึก คนอิสราเอลกับคนฟีลิสเตียก็ยกมาจะปะทะกันกองทัพปะทะกองทัพ ดาวิดก็มอบสัมภาระไว้กับผู้ดูแลกองสัมภาระ และวิ่งไปที่แนวรบไปทักทายพี่ชายของตน เมื่อเขากำลังพูดกันอยู่ ดูเถิด คนฟีลิสเตียชาวเมืองกัท ยอดทหารที่ชื่อโกลิอัทออกมาจากแนวรบฟีลิสเตีย กล่าวท้าอย่างแต่ก่อนและดาวิดก็ได้ยิน เมื่อบรรดาคนอิสราเอลเห็นชายคนนั้นก็วิ่งหนีเขาไป กลัวเขามาก คนอิสราเอลพูดว่า “เจ้าเคยเห็นคนที่ออกมานั้นหรือ เขาออกมาท้าทายอิสราเอลแท้ๆ ถ้าใครฆ่าเขาได้ กษัตริย์จะพระราชทานทรัพย์ให้เขามากมาย และจะมอบราชธิดาให้ด้วย และกระทำให้วงศ์วานบิดาของเขาเป็นคนยกเว้นการเกณฑ์ในอิสราเอล” และดาวิดกล่าวแก่ชายคนที่ยืนอยู่ข้างเขาว่า “เขาจะทำอย่างไรแก่คนที่ฆ่าคนฟีลิสเตียคนนี้ได้ และนำเอาความเหยียดหยามอิสราเอลไปเสีย คนฟีลิสเตียผู้มิได้เข้าสุหนัตคนนี้คือใครเล่า เขาจึงมาท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” ประชาชนก็ตอบเขาอย่างเดียวกันว่า “ผู้ที่ฆ่าเขาได้ก็จะได้รับดังที่กล่าวมาแล้วนั้น” ฝ่ายเอลีอับพี่ชายหัวปีได้ยินคำที่ดาวิดพูดกับชายคนนั้น เอลีอับก็โกรธดาวิดกล่าวว่า “เจ้าลงมาทำไม เจ้าทิ้งแกะไม่กี่ตัวที่ถิ่นทุรกันดารไว้กับใคร ข้ารู้ถึงความทะเยอทะยานของเจ้า และความคิดชั่วของเจ้า เพราะเจ้าลงมาเพื่อจะมาดูเขารบกัน” ดาวิดจึงตอบว่า “ผมได้ทำอะไรไปแล้วเล่า ไม่มีเหตุผลหรือ” เขาจึงหันไปหาคนอื่นเสีย และพูดอย่างเดียวกัน และประชาชนก็ตอบแก่เขาอย่างคราวก่อน เมื่อเขาทั้งหลายได้ยินคำที่ดาวิดพูด เขาทั้งหลายก็เล่าความให้ซาอูลทราบ ซาอูลจึงใช้คนให้มาตามดาวิด ดาวิดก็ทูลซาอูลว่า “อย่าให้จิตใจของผู้ใดฝ่อไปเพราะชายคนนั้นเลย ผู้รับใช้ของพระองค์จะไปสู้รบกับคนฟีลิสเตียคนนี้” และซาอูลกล่าวแก่ดาวิดว่า “เจ้าไม่สามารถที่จะไปสู้รบกับชายฟีลิสเตียคนนั้นดอก เพราะเจ้าเป็นแต่เด็กหนุ่ม และเขาเป็นทหารชำนาญศึกมาตั้งแต่หนุ่มๆแล้ว” แต่ดาวิดทูลซาอูลว่า “ผู้รับใช้ของพระองค์เคยดูแลแพะแกะของบิดา และเมื่อมีสิงโตหรือหมีมาเอาลูกแกะตัวหนึ่งไปจากฝูง ข้าพระองค์ก็ไล่ตามฆ่ามัน และช่วยลูกแกะนั้นให้พ้นมาจากปากของมัน ถ้ามันลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ก็จับหนวดเคราของมัน และทุบตีมันจนตาย ผู้รับใช้ของพระองค์ได้ฆ่าสิงโตและหมีนั้นมาแล้ว คนฟีลิสเตียผู้มิได้เข้าสุหนัตคนนี้ก็เป็นเหมือนสัตว์เหล่านั้นตัวหนึ่ง ด้วยเขาได้ท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” และดาวิดทูลต่อไปว่า “พระเยโฮวาห์ผู้ทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากเท้าของสิงโตและจากเท้าของหมี จะทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากมือของคนฟีลิสเตียคนนี้” และซาอูลจึงตรัสแก่ดาวิดว่า “จงไปเถอะ และพระเยโฮวาห์จะทรงสถิตอยู่กับเจ้า” แล้วซาอูลก็ทรงเอาเครื่องอาวุธของพระองค์สวมให้ดาวิด ทรงสวมหมวกทองสัมฤทธิ์บนศีรษะของเขา และสวมเสื้อเกราะให้เขา และดาวิดก็คาดดาบทับเครื่องอาวุธ เขาลองเดินดูก็เห็นว่าใช้ไม่ได้ เพราะเขาไม่ชิน แล้วดาวิดจึงทูลซาอูลว่า “ข้าพระองค์จะสวมเครื่องเหล่านี้ไปไม่ได้ เพราะว่าข้าพระองค์ไม่ชิน” ดาวิดจึงปลดออกเสีย แล้วจึงถือไม้เท้าไว้ และเลือกก้อนหินเกลี้ยงจากลำธารได้ห้าก้อน จึงใส่ในย่ามผู้เลี้ยงแกะของเขาในถุงของเขาและมือถือสลิงอยู่ เขาก็เข้าไปใกล้คนฟีลิสเตียคนนั้น คนฟีลิสเตียนั้นก็ออกมาใกล้ดาวิด พร้อมกับคนถือโล่เดินออกหน้า เมื่อคนฟีลิสเตียมองไปรอบๆ และเห็นดาวิดก็ดูถูกเขา เพราะเขาเป็นแต่คนหนุ่ม ผิวแดงๆ และมีใบหน้างดงาม คนฟีลิสเตียจึงพูดกับดาวิดว่า “ข้าเป็นหมาหรือเจ้าจึงถือไม้เท้ามาหาข้า” และคนฟีลิสเตียคนนั้นก็แช่งด่าดาวิดออกนามพระของตน คนฟีลิสเตียพูดกับดาวิดว่า “มาหาข้านี่ ข้าจะเอาเนื้อของเจ้าให้นกในอากาศกับสัตว์ในทุ่งกิน” แล้วดาวิดก็พูดกับคนฟีลิสเตียคนนั้นว่า “ท่านมาหาข้าพเจ้าด้วยดาบ ด้วยหอกและด้วยหอกซัด แต่ข้าพเจ้ามาหาท่านในพระนามแห่งพระเยโฮวาห์จอมโยธา พระเจ้าแห่งกองทัพอิสราเอล ผู้ซึ่งท่านได้ท้าทายนั้น ในวันนี้พระเยโฮวาห์จะทรงมอบท่านไว้ในมือข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะประหารท่าน และตัดศีรษะของท่านเสีย และในวันนี้ข้าพเจ้าจะให้ศพของกองทัพฟีลิสเตียแก่นกในอากาศและแก่สัตว์ป่า เพื่อทั้งพิภพนี้จะทราบว่ามีพระเจ้าพระองค์หนึ่งในอิสราเอล และชุมนุมชนนี้ทั้งสิ้นจะทราบว่าพระเยโฮวาห์มิได้ทรงช่วยด้วยดาบหรือด้วยหอก เพราะว่าการรบเป็นของพระเยโฮวาห์ พระองค์จะทรงมอบท่านไว้ในมือของเราทั้งหลาย” อยู่มาเมื่อคนฟีลิสเตียคนนั้นลุกขึ้นเข้ามาใกล้เพื่อปะทะดาวิด ดาวิดก็วิ่งเข้าหาแนวรบเพื่อปะทะกับคนฟีลิสเตียคนนั้นอย่างรวดเร็ว และดาวิดเอามือล้วงเข้าไปในย่ามหยิบหินก้อนหนึ่งออกมา แล้วเหวี่ยงหินก้อนนั้นด้วยสายสลิง ถูกคนฟีลิสเตียคนนั้นที่หน้าผาก ก้อนหินจมเข้าไปในหน้าผาก เขาก็ล้มหน้าคว่ำลงที่ดิน ดังนั้นดาวิดก็ชนะคนฟีลิสเตียคนนั้นด้วยสลิงและก้อนหินก้อนหนึ่ง และคว่ำคนฟีลิสเตียคนนั้นลง และฆ่าเขาเสีย ดาวิดไม่มีดาบอยู่ในมือ ดังนั้นแล้วดาวิดจึงวิ่งไปยืนอยู่เหนือคนฟีลิสเตียคนนั้น หยิบดาบของเขาชักออกจากฝักฆ่าเขาเสียและตัดศีรษะของเขาออกเสียด้วยดาบเล่มนั้น เมื่อคนฟีลิสเตียเห็นว่ายอดทหารของเขาตายเสียแล้วก็พากันหนีไป คนอิสราเอลกับคนยูดาห์ก็ลุกขึ้นโห่ร้องไล่ติดตามคนฟีลิสเตียไกลไปจนถึงหุบเขาและถึงประตูเมืองเอโครน ทหารฟีลิสเตียที่บาดเจ็บจึงล้มลงตามทางจากชาอาราอิม ไกลไปจนถึงเมืองกัทและเมืองเอโครน
1 ซามูเอล 17:1-52 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
ฝ่ายคนฟีลิสเตีย ก็รวบรวมกองทัพเพื่อจะทำสงคราม เขามาชุมนุมกันอยู่ที่ตำบลโสโคห์ ซึ่งเป็นเขตยูดาห์ และตั้งค่ายอยู่ระหว่างตำบลโสโคห์กับ ตำบลอาเซคาห์ที่เอเฟสดัมมิม และซาอูลกับคนอิสราเอลก็ชุมนุมกัน และตั้งค่ายอยู่ที่หุบเขาเอลาห์และวางแนวไว้ต่อสู้กับ คนฟีลิสเตีย คนฟีลิสเตียยืนอยู่ที่ภูเขาข้างหนึ่งและคนอิสราเอล ยืนอยู่ที่ภูเขาอีกข้างหนึ่ง มีหุบเขาคั่นกลาง มีผู้หนึ่งชื่อโกลิอัทเป็นยอดทหาร ได้ออกมาจากค่ายคนฟีลิสเตียเป็นชาวเมืองกัท สูงหกศอกคืบ เขาสวมหมวกทองสัมฤทธิ์ไว้ที่ศีรษะ และสวมเสื้อเกราะ เสื้อเกราะนั้นหนักห้าพันเชเขลเป็นทองสัมฤทธิ์ และสวมสนับแข้งทองสัมฤทธิ์ และมีหอกทองสัมฤทธิ์แขวนอยู่ที่บ่า ด้ามหอกนั้นเหมือนไม้กระพั่นทอผ้า ตัวหอกหนักหกร้อยเชเขลเป็นเหล็ก ทหารถือโล่ของเขาเดินออกหน้า เขาออกมายืนตะโกนไปทางแนวอิสราเอลว่า <<เจ้าทั้งหลายออกมาทำศึกทำไมเล่า ข้าเป็นคนฟีลิสเตียไม่ใช่หรือ เจ้าก็เป็นข้าของซาอูลไม่ใช่หรือ จงเลือกคนแทนพวกเจ้าให้เขาลงมาหาข้านี่ ถ้าเขาสามารถสู้รบและฆ่าตัวข้าได้ พวกเราจะยอมเป็นข้าของพวกเจ้า แต่ถ้าข้าชนะเขาและฆ่าเขาตาย แล้วพวกเจ้าต้องเป็นข้าของพวกเรา และรับใช้เรา>> และคนฟีลิสเตียคนนั้น กล่าวว่า <<วันนี้ข้าขอท้ากองทัพอิสราเอล จงส่งคนมาสู้กันเถิด>> เมื่อซาอูลและคนอิสราเอลทั้งสิ้น ได้ยินถ้อยคำของคนฟีลิสเตียคนนั้น เขาทั้งหลายก็ท้อใจและกลัวมาก ฝ่ายดาวิดเป็นบุตรของชาวเอฟราธาห์ คนหนึ่งแห่งเมืองเบธเลเฮมในยูดาห์ ชื่อเจสซี ผู้มีบุตรแปดคน ในรัชกาลของซาอูล ชายคนนี้เป็นคนแก่แล้วเป็นคนอายุมาก บุตรชายใหญ่สามคนของเจสซีก็ตามซาอูลไปทำศึกแล้ว ชื่อของบุตรชายสามคนที่ไปทำศึกนั้นคือ บุตรหัวปีเอลีอับ คนถัดมาอาบีนาดับ และคนที่สามชัมมาห์ ดาวิดเป็นบุตรสุดท้อง พี่ชายทั้งสามคนก็ตามซาอูลไปแล้ว แต่ดาวิดไปๆมาๆอยู่ระหว่างซาอูลกับ การที่เลี้ยงแกะของบิดาที่เบธเลเฮม คนฟีลิสเตียคนนั้น ได้ออกมายืนท้าอยู่ทั้งเช้าและเย็นตั้งสี่สิบวัน เจสซีสั่งดาวิดบุตรของตนว่า <<ข้าวคั่วนี้เอฟาห์หนึ่ง และขนมปังสิบก้อนนี้ อันจัดไว้ให้พวกพี่ชายของเจ้า จงเอาไปให้พี่ชายของเจ้าที่ค่ายเร็วๆ และจงนำเนยแข็งสิบชิ้นนี้ไปให้ แก่ผู้บังคับกองพันของเขาด้วย ดูว่าพี่ชายของเจ้าทุกข์สุขอย่างไร แล้วรับของฝากมาจากเขาบ้าง>> ฝ่ายซาอูลกับเขาทั้งหลายและคนอิสราเอลทั้งปวง อยู่ที่หุบเขาเอลาห์สู้รบกับคนฟีลิสเตียอยู่ ดาวิดจึงลุกขึ้นแต่เช้ามืด และทิ้งแกะไว้กับผู้ดูแล นำเสบียงอาหารเดินทางไปตามที่เจสซีได้บัญชาแก่เขา และเขาก็มาถึงเขตค่าย ขณะเมื่อกองทัพกำลังยกออกไปสู่แนวรบ พลางร้องกราวศึก คนอิสราเอลกับคนฟีลิสเตียก็ยกมาจะปะทะกัน กองทัพปะทะกองทัพ ดาวิดก็มอบสัมภาระไว้กับผู้ดูแลกองสัมภาระ และวิ่งไปที่แนวรบไปทักทายพี่ชายของตน เมื่อเขากำลังพูดกันอยู่ ดูเถิด คนฟีลิสเตียชาวเมืองกัท ยอดทหารที่ชื่อโกลิอัทออกมาจากแนวรบ ฟีลิสเตียกล่าวท้าอย่างแต่ก่อนและดาวิดก็ได้ยิน เมื่อคนอิสราเอลเห็นชายคนนั้นก็วิ่งหนีเขาไป กลัวเขามาก คนอิสราเอลพูดว่า <<เจ้าเคยเห็นคนที่ออกมานั้นหรือ เขาออกมาท้าทายอิสราเอลแท้ๆ ถ้าใครฆ่าเขาได้ พระราชาจะพระราชทานทรัพย์ให้เขามากมาย และจะมอบราชธิดาให้ด้วยและกระทำให้ครอบครัว ของบิดาของเขาเป็นคนยกเว้นการเกณฑ์ในอิสราเอล>> และดาวิดกล่าวแก่ชายคนที่ยืนอยู่ข้างเขาว่า <<เขาจะทำอย่างไรแก่คนที่ฆ่าคนฟีลิสเตียคนนี้ได้ และนำเอาความเหยียดหยามอิสราเอลไปเสีย คนฟีลิสเตียผู้มิได้เข้าสุหนัตคนนี้คือใครเล่า เขาจึงมาท้าทายกองทัพของพระเจ้าอยู่>> ประชาชนก็ตอบเขาอย่างเดียวกันว่า <<ผู้ที่ฆ่าเขาได้ก็จะได้รับดังที่กล่าวมาแล้วนั้น>> ฝ่ายเอลีอับพี่ชายหัวปี ได้ยินคำที่ดาวิดพูดกับชายคนนั้น เอลีอับก็โกรธดาวิดกล่าวว่า <<เจ้าลงมาทำไมเจ้าทิ้งแกะไม่ กี่ตัวที่ถิ่นทุรกันดารไว้กับใคร ข้ารู้ถึงความทะเยอทะยานของเจ้า และความคิดชั่วของเจ้า เพราะเจ้าลงมาเพื่อจะมาดูเขารบกัน>> ดาวิดจึงตอบว่า <<ผมได้ทำอะไรไปแล้วเล่า พูดแต่คำเดียวเท่านั้นไม่ใช่หรือ>> เขาจึงหันไปหาคนอื่นเสีย และพูดอย่างเดียวกัน และประชาชนก็ตอบแก่เขาอย่างคราวก่อน เมื่อเขาทั้งหลายได้ยินคำที่ดาวิดพูด เขาทั้งหลายก็เล่าความให้ซาอูลทราบ ซาอูลจึงใช้คนให้มาตามดาวิด ดาวิดก็ทูลซาอูลว่า <<อย่าให้จิตใจของผู้ใดฝ่อไปเพราะชายคนนั้นเลย ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะไปสู้รบกับคนฟีลิสเตียคนนี้>> และซาอูลกล่าวแก่ดาวิดว่า <<เจ้าไม่สามารถที่จะไปสู้รบกับชายฟีลิสเตียคนนั้นดอก เพราะเจ้าเป็นแต่เด็กหนุ่ม และเขาเป็นทหารชำนาญศึกมาตั้งแต่หนุ่มๆแล้ว>> แต่ดาวิดทูลซาอูลว่า <<ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเคยดูแลแพะแกะของบิดา และเมื่อมีสิงห์หรือหมีมาเอาลูกแกะตัวหนึ่งไปจากฝูง ข้าพระบาทก็ไล่ตามฆ่ามัน และช่วยกู้ลูกแกะนั้นมาจากปากของมัน ถ้ามันลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระบาท ข้าพระบาทก็จับหนวดเคราของมัน และทุบตีมันจนตาย ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทได้ฆ่าสิงห์และหมีนั้นมาแล้ว คนฟีลิสเตียผู้มิได้เข้าสุหนัตคนนี้ก็เป็นเหมือนสัตว์เหล่านั้น ตัวหนึ่ง ด้วยเขาได้ท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่>> และดาวิดทูลต่อไปว่า <<พระเจ้าผู้ทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากขยุ้มเท้าของสิงห์ และจากขยุ้มเท้าของหมี จะทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากมือของคนฟีลิสเตียคนนี้>> และซาอูลจึงตรัสแก่ดาวิดว่า <<จงไปเถอะ และพระเจ้าจะทรงสถิตอยู่กับเจ้า>> แล้วซาอูลก็ทรงเอาเครื่องอาวุธของพระองค์สวมให้ดาวิด ทรงสวมหมวกทองสัมฤทธิ์บนศีรษะของเขา และสวมเสื้อเกราะให้เขา และดาวิดก็คาดดาบทับเครื่องอาวุธ เขาลองเดินดูก็เห็นว่าใช้ไม่ได้ เพราะเขาไม่ชิน แล้วดาวิดจึงทูลซาอูลว่า <<ข้าพระบาทจะสวมเครื่องเหล่านี้ไปไม่ได้ เพราะว่าข้าพระบาทไม่ชิน>> ดาวิดจึงปลดออกเสีย แล้วจึงถือไม้เท้าไว้ และเลือกก้อนหินเกลี้ยงจากลำธารได้ห้าก้อน จึงใส่ในย่ามผู้เลี้ยงแกะของเขาในถุงของ เขาและมือถือสลิงอยู่ ท่านก็เข้าไปใกล้คนฟีลิสเตียคนนั้น คนฟีลิสเตียนั้นก็ออกมาใกล้ดาวิด พร้อมกับคนถือโล่เดินออกหน้า เมื่อคนฟีลิสเตียมองเห็นดาวิดก็ดูถูกเขา เพราะเขาเป็นแต่คนหนุ่ม ผิวแดงๆ รูปร่างงามน่าดู คนฟีลิสเตียจึงพูดกับดาวิดว่า <<ข้าเป็นหมาหรือ เจ้าจึงถือไม้เท้ามาหาข้า>> และคนฟีลิสเตียคนนั้นก็แช่งด่าดาวิด ออกนามพระของตน คนฟีลิสเตียพูดกับดาวิดว่า <<มาหาข้านี่ ข้าจะเอาเนื้อของเจ้าให้นกในอากาศกับสัตว์ในทุ่งกิน>> แล้วดาวิดก็พูดกับคนฟีลิสเตียคนนั้นว่า <<ท่านมาหาข้าพเจ้าด้วยดาบ ด้วยหอกและด้วยหอกซัด แต่ข้าพเจ้ามาหาท่านในพระนามแห่งพระเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งกองทัพอิสราเอล ผู้ซึ่งท่านได้ท้าทายนั้น ในวันนี้พระเจ้าจะทรงมอบท่านไว้ในมือข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะประหารท่านและตัดศีรษะของท่านเสีย และในวันนี้ข้าพเจ้าจะให้ศพของกองทัพฟีลิสเตีย แก่นกในอากาศและแก่สัตว์ป่า เพื่อทั้งพิภพนี้จะทราบว่ามีพระเจ้าพระองค์หนึ่งในอิสราเอล และชุมนุมชนนี้ทั้งสิ้นจะทราบว่า พระเจ้ามิได้ทรงช่วยด้วยดาบหรือด้วยหอก เพราะว่าการรบครั้งนี้เป็นของพระเจ้า พระองค์จะทรงมอบท่านไว้ในมือของเราทั้งหลาย>> อยู่มาเมื่อคนฟีลิสเตียคนนั้นลุกขึ้นเข้ามาใกล้เพื่อ ปะทะดาวิด ดาวิดก็วิ่งเข้าหาแนวรบเพื่อปะทะกับคนฟีลิสเตียคน นั้นอย่างรวดเร็ว และดาวิดเอามือล้วงเข้าไปในย่ามหยิบหินก้อนหนึ่งออกมา แล้วเหวี่ยงหินก้อนนั้นด้วยสายสลิงถูกคนฟีลิสเตียคนนั้น ที่หน้าผาก ก้อนหินจมเข้าไปในหน้าผากเขาก็ล้มหน้าคว่ำลงที่ดิน ดังนั้นดาวิดก็ชนะคน ฟีลิสเตียคนนั้นด้วยสลิงและก้อนหินก้อนหนึ่ง และคว่ำคนฟีลิสเตียคนนั้นลง และฆ่าเขาเสีย ดาวิดไม่มีดาบอยู่ในมือ แล้วดาวิดวิ่งไปยืนอยู่เหนือคนฟีลิสเตียคนนั้น หยิบดาบของเขาชักออกจากฝักฆ่าเขาเสีย และตัดศีรษะของเขาออกเสียด้วยดาบ เมื่อคนฟีลิสเตียเห็นว่ายอดทหารของเขาตายเสีย แล้วก็พากันหนีไป คนอิสราเอลกับคนยูดาห์ก็ลุกขึ้นโห่ร้อง ไล่ติดตามคนฟีลิสเตีย ไกลไปจนถึงเมืองกัทและถึงประตูเมืองเอโครน ทหารฟีลิสเตียที่บาดเจ็บจึงล้มลงตามทางจากชาอาราอิม ไกลไปจนถึงเมืองกัทและเมืองเอโครน
1 ซามูเอล 17:1-52 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
ชาวฟีลิสเตียได้รวบรวมกองทหารเพื่อทำสงคราม และประชุมกันที่โสโคห์ซึ่งอยู่ในเขตยูดาห์ ตั้งค่ายอยู่ระหว่างโสโคห์และอาเซคาห์ที่เอเฟสดัมมิม ซาอูลและบรรดาชายชาวอิสราเอลประชุมกัน และตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาเอลาห์ และยืนแถวในแนวรบกับชาวฟีลิสเตีย ชาวฟีลิสเตียยืนอยู่ทางฟากหนึ่งของภูเขา และชาวอิสราเอลยืนอยู่อีกฟากหนึ่ง มีหุบเขากั้นระหว่าง 2 ฝ่าย ผู้ต่อสู้ตัวเอกแห่งเมืองกัทคนหนึ่งสูง 6 ศอก ชื่อโกลิอัท ออกมาจากค่ายของชาวฟีลิสเตีย เขามีหมวกทองสัมฤทธิ์สวมศีรษะ สวมเสื้อเกราะป้องกันตัว เสื้อเป็นทองสัมฤทธิ์หนัก 5,000 เชเขล และมีเกราะทองสัมฤทธิ์ป้องกันขา และมีหอกซัดทองสัมฤทธิ์ผูกไว้บนหลังของเขา ด้ามแหลนของเขาเหมือนไม้กระพั่นของคนทอผ้า ปลายแหลนเป็นเหล็กหนัก 600 เชเขล และคนแบกโล่เดินล่วงหน้าเขาไป โกลิอัทยืนตะโกนบอกชาวอิสราเอลที่ยืนแถวในแนวรบว่า “ทำไมพวกเจ้าออกมายืนแถวเตรียมรบเล่า ข้าไม่ใช่ชาวฟีลิสเตียหรือ และเจ้าเป็นคนรับใช้ของซาอูลมิใช่หรือ จงเลือกชายคนใดคนหนึ่งออกมา ให้เขาลงมาหาข้า ถ้าเขาสามารถสู้และฆ่าข้าได้ พวกเราก็จะเป็นคนรับใช้ของพวกเจ้า แต่ถ้าข้าสู้ชนะและฆ่าเขาตาย พวกเจ้าก็จะเป็นคนรับใช้ของพวกเรา และรับใช้พวกเรา” ชาวฟีลิสเตียคนนั้นพูดว่า “วันนี้เราขอท้าแนวรบของอิสราเอล ส่งชายคนใดคนหนึ่งให้ออกมาสู้กับเราตัวต่อตัว” ครั้นซาอูลและชาวอิสราเอลได้ยินชาวฟีลิสเตียพูดเช่นนั้น ก็ตกใจและหวาดกลัวมาก ดาวิดเป็นบุตรคนหนึ่งของเจสซีชาวเอฟราธาห์แห่งเบธเลเฮมในยูดาห์ เจสซีมีบุตร 8 คน และในช่วงเวลาของซาอูล เจสซีก็ชราและมีอายุมากแล้ว บุตร 3 คนแรกของเจสซีได้ติดตามซาอูลไปสู้รบบ้างแล้ว บุตรทั้งสามที่ได้ไปสู้รบชื่อ เอลีอับบุตรหัวปี อาบีนาดับคนถัดไป และชัมมาห์คนที่สาม ดาวิดเป็นคนสุดท้อง 3 คนแรกติดตามซาอูลไป แต่ดาวิดไปๆ มาๆ ระหว่างซาอูลและกลับไปเลี้ยงดูฝูงแกะของบิดาที่เบธเลเฮม ชาวฟีลิสเตียคนนั้นได้ออกมาท้าทายอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งเช้าทั้งเย็นเป็นเวลา 40 วัน เจสซีพูดกับดาวิดบุตรของตนว่า “เจ้าเอาข้าวคั่ว 1 เอฟาห์ กับขนมปัง 10 ก้อนไป เอาไปให้พี่ๆ ของเจ้าที่ค่ายโดยเร็ว เอาเนยแข็ง 10 ก้อนไปให้ผู้บังคับกองพันด้วย ไปดูซิว่าพวกพี่ชายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง และเอาอะไรจากพวกเขากลับมาพิสูจน์ให้เห็นด้วย” ขณะนั้นซาอูล พวกพี่ชายของดาวิด และชายอิสราเอลคนอื่นๆ กำลังสู้รบกับพวกชาวฟีลิสเตียในหุบเขาเอลาห์ ดาวิดลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ ปล่อยให้คนเฝ้าแกะดูแลฝูงแกะ และหอบของที่เจสซีสั่งให้เอาไป เขาเดินทางถึงค่ายขณะที่กองทัพกำลังออกไปเผชิญหน้ากันด้วยเสียงโห่ร้องของสนามรบ ชาวอิสราเอลและชาวฟีลิสเตียยืนแถวในแนวรบ กองทัพปะทะกับกองทัพ ดาวิดจึงให้ของที่หอบมาไว้กับคนดูแลสัมภาระ และวิ่งไปยังกองรบที่ยืนแถวอยู่ และไปทักทายพวกพี่ๆ ขณะที่เขากำลังพูดกับพวกพี่ๆ ดูเถิด ผู้ต่อสู้ตัวเอกชื่อโกลิอัทชาวฟีลิสเตียแห่งเมืองกัท ก็ก้าวออกมาจากแนวรบของพวกฟีลิสเตีย และพูดเหมือนกับที่เคยพูดมาแล้ว และดาวิดได้ยินเขาพูด เมื่อชายชาวอิสราเอลทุกคนเห็นโกลิอัท พวกเขาก็ถอยหนีไปด้วยความกลัวยิ่งนัก ชายชาวอิสราเอลจึงพูดขึ้นว่า “เจ้าเคยเห็นคนที่ขึ้นมาแล้วหรือยัง เขาขึ้นมาเพื่อท้าทายอิสราเอลอย่างแน่นอน กษัตริย์ของเราจะมอบรางวัลอย่างมั่งคั่งให้แก่คนที่ฆ่าเขาได้ และจะมอบบุตรสาวของท่านให้ด้วย อีกทั้งครอบครัวของเขาจะมีอิสระทุกอย่างในประเทศอิสราเอล” ดาวิดพูดกับบรรดาชายที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ว่า “จะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ฆ่าชาวฟีลิสเตียคนนี้ และช่วยอิสราเอลให้พ้นจากคำดูหมิ่นได้ ชาวฟีลิสเตียที่ไม่ได้เข้าสุหนัตผู้นี้เป็นใคร เขาจึงท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ดำรงชีวิต” และประชาชนก็ตอบเหมือนกันว่า “คนที่ฆ่าเขาตายจะได้รับสิ่งดังกล่าวนั้นแหละ” ฝ่ายเอลีอับพี่ชายคนหัวปีของเขาได้ยินดาวิดพูดกับพวกผู้ชาย เอลีอับจึงโกรธดาวิดมาก และถามว่า “เจ้าลงมาทำไม และเจ้าปล่อยแกะไม่กี่ตัวไว้กับใครในถิ่นทุรกันดาร ข้ารู้ความหยิ่งผยองของเจ้า และเจ้าคิดในสิ่งชั่วร้าย เป็นเพราะเจ้าอยากลงมาดูการสู้รบนั่นเอง” ดาวิดจึงตอบว่า “เราไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแต่พูดไม่กี่คำเท่านั้น” แล้วเขาก็หันไปทางคนอื่น และพูดเหมือนเดิมอีก และประชาชนก็ตอบเขาเหมือนเดิมอีกเช่นกัน เมื่อคนได้ยินสิ่งที่ดาวิดพูด เขาก็ไปพูดให้ซาอูลฟัง ท่านจึงให้คนไปตามตัวมา ดาวิดพูดกับซาอูลว่า “อย่าให้ใครใจเสียเพราะชายคนนั้น ผู้รับใช้ของท่านจะไปต่อสู้กับชาวฟีลิสเตียคนนั้นเอง” ซาอูลพูดกับดาวิดว่า “เจ้าไม่สามารถไปต่อสู้กับชาวฟีลิสเตียคนนั้นได้หรอก เพราะเจ้ายังมีอายุน้อยอยู่ แต่เขาเป็นนักรบมาตั้งแต่เยาว์วัยแล้ว” แต่ดาวิดพูดกับซาอูลว่า “ผู้รับใช้ของท่านเคยเฝ้าดูฝูงแกะให้พ่อ และเมื่อใดที่มีสิงโตหรือหมีมาตะครุบลูกแกะไปจากฝูง ข้าพเจ้าก็ไล่ตามไปสู้ และช่วยลูกแกะรอดจากปากสิงโต แต่ถ้ามันกระโจนใส่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็คว้าขนที่คอ และทุบตีมันจนตาย ผู้รับใช้ของท่านได้ต่อสู้ชนะสิงโตและหมีมาแล้ว และชาวฟีลิสเตียที่ไม่ได้เข้าสุหนัตผู้นี้ก็จะเป็นเหมือนสัตว์เหล่านั้น เพราะเขาท้ากองทัพของพระเจ้าผู้ดำรงอยู่” และดาวิดพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้าผู้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดจากอุ้งเท้าสิงโตและหมี ก็จะช่วยข้าพเจ้าให้รอดจากเงื้อมมือของชาวฟีลิสเตียผู้นี้” ซาอูลจึงพูดกับดาวิดว่า “ไปเถิด และขอให้พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเจ้า” ครั้นแล้วซาอูลก็ให้ดาวิดสวมชุดออกศึกของท่าน ท่านสวมหมวกทองสัมฤทธิ์บนศีรษะ และให้สวมเสื้อเกราะป้องกันตัวให้เขา ดาวิดสะพายดาบของท่านทับชุดออกศึก แล้วพยายามเดินไป แต่เดินไม่ได้ เพราะไม่เคยสวมมาก่อน ดาวิดจึงพูดกับซาอูลว่า “ข้าพเจ้าสวมชุดแบบนี้ไปต่อสู้ไม่ได้หรอก เพราะไม่เคยใช้” ดาวิดจึงปลดออก แล้วเขาก็ถือไม้เท้าของเขา และเลือกก้อนหิน 5 ก้อนจากธารน้ำ เก็บใส่ถุงที่คนเลี้ยงแกะใช้กัน มือถือสลิง แล้วเขาก็เดินไปหาชาวฟีลิสเตียผู้นั้น ชาวฟีลิสเตียเดินหน้าเข้าหาดาวิด พร้อมกับมีคนถือโล่เดินนำหน้าเขา เมื่อชาวฟีลิสเตียมองเห็นดาวิดก็ดูถูกเขา เพราะเป็นเพียงเด็ก ผิวออกแดงๆ และรูปงาม ชาวฟีลิสเตียพูดกับดาวิดว่า “ข้าเป็นหมาหรือไง เจ้าจึงถือไม้มาด้วย” และชาวฟีลิสเตียผู้นั้นก็แช่งด่าดาวิดในนามเทพเจ้าของเขา ชาวฟีลิสเตียพูดกับดาวิดว่า “มาหาข้าสิ ข้าจะได้เอาเนื้อเจ้าให้นกในอากาศกับสัตว์ป่าในทุ่งกิน” แล้วดาวิดพูดกับชาวฟีลิสเตียว่า “ท่านมีดาบ แหลน และหอกซัดมาหาเรา แต่เรามาหาท่านด้วยพระนามของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของกองทัพของอิสราเอลที่ท่านท้าทาย วันนี้พระผู้เป็นเจ้าจะมอบท่านไว้ในมือของเรา และเราจะปราบท่าน และตัดหัวท่าน และเราจะเอาศพทหารของชาวฟีลิสเตียให้นกในอากาศกับสัตว์ป่าในโลกกิน เพื่อทั่วทั้งโลกจะได้รู้ว่ามีพระเจ้าในอิสราเอล และทุกคนที่อยู่ที่นี่จะได้รู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ช่วยให้รอดด้วยดาบและแหลน เพราะการสู้รบเป็นของพระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะมอบท่านไว้ในมือของพวกเรา” เมื่อชาวฟีลิสเตียผู้นั้นก้าวเข้าไปหาดาวิดใกล้ยิ่งขึ้น ดาวิดจึงรีบวิ่งสู่สนามรบเพื่อปะทะกับชาวฟีลิสเตียผู้นั้น ดาวิดหยิบก้อนหินที่อยู่ในถุงออกมาก้อนหนึ่ง และเหวี่ยงถูกหน้าผากของชาวฟีลิสเตีย หินก้อนนั้นฝังเข้าไปในหน้าผาก และเขาก็ทรุดตัวลงบนพื้นดิน ดังนั้นดาวิดชนะชาวฟีลิสเตียด้วยสลิงและก้อนหินก้อนเดียว ปราบชาวฟีลิสเตียและฆ่าเขาได้ ดาวิดไม่มีแม้แต่ดาบติดตัว ดาวิดวิ่งไปและก้มดูชาวฟีลิสเตียคนนั้น ควักดาบออกจากฝัก ฆ่าเขาให้ตายและตัดหัวด้วย เมื่อชาวฟีลิสเตียทั้งปวงเห็นว่าผู้ต่อสู้ตัวเอกของพวกเขาตายเสียแล้ว จึงพากันหนีเตลิดไป ฝ่ายชาวอิสราเอลและยูดาห์ก็วิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับเสียงโห่ร้องไล่ตามชาวฟีลิสเตียไปจนถึงเมืองกัทและประตูเมืองเอโครน ชาวฟีลิสเตียที่บาดเจ็บจึงล้มลงตามทางตั้งแต่ชาอาราอิม ไปจนถึงเมืองกัทและเอโครน