1 ซามูเอล 14:1-23

1 ซามูเอล 14:1-23 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

วันหนึ่งโยนาธานราชโอรสของซาอูลกล่าวกับคนหนุ่มที่ถือเครื่องอาวุธของท่านว่า “มาเถอะ ให้เราข้ามไปที่กองทหารฟีลิสเตียข้างโน้น” แต่ไม่ได้ทูลพระบิดาให้ทรงทราบ ซาอูลทรงพำนักอยู่ที่ชานเมืองกิเบอาห์ใต้ต้นทับทิม ซึ่งอยู่ที่ตำบลมิโกรน ทหารซึ่งอยู่กับพระองค์มีชายประมาณ 600 คน กับอาหิยาห์บุตรอาหิทูบพี่ชายของอีคาโบด บุตรของฟีเนหัสผู้เป็นบุตรของเอลีปุโรหิตของพระยาห์เวห์ที่เมืองชิโลห์ เป็นผู้สวมเอโฟด และพวกทหารไม่ทราบว่าโยนาธานไปแล้ว ตามทางข้ามเขาที่โยนาธานหาช่องที่จะข้ามไปยังกองทหารฟีลิสเตียนั้น มียอดหินแหลมอยู่ฟากทางข้างนี้ และฟากทางข้างโน้นยอดหินแหลมมีชื่อว่าโบเซส อีกยอดหนึ่งชื่อเสเนห์ หินแหลมยอดหนึ่งอยู่ทางเหนือหน้ามิคมาช และอีกยอดหนึ่งอยู่ทางใต้หน้าเกบา โยนาธานพูดกับคนหนุ่มที่ถือเครื่องอาวุธของท่านว่า “มาเถิด ให้เราข้ามไปยังกองทหารของพวกนี้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัต บางทีพระยาห์เวห์จะทรงทำเพื่อเรา เพราะว่าไม่มีสิ่งใดที่ขัดขวางพระยาห์เวห์ได้ในการที่พระองค์จะทรงช่วยกู้ ไม่ว่าโดยคนมากหรือน้อย” ผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านจึงตอบท่านว่า “จงทำทุกสิ่งที่ใจของท่านอยากทำ มุ่งไปเถิด นี่แน่ะ ข้าพเจ้าพร้อมร่วมกับท่าน แล้วแต่ใจของท่าน” แล้วโยนาธานพูดว่า “นี่แน่ะ เราจะข้ามไปหาพวกนั้นและจะให้พวกเขาเห็นตัว ดังนั้นถ้าพวกเขาจะพูดกับเราว่า ‘จงอยู่นิ่งๆ จนกว่าพวกเราจะมาถึงตัวพวกเจ้า’ แล้วเราจะยืนในที่ของเรา จะไม่ขึ้นไปหาพวกเขา แต่ถ้าพวกเขาว่า ‘จงขึ้นมาหาพวกเรา’ แล้วเราจะขึ้นไปเพราะพระยาห์เวห์ทรงมอบพวกเขาไว้ในมือเรา แล้วเรื่องนี้จะเป็นสัญญาณแก่เรา” ทั้งสองจึงให้กองทหารพวกฟีลิสเตียเห็นตัว และพวกฟีลิสเตียกล่าวว่า “นี่แน่ะ พวกฮีบรูออกมาจากรูที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่แล้ว” พวกกองทหารจึงร้องบอกโยนาธานและผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านว่า “จงขึ้นมาหาเรา แล้วเราจะบอกให้เจ้ารู้เรื่องสักเรื่องหนึ่ง” และโยนาธานจึงบอกผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านว่า “จงขึ้นตามข้ามา เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงมอบพวกเขาไว้ในมืออิสราเอลแล้ว” แล้วโยนาธานก็คลานขึ้นไปและผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านก็ตามไปด้วย พวกนั้นก็ล้มลงต่อหน้าโยนาธาน แล้วผู้ถืออาวุธก็ฆ่าพวกเขาตามท่านไป การฆ่าฟันครั้งแรก ที่โยนาธานและผู้ถืออาวุธของท่านฆ่านั้นมีประมาณ 20 คน ในระยะทางประมาณครึ่งรอยไถในนาสักสองไร่ครึ่ง และเกิดการสั่นสะท้านในค่ายในทุ่งนาและในพวกทหารทั้งหมด กองทหารนั้นและแม้แต่กองปล้นพวกนี้ก็หวาดกลัวตัวสั่นและแผ่นดินก็ไหว คือการสั่นสะท้านที่มาจากพระเจ้า พวกยามของซาอูลที่อยู่ ณ กิเบอาห์แห่งเผ่าเบนยามินก็มองดูอยู่ และนี่แน่ะ กองทัพก็สลายไป วิ่งวุ่นไปมา แล้วซาอูลจึงรับสั่งแก่ทหารที่อยู่กับท่านว่า “จงนับดูว่าใครไปจากพวกเราบ้าง” และเมื่อพวกเขานับดูแล้ว นี่แน่ะ โยนาธานและผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านไม่อยู่ที่นั่น และซาอูลรับสั่งกับอาหิยาห์ว่า “จงนำหีบของพระเจ้ามาที่นี่” เพราะคราวนั้นหีบของพระเจ้าอยู่กับพงศ์พันธุ์อิสราเอล เมื่อซาอูลตรัสกับปุโรหิต เสียงโกลาหลที่อยู่ในค่ายพวกฟีลิสเตียก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซาอูลจึงตรัสกับปุโรหิตว่า “หดมือไว้ก่อน” ซาอูลกับทหารทั้งหมดที่อยู่ด้วยก็เข้าไปทำศึก และนี่แน่ะ ดาบของทุกคนก็ต่อสู้เพื่อนของตนมีความสับสนอลหม่านอย่างยิ่ง ส่วนพวกฮีบรูซึ่งเคยอยู่กับพวกฟีลิสเตียก่อนเวลานั้น คือคนที่ไปในค่ายกับพวกเขา แม้แต่คนเหล่านั้นก็กลับมาเข้ากับคนอิสราเอลที่อยู่ฝ่ายซาอูลและโยนาธาน ในทำนองเดียวกัน คนอิสราเอลทั้งปวงที่ซ่อนตัวอยู่ในแดนเทือกเขาเอฟราอิมได้ยินว่า คนฟีลิสเตียกำลังหนี พวกเหล่านี้ก็ไล่ตามพวกเขาในสงครามนั้นด้วย พระยาห์เวห์ทรงช่วยกู้อิสราเอลในวันนั้น และสงครามก็ผ่านตลอดเมืองเบธาเวนเลยไป

1 ซามูเอล 14:1-23 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

วันหนึ่งโยนาธานราชโอรสของซาอูลตรัสกับมหาดเล็กหนุ่มผู้เชิญอาวุธว่า “ให้เราข้ามไปยังกองทหารรักษาการณ์ของฟีลิสเตียข้างโน้นกันเถิด” แต่โยนาธานไม่ได้ทูลราชบิดา ซาอูลตั้งค่ายอยู่ที่ชายแดนเมืองกิเบอาห์ ใต้ต้นทับทิมที่มิโกรน ทหารทั้งหกร้อยคนอยู่กับพระองค์ด้วย ในจำนวนนี้มีอาหิยาห์ผู้สวมเอโฟดอยู่ด้วย เขาเป็นบุตรของอาหิทูบ พี่ชายของอีคาโบด อาหิทูบเป็นบุตรของฟีเนหัส บุตรเอลีซึ่งเป็นปุโรหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ชิโลห์ ไม่มีผู้ใดทราบว่าโยนาธานไปแล้ว โยนาธานต้องข้ามช่องเขาซึ่งอยู่ระหว่างหน้าผาโบเซสและเสเนห์เพื่อไปยังกองทหารรักษาการณ์ของฟีลิสเตีย หน้าผาทางด้านเหนืออยู่ตรงหน้ามิคมาช ส่วนทางใต้อยู่ตรงหน้าเกบา โยนาธานกล่าวกับมหาดเล็กหนุ่มผู้เชิญอาวุธของเขาว่า “มาเถิด ให้เราไปยังกองทหารรักษาการณ์ด้านนอกของพวกที่ไม่เข้าสุหนัตเหล่านั้น บางทีองค์พระผู้เป็นเจ้าอาจจะทรงกระทำการเพื่อเรา ไม่มีสิ่งใดขัดขวางไม่ให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วย ไม่ว่าคนจะมากหรือน้อย” ผู้เชิญอาวุธทูลว่า “ขอจงทำตามที่ท่านเห็นชอบเถิด ข้าพเจ้าสนับสนุนท่านเต็มที่” โยนาธานกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นมาเถิด เราจะข้ามไปหาพวกนั้นและให้เขาเห็นเรา ถ้าเขาพูดว่า ‘หยุดอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวเราจะไปหาพวกเจ้า’ เราก็จะหยุดอยู่ ไม่บุกเข้าไป แต่ถ้าเขาพูดว่า ‘ขึ้นมาสิ’ เราก็จะปีนขึ้นไป เพราะนั่นจะเป็นหมายสำคัญแก่เราว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของเราแล้ว” ดังนั้นทั้งสองจึงแสดงตัวให้กองรักษาการณ์ฟีลิสเตียเห็น ชาวฟีลิสเตียก็ตะโกนว่า “ดูแน่ะ! พวกฮีบรูคลานออกมาจากรูที่ซ่อนตัวแล้ว” พวกเขาก็ตะโกนบอกโยนาธานและผู้ติดตามว่า “ขึ้นมาสิ จะสอนบทเรียนให้” โยนาธานร้องบอกผู้เชิญอาวุธว่า “ปีนตามหลังเรามาเลย องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของอิสราเอลแล้ว” โยนาธานปีนขึ้นไป ผู้เชิญอาวุธปีนตามหลัง ชาวฟีลิสเตียล้มตายต่อหน้าโยนาธาน และผู้เชิญอาวุธของโยนาธานฆ่าฟันตามหลังมา ในการบุกโจมตีครั้งแรกนี้ โยนาธานกับผู้เชิญอาวุธฆ่าคนตายไปยี่สิบคนในเนื้อที่ราวหนึ่งไร่ ความหวาดผวาแผ่ไปทั่วกองทัพฟีลิสเตีย ทั้งพวกที่อยู่ในค่ายและในท้องทุ่ง ทั้งพวกที่อยู่ในกองทหารรักษาการณ์และกองโจร และเกิดแผ่นดินไหว เป็นความหวาดผวาที่พระเจ้าส่งมา กองรักษาการณ์ของซาอูลที่กิเบอาห์ในเขตเบนยามินเห็นกองทัพแตกกระเจิดกระเจิง ซาอูลจึงตรัสกับทหารที่อยู่ด้วยว่า “จงรวมพลและตรวจดูว่ามีใครบ้างไม่อยู่ที่นี่” และเมื่อตรวจดูพบว่าโยนาธานกับผู้เชิญอาวุธหายไป ซาอูลตรัสกับอาหิยาห์ว่า “จงนำหีบพันธสัญญาของพระเจ้ามาที่นี่” (ครั้งนั้นประชากรอิสราเอลมีหีบพันธสัญญาอยู่ด้วย) ขณะที่ซาอูลกำลังตรัสกับปุโรหิต ความชุลมุนวุ่นวายในค่ายพักของฟีลิสเตียยิ่งดังอึกทึกขึ้นทุกที ซาอูลจึงตรัสกับปุโรหิตว่า “ยั้งมือไว้ก่อน” แล้วซาอูลกับคนทั้งหมดก็รวมตัวกันเข้าสู้รบ พวกเขาเห็นชาวฟีลิสเตียกำลังชุลมุนวุ่นวายฆ่าฟันกันเอง คนฮีบรูซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ฝ่ายฟีลิสเตียและไปที่ค่ายของพวกเขาก็กลับเข้ามาสมทบกับฝ่ายซาอูลและโยนาธาน เมื่อคนอิสราเอลทั้งปวงที่หลบซ่อนอยู่ในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิมได้ข่าวว่าพวกฟีลิสเตียล่าถอย ก็มาร่วมรุกไล่ข้าศึกด้วย เป็นอันว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยกู้อิสราเอลในวันนั้น และสงครามขยายเลยเมืองเบธอาเวนไป

1 ซามูเอล 14:1-23 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

วัน​หนึ่ง​โยนาธาน​ลูกชาย​ของ​ซาอูล​ได้​พูด​กับ​เด็ก​หนุ่ม​ผู้​ถือ​อาวุธ​ของ​เขา​ว่า “มา​เถอะ ให้​พวก​เรา​ไป​ที่​ค่าย​ของ​คน​ฟีลิสเตีย​ที่​อยู่​ฝั่ง​โน้น​กัน” แต่​เขา​ไม่​ได้​บอก​ซาอูล​พ่อ​ของ​เขา (ขณะนั้น​ซาอูล​กำลัง​พักผ่อน​อยู่​ที่​ชาน​เมือง​กิเบอาห์​ใต้​ต้นทับทิม​ใน​มิโกรน กับ​คน​ประมาณ​หกร้อย​คน ซึ่ง​ใน​จำนวน​นั้น​มี​อาหิยาห์​ผู้​ที่​ใส่​เอโฟด​อยู่​ด้วย เขา​เป็น​ลูกชาย​ของ​อาหิทูบ​ซึ่ง​เป็น​พี่ชาย​ของ​อีคาโบด อีคาโบด​และ​อาหิทูบ​เป็น​ลูกชาย​ของ​ฟีเนหัส ฟีเนหัส​เป็น​ลูกชาย​ของ​เอลี เอลี​เคยเป็น​นักบวช​ของ​พระยาห์เวห์​อยู่​ที่​เมือง​ชิโลห์ ไม่​มี​ใคร​รู้​ว่า​โยนาธาน​ได้​ออก​ไป​แล้ว ทาง​ข้าม​ทั้ง​สอง​ข้าง​ที่​โยนาธาน​จะ​ใช้​ข้าม​เข้า​ไป​ยัง​ค่าย​ของ​ฟีลิสเตีย​นั้น​เป็น​หน้า​ผา หน้าผา​ทั้ง​สอง​ด้าน​นี้ ข้าง​หนึ่ง​เรียกว่า​โบเซส และ​อีก​ข้าง​หนึ่ง​เรียกว่า​เสเนห์ หน้าผา​ด้าน​หนึ่ง​อยู่​ทาง​เหนือ​ตรง​ฝั่ง​เมือง​มิคมาช ส่วน​หน้า​ผา​อีก​ด้าน​อยู่​ทาง​ใต้​ตรง​ฝั่ง​เมือง​เกบา) โยนาธาน​พูด​กับ​เด็ก​หนุ่ม​ผู้​ถือ​อาวุธ​ของ​เขา​ว่า “ไป​กัน​เถอะ พวก​เรา​ข้าม​ไป​ยัง​ป้อม​ทหาร​ของ​ไอ้​พวก​ผู้ชาย​ที่​ยัง​ไม่​ได้​ทำ​พิธีขลิบ​พวก​นั้น บางที​พระยาห์เวห์​อาจ​จะ​มา​ช่วย​เรา​ทำ​สิ่งนี้​ก็​ได้ ไม่​มี​อะไร​จะ​มา​ขัดขวาง​ไม่​ให้​พระยาห์เวห์​มา​ช่วย​กู้​ได้ ไม่​ว่า​พระองค์​จะ​ใช้​คน​มาก​หรือ​น้อย​ก็​ตาม” คน​ถือ​อาวุธ​ของ​เขา​พูด​ว่า “ทำ​อะไร​ก็​ได้​ตาม​ใจ​ท่าน ลุย​ไป​เลย ข้าพเจ้า​จะ​อยู่​เคียง​ข้าง​ท่าน​ตลอด​ไป” โยนาธาน​พูด​ว่า “ถ้า​อย่าง​นั้น​ไป​กัน​เถอะ พวก​เรา​จะ​ข้าม​ไป​หา​คน​ฟีลิสเตีย และ​ปล่อย​ให้​พวก​เขา​เห็น​พวก​เรา ถ้า​พวก​เขา​พูด​กับ​พวก​เรา​ว่า ‘คอย​อยู่​ที่​นั่น​จน​กว่า​พวก​เรา​จะ​ลง​ไป​หา​เจ้า’ พวก​เรา​ก็​จะ​หยุด​ใน​ที่​ที่​พวก​เรา​อยู่​และ​จะ​ไม่​ไป​หา​พวก​เขา แต่​ถ้า​พวก​เขา​พูด​ว่า ‘ขึ้น​มา​หา​พวก​เรา​สิ’ พวก​เรา​ก็​จะ​ปีน​ขึ้น​ไป เพราะ​นั่น​จะ​เป็น​สัญญาณ​ให้​กับ​เรา ว่า​พระยาห์เวห์​ได้​มอบ​พวก​เขา​ไว้​ใน​กำ​มือ​ของ​พวก​เรา​แล้ว” โยนาธาน​และ​คน​ถือ​อาวุธ​ของ​เขา​จึง​แสดง​ตัว​ให้​คน​ฟีลิสเตีย​ที่​ค่าย​ได้​เห็น พวก​เขา​ก็​พูด​ว่า “ดูซิ พวก​ฮีบรู​กำลัง​คลาน​ออก​จาก​รู​ที่​พวก​มัน​ใช้​หลบซ่อน” ชาย​คน​หนึ่ง​ใน​ค่าย​ก็​ตะโกน​ใส่​โยนาธาน​และ​คน​ถือ​อาวุธ​ของ​เขา​ว่า “ขึ้น​มา​หา​พวก​เรา​สิ แล้ว​พวก​เรา​จะ​ให้​บท​เรียน​กับ​พวก​เจ้า” ดังนั้น​โยนาธาน​จึง​พูด​กับ​คน​ถือ​อาวุธ​ของ​เขา​ว่า “ปีน​ตาม​เรา​มา พระยาห์เวห์​ได้​มอบ​พวก​เขา​ให้​อยู่​ใน​กำ​มือ​ของ​คน​อิสราเอล​แล้ว” โยนาธาน​ปีน​ขึ้น​ไป​ด้วย​มือ​และ​เท้า​ของ​เขา คน​ถือ​อาวุธ​ของ​เขา​ปีน​ตาม​มา​อย่าง​ติดๆ โยนาธาน​สู้รบ​กับ​คน​ฟีลิสเตีย และ​คน​ฟีลิสเตีย​ก็​ล้ม​ลง​ต่อหน้า​โยนาธาน คน​ถือ​อาวุธ​ของ​เขา​ก็​ตาม​มา​ติดๆ​และ​ได้​ฆ่า​ฟัน​พวก​นั้น​อยู่​ข้างหลัง​เขา ใน​การ​ปะทะ​กัน​ครั้ง​แรก พวก​เขา​สอง​คน​ฆ่า​คน​ฟีลิสเตีย​ตาย​ประมาณ​ยี่สิบ​คน​ใน​พื้นที่​ประมาณ​สอง​ไร่ จาก​นั้น​ทหาร​ทั้ง​กองทัพ​ของ​ฟีลิสเตีย​ก็​ตกใจ​กลัว​จน​ตัว​สั่น คือ​พวก​ที่​อยู่​ใน​ค่าย ใน​สนามรบ พวก​ที่​อยู่​ตาม​ป้อม​ต่างๆ​และ​พวก​ที่​อยู่​ใน​กอง​กำลัง​ย่อย ได้​เกิด​แผ่นดิน​ไหว​ขึ้น มัน​เป็น​ความ​หวาดกลัว​ที่​พระเจ้า​ส่ง​มา พวก​ยาม​ของ​ซาอูล​ที่​กิเบอาห์​ใน​แผ่นดิน​เบนยามิน เห็น​ทหาร​ฟีลิสเตีย​วิ่งหนี​ไป​คนละ​ทิศ​ละ​ทาง ซาอูล​จึง​พูด​กับ​คน​ที่​อยู่​กับ​เขา​ว่า “เรียก​พวก​เรา​มา​รวม​พล​กัน​ให้​หมด และ​ดู​ว่า​ใคร​หาย​ไป” เมื่อ​ตรวจ​ดู​ก็​พบ​ว่า​โยนาธาน​และ​คน​ถือ​อาวุธ​ของ​เขา​ไม่​ได้​อยู่​ที่​นั่น ซาอูล​จึง​พูด​กับ​อาหิยาห์​ว่า “ให้​นำ​เอโฟด​มา​ที่​นี่” (ใน​เวลา​นั้น​อาหิยาห์​ใส่​เอโฟด​ยืน​อยู่​ต่อ​หน้า​ชาว​อิสราเอล) ขณะ​ที่​ซาอูล​กำลัง​พูด​กับ​นักบวช เพื่อ​คอย​คำ​แนะนำ​จาก​พระเจ้า ก็​เกิด​เสียง​อึกทึก​ขึ้น​ใน​ค่าย​ฟีลิสเตีย​และ​มัน​ก็​ดัง​ขึ้นๆ ซาอูล​จึง​พูด​กับ​นักบวช​ว่า “ไม่​ต้อง​ดึง​สลาก​จาก​เอโฟด​เพื่อ​ถาม​พระยาห์เวห์​แล้ว ไม่​มี​เวลา​แล้ว” ดังนั้น​ซาอูล​และ​ประชาชน​ที่​อยู่​กับ​เขา​จึง​ออก​ไป​เพื่อ​จะ​รบ แต่​พวก​เขา​กลับ​พบ​ว่า​คน​ฟีลิสเตีย​อยู่​ใน​ความ​สับสน​ถือ​ดาบ​ฆ่า​ฟัน​กัน​เอง คน​ฮีบรู​ที่​เดิม​เคย​อยู่​กับ​คน​ฟีลิสเตีย​และ​พวก​ที่​อยู่​ใน​ค่าย​ก็​หัน​มา​ร่วม​มือ​กับ​คน​อิสราเอล มา​อยู่​ฝ่าย​เดียว​กับ​ซาอูล​และ​โยนาธาน เมื่อ​คน​อิสราเอล​ทั้งหมด​ที่​หลบซ่อน​อยู่​ตาม​แถบ​เทือกเขา​เอฟราอิม​รู้​ข่าว​ว่า​คน​ฟีลิสเตีย​กำลัง​หนี พวก​เขา​ก็​เข้า​ร่วมรบ และ​ไล่ล่า​คน​ฟีลิสเตีย​อย่าง​ดุเดือด ใน​วัน​นั้น​พระยาห์เวห์​ได้​ช่วยกู้​คน​อิสราเอล​ไว้ การ​สู้รบ​ได้​ขยาย​เลย​เมือง​เบธาเวน​ออก​ไป กองทัพ​ทั้งหมด​ได้​อยู่​กับ​ซาอูล ตอนนั้น​เขา​มี​ทหาร​อยู่​หนึ่ง​หมื่น​คน การ​สู้รบ​ได้​ขยาย​ไป​ทุก​เมือง​ใน​แถบ​เนินเขา​ของ​เอฟราอิม

1 ซามูเอล 14:1-23 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

อยู่​มาวันหนึ่งโยนาธานราชโอรสของซาอูลกล่าวกับคนหนุ่​มท​ี่ถือเครื่องอาวุธของท่านว่า “มาเถิด ให้​เราข้ามไปยังกองทหารรักษาการของคนฟีลิสเตียข้างโน้น” แต่​หาได้ทูลพระบิดาของตนให้ทราบไม่ ซาอูลทรงพักอยู่​ที่​ชานเมืองกิเบอาห์​ใต้​ต้นทั​บท​ิม ซึ่งอยู่​ที่​ตำบลมิโกรน พลซึ่งอยู่ด้วยมีประมาณหกร้อยคน กับอาหิยาห์​บุ​ตรชายอาหิทูบพี่ชายของอีคาโบด บุ​ตรชายของฟีเนหั​สผ​ู้เป็นบุตรชายของเอลี​ปุ​โรหิตแห่งพระเยโฮวาห์​ที่​เมืองชีโลห์ เขาถือเอโฟดไป และพวกพลไม่ทราบว่าโยนาธานไปแล้ว ตามทางข้ามเขาที่โยนาธานหาช่องที่จะข้ามไปยังค่ายของฟีลิสเตียนั้น มี​ยอดหินแหลมอยู่ฟากทางข้างนี้ และมียอดหินแหลมอยู่ฟากทางข้างโน้น ยอดหนึ่​งม​ีชื่อว่าโบเซส อี​กยอดหนึ่งชื่อเสเนห์ หินแหลมยอดหนึ่งโผล่ขึ้นข้างเหนือหน้ามิคมาช และอีกยอดหนึ่งโผล่ขึ้นข้างใต้​หน​้ากิเบอาห์ โยนาธานกล่าวกับคนหนุ่​มท​ี่ถือเครื่องอาวุธของท่านว่า “มาเถิด ให้​เราข้ามไปยังกองทหารรักษาการของคนเหล่านั้​นที​่​มิได้​เข้าสุหนัต บางที​พระเยโฮวาห์จะทรงประกอบกิจเพื่อเรา เพราะว่าไม่​มี​สิ​่งใดที่ขัดขวางพระเยโฮวาห์​ได้​ในการที่​พระองค์​จะทรงช่วยให้พ้นไม่ว่าโดยคนมากหรือน้อย” ผู้​ถือเครื่องอาวุธของท่านจึงตอบท่านว่า “จงกระทำทุกสิ่งที่​จิ​ตใจของท่านอยากกระทำ หันไปเถิด ดู​เถิด ข้าพเจ้าอยู่กั​บท​่าน ตามแต่​จิ​ตใจของท่านจะว่าอย่างไร” แล​้วโยนาธานกล่าวว่า “​ดู​เถิด เราจะข้ามไปหาคนเหล่านั้น และจะสำแดงตัวของเราให้เขาเห็น ถ้าเขาจะกล่าวแก่เราว่า ‘จงคอยอยู่จนกว่าเราจะมาหาเจ้า’ แล​้วเราจะยืนนิ่งอยู่ในที่ของเรา และเราจะไม่ไปหาเขา แต่​ถ้าเขาว่า ‘จงขึ้นมาหาเราเถิด’ แล​้วเราจึงจะขึ้นไป เพราะพระเยโฮวาห์ทรงมอบเขาไว้ในมือเราแล้ว จะให้เรื่องนี้เป็นสัญญาณแก่​เรา​” ทั้งสองจึงสำแดงตัวให้กองทหารรักษาการคนฟีลิสเตียเห็น และคนฟีลิสเตียกล่าวว่า “​ดู​เถิด พวกฮีบรูออกมาจากรู​ที่​ซ่อนตัวอยู่​แล้ว​” และคนที่กองทหารรักษาการจึงร้องบอกโยนาธานและผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านว่า “จงขึ้นมาหาเรา แล​้วเราจะแจ้งให้​เจ้​าทราบสักเรื่องหนึ่ง” และโยนาธานบอกผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านว่า “จงตามข้าขึ้นมา เพราะพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงมอบเขาไว้ในมื​ออ​ิสราเอลแล้ว” แล​้วโยนาธานก็คลานขึ้นไปและผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านก็ตามไปด้วย คนเหล่านั้​นก​็ล้มตายหน้าโยนาธาน และผู้ถือเครื่องอาวุธก็ฆ่าเขาทั้งหลายตามท่านไป การฆ่าฟั​นคร​ั้งแรกที่โยนาธานและผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านได้กระทำนั้น มี​ประมาณยี่​สิ​บคน อย่างในระยะทางครึ่งรอยไถในนาสักสองไร่ และบังเกิดการสั่นสะท้านในค่าย ในทุ่งนาและในหมู่ประชาชนทั้งหมด กองทหารนั้นและถึงกองปล้​นก​็ตกใจตัวสั่น แผ่​นดินได้​ไหว กระทำให้​เก​ิดการสั่นสะท้านมากยิ่งนัก ยามของซาอูลที่​อยู่ ณ กิเบอาห์​แห่​งคนเบนยามิ​นก​็​มองดู​อยู่ และดู​เถิด มวลชนก็สลายไป วิ่งตีกันไปมา แล​้วซาอูลจึงรับสั่งแก่พลที่​อยู่​กั​บท​่านว่า “จงนั​บด​ูว่าผู้ใดได้ไปจากเราบ้าง” และเมื่อเขานั​บด​ู​แล้ว ดู​เถิด โยนาธานและผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านไม่​อยู่​ที่นั่น และซาอูลรับสั่​งก​ับอาหิยาห์​ว่า “จงนำหีบของพระเจ้ามาที่​นี่​” เพราะคราวนั้นหีบของพระเจ้าอยู่กับคนอิสราเอลด้วย อยู่​มาเมื่อซาอูลตรัสกับปุโรหิต เสียงโกลาหลในค่ายฟีลิสเตี​ยก​็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซาอูลจึงตรัสกับปุโรหิตว่า “หดมือไว้​ก่อน​” ซาอู​ลก​ับบรรดาพลที่​อยู่​ด้วยก็รวมกันเข้าไปทำศึก และดู​เถิด ดาบของทุกคนก็​ต่อสู้​เพื่อนของตน มี​ความสับสนอลหม่านอย่างยิ่ง ฝ่ายคนฮีบรูซึ่งเคยอยู่กับคนฟีลิสเตี​ยก​่อนเวลานั้น คือผู้​ที่​ไปอาศัยอยู่กับพวกเขาในค่ายจากชนบทรอบๆ เขาทั้งหลายกลับมาเข้ากับคนอิสราเอลผู้​อยู่​ฝ่ายซาอูลและโยนาธาน ในทำนองเดียวกัน คนอิสราเอลทุกคนที่ซ่อนตัวอยู่​ที่​แดนเทือกเขาเอฟราอิม เมื่อได้ยิ​นว​่าคนฟีลิสเตียกำลังหนี พวกเหล่านี้​ก็​ไล่​ติ​ดตามเขาไปทำศึ​กด​้วย พระเยโฮวาห์ทรงช่วยอิสราเอลให้พ้นในวันนั้น และสงครามก็ผ่านตลอดเมืองเบธาเวนเลยไป

1 ซามูเอล 14:1-23 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

วันหนึ่งโยนาธานบุตรของซาอูลกล่าวกับคนหนุ่ม ที่ถือเครื่องอาวุธของท่านว่า <<มาเถิด ให้เราข้ามไปยังค่ายฟีลิสเตียข้างโน้น>> แต่หาได้ทูลพระบิดาของตนให้ทราบไม่ ซาอูลทรงพักอยู่ที่ชานเมืองกิเบอาห์ใต้ต้นทับทิม ซึ่งอยู่ที่ตำบลมิโกรน พลซึ่งอยู่ด้วยมีประมาณหกร้อยคน กับอาหิยาห์บุตรอาหิทูบพี่ชายของอีคาโบด บุตรของฟีเนหัสผู้เป็นบุตรของเอลีปุโรหิตแห่ง พระเจ้าที่เมืองชิโลห์ เขาถือเอโฟดไป และพวกพลไม่ทราบว่าโยนาธานไปแล้ว ตามทางข้ามเขาที่โยนาธานหาช่อง ที่จะข้ามไปยังค่ายของฟีลิสเตียนั้น มียอดหินแหลมอยู่ฟากทางข้างนี้ และฟากทางข้างโน้นยอดหนึ่งมีชื่อว่าโบเซส อีกยอดหนึ่งชื่อเสเนห์ หินแหลมยอดหนึ่งโผล่ขึ้นข้างเหนือหน้ามิคมาช และอีกยอดหนึ่งโผล่ขึ้นข้างใต้หน้าเกบา โยนาธานกล่าวกับคนหนุ่มที่ถือเครื่องอาวุธของท่านว่า <<มาเถิด ให้เราข้ามไปยังกองทหารรักษาการของ คนเหล่านั้นที่มิได้เข้าสุหนัต บางทีพระเจ้าจะทรงประกอบกิจเพื่อเรา เพราะว่าไม่มีสิ่งใดที่ขัดขวางพระเจ้า ได้ในการที่พระองค์จะทรงช่วยกู้ ไม่ว่าโดยคนมากหรือน้อย>> ผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านจึงตอบท่านว่า <<จงกระทำทุกสิ่งที่จิตใจของท่านอยากกระทำ หันไปเถิด นี่แน่ะข้าพเจ้าอยู่กับท่าน ตามแต่จิตใจของท่านจะว่าอย่างไร>> แล้วโยนาธานกล่าวว่า <<ดูเถิด เราจะข้ามไปหาคนเหล่านั้น และจะสำแดงตัวของเราให้เขาเห็น ถ้าเขาจะกล่าวแก่เราว่า <จงคอยอยู่จนกว่าเราจะมาหาเจ้า> แล้วเราจะยืนนิ่งอยู่ในที่ของเรา และเราจะไม่ไปหาเขา แต่ถ้าเขาว่า <จงขึ้นมาหาเราเถิด> แล้วเราจึงจะขึ้นไปเพราะพระเจ้าทรงมอบเขาไว้ในมือเรา แล้วจะให้เรื่องนี้เป็นสัญญาณแก่เรา>> ทั้งสองจึงสำแดงตัวให้กองทหาร รักษาการคนฟีลิสเตียเห็น และคนฟีลิสเตียกล่าวว่า <<ดูซิ พวกฮีบรูออกมาจากรูที่ซ่อนตัวอยู่แล้ว>> และคนที่กองทหารรักษาการจึงร้องบอก โยนาธานและผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านว่า <<จงขึ้นมาหาเราจะแจ้งให้เจ้าทราบสักเรื่องหนึ่ง>> และโยนาธานบอกผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านว่า <<จงตามข้ามา เพราะพระเจ้าได้ทรงมอบเขาไว้ในมืออิสราเอลแล้ว>> แล้วโยนาธานก็คลานขึ้นไปและผู้ถือเครื่องอาวุธ ของท่านก็ตามไปด้วย คนเหล่านั้นก็ล้มตายหน้าโยนาธาน และผู้ถืออาวุธก็ฆ่าเขาทั้งหลายตามท่านไป การฆ่าฟันครั้งแรก ที่โยนาธานและผู้ถืออาวุธของท่านได้กระทำ นั้นมีประมาณยี่สิบคน อย่างในระยะทางครึ่งรอยไถในนาสักสองไร่ และบังเกิดการสั่นสะท้านในค่ายในทุ่งนาและในหมู่ ประชาชน กองทหารนั้นและถึงกองปล้นก็ตกใจตัวสั่นแผ่นดินได้ไหว กระทำให้เกิดการสั่นสะท้านมากยิ่งนัก ยามของซาอูลที่อยู่ ณ กิเบอาห์แห่งเผ่าเบนยามินก็มองดูอยู่ และดูเถิด มวลชนก็สลายไป วิ่งวุ่นไปมา แล้วซาอูลจึงรับสั่งแก่พลที่อยู่กับท่านว่า <<จงนับดูว่าผู้ใดได้ไปจากเราบ้าง>> และเมื่อเขานับดูแล้ว ดูเถิด โยนาธานและผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านไม่อยู่ที่นั่น และซาอูลรับสั่งกับอาหิยาห์ว่า <<จงนำหีบของพระเจ้ามาที่นี่>> เพราะคราวนั้นหีบของพระเจ้าอยู่กับคนอิสราเอลด้วย อยู่มาเมื่อซาอูลตรัสกับปุโรหิตเสียงโกลาหลใน ค่ายฟีลิสเตียก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซาอูลจึงตรัสกับปุโรหิตว่า <<หดมือไว้ก่อน>> ซาอูลกับพลที่อยู่ด้วยก็รวมกันเข้าไปทำศึกและดูเถิด ดาบของทุกคนก็ต่อสู้เพื่อนของตนมีความสับสนอลหม่าน อย่างยิ่ง ฝ่ายคนฮีบรูซึ่งเคยอยู่กับคนฟีลิสเตียก่อนเวลานั้น และผู้ที่ไปในค่ายกับเขาทั้งหลายกลับมาเข้ากับคนอิสราเอล ผู้อยู่ฝ่ายซาอูลและโยนาธาน ในทำนองเดียวกัน คนอิสราเอลผู้ซ่อนตัวอยู่ที่แดนเทือกเขา เอฟราอิมเมื่อได้ยินว่า คนฟีลิสเตียกำลังหนี พวกเหล่านี้ก็ไล่ติดตามเขาไปทำศึกด้วย พระเจ้าทรงช่วยกู้อิสราเอลในวันนั้น และสงครามก็ผ่านตลอดเมืองเบธาเวนเลยไป

1 ซามูเอล 14:1-23 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

วัน​หนึ่ง​โยนาธาน​บุตร​ของ​ซาอูล​พูด​กับ​ชาย​หนุ่ม​ที่​ถือ​อาวุธ​ของ​ท่าน​ว่า “มา​เถิด เรา​ไป​ที่​ด่าน​ทหาร​ชั้น​นอก​อีก​ฟาก​ของ​ชาว​ฟีลิสเตีย​กัน​เถิด” แต่​ท่าน​ไม่​ได้​บอก​บิดา​ของ​ท่าน​ให้​ทราบ ขณะ​นั้น​ซาอูล​อยู่​ที่​ชาย​เมือง​กิเบอาห์ ใน​ถ้ำ​ทับทิม​ที่​มิโกรน มี​ทหาร​อยู่​ด้วย​ประมาณ 600 คน คน​ที่​อยู่​ด้วย​คือ​อาหิยาห์​บุตร​ของ​อาหิทูบ​ผู้​เป็น​พี่ชาย​ของ​อีคาโบด อาหิทูบ​เป็น​บุตร​ของ​ฟีเนหัส​บุตร​ของ​เอลี​ปุโรหิต​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ที่​เมือง​ชิโลห์ อาหิยาห์​สวม​ชุด​คลุม​ด้วย และ​ไม่​มี​ใคร​ทราบ​ว่า​โยนาธาน​ไป​แล้ว ทั้ง​สอง​ฟาก​ของ​ทาง​ข้าม​ที่​เนิน​เขา ที่​โยนาธาน​ตั้งใจ​จะ​ข้าม​ไป​ยัง​ด่าน​ทหาร​ชั้น​นอก​ของ​ฟีลิสเตีย​เป็น​หน้า​ผา ผา​หนึ่ง​มี​ชื่อ​ว่า โบเซส อีก​ผา​หนึ่ง​ชื่อ เสเนห์ ผา​หนึ่ง​หัน​ไป​ด้าน​เหนือ​ทาง​ไป​มิคมาช และ​อีก​ผา​หัน​ไป​ด้าน​ใต้​ทาง​ไป​เก-บา โยนาธาน​พูด​กับ​ชาย​หนุ่ม​ที่​ถือ​อาวุธ​ของ​ท่าน​ว่า “มา​เถิด เรา​ไป​ที่​ด่าน​ทหาร​ชั้น​นอก​ของ​คน​ที่​ไม่​ได้​เข้า​สุหนัต​พวก​นั้น​กัน​เถิด พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​อาจจะ​กระทำ​บาง​สิ่ง​เพื่อ​เรา​ก็​ได้ ไม่​มี​สิ่ง​ใด​ที่​จะ​ขวาง​กั้น​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ไม่​ให้​ช่วย​เรา ไม่​ว่า​จะ​เป็น​คน​จำนวน​มาก​หรือ​น้อย​ก็​ตาม” คน​ถือ​อาวุธ​ของ​ท่าน​พูด​ว่า “ท่าน​ประสงค์​สิ่ง​ใด ท่าน​ก็​ดำเนิน​การ​ไป ข้าพเจ้า​ขอ​อยู่​ติดตาม​ท่าน​จน​ชีวิต​จะ​หา​ไม่” โยนาธาน​พูด​ว่า “ถ้า​ฉะนั้น​ก็​ตาม​มา เรา​จะ​ข้าม​ไป​ทาง​ที่​พวก​ทหาร​อยู่ ให้​เขา​เห็น​พวก​เรา ถ้า​พวก​เขา​พูด​กับ​เรา​ว่า ‘รอ​อยู่​ที่​นั่น​จนกว่า​พวก​เรา​จะ​มา​หา​เจ้า’ เรา​ก็​จะ​อยู่​กับ​ที่ และ​ไม่​ขึ้น​ไป​ถึง​ตัว​พวก​เขา แต่​ถ้า​พวก​เขา​พูด​ว่า ‘ขึ้น​มา​หา​เรา​ได้’ เรา​ก็​จะ​ปีน​ขึ้น​ไป เพราะ​เป็น​สัญลักษณ์​ให้​เรา​รู้​ว่า​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ได้​มอบ​พวก​เขา​ไว้​ใน​มือ​ของ​พวก​เรา​แล้ว” ดังนั้น​ทั้ง​สอง​คน​จึง​ไป​แสดง​ตน​ให้​ชาว​ฟีลิสเตีย​เห็น​ที่​ด่าน​ทหาร​ชั้น​นอก พวก​ฟีลิสเตีย​พูด​ว่า “ดู​สิ ชาว​ฮีบรู​กำลัง​คลาน​ออก​มา​จาก​รู​ที่​ซ่อน​ตัว” พวก​ทหาร​ที่​ด่าน​ชั้น​นอก​ตะโกน​บอก​โยนาธาน​และ​คน​ถือ​อาวุธ​ว่า “ขึ้น​มา​ยัง​ที่​ของ​เรา​สิ แล้ว​เรา​จะ​สอน​บท​เรียน​ให้​กับ​เจ้า” โยนาธาน​จึง​พูด​กับ​คน​ถือ​อาวุธ​ว่า “ปีน​ตาม​เรา​ขึ้น​มา พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ได้​มอบ​พวก​เขา​ไว้​ใน​มือ​ของ​อิสราเอล​แล้ว” โยนาธาน​ใช้​เท้า​และ​มือ​ปีน​ขึ้น​ไป คน​ถือ​อาวุธ​ก็​ตาม​หลัง​ท่าน​อย่าง​ใกล้​ชิด พวก​ฟีลิสเตีย​ถูก​ฆ่า​และ​ล้ม​ตาย​อยู่​เบื้อง​หน้า​โยนาธาน และ​คน​ถือ​อาวุธ​ของ​ท่าน​ตาม​อยู่​ข้าง​หลัง​ก็​ได้​ฆ่า​ทหาร​ไป​ด้วย การ​โจมตี​ครั้ง​แรก​นั้น โยนาธาน​และ​คน​ถือ​อาวุธ​ของ​ท่าน​ฆ่า​ทหาร​ได้​ประมาณ 20 คน​ที่​อยู่​ใน​เขต​เนื้อ​ที่​ประมาณ​หนึ่ง​ไร่​เศษ เป็น​เหตุ​ให้​ทหาร​ทั้ง​กอง​ที่​อยู่​ทั้ง​ใน​ค่าย​และ​ใน​ทุ่ง​นา​กลัว ด่าน​ทหาร​ชั้น​นอก​และ​แม้​แต่​ทหาร​กอง​ปล้น​ก็​ยัง​กลัว​จน​ตัว​สั่น เกิด​แผ่นดิน​ไหว ทำ​ให้​สถานการณ์​เป็น​ที่​น่า​ตกใจ​ยิ่ง​นัก ทหาร​ยาม​ของ​ซาอูล​ที่​กิเบอาห์​ของ​เบนยามิน​มอง​เห็น​คน​จำนวน​มาก​กำลัง​กระจัด​กระจาย​ไป​คน​ละ​ทิศ​ละ​ทาง ซาอูล​จึง​พูด​กับ​ทหาร​ที่​อยู่​กับ​ท่าน​ว่า “นับ​จำนวน​คน ว่า​มี​ใคร​ไป​จาก​เรา​บ้าง” เมื่อ​นับ​แล้ว ดู​เถิด โยนาธาน​กับ​คน​ถือ​อาวุธ​ของ​ท่าน​ไม่​อยู่​ที่​นั่น ซาอูล​พูด​กับ​อาหิยาห์​ว่า “จง​นำ​หีบ​ของ​พระ​เจ้า​มา” (ใน​เวลา​นั้น​หีบ​ของ​พระ​เจ้า​อยู่​กับ​ชาว​อิสราเอล) ขณะ​ที่​ซาอูล​กำลัง​พูด​กับ​ปุโรหิต​อยู่ เสียง​ชุลมุน​ที่​ค่าย​ชาว​ฟีลิสเตีย​ก็​ดัง​มาก​ยิ่ง​ขึ้น ดังนั้น​ซาอูล​จึง​พูด​กับ​ปุโรหิต​ว่า “ยั้ง​มือ​ไว้​ก่อน” แล้ว​ซาอูล​กับ​พวก​ทหาร​ของ​ท่าน​ก็​ไป​สู้​รบ และ​พบ​ว่า​พวก​ฟีลิสเตีย​ฟัน​ดาบ​สู้​กัน​เอง​ด้วย​ความ​สับสน​อลหม่าน บรรดา​ชาว​ฮีบรู​ที่​ก่อน​หน้า​นั้น​ได้​ไป​ร่วม​พรรค​กับ​พวก​ฟีลิสเตีย และ​ขึ้น​ไป​ที่​ค่าย​ของ​พวก​เขา​ด้วย กลับ​มา​สมทบ​กับ​ชาว​อิสราเอล​ที่​อยู่​กับ​ซาอูล​และ​โยนาธาน ครั้น​ชาว​อิสราเอล​ทั้ง​หมด​ที่​ได้​หลบ​ซ่อน​อยู่​ใน​แถบ​ภูเขา​เอฟราอิม​ทราบ​ว่า​พวก​ฟีลิสเตีย​หนี​เตลิด​ไป จึง​รีบ​ไล่​ตาม​ไป​ต่อสู้​ด้วย ฉะนั้น​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ได้​ช่วย​อิสราเอล​ให้​รอด​พ้น​ใน​วัน​นั้น และ​การ​ต่อสู้​ครั้ง​นั้น​ไป​ไกล​จน​เลย​เมือง​เบธอาเวน