1 พงศ์กษัตริย์ 3:6-28

1 พงศ์กษัตริย์ 3:6-28 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ซาโลมอน​ตอบ​ว่า “พระองค์​มี​ความรัก​มั่นคง​อัน​ยิ่งใหญ่​ต่อ​ผู้รับใช้​ของ​พระองค์​คือ​ดาวิด​พ่อ​ของ​ข้าพเจ้า ท่าน​เป็น​คนดี​และ​มี​จิตใจ​ซื่อตรง พระองค์​ได้​แสดง​ความรัก​มั่นคง​อัน​ยิ่งใหญ่นี้​ต่อ​ท่าน ด้วย​การ​ให้​ลูกชาย​คน​หนึ่ง​ของ​ท่าน​ได้​นั่ง​อยู่​บน​บัลลังก์​ของ​ท่าน​ใน​วันนี้ ข้าแต่​พระยาห์เวห์ พระเจ้า​ของ​ข้าพเจ้า พระองค์​ได้​ทำให้​ข้าพเจ้า​ผู้รับใช้​พระองค์ ได้​มา​เป็น​กษัตริย์​แทนที่​ดาวิด​พ่อ​ของ​ข้าพเจ้า ทั้งๆที่​ข้าพเจ้า​เป็น​เหมือน​เด็ก​เล็กๆ​และ​ยัง​ไม่​รู้​อิโหน่​อิเหน่ แล้ว​ข้าพเจ้า​ผู้รับใช้​ของ​พระองค์​ได้​มา​อยู่​ท่ามกลาง​ชนชาติ​ของ​พระองค์ ที่​พระองค์​ได้​เลือกไว้ เป็น​ชนชาติ​ใหญ่ ที่​มี​ประชากร​มากมาย​มหาศาล​นับไม่ถ้วน อย่างนั้น ขอ​โปรด​มอบ​สติปัญญา​ให้​กับ​ผู้รับใช้​ของ​พระองค์ เพื่อ​จะ​ได้​ใช้​ปกครอง​ชนชาติ​ของ​พระองค์ และ​เพื่อ​จะ​ได้​แยกแยะ​ว่า​อะไรดี​อะไรชั่ว เพราะ​จะ​มี​ใครเล่า​ที่​สามารถ​ปกครอง​ประชากร​อัน​มหาศาลนี้​ของ​พระองค์ได้” องค์​เจ้า​ชีวิต​รู้สึก​พอใจ​ที่​ซาโลมอน​ขอ​สิ่งนี้ พระเจ้า​จึง​พูด​กับ​เขา​ว่า “เป็น​เพราะ​เจ้า​ขอ​สิ่งนี้ และ​ไม่​ได้​ขอ​ให้​มี​อายุ​ยืนยาว หรือ​ขอ​ความร่ำรวย หรือ​ขอ​ให้​ฆ่า​พวก​ศัตรู​ของ​เจ้า แต่​เจ้า​กลับ​ขอ​สติปัญญา​สำหรับ​ตัว​เจ้าเอง เพื่อ​จะ​ได้​รู้จัก​ปกครอง​อย่าง​ยุติธรรม อย่าง​นั้น เรา​จะ​ให้​สิ่ง​ที่​เจ้าขอ เรา​จะ​ทำให้​เจ้า​เฉลียว​ฉลาด​และ​มอง​ทุกอย่าง​ได้​อย่าง​ทะลุปรุโปร่ง จน​ไม่​มี​ใคร​ฉลาด​เหมือน​เจ้า​ทั้ง​ใน​อดีต​และ​ใน​อนาคตด้วย แล้ว​เรา​จะ​แถม​สิ่ง​ที่​เจ้า​ไม่​ได้​ขอ​ให้ด้วย นั่น​คือ​ความร่ำรวย​และ​เกียรติยศ​ตลอด​ชีวิต​ของเจ้า แล้ว​จะ​ไม่​มี​กษัตริย์​องค์ไหน​มา​เปรียบเทียบ​กับ​เจ้า​ได้เลย ถ้า​เจ้า​เดิน​ตาม​ทาง​ทั้งหลาย​ของ​เรา เชื่อฟัง​กฎ​และ​คำสั่ง​ต่างๆ​ของ​เรา​เหมือน​ที่​ดาวิด​พ่อ​ของ​เจ้า​เคย​ทำ​มา เรา​ก็​จะ​ให้​เจ้า​มี​ชีวิต​ที่​ยืนยาวด้วย” แล้ว​ซาโลมอน​ก็​ตื่นขึ้น และ​เขา​ก็​รู้​ว่า​เขา​ได้​ฝัน​ไป เขา​กลับ​มา​ที่​เมือง​เยรูซาเล็ม ไป​ยืน​อยู่​ต่อหน้า​หีบ​ข้อตกลง​ของ​พระยาห์เวห์ และ​ได้​ถวาย​เครื่อง​เผา​บูชา​และ​เครื่อง​สังสรรค์​บูชา แล้ว​เขา​ก็​จัด​งาน​เลี้ยง​ให้​กับ​ข้าราชการ​ทั้ง​หมด​ของ​เขา ต่อมา มี​โสเภณี​สอง​คน​มา​หา​กษัตริย์​และ​ได้​มา​ยืน​อยู่​ต่อหน้า​เขา หญิง​คน​หนึ่ง​พูด​ว่า “เจ้านาย​ของ​ข้าพเจ้า หญิง​คนนี้​อาศัย​อยู่​ใน​บ้าน​หลังเดียว​กับ​ข้าพเจ้า ข้าพเจ้า​ได้​คลอด​ลูก​ออก​มา​คนหนึ่ง ตอนนั้น​นาง​ก็​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย หลังจาก​ที่​ลูก​ของ​ข้าพเจ้า​คลอด​ออก​มา​ได้​สาม​วัน หญิง​คนนี้​ก็​คลอด​ลูก​ออก​มา​คนหนึ่ง​ด้วย ใน​บ้าน​หลังนั้น มี​เรา​อยู่​กัน​แค่​สองคน ไม่​มี​คน​อื่นอีก ใน​ตอน​กลางคืน ลูกชาย​ของ​หญิง​คนนี้​ตาย​ไป เพราะ​นาง​นอนทับเขา แล้ว​นาง​ก็​ตื่น​ขึ้น​มา​ตอน​ดึก และ​มา​เอา​ลูกชาย​ของ​ข้าพเจ้า​ไป​จาก​ด้านข้าง​ของ​ข้าพเจ้า ใน​ขณะ​ที่​ข้าพเจ้า​ผู้รับใช้​ท่าน​ยัง​หลับ​อยู่ นาง​เอา​เด็ก​ไป​วาง​ไว้​ที่​อก​ของ​นาง​และ​เอา​ตัว​ลูกชาย​ของ​นาง​ที่​ตาย​แล้ว​มา​ไว้​ที่​อก​ของ​ข้าพเจ้า เช้า​วันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้า​ตื่น​ขึ้น​มา​เพื่อ​จะ​ให้​นม​ลูก แต่​เขา​กลับ​ตาย​เสีย​แล้ว แต่​เมื่อ​ข้าพเจ้า​มองดู​เขา​ใกล้ๆ​ใน​ตอน​ฟ้า​สาง ข้าพเจ้า​ก็​เห็น​ว่า​เด็ก​คนนี้​ไม่​ใช่​ลูก​ที่​ข้าพเจ้า​คลอด​ออก​มา” แต่​หญิง​อีก​คน​ได้​พูด​ว่า “ไม่จริง เด็ก​ที่​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่​เป็น​ลูกชาย​ของ​ฉันเอง คน​ที่​ตาย​ไป​เป็น​ลูก​ของ​เธอ​ต่างหาก” แต่​หญิง​คน​แรก​ก็​ยืนยัน​ว่า “ไม่ใช่ คน​ที่​ตาย​เป็น​ลูก​ของเธอ คน​ที่​ยัง​อยู่​เป็น​ลูก​ของฉัน” และ​พวก​เขา​ก็​โต้เถียงกัน​อยู่​ต่อหน้า​กษัตริย์ กษัตริย์​จึง​พูด​ว่า “คนนี้​ก็​บอก​ว่า ‘ลูกชาย​ของฉัน​ยัง​มี​ชีวิตอยู่ ลูกชาย​ของ​เธอ​ตาย​แล้ว’ ส่วน​อีก​คน​ก็​พูด​ว่า ‘ไม่จริง ลูกชาย​ของ​เธอ​ตายแล้ว ลูก​ของ​ฉัน​ต่างหาก​ที่​ยัง​มี​ชีวิตอยู่’” แล้ว​กษัตริย์​ก็​พูด​ว่า “เอา​ดาบ​มา​ให้​เรา​เล่ม​หนึ่งสิ” พวก​เขา​จึง​นำ​ดาบ​เล่ม​หนึ่ง​มา​ให้​กษัตริย์ แล้ว​กษัตริย์​ก็​ออก​คำ​สั่ง​ว่า “ตัด​เด็ก​ที่​มี​ชีวิตนี้​ออก​เป็น​สอง​ท่อนซะ และ​แบ่ง​ให้​พวก​นาง​ไป​คนละครึ่ง” หญิง​คน​ที่​ลูกชาย​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่ ก็​สงสาร​ลูก​ของ​นาง​อย่าง​จับใจ จึง​พูด​กับ​กษัตริย์​ว่า “ได้​โปรด​เถิด นาย​ของ​ข้าพเจ้า ให้​เด็ก​ที่​ยัง​มี​ชีวิต​กับ​นาง​ไปเถิด อย่า​ฆ่า​เขาเลย” แต่​หญิง​อีก​คน​หนึ่ง​พูดว่า “แบ่ง​เลย ทั้ง​เธอ​และ​ฉัน​จะ​ได้​ไม่​มี​ใคร​ได้ไป” แล้ว​กษัตริย์​ก็​ตัดสิน​ว่า “คืน​เด็ก​ที่​ยัง​มี​ชีวิต​ให้​กับ​หญิง​คน​แรกไป อย่า​ฆ่า​เขาเลย เพราะ​นาง​คือ​แม่​ที่​แท้จริง” เมื่อ​ชนชาติ​อิสราเอล​ทั้งหมด​ได้ยิน​เรื่อง​การ​ตัดสิน​ครั้งนี้ พวก​เขา​ต่าง​เคารพ​ยำเกรง​กษัตริย์ เพราะ​พวกเขา​เห็น​แล้ว​ว่า​กษัตริย์​ได้รับ​ความ​เฉลียว​ฉลาด​มา​จาก​พระเจ้า เพื่อ​ปกครอง​บ้านเมือง​อย่าง​ยุติธรรม

1 พงศ์กษัตริย์ 3:6-28 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

และซาโลมอนทูลว่า “พระองค์ทรงสำแดงความรักมั่นคงอันยิ่งใหญ่แก่ดาวิดผู้เป็นบิดาของข้าพระองค์และเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะว่าท่านดำเนินต่อพระพักตร์พระองค์ด้วยความซื่อสัตย์และความชอบธรรม ด้วยจิตใจซื่อตรงต่อพระองค์ และพระองค์ทรงรักษาความรักมั่นคงอันยิ่งใหญ่นี้ไว้เพื่อท่าน และได้ประทานบุตรชายคนหนึ่งแก่ท่าน ให้นั่งบนบัลลังก์ของท่านในวันนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ บัดนี้พระองค์ทรงทำให้ผู้รับใช้ของพระองค์เป็นกษัตริย์แทนดาวิดบิดาของข้าพระองค์ แต่ข้าพระองค์เป็นเพียงเด็กเล็ก ข้าพระองค์ไม่ทราบว่าจะดำเนินการปกครองอย่างไรถูก และผู้รับใช้ของพระองค์ก็อยู่ท่ามกลางประชากรของพระองค์ ผู้ซึ่งพระองค์ทรงเลือกไว้ เป็นชนชาติใหญ่ ซึ่งไม่สามารถจะนับหรือคำนวณได้ ฉะนั้นขอพระองค์ประทานความคิดความเข้าใจแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะวินิจฉัยประชากรของพระองค์ เพื่อจะแยกแยะความแตกต่างระหว่างดีกับชั่วได้ เพราะใครจะสามารถวินิจฉัยประชากรมากมายนี้ของพระองค์ได้?” ที่ซาโลมอนทูลขอเช่นนี้ก็เป็นที่พอพระทัยองค์เจ้านาย พระเจ้าจึงตรัสกับซาโลมอนว่า “เพราะเจ้าได้ขอสิ่งนี้และไม่ได้ขอชีวิตยืนยาว หรือความมั่งคั่งให้ตัวเอง หรือขอชีวิตศัตรูของเจ้า แต่เจ้าเองขอความเข้าใจเพื่อจะวินิจฉัยอย่างยุติธรรม นี่แน่ะ เราจะทำตามคำของเจ้า นี่แน่ะ เราจะให้ใจที่ประกอบด้วยปัญญาและความเข้าใจ ซึ่งไม่มีใครที่เป็นอยู่ก่อนเจ้าเหมือนเจ้า และจะไม่มีใครที่ขึ้นมาภายหลังเจ้าเหมือนเจ้า เราจะให้สิ่งที่เจ้าไม่ได้ขอแก่เจ้าด้วย ทั้งความมั่งคั่งและเกียรติยศ เพื่อจะไม่มีกษัตริย์องค์ใดเปรียบเทียบกับเจ้าได้ตลอดวันเวลาทั้งสิ้นของเจ้า และถ้าเจ้าจะดำเนินตามทางของเรา รักษากฎเกณฑ์และบัญญัติของเรา ดังดาวิดบิดาของเจ้าได้ดำเนินนั้น เราก็จะให้อายุของเจ้ายืนยาว” และซาโลมอนก็ตื่นบรรทม และนี่แน่ะ เป็นพระสุบิน แล้วพระองค์ก็เสด็จมายังกรุงเยรูซาเล็ม และทรงยืนอยู่หน้าหีบพันธสัญญาขององค์เจ้านาย และถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและเครื่องศานติบูชา และทรงจัดงานเลี้ยงแก่ข้าราชการทั้งสิ้นของพระองค์ แล้วหญิงโสเภณีสองคนมาเฝ้าพระราชา และยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ หญิงคนหนึ่งทูลว่า “เจ้านายของข้าพระบาท ข้าพระบาทและผู้หญิงคนนี้อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน และข้าพระบาทก็คลอดบุตรคนหนึ่ง ขณะที่นางอยู่ในบ้าน เมื่อข้าพระบาทคลอดบุตรได้สามวันแล้ว หญิงคนนี้ก็คลอดบุตรด้วย และข้าพระบาททั้งสองอยู่ด้วยกัน ไม่มีใครอยู่กับพวกข้าพระบาทในบ้านนั้น ข้าพระบาททั้งสองเท่านั้นอยู่ในบ้านนั้น แล้วบุตรของหญิงคนนี้ได้ตายในเวลากลางคืน เพราะนางนอนทับ พอเที่ยงคืนนางลุกขึ้น และเอาบุตรของข้าพระบาทไปจากข้างกายข้าพระบาท ขณะที่สาวใช้ของฝ่าพระบาทนอนหลับอยู่ และวางเขาไว้ในอกของนาง และนางเอาบุตรของนางที่ตายแล้วนั้นไว้ในอกของข้าพระบาท เมื่อข้าพระบาทตื่นขึ้นในตอนเช้า เพื่อให้บุตรของข้าพระบาทกินนม นี่แน่ะ เขาตายแล้ว แต่เมื่อข้าพระบาทพินิจดูในตอนเช้า ดูสิ เด็กนั้นไม่ใช่บุตรที่ข้าพระบาทได้คลอดออกมา” แต่หญิงอีกคนหนึ่งพูดว่า “ไม่ใช่ เด็กที่มีชีวิตเป็นลูกของข้า ส่วนเด็กที่ตายเป็นของเจ้า” หญิงคนที่หนึ่งพูดว่า “ไม่ใช่ เด็กที่ตายเป็นของเจ้า และเด็กที่มีชีวิตเป็นของข้า” เขาทั้งสองพูดเถียงกันดังนี้ต่อพระพักตร์พระราชา แล้วพระราชาตรัสว่า “คนหนึ่งพูดว่า ‘เด็กที่มีชีวิตอยู่นี้เป็นลูกของข้า ส่วนลูกของเจ้าตายเสียแล้ว’ และอีกคนหนึ่งพูดว่า ‘ไม่ใช่ ลูกของเจ้าตายเสียแล้ว และลูกของข้ายังมีชีวิตอยู่’ ” และพระราชาตรัสว่า “จงเอาดาบมาให้เราเล่มหนึ่ง” พวกเขาจึงเอาดาบมาไว้ต่อพระพักตร์พระราชา และพระราชาตรัสว่า “จงแบ่งเด็กที่มีชีวิตนั้นออกเป็นสองท่อน และให้หญิงคนหนึ่งครึ่งหนึ่ง และอีกคนหนึ่งครึ่งหนึ่ง” แล้วหญิงคนที่บุตรของตนยังมีชีวิตอยู่นั้นทูลพระราชา เพราะว่าจิตใจของนางสงสารบุตรของนาง นางจึงกราบทูลว่า “เจ้านายของข้าพระบาท โปรดมอบเด็กที่มีชีวิตนั้นให้เธอไป อย่าฆ่าเขาเลย” แต่หญิงอีกคนหนึ่งว่า “อย่าให้เด็กนั้นเป็นของข้าหรือของเจ้า ขอทรงแบ่งเถิดเพคะ” แล้วพระราชาตรัสตอบว่า “จงให้เด็กที่มีชีวิตนั้นแก่หญิงคนแรก อย่าฆ่าเด็กเลย นางเป็นแม่ของเด็กนั้น” เมื่อคนอิสราเอลทั้งสิ้นทราบเรื่องการพิพากษา ซึ่งพระราชาทรงวินิจฉัยนั้น เขาทั้งหลายก็เกรงกลัวพระราชา เพราะเขาเห็นว่า พระปัญญาของพระเจ้าอยู่ในพระองค์ ที่จะทรงวินิจฉัยให้ความยุติธรรม

1 พงศ์กษัตริย์ 3:6-28 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

และซาโลมอนตรั​สว​่า “​พระองค์​ได้​ทรงสำแดงความเมตตายิ่งใหญ่​แก่​ดาว​ิดพระราชบิดาผู้​รับใช้​ของพระองค์ เพราะว่าเสด็จพ่อดำเนินต่อพระพักตร์​พระองค์​ด้วยความจริงและความชอบธรรม ด้วยจิตใจเที่ยงตรงต่อพระองค์ และพระองค์ทรงรักษาความเมตตายิ่งใหญ่​นี้​ไว้​เพื่อเสด็จพ่อ และได้ทรงประทานบุตรชายคนหนึ่งแก่เสด็จพ่อให้นั่งบนราชบัลลั​งก​์ของท่านในวันนี้ โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ถึงแม้​ว่าข้าพระองค์เป็นแต่​เด็ก บัดนี้​พระองค์​ทรงกระทำให้​ผู้รับใช้​ของพระองค์เป็นกษั​ตริ​ย์แทนดาวิดเสด็จพ่อของข้าพระองค์ ข้าพระองค์​ไม่​ทราบว่าจะเข้านอกออกในอย่างไรถูก และผู้​รับใช้​ของพระองค์​ก็​อยู่​ท่ามกลางประชาชนของพระองค์ ผู้​ซึ่งพระองค์ทรงเลือกไว้ เป็นชนชาติ​ใหญ่ ซึ่งจะนับหรือคำนวณประชาชนก็​ไม่ได้ เพราะฉะนั้นขอพระองค์ทรงประทานความคิดความเข้าใจแก่​ผู้รับใช้​ของพระองค์เพื่อจะวินิจฉัยประชาชนของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะประจั​กษ​์ในความผิดแผกระหว่างดีและชั่ว เพราะว่าผู้ใดเล่าจะสามารถวินิจฉัยประชาชนใหญ่ของพระองค์​นี้​ได้​” ที่​ซาโลมอนทูลขอเช่นนี้​ก็​เป็​นที​่พอพระทัยองค์​พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจึงตรัสกับซาโลมอนว่า “เพราะเจ้าได้ขอสิ่งนี้และมิ​ได้​ขอชีวิตยืนยาว หรือความมั่งคั่งหรือชีวิตของบรรดาศั​ตรู​ของเจ้าเพื่อตัวเจ้าเอง แต่​เจ้​าขอความเข้าใจเพื่อตัวเจ้าเองเพื่อให้​ประจักษ์​ในการวินิจฉัย ดู​เถิด เราจะกระทำตามคำของเจ้า ดู​เถิด เราให้​จิ​ตใจอันประกอบด้วยปัญญาและความเข้าใจ เพื่อว่าจะไม่​มี​ใครที่​เป็นอยู่​ก่อนเจ้าเหมือนเจ้า และจะไม่​มี​ใครที่ขึ้นมาภายหลังเจ้าเหมือนเจ้า เราจะให้​สิ​่งที่​เจ้​าไม่​ได้​ขอแก่​เจ้​าด้วย ทั้งความมั่งคั่งและเกียรติ​ยศ เพื่อว่าตลอดวันเวลาทั้งสิ้นของเจ้า จะไม่​มี​กษัตริย์​องค์​อื่นเปรียบเทียบกับเจ้าได้ และถ้าเจ้าจะดำเนินตามทางของเรา รักษากฎเกณฑ์ของเรา และบัญญั​ติ​ของเราดังดาวิดบิดาของเจ้าได้ดำเนินนั้น เราก็จะให้วันเวลาของเจ้ายืนยาว” และซาโลมอนก็ตื่นบรรทม และดู​เถิด เป็นพระสุ​บิน แล​้วพระองค์​ก็​เสด็จมาที่​กรุ​งเยรูซาเล็ม และประทับยืนอยู่​หน​้าหีบพันธสัญญาของพระเยโฮวาห์ และถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติ​บูชา และพระราชทานเลี้ยงแก่บรรดาข้าราชการของพระองค์ แล​้วหญิงแพศยาสองคนมาเฝ้ากษั​ตริ​ย์ และยืนอยู่ต่อพระพักตร์​พระองค์ หญิงคนหนึ่งทูลว่า “​โอ ข้าแต่​เจ้​านายของข้าพระองค์ ข้าพระองค์และผู้หญิงคนนี้อาศัยอยู่ในเรือนเดียวกัน และข้าพระองค์​ก็​คลอดบุตรคนหนึ่งขณะที่นางนั้นอยู่ในเรือน ต่อมาเมื่อข้าพระองค์คลอดบุตรได้สามวันแล้ว นางคนนี้​ก็​คลอดบุตรด้วย และข้าพระองค์ทั้งสองอยู่​ด้วยกัน ไม่มี​ผู้​ใดอยู่กับข้าพระองค์ทั้งสองในเรือนนั้น ข้าพระองค์ทั้งสองนั้นอยู่ในเรือนนั้น แล​้วบุตรของหญิงคนนี้​ก็​ตายเสียในกลางคืน ด้วยเขานอนทับ พอเที่ยงคืนนางก็​ลุกขึ้น และเอาบุตรชายของข้าพระองค์ไปเสียจากข้างข้าพระองค์ ขณะที่​สาวใช้​ของพระองค์หลั​บอย​ู่ และวางเขาไว้ในอกของเธอ และเธอเอาบุตรของเธอที่ตายแล้​วน​ั้นไว้ในอกของข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ตื่นขึ้นในตอนเช้าเพื่อให้​บุ​ตรของข้าพระองค์กินนม ดู​เถิด เขาตายเสียแล้ว แต่​เมื่อข้าพระองค์พินิ​จด​ูในตอนเช้า ดู​เถิด เด็กนั้นไม่​ใช่​บุ​ตรชายที่ข้าพระองค์คลอดมา” แต่​หญิ​งอ​ีกคนหนึ่งพูดว่า “​ไม่ใช่ เด็กที่​เป็น เป็นบุตรชายของฉัน เด็กที่ตายเป็นบุตรชายของเจ้า” หญิงคนที่​หน​ึ่งพูดว่า “​ไม่ใช่ เด็กที่ตายเป็นบุตรชายของเจ้า และเด็กที่​เป็น เป็นบุตรชายของฉัน” เขาทั้งสองพู​ดก​ันดังนี้ต่อพระพักตร์​กษัตริย์ แล​้วกษั​ตริ​ย์ตรั​สว​่า “คนหนึ่งพูดว่า ‘คนนี้เป็นบุตรชายของฉัน คือเด็กที่​เป็นอยู่ และบุตรชายของเจ้าตายเสียแล้ว’ และอีกคนหนึ่งพูดว่า ‘​ไม่ใช่ แต่​บุ​ตรชายของเจ้าตายเสียแล้ว และบุตรชายของฉันเป็นคนที่​มีชีวิต​’” และกษั​ตริ​ย์ตรั​สว​่า “เอาดาบมาให้เราเล่มหนึ่ง” เขาจึงเอาพระแสงดาบมาไว้ต่อพระพักตร์​กษัตริย์ และกษั​ตริ​ย์ตรั​สว​่า “จงแบ่งเด็กที่​มี​ชี​วิ​ตน​ั้นออกเป็นสองท่อน และให้คนหนึ่งครึ่งหนึ่ง และอีกคนหนึ่งครึ่งหนึ่ง” แล​้วหญิงคนที่​บุ​ตรของตนยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่นั้นทูลกษั​ตริ​ย์ เพราะว่าจิตใจของเธออาลัยในบุตรชายของเธอ เธอว่า “​โอ ข้าแต่​เจ้​านายของข้าพระองค์ ขอทรงมอบเด็กที่​มี​ชี​วิ​ตน​ั้นให้เขาไป และถึงอย่างไรก็​ดี​อย่าทรงฆ่าเสีย” แต่​หญิ​งอ​ีกคนหนึ่งว่า “อย่าให้ฉันเป็นเจ้าของหรือของฉัน ขอทรงแบ่งเถิดเพคะ” แล​้วกษั​ตริ​ย์ตรัสตอบเขาว่า “จงให้เด็กที่​มี​ชี​วิ​ตน​ั้นแก่คนนั้น อย่าฆ่าเสียเลย นางเป็นมารดาของเด็กนั้น” อิสราเอลทั้งปวงได้ยินเรื่องการพิพากษา ซึ่งกษั​ตริ​ย์ประทานการพิพากษานั้น และเขาทั้งหลายก็เกรงกลัวกษั​ตริ​ย์ เพราะเขาทั้งหลายประจั​กษ​์​ว่า พระสติปัญญาของพระเจ้าอยู่ในพระองค์​ที่​จะทรงวินิจฉัย

1 พงศ์กษัตริย์ 3:6-28 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

และซาโลมอนตรัสว่า <<พระองค์ได้ทรงสำแดงความรักมั่นคง และยิ่งใหญ่แก่ดาวิดพระราชบิดาผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะว่าเสด็จพ่อดำเนินต่อพระพักตร์พระองค์ ด้วยความสัตย์ซื่อและความชอบธรรม ด้วยจิตใจเที่ยงตรงต่อพระองค์ และพระองค์ทรงรักษาความรักมั่นคงและใหญ่ยิ่ง นี้ไว้เพื่อเสด็จพ่อ และได้ทรงประทานบุตรชายคนหนึ่งแก่เสด็จพ่อ ให้นั่งบนราชบัลลังก์ของท่านในวันนี้ ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ถึงแม้ว่าข้าพระองค์เป็นแต่เด็ก บัดนี้พระองค์ทรงกระทำให้ผู้รับใช้ของพระองค์เป็นกษัตริย์แทนดาวิดเสด็จพ่อของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ไม่ทราบว่าจะเข้านอกออกในอย่างไรถูก และผู้รับใช้ของพระองค์ก็อยู่ท่ามกลางประชากร ของพระองค์ ผู้ซึ่งพระองค์ทรงเลือกไว้ เป็นชนชาติใหญ่ ซึ่งจะนับหรือคำนวณประชาชนก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นขอพระองค์ทรงประทานความคิดความ เข้าใจแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะวินิจฉัยประชากรของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะประจักษ์ในความผิดแผกระหว่างดีและชั่ว เพราะว่าผู้ใดเล่าจะสามารถวินิจฉัยประชากรใหญ่ของ พระองค์นี้ได้>> ที่ซาโลมอนทูลขอเช่นนี้ก็เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า พระเจ้าจึงตรัสกับซาโลมอนว่า <<เพราะเจ้าได้ขอสิ่งนี้และมิได้ขอชีวิตยืนยาว หรือความมั่งคั่งหรือชีวิตของบรรดาศัตรูของเจ้าเพื่อตัวเจ้าเอง แต่เจ้าขอความเข้าใจเพื่อตัวเจ้าเอง เพื่อให้ประจักษ์ว่าสิ่งใดถูกต้องและเป็นธรรม ดูเถิด เราจะกระทำตามคำของเจ้า ดูเถิด เราให้จิตใจอันประกอบด้วยปัญญาและความเข้าใจ เพื่อว่าจะไม่มีใคร ที่เป็นอยู่ก่อนเจ้าเหมือนเจ้า และจะไม่มีใครที่ขึ้นมาภายหลังเจ้าเหมือนเจ้า เราจะให้สิ่งที่เจ้าไม่ได้ขอแก่เจ้าด้วย ทั้งความมั่งคั่งและเกียรติยศ เพื่อว่าตลอดวันเวลาทั้งสิ้นของเจ้า จะไม่มีกษัตริย์องค์อื่นเปรียบเทียบกับเจ้าได้ และถ้าเจ้าจะดำเนินตามทางของเรา รักษากฎเกณฑ์ของเรา และบัญญัติของเรา ดังดาวิดบิดาของเจ้าได้ดำเนินนั้น เราก็จะให้วันเวลาของเจ้ายืนยาว>> และซาโลมอนก็ตื่นบรรทม และ ดูเถิด เป็นพระสุบิน แล้วพระองค์ก็เสด็จมาที่กรุงเยรูซาเล็ม และประทับยืนอยู่หน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้า และถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องศานติบูชา และพระราชทานเลี้ยงแก่บรรดาข้าราชการของพระองค์ แล้วหญิงแพศยาสองคนมาเฝ้าพระราชา และยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ หญิงคนหนึ่งทูลว่า <<ข้าแต่เจ้านายของข้าพระบาท ข้าพระบาทและผู้หญิงคนนี้อาศัยอยู่ในเรือนเดียวกัน และข้าพระบาทก็คลอดบุตรคนหนึ่ง ขณะที่นางนั้นอยู่ในเรือน เมื่อข้าพระบาทคลอดบุตรได้สามวันแล้ว นางคนนี้ก็คลอดบุตรด้วย และข้าพระบาททั้งสองอยู่ด้วยกัน ไม่มีผู้ใดอยู่กับข้าพระบาททั้งสองในเรือนนั้น ข้าพระบาททั้งสองเท่านั้นอยู่ในเรือนนั้น แล้วบุตรของหญิงคนนี้ก็ตายเสียในกลางคืน ด้วยเขานอนทับ พอเที่ยงคืนนางก็ลุกขึ้น และเอาบุตรของข้าพระบาทไปเสียจากข้างข้าพระบาท ขณะที่สาวใช้ของฝ่าพระบาทหลับอยู่ และวางเขาไว้ในอกของเธอ และเธอเอาบุตรของเธอที่ตาย แล้วนั้นไว้ในอกของข้าพระบาท เมื่อข้าพระบาทตื่นขึ้นในตอนเช้าเพื่อให้บุตรของข้าพระบาทกินนม ดูเถิด เขาตายเสียแล้ว แต่เมื่อข้าพระบาทพินิจดูในตอนเช้า ดูเถิด เด็กนั้นไม่ใช่บุตรที่ข้าพระบาทได้คลอดมา>> แต่หญิงอีกคนหนึ่งพูดว่า <<ไม่ใช่ เด็กที่เป็นเป็นบุตรของฉัน เด็กที่ตายเป็นของเจ้า>> หญิงคนที่หนึ่งพูดว่า <<ไม่ใช่ เด็กที่ตายเป็นของเจ้า และเด็กที่เป็น เป็นของฉัน>> เขาทั้งสองพูดกันดังนี้ต่อพระพักตร์พระราชา แล้วพระราชาตรัสว่า <<คนหนึ่งพูดว่า <คนนี้เป็นบุตรของฉัน คือเด็กที่เป็นอยู่ และบุตรของเจ้าตายเสียแล้ว> และอีกคนหนึ่งพูดว่า <ไม่ใช่ แต่บุตรของเจ้าตายเสียแล้ว และบุตรของฉันเป็นคนที่มีชีวิต> >> และพระราชาตรัสว่า <<เอาดาบมาให้เราเล่มหนึ่ง>> เขาจึงเอาพระแสงดาบมาไว้ต่อพระพักตร์พระราชา และพระราชาตรัสว่า <<จงแบ่งเด็กที่มีชีวิตนั้นออกเป็นสองท่อน และให้คนหนึ่งครึ่งหนึ่ง และอีกคนหนึ่งครึ่งหนึ่ง>> แล้วหญิงคนที่บุตรของตนยังมีชีวิตอยู่นั้นทูลพระราชา เพราะว่าจิตใจของเธออาลัยในบุตรของเธอ เธอว่า <<ข้าแต่เจ้านายของข้าพระบาท ขอทรงมอบเด็กที่มีชีวิตนั้นให้เขาไป และถึงอย่างไรก็ดีอย่าทรงฆ่าเสีย>> แต่หญิงอีกคนหนึ่งว่า <<อย่าให้ฉันเป็นเจ้าของ หรือของฉัน ขอทรงแบ่งเถิดเพคะ>> แล้วพระราชาตรัสตอบเขาว่า <<จงให้เด็กที่มีชีวิตนั้นแก่หญิงคนแรก อย่าฆ่าเสียเลย นางเป็นมารดาของเด็กนั้น>> อิสราเอลทั้งปวงทราบเรื่องการพิพากษา ซึ่งพระราชาประทานการพิพากษานั้น และเขาทั้งหลายก็เกรงกลัวพระราชา เพราะเขาทั้งหลายประจักษ์ว่า พระสติปัญญาของพระเจ้าอยู่ในพระองค์ ที่จะทรงวินิจฉัยให้ความยุติธรรม

1 พงศ์กษัตริย์ 3:6-28 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

โซโลมอนกราบทูลว่า “พระองค์ได้ทรงสำแดงพระกรุณาอย่างยิ่งต่อผู้รับใช้ของพระองค์คือดาวิดเสด็จพ่อของข้าพระองค์ เนื่องจากเสด็จพ่อทรงซื่อสัตย์ต่อพระองค์ มีใจชอบธรรมและซื่อตรง และพระองค์ยังคงสำแดงพระกรุณาเดียวกันนี้ต่อเสด็จพ่อสืบมาจนถึงวันนี้ โดยให้บุตรคนหนึ่งครองราชบัลลังก์ “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ บัดนี้ทรงโปรดให้ผู้รับใช้ของพระองค์ได้เป็นกษัตริย์สืบต่อจากเสด็จพ่อดาวิด แต่ข้าพระองค์ยังเป็นเพียงเด็กเล็กๆ คนหนึ่ง ไม่รู้วิธีปฏิบัติภาระหน้าที่ ผู้รับใช้ของพระองค์อยู่ท่ามกลางประชากรที่ทรงเลือกสรร ซึ่งเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่และมากมายเหลือคณานับ ฉะนั้นขอทรงโปรดให้ผู้รับใช้ของพระองค์มีความคิดฉลาดหลักแหลม เพื่อจะปกครองประชากรของพระองค์ และรู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี เพราะใครเล่าจะสามารถปกครองชนชาติที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์นี้ได้?” องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพอพระทัยที่โซโลมอนทูลขอเช่นนี้ ดังนั้นพระเจ้าจึงตรัสกับโซโลมอนว่า “เนื่องจากเจ้าขออย่างนี้ ไม่ได้ขอชีวิตยืนยาว หรือทรัพย์สมบัติสำหรับตัวเอง หรือชีวิตศัตรูของเจ้า แต่ขอให้มีความฉลาดหลักแหลมเพื่อผดุงความยุติธรรม เราจะให้ตามที่เจ้าขอ เราจะให้เจ้ามีสติปัญญาและความฉลาดหลัดแหลมอย่างที่ไม่เคยมี และจะไม่มีใครเสมอเหมือนเจ้า ยิ่งกว่านั้นเราจะให้สิ่งที่เจ้าไม่ได้ขออีกด้วย คือทรัพย์สมบัติและเกียรติ เพื่อที่จะไม่มีกษัตริย์องค์ใดเสมอเหมือนตลอดชีวิตของเจ้า และหากเจ้าดำเนินในทางของเรา ปฏิบัติตามคำสั่งและกฎเกณฑ์ของเราเหมือนดาวิดบิดาของเจ้า เราจะให้เจ้ามีชีวิตยืนยาว” แล้วโซโลมอนก็ตื่นบรรทมและตระหนักว่าได้ทรงฝันไป พระองค์เสด็จกลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม ทรงยืนอยู่หน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้า ถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชา จากนั้นทรงจัดงานเลี้ยงให้ข้าราชสำนักทั้งปวง มีหญิงโสเภณีสองคนมาเข้าเฝ้ากษัตริย์โซโลมอน คนหนึ่งทูลว่า “ข้าแต่กษัตริย์ หม่อมฉันกับหญิงคนนี้อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน นางอยู่ด้วยเมื่อหม่อมฉันคลอดลูก พอลูกอายุได้สามวัน ผู้หญิงคนนี้ก็คลอดลูกด้วยเช่นกัน มีเพียงเราสองคนอยู่ในบ้าน ไม่มีคนอื่น “ลูกชายของหญิงคนนี้ตายไปตอนกลางคืนเพราะถูกนางนอนทับ แล้วนางตื่นขึ้นมากลางดึก ขณะที่หม่อมฉันหลับอยู่ นางเอาลูกชายของหม่อมฉันออกไปจากข้างตัว ไปนอนแนบอก และเอาลูกของนางที่ตายแล้วมาไว้แนบอกของหม่อมฉัน เช้าวันรุ่งขึ้นหม่อมฉันตื่นขึ้นจะให้นมลูก ก็พบว่าลูกตายแล้ว พอสว่างหม่อมฉันเพ่งดู จึงเห็นว่าไม่ใช่ลูกของหม่อมฉัน” หญิงอีกคนพูดขึ้นว่า “นั่นแหละเป็นลูกของเธอ ส่วนเด็กที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นลูกของฉัน” แต่หญิงคนแรกยืนยันว่า “ไม่ใช่ ลูกที่ตายแล้วเป็นของเธอ ลูกที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นของฉัน” แล้วทั้งสองคนก็เถียงกันต่อหน้ากษัตริย์ กษัตริย์ตรัสว่า “คนนี้ก็ว่า ‘ลูกฉันยังอยู่ ลูกเธอตายแล้ว’ คนนั้นก็ว่า ‘ไม่ใช่ ลูกเธอตายแล้ว ลูกฉันสิยังอยู่’ ” แล้วกษัตริย์ตรัสว่า “เอาดาบมาให้เราสักเล่มสิ” ก็มีผู้นำดาบมาถวาย กษัตริย์ตรัสสั่งว่า “จงฟันเด็กคนที่ยังมีชีวิตอยู่ออกเป็นสองท่อน แบ่งให้ผู้หญิงสองคนนี้คนละท่อน” หญิงที่เป็นแม่ของเด็กนั้นจริงๆ สงสารลูกจับใจ จึงทูลกษัตริย์ว่า “อย่าเลยพระองค์เจ้าข้า ยกลูกให้นางไปเถิด อย่าฆ่าลูกเลย!” แต่อีกคนพูดว่า “ฟันเป็นสองท่อนเลย จะได้ไม่ต้องเป็นของเธอหรือของฉัน!” กษัตริย์จึงตรัสว่า “อย่าฆ่าเด็กนั้นเลย จงมอบเขาให้กับหญิงคนที่ต้องการให้เด็กมีชีวิตอยู่ เพราะเธอนั่นแหละเป็นแม่” เมื่อชนชาติอิสราเอลทั้งปวงได้รู้ถึงคำตัดสินของกษัตริย์ ก็ยำเกรงพระองค์ เพราะเห็นว่าทรงมีสติปัญญาจากพระเจ้าเพื่อผดุงความยุติธรรม

1 พงศ์กษัตริย์ 3:6-28 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ซาโลมอน​ตอบ​ว่า “พระ​องค์​ได้​แสดง​ความ​รัก​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​และ​มั่นคง​แก่​ดาวิด​ผู้​รับใช้​ของ​พระ​องค์ บิดา​ของ​ข้าพเจ้า เพราะ​ว่า​ท่าน​ดำเนิน​ชีวิต​ด้วย​ความ​สัตย์​ซื่อ​และ​ความ​ชอบธรรม ณ เบื้อง​หน้า​พระ​องค์ และ​ด้วย​ใจ​อัน​เที่ยงธรรม​ต่อ​พระ​องค์ และ​พระ​องค์​ได้​รักษา​ความ​รัก​อัน​มั่นคง​และ​ยิ่ง​ใหญ่​นี้​ไว้​ให้​ท่าน และ​พระ​องค์​ได้​มอบ​บุตร​ให้​ท่าน​คน​หนึ่ง เพื่อ​นั่ง​ครอง​บัลลังก์​ใน​วัน​นี้ บัดนี้ โอ พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​ข้าพเจ้า พระ​องค์​ได้​แต่งตั้ง​ผู้​รับใช้​ของ​พระ​องค์​ขึ้น​เป็น​กษัตริย์​แทน​ดาวิด​บิดา​ของ​ข้าพเจ้า แม้​ว่า​ข้าพเจ้า​เป็น​แต่​เพียง​เด็ก​เล็กๆ คน​หนึ่ง​เท่า​นั้น ข้าพเจ้า​ไม่​ทราบ​วิธี​การ​เข้า​นอก​ออก​ใน และ​ผู้​รับใช้​ของ​พระ​องค์​อยู่​ท่าม​กลาง​ประชาชน​ที่​พระ​องค์​เลือก​ไว้​แล้ว เป็น​ชน​ชาติ​อัน​ใหญ่​ยิ่ง มี​คน​จำนวน​มาก​จน​นับ​ไม่​ถ้วน ฉะนั้น โปรด​ช่วย​ให้​ผู้​รับใช้​ของ​พระ​องค์​มี​ความ​คิด​ความ​เข้าใจ​เพื่อ​ปกครอง​ชน​ชาติ​ของ​พระ​องค์ โปรด​ให้​ข้าพเจ้า​มี​สติ​ปัญญา​สามารถ​แยก​ความ​แตกต่าง​ระหว่าง​ความ​ดี​และ​ความ​ชั่ว​ได้​อย่าง​ชัดเจน ด้วย​ว่า มี​ใคร​บ้าง​ที่​มี​ความ​สามารถ​ปกครอง​ชน​ชาติ​อัน​ใหญ่​ยิ่ง​นี้​ของ​พระ​องค์​ได้” พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ยินดี​มาก​ที่​ซาโลมอน​ขอ​เช่น​นั้น พระ​เจ้า​กล่าว​กับ​ท่าน​ว่า “เป็น​เพราะ​เจ้า​ขอ​เช่น​นี้ และ​ไม่​ได้​ขอ​ชีวิต​ยืน​ยาว ความ​มั่งคั่ง หรือ​ชีวิต​ของ​ศัตรู​ของ​เจ้า แต่​ได้​ขอ​ความ​คิด​ความ​เข้าใจ​เพื่อ​จะ​ได้​หยั่งรู้​ด้วย​สติ​ปัญญา​ว่า สิ่ง​ไหน​ถูกต้อง ดู​เถิด บัดนี้​เรา​โปรด​ให้​เจ้า​เรือง​ปัญญา​และ​หยั่งรู้​ใน​ความ​นึก​คิด ซึ่ง​ไม่​มี​ผู้​ใด​ใน​อดีต​เทียบ​เท่า​เจ้า​ได้ และ​ไม่​มี​ผู้​ใด​จะ​มา​เทียม​เท่า​เจ้า​ได้​ใน​ภาย​ภาค​หน้า เรา​ให้​สิ่ง​ที่​เจ้า​ไม่​ได้​ขอ​ด้วย​คือ ความ​มั่งคั่ง​และ​เกียรติยศ จะ​ไม่​มี​กษัตริย์​อื่น​ใด​ที่​จะ​เปรียบ​ได้​กับ​เจ้า​ตลอด​ชีวิต​ของ​เจ้า และ​ถ้า​เจ้า​ดำเนิน​ชีวิต​ใน​วิถี​ทาง​ของ​เรา รักษา​กฎ​เกณฑ์​และ​บัญญัติ​ของ​เรา ดัง​ที่​ดาวิด​บิดา​ของ​เจ้า​ดำเนิน​มา เรา​ก็​จะ​ให้​เจ้า​มี​อายุ​ยืน​ยิ่ง​ขึ้น” ซาโลมอน​ตื่น​ขึ้น ดู​เถิด เป็น​สิ่ง​ที่​ท่าน​ฝัน แล้ว​ท่าน​ก็​มา​ยัง​เมือง​เยรูซาเล็ม ยืน​อยู่ ณ เบื้อง​หน้า​หีบ​พันธ​สัญญา​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​มอบ​สัตว์​ที่​เผา​เป็น​ของ​ถวาย และ​ของ​ถวาย​เพื่อ​สามัคคี​ธรรม และ​จัด​งาน​เลี้ยง​ให้​แก่​บรรดา​ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​ทุก​คน มี​หญิง​โสเภณี 2 คน​มา​เข้า​เฝ้า​กษัตริย์ และ​ยืน​อยู่​ต่อ​หน้า​ท่าน หญิง​คน​หนึ่ง​พูด​ว่า “โอ เจ้า​นาย​ของ​ข้าพเจ้า หญิง​คน​นี้​กับ​ข้าพเจ้า​อาศัย​อยู่​ใน​บ้าน​หลัง​เดียว​กัน ข้าพเจ้า​ได้​คลอด​บุตร​ใน​ขณะ​ที่​นาง​อยู่​ใน​บ้าน วัน​ที่​สาม​หลัง​จาก​ที่​ได้​คลอด​บุตร​แล้ว หญิง​คน​นี้​ก็​คลอด​บุตร​เช่น​กัน และ​เรา​อยู่​กัน​เพียง​สอง​คน ไม่​มี​ใคร​อื่น​ที่​อยู่​ใน​บ้าน​ด้วย พอ​ตก​ค่ำ บุตร​ของ​หญิง​คน​นี้​ก็​ตาย​เพราะ​นาง​นอน​ทับ​อยู่ และ​นาง​ลุก​ขึ้น​ตอน​เที่ยง​คืน และ​ขโมย​บุตร​ที่​กำลัง​นอน​อยู่​ข้าง​ข้าพเจ้า​ไป ขณะ​ที่​ข้าพเจ้า คือ​ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​นอน​หลับ​อยู่ นาง​วาง​บุตร​ของ​ข้าพเจ้า​เคียง​ข้าง​อก​ของ​นาง และ​วาง​บุตร​ที่​ตาย​แล้ว​ของ​นาง​ไว้​เคียง​ข้าง​อก​ข้าพเจ้า ครั้น​รุ่ง​เช้า ข้าพเจ้า​ก็​ลุก​ขึ้น​จะ​ให้​นม​บุตร ดู​เถิด เขา​ตาย​เสีย​แล้ว แต่​เมื่อ​ข้าพเจ้า​มอง​ดู​บุตร​อย่าง​ชัดเจน​ตอน​ฟ้าสาง จึง​เห็น​ว่า​ไม่​ใช่​บุตร​ที่​ข้าพเจ้า​ได้​คลอด​มา” หญิง​อีก​คน​หนึ่ง​บอก​ว่า “ไม่​ใช่ เด็ก​ที่​มี​ชีวิต​อยู่​เป็น​บุตร​ของ​ฉัน ส่วน​เด็ก​ที่​ตาย​แล้ว​เป็น​ของ​เธอ” แต่​หญิง​คน​แรก​ยืนกราน​ว่า “ไม่​ใช่ เด็ก​ที่​ตาย​แล้ว​เป็น​ของ​เธอ ส่วน​เด็ก​ที่​มี​ชีวิต​อยู่​เป็น​ของ​ฉัน” ดังนั้น​หญิง​ทั้ง​สอง​จึง​เถียง​กัน​ต่อ​หน้า​กษัตริย์ กษัตริย์​กล่าว​ว่า “คน​นี้​พูด​ว่า ‘บุตร​ของ​ฉัน​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่ ส่วน​บุตร​ของ​เธอ​ตาย​เสีย​แล้ว’ ใน​เวลา​เดียว​กัน คน​นั้น​ก็​พูด​ว่า ‘ไม่​ใช่ บุตร​ของ​เธอ​ตาย​แล้ว แต่​ของ​ฉัน​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่’” กษัตริย์​จึง​กล่าว​ว่า “เอา​ดาบ​มา​ให้​เรา​เล่ม​หนึ่ง” คน​หนึ่ง​ก็​เอา​ดาบ​มา​วาง​ไว้​ต่อ​หน้า​กษัตริย์ กษัตริย์​กล่าว​ว่า “จง​ผ่า​เด็ก​ที่​มี​ชีวิต​อยู่​ออก​เป็น 2 ท่อน และ​ยก​ให้​ไป​คน​ละ​ท่อน” ฝ่าย​หญิง​ที่​เป็น​มารดา​ของ​เด็ก​ที่​มี​ชีวิต สงสาร​บุตร​ของ​นาง​จึง​บอก​กษัตริย์​ว่า “โอ เจ้า​นาย​ของ​ข้าพเจ้า มอบ​เด็ก​ที่​มี​ชีวิต​ให้​นาง​ไป​เถิด โปรด​ไว้​ชีวิต​เขา​ด้วย” แต่​หญิง​อีก​คน​พูด​ว่า “เด็ก​จะ​ไม่​เป็น​ของ​เธอ หรือ​ของ​ฉัน ผ่า​เด็ก​ออก​เป็น 2 ท่อน​เถิด” กษัตริย์​จึง​ออก​คำ​สั่ง​ว่า “คืน​เด็ก​ที่​มี​ชีวิต​ให้​กับ​นาง​คน​แรก อย่า​ฆ่า​เขา เพราะ​นาง​เป็น​มารดา​ของ​เขา” เมื่อ​ทั่ว​ทั้ง​อิสราเอล​ทราบ​เรื่อง​การ​ตัดสิน​ของ​กษัตริย์ พวก​เขา​ก็​รู้สึก​เกรงขาม​ยิ่ง​นัก เพราะ​ต่าง​ก็​เข้าใจ​ว่า​สติ​ปัญญา​ของ​พระ​เจ้า​อยู่​กับ​ท่าน​เพื่อ​ตัดสิน​ด้วย​ความ​เป็น​ธรรม