1 พงศ์กษัตริย์ 2:10-46
1 พงศ์กษัตริย์ 2:10-46 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
แล้วดาวิดก็ล่วงลับไปอยู่กับพวกบรรพบุรุษของเขาและศพของเขาได้ถูกฝังไว้ในเมืองของดาวิด เขาได้ปกครองอิสราเอลอยู่เป็นเวลาสี่สิบปี คือได้ครอบครองในเฮโบรนอยู่เจ็ดปี และครอบครองในเยรูซาเล็มอยู่สามสิบสามปี แล้วซาโลมอนได้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ของดาวิด ผู้เป็นพ่อของเขา และได้กุมอำนาจทั้งสิ้นในอาณาจักรของเขา ในเวลานั้นอาโดนียาห์ลูกชายของนางฮักกีทได้ไปหานางบัทเชบาแม่ของซาโลมอน นางบัทเชบาถามเขาว่า “นี่เจ้ามาอย่างสันติหรือเปล่า” เขาตอบว่า “ใช่แล้ว ข้าพเจ้ามาอย่างสันติ” แล้วเขาก็พูดว่า “ข้าพเจ้ามีเรื่องบางอย่างจะพูดกับท่าน” นางตอบว่า “พูดไปสิ” เขาพูดว่า “อย่างที่ท่านรู้แล้วว่า อาณาจักรนี้เคยเป็นของข้าพเจ้ามาก่อน ตอนนั้นคนอิสราเอลทั้งหมดอยากให้ข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์ของพวกเขา แต่แล้วสถานการณ์ได้เปลี่ยนไป และอาณาจักรนี้ก็ตกไปอยู่ในมือน้องชายของข้าพเจ้า เพราะพระยาห์เวห์ได้ยกมันให้กับเขา ตอนนี้ ข้าพเจ้าอยากขอร้องท่านอย่างหนึ่ง ขออย่าได้ปฏิเสธข้าพเจ้าเลย” นางพูดว่า “พูดไปสิ” เขาจึงพูดว่า “โปรดช่วยขอกับกษัตริย์ซาโลมอนว่าให้ยกนางอาบีชากชาวชูเนมให้เป็นเมียข้าพเจ้าด้วย เขาจะไม่ปฏิเสธท่านหรอก” นางบัทเชบาตอบว่า “ได้สิ เราจะพูดกับกษัตริย์ให้เจ้า” เมื่อนางบัทเชบาไปพบกษัตริย์ซาโลมอน เพื่อจะไปพูดเรื่องของอาโดนียาห์ กษัตริย์ได้ลุกขึ้นเพื่อมาพบนางและก้มทำความเคารพนาง และนั่งลงบนบัลลังก์ของเขา เขามีบัลลังก์อยู่ที่หนึ่งสำหรับให้แม่กษัตริย์นั่ง และนางได้นั่งลงที่ข้างขวาของเขา นางพูดว่า “แม่มีเรื่องเล็กๆอยากขอร้องเจ้าเรื่องหนึ่ง ขออย่าได้ปฏิเสธแม่เลย” กษัตริย์ตอบว่า “ว่ามาเถิด แม่ ข้าพเจ้าจะไม่ปฏิเสธท่านหรอก” นางจึงพูดว่า “ยกนางอาบีชากชาวชูเนมให้แต่งงานกับอาโดนียาห์พี่ชายของเจ้าเถิด” กษัตริย์ซาโลมอนตอบแม่ของเขาว่า “ทำไมแม่ถึงได้ขอนางอาบีชากชาวชูเนมให้กับอาโดนียาห์เล่า อย่างนี้ก็เท่ากับขอให้ลูกยกอาณาจักรให้กับเขาไปด้วย อย่าลืมว่าเขาเป็นพี่ชายคนโตและนักบวชอาบียาธาร์และโยอาบลูกชายนางเศรุยาห์ก็อยู่ฝ่ายเขาด้วย” แล้วกษัตริย์ซาโลมอนได้สาบานโดยอ้างพระยาห์เวห์ว่า “ถ้าอาโดนียาห์ไม่ได้ชดใช้การขอร้องครั้งนี้ด้วยชีวิตของเขา ก็ขอให้พระเจ้าลงโทษข้าพเจ้าอย่างรุนแรง พระยาห์เวห์ผู้ที่ได้แต่งตั้งข้าพเจ้าให้นั่งอยู่บนบัลลังก์ของดาวิดพ่อของข้าพเจ้า และผู้ที่ได้สร้างราชวงศ์ของข้าพเจ้าขึ้นมาตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้ พระองค์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน วันนี้อาโดนียาห์จะต้องตายอย่างแน่นอนขนาดนั้น” กษัตริย์ซาโลมอนจึงออกคำสั่งกับเบไนยาห์ลูกชายของเยโฮยาดา และเขาก็ไปฆ่าอาโดนียาห์ กษัตริย์พูดกับนักบวชอาบียาธาร์ว่า “กลับไปยังที่นาของเจ้าในอานาโธท เจ้ามันสมควรตาย แต่เราจะไม่ฆ่าเจ้าในตอนนี้เพราะว่าเจ้าเคยเป็นผู้ถือหีบของพระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต ต่อหน้าดาวิดผู้เป็นพ่อของเราและเคยลำบากร่วมกับพ่อของเรามาก่อน” ซาโลมอนจึงปลดอาบียาธาร์ออกจากตำแหน่งนักบวชของพระยาห์เวห์ ซึ่งเป็นไปตามคำพูดของพระยาห์เวห์ที่เคยพูดไว้เกี่ยวกับครอบครัวเอลีที่ชิโลห์ เมื่อข่าวรู้มาถึงหูโยอาบซึ่งเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับอาโดนียาห์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ร่วมมือกับอับซาโลม เขาก็ได้หลบหนีเข้าไปที่เต็นท์ของพระยาห์เวห์ และไปจับที่เชิงงอนของแท่นบูชาไว้ เมื่อมีคนไปบอกกษัตริย์ซาโลมอนว่า โยอาบหลบหนีไปที่เต็นท์ของพระยาห์เวห์ และไปอยู่ที่ด้านข้างของแท่นบูชา ซาโลมอนจึงสั่งเบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดาว่า “ไปฆ่าเขาซะ” เบไนยาห์จึงเข้าไปในเต็นท์ของพระยาห์เวห์ และพูดกับโยอาบว่า “กษัตริย์สั่งว่า ‘ออกมาเดี๋ยวนี้’” แต่เขาตอบว่า “ไม่ เราจะตายอยู่ที่นี่” เบไนยาห์จึงไปรายงานกับกษัตริย์ถึงสิ่งที่โยอาบตอบ แล้วกษัตริย์ก็ได้สั่งเบไนยาห์ว่า “ไปทำตามที่เขาพูดได้เลย ให้ฆ่าเขาและฝังเขาเสีย เพื่อว่าครอบครัวของเราและตัวเราจะได้ไม่ต้องรับผิดด้วยกันกับโยอาบที่ไปฆ่าคนบริสุทธิ์ พระยาห์เวห์จะทำให้การนองเลือดที่เขาได้ทำนั้นกลับมาตกลงบนหัวของเขาเอง เพราะเขาได้ทำร้ายคนสองคนที่ชอบธรรมและดีกว่าเขาด้วยดาบ โดยที่ดาวิดผู้เป็นพ่อของเราไม่รู้ คืออับเนอร์ลูกชายของเนอร์ซึ่งเป็นแม่ทัพของอิสราเอล และอามาสาลูกชายของเยเธอร์ผู้เป็นแม่ทัพของยูดาห์ ขอให้ความผิดแห่งเลือดของพวกเขานี้ ตกอยู่บนหัวของโยอาบและลูกหลานของโยอาบตลอดไป แต่ขอให้ดาวิดและลูกหลานของเขา ครอบครัวและบัลลังก์ของเขา ได้รับสันติสุขจากพระยาห์เวห์ตลอดไป” เบไนยาห์ลูกชายของเยโฮยาดาจึงขึ้นไปฆ่าโยอาบและฝังศพเขาไว้ในที่ดินของโยอาบเองในถิ่นแห้งแล้ง กษัตริย์ซาโลมอนได้แต่งตั้งให้เบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดาขึ้นเป็นแม่ทัพแทนโยอาบและแต่งตั้งนักบวชศาโดกขึ้นแทนอาบียาธาร์ แล้วกษัตริย์ก็ได้ส่งคนไปหาชิเมอีและบอกกับเขาว่า “ให้สร้างบ้านของตัวเจ้าเองขึ้นในเมืองเยรูซาเล็มและอาศัยอยู่ที่นั่น ห้ามออกไปที่อื่นอีก วันใดที่เจ้าออกมาและข้ามลำธารแห้งขิดโรนไป เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน เจ้าจะต้องรับผิดชอบต่อการตายของเจ้าเอง” ชิเมอีตอบกษัตริย์ไปว่า “สิ่งที่ท่านพูดมานั้นก็ยุติธรรม ข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านจะทำตามที่กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าได้พูดไว้” และชิเมอีก็ได้อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเป็นเวลานาน แต่อีกสามปีต่อมา ทาสสองคนของชิเมอีหลบหนีไปหากษัตริย์อาคีชแห่งเมืองกัทลูกชายของมาอาคาห์ และมีคนมาบอกชิเมอีว่า “ตอนนี้ ทาสทั้งสองคนของท่านอยู่ในเมืองกัท” อย่างนั้น ชิเมอีจึงผูกอานบนลาของเขาและไปหากษัตริย์อาคีชที่เมืองกัท เพื่อตามหาทาสสองคนของเขา ชิเมอีก็ได้ออกไปและนำตัวทาสทั้งสองคนของเขากลับมาจากเมืองกัท เมื่อซาโลมอนรู้เรื่องว่าชิเมอีได้ออกไปจากเยรูซาเล็มไปเมืองกัทและได้กลับมาแล้ว กษัตริย์จึงเรียกตัวชิเมอีมาและพูดกับเขาว่า “เราเคยให้เจ้าสาบานไว้กับพระยาห์เวห์ และเตือนเจ้ามาก่อนแล้วไม่ใช่หรือว่า ‘ในวันที่เจ้าจากไปและไปที่ไหนก็ตาม ให้แน่ใจได้เลยว่ามันจะเป็นวันตายของเจ้า’ และในเวลานั้น เจ้าก็พูดกับเราว่า ‘สิ่งที่ท่านพูดนั้นยุติธรรม ข้าพเจ้าจะเชื่อฟังท่าน’ แล้วทำไมเจ้าจึงไม่รักษาคำสาบานที่ให้ไว้กับพระยาห์เวห์ และไม่เชื่อฟังคำสั่งที่เราได้ให้เจ้าไว้เล่า” กษัตริย์พูดกับชิเมอีด้วยว่า “เจ้าก็รู้อยู่เต็มอก ในเรื่องความผิดที่เจ้าเคยทำไว้กับดาวิดผู้เป็นพ่อของเรา ตอนนี้พระยาห์เวห์จะตอบแทนเจ้าสำหรับความผิดที่เจ้าได้ทำลงไป แต่กษัตริย์ซาโลมอนจะได้รับการอวยพร และบัลลังก์ของดาวิดก็จะยังปลอดภัยอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ตลอดไป” แล้วกษัตริย์ก็ออกคำสั่งให้เบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดานำตัวชิเมอีออกไปฆ่า อย่างนี้ อาณาจักรนี้ก็ได้ตั้งมั่นคงอยู่ภายใต้การปกครองของซาโลมอน
1 พงศ์กษัตริย์ 2:10-46 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
แล้วดาวิดทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังพระศพไว้ในนครดาวิด ดาวิดทรงครองอิสราเอลเป็นเวลา 40 ปี พระองค์ทรงครองราชย์ในเฮโบรน 7 ปี และในกรุงเยรูซาเล็ม 33 ปี ดังนั้น ซาโลมอนจึงประทับบนบัลลังก์ของดาวิดพระราชบิดาของพระองค์ และราชอาณาจักรของพระองค์ก็ตั้งมั่นคงยิ่งนัก แล้วอาโดนียาห์พระราชโอรสของพระนางฮักกีท ได้เข้าเฝ้าพระนางบัทเชบา พระราชมารดาของซาโลมอน พระนางรับสั่งว่า “เจ้ามาดีหรือ?” ท่านทูลว่า “กระหม่อมมาดี พ่ะย่ะค่ะ” แล้วท่านทูลว่า “กระหม่อมมีเรื่องที่จะทูลพระนาง” พระนางมีรับสั่งว่า “จงว่าไปเถิด” ท่านจึงทูลว่า “พระนางทรงทราบแล้วว่าราชอาณาจักรนั้นเป็นของกระหม่อม และคนอิสราเอลทั้งสิ้นก็หมายใจว่ากระหม่อมจะได้ครอบครอง อย่างไรก็ดี ราชอาณาจักรก็กลับกลายมาเป็นของน้องชายกระหม่อม เพราะพระยาห์เวห์ประทานราชอาณาจักรแก่เขา บัดนี้กระหม่อมทูลขอแต่ประการเดียว ขอพระนางอย่าได้ปฏิเสธเลย” พระนางรับสั่งกับท่านว่า “จงว่าไปเถิด” และท่านทูลว่า “ขอพระนางทูลพระราชาซาโลมอน เพราะพระราชาคงไม่ทรงปฏิเสธพระนาง คือทูลขออาบีชากชาวชูเนมให้เป็นชายาของกระหม่อม” พระนางบัทเชบารับสั่งว่า “ดีแล้ว เราจะทูลพระราชาแทนเจ้า” พระนางบัทเชบาจึงเข้าเฝ้าพระราชาซาโลมอน เพื่อทูลพระองค์แทนอาโดนียาห์ และพระราชาทรงลุกขึ้นต้อนรับพระนาง และทรงถวายคำนับพระนาง แล้วก็เสด็จประทับบนบัลลังก์ของพระองค์ รับสั่งให้นำพระเก้าอี้มาถวายพระราชมารดา พระนางก็เสด็จประทับที่เบื้องขวาของพระองค์ แล้วพระนางทูลว่า “แม่จะขอสิ่งเล็กน้อยสิ่งหนึ่งจากลูก อย่าปฏิเสธแม่เลย” และพระราชาทูลพระนางว่า “ขอมาเถิด ลูกจะไม่ปฏิเสธเสด็จแม่” พระนางทูลว่า “ขอยกอาบีชากชาวชูเนมให้เป็นชายาของอาโดนียาห์พี่ชายของลูกเถิด” พระราชาซาโลมอนตรัสตอบพระราชมารดาของพระองค์ว่า “ทำไมเสด็จแม่จึงขออาบีชากชาวชูเนมให้อาโดนียาห์เล่า? น่าจะขอราชอาณาจักรให้เขาเสียด้วย เพราะเขาเป็นพี่ชายของลูก อีกทั้งขอให้อาบียาธาร์ปุโรหิตและขอให้โยอาบบุตรนางเศรุยาห์ด้วย” แล้วพระราชาซาโลมอนทรงปฏิญาณในพระนามของพระยาห์เวห์ว่า “ถ้าถ้อยคำนี้ไม่เป็นเหตุให้อาโดนียาห์เสียชีวิตแล้ว ก็ขอพระเจ้าทรงลงโทษเราและลงโทษให้หนักยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด คือพระองค์ผู้ทรงสถาปนาและตั้งเราไว้บนบัลลังก์ของดาวิดพระราชบิดา และทรงให้เรามีราชวงศ์ดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ อาโดนียาห์จะถูกประหารในวันนี้ฉันนั้น” ดังนั้นพระราชาซาโลมอนจึงรับสั่งให้เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา ไปประหารชีวิตอาโดนียาห์เสีย และท่านก็ตาย ส่วนอาบียาธาร์ปุโรหิตนั้น พระราชารับสั่งว่า “จงไปอยู่ที่อานาโธท ไปสู่ไร่นาของเจ้าเพราะเจ้าสมควรตาย แต่ในเวลานี้เราจะไม่ประหารเจ้า เพราะว่าเจ้าหามหีบของพระยาห์เวห์องค์เจ้านายไปข้างหน้าดาวิดพระราชบิดาของเรา และเพราะเจ้าได้ร่วมทุกข์กับพระราชบิดาของเรา” ซาโลมอนจึงทรงขับไล่อาบียาธาร์เสียจากหน้าที่ปุโรหิตของพระยาห์เวห์ ดังนั้นทำให้สำเร็จตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งพระองค์ตรัสเกี่ยวกับเชื้อสายของเอลีที่เมืองชีโลห์ เมื่อข่าวนี้ไปถึงโยอาบ (เพราะแม้โยอาบไม่ได้เข้าข้างอับซาโลม แต่ท่านได้เข้าข้างอาโดนียาห์) โยอาบก็หนีไปที่เต็นท์ของพระยาห์เวห์และจับเชิงงอนแท่นบูชาไว้ เมื่อมีคนไปกราบทูลพระราชาซาโลมอนว่า “โยอาบได้หนีไปยังเต็นท์ของพระยาห์เวห์ และนี่แน่ะ เขาอยู่ข้างแท่นบูชานั้น” ซาโลมอนตรัสสั่งเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาว่า “จงไปประหารเขาเสีย” เบไนยาห์ก็มายังเต็นท์ของพระยาห์เวห์ พูดกับท่านว่า “พระราชามีรับสั่งว่า จงออกมาเถิด” ท่านตอบว่า “ไม่ออก ข้าจะตายที่นี่” แล้วเบไนยาห์ก็นำความไปกราบทูลพระราชาอีกว่า “โยอาบพูดอย่างนี้ และเขาตอบข้าพระบาทอย่างนี้” พระราชาตรัสตอบเขาว่า “จงทำตามที่เขาบอก จงประหารเขาเสียและฝังเขาไว้ ทั้งนี้จะได้เอาโทษของความผิด ซึ่งโยอาบได้ฆ่าคนที่ไม่มีความผิดนั้นไปเสียจากเรา และจากเชื้อสายพระราชบิดาของเรา พระยาห์เวห์ทรงนำโลหิตของเขากลับมาตกบนศีรษะของเขาเอง เพราะว่าเขาได้โจมตีและฆ่าชายสองคนที่ชอบธรรมกว่า และดีกว่าตัวเขาด้วยดาบ โดยที่ดาวิดพระราชบิดาของเราไม่ทรงทราบ คืออับเนอร์บุตรเนอร์ผู้บัญชาการกองทัพของอิสราเอล และอามาสาบุตรเยเธอร์ผู้บัญชาการกองทัพของยูดาห์ ดังนั้นที่เขาทั้งสองต้องตายนั้น โยอาบและพงศ์พันธุ์ของเขาต้องรับผิดชอบเป็นนิตย์ แต่ส่วนดาวิดและพงศ์พันธุ์ของพระองค์และราชวงศ์ของพระองค์ และราชบัลลังก์ของพระองค์จะมีสวัสดิภาพจากพระยาห์เวห์อยู่เป็นนิตย์” แล้วเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาก็ขึ้นไปประหารชีวิตเขาเสีย และฝังเขาไว้ในบ้านของเขาเองซึ่งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร พระราชาได้ทรงแต่งตั้งเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาให้บัญชาการกองทัพแทนโยอาบ และพระราชาก็ทรงแต่งตั้งศาโดกเป็นปุโรหิตแทนที่อาบียาธาร์ แล้วพระราชาทรงใช้คนไปเรียกชิเมอีให้เข้ามาเฝ้า และตรัสกับเขาว่า “จงสร้างบ้านอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มและอาศัยอยู่ที่นั่น อย่าออกจากที่นั่นไปไหนเลย เพราะในวันที่เจ้าออกไป และข้ามลำธารขิดโรนนั้น เจ้าจงรู้แน่เถิดว่า เจ้าจะต้องตายแน่ ที่เจ้าต้องตายนั้น เจ้าเองก็รับผิดชอบ” และชิเมอีทูลพระราชาว่า “ที่ฝ่าพระบาทตรัสนั้นดีแล้ว ผู้รับใช้จะทำตามที่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาทตรัสนั้น” ชิเมอีจึงอาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มเป็นเวลานาน เมื่อล่วงไปสามปีก็เกิดเรื่องขึ้น คือทาสสองคนของชิเมอีได้หลบหนีไปหาอาคีช โอรสของมาอาคาห์กษัตริย์เมืองกัท และเมื่อพวกเขามาบอกชิเมอีว่า “ดูสิ ทาสของท่านอยู่ในเมืองกัท” ชิเมอีก็ลุกขึ้นผูกอานขี่ลาไปเฝ้าอาคีชที่เมืองกัท เพื่อเสาะหาทาสของตน ชิเมอีได้ไปนำทาสของตนมาจากเมืองกัท และเมื่อมีผู้กราบทูลซาโลมอนว่า ชิเมอีได้ไปจากกรุงเยรูซาเล็มถึงเมืองกัท และกลับมาแล้ว พระราชาก็ทรงใช้คนไปเรียกชิเมอีมาเฝ้าและตรัสกับเขาว่า “เราได้ให้เจ้าสาบานในพระนามของพระยาห์เวห์ไม่ใช่หรือ? และได้ตักเตือนเจ้าแล้วว่า ‘จงรู้แน่ว่า ในวันที่เจ้าออกไป ไม่ว่าไปที่ไหน เจ้าจะต้องตายแน่’ และเจ้าก็ตอบเราว่า ‘ที่ฝ่าพระบาทตรัสนั้นก็ดีแล้ว ข้าพระบาทจะเชื่อฟัง’ ทำไมเจ้าจึงไม่รักษาคำสาบานที่ให้ไว้ต่อพระยาห์เวห์ และไม่รักษาคำบัญชาซึ่งเราได้กำชับเจ้านั้น?” พระราชาตรัสกับชิเมอีว่า “ในใจของเจ้าเองรู้เรื่องเหตุร้ายทั้งสิ้น ซึ่งเจ้าได้ทำต่อดาวิดพระราชบิดาของเรา เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์จะทรงนำเหตุร้ายมาสนองเหนือศีรษะของเจ้าเอง แต่พระราชาซาโลมอนจะได้รับพระพร และบัลลังก์ของดาวิดจะตั้งมั่นคงเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์เป็นนิตย์” แล้วพระราชาทรงบัญชาเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา และเขาก็ออกไปประหารชีวิตชิเมอีเสีย ดังนั้นราชอาณาจักรก็ตั้งมั่นคงอยู่ในพระหัตถ์ของซาโลมอน
1 พงศ์กษัตริย์ 2:10-46 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
แล้วดาวิดก็บรรทมหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาก็ฝังพระศพไว้ในนครดาวิด และเวลาที่ดาวิดทรงครอบครองอยู่เหนืออิสราเอลนั้นเป็นสี่สิบปี พระองค์ทรงครอบครองในเฮโบรนเจ็ดปี และพระองค์ทรงครอบครองในกรุงเยรูซาเล็มสามสิบสามปี ดังนั้นแหละซาโลมอนจึงประทับบนพระที่นั่งของดาวิดราชบิดาของพระองค์ และราชอาณาจักรของพระองค์ก็ดำรงมั่นคงอยู่ แล้วอาโดนียาห์โอรสของพระนางฮักกีทได้เข้าเฝ้าพระนางบัทเชบาพระชนนีของซาโลมอน พระนางมีพระเสาวนีย์ว่า “เจ้ามาอย่างสันติหรือ” ท่านทูลว่า “อย่างสันติขอรับกระหม่อม” แล้วท่านทูลว่า “เกล้ากระหม่อมมีเรื่องที่จะทูลพระองค์” พระนางมีพระเสาวนีย์ว่า “จงพูดไปเถิด” ท่านจึงทูลว่า “พระองค์ทรงทราบแล้วว่าราชอาณาจักรนั้นเป็นของกระหม่อม และว่าบรรดาชนอิสราเอลทั้งสิ้นก็หมายใจว่า กระหม่อมจะได้ครอบครอง อย่างไรก็ดี ราชอาณาจักรก็กลับกลายมาเป็นของพระอนุชาของกระหม่อม ด้วยราชอาณาจักรเป็นของเธอจากพระเยโฮวาห์ บัดนี้กระหม่อมทูลขอแต่ประการเดียว ขอพระองค์อย่าได้ปฏิเสธเลย” พระนางมีพระเสาวนีย์ต่อเธอว่า “จงพูดไปเถิด” และท่านทูลว่า “ขอพระองค์ทูลกษัตริย์ซาโลมอน (ท่านคงไม่ปฏิเสธพระองค์) คือทูลขออาบีชากชาวชูเนมให้เป็นชายาของกระหม่อม” พระนางบัทเชบามีพระเสาวนีย์ว่า “ดีแล้ว เราจะทูลกษัตริย์แทนเจ้า” พระนางบัทเชบาจึงเข้าเฝ้ากษัตริย์ซาโลมอน เพื่อทูลพระองค์ให้อาโดนียาห์ และกษัตริย์ทรงลุกขึ้นต้อนรับพระนาง และทรงคำนับพระนาง แล้วก็เสด็จประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ รับสั่งให้นำพระเก้าอี้มาถวายพระชนนี พระนางก็เสด็จประทับที่เบื้องขวาของพระองค์ แล้วพระนางทูลว่า “แม่จะขอจากเธอสักประการหนึ่ง ขออย่าปฏิเสธแม่เลย” และกษัตริย์ทูลพระนางว่า “ขอมาเถิด ผมจะไม่ปฏิเสธเสด็จแม่” พระนางทูลว่า “ขอยกอาบีชากชาวชูเนมให้กับอาโดนียาห์เชษฐาของเธอให้เป็นชายาเถิด” กษัตริย์ซาโลมอนตรัสตอบพระชนนีของพระองค์ว่า “ไฉนเสด็จแม่จึงขออาบีชากชาวชูเนมให้แก่อาโดนียาห์เล่า น่าจะขอราชอาณาจักรให้เขาเสียด้วย เพราะเขาเป็นพระเชษฐาของผม และฝ่ายเขามีอาบียาธาร์ปุโรหิตและโยอาบบุตรนางเศรุยาห์” แล้วกษัตริย์ซาโลมอนทรงปฏิญาณในพระนามของพระเยโฮวาห์ว่า “ถ้าถ้อยคำนี้ไม่เป็นเหตุให้อาโดนียาห์เสียชีวิตของเขาแล้ว ก็ขอพระเจ้าทรงลงโทษผมและให้หนักยิ่งกว่า เพราะฉะนั้นบัดนี้พระเยโฮวาห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด พระองค์ผู้ทรงสถาปนาผมไว้ และตั้งผมไว้บนบัลลังก์ของดาวิดราชบิดาของผม และทรงตั้งไว้เป็นราชวงศ์ ดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ อาโดนียาห์จะต้องตายในวันนี้ฉันนั้น” ดังนั้นกษัตริย์ซาโลมอนจึงรับสั่งใช้เบไนยาห์บุตรชายเยโฮยาดา เขาก็ไปประหารชีวิตอาโดนียาห์เสีย และท่านก็ตาย ส่วนอาบียาธาร์ปุโรหิตนั้น กษัตริย์รับสั่งว่า “จงไปอยู่ที่อานาโธท ไปสู่ไร่นาของเจ้า เพราะเจ้าสมควรที่จะตาย แต่ในเวลานี้เราจะไม่ประหารชีวิตเจ้า เพราะว่าเจ้าหามหีบขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าไปข้างหน้าดาวิดราชบิดาของเรา และเพราะเจ้าได้เข้าส่วนในบรรดาความทุกข์ใจของราชบิดาเรา” ซาโลมอนจึงทรงขับไล่อาบียาธาร์เสียจากหน้าที่ปุโรหิตของพระเยโฮวาห์ กระทำให้สำเร็จตามพระวจนะของพระเยโฮวาห์ซึ่งพระองค์ตรัสเกี่ยวกับวงศ์วานของเอลีที่เมืองชีโลห์ เมื่อข่าวนี้ทราบไปถึงโยอาบ เพราะแม้ว่าโยอาบมิได้สนับสนุนอับซาโลม ท่านได้สนับสนุนอาโดนียาห์ โยอาบก็หนีไปที่พลับพลาของพระเยโฮวาห์และจับเชิงงอนแท่นบูชาไว้ เมื่อมีคนไปกราบทูลกษัตริย์ซาโลมอนว่า “โยอาบได้หนีไปที่พลับพลาของพระเยโฮวาห์ และดูเถิด เขาอยู่ข้างแท่นบูชานั้น” ซาโลมอนรับสั่งเบไนยาห์บุตรชายเยโฮยาดาตรัสว่า “จงไปประหารชีวิตเขาเสีย” เบไนยาห์ก็มายังพลับพลาของพระเยโฮวาห์พูดกับท่านว่า “กษัตริย์มีรับสั่งว่า จงออกมาเถิด” ท่านตอบว่า “ไม่ออกไป ข้าจะตายที่นี่” แล้วเบไนยาห์ก็นำความไปกราบทูลกษัตริย์อีกว่า “โยอาบพูดอย่างนี้ และเขาตอบข้าพระองค์อย่างนี้” กษัตริย์ตรัสตอบเขาว่า “จงกระทำตามที่เขาบอก จงประหารเขาเสียและฝังเขาไว้ ทั้งนี้จะได้เอาโลหิตไร้ความผิดซึ่งโยอาบได้กระทำให้ไหลนั้นไปเสียจากเรา และจากวงศ์วานบิดาของเรา พระเยโฮวาห์ทรงทำให้โลหิตของเขากลับมาตกบนศีรษะของเขาเอง เพราะว่าเขาได้โจมตีและฆ่าชายสองคนที่ชอบธรรมและดีกว่าตัวเขาด้วยดาบ โดยที่ดาวิดราชบิดาของเราหาทรงทราบไม่ คืออับเนอร์บุตรเนอร์ผู้บัญชาการกองทัพของอิสราเอล และอามาสาบุตรเยเธอร์ผู้บัญชาการกองทัพของยูดาห์ ดังนั้นต้องให้โลหิตของเขาทั้งสองตกบนศีรษะของโยอาบและบนศีรษะเชื้อสายของเขาเป็นนิตย์ แต่ส่วนดาวิดและเชื้อสายของพระองค์ และราชวงศ์ของพระองค์ และราชบัลลังก์ของพระองค์จะมีสันติภาพจากพระเยโฮวาห์อยู่เป็นนิตย์” แล้วเบไนยาห์บุตรชายเยโฮยาดาก็ขึ้นไปประหารชีวิตเขาเสีย และฝังเขาไว้ในบ้านของเขาเองซึ่งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร กษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งเบไนยาห์บุตรชายเยโฮยาดาเหนือกองทัพแทนโยอาบ และกษัตริย์ก็ทรงแต่งตั้งศาโดกผู้เป็นปุโรหิตไว้ในตำแหน่งของอาบียาธาร์ แล้วกษัตริย์ทรงใช้คนไปเรียกชิเมอีให้เข้ามาเฝ้า และตรัสกับเขาว่า “ท่านจงสร้างบ้านอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มและอาศัยอยู่ที่นั่น อย่าออกจากที่นั่นไปที่ไหนเลย เพราะในวันที่ท่านออกไป และข้ามลำธารขิดโรนนั้น ท่านจงรู้เป็นแน่เถิดว่า ท่านจะต้องตายแน่ แล้วโลหิตของเจ้าจะต้องตกบนศีรษะของเจ้าเอง” และชิเมอีทูลกษัตริย์ว่า “ที่พระองค์ตรัสนั้นก็ดีแล้ว ผู้รับใช้ของพระองค์จะกระทำตามที่กษัตริย์เจ้านายของข้าพระองค์ตรัสนั้น” ชิเมอีจึงได้อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มเป็นเวลานาน ต่อมาเมื่อล่วงไปสามปีแล้วทาสสองคนของชิเมอีได้หลบหนีไปยังอาคีชโอรสของมาอาคาห์กษัตริย์เมืองกัท และเมื่อเขามาบอกชิเมอีว่า “ดูเถิด ทาสของท่านอยู่ในเมืองกัท” ชิเมอีก็ลุกขึ้นผูกอานขี่ลาไปเฝ้าอาคีชที่เมืองกัทเพื่อเสาะหาทาสของตน ชิเมอีได้ไปนำทาสของตนมาจากเมืองกัท และเมื่อมีผู้กราบทูลซาโลมอนว่าชิเมอีได้ไปจากกรุงเยรูซาเล็มถึงเมืองกัท และกลับมาแล้ว กษัตริย์ก็ทรงใช้ให้เรียกชิเมอีมาเฝ้าและตรัสกับเขาว่า “เราได้ให้ท่านปฏิญาณในพระนามของพระเยโฮวาห์มิใช่หรือ และได้ตักเตือนท่านแล้วว่า ‘ท่านจงรู้เป็นแน่ว่า ในวันที่ท่านออกไป ไม่ว่าไปที่ใดๆ ท่านจะต้องตายแน่’ และท่านก็ได้ตอบเราว่า ‘คำตรัสที่ข้าพระองค์ได้ยินนั้นก็ดีแล้ว’ ทำไมท่านจึงไม่รักษาคำปฏิญาณไว้ต่อพระเยโฮวาห์ และรักษาคำบัญชาซึ่งเราได้กำชับท่านนั้น” กษัตริย์ตรัสกับชิเมอีว่า “ท่านเองรู้เรื่องเหตุร้ายทั้งสิ้นซึ่งอยู่ในใจของท่าน ซึ่งท่านได้กระทำต่อดาวิดราชบิดาของเรา เพราะฉะนั้นพระเยโฮวาห์จะทรงนำเหตุร้ายมาสนองเหนือศีรษะของท่านเอง แต่กษัตริย์ซาโลมอนจะได้รับพระพร และพระที่นั่งของดาวิดจะตั้งมั่นคงต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์อยู่เป็นนิตย์” แล้วกษัตริย์ทรงบัญชาเบไนยาห์บุตรชายเยโฮยาดาและเขาก็ออกไปประหารชีวิตชิเมอีเสีย ดังนั้นราชอาณาจักรก็ตั้งมั่นคงอยู่ในพระหัตถ์ของซาโลมอน
1 พงศ์กษัตริย์ 2:10-46 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
แล้วดาวิดก็บรรทมหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาก็ฝังพระศพไว้ในนครดาวิด และเวลาที่ดาวิดทรงครอบครองอยู่เหนืออิสราเอลนั้น เป็นสี่สิบปี พระองค์ทรงครอบครองในเฮโบรนเจ็ดปี และในกรุงเยรูซาเล็มสามสิบสามปี ดังนั้นแหละ ซาโลมอนจึงประทับบนพระที่นั่งของดาวิดราชบิดาของพระองค์ และราชอาณาจักรของพระองค์ก็ดำรงมั่นคงอยู่ แล้วอาโดนียาห์โอรสของพระนางฮักกีท ได้เข้าเฝ้าพระนางบัทเชบา พระชนนีของซาโลมอน พระนางมีพระเสาวนีย์ว่า <<เจ้ามาอย่างสันติหรือ>> ท่านทูลว่า <<อย่างสันติขอรับกระหม่อม>> แล้วท่านทูลว่า <<เกล้ากระหม่อมมีเรื่องที่จะทูลฝ่าพระบาท>> พระนางมีพระเสาวนีย์ว่า <<จงพูดไปเถิด>> ท่านจึงทูลว่า <<ฝ่าพระบาททรงทราบแล้วว่า ราชอาณาจักรนั้นเป็นของกระหม่อม และว่าบรรดาชนอิสราเอลทั้งสิ้นก็หมายใจว่า กระหม่อมจะได้ครอบครอง อย่างไรก็ดี ราชอาณาจักรก็กลับกลายมาเป็นของพระอนุชาของกระหม่อม ด้วยราชอาณาจักรเป็นของเธอจากพระเจ้า บัดนี้กระหม่อมทูลขอแต่ประการเดียว ขอฝ่าพระบาทอย่าได้ปฏิเสธเลย>> พระนางมีพระเสาวนีย์ต่อเธอว่า <<จงพูดไปเถิด>> และเธอทูลว่า <<ขอฝ่าพระบาททูลพระราชาซาโลมอน ท่านคงไม่ปฏิเสธฝ่าพระบาท คือทูลขออาบีชากชาวชูเนมให้เป็นชายาของกระหม่อม>> พระนางบัทเชบามีพระเสาวนีย์ว่า <<ดีแล้ว เราจะทูลพระราชาแทนเจ้า>> พระนางบัทเชบาจึงเข้าเฝ้าพระราชาซาโลมอน เพื่อทูลพระองค์ให้อาโดนียาห์ และพระราชาทรงลุกขึ้นต้อนรับพระนาง และทรงคำนับพระนาง แล้วก็เสด็จประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ รับสั่งให้นำพระเก้าอี้มาถวายพระชนนี พระนางก็เสด็จประทับที่เบื้องขวาของพระองค์ แล้วพระนางทูลว่า <<แม่จะขอจากเธอสักประการหนึ่ง ขออย่าปฏิเสธแม่เลย>> และพระราชาทูลพระนางว่า <<ขอมาเถิด ผมจะไม่ปฏิเสธเสด็จแม่>> พระนางทูลว่า <<ขอยกอาบีชากชาวชูเนมให้กับอาโดนียาห์เชษฐา ของเธอให้เป็นชายาเถิด>> พระราชาซาโลมอนตรัสตอบพระชนนีของพระองค์ว่า <<ไฉนเสด็จแม่จึงขออาบีชากชาวชูเนมให้แก่อาโดนียาห์เล่า น่าจะขอราชอาณาจักรให้เขาเสียด้วย เพราะเขาเป็นพระเชษฐาของผม และฝ่ายเขามีอาบียาธาร์ปุโรหิตและโยอาบบุตรนาง เศรุยาห์>> แล้วพระราชาซาโลมอนทรงปฏิญาณในพระนามของ พระเจ้าว่า <<ถ้าถ้อยคำนี้ไม่เป็นเหตุให้อาโดนียาห์เสียชีวิตของเขาแล้ว ก็ขอพระเจ้าทรงลงโทษผม และยิ่งหนักกว่า เพราะฉะนั้นพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใดพระองค์ ผู้ทรงสถาปนาผมไว้ และตั้งผมไว้บนบัลลังก์ของดาวิดราชบิดาของผม และทรงตั้งไว้เป็นราชวงศ์ ดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ อาโดนียาห์จะต้องตายในวันนี้ฉันนั้น>> ดังนั้นพระราชาซาโลมอนจึงรับสั่ง ใช้เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา เขาก็ไปประหารชีวิตอาโดนียาห์เสีย และท่านก็ตาย ส่วนอาบียาธาร์ปุโรหิตนั้น พระราชารับสั่งว่า <<จงไปอยู่ที่อานาโธท ไปสู่ไร่นาของเจ้าเพราะเจ้าควรที่จะตาย แต่ในเวลานี้เราจะไม่ประหารชีวิตเจ้า เพราะว่าเจ้าหามหีบของพระเยโฮวาห์ พระเจ้าไปข้างหน้าดาวิดราชบิดาของเรา และเพราะเจ้าได้เข้าส่วนในบรรดาความทุกข์ใจราชบิดา ของเรา>> ซาโลมอนจึงทรงขับไล่อาบียาธาร์เสียจากหน้าที่ ปุโรหิตของพระเจ้า กระทำให้สำเร็จตามพระวจนะของพระเจ้าซึ่งพระองค์ตรัส เกี่ยวกับเชื้อสายของเอลีที่เมืองชีโลห์ เมื่อข่าวนี้ทราบไปถึงโยอาบ (เพราะแม้ว่าโยอาบมิได้สนับสนุนอับซาโลม ท่านได้สนับสนุนอาโดนียาห์) โยอาบก็หนีไปที่เต็นท์ของพระเจ้าและจับเชิงงอนแท่นบูชาไว้ เมื่อมีคนไปกราบทูลพระราชาซาโลมอนว่า <<โยอาบได้หนีไปที่เต็นท์ของพระเจ้าและดูเถิด เขาอยู่ข้างแท่นบูชานั้น>> ซาโลมอนรับสั่งเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาตรัสว่า <<จงไป ประหารชีวิตเขาเสีย>> เบไนยาห์ก็มายังเต็นท์ของพระเจ้าพูดกับท่านว่า <<พระราชามีรับสั่งว่า จงออกมาเถิด>> ท่านตอบว่า <<ไม่ออกไป ข้าจะตายที่นี่>> แล้วเบไนยาห์ก็นำความไปกราบทูลพระราชาอีกว่า <<โยอาบพูดอย่างนี้ และเขาตอบข้าพระบาทอย่างนี้>> พระราชาตรัสตอบเขาว่า <<จงกระทำตามที่เขาบอก จงประหารเขาเสียและฝังเขาไว้ ทั้งนี้จะได้เอาโทษของความผิด ซึ่งโยอาบได้กระทำให้เขาตาย ด้วยไร้เหตุสมควรนั้นไปเสียจากเรา และจากเชื้อสายบิดาของเรา พระเจ้าทรงนำการกระทำอันนองเลือดของเขา กลับมาตกบนศีรษะของเขาเอง เพราะว่าเขาได้โจมตีและฆ่าชายสองคนที่ชอบธรรม และดีกว่าตัวเขาด้วยดาบโดยที่ดาวิดราชบิดาของ เราหาทรงทราบไม่ คืออับเนอร์บุตรเนอร์ผู้บัญชาการกองทัพของอิสราเอล และอามาสาบุตรเยเธอร์ผู้บัญชาการกองทัพของยูดาห์ ดังนั้นที่เขาทั้งสองต้องตายนั้น โยอาบและพงศ์พันธุ์ของเขาต้องรับผิดชอบเป็นนิตย์ แต่ส่วนดาวิดและพงศ์พันธุ์ของพระองค์และราชวงศ์ ของพระองค์ และราชบัลลังก์ของพระองค์จะมีสวัสดิภาพจากพระเจ้าอยู่ เป็นนิตย์>> แล้วเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาก็ขึ้นไปประหารชีวิต เขาเสีย และฝังเขาไว้ในบ้านของเขาเองซึ่งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร พระราชาได้ทรงแต่งตั้งเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา เหนือกองทัพแทนโยอาบ และพระราชาก็ทรงแต่งตั้งศาโดกผู้เป็นปุโรหิตไว้ใน ตำแหน่งของอาบียาธาร์ แล้วพระราชาทรงใช้คนไปเรียกชิเมอีให้เข้ามาเฝ้า และตรัสกับเขาว่า <<ท่านจงสร้างบ้านอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มและอาศัยอยู่ที่นั่น อย่าออกจากที่นั่นไปที่ไหนเลย เพราะในวันที่ท่านออกไป และข้ามลำธารขิดโรนนั้น ท่านจงรู้เป็นแน่เถิดว่า ท่านจะต้องตาย ที่ท่านต้องตายนั้น ท่านเองก็รับผิดชอบ>> และชิเมอีทูลพระราชาว่า <<ที่ฝ่าพระบาทตรัสนั้นก็ดีแล้ว ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะกระทำตามที่พระราชา เจ้านายของข้าพระบาทตรัสนั้น>> ชิเมอีจึงได้อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มเป็นเวลานาน เมื่อล่วงไปสามปีก็เกิดเรื่อง ขึ้นคือทาสสองคนของชิเมอีได้หลบหนีไปยังอาคีช โอรสของมาอาคาห์กษัตริย์เมืองกัท และเมื่อเขามาบอกชิเมอีว่า <<ดูเถิด ทาสของท่านอยู่ในเมืองกัท>> ชิเมอีก็ลุกขึ้นผูกอานขี่ลาไปเฝ้าอาคีชที่เมืองกัท เพื่อเสาะหาทาสของตน ชิเมอีได้ไปนำทาสของตนมาจากเมืองกัท และเมื่อมีผู้กราบทูลซาโลมอนว่าชิเมอีได้ไปจาก กรุงเยรูซาเล็มถึงเมืองกัท และกลับมาแล้ว พระราชาก็ทรงใช้ให้เรียกชิเมอีมาเฝ้าและตรัส กับเขาว่า <<เราได้ให้ท่านสาบานในพระนามของพระเจ้ามิใช่หรือ และได้ตักเตือนท่านแล้วว่า <ท่านจงรู้เป็นแน่ว่า ในวันที่ท่านออกไป ไม่ว่าไปที่ใดๆ ท่านจะต้องตาย> และท่านก็ได้ตอบเราว่า <ที่ฝ่าพระบาทตรัสนั้นก็ดีแล้วข้าพระบาทจะเชื่อฟัง> ทำไมท่านจึงไม่รักษาคำสาบานไว้ต่อพระเจ้า และรักษาคำบัญชาซึ่งเราได้กำชับท่านนั้น>> พระราชาตรัสกับชิเมอีว่า <<ท่านเองรู้เรื่องเหตุร้ายทั้งสิ้น ซึ่งท่านได้กระทำต่อดาวิดราชบิดาของเรา เพราะฉะนั้นพระเจ้าจะทรงนำ เหตุร้ายมาสนองเหนือศีรษะของท่านเอง แต่พระราชาซาโลมอนจะได้รับพระพร และพระที่นั่งของดาวิดจะตั้งมั่นคงต่อพระเจ้าอยู่เป็นนิตย์>> แล้วพระราชาทรงบัญชาเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา และเขาก็ออกไปประหารชีวิตชิเมอีเสีย ดังนั้นราชอาณาจักรก็ตั้งมั่นคงอยู่ในพระหัตถ์ของซาโลมอน
1 พงศ์กษัตริย์ 2:10-46 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
จากนั้นดาวิดก็ทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และถูกฝังไว้ในเมืองดาวิด ดาวิดทรงปกครองอิสราเอลเป็นเวลา 40 ปี ปกครองในเมืองเฮโบรน 7 ปี และในกรุงเยรูซาเล็มอีก 33 ปี โซโลมอนจึงขึ้นครองบัลลังก์ของดาวิดราชบิดา และรัชกาลของพระองค์มั่นคงเป็นปึกแผ่น ฝ่ายอาโดนียาห์โอรสของพระนางฮักกีทมาเข้าเฝ้าพระนางบัทเชบาราชมารดาของโซโลมอน พระนางตรัสว่า “เจ้ามาอย่างสันติหรือ?” อาโดนียาห์ทูลว่า “ข้าพระบาทมาอย่างสันติ” เขากล่าวอีกว่า “ข้าพระบาทมีเรื่องมากราบทูล” พระนางตรัสว่า “พูดไปเถิด” อาโดนียาห์ทูลว่า “ตามที่ทรงทราบดีว่าราชอาณาจักรเป็นของข้าพระบาท อิสราเอลทั้งปวงล้วนคาดหมายว่าข้าพระบาทจะได้เป็นกษัตริย์ แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร ราชอาณาจักรตกเป็นของน้องชายแทน เพราะการนี้เป็นมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ข้าพระบาทมีสิ่งหนึ่งจะทูลขอ ขออย่าทรงปฏิเสธเลย” พระนางตรัสว่า “พูดมาเถิด” อาโดนียาห์ทูลว่า “โปรดทูลกษัตริย์โซโลมอน เพราะพระองค์จะไม่ทรงปฏิเสธพระนาง ขอพระราชทานอาบีชากชาวชูเนมให้เป็นภรรยาของข้าพระบาทด้วยเถิด” บัทเชบาตรัสว่า “ตกลง เราจะไปขอกษัตริย์ให้” เมื่อบัทเชบาเข้าพบกษัตริย์โซโลมอนเพื่อทูลขอให้อาโดนียาห์ กษัตริย์ก็ทรงยืนขึ้นต้อนรับและหมอบคำนับ แล้วประทับบนบัลลังก์ ทรงให้ยกพระแท่นมาถวายราชมารดา พระนางจึงประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ พระนางตรัสว่า “แม่จะขออะไรสักอย่างหนึ่ง อย่าปฏิเสธแม่เลย” กษัตริย์ตรัสตอบว่า “เสด็จแม่บอกมาเถิด ลูกไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว” พระนางจึงตรัสว่า “ขอยกอาบีชากชาวชูเนมให้แต่งงานกับอาโดนียาห์พี่ชายของลูก” กษัตริย์โซโลมอนตรัสตอบราชมารดาว่า “ทำไมเสด็จแม่ขออาบีชากชาวชูเนมให้อาโดนียาห์? ขอราชบัลลังก์ให้เขาด้วยสิเพราะเขาเป็นพี่ชายของลูก ปุโรหิตอาบียาธาร์และโยอาบบุตรนางเศรุยาห์ก็เป็นฝ่ายเขา!” แล้วกษัตริย์โซโลมอนตรัสปฏิญาณโดยอ้างองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ขอพระเจ้าทรงจัดการกับเราอย่างรุนแรงที่สุด หากอาโดนียาห์ไม่ชดใช้ด้วยชีวิตที่บังอาจขอเช่นนี้! องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสถาปนาเราไว้บนบัลลังก์ของเสด็จพ่อดาวิด และทรงตั้งราชวงศ์ขึ้นเพื่อเราตามที่ทรงสัญญาไว้ ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด อาโดนียาห์จะต้องตายในวันนี้ฉันนั้น!” กษัตริย์โซโลมอนจึงตรัสสั่งเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา เขาก็ไปประหารชีวิตอาโดนียาห์ กษัตริย์ตรัสกับปุโรหิตอาบียาธาร์ว่า “จงกลับไปยังที่ของท่านในอานาโธท ท่านสมควรตาย แต่เราจะไม่ประหารท่านเวลานี้ เพราะท่านได้หามหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตในรัชกาลเสด็จพ่อของเรา และท่านได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเสด็จพ่อมาโดยตลอด” โซโลมอนจึงทรงถอดอาบียาธาร์จากตำแหน่งปุโรหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นอันสำเร็จตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ชิโลห์เกี่ยวกับวงศ์วานของเอลี ครั้นข่าวมาถึงโยอาบผู้สมคบกับอาโดนียาห์ แม้เมื่อก่อนไม่ได้คบคิดกับอับซาโลม โยอาบก็หนีไปที่พลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและจับเชิงงอนของแท่นบูชาไว้ มีผู้ไปทูลโซโลมอนว่าโยอาบหนีไปยังพลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและอยู่ข้างๆ แท่นบูชา โซโลมอนจึงตรัสสั่งเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาว่า “ไปประหารเขา!” เบไนยาห์ก็เข้าไปในพลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและกล่าวกับโยอาบว่า “กษัตริย์ตรัสสั่งให้ออกไป!” แต่โยอาบตอบว่า “ไม่ เราจะตายที่นี่” เบไนยาห์จึงกลับไปทูลกษัตริย์ตามที่โยอาบบอก กษัตริย์ตรัสสั่งเบไนยาห์ว่า “ทำอย่างที่เขาบอก ฆ่าเขาแล้วเอาไปฝัง ตัวเราและวงศ์วานของเสด็จพ่อจะได้พ้นจากมลทินที่เขาได้ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะให้เขาเองรับผิดชอบที่ใช้ดาบฆ่าชายสองคนซึ่งดีกว่าและชอบธรรมกว่าเขา เพราะเสด็จพ่อของเราไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ กับความตายของอับเนอร์บุตรเนอร์แม่ทัพอิสราเอล และอามาสาบุตรเยเธอร์แม่ทัพยูดาห์ ขอให้โทษผิดจากโลหิตนั้นตกอยู่แก่โยอาบกับวงศ์วานตลอดไป ส่วนดาวิดกับวงศ์วาน ราชวงศ์ และราชบัลลังก์ ขอให้มีสันติสุขขององค์พระผู้เป็นเจ้าสืบไปนิรันดร์” เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาจึงไปประหารโยอาบ ศพของโยอาบถูกฝังไว้ในที่ดินของตนในถิ่นกันดาร กษัตริย์ทรงแต่งตั้งเบไนยาห์เป็นแม่ทัพแทนโยอาบ และให้ศาโดกเป็นปุโรหิตแทนอาบียาธาร์ กษัตริย์ทรงให้คนไปตามชิเมอีมา และตรัสกับเขาว่า “จงสร้างบ้านและอาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มนี้ อย่าไปที่อื่นใดเลย วันใดที่เจ้าออกไปพ้นหุบเขาขิดโรน เจ้าก็แน่ใจได้ว่าเจ้าจะต้องตาย และถือเป็นความผิดของเจ้าเอง” ชิเมอีทูลว่า “ฝ่าพระบาทตรัสชอบแล้ว ผู้รับใช้จะปฏิบัติตาม” ชิเมอีจึงอาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มเป็นเวลานาน แต่สามปีต่อมา ทาสของชิเมอีสองคนหลบหนีไปเข้าเฝ้ากษัตริย์อาคีชโอรสของมาอาคาห์แห่งเมืองกัท เมื่อมีผู้มาบอกชิเมอีว่า “ทาสของท่านอยู่ที่เมืองกัท” เขาก็ขึ้นลาไปเข้าเฝ้าอาคีชที่เมืองกัทเพื่อตามหาทาสและนำตัวทาสกลับมาจากเมืองนั้น เมื่อโซโลมอนทราบว่าชิเมอีออกจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองกัทและกลับมาแล้ว กษัตริย์ก็ให้ตามชิเมอีมา และตรัสกับเขาว่า “เราเตือนเจ้า และให้เจ้าสาบานในพระนามของพระยาห์เวห์แล้วไม่ใช่หรือว่า ‘วันใดที่เจ้าออกไปที่อื่นเจ้าจะต้องตาย’? เจ้าก็ตอบว่า ‘ฝ่าพระบาทตรัสชอบแล้ว ข้าพระบาทจะปฏิบัติตาม’ แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่ทำตามที่ปฏิญาณไว้ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าและไม่ทำตามคำสั่งของเรา?” กษัตริย์ตรัสกับชิเมอีด้วยว่า “เจ้ารู้อยู่แก่ใจถึงความเลวร้ายทั้งสิ้นที่เจ้าทำไว้กับดาวิดราชบิดาของเรา บัดนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงคืนสนองความผิดที่เจ้าได้ทำ แต่กษัตริย์โซโลมอนจะได้รับพร และราชบัลลังก์ของดาวิดจะยั่งยืนมั่นคงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป” จากนั้นกษัตริย์ตรัสสั่งเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา เขาก็ออกไปประหารชิเมอี ราชอาณาจักรจึงมั่นคงเป็นปึกแผ่นในพระหัตถ์ของโซโลมอน
1 พงศ์กษัตริย์ 2:10-46 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
จากนั้นดาวิดก็สิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองของดาวิด ท่านปกครองอิสราเอลเป็นเวลา 40 ปี คือ 7 ปีในเฮโบรน และ 33 ปีในเยรูซาเล็ม ดังนั้นซาโลมอนครองบัลลังก์แทนดาวิดบิดาของท่าน และอาณาจักรของท่านได้รับการสถาปนาอย่างมั่นคง ฝ่ายอาโดนียาห์บุตรของฮักกีทก็ไปเข้าเฝ้าบัทเช-บามารดาของซาโลมอน บัทเช-บาถามเขาว่า “เจ้ามาอย่างสันติหรือ” เขาตอบว่า “ใช่ มาอย่างสันติ” และพูดต่ออีกว่า “ข้าพเจ้ามีบางสิ่งจะบอกท่าน” นางตอบว่า “พูดต่อไปได้” เขาพูดว่า “ท่านทราบแล้วว่า อาณาจักรเป็นของข้าพเจ้า ชาวอิสราเอลทั้งมวลนับว่าข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์ของพวกเขา แต่บางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนไป และอาณาจักรก็ได้ตกเป็นของน้องชายของข้าพเจ้า เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าให้เป็นไปตามนั้น ข้าพเจ้าขอสิ่งหนึ่งจากท่าน ขออย่าได้ปฏิเสธข้าพเจ้าเลย” นางตอบว่า “เจ้าจะขออะไร” เขาพูดต่อไปว่า “กรุณาขอจากกษัตริย์ซาโลมอน ท่านจะไม่ปฏิเสธคำขอจากท่าน คือขอยกอาบีชากชาวชูเนมให้เป็นภรรยาของข้าพเจ้าเถิด” บัทเช-บาตอบว่า “เอาล่ะ เราจะช่วยพูดกับกษัตริย์ให้เจ้า” เมื่อบัทเช-บาไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ซาโลมอนเพื่อขอแทนอาโดนียาห์ กษัตริย์ยืนขึ้นต้อนรับนางแล้วก็โค้งคำนับ และนั่งลงบนบัลลังก์ ท่านให้คนนำที่นั่งมาให้มารดาของกษัตริย์ และนางก็นั่งทางด้านขวาของท่าน นางพูดว่า “แม่มีคำขอเล็กน้อยจากลูกประการเดียว อย่าปฏิเสธแม่เลยนะ” กษัตริย์ตอบนางว่า “เชิญขอเถิด มารดาของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าจะไม่ปฏิเสธท่านหรอก” นางพูดว่า “ยกอาบีชากชาวชูเนม ให้เป็นภรรยาของอาโดนียาห์พี่ชายของลูกเถิด” กษัตริย์ซาโลมอนตอบมารดาของท่านว่า “แล้วทำไมท่านจึงขอให้ยกอาบีชากชาวชูเนมให้แก่อาโดนียาห์ ถ้าเช่นนั้นก็ขอให้ยกอาณาจักรให้เขาด้วยดีไหม ไหนๆ เขาก็เป็นพี่ชายของข้าพเจ้า ฝ่ายเขาก็มีอาบียาธาร์ปุโรหิต และโยอาบบุตรนางเศรุยาห์” ครั้นแล้วกษัตริย์ซาโลมอนก็สาบานในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าว่า “ถ้าคำขอนี้ไม่ทำให้อาโดนียาห์ต้องสิ้นชีวิต ก็ขอพระเจ้ากระทำต่อข้าพเจ้าเช่นกัน หรือมิฉะนั้นก็ยิ่งกว่าด้วยซ้ำ พระผู้เป็นเจ้าได้แต่งตั้งข้าพเจ้าและโปรดให้นั่งบนบัลลังก์ของดาวิดบิดาของข้าพเจ้า พระองค์ได้สถาปนาพงศ์พันธุ์ให้แก่ข้าพเจ้าตามพระสัญญา ฉะนั้นตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด อาโดนียาห์จะถูกประหารในวันนี้” ดังนั้นกษัตริย์ซาโลมอนจึงสั่งเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาให้ไปประหารชีวิตอาโดนียาห์ และเขาก็สิ้นชีวิต และกษัตริย์กล่าวกับอาบียาธาร์ปุโรหิตว่า “จงไปอยู่ที่อานาโธท กลับไปยังไร่นาของท่าน เพราะว่าท่านสมควรจะตาย แต่เราจะไม่ประหารท่านในเวลานี้ เป็นเพราะท่านหามหีบของพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เดินนำหน้าดาวิดบิดาของเราไป และเป็นเพราะท่านได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับบิดาของเรา” ดังนั้นซาโลมอนจึงปลดอาบียาธาร์จากตำแหน่งปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นไปตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าถึงเรื่องพงศ์พันธุ์ของเอลีที่ชิโลห์ เมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นทราบไปถึงโยอาบผู้สนับสนุนอาโดนียาห์ แต่ไม่ได้สนับสนุนอับซาโลม โยอาบจึงหนีไปยังกระโจมของพระผู้เป็นเจ้า และจับที่เชิงงอนที่แท่นบูชา ครั้นมีคนรายงานกษัตริย์ซาโลมอนว่า “โยอาบได้หนีไปที่กระโจมของพระผู้เป็นเจ้า และดูเถิด เขาอยู่ที่ข้างแท่นบูชา” ซาโลมอนสั่งเบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดาว่า “ท่านจงไปประหารเขาเสีย” ดังนั้นเบไนยาห์จึงไปยังกระโจมของพระผู้เป็นเจ้า และบอกเขาว่า “กษัตริย์บัญชาว่า ‘จงออกมา’” แต่เขาพูดว่า “ไม่ไป เราจะตายที่นี่” เบไนยาห์จึงไปรายงานกษัตริย์อีกว่า “โยอาบพูดเช่นนี้ และเขาตอบข้าพเจ้าตามนี้” กษัตริย์ตอบเขาว่า “จงทำตามที่เขาพูด สังหารและฝังเขาเสีย จะได้กำจัดความผิดเรื่องโลหิตที่โยอาบเป็นผู้ก่อโดยไร้สาเหตุไปเสียจากเราและจากตระกูลของเรา พระผู้เป็นเจ้าจะสนองตอบการนองเลือดของเขา เพราะว่าเขาแอบทำร้ายและฆ่าชายสองคนด้วยคมดาบโดยที่ดาวิดบิดาของเราไม่ทราบ อับเนอร์บุตรของเนอร์ เป็นผู้บังคับกองพันทหารของอิสราเอล และอามาสาบุตรเยเธอร์ เป็นผู้บังคับกองพันทหารของยูดาห์ ชายทั้งสองมีความชอบธรรมมากกว่าและเป็นคนที่ดีกว่าโยอาบเสียอีก ความผิดที่มีต่อโลหิตของเขาทั้งสองจึงจะตกอยู่ที่ศีรษะของโยอาบและบนศีรษะของบรรดาผู้สืบเชื้อสายของเขาไปตลอดกาล ส่วนดาวิดและบรรดาผู้สืบเชื้อสายของท่าน พงศ์พันธุ์และบัลลังก์ของท่าน จะได้รับสันติภาพจากพระผู้เป็นเจ้าชั่วนิรันดร์กาล” ครั้นแล้วเบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดาจึงขึ้นไปฆ่าโยอาบ และฝังเขาไว้ที่บ้านของเขาเองในถิ่นทุรกันดาร กษัตริย์ให้เบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดามีตำแหน่งควบคุมกองทัพแทนโยอาบ และกษัตริย์ให้ศาโดกปุโรหิตอยู่ในตำแหน่งแทนอาบียาธาร์ แล้วกษัตริย์ให้คนไปเรียกชิเมอีมา และกล่าวกับเขาว่า “เจ้าจงสร้างบ้านอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม จงอยู่แต่ที่นั่น และอย่าออกไปที่ไหนเลย เพราะหากว่าวันใดที่เจ้าออกไปและข้ามธารน้ำขิดโรน เจ้าจงรู้ด้วยว่าเจ้าจะต้องตาย เจ้าต้องรับผิดชอบการตายของตนเอง” ชิเมอีตอบกษัตริย์ว่า “สิ่งที่ท่านกล่าวนั้นดีแล้ว ผู้รับใช้ของท่านจะกระทำตามที่เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์กำหนดไว้” ดังนั้นชิเมอีอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มเป็นเวลานาน แต่หลังจาก 3 ปีผ่านไป ผู้รับใช้ของชิเมอี 2 คนหลบหนีไปหาอาคีชบุตรของมาอาคาห์กษัตริย์เมืองกัท และเมื่อมีคนแจ้งชิเมอีให้ทราบว่า “ดูเถิด ผู้รับใช้ของท่านอยู่ที่เมืองกัท” ชิเมอีจึงลุกขึ้นผูกอานขี่ลาไปหาอาคีชที่เมืองกัท เพื่อตามหาผู้รับใช้ของเขา ชิเมอีไปเอาตัวผู้รับใช้ของเขามาจากเมืองกัท ครั้นมีคนรายงานซาโลมอนว่า ชิเมอีได้ออกจากเยรูซาเล็มไปยังเมืองกัทและกลับมาแล้ว กษัตริย์ให้คนไปเรียกชิเมอีมา และกล่าวกับเขาว่า “เราไม่ได้ให้เจ้าสาบานในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า และเตือนเจ้าอย่างจริงจังหรือว่า ‘จงรู้ด้วยว่าในวันที่เจ้าออกไป ไม่ว่าจะไปไหนก็ตาม เจ้าจะต้องตาย’ และเจ้าบอกเราว่า ‘สิ่งที่ท่านกล่าวนั้นดีแล้ว ข้าพเจ้าจะเชื่อฟัง’ แล้วทำไมเจ้าจึงไม่รักษาคำสาบานที่ให้กับพระผู้เป็นเจ้า และคำบัญชาที่เราสั่งเจ้าไว้เล่า” กษัตริย์กล่าวกับชิเมอีอีกว่า “เจ้าก็รู้แก่ใจแล้วว่า ภัยอันตรายทั้งปวงที่เจ้าได้ก่อให้เกิดกับดาวิดบิดาของเรา พระผู้เป็นเจ้าจะสนองตอบเจ้าไปตามนั้น แต่กษัตริย์ซาโลมอนจะได้รับพร และบัลลังก์ของดาวิดจะได้รับการสถาปนา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าไปตลอดกาล” แล้วกษัตริย์ก็บัญชาเบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดา และเขาก็ออกไปประหารชิเมอี เขาจึงเสียชีวิต ดังนั้นอาณาจักรได้รับการสถาปนา อยู่ในการดูแลของซาโลมอน