1 พงศ์กษัตริย์ 2:10-46

1 พงศ์กษัตริย์ 2:10-46 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

แล้ว​ดาวิด​ก็​ล่วงลับ​ไป​อยู่​กับ​พวก​บรรพบุรุษ​ของ​เขา​และ​ศพ​ของ​เขา​ได้​ถูก​ฝังไว้​ใน​เมือง​ของ​ดาวิด เขา​ได้​ปกครอง​อิสราเอล​อยู่​เป็น​เวลา​สี่สิบ​ปี คือ​ได้​ครอบครอง​ใน​เฮโบรน​อยู่​เจ็ด​ปี และ​ครอบ​ครอง​ใน​เยรูซาเล็ม​อยู่​สามสิบสาม​ปี แล้ว​ซาโลมอน​ได้​ขึ้น​นั่ง​บน​บัลลังก์​ของ​ดาวิด ผู้​เป็น​พ่อ​ของ​เขา และ​ได้​กุม​อำนาจ​ทั้งสิ้น​ใน​อาณาจักร​ของ​เขา ใน​เวลานั้น​อาโดนียาห์​ลูกชาย​ของ​นาง​ฮักกีท​ได้​ไปหา​นาง​บัทเชบา​แม่​ของ​ซาโลมอน นาง​บัทเชบา​ถาม​เขา​ว่า “นี่​เจ้า​มา​อย่าง​สันติ​หรือ​เปล่า” เขา​ตอบ​ว่า “ใช่แล้ว ข้าพเจ้า​มา​อย่าง​สันติ” แล้ว​เขา​ก็​พูด​ว่า “ข้าพเจ้า​มี​เรื่อง​บาง​อย่าง​จะ​พูด​กับ​ท่าน” นาง​ตอบ​ว่า “พูด​ไป​สิ” เขา​พูด​ว่า “อย่าง​ที่​ท่าน​รู้​แล้ว​ว่า อาณาจักรนี้​เคย​เป็น​ของ​ข้าพเจ้า​มา​ก่อน ตอนนั้น​คน​อิสราเอล​ทั้งหมด​อยาก​ให้​ข้าพเจ้า​เป็น​กษัตริย์​ของ​พวกเขา แต่​แล้ว​สถานการณ์​ได้​เปลี่ยน​ไป และ​อาณาจักรนี้​ก็​ตก​ไป​อยู่​ใน​มือ​น้อง​ชาย​ของ​ข้าพเจ้า เพราะ​พระยาห์เวห์​ได้​ยก​มัน​ให้​กับ​เขา ตอนนี้ ข้าพเจ้า​อยาก​ขอ​ร้อง​ท่าน​อย่าง​หนึ่ง ขอ​อย่า​ได้​ปฏิเสธ​ข้าพเจ้า​เลย” นาง​พูด​ว่า “พูด​ไปสิ” เขา​จึง​พูด​ว่า “โปรด​ช่วย​ขอ​กับ​กษัตริย์​ซาโลมอน​ว่า​ให้​ยก​นาง​อาบีชาก​ชาว​ชูเนม​ให้​เป็น​เมีย​ข้าพเจ้า​ด้วย เขา​จะ​ไม่​ปฏิเสธ​ท่าน​หรอก” นาง​บัทเชบา​ตอบ​ว่า “ได้สิ เรา​จะ​พูด​กับ​กษัตริย์​ให้​เจ้า” เมื่อ​นาง​บัทเชบา​ไป​พบ​กษัตริย์​ซาโลมอน เพื่อ​จะ​ไป​พูด​เรื่อง​ของ​อาโดนียาห์ กษัตริย์​ได้​ลุก​ขึ้น​เพื่อ​มา​พบ​นาง​และ​ก้ม​ทำ​ความ​เคารพ​นาง และ​นั่ง​ลง​บน​บัลลังก์​ของ​เขา เขา​มี​บัลลังก์​อยู่​ที่​หนึ่ง​สำหรับ​ให้​แม่​กษัตริย์​นั่ง และ​นาง​ได้​นั่ง​ลง​ที่​ข้าง​ขวา​ของ​เขา นาง​พูด​ว่า “แม่​มี​เรื่อง​เล็กๆ​อยาก​ขอร้อง​เจ้า​เรื่อง​หนึ่ง ขอ​อย่า​ได้​ปฏิเสธ​แม่​เลย” กษัตริย์​ตอบ​ว่า “ว่า​มา​เถิด แม่ ข้าพเจ้า​จะ​ไม่​ปฏิเสธ​ท่าน​หรอก” นาง​จึง​พูด​ว่า “ยก​นาง​อาบีชาก​ชาว​ชูเนม​ให้​แต่งงาน​กับ​อาโดนียาห์​พี่ชาย​ของ​เจ้าเถิด” กษัตริย์​ซาโลมอน​ตอบ​แม่​ของ​เขา​ว่า “ทำไม​แม่​ถึง​ได้​ขอ​นาง​อาบีชาก​ชาว​ชูเนม​ให้​กับ​อาโดนียาห์เล่า อย่างนี้​ก็​เท่ากับ​ขอ​ให้​ลูก​ยก​อาณาจักร​ให้​กับ​เขา​ไป​ด้วย อย่า​ลืม​ว่า​เขา​เป็น​พี่ชาย​คน​โต​และ​นักบวช​อาบียาธาร์​และ​โยอาบ​ลูกชาย​นาง​เศรุยาห์​ก็​อยู่​ฝ่าย​เขา​ด้วย” แล้ว​กษัตริย์​ซาโลมอน​ได้​สาบาน​โดย​อ้าง​พระยาห์เวห์​ว่า “ถ้า​อาโดนียาห์​ไม่​ได้​ชดใช้​การ​ขอร้อง​ครั้งนี้​ด้วย​ชีวิต​ของ​เขา ก็​ขอให้​พระเจ้า​ลงโทษ​ข้าพเจ้า​อย่าง​รุนแรง พระยาห์เวห์​ผู้​ที่​ได้​แต่งตั้ง​ข้าพเจ้า​ให้​นั่ง​อยู่​บน​บัลลังก์​ของ​ดาวิด​พ่อ​ของ​ข้าพเจ้า และ​ผู้ที่​ได้​สร้าง​ราชวงศ์​ของ​ข้าพเจ้า​ขึ้น​มา​ตาม​ที่​พระองค์​ได้​สัญญา​ไว้ พระองค์​มี​ชีวิต​อยู่​แน่​ขนาดไหน วันนี้​อาโดนียาห์​จะ​ต้อง​ตาย​อย่าง​แน่นอน​ขนาดนั้น” กษัตริย์​ซาโลมอน​จึง​ออก​คำสั่ง​กับ​เบไนยาห์​ลูกชาย​ของ​เยโฮยาดา และ​เขา​ก็​ไป​ฆ่า​อาโดนียาห์ กษัตริย์​พูด​กับ​นักบวช​อาบียาธาร์​ว่า “กลับ​ไป​ยัง​ที่​นา​ของ​เจ้า​ใน​อานาโธท เจ้า​มัน​สมควร​ตาย แต่​เรา​จะ​ไม่​ฆ่า​เจ้า​ใน​ตอนนี้​เพราะ​ว่า​เจ้า​เคย​เป็น​ผู้​ถือ​หีบ​ของ​พระยาห์เวห์ องค์​เจ้า​ชีวิต ต่อหน้า​ดาวิด​ผู้​เป็น​พ่อ​ของ​เรา​และ​เคย​ลำบาก​ร่วม​กับ​พ่อ​ของ​เรา​มา​ก่อน” ซาโลมอน​จึง​ปลด​อาบียาธาร์​ออก​จาก​ตำแหน่ง​นักบวช​ของ​พระยาห์เวห์ ซึ่ง​เป็น​ไป​ตาม​คำพูด​ของ​พระยาห์เวห์​ที่​เคย​พูดไว้​เกี่ยวกับ​ครอบครัว​เอลี​ที่​ชิโลห์ เมื่อ​ข่าว​รู้​มา​ถึง​หู​โยอาบ​ซึ่ง​เป็น​ผู้​สมรู้​ร่วมคิด​กับ​อาโดนียาห์ แม้ว่า​เขา​จะ​ไม่​ได้​ร่วม​มือ​กับ​อับซาโลม เขา​ก็​ได้​หลบหนี​เข้า​ไป​ที่​เต็นท์​ของ​พระยาห์เวห์ และ​ไป​จับ​ที่​เชิงงอน​ของ​แท่นบูชาไว้ เมื่อ​มี​คน​ไป​บอก​กษัตริย์​ซาโลมอน​ว่า โยอาบ​หลบหนี​ไป​ที่​เต็นท์​ของ​พระยาห์เวห์ และ​ไป​อยู่​ที่​ด้าน​ข้าง​ของ​แท่นบูชา ซาโลมอน​จึง​สั่ง​เบไนยาห์​ลูกชาย​เยโฮยาดา​ว่า “ไป​ฆ่า​เขาซะ” เบไนยาห์​จึง​เข้า​ไป​ใน​เต็นท์​ของ​พระยาห์เวห์ และ​พูด​กับ​โยอาบ​ว่า “กษัตริย์​สั่ง​ว่า ‘ออก​มา​เดี๋ยวนี้’” แต่​เขา​ตอบ​ว่า “ไม่ เรา​จะ​ตาย​อยู่​ที่นี่” เบไนยาห์​จึง​ไป​รายงาน​กับ​กษัตริย์​ถึง​สิ่ง​ที่​โยอาบ​ตอบ แล้ว​กษัตริย์​ก็​ได้​สั่ง​เบไนยาห์​ว่า “ไป​ทำ​ตาม​ที่​เขา​พูด​ได้เลย ให้​ฆ่า​เขา​และ​ฝัง​เขาเสีย เพื่อ​ว่า​ครอบครัว​ของ​เรา​และ​ตัว​เรา​จะ​ได้​ไม่​ต้อง​รับผิด​ด้วย​กัน​กับ​โยอาบ​ที่​ไป​ฆ่า​คน​บริสุทธิ์ พระยาห์เวห์​จะ​ทำ​ให้​การ​นองเลือด​ที่​เขา​ได้​ทำนั้น​กลับ​มา​ตกลง​บน​หัว​ของ​เขาเอง เพราะ​เขา​ได้​ทำร้าย​คน​สอง​คน​ที่​ชอบธรรม​และ​ดี​กว่า​เขา​ด้วย​ดาบ โดย​ที่​ดาวิด​ผู้​เป็น​พ่อ​ของ​เรา​ไม่รู้ คือ​อับเนอร์​ลูกชาย​ของ​เนอร์​ซึ่ง​เป็น​แม่ทัพ​ของ​อิสราเอล และ​อามาสา​ลูกชาย​ของ​เยเธอร์​ผู้​เป็น​แม่ทัพ​ของ​ยูดาห์ ขอให้​ความผิด​แห่ง​เลือด​ของ​พวก​เขา​นี้ ตก​อยู่​บน​หัว​ของ​โยอาบ​และ​ลูกหลาน​ของ​โยอาบ​ตลอดไป แต่​ขอให้​ดาวิด​และ​ลูกหลาน​ของ​เขา ครอบครัว​และ​บัลลังก์​ของ​เขา ได้รับ​สันติสุข​จาก​พระยาห์เวห์​ตลอดไป” เบไนยาห์​ลูกชาย​ของ​เยโฮยาดา​จึง​ขึ้น​ไป​ฆ่า​โยอาบ​และ​ฝังศพ​เขา​ไว้​ใน​ที่ดิน​ของ​โยอาบ​เอง​ใน​ถิ่นแห้งแล้ง กษัตริย์​ซาโลมอน​ได้​แต่งตั้ง​ให้​เบไนยาห์​ลูกชาย​เยโฮยาดา​ขึ้น​เป็น​แม่ทัพ​แทน​โยอาบ​และ​แต่งตั้ง​นักบวช​ศาโดก​ขึ้น​แทน​อาบียาธาร์ แล้ว​กษัตริย์​ก็​ได้​ส่ง​คน​ไป​หา​ชิเมอี​และ​บอก​กับ​เขา​ว่า “ให้​สร้าง​บ้าน​ของ​ตัว​เจ้า​เอง​ขึ้น​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม​และ​อาศัย​อยู่​ที่นั่น ห้าม​ออก​ไป​ที่​อื่นอีก วัน​ใด​ที่​เจ้า​ออก​มา​และ​ข้าม​ลำธาร​แห้ง​ขิดโรนไป เจ้า​จะ​ต้อง​ตาย​อย่าง​แน่นอน เจ้า​จะ​ต้อง​รับผิดชอบ​ต่อ​การ​ตาย​ของ​เจ้าเอง” ชิเมอี​ตอบ​กษัตริย์​ไป​ว่า “สิ่ง​ที่​ท่าน​พูด​มา​นั้น​ก็​ยุติธรรม ข้าพเจ้า​ผู้รับใช้​ท่าน​จะ​ทำ​ตาม​ที่​กษัตริย์​เจ้านาย​ของ​ข้าพเจ้า​ได้​พูด​ไว้” และ​ชิเมอี​ก็​ได้​อยู่​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม​เป็น​เวลา​นาน แต่​อีก​สาม​ปี​ต่อมา ทาส​สอง​คน​ของ​ชิเมอี​หลบหนี​ไป​หา​กษัตริย์​อาคีช​แห่ง​เมือง​กัท​ลูกชาย​ของ​มาอาคาห์ และ​มี​คน​มา​บอก​ชิเมอี​ว่า “ตอนนี้ ทาส​ทั้ง​สอง​คน​ของ​ท่าน​อยู่​ใน​เมือง​กัท” อย่างนั้น ชิเมอี​จึง​ผูก​อาน​บน​ลา​ของ​เขา​และ​ไป​หา​กษัตริย์​อาคีช​ที่​เมือง​กัท เพื่อ​ตาม​หา​ทาส​สอง​คน​ของ​เขา ชิเมอี​ก็​ได้​ออก​ไป​และ​นำ​ตัว​ทาส​ทั้ง​สอง​คน​ของ​เขา​กลับ​มา​จาก​เมือง​กัท เมื่อ​ซาโลมอน​รู้​เรื่อง​ว่า​ชิเมอี​ได้​ออก​ไป​จาก​เยรูซาเล็ม​ไป​เมือง​กัท​และ​ได้​กลับ​มา​แล้ว กษัตริย์​จึง​เรียก​ตัว​ชิเมอีมา​และ​พูด​กับ​เขา​ว่า “เรา​เคย​ให้​เจ้า​สาบาน​ไว้​กับ​พระยาห์เวห์ และ​เตือน​เจ้า​มา​ก่อน​แล้ว​ไม่ใช่หรือ​ว่า ‘ใน​วัน​ที่​เจ้า​จาก​ไป​และ​ไป​ที่​ไหน​ก็ตาม ให้​แน่ใจ​ได้​เลย​ว่า​มัน​จะ​เป็น​วัน​ตาย​ของ​เจ้า’ และ​ใน​เวลา​นั้น เจ้า​ก็​พูด​กับ​เรา​ว่า ‘สิ่ง​ที่​ท่าน​พูด​นั้น​ยุติธรรม ข้าพเจ้า​จะ​เชื่อฟัง​ท่าน’ แล้ว​ทำไม​เจ้า​จึง​ไม่​รักษา​คำ​สาบาน​ที่​ให้​ไว้​กับ​พระยาห์เวห์ และ​ไม่​เชื่อฟัง​คำสั่ง​ที่​เรา​ได้​ให้​เจ้า​ไว้​เล่า” กษัตริย์​พูด​กับ​ชิเมอี​ด้วย​ว่า “เจ้า​ก็​รู้​อยู่​เต็มอก ใน​เรื่อง​ความผิด​ที่​เจ้า​เคย​ทำ​ไว้​กับ​ดาวิด​ผู้เป็นพ่อ​ของ​เรา ตอนนี้​พระยาห์เวห์​จะ​ตอบแทน​เจ้า​สำหรับ​ความผิด​ที่​เจ้า​ได้​ทำ​ลง​ไป แต่​กษัตริย์​ซาโลมอน​จะ​ได้รับ​การ​อวยพร และ​บัลลังก์​ของ​ดาวิด​ก็​จะ​ยัง​ปลอดภัย​อยู่​ต่อ​หน้า​พระยาห์เวห์​ตลอดไป” แล้ว​กษัตริย์​ก็​ออก​คำสั่ง​ให้​เบไนยาห์​ลูกชาย​เยโฮยาดา​นำ​ตัว​ชิเมอี​ออก​ไป​ฆ่า อย่างนี้ อาณาจักรนี้​ก็​ได้​ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ภายใต้​การ​ปกครอง​ของ​ซาโลมอน

1 พงศ์กษัตริย์ 2:10-46 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

แล้วดาวิดทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังพระศพไว้ในนครดาวิด ดาวิดทรงครองอิสราเอลเป็นเวลา 40 ปี พระองค์ทรงครองราชย์ในเฮโบรน 7 ปี และในกรุงเยรูซาเล็ม 33 ปี ดังนั้น ซาโลมอนจึงประทับบนบัลลังก์ของดาวิดพระราชบิดาของพระองค์ และราชอาณาจักรของพระองค์ก็ตั้งมั่นคงยิ่งนัก แล้วอาโดนียาห์พระราชโอรสของพระนางฮักกีท ได้เข้าเฝ้าพระนางบัทเชบา พระราชมารดาของซาโลมอน พระนางรับสั่งว่า “เจ้ามาดีหรือ?” ท่านทูลว่า “กระหม่อมมาดี พ่ะย่ะค่ะ” แล้วท่านทูลว่า “กระหม่อมมีเรื่องที่จะทูลพระนาง” พระนางมีรับสั่งว่า “จงว่าไปเถิด” ท่านจึงทูลว่า “พระนางทรงทราบแล้วว่าราชอาณาจักรนั้นเป็นของกระหม่อม และคนอิสราเอลทั้งสิ้นก็หมายใจว่ากระหม่อมจะได้ครอบครอง อย่างไรก็ดี ราชอาณาจักรก็กลับกลายมาเป็นของน้องชายกระหม่อม เพราะพระยาห์เวห์ประทานราชอาณาจักรแก่เขา บัดนี้กระหม่อมทูลขอแต่ประการเดียว ขอพระนางอย่าได้ปฏิเสธเลย” พระนางรับสั่งกับท่านว่า “จงว่าไปเถิด” และท่านทูลว่า “ขอพระนางทูลพระราชาซาโลมอน เพราะพระราชาคงไม่ทรงปฏิเสธพระนาง คือทูลขออาบีชากชาวชูเนมให้เป็นชายาของกระหม่อม” พระนางบัทเชบารับสั่งว่า “ดีแล้ว เราจะทูลพระราชาแทนเจ้า” พระนางบัทเชบาจึงเข้าเฝ้าพระราชาซาโลมอน เพื่อทูลพระองค์แทนอาโดนียาห์ และพระราชาทรงลุกขึ้นต้อนรับพระนาง และทรงถวายคำนับพระนาง แล้วก็เสด็จประทับบนบัลลังก์ของพระองค์ รับสั่งให้นำพระเก้าอี้มาถวายพระราชมารดา พระนางก็เสด็จประทับที่เบื้องขวาของพระองค์ แล้วพระนางทูลว่า “แม่จะขอสิ่งเล็กน้อยสิ่งหนึ่งจากลูก อย่าปฏิเสธแม่เลย” และพระราชาทูลพระนางว่า “ขอมาเถิด ลูกจะไม่ปฏิเสธเสด็จแม่” พระนางทูลว่า “ขอยกอาบีชากชาวชูเนมให้เป็นชายาของอาโดนียาห์พี่ชายของลูกเถิด” พระราชาซาโลมอนตรัสตอบพระราชมารดาของพระองค์ว่า “ทำไมเสด็จแม่จึงขออาบีชากชาวชูเนมให้อาโดนียาห์เล่า? น่าจะขอราชอาณาจักรให้เขาเสียด้วย เพราะเขาเป็นพี่ชายของลูก อีกทั้งขอให้อาบียาธาร์ปุโรหิตและขอให้โยอาบบุตรนางเศรุยาห์ด้วย” แล้วพระราชาซาโลมอนทรงปฏิญาณในพระนามของพระยาห์เวห์ว่า “ถ้าถ้อยคำนี้ไม่เป็นเหตุให้อาโดนียาห์เสียชีวิตแล้ว ก็ขอพระเจ้าทรงลงโทษเราและลงโทษให้หนักยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด คือพระองค์ผู้ทรงสถาปนาและตั้งเราไว้บนบัลลังก์ของดาวิดพระราชบิดา และทรงให้เรามีราชวงศ์ดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ อาโดนียาห์จะถูกประหารในวันนี้ฉันนั้น” ดังนั้นพระราชาซาโลมอนจึงรับสั่งให้เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา ไปประหารชีวิตอาโดนียาห์เสีย และท่านก็ตาย ส่วนอาบียาธาร์ปุโรหิตนั้น พระราชารับสั่งว่า “จงไปอยู่ที่อานาโธท ไปสู่ไร่นาของเจ้าเพราะเจ้าสมควรตาย แต่ในเวลานี้เราจะไม่ประหารเจ้า เพราะว่าเจ้าหามหีบของพระยาห์เวห์องค์เจ้านายไปข้างหน้าดาวิดพระราชบิดาของเรา และเพราะเจ้าได้ร่วมทุกข์กับพระราชบิดาของเรา” ซาโลมอนจึงทรงขับไล่อาบียาธาร์เสียจากหน้าที่ปุโรหิตของพระยาห์เวห์ ดังนั้นทำให้สำเร็จตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งพระองค์ตรัสเกี่ยวกับเชื้อสายของเอลีที่เมืองชีโลห์ เมื่อข่าวนี้ไปถึงโยอาบ (เพราะแม้โยอาบไม่ได้เข้าข้างอับซาโลม แต่ท่านได้เข้าข้างอาโดนียาห์) โยอาบก็หนีไปที่เต็นท์ของพระยาห์เวห์และจับเชิงงอนแท่นบูชาไว้ เมื่อมีคนไปกราบทูลพระราชาซาโลมอนว่า “โยอาบได้หนีไปยังเต็นท์ของพระยาห์เวห์ และนี่แน่ะ เขาอยู่ข้างแท่นบูชานั้น” ซาโลมอนตรัสสั่งเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาว่า “จงไปประหารเขาเสีย” เบไนยาห์ก็มายังเต็นท์ของพระยาห์เวห์ พูดกับท่านว่า “พระราชามีรับสั่งว่า จงออกมาเถิด” ท่านตอบว่า “ไม่ออก ข้าจะตายที่นี่” แล้วเบไนยาห์ก็นำความไปกราบทูลพระราชาอีกว่า “โยอาบพูดอย่างนี้ และเขาตอบข้าพระบาทอย่างนี้” พระราชาตรัสตอบเขาว่า “จงทำตามที่เขาบอก จงประหารเขาเสียและฝังเขาไว้ ทั้งนี้จะได้เอาโทษของความผิด ซึ่งโยอาบได้ฆ่าคนที่ไม่มีความผิดนั้นไปเสียจากเรา และจากเชื้อสายพระราชบิดาของเรา พระยาห์เวห์ทรงนำโลหิตของเขากลับมาตกบนศีรษะของเขาเอง เพราะว่าเขาได้โจมตีและฆ่าชายสองคนที่ชอบธรรมกว่า และดีกว่าตัวเขาด้วยดาบ โดยที่ดาวิดพระราชบิดาของเราไม่ทรงทราบ คืออับเนอร์บุตรเนอร์ผู้บัญชาการกองทัพของอิสราเอล และอามาสาบุตรเยเธอร์ผู้บัญชาการกองทัพของยูดาห์ ดังนั้นที่เขาทั้งสองต้องตายนั้น โยอาบและพงศ์พันธุ์ของเขาต้องรับผิดชอบเป็นนิตย์ แต่ส่วนดาวิดและพงศ์พันธุ์ของพระองค์และราชวงศ์ของพระองค์ และราชบัลลังก์ของพระองค์จะมีสวัสดิภาพจากพระยาห์เวห์อยู่เป็นนิตย์” แล้วเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาก็ขึ้นไปประหารชีวิตเขาเสีย และฝังเขาไว้ในบ้านของเขาเองซึ่งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร พระราชาได้ทรงแต่งตั้งเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาให้บัญชาการกองทัพแทนโยอาบ และพระราชาก็ทรงแต่งตั้งศาโดกเป็นปุโรหิตแทนที่อาบียาธาร์ แล้วพระราชาทรงใช้คนไปเรียกชิเมอีให้เข้ามาเฝ้า และตรัสกับเขาว่า “จงสร้างบ้านอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มและอาศัยอยู่ที่นั่น อย่าออกจากที่นั่นไปไหนเลย เพราะในวันที่เจ้าออกไป และข้ามลำธารขิดโรนนั้น เจ้าจงรู้แน่เถิดว่า เจ้าจะต้องตายแน่ ที่เจ้าต้องตายนั้น เจ้าเองก็รับผิดชอบ” และชิเมอีทูลพระราชาว่า “ที่ฝ่าพระบาทตรัสนั้นดีแล้ว ผู้รับใช้จะทำตามที่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาทตรัสนั้น” ชิเมอีจึงอาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มเป็นเวลานาน เมื่อล่วงไปสามปีก็เกิดเรื่องขึ้น คือทาสสองคนของชิเมอีได้หลบหนีไปหาอาคีช โอรสของมาอาคาห์กษัตริย์เมืองกัท และเมื่อพวกเขามาบอกชิเมอีว่า “ดูสิ ทาสของท่านอยู่ในเมืองกัท” ชิเมอีก็ลุกขึ้นผูกอานขี่ลาไปเฝ้าอาคีชที่เมืองกัท เพื่อเสาะหาทาสของตน ชิเมอีได้ไปนำทาสของตนมาจากเมืองกัท และเมื่อมีผู้กราบทูลซาโลมอนว่า ชิเมอีได้ไปจากกรุงเยรูซาเล็มถึงเมืองกัท และกลับมาแล้ว พระราชาก็ทรงใช้คนไปเรียกชิเมอีมาเฝ้าและตรัสกับเขาว่า “เราได้ให้เจ้าสาบานในพระนามของพระยาห์เวห์ไม่ใช่หรือ? และได้ตักเตือนเจ้าแล้วว่า ‘จงรู้แน่ว่า ในวันที่เจ้าออกไป ไม่ว่าไปที่ไหน เจ้าจะต้องตายแน่’ และเจ้าก็ตอบเราว่า ‘ที่ฝ่าพระบาทตรัสนั้นก็ดีแล้ว ข้าพระบาทจะเชื่อฟัง’ ทำไมเจ้าจึงไม่รักษาคำสาบานที่ให้ไว้ต่อพระยาห์เวห์ และไม่รักษาคำบัญชาซึ่งเราได้กำชับเจ้านั้น?” พระราชาตรัสกับชิเมอีว่า “ในใจของเจ้าเองรู้เรื่องเหตุร้ายทั้งสิ้น ซึ่งเจ้าได้ทำต่อดาวิดพระราชบิดาของเรา เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์จะทรงนำเหตุร้ายมาสนองเหนือศีรษะของเจ้าเอง แต่พระราชาซาโลมอนจะได้รับพระพร และบัลลังก์ของดาวิดจะตั้งมั่นคงเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์เป็นนิตย์” แล้วพระราชาทรงบัญชาเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา และเขาก็ออกไปประหารชีวิตชิเมอีเสีย ดังนั้นราชอาณาจักรก็ตั้งมั่นคงอยู่ในพระหัตถ์ของซาโลมอน

1 พงศ์กษัตริย์ 2:10-46 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

แล​้วดาวิ​ดก​็บรรทมหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาก็ฝังพระศพไว้ในนครดาวิด และเวลาที่​ดาว​ิดทรงครอบครองอยู่เหนื​ออ​ิสราเอลนั้นเป็นสี่​สิ​บปี พระองค์​ทรงครอบครองในเฮโบรนเจ็ดปี และพระองค์ทรงครอบครองในกรุงเยรูซาเล็มสามสิบสามปี ดังนั้นแหละซาโลมอนจึงประทับบนพระที่นั่งของดาวิดราชบิดาของพระองค์ และราชอาณาจักรของพระองค์​ก็​ดำรงมั่นคงอยู่ แล​้วอาโดนียาห์โอรสของพระนางฮั​กก​ีทได้​เข​้าเฝ้าพระนางบัทเชบาพระชนนีของซาโลมอน พระนางมีพระเสาวนีย์​ว่า “​เจ้​ามาอย่างสันติ​หรือ​” ท่านทูลว่า “อย่างสันติขอรับกระหม่​อม​” แล​้​วท​่านทูลว่า “​เกล​้ากระหม่อมมีเรื่องที่จะทูลพระองค์” พระนางมีพระเสาวนีย์​ว่า “จงพูดไปเถิด” ท่านจึงทูลว่า “​พระองค์​ทรงทราบแล้​วว​่าราชอาณาจั​กรน​ั้นเป็นของกระหม่​อม และว่าบรรดาชนอิสราเอลทั้งสิ้​นก​็หมายใจว่า กระหม่อมจะได้​ครอบครอง อย่างไรก็ดี ราชอาณาจักรก็​กล​ับกลายมาเป็นของพระอนุชาของกระหม่​อม ด้วยราชอาณาจักรเป็นของเธอจากพระเยโฮวาห์ บัดนี้​กระหม่อมทูลขอแต่ประการเดียว ขอพระองค์อย่าได้ปฏิเสธเลย” พระนางมีพระเสาวนีย์ต่อเธอว่า “จงพูดไปเถิด” และท่านทูลว่า “ขอพระองค์ทูลกษั​ตริ​ย์ซาโลมอน (ท่านคงไม่ปฏิเสธพระองค์) คือทูลขออาบีชากชาวชูเนมให้เป็นชายาของกระหม่​อม​” พระนางบัทเชบามีพระเสาวนีย์​ว่า “​ดี​แล้ว เราจะทูลกษั​ตริ​ย์แทนเจ้า” พระนางบัทเชบาจึงเข้าเฝ้ากษั​ตริ​ย์ซาโลมอน เพื่อทูลพระองค์​ให้​อาโดนียาห์ และกษั​ตริ​ย์ทรงลุกขึ้นต้อนรับพระนาง และทรงคำนับพระนาง แล้วก็​เสด็จประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ รับสั่งให้นำพระเก้าอี้มาถวายพระชนนี พระนางก็เสด็จประทั​บท​ี่เบื้องขวาของพระองค์ แล​้วพระนางทูลว่า “​แม่​จะขอจากเธอสักประการหนึ่ง ขออย่าปฏิเสธแม่​เลย​” และกษั​ตริ​ย์ทูลพระนางว่า “ขอมาเถิด ผมจะไม่ปฏิเสธเสด็จแม่” พระนางทูลว่า “ขอยกอาบีชากชาวชูเนมให้กับอาโดนียาห์เชษฐาของเธอให้เป็นชายาเถิด” กษัตริย์​ซาโลมอนตรัสตอบพระชนนีของพระองค์​ว่า “ไฉนเสด็จแม่จึงขออาบีชากชาวชูเนมให้​แก่​อาโดนียาห์​เล่า น่าจะขอราชอาณาจักรให้เขาเสียด้วย เพราะเขาเป็นพระเชษฐาของผม และฝ่ายเขามี​อาบ​ียาธาร์​ปุ​โรหิตและโยอาบบุตรนางเศรุยาห์” แล​้วกษั​ตริ​ย์ซาโลมอนทรงปฏิญาณในพระนามของพระเยโฮวาห์​ว่า “ถ้าถ้อยคำนี้​ไม่​เป็นเหตุให้​อาโดนียาห์เสียชีวิตของเขาแล้ว ก็​ขอพระเจ้าทรงลงโทษผมและให้​หน​ักยิ่งกว่า เพราะฉะนั้นบัดนี้พระเยโฮวาห์ทรงพระชนม์​อยู่​แน่​ฉันใด พระองค์​ผู้​ทรงสถาปนาผมไว้ และตั้งผมไว้บนบัลลั​งก​์ของดาวิดราชบิดาของผม และทรงตั้งไว้เป็นราชวงศ์ ดังที่​พระองค์​ทรงสัญญาไว้ อาโดนียาห์จะต้องตายในวันนี้​ฉันนั้น​” ดังนั้นกษั​ตริ​ย์ซาโลมอนจึงรับสั่งใช้เบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดา เขาก็ไปประหารชีวิตอาโดนียาห์​เสีย และท่านก็​ตาย ส่วนอาบียาธาร์​ปุ​โรหิ​ตน​ั้น กษัตริย์​รับสั่งว่า “จงไปอยู่​ที่​อานาโธท ไปสู่​ไร่​นาของเจ้า เพราะเจ้าสมควรที่จะตาย แต่​ในเวลานี้​เราจะไม่ประหารชีวิตเจ้า เพราะว่าเจ้าหามหีบขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าไปข้างหน้าดาวิดราชบิดาของเรา และเพราะเจ้าได้​เข​้าส่วนในบรรดาความทุกข์ใจของราชบิดาเรา” ซาโลมอนจึงทรงขับไล่​อาบ​ียาธาร์เสียจากหน้าที่​ปุ​โรหิตของพระเยโฮวาห์ กระทำให้สำเร็จตามพระวจนะของพระเยโฮวาห์ซึ่งพระองค์ตรัสเกี่ยวกับวงศ์วานของเอลี​ที่​เมืองชีโลห์ เมื่อข่าวนี้ทราบไปถึงโยอาบ เพราะแม้ว่าโยอาบมิ​ได้​สน​ับสนุ​นอ​ับซาโลม ท่านได้​สน​ับสนุนอาโดนียาห์ โยอาบก็​หนี​ไปที่​พล​ับพลาของพระเยโฮวาห์และจับเชิงงอนแท่นบูชาไว้ เมื่​อม​ีคนไปกราบทูลกษั​ตริ​ย์ซาโลมอนว่า “โยอาบได้​หนี​ไปที่​พล​ับพลาของพระเยโฮวาห์ และดู​เถิด เขาอยู่ข้างแท่นบู​ชาน​ั้น” ซาโลมอนรับสั่งเบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดาตรั​สว​่า “จงไปประหารชีวิตเขาเสีย” เบไนยาห์​ก็​มาย​ังพลับพลาของพระเยโฮวาห์​พู​ดก​ั​บท​่านว่า “​กษัตริย์​มี​รับสั่งว่า จงออกมาเถิด” ท่านตอบว่า “​ไม่​ออกไป ข้าจะตายที่​นี่​” แล​้วเบไนยาห์​ก็​นำความไปกราบทูลกษั​ตริ​ย์​อี​กว่า “โยอาบพู​ดอย​่างนี้ และเขาตอบข้าพระองค์​อย่างนี้​” กษัตริย์​ตรัสตอบเขาว่า “จงกระทำตามที่เขาบอก จงประหารเขาเสียและฝังเขาไว้ ทั้งนี้​จะได้เอาโลหิตไร้ความผิดซึ่งโยอาบได้กระทำให้ไหลนั้นไปเสียจากเรา และจากวงศ์วานบิดาของเรา พระเยโฮวาห์ทรงทำให้โลหิตของเขากลับมาตกบนศีรษะของเขาเอง เพราะว่าเขาได้​โจมตี​และฆ่าชายสองคนที่ชอบธรรมและดีกว่าตัวเขาด้วยดาบ โดยที่​ดาว​ิดราชบิดาของเราหาทรงทราบไม่ คื​ออ​ับเนอร์​บุ​ตรเนอร์​ผู้​บัญชาการกองทัพของอิสราเอล และอามาสาบุตรเยเธอร์​ผู้​บัญชาการกองทัพของยูดาห์ ดังนั้นต้องให้โลหิตของเขาทั้งสองตกบนศีรษะของโยอาบและบนศีรษะเชื้อสายของเขาเป็นนิตย์ แต่​ส่วนดาวิดและเชื้อสายของพระองค์ และราชวงศ์ของพระองค์ และราชบัลลั​งก​์ของพระองค์จะมี​สันติ​ภาพจากพระเยโฮวาห์​อยู่​เป็นนิตย์​” แล​้วเบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดาก็ขึ้นไปประหารชีวิตเขาเสีย และฝังเขาไว้ในบ้านของเขาเองซึ่งอยู่ในถิ่นทุ​รก​ันดาร กษัตริย์​ได้​ทรงแต่งตั้งเบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดาเหนือกองทัพแทนโยอาบ และกษั​ตริ​ย์​ก็​ทรงแต่งตั้งศาโดกผู้เป็นปุโรหิตไว้ในตำแหน่งของอาบียาธาร์ แล​้วกษั​ตริ​ย์ทรงใช้คนไปเรียกชิเมอี​ให้​เข​้ามาเฝ้า และตรัสกับเขาว่า “ท่านจงสร้างบ้านอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มและอาศัยอยู่​ที่นั่น อย่าออกจากที่นั่นไปที่ไหนเลย เพราะในวั​นที​่ท่านออกไป และข้ามลำธารขิดโรนนั้น ท่านจงรู้​เป็นแน่​เถิดว่า ท่านจะต้องตายแน่ แล​้วโลหิตของเจ้าจะต้องตกบนศีรษะของเจ้าเอง” และชิเมอีทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า “​ที่​พระองค์​ตรั​สน​ั้​นก​็​ดี​แล้ว ผู้รับใช้​ของพระองค์จะกระทำตามที่​กษัตริย์​เจ้​านายของข้าพระองค์ตรั​สน​ั้น” ชิ​เมอีจึงได้อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มเป็นเวลานาน ต่อมาเมื่อล่วงไปสามปี​แล​้วทาสสองคนของชิเมอี​ได้​หลบหนี​ไปยังอาคีชโอรสของมาอาคาห์​กษัตริย์​เมืองกัท และเมื่อเขามาบอกชิเมอี​ว่า “​ดู​เถิด ทาสของท่านอยู่ในเมืองกัท” ชิ​เมอี​ก็​ลุ​กขึ้นผูกอานขี่ลาไปเฝ้าอาคีชที่เมืองกัทเพื่อเสาะหาทาสของตน ชิ​เมอี​ได้​ไปนำทาสของตนมาจากเมืองกัท และเมื่​อม​ี​ผู้​กราบทูลซาโลมอนว่าชิเมอี​ได้​ไปจากกรุงเยรูซาเล็มถึงเมืองกัท และกลับมาแล้ว กษัตริย์​ก็​ทรงใช้​ให้​เรียกชิเมอีมาเฝ้าและตรัสกับเขาว่า “เราได้​ให้​ท่านปฏิญาณในพระนามของพระเยโฮวาห์​มิใช่​หรือ และได้ตักเตือนท่านแล้​วว​่า ‘ท่านจงรู้​เป็นแน่​ว่า ในวั​นที​่ท่านออกไป ไม่​ว่าไปที่​ใดๆ ท่านจะต้องตายแน่’ และท่านก็​ได้​ตอบเราว่า ‘คำตรัสที่ข้าพระองค์​ได้​ยินนั้​นก​็​ดี​แล้ว​’ ทำไมท่านจึงไม่รักษาคำปฏิญาณไว้ต่อพระเยโฮวาห์ และรักษาคำบัญชาซึ่งเราได้กำชั​บท​่านนั้น” กษัตริย์​ตรัสกับชิเมอี​ว่า “ท่านเองรู้เรื่องเหตุร้ายทั้งสิ้นซึ่งอยู่ในใจของท่าน ซึ่งท่านได้กระทำต่อดาวิดราชบิดาของเรา เพราะฉะนั้นพระเยโฮวาห์จะทรงนำเหตุร้ายมาสนองเหนือศีรษะของท่านเอง แต่​กษัตริย์​ซาโลมอนจะได้รับพระพร และพระที่นั่งของดาวิดจะตั้​งม​ั่นคงต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์​อยู่​เป็นนิตย์​” แล​้วกษั​ตริ​ย์ทรงบัญชาเบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดาและเขาก็ออกไปประหารชีวิตชิเมอี​เสีย ดังนั้นราชอาณาจักรก็ตั้​งม​ั่นคงอยู่ในพระหัตถ์ของซาโลมอน

1 พงศ์กษัตริย์ 2:10-46 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

แล้วดาวิดก็บรรทมหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาก็ฝังพระศพไว้ในนครดาวิด และเวลาที่ดาวิดทรงครอบครองอยู่เหนืออิสราเอลนั้น เป็นสี่สิบปี พระองค์ทรงครอบครองในเฮโบรนเจ็ดปี และในกรุงเยรูซาเล็มสามสิบสามปี ดังนั้นแหละ ซาโลมอนจึงประทับบนพระที่นั่งของดาวิดราชบิดาของพระองค์ และราชอาณาจักรของพระองค์ก็ดำรงมั่นคงอยู่ แล้วอาโดนียาห์โอรสของพระนางฮักกีท ได้เข้าเฝ้าพระนางบัทเชบา พระชนนีของซาโลมอน พระนางมีพระเสาวนีย์ว่า <<เจ้ามาอย่างสันติหรือ>> ท่านทูลว่า <<อย่างสันติขอรับกระหม่อม>> แล้วท่านทูลว่า <<เกล้ากระหม่อมมีเรื่องที่จะทูลฝ่าพระบาท>> พระนางมีพระเสาวนีย์ว่า <<จงพูดไปเถิด>> ท่านจึงทูลว่า <<ฝ่าพระบาททรงทราบแล้วว่า ราชอาณาจักรนั้นเป็นของกระหม่อม และว่าบรรดาชนอิสราเอลทั้งสิ้นก็หมายใจว่า กระหม่อมจะได้ครอบครอง อย่างไรก็ดี ราชอาณาจักรก็กลับกลายมาเป็นของพระอนุชาของกระหม่อม ด้วยราชอาณาจักรเป็นของเธอจากพระเจ้า บัดนี้กระหม่อมทูลขอแต่ประการเดียว ขอฝ่าพระบาทอย่าได้ปฏิเสธเลย>> พระนางมีพระเสาวนีย์ต่อเธอว่า <<จงพูดไปเถิด>> และเธอทูลว่า <<ขอฝ่าพระบาททูลพระราชาซาโลมอน ท่านคงไม่ปฏิเสธฝ่าพระบาท คือทูลขออาบีชากชาวชูเนมให้เป็นชายาของกระหม่อม>> พระนางบัทเชบามีพระเสาวนีย์ว่า <<ดีแล้ว เราจะทูลพระราชาแทนเจ้า>> พระนางบัทเชบาจึงเข้าเฝ้าพระราชาซาโลมอน เพื่อทูลพระองค์ให้อาโดนียาห์ และพระราชาทรงลุกขึ้นต้อนรับพระนาง และทรงคำนับพระนาง แล้วก็เสด็จประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ รับสั่งให้นำพระเก้าอี้มาถวายพระชนนี พระนางก็เสด็จประทับที่เบื้องขวาของพระองค์ แล้วพระนางทูลว่า <<แม่จะขอจากเธอสักประการหนึ่ง ขออย่าปฏิเสธแม่เลย>> และพระราชาทูลพระนางว่า <<ขอมาเถิด ผมจะไม่ปฏิเสธเสด็จแม่>> พระนางทูลว่า <<ขอยกอาบีชากชาวชูเนมให้กับอาโดนียาห์เชษฐา ของเธอให้เป็นชายาเถิด>> พระราชาซาโลมอนตรัสตอบพระชนนีของพระองค์ว่า <<ไฉนเสด็จแม่จึงขออาบีชากชาวชูเนมให้แก่อาโดนียาห์เล่า น่าจะขอราชอาณาจักรให้เขาเสียด้วย เพราะเขาเป็นพระเชษฐาของผม และฝ่ายเขามีอาบียาธาร์ปุโรหิตและโยอาบบุตรนาง เศรุยาห์>> แล้วพระราชาซาโลมอนทรงปฏิญาณในพระนามของ พระเจ้าว่า <<ถ้าถ้อยคำนี้ไม่เป็นเหตุให้อาโดนียาห์เสียชีวิตของเขาแล้ว ก็ขอพระเจ้าทรงลงโทษผม และยิ่งหนักกว่า เพราะฉะนั้นพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใดพระองค์ ผู้ทรงสถาปนาผมไว้ และตั้งผมไว้บนบัลลังก์ของดาวิดราชบิดาของผม และทรงตั้งไว้เป็นราชวงศ์ ดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ อาโดนียาห์จะต้องตายในวันนี้ฉันนั้น>> ดังนั้นพระราชาซาโลมอนจึงรับสั่ง ใช้เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา เขาก็ไปประหารชีวิตอาโดนียาห์เสีย และท่านก็ตาย ส่วนอาบียาธาร์ปุโรหิตนั้น พระราชารับสั่งว่า <<จงไปอยู่ที่อานาโธท ไปสู่ไร่นาของเจ้าเพราะเจ้าควรที่จะตาย แต่ในเวลานี้เราจะไม่ประหารชีวิตเจ้า เพราะว่าเจ้าหามหีบของพระเยโฮวาห์ พระเจ้าไปข้างหน้าดาวิดราชบิดาของเรา และเพราะเจ้าได้เข้าส่วนในบรรดาความทุกข์ใจราชบิดา ของเรา>> ซาโลมอนจึงทรงขับไล่อาบียาธาร์เสียจากหน้าที่ ปุโรหิตของพระเจ้า กระทำให้สำเร็จตามพระวจนะของพระเจ้าซึ่งพระองค์ตรัส เกี่ยวกับเชื้อสายของเอลีที่เมืองชีโลห์ เมื่อข่าวนี้ทราบไปถึงโยอาบ (เพราะแม้ว่าโยอาบมิได้สนับสนุนอับซาโลม ท่านได้สนับสนุนอาโดนียาห์) โยอาบก็หนีไปที่เต็นท์ของพระเจ้าและจับเชิงงอนแท่นบูชาไว้ เมื่อมีคนไปกราบทูลพระราชาซาโลมอนว่า <<โยอาบได้หนีไปที่เต็นท์ของพระเจ้าและดูเถิด เขาอยู่ข้างแท่นบูชานั้น>> ซาโลมอนรับสั่งเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาตรัสว่า <<จงไป ประหารชีวิตเขาเสีย>> เบไนยาห์ก็มายังเต็นท์ของพระเจ้าพูดกับท่านว่า <<พระราชามีรับสั่งว่า จงออกมาเถิด>> ท่านตอบว่า <<ไม่ออกไป ข้าจะตายที่นี่>> แล้วเบไนยาห์ก็นำความไปกราบทูลพระราชาอีกว่า <<โยอาบพูดอย่างนี้ และเขาตอบข้าพระบาทอย่างนี้>> พระราชาตรัสตอบเขาว่า <<จงกระทำตามที่เขาบอก จงประหารเขาเสียและฝังเขาไว้ ทั้งนี้จะได้เอาโทษของความผิด ซึ่งโยอาบได้กระทำให้เขาตาย ด้วยไร้เหตุสมควรนั้นไปเสียจากเรา และจากเชื้อสายบิดาของเรา พระเจ้าทรงนำการกระทำอันนองเลือดของเขา กลับมาตกบนศีรษะของเขาเอง เพราะว่าเขาได้โจมตีและฆ่าชายสองคนที่ชอบธรรม และดีกว่าตัวเขาด้วยดาบโดยที่ดาวิดราชบิดาของ เราหาทรงทราบไม่ คืออับเนอร์บุตรเนอร์ผู้บัญชาการกองทัพของอิสราเอล และอามาสาบุตรเยเธอร์ผู้บัญชาการกองทัพของยูดาห์ ดังนั้นที่เขาทั้งสองต้องตายนั้น โยอาบและพงศ์พันธุ์ของเขาต้องรับผิดชอบเป็นนิตย์ แต่ส่วนดาวิดและพงศ์พันธุ์ของพระองค์และราชวงศ์ ของพระองค์ และราชบัลลังก์ของพระองค์จะมีสวัสดิภาพจากพระเจ้าอยู่ เป็นนิตย์>> แล้วเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาก็ขึ้นไปประหารชีวิต เขาเสีย และฝังเขาไว้ในบ้านของเขาเองซึ่งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร พระราชาได้ทรงแต่งตั้งเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา เหนือกองทัพแทนโยอาบ และพระราชาก็ทรงแต่งตั้งศาโดกผู้เป็นปุโรหิตไว้ใน ตำแหน่งของอาบียาธาร์ แล้วพระราชาทรงใช้คนไปเรียกชิเมอีให้เข้ามาเฝ้า และตรัสกับเขาว่า <<ท่านจงสร้างบ้านอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มและอาศัยอยู่ที่นั่น อย่าออกจากที่นั่นไปที่ไหนเลย เพราะในวันที่ท่านออกไป และข้ามลำธารขิดโรนนั้น ท่านจงรู้เป็นแน่เถิดว่า ท่านจะต้องตาย ที่ท่านต้องตายนั้น ท่านเองก็รับผิดชอบ>> และชิเมอีทูลพระราชาว่า <<ที่ฝ่าพระบาทตรัสนั้นก็ดีแล้ว ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะกระทำตามที่พระราชา เจ้านายของข้าพระบาทตรัสนั้น>> ชิเมอีจึงได้อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มเป็นเวลานาน เมื่อล่วงไปสามปีก็เกิดเรื่อง ขึ้นคือทาสสองคนของชิเมอีได้หลบหนีไปยังอาคีช โอรสของมาอาคาห์กษัตริย์เมืองกัท และเมื่อเขามาบอกชิเมอีว่า <<ดูเถิด ทาสของท่านอยู่ในเมืองกัท>> ชิเมอีก็ลุกขึ้นผูกอานขี่ลาไปเฝ้าอาคีชที่เมืองกัท เพื่อเสาะหาทาสของตน ชิเมอีได้ไปนำทาสของตนมาจากเมืองกัท และเมื่อมีผู้กราบทูลซาโลมอนว่าชิเมอีได้ไปจาก กรุงเยรูซาเล็มถึงเมืองกัท และกลับมาแล้ว พระราชาก็ทรงใช้ให้เรียกชิเมอีมาเฝ้าและตรัส กับเขาว่า <<เราได้ให้ท่านสาบานในพระนามของพระเจ้ามิใช่หรือ และได้ตักเตือนท่านแล้วว่า <ท่านจงรู้เป็นแน่ว่า ในวันที่ท่านออกไป ไม่ว่าไปที่ใดๆ ท่านจะต้องตาย> และท่านก็ได้ตอบเราว่า <ที่ฝ่าพระบาทตรัสนั้นก็ดีแล้วข้าพระบาทจะเชื่อฟัง> ทำไมท่านจึงไม่รักษาคำสาบานไว้ต่อพระเจ้า และรักษาคำบัญชาซึ่งเราได้กำชับท่านนั้น>> พระราชาตรัสกับชิเมอีว่า <<ท่านเองรู้เรื่องเหตุร้ายทั้งสิ้น ซึ่งท่านได้กระทำต่อดาวิดราชบิดาของเรา เพราะฉะนั้นพระเจ้าจะทรงนำ เหตุร้ายมาสนองเหนือศีรษะของท่านเอง แต่พระราชาซาโลมอนจะได้รับพระพร และพระที่นั่งของดาวิดจะตั้งมั่นคงต่อพระเจ้าอยู่เป็นนิตย์>> แล้วพระราชาทรงบัญชาเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา และเขาก็ออกไปประหารชีวิตชิเมอีเสีย ดังนั้นราชอาณาจักรก็ตั้งมั่นคงอยู่ในพระหัตถ์ของซาโลมอน

1 พงศ์กษัตริย์ 2:10-46 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

จากนั้นดาวิดก็ทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และถูกฝังไว้ในเมืองดาวิด ดาวิดทรงปกครองอิสราเอลเป็นเวลา 40 ปี ปกครองในเมืองเฮโบรน 7 ปี และในกรุงเยรูซาเล็มอีก 33 ปี โซโลมอนจึงขึ้นครองบัลลังก์ของดาวิดราชบิดา และรัชกาลของพระองค์มั่นคงเป็นปึกแผ่น ฝ่ายอาโดนียาห์โอรสของพระนางฮักกีทมาเข้าเฝ้าพระนางบัทเชบาราชมารดาของโซโลมอน พระนางตรัสว่า “เจ้ามาอย่างสันติหรือ?” อาโดนียาห์ทูลว่า “ข้าพระบาทมาอย่างสันติ” เขากล่าวอีกว่า “ข้าพระบาทมีเรื่องมากราบทูล” พระนางตรัสว่า “พูดไปเถิด” อาโดนียาห์ทูลว่า “ตามที่ทรงทราบดีว่าราชอาณาจักรเป็นของข้าพระบาท อิสราเอลทั้งปวงล้วนคาดหมายว่าข้าพระบาทจะได้เป็นกษัตริย์ แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร ราชอาณาจักรตกเป็นของน้องชายแทน เพราะการนี้เป็นมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ข้าพระบาทมีสิ่งหนึ่งจะทูลขอ ขออย่าทรงปฏิเสธเลย” พระนางตรัสว่า “พูดมาเถิด” อาโดนียาห์ทูลว่า “โปรดทูลกษัตริย์โซโลมอน เพราะพระองค์จะไม่ทรงปฏิเสธพระนาง ขอพระราชทานอาบีชากชาวชูเนมให้เป็นภรรยาของข้าพระบาทด้วยเถิด” บัทเชบาตรัสว่า “ตกลง เราจะไปขอกษัตริย์ให้” เมื่อบัทเชบาเข้าพบกษัตริย์โซโลมอนเพื่อทูลขอให้อาโดนียาห์ กษัตริย์ก็ทรงยืนขึ้นต้อนรับและหมอบคำนับ แล้วประทับบนบัลลังก์ ทรงให้ยกพระแท่นมาถวายราชมารดา พระนางจึงประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ พระนางตรัสว่า “แม่จะขออะไรสักอย่างหนึ่ง อย่าปฏิเสธแม่เลย” กษัตริย์ตรัสตอบว่า “เสด็จแม่บอกมาเถิด ลูกไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว” พระนางจึงตรัสว่า “ขอยกอาบีชากชาวชูเนมให้แต่งงานกับอาโดนียาห์พี่ชายของลูก” กษัตริย์โซโลมอนตรัสตอบราชมารดาว่า “ทำไมเสด็จแม่ขออาบีชากชาวชูเนมให้อาโดนียาห์? ขอราชบัลลังก์ให้เขาด้วยสิเพราะเขาเป็นพี่ชายของลูก ปุโรหิตอาบียาธาร์และโยอาบบุตรนางเศรุยาห์ก็เป็นฝ่ายเขา!” แล้วกษัตริย์โซโลมอนตรัสปฏิญาณโดยอ้างองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ขอพระเจ้าทรงจัดการกับเราอย่างรุนแรงที่สุด หากอาโดนียาห์ไม่ชดใช้ด้วยชีวิตที่บังอาจขอเช่นนี้! องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสถาปนาเราไว้บนบัลลังก์ของเสด็จพ่อดาวิด และทรงตั้งราชวงศ์ขึ้นเพื่อเราตามที่ทรงสัญญาไว้ ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด อาโดนียาห์จะต้องตายในวันนี้ฉันนั้น!” กษัตริย์โซโลมอนจึงตรัสสั่งเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา เขาก็ไปประหารชีวิตอาโดนียาห์ กษัตริย์ตรัสกับปุโรหิตอาบียาธาร์ว่า “จงกลับไปยังที่ของท่านในอานาโธท ท่านสมควรตาย แต่เราจะไม่ประหารท่านเวลานี้ เพราะท่านได้หามหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตในรัชกาลเสด็จพ่อของเรา และท่านได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเสด็จพ่อมาโดยตลอด” โซโลมอนจึงทรงถอดอาบียาธาร์จากตำแหน่งปุโรหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นอันสำเร็จตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ชิโลห์เกี่ยวกับวงศ์วานของเอลี ครั้นข่าวมาถึงโยอาบผู้สมคบกับอาโดนียาห์ แม้เมื่อก่อนไม่ได้คบคิดกับอับซาโลม โยอาบก็หนีไปที่พลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและจับเชิงงอนของแท่นบูชาไว้ มีผู้ไปทูลโซโลมอนว่าโยอาบหนีไปยังพลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและอยู่ข้างๆ แท่นบูชา โซโลมอนจึงตรัสสั่งเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาว่า “ไปประหารเขา!” เบไนยาห์ก็เข้าไปในพลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและกล่าวกับโยอาบว่า “กษัตริย์ตรัสสั่งให้ออกไป!” แต่โยอาบตอบว่า “ไม่ เราจะตายที่นี่” เบไนยาห์จึงกลับไปทูลกษัตริย์ตามที่โยอาบบอก กษัตริย์ตรัสสั่งเบไนยาห์ว่า “ทำอย่างที่เขาบอก ฆ่าเขาแล้วเอาไปฝัง ตัวเราและวงศ์วานของเสด็จพ่อจะได้พ้นจากมลทินที่เขาได้ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะให้เขาเองรับผิดชอบที่ใช้ดาบฆ่าชายสองคนซึ่งดีกว่าและชอบธรรมกว่าเขา เพราะเสด็จพ่อของเราไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ กับความตายของอับเนอร์บุตรเนอร์แม่ทัพอิสราเอล และอามาสาบุตรเยเธอร์แม่ทัพยูดาห์ ขอให้โทษผิดจากโลหิตนั้นตกอยู่แก่โยอาบกับวงศ์วานตลอดไป ส่วนดาวิดกับวงศ์วาน ราชวงศ์ และราชบัลลังก์ ขอให้มีสันติสุขขององค์พระผู้เป็นเจ้าสืบไปนิรันดร์” เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาจึงไปประหารโยอาบ ศพของโยอาบถูกฝังไว้ในที่ดินของตนในถิ่นกันดาร กษัตริย์ทรงแต่งตั้งเบไนยาห์เป็นแม่ทัพแทนโยอาบ และให้ศาโดกเป็นปุโรหิตแทนอาบียาธาร์ กษัตริย์ทรงให้คนไปตามชิเมอีมา และตรัสกับเขาว่า “จงสร้างบ้านและอาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มนี้ อย่าไปที่อื่นใดเลย วันใดที่เจ้าออกไปพ้นหุบเขาขิดโรน เจ้าก็แน่ใจได้ว่าเจ้าจะต้องตาย และถือเป็นความผิดของเจ้าเอง” ชิเมอีทูลว่า “ฝ่าพระบาทตรัสชอบแล้ว ผู้รับใช้จะปฏิบัติตาม” ชิเมอีจึงอาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มเป็นเวลานาน แต่สามปีต่อมา ทาสของชิเมอีสองคนหลบหนีไปเข้าเฝ้ากษัตริย์อาคีชโอรสของมาอาคาห์แห่งเมืองกัท เมื่อมีผู้มาบอกชิเมอีว่า “ทาสของท่านอยู่ที่เมืองกัท” เขาก็ขึ้นลาไปเข้าเฝ้าอาคีชที่เมืองกัทเพื่อตามหาทาสและนำตัวทาสกลับมาจากเมืองนั้น เมื่อโซโลมอนทราบว่าชิเมอีออกจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองกัทและกลับมาแล้ว กษัตริย์ก็ให้ตามชิเมอีมา และตรัสกับเขาว่า “เราเตือนเจ้า และให้เจ้าสาบานในพระนามของพระยาห์เวห์แล้วไม่ใช่หรือว่า ‘วันใดที่เจ้าออกไปที่อื่นเจ้าจะต้องตาย’? เจ้าก็ตอบว่า ‘ฝ่าพระบาทตรัสชอบแล้ว ข้าพระบาทจะปฏิบัติตาม’ แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่ทำตามที่ปฏิญาณไว้ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าและไม่ทำตามคำสั่งของเรา?” กษัตริย์ตรัสกับชิเมอีด้วยว่า “เจ้ารู้อยู่แก่ใจถึงความเลวร้ายทั้งสิ้นที่เจ้าทำไว้กับดาวิดราชบิดาของเรา บัดนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงคืนสนองความผิดที่เจ้าได้ทำ แต่กษัตริย์โซโลมอนจะได้รับพร และราชบัลลังก์ของดาวิดจะยั่งยืนมั่นคงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป” จากนั้นกษัตริย์ตรัสสั่งเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา เขาก็ออกไปประหารชิเมอี ราชอาณาจักรจึงมั่นคงเป็นปึกแผ่นในพระหัตถ์ของโซโลมอน

1 พงศ์กษัตริย์ 2:10-46 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

จาก​นั้น​ดาวิด​ก็​สิ้น​ชีวิต​และ​ถูก​นำ​ไป​วาง​รวม​กับ​บรรพบุรุษ​ของ​ท่าน ศพ​ถูก​บรรจุ​ไว้​ใน​เมือง​ของ​ดาวิด ท่าน​ปกครอง​อิสราเอล​เป็น​เวลา 40 ปี คือ 7 ปี​ใน​เฮโบรน และ 33 ปี​ใน​เยรูซาเล็ม ดังนั้น​ซาโลมอน​ครอง​บัลลังก์​แทน​ดาวิด​บิดา​ของ​ท่าน และ​อาณาจักร​ของ​ท่าน​ได้​รับ​การ​สถาปนา​อย่าง​มั่นคง ฝ่าย​อาโดนียาห์​บุตร​ของ​ฮักกีท​ก็​ไป​เข้า​เฝ้า​บัทเช-บา​มารดา​ของ​ซาโลมอน บัทเช-บา​ถาม​เขา​ว่า “เจ้า​มา​อย่าง​สันติ​หรือ” เขา​ตอบ​ว่า “ใช่ มา​อย่าง​สันติ” และ​พูด​ต่อ​อีก​ว่า “ข้าพเจ้า​มี​บาง​สิ่ง​จะ​บอก​ท่าน” นาง​ตอบ​ว่า “พูด​ต่อ​ไป​ได้” เขา​พูด​ว่า “ท่าน​ทราบ​แล้ว​ว่า อาณาจักร​เป็น​ของ​ข้าพเจ้า ชาว​อิสราเอล​ทั้ง​มวล​นับ​ว่า​ข้าพเจ้า​เป็น​กษัตริย์​ของ​พวก​เขา แต่​บาง​สิ่ง​บาง​อย่าง​เปลี่ยน​ไป และ​อาณาจักร​ก็​ได้​ตก​เป็น​ของ​น้อง​ชาย​ของ​ข้าพเจ้า เพราะ​ว่า​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ให้​เป็น​ไป​ตาม​นั้น ข้าพเจ้า​ขอ​สิ่ง​หนึ่ง​จาก​ท่าน ขอ​อย่า​ได้​ปฏิเสธ​ข้าพเจ้า​เลย” นาง​ตอบ​ว่า “เจ้า​จะ​ขอ​อะไร” เขา​พูด​ต่อ​ไป​ว่า “กรุณา​ขอ​จาก​กษัตริย์​ซาโลมอน ท่าน​จะ​ไม่​ปฏิเสธ​คำ​ขอ​จาก​ท่าน คือ​ขอ​ยก​อาบีชาก​ชาว​ชูเนม​ให้​เป็น​ภรรยา​ของ​ข้าพเจ้า​เถิด” บัทเช-บา​ตอบ​ว่า “เอาล่ะ เรา​จะ​ช่วย​พูด​กับ​กษัตริย์​ให้​เจ้า” เมื่อ​บัทเช-บา​ไป​เข้า​เฝ้า​กษัตริย์​ซาโลมอน​เพื่อ​ขอ​แทน​อาโดนียาห์ กษัตริย์​ยืน​ขึ้น​ต้อนรับ​นาง​แล้ว​ก็​โค้ง​คำนับ และ​นั่ง​ลง​บน​บัลลังก์ ท่าน​ให้​คน​นำ​ที่​นั่ง​มา​ให้​มารดา​ของ​กษัตริย์ และ​นาง​ก็​นั่ง​ทาง​ด้าน​ขวา​ของ​ท่าน นาง​พูด​ว่า “แม่​มี​คำ​ขอ​เล็ก​น้อย​จาก​ลูก​ประการ​เดียว อย่า​ปฏิเสธ​แม่​เลย​นะ” กษัตริย์​ตอบ​นาง​ว่า “เชิญ​ขอ​เถิด มารดา​ของ​ข้าพเจ้า เพราะ​ข้าพเจ้า​จะ​ไม่​ปฏิเสธ​ท่าน​หรอก” นาง​พูด​ว่า “ยก​อาบีชาก​ชาว​ชูเนม ให้​เป็น​ภรรยา​ของ​อาโดนียาห์​พี่​ชาย​ของ​ลูก​เถิด” กษัตริย์​ซาโลมอน​ตอบ​มารดา​ของ​ท่าน​ว่า “แล้ว​ทำไม​ท่าน​จึง​ขอ​ให้​ยก​อาบีชาก​ชาว​ชูเนม​ให้​แก่​อาโดนียาห์ ถ้า​เช่น​นั้น​ก็​ขอ​ให้​ยก​อาณาจักร​ให้​เขา​ด้วย​ดี​ไหม ไหนๆ เขา​ก็​เป็น​พี่​ชาย​ของ​ข้าพเจ้า ฝ่าย​เขา​ก็​มี​อาบียาธาร์​ปุโรหิต และ​โยอาบ​บุตร​นาง​เศรุยาห์” ครั้น​แล้ว​กษัตริย์​ซาโลมอน​ก็​สาบาน​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ว่า “ถ้า​คำ​ขอ​นี้​ไม่​ทำ​ให้​อาโดนียาห์​ต้อง​สิ้น​ชีวิต ก็​ขอ​พระ​เจ้า​กระทำ​ต่อ​ข้าพเจ้า​เช่น​กัน หรือ​มิ​ฉะนั้น​ก็​ยิ่ง​กว่า​ด้วย​ซ้ำ พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ได้​แต่ง​ตั้ง​ข้าพเจ้า​และ​โปรด​ให้​นั่ง​บน​บัลลังก์​ของ​ดาวิด​บิดา​ของ​ข้าพเจ้า พระ​องค์​ได้​สถาปนา​พงศ์​พันธุ์​ให้​แก่​ข้าพเจ้า​ตาม​พระ​สัญญา ฉะนั้น​ตราบ​ที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​มี​ชีวิต​อยู่​ฉันใด อาโดนียาห์​จะ​ถูก​ประหาร​ใน​วัน​นี้” ดังนั้น​กษัตริย์​ซาโลมอน​จึง​สั่ง​เบไนยาห์​บุตร​เยโฮยาดา​ให้​ไป​ประหาร​ชีวิต​อาโดนียาห์ และ​เขา​ก็​สิ้น​ชีวิต และ​กษัตริย์​กล่าว​กับ​อาบียาธาร์​ปุโรหิต​ว่า “จง​ไป​อยู่​ที่​อานาโธท กลับ​ไป​ยัง​ไร่​นา​ของ​ท่าน เพราะ​ว่า​ท่าน​สมควร​จะ​ตาย แต่​เรา​จะ​ไม่​ประหาร​ท่าน​ใน​เวลา​นี้ เป็น​เพราะ​ท่าน​หาม​หีบ​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ผู้​ยิ่ง​ใหญ่​เดิน​นำ​หน้า​ดาวิด​บิดา​ของ​เรา​ไป และ​เป็น​เพราะ​ท่าน​ได้​ร่วม​ทุกข์​ร่วม​สุข​กับ​บิดา​ของ​เรา” ดังนั้น​ซาโลมอน​จึง​ปลด​อาบียาธาร์​จาก​ตำแหน่ง​ปุโรหิต​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ซึ่ง​เป็น​ไป​ตาม​คำ​กล่าว​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ถึง​เรื่อง​พงศ์​พันธุ์​ของ​เอลี​ที่​ชิโลห์ เมื่อ​เรื่อง​ที่​เกิด​ขึ้น​ทราบ​ไป​ถึง​โยอาบ​ผู้​สนับสนุน​อาโดนียาห์ แต่​ไม่​ได้​สนับสนุน​อับซาโลม โยอาบ​จึง​หนี​ไป​ยัง​กระโจม​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​จับ​ที่​เชิงงอน​ที่​แท่น​บูชา ครั้น​มี​คน​รายงาน​กษัตริย์​ซาโลมอน​ว่า “โยอาบ​ได้​หนี​ไป​ที่​กระโจม​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​ดู​เถิด เขา​อยู่​ที่​ข้าง​แท่น​บูชา” ซาโลมอน​สั่ง​เบไนยาห์​บุตร​ของ​เยโฮยาดา​ว่า “ท่าน​จง​ไป​ประหาร​เขา​เสีย” ดังนั้น​เบไนยาห์​จึง​ไป​ยัง​กระโจม​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​บอก​เขา​ว่า “กษัตริย์​บัญชา​ว่า ‘จง​ออก​มา’” แต่​เขา​พูด​ว่า “ไม่​ไป เรา​จะ​ตาย​ที่​นี่” เบไนยาห์​จึง​ไป​รายงาน​กษัตริย์​อีก​ว่า “โยอาบ​พูด​เช่น​นี้ และ​เขา​ตอบ​ข้าพเจ้า​ตาม​นี้” กษัตริย์​ตอบ​เขา​ว่า “จง​ทำ​ตาม​ที่​เขา​พูด สังหาร​และ​ฝัง​เขา​เสีย จะ​ได้​กำจัด​ความ​ผิด​เรื่อง​โลหิต​ที่​โยอาบ​เป็น​ผู้​ก่อ​โดย​ไร้​สาเหตุ​ไป​เสีย​จาก​เรา​และ​จาก​ตระกูล​ของ​เรา พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​จะ​สนอง​ตอบ​การ​นอง​เลือด​ของ​เขา เพราะ​ว่า​เขา​แอบ​ทำ​ร้าย​และ​ฆ่า​ชาย​สอง​คน​ด้วย​คม​ดาบ​โดย​ที่​ดาวิด​บิดา​ของ​เรา​ไม่​ทราบ อับเนอร์​บุตร​ของ​เนอร์ เป็น​ผู้​บังคับ​กองพัน​ทหาร​ของ​อิสราเอล และ​อามาสา​บุตร​เยเธอร์ เป็น​ผู้​บังคับ​กองพัน​ทหาร​ของ​ยูดาห์ ชาย​ทั้ง​สอง​มี​ความ​ชอบธรรม​มาก​กว่า​และ​เป็น​คน​ที่​ดี​กว่า​โยอาบ​เสีย​อีก ความ​ผิด​ที่​มี​ต่อ​โลหิต​ของ​เขา​ทั้ง​สอง​จึง​จะ​ตก​อยู่​ที่​ศีรษะ​ของ​โยอาบ​และ​บน​ศีรษะ​ของ​บรรดา​ผู้​สืบ​เชื้อสาย​ของ​เขา​ไป​ตลอด​กาล ส่วน​ดาวิด​และ​บรรดา​ผู้​สืบ​เชื้อสาย​ของ​ท่าน พงศ์​พันธุ์​และ​บัลลังก์​ของ​ท่าน จะ​ได้​รับ​สันติภาพ​จาก​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ชั่วนิรันดร์​กาล” ครั้น​แล้ว​เบไนยาห์​บุตร​ของ​เยโฮยาดา​จึง​ขึ้น​ไป​ฆ่า​โยอาบ และ​ฝัง​เขา​ไว้​ที่​บ้าน​ของ​เขา​เอง​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร กษัตริย์​ให้​เบไนยาห์​บุตร​ของ​เยโฮยาดา​มี​ตำแหน่ง​ควบคุม​กอง​ทัพ​แทน​โยอาบ และ​กษัตริย์​ให้​ศาโดก​ปุโรหิต​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​แทน​อาบียาธาร์ แล้ว​กษัตริย์​ให้​คน​ไป​เรียก​ชิเมอี​มา และ​กล่าว​กับ​เขา​ว่า “เจ้า​จง​สร้าง​บ้าน​อยู่​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม จง​อยู่​แต่​ที่​นั่น และ​อย่า​ออก​ไป​ที่​ไหน​เลย เพราะ​หาก​ว่า​วัน​ใด​ที่​เจ้า​ออก​ไป​และ​ข้าม​ธารน้ำ​ขิดโรน เจ้า​จง​รู้​ด้วย​ว่า​เจ้า​จะ​ต้อง​ตาย เจ้า​ต้อง​รับ​ผิดชอบ​การ​ตาย​ของ​ตน​เอง” ชิเมอี​ตอบ​กษัตริย์​ว่า “สิ่ง​ที่​ท่าน​กล่าว​นั้น​ดี​แล้ว ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​จะ​กระทำ​ตาม​ที่​เจ้านาย​ผู้​เป็น​กษัตริย์​กำหนด​ไว้” ดังนั้น​ชิเมอี​อาศัย​อยู่​ใน​เยรูซาเล็ม​เป็น​เวลา​นาน แต่​หลัง​จาก 3 ปี​ผ่าน​ไป ผู้​รับใช้​ของ​ชิเมอี 2 คน​หลบ​หนี​ไป​หา​อาคีช​บุตร​ของ​มาอาคาห์​กษัตริย์​เมือง​กัท และ​เมื่อ​มี​คน​แจ้ง​ชิเมอี​ให้​ทราบ​ว่า “ดู​เถิด ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​อยู่​ที่​เมือง​กัท” ชิเมอี​จึง​ลุก​ขึ้น​ผูก​อาน​ขี่​ลา​ไป​หา​อาคีช​ที่​เมือง​กัท เพื่อ​ตาม​หา​ผู้​รับใช้​ของ​เขา ชิเมอี​ไป​เอา​ตัว​ผู้​รับใช้​ของ​เขา​มา​จาก​เมือง​กัท ครั้น​มี​คน​รายงาน​ซาโลมอน​ว่า ชิเมอี​ได้​ออก​จาก​เยรูซาเล็ม​ไป​ยัง​เมือง​กัท​และ​กลับ​มา​แล้ว กษัตริย์​ให้​คน​ไป​เรียก​ชิเมอี​มา และ​กล่าว​กับ​เขา​ว่า “เรา​ไม่​ได้​ให้​เจ้า​สาบาน​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​เตือน​เจ้า​อย่าง​จริงจัง​หรือ​ว่า ‘จง​รู้​ด้วย​ว่า​ใน​วัน​ที่​เจ้า​ออก​ไป ไม่​ว่า​จะ​ไป​ไหน​ก็​ตาม เจ้า​จะ​ต้อง​ตาย’ และ​เจ้า​บอก​เรา​ว่า ‘สิ่ง​ที่​ท่าน​กล่าว​นั้น​ดี​แล้ว ข้าพเจ้า​จะ​เชื่อ​ฟัง’ แล้ว​ทำไม​เจ้า​จึง​ไม่​รักษา​คำ​สาบาน​ที่​ให้​กับ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​คำ​บัญชา​ที่​เรา​สั่ง​เจ้า​ไว้​เล่า” กษัตริย์​กล่าว​กับ​ชิเมอี​อีก​ว่า “เจ้า​ก็​รู้​แก่​ใจ​แล้ว​ว่า ภัย​อันตราย​ทั้ง​ปวง​ที่​เจ้า​ได้​ก่อ​ให้​เกิด​กับ​ดาวิด​บิดา​ของ​เรา พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​จะ​สนอง​ตอบ​เจ้า​ไป​ตาม​นั้น แต่​กษัตริย์​ซาโลมอน​จะ​ได้​รับ​พร และ​บัลลังก์​ของ​ดาวิด​จะ​ได้​รับ​การ​สถาปนา ณ เบื้อง​หน้า​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ไป​ตลอด​กาล” แล้ว​กษัตริย์​ก็​บัญชา​เบไนยาห์​บุตร​ของ​เยโฮยาดา และ​เขา​ก็​ออก​ไป​ประหาร​ชิเมอี เขา​จึง​เสีย​ชีวิต ดังนั้น​อาณาจักร​ได้​รับ​การ​สถาปนา อยู่​ใน​การ​ดูแล​ของ​ซาโลมอน