1 พงศ์กษัตริย์ 18:16-46

1 พงศ์กษัตริย์ 18:16-46 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

โอบาดียาห์​จึง​ไป​หา​กษัตริย์​อาหับ​และ​บอก​เรื่องนี้​กับ​เขา และ​กษัตริย์​อาหับ​ก็​ไป​พบ​เอลียาห์ เมื่อ​กษัตริย์​เห็น​เอลียาห์ เขา​พูด​กับ​เอลียาห์​ว่า “นั่น​เป็น​เจ้า​จริงๆ​หรือ ไอ้ตัว​สร้างปัญหา​ของ​อิสราเอล” เอลียาห์​ตอบ​ว่า “ข้าพเจ้า​ไม่​เคย​สร้างปัญหา​ให้​อิสราเอล แต่​ท่าน​และ​ครอบครัว​ของ​บรรพบุรุษ​ท่าน​ต่างหาก​ที่​เป็น​คน​ทำ ท่าน​ได้​ละทิ้ง​คำสั่ง​ต่างๆ​ของ​พระยาห์เวห์​และ​ไป​ติดตาม​พระ​บาอัล ตอนนี้ ให้​เรียก​ประชาชน​จาก​ทั่วทั้ง​อิสราเอล​มา​พบ​กับ​ข้าพเจ้า​บน​ภูเขา​คารเมลนี้ และ​ให้​นำ​ตัว​พวก​ผู้พูดแทนพระ​บาอัล​ทั้ง​สี่ร้อย​ห้าสิบ​คน รวมทั้ง​พวก​ผู้พูดแทนพระ​อาเชราห์ อีก​สี่ร้อย​คน​ที่​นั่ง​กิน​อาหาร​ร่วม​โต๊ะ​กับ​เยเซเบล​มาด้วย” กษัตริย์​อาหับ​จึง​ส่งข่าว​ไป​ทั่ว​ทั้ง​อิสราเอล​และ​เรียก​ประชุม​พวก​ผู้พูดแทนพระ​ปลอม​เหล่านั้น​ที่​บน​ภูเขา​คารเมล เอลียาห์​ได้​ไป​อยู่​ข้างหน้า​ของ​ประชาชน​ทั้งหมด​และ​พูด​ว่า “นี่​พวกเจ้า​ยัง​จะ​ลังเล​สองจิต​สองใจ​อย่างนี้​ไป​อีก​นาน​แค่ไหน ถ้า​พระยาห์เวห์​คือ​พระเจ้า ให้​ติดตาม​พระองค์​ไป แต่​ถ้า​พระ​บาอัล​เป็น​พระเจ้า ก็​ให้​ติดตาม​เขา​ไป” แต่​ประชาชน​ไม่​ตอบ​เขา​สักคำ แล้ว​เอลียาห์​ก็​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “เรา​เป็น​ผู้พูดแทนพระเจ้า​เพียง​คน​เดียว​ของ​พระยาห์เวห์​ที่​ยัง​หลงเหลือ​อยู่ แต่​พระ​บาอัล​มี​ผู้พูดแทน​มัน​อยู่​ถึง​สี่ร้อย​ห้าสิบ​คน ให้​เอา​วัว​ตัวผู้​สอง​ตัว​มา​ให้​พวกเรา ให้​พวกเขา​เป็น​คน​เลือก​ว่า​พวกเขา​จะ​เอา​ตัว​ไหน และ​ให้​พวกเขา​ตัด​มัน​เป็น​ท่อนๆ​ไป​วางไว้​บน​ฟืน​แต่​อย่า​จุด​ไฟ เรา​จะ​ไป​เตรียม​วัว​อีก​ตัว​หนึ่ง​และ​จะ​วาง​มัน​ไว้​บน​ฟืน​ที่​ไม่​จุด​ไฟ​เหมือนกัน แล้ว​พวก​เจ้า​ก็​ร้องเรียก​ชื่อ​พระ​ของ​พวกเจ้า ส่วน​เรา​ก็​จะ​ร้องเรียก​ชื่อ​ของ​พระยาห์เวห์ แล้ว​พระ​ที่​ตอบรับ​ด้วย​ไฟนั้น ก็​คือ​พระเจ้า” แล้ว​ประชาชน​ทั้งหมด​ก็​พูด​ว่า “สิ่ง​ที่​ท่าน​พูด​มา​นั้น​เข้าท่า​ดี” เอลียาห์​พูด​กับ​พวก​ผู้พูดแทนพระ​บาอัล​ว่า “เลือก​วัว​ตัวผู้​มา​ตัวหนึ่ง​และ​จัด​เตรียม​มัน​ก่อน เพราะ​พวกเจ้า​มี​คน​มากมาย เรียก​ชื่อ​พระ​ของ​พวกเจ้า​แต่​อย่า​เพิ่ง​จุด​ไฟ” พวกเขา​จึง​เลือก​วัว​ออก​มา​ตัว​หนึ่ง​และ​เตรียม​มัน​ไว้ แล้ว​พวกเขา​ก็​ร้องเรียก​ชื่อ​ของ​พระ​บาอัล​ตั้งแต่​เช้า​จน​ถึง​เที่ยง พวกเขา​ได้​ตะโกน​ว่า “ข้า​แต่​พระ​บาอัล โปรด​ตอบ​พวกเรา​ด้วย​เถิด” แต่​ไม่​มี​การ​ตอบรับ​ใดๆ ไม่​มี​เสียง​หรือ​การ​ตอบรับ​อะไรเลย พวกเขา​ก็​เต้นรำ​ไป​รอบๆ​แท่น​บูชา​ที่​พวกเขา​สร้าง​ขึ้น​มา ใน​ตอนเที่ยง เอลียาห์​เริ่ม​พูด​เยาะเย้ย​คน​เหล่านั้น​ว่า “ตะโกน​ดังขึ้น​อีกสิ เขา​เป็น​พระเจ้า​อย่าง​แน่นอน บางที​เขา​อาจ​จะ​ใจลอย​อยู่ บางที​เขา​อาจ​กำลัง​เข้า​ส้วม​อยู่ หรือ​กำลัง​เดินทาง​อยู่ หรือ​อาจ​จะ​นอนหลับ​อยู่ จะ​ต้อง​ให้​พวกเจ้า​ปลุก​มั้ง” พวกเขา​จึง​ตะโกน​ดังขึ้น และ​ใช้​ดาบ​กับ​หอก​กรีด​ตัวเอง​ซึ่ง​เป็น​ประเพณี​ของ​พวกเขา​อยู่​แล้ว จน​เลือด​ไหล​ออก​มา เลย​เวลา​เที่ยง​วัน​ไปแล้ว พวกเขา​ยัง​คง​ทำ​สิ่ง​ที่​บ้า​คลั่ง​เช่นนั้น​ต่อ​ไป​จน​ถึง​เวลา​บูชา​ใน​ตอน​เย็น แต่​ก็​ยัง​ไม่​มี​เสียง ไม่​มี​คำตอบ และ​ไม่​มี​การตอบรับ แล้ว​เอลียาห์​พูด​กับ​ประชาชน​ทั้งหมด​ว่า “เข้า​มา​ใกล้ๆ​เรา​หน่อย” พวกเขา​ทุก​คน​ก็​เลย​เข้า​ไป​ใกล้ และ​เอลียาห์​ซ่อมแซม​แท่นบูชา​ของ​พระยาห์เวห์​ที่​ถูก​รื้อ​ไปนั้น เอลียาห์​เอา​ก้อนหิน​สิบสอง​ก้อน​มา​ตาม​จำนวน​เผ่า​ของ​พวก​ลูกชาย​ของ​ยาโคบ (พระคำ​ของ​พระยาห์เวห์​เคย​มา​ถึง​ยาโคบ​ว่า “เจ้า​จะ​มี​ชื่อ​ว่า​อิสราเอล”) เอลียาห์​สร้าง​แท่นบูชา​ขึ้น​ด้วย​หิน​ทั้ง​สิบสอง​ก้อนนั้น​ใน​นาม​ของ​พระยาห์เวห์ เขา​ขุด​ร่อง​รอบๆ​แท่นบูชานั้น ใหญ่​เพียง​พอ​ที่​จะ​ใส่​เมล็ด​พืช​ได้​สอง​ถัง เขา​จัด​กอง​ไม้ฟืน และ​ตัด​วัว​ออก​เป็น​ท่อนๆ​แล้ว​วาง​มัน​ลง​บน​ไม้ฟืน แล้ว​ก็​พูด​กับ​คน​เหล่านั้น​ว่า “ตัก​น้ำ​ใส่​เหยือก​ทั้ง​สี่​เหยือก​ของ​พวกเจ้า​ให้​เต็ม และ​เท​มัน​ลง​บน​เครื่อง​บูชา​และ​บน​ไม้ฟืนนี้” แล้ว​เขา​บอก​ให้​ทำ​อย่าง​นั้น​อีก​เป็น​ครั้ง​ที่​สอง และ​คน​เหล่านั้น​ก็​ทำ​เป็น​ครั้ง​ที่​สอง แล้ว​เขา​ก็​บอก​ให้​พวกนั้น​ทำ​อีก​เป็น​ครั้ง​ที่​สาม แล้ว​พวกนั้น​ก็​ทำ​อย่าง​นั้น​เป็น​ครั้ง​ที่​สาม น้ำ​ไหลนอง​ลง​มา​รอบๆ​แท่นบูชา​และ​ไหล​จน​ท่วม​ร่องนั้น ใน​ช่วง​เวลา​ของ​การ​บูชานั้น​เอง เอลียาห์​ผู้พูดแทนพระเจ้า​ได้​ก้าว​ออก​ไป​ที่​ด้านหน้า​และ​อธิษฐาน​ว่า “ข้าแต่​พระยาห์เวห์ พระเจ้า​ของ​อับราฮัม อิสอัค​และ​อิสราเอล ใน​วันนี้ ขอ​พระองค์​ทำให้​คน​รู้​เถิด​ว่า พระองค์​คือ​พระเจ้า​แห่ง​อิสราเอล และ​รู้​ว่า​ข้าพเจ้า​เป็น​ผู้รับใช้​ของ​พระองค์​และ​ได้​ทำ​สิ่ง​เหล่านี้​ไป​ตาม​คำสั่ง​ของ​พระองค์ ข้าแต่​พระยาห์เวห์ ขอ​ตอบรับ​ข้าพเจ้าด้วย ตอบรับ​ข้าพเจ้า​ด้วยเถิด เพื่อ​ว่า​ประชาชน​เหล่านี้​จะ​ได้​รู้​ว่า​พระองค์ พระยาห์เวห์​คือ​พระเจ้า และ​รู้​ว่า​พระองค์​จะ​หันเห​หัวใจ​ของ​พวกเขา​ให้​กลับ​มา​หา​พระองค์​อีก​ครั้ง” แล้ว​ไฟ​ของ​พระยาห์เวห์​ได้​ตก​ลง​มา​และ​เผา​ไหม้​เครื่อง​สัตวบูชา กอง​ฟืน ก้อน​หิน​ทั้งหมด รวมทั้ง​ดิน และ​ยัง​ลาม​ลง​ไป​ใน​น้ำ​ที่​อยู่​ใน​ร่องด้วย เมื่อ​ประชาชน​ทั้งหมด​ได้​เห็น​เหตุการณ์นี้ พวกเขา​ต่าง​ก็​หมอบ​ลง​และ​ร้อง​ว่า “พระยาห์เวห์ พระองค์​คือ​พระเจ้า พระยาห์เวห์ พระองค์​คือ​พระเจ้า” แล้ว​เอลียาห์​ก็​สั่ง​พวก​เขา​ว่า “จับ​พวก​ผู้พูดแทนพระ​บาอัล​ไว้ อย่า​ให้​ใคร​หนี​รอด​ไป​ได้” พวกเขา​จับ​ตัว​คน​เหล่านั้น​ไว้ และ​เอลียาห์​ก็​ให้​นำ​ตัว​พวกนั้น​ลง​ไป​ที่​หุบเขา​คีโชน​และ​ฆ่า​พวกนั้น​ทิ้ง​ที่​นั่น แล้ว​เอลียาห์​ก็​พูด​กับ​กษัตริย์​อาหับ​ว่า “ไป​กิน​และ​ดื่ม​เถิด เพราะ​มี​เสียง​ฝน​ตก​หนัก​ลง​มา​แล้ว” กษัตริย์​อาหับ​จึง​ไป​กิน​และ​ดื่ม แต่​เอลียาห์​ได้​ปีน​ขึ้น​ไป​บน​ยอด​เขา​คารเมล ก้มกราบ​ลง​บน​พื้นดิน​และ​ซุกหน้า​ไว้​ระหว่าง​หัวเข่า​ของ​เขา เขา​ได้​พูด​กับ​คน​รับใช้​ของ​เขา​ว่า “มอง​ไป​ทาง​ทะเลซิ” คน​รับใช้ คนนั้น​ก็​ขึ้น​ไป​มอง​ออก​ไป เขา​ตอบ​ว่า “ไม่​เห็น​มี​อะไร​เลย​ครับท่าน” เอลียาห์​พูด​กับ​เขา​ถึง​เจ็ด​ครั้ง​ว่า “กลับ​ไป​ดู​ใหม่” ใน​ครั้ง​ที่​เจ็ด​นั้นเอง คน​รับใช้​ของ​เขา​ก็​ได้​มา​รายงาน​ว่า “มี​เมฆ​ก้อน​หนึ่ง​ขนาด​เท่า​กำ​มือ​กำลัง​ขึ้น​มา​จาก​ทะเล” เอลียาห์​จึง​พูด​ว่า “กลับ​ไป​บอก​กษัตริย์​อาหับ​ว่า ‘ให้​ผูก​รถรบ​ของ​ท่าน​และ​รีบ​ลง​ไป​ก่อน​ที่​ฝน​จะ​หยุด​ท่านไว้’” ใน​ขณะนั้น​เอง ท้องฟ้า​ก็​เริ่ม​ดำทะมึน​ไป​ด้วย​กลุ่ม​เมฆ​มากมาย ลม​เริ่ม​พัด​แรง ฝน​เท​ลง​มา​อย่าง​หนัก​และ​กษัตริย์​อาหับ​ก็​ได้​ขี่​รถรบ​มุ่ง​ไป​ยัง​ยิสเรเอล ฤทธิ์เดช​ของ​พระยาห์เวห์​ได้​มา​อยู่​บน​ตัว​เอลียาห์ เขา​เอา​เสื้อคลุม​ยัด​เข้า​ไป​ใน​เข็มขัด และ​วิ่ง​แซง​หน้า​กษัตริย์​อาหับ​ไป​ถึง​ยิสเรเอล

1 พงศ์กษัตริย์ 18:16-46 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

โอบาดีห์จึงไปเฝ้าอาหับและทูลพระองค์ อาหับก็เสด็จไปพบเอลียาห์ และต่อมา เมื่ออาหับทอดพระเนตรเห็นเอลียาห์ อาหับก็ตรัสกับท่านว่า “เจ้านี่เองหรือ? ผู้ทำความลำบากให้อิสราเอล” และท่านจึงทูลว่า “ข้าพระบาทไม่ได้ทำความลำบากแก่อิสราเอล แต่ฝ่าพระบาทและราชวงศ์บิดาของฝ่าพระบาทต่างหากได้ทรงกระทำ เพราะพวกฝ่าพระบาทได้ทอดทิ้งพระบัญญัติของพระยาห์เวห์ และติดตามบรรดาพระบาอัล เพราะฉะนั้น ขอทรงสั่งให้รวบรวมชนอิสราเอลทั้งสิ้น มาพบข้าพระบาทที่ภูเขาคารเมล ทั้งผู้เผยพระวจนะของพระบาอัล 450 คนกับผู้เผยพระวจนะของพระอาเช-ราห์ 400 คนนั้น ผู้รับประทานที่โต๊ะเสวยของพระนางเยเซเบล” ดังนั้น อาหับทรงส่งข่าวไปยังคนอิสราเอลทั้งหมด และชุมนุมผู้เผยพระวจนะที่ภูเขาคารเมล และเอลียาห์ก็เข้ามาใกล้ประชาชนทั้งปวง กล่าวว่า “ท่านทั้งหลายจะลังเลใจอยู่ระหว่างสองฝ่ายนี้นานเท่าไร? ถ้าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า จงติดตามพระองค์ แต่ถ้าพระบาอัลเป็น ก็จงตามท่านไปเถิด” แต่ประชาชนไม่ตอบท่านสักคำเดียว แล้วเอลียาห์พูดกับประชาชนว่า “ข้าพเจ้าผู้เดียวเป็นผู้เผยพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่เหลืออยู่ แต่ผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลมี 450 คน ให้พวกเขามอบวัวผู้สองตัวแก่พวกเรา แล้วให้พวกเขาเลือกวัวตัวหนึ่ง สับเป็นท่อนๆ วางไว้บนกองฟืนแต่อย่าใส่ไฟ ส่วนข้าพเจ้าจะเตรียมวัวอีกตัวหนึ่ง แล้ววางไว้บนฟืนและไม่ใส่ไฟ แล้วท่านทั้งหลายจงร้องออกพระนามพระเจ้าของท่าน ส่วนข้าพเจ้าจะร้องออกพระนามพระยาห์เวห์ พระองค์ไหนตอบด้วยไฟ พระองค์นั้นแหละเป็นพระเจ้าแท้” และประชาชนทั้งปวงก็ตอบว่า “อย่างที่พูดก็ดีแล้ว” แล้วเอลียาห์พูดกับพวกผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลว่า “จงเลือกวัวผู้ตัวหนึ่งสำหรับพวกท่านและตระเตรียมก่อน เพราะพวกท่านมีมาก จงร้องออกพระนามพระเจ้าของท่าน แต่อย่าใส่ไฟ” เขาทั้งหลายก็เอาวัวผู้ที่มีคนให้มา และเขาทั้งหลายก็จัดเตรียม และร้องออกพระนามพระบาอัลตั้งแต่เช้าจนเที่ยง กล่าวว่า “พระบาอัล ขอตอบเราเถิด” แต่ก็ไม่มีเสียงและไม่มีใครตอบ แล้วพวกเขาก็เต้นโขยกเขยกอยู่รอบแท่นซึ่งเขาได้สร้างขึ้นนั้น เมื่อถึงเวลาเที่ยง เอลียาห์ก็เย้ยเขาทั้งหลายว่า “ร้องให้ดังๆ ซี เพราะท่านเป็นพระเจ้า ท่านกำลังภาวนาอยู่ หรือท่านกำลังถ่ายทุกข์ หรือท่านไปเที่ยว หรือบางทีท่านกำลังหลับอยู่ และจะต้องปลุก” เขาทั้งหลายก็ร้องเสียงดัง และเชือดเฉือนตัวเองตามธรรมเนียมของเขาด้วยดาบและหลาว จนเลือดไหลพุ่งออกมาตามตัว และเมื่อผ่านเที่ยงวันไปแล้ว พวกเขาก็พร่ำเผยพระวจนะต่อไป จนถึงเวลาถวายบูชาตอนเย็น แต่ไม่มีเสียง ไม่มีใครตอบ ไม่มีใครฟัง แล้วเอลียาห์พูดกับประชาชนทั้งสิ้นว่า “จงเข้ามาใกล้ข้าพเจ้า” และประชาชนทั้งหมดก็เข้ามาใกล้ท่าน และท่านก็ซ่อมแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ที่ถูกทำลายลงนั้น เอลียาห์นำศิลาสิบสองก้อนมา ตามจำนวนเผ่าบุตรชายของยาโคบ ผู้ซึ่งพระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงว่า “อิสราเอลจะเป็นชื่อของเจ้า” และท่านได้สร้างแท่นบูชาด้วยศิลาเหล่านั้นในพระนามของพระยาห์เวห์ และท่านได้ขุดร่องใหญ่รอบแท่นพอจุน้ำได้ประมาณ 14 ลิตร และท่านก็วางฟืนไว้เป็นระเบียบ และสับวัวนั้นเป็นท่อนๆ และวางไว้บนกองฟืน และท่านกล่าวว่า “จงเติมน้ำให้เต็มสี่ไห แล้วเทลงบนเครื่องบูชาเผาทั้งตัว และบนกองฟืน” และท่านกล่าวว่า “จงทำครั้งที่สอง” และเขาก็ทำครั้งที่สอง และท่านกล่าวว่า “จงทำครั้งที่สาม” และเขาก็ทำครั้งที่สาม และน้ำไหลรอบแท่นบูชา และท่านใส่น้ำเต็มร่องด้วย และต่อมาเมื่อถึงเวลาถวายบูชา เอลียาห์ผู้เผยพระวจนะก็เข้ามาใกล้ ทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอล ขอให้เขาทราบเสียทั่วกันในวันนี้ว่า พระองค์คือพระเจ้าในอิสราเอล และข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ และข้าพระองค์ได้ทำสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้นตามพระดำรัสของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงตอบข้าพระองค์ ทรงตอบข้าพระองค์ เพื่อชนชาตินี้จะทราบว่าพระองค์คือพระยาห์เวห์ ทรงเป็นพระเจ้า และพระองค์ทรงหันจิตใจของเขาทั้งหลายกลับมาอีก” แล้วไฟของพระยาห์เวห์ก็ตกลงมาและเผาเครื่องบูชาเผาทั้งตัว และฟืน หิน และผงคลี และลามเลียน้ำในร่องจนแห้ง และเมื่อประชาชนทั้งหมดได้เห็น พวกเขาก็ซบหน้าลงร้องว่า “พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า” และเอลียาห์บอกเขาทั้งหลายว่า “จงจับผู้เผยพระวจนะของพระบาอัล อย่าให้หนีไปได้สักคนเดียว” และประชาชนก็ไปจับพวกเขามา และเอลียาห์ก็นำพวกเขามาที่ลำธารคีโชน และฆ่าเขาเสียที่นั่น เอลียาห์ทูลอาหับว่า “ขอเชิญเสด็จขึ้นไปเสวยและดื่มเถิด เพราะมีเสียงฝนกระหึ่มมา” อาหับก็เสด็จขึ้นไปเสวยและดื่ม แต่เอลียาห์ขึ้นไปที่ยอดภูเขาคารเมล ท่านก็โน้มตัวลงถึงดิน ซบหน้าระหว่างเข่า และท่านสั่งคนใช้ของท่านว่า “จงลุกขึ้นมองไปทางทะเล” เขาก็ลุกขึ้นมองและตอบว่า “ไม่มีอะไรเลย” และท่านบอกว่า “จงไปดูอีกเจ็ดครั้ง” และต่อมาเมื่อถึงครั้งที่เจ็ด เขาบอกว่า “ดูสิ มีเมฆก้อนหนึ่งเล็กเท่าฝ่ามือคนขึ้นมาจากทะเล” และท่านก็บอกว่า “จงไปทูลอาหับว่า ‘ขอทรงเตรียมราชรถและเสด็จลงไป เพื่อพระองค์จะไม่ติดฝน’ ” และต่อมาอีกครู่หนึ่ง ท้องฟ้าก็มืดไปด้วยเมฆและลม และมีฝนหนัก อาหับก็ทรงรถเสด็จไปยังเมืองยิสเรเอล และพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์หนุนกำลังเอลียาห์ และท่านก็คาดเอวของท่านไว้ และวิ่งขึ้นหน้าอาหับไปถึงทางเข้าเมืองยิสเรเอล

1 พงศ์กษัตริย์ 18:16-46 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

โอบาดีห์จึงไปเฝ้าอาหับและทูลพระองค์ อาหั​บก​็เสด็จไปพบเอลียาห์ และอยู่มาเมื่ออาหับทอดพระเนตรเห็นเอลียาห์ อาหั​บก​็ตรัสกั​บท​่านว่า “​นี่​ตัวเจ้าหรือ เจ้​าผู้ทำความลำบากให้​อิสราเอล​” และท่านจึงทูลว่า “ข้าพระองค์​มิได้​กระทำความลำบากแก่​อิสราเอล แต่​พระองค์​ได้​กระทำ และราชวงศ์​บิ​ดาของพระองค์ เพราะว่าพวกพระองค์​ได้​ทอดทิ้งพระบัญญั​ติ​ของพระเยโฮวาห์ และติดตามพระบาอัล เพราะฉะนั้นบัดนี้ขอทรงสั่งให้บรรดาชนอิสราเอลมาพบข้าพระองค์​ที่​ภู​เขาคารเมล ทั้งผู้​พยากรณ์​ของพระบาอัลสี่ร้อยห้าสิบคนนั้น และผู้​พยากรณ์​ของเสารูปเคารพสี่ร้อยคนนั้น ผู้​ซึ่งรับประทานที่​โต​๊ะเสวยของพระนางเยเซเบล” อาหับจึงทรงส่งไปยังคนอิสราเอลทั้งปวง และชุ​มนุ​มผู้​พยากรณ์​ที่​ภู​เขาคารเมล และเอลียาห์​ก็​เข​้ามาใกล้ประชาชนทั้งปวงกล่าวว่า “ท่านทั้งหลายจะขยักขย่อนอยู่ระหว่างสองฝ่ายนี้นานสักเท่าใด ถ้าพระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้าจงติดตามพระองค์ แต่​ถ้าพระบาอัลเป็น ก็​จงตามท่านไปเถิด” และประชาชนไม่ตอบท่านสักคำเดียว แล​้วเอลียาห์​พู​ดก​ับประชาชนว่า “ตัวข้าพเจ้า คือข้าพเจ้าแต่​ผู้​เดียวเป็นผู้​พยากรณ์​ของพระเยโฮวาห์​ที่​เหลืออยู่ แต่​ผู้​พยากรณ์​พระบาอั​ลม​ี​สี​่ร้อยห้าสิบคน ขอให้​เขามอบวัวผู้​แก่​เราสองตัว แล​้วขอให้เขาทั้งหลายเลือกวัวเป็นของเขาตัวหนึ่งฟันเป็นท่อนๆ วางไว้บนกองฟืนแต่อย่าใส่​ไฟ และข้าพเจ้าจะเตรียมวัวผู้​อี​กตัวหนึ่งนั้นวางไว้บนฟืน และไม่​ใส่ไฟ และท่านทั้งหลายจงร้องออกพระนามพระของท่าน และข้าพเจ้าจะร้องออกพระนามพระเยโฮวาห์ พระเจ้าองค์​ที่​ทรงตอบด้วยไฟ พระองค์​นั้นแหละทรงเป็นพระเจ้า” และประชาชนทั้งปวงก็ตอบว่า “อย่างที่​พู​ดก​็​ดี​แล้ว​” แล​้วเอลียาห์​พู​ดก​ับผู้​พยากรณ์​ของพระบาอัลว่า “จงเลือกวัวผู้ตัวหนึ่งสำหรั​บท​่านและตระเตรียมเสี​ยก​่อน เพราะพวกท่านมากคนด้วยกัน จงร้องออกพระนามพระของท่าน แต่​อย่าใส่​ไฟ​” เขาทั้งหลายก็เอาวัวผู้​ที่​เขานำมาให้และเขาทั้งหลายก็จัดเตรียมและร้องออกพระนามพระบาอัล ตั้งแต่​เวลาเช้าจนเที่ยงกล่าวว่า “​โอ ข้าแต่พระบาอัล ขอสดับพวกข้าพเจ้าเถิด” แต่​ก็​ไม่มี​เสียงและไม่​มี​ใครตอบ และเขาก็โขยกเขยกอยู่รอบแท่นซึ่งเขาได้สร้างขึ้นนั้น ครั้นถึงเวลาเที่ยงเอลียาห์​ก็​เย้​ยเขาทั้งหลายว่า “ร้องให้ดังๆซี เพราะท่านเป็นพระองค์​หนึ่ง ท่านกำลังสนทนาอยู่ หรือท่านกำลังแอบซ่อนตัวอยู่ หรือท่านไปเที่ยว หรือชะรอยท่านกำลังหลั​บอย​ู่และจะต้องปลุก” เขาทั้งหลายก็ร้องเสียงดัง และเชือดเฉือนตัวเองตามธรรมเนียมของเขาด้วยมีดและหลาว จนโลหิตไหลพุ่งออกมาตามตัว และต่อมาเมื่อผ่านเที่ยงวันไปแล้ว เขาก็ทำนายจนถึงเวลาถวายบูชาตอนเย็น แต่​ไม่มี​เสียง ไม่มี​ใครตอบ ไม่มี​ใครฟัง แล​้วเอลียาห์​พู​ดก​ับประชาชนทั้งปวงว่า “จงเข้ามาใกล้​ข้าพเจ้า​” และประชาชนทั้งปวงก็​เข​้ามาใกล้​ท่าน และท่านก็ซ่อมแท่นบูชาของพระเยโฮวาห์​ที่​ถู​กทำลายลงนั้น เอลียาห์นำศิลาสิบสองก้อนมาตามจำนวนตระกูลของบุตรชายของยาโคบ ผู้​ซึ่งพระวจนะของพระเยโฮวาห์มาถึงว่า “อิสราเอลจะเป็นชื่อของเจ้า” และท่านได้สร้างแท่นบู​ชาด​้วยศิ​ลาน​ั้นในพระนามของพระเยโฮวาห์ และท่านได้ขุดร่องรอบแท่นใหญ่พอจุเมล็ดพืชได้สองถัง และท่านก็วางฟืนไว้​เป็นระเบียบ และฟั​นว​ัวผู้นั้นเป็นท่อนๆ และวางไว้บนกองฟืน และท่านกล่าวว่า “จงเติ​มน​้ำให้เต็มสี่ไห และเทลงบนเครื่องเผาบู​ชา และบนกองฟืน” และท่านกล่าวว่า “จงกระทำครั้งที่​สอง​” และเขาก็กระทำครั้งที่​สอง และท่านกล่าวว่า “จงกระทำครั้งที่​สาม​” และเขาก็กระทำครั้งที่​สาม และน้ำไหลรอบแท่นบู​ชา และท่านใส่น้ำเต็มร่อง และอยู่มาเมื่อถึงเวลาถวายบูชาตอนเย็น เอลียาห์​ผู้​พยากรณ์​ก็​เข​้ามาใกล้ทูลว่า “ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ับราฮัม อิสอัคและอิสราเอล ขอให้​ทราบเสียทั่​วก​ันในวันนี้​ว่า พระองค์​คือพระเจ้าในอิสราเอล และข้าพระองค์เป็นผู้​รับใช้​ของพระองค์ และข้าพระองค์​ได้​กระทำบรรดาสิ่งเหล่านี้ตามพระดำรัสของพระองค์ ขอทรงฟังข้าพระองค์ โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ขอทรงฟังข้าพระองค์ เพื่อชนชาติ​นี้​จะทราบว่า พระองค์​คือพระเยโฮวาห์​พระเจ้า และพระองค์ทรงหันจิตใจของเขาทั้งหลายกลับมาอีก” แล​้วไฟของพระเยโฮวาห์​ก็​ตกลงมาและไหม้เครื่องเผาบู​ชา และฟืนและหิน และผงคลีและเลียน้ำซึ่งอยู่ในร่อง และเมื่อประชาชนทั้งปวงได้​เห็น เขาก็ซบหน้าลงและร้องว่า “พระเยโฮวาห์​พระองค์​ทรงเป็นพระเจ้า พระเยโฮวาห์​พระองค์​ทรงเป็นพระเจ้า” และเอลียาห์บอกเขาว่า “จงจับผู้​พยากรณ์​ของพระบาอัล อย่าให้​หนี​ไปได้สักคนเดียว” และเขาทั้งหลายก็ไปจับเขามา และเอลียาห์​ก็​นำเขาลงไปที่ลำธารคีโชนและฆ่าเขาเสียที่​นั่น เอลียาห์ทูลอาหับว่า “ขอเชิญเสด็จขึ้นไปเสวยและดื่มเถิด เพราะมีเสียงฝนกระหึ่มมา” อาหั​บก​็เสด็จขึ้นไปเสวยและดื่ม และเอลียาห์​ก็​ขึ้นไปที่ยอดภูเขาคารเมล ท่านก็​โน​้มตัวลงถึ​งด​ิน ซบหน้าระหว่างเข่า และท่านสั่งคนใช้ของท่านว่า “จงลุกขึ้นมองไปทางทะเล” เขาก็​ลุ​กขึ้นมองและตอบว่า “​ไม่มี​อะไรเลย” และท่านบอกว่า “จงไปดู​อี​กเจ็ดครั้ง” และอยู่มาเมื่อถึงครั้งที่​เจ​็ดเขาบอกว่า “​ดู​เถิด มี​เมฆก้อนหนึ่งเล็กเท่าฝ่ามือคนขึ้นมาจากทะเล” และท่านก็บอกว่า “จงไปทูลอาหับว่า ‘ขอทรงเตรียมราชรถและเสด็จลงไปเพื่อพระองค์จะไม่​ติดฝน​’” และอยู่มาอีกครู่​หน​ึ่งท้องฟ้าก็มืดไปด้วยเมฆและลม และมีฝนหนัก อาหั​บก​็ทรงรถเสด็จไปยังเมืองยิสเรเอล และพระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์ทรงสถิตอยู่บนเอลียาห์ และท่านก็คาดเอวของท่านไว้ และวิ่งขึ้นหน้าอาหับไปถึงทางเข้าเมืองยิสเรเอล

1 พงศ์กษัตริย์ 18:16-46 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

โอบาดีห์จึงไปเฝ้าอาหับและทูลพระองค์ อาหับก็เสด็จไปพบเอลียาห์ และอยู่มาเมื่ออาหับทอดพระเนตรเห็นเอลียาห์ อาหับก็ตรัสกับท่านว่า <<นี่ตัวเจ้าหรือ เจ้าผู้ทำความลำบากให้อิสราเอล>> และท่านจึงทูลว่า <<ข้าพระบาทมิได้กระทำความลำบากแก่อิสราเอล แต่ฝ่าพระบาทได้กระทำ และราชวงศ์บิดาของฝ่าพระบาท เพราะว่าพวกฝ่าพระบาทได้ทอดทิ้งพระบัญญัติของพระเจ้า และติดตามบรรดาพระบาอัล เพราะฉะนั้นขอทรงสั่งให้บรรดาชนอิสราเอล มาพบข้าพระบาทที่ภูเขาคารเมล ทั้งผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลสี่ร้อยห้าสิบคนนั้น และผู้เผยพระวจนะของพระอาเชราห์สี่ร้อยคนนั้น ผู้ซึ่งรับประทานที่โต๊ะเสวยของพระนางเยเซเบล>> อาหับจึงทรงส่งไปยังคนอิสราเอลทั้งปวง และชุมนุมผู้เผยพระวจนะที่ภูเขาคารเมล และเอลียาห์ก็เข้ามาใกล้ประชาชนทั้งปวงกล่าวว่า <<ท่านทั้งหลายจะขยักขย่อนอยู่ระหว่างสองฝ่ายนี้นานสักเท่าใด ถ้าพระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้า จงติดตามพระองค์ แต่ถ้าพระบาอัลเป็น ก็จงตามท่านไปเถิด>> และประชาชนไม่ตอบท่านสักคำเดียว แล้วเอลียาห์พูดกับประชาชนว่า <<ตัวข้าพเจ้า คือข้าพเจ้าแต่ผู้เดียวเป็นผู้เผย พระวจนะของพระเจ้าที่เหลืออยู่ แต่ผู้เผยพระวจนะพระบาอัลมีสี่ร้อยห้าสิบคน ขอให้เขามอบวัวผู้แก่เราสองตัว แล้วขอให้เขาทั้งหลายเลือกวัวเป็นของเขาตัวหนึ่ง ฟันเป็นท่อนๆวางไว้บนกองฟืนแต่อย่าใส่ไฟ และข้าพเจ้าจะเตรียมวัวผู้อีกตัวหนึ่งนั้นวางไว้บนฟืน และไม่ใส่ไฟ และท่านทั้งหลายจงร้องออกพระนามพระเจ้าของท่าน และข้าพเจ้าจะร้องออกพระนามพระเยโฮวาห์ พระเจ้าองค์ที่ทรงตอบด้วยไฟ พระองค์นั้นแหละทรงเป็นพระเจ้า>> และประชาชนทั้งปวงก็ตอบว่า <<อย่างที่พูดก็ดีแล้ว>> แล้วเอลียาห์พูดกับผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลว่า <<จงเลือกวัวผู้ตัวหนึ่งสำหรับท่านและตระเตรียมเสียก่อน เพราะพวกท่านมากคนด้วยกัน จงร้องออกพระนามพระเจ้าของท่าน แต่อย่าใส่ไฟ>> เขาทั้งหลายก็เอาวัวผู้ที่เขานำมาให้ และเขาทั้งหลายก็จัดเตรียมและร้องออกพระนามพระบาอัล ตั้งแต่เวลาเช้าจนเที่ยงกล่าวว่า <<ข้าแต่พระบาอัล ขอตอบพวกข้าพเจ้าเถิด>> แต่ก็ไม่มีเสียงและไม่มีใครตอบ และเขาก็โขยกเขยกอยู่รอบแท่นซึ่งเขาได้สร้างขึ้นนั้น ครั้นถึงเวลาเที่ยงเอลียาห์ก็เย้ยเขาทั้งหลายว่า <<ร้องให้ดังๆซี เพราะท่านเป็นพระเจ้าองค์หนึ่ง ท่านกำลังติดธุระอยู่ หรือท่านกำลังไปทุ่ง หรือท่านไปเที่ยว หรือชะรอยท่านกำลังหลับอยู่ และจะต้องปลุก>> เขาทั้งหลายก็ร้องเสียงดัง และเชือดเฉือนตัวเองตามธรรมเนียมของเขาด้วยดาบและหลาว จนโลหิตไหลพุ่งออกมาตามตัว และเมื่อผ่านเที่ยงวันไปแล้ว เขาก็พร่ำต่อไปจนถึงเวลาถวายบูชา แต่ไม่มีเสียง ไม่มีใครตอบ ไม่มีใครฟัง แล้วเอลียาห์พูดกับประชาชนทั้งปวงว่า <<จงเข้ามาใกล้ข้าพเจ้า>> และประชาชนทั้งปวงก็เข้ามาใกล้ท่าน และท่านก็ซ่อมแท่นบูชาของพระเจ้าที่ถูกทำลายลงนั้น เอลียาห์นำศิลาสิบสองก้อนมาตามจำนวนเผ่า ของบุตรชายของยาโคบ ผู้ซึ่งพระวจนะของพระเจ้ามาถึงว่า <<อิสราเอลจะเป็นชื่อของเจ้า>> และท่านได้สร้างแท่นบูชาด้วยศิลาในพระนามของพระเจ้า และท่านได้ขุดร่องรอบแท่นใหญ่พอจุเมล็ดพืชได้สองถัง และท่านก็วางฟืนไว้เป็นระเบียบและฟันวัวผู้นั้นเป็นท่อนๆ และวางไว้บนกองฟืน และท่านกล่าวว่า <<จงเติมน้ำให้เต็มสี่ไหและเทลงบนเครื่องเผาบูชา และบนกองฟืน>> และท่านกล่าวว่า <<จงกระทำครั้งที่สอง>> และเขาก็กระทำครั้งที่สอง และท่านกล่าวว่า <<จงกระทำครั้งที่สาม>> และเขาก็กระทำครั้งที่สาม และน้ำไหลรอบแท่นบูชา และท่านใส่น้ำเต็มร่อง และอยู่มาเมื่อถึงเวลาถวายบูชา เอลียาห์ผู้เผยพระวจนะก็เข้ามาใกล้ทูลว่า <<ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอับราฮัม อิสอัคและอิสราเอล ขอให้ทราบเสียทั่วกันในวันนี้ว่า พระองค์คือพระเจ้าในอิสราเอล และข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ และข้าพระองค์ได้กระทำบรรดาสิ่งเหล่านี้ ตามพระดำรัสของพระองค์ ข้าขอแต่พระเจ้า ขอทรงฟังข้าพระองค์ ทรงฟังข้าพระองค์ เพื่อชนชาตินี้จะทราบว่าพระองค์คือพระเยโฮวาห์ ทรงเป็นพระเจ้า และพระองค์ทรงหันจิตใจของเขาทั้งหลายกลับมาอีก>> แล้วไฟของพระเจ้าก็ตกลงมาและไหม้เครื่องเผาบูชา และฟืนและหิน และผงคลี และเลียน้ำซึ่งอยู่ในคู และเมื่อประชาชนทั้งปวงได้เห็น เขาก็ซบหน้าลงและร้องว่า <<พระเยโฮวาห์พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า พระเยโฮวาห์พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า>> และเอลียาห์บอกเขาว่า <<จงจับผู้เผยพระวจนะของพระบาอัล อย่าให้หนีไปได้สักคนเดียว>> และเขาทั้งหลายก็ไปจับเขามา และเอลียาห์ก็นำเขามาที่ลำธารคีโชน และฆ่าเขาเสียที่นั่น เอลียาห์ทูลอาหับว่า <<ขอเชิญเสด็จขึ้นไปเสวยและดื่มเถิด เพราะมีเสียงฝนกระหึ่มมา>> อาหับก็เสด็จขึ้นไปเสวยและดื่ม และเอลียาห์ก็ขึ้นไปที่ยอดภูเขาคารเมล ท่านก็โน้มตัวลงถึงดิน ซบหน้าระหว่างเข่า และท่านสั่งคนใช้ของท่านว่า <<จงลุกขึ้นมองไปทางทะเล>> เขาก็ลุกขึ้นมองและตอบว่า <<ไม่มีอะไรเลย>> และท่านบอกว่า <<จงไปดูอีกเจ็ดครั้ง>> และอยู่มาเมื่อถึงครั้งที่เจ็ดเขาบอกว่า <<ดูเถิด มีเมฆก้อนหนึ่งเล็กเท่าฝ่ามือคนขึ้นมาจากทะเล และท่านก็บอกว่า <จงไปทูลอาหับว่า <ขอทรงเตรียมราชรถและเสด็จลงไปเพื่อพระองค์จะไม่ ติดฝน> >> และอยู่มาอีกครู่หนึ่ง ท้องฟ้าก็มืดไปด้วยเมฆและลม และมีฝนหนัก อาหับก็ทรงรถเสด็จไปยังเมืองยิสเรเอล และพระหัตถ์ของพระเจ้าหนุนกำลังเอลียาห์ และท่านก็คาดเอวของท่านไว้และวิ่งขึ้นหน้าอาหับไปถึงทางเข้าเมืองยิสเรเอล

1 พงศ์กษัตริย์ 18:16-46 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

โอบาดีห์จึงไปเข้าเฝ้าอาหับและกราบทูลพระองค์ อาหับก็เสด็จออกมาพบเอลียาห์ เมื่ออาหับเห็นเอลียาห์ก็ตรัสว่า “นี่หรือเจ้าคนที่นำความเดือดร้อนมาสู่อิสราเอล?” เอลียาห์ตอบว่า “ไม่ใช่ข้าพเจ้า ท่านกับวงศ์วานของบิดาของท่านต่างหากที่นำความเดือดร้อนมาสู่อิสราเอล ท่านได้ละทิ้งพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ไปติดตามพระบาอัล บัดนี้จงรวมประชากรจากทั่วอิสราเอลมาพบข้าพเจ้าบนภูเขาคารเมล พร้อมทั้งผู้ทำนายของพระบาอัล 450 คน และผู้ทำนายของเจ้าแม่อาเชราห์ 400 คน ซึ่งร่วมโต๊ะเสวยของพระนางเยเซเบล” อาหับจึงส่งข่าวไปทั่วทั้งอิสราเอล และเรียกบรรดาผู้ทำนายมาชุมนุมบนภูเขาคารเมล เอลียาห์มาอยู่ต่อหน้าประชาชนและกล่าวว่า “พวกท่านจะเหยียบเรือสองแคมไปนานสักเท่าใด? หากพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า จงติดตามพระองค์ แต่หากบาอัลเป็นพระเจ้า ก็ไปติดตามเขาเถิด” แต่ประชาชนไม่พูดอะไร เอลียาห์จึงกล่าวว่า “เราเป็นผู้เผยพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ แต่ฝ่ายบาอัลมีผู้ทำนายถึง 450 คน จงนำวัวหนุ่มมาสองตัว ให้ผู้ทำนายของพระบาอัลเลือกไปตัวหนึ่ง สับเป็นท่อนๆ วางบนฟืนที่แท่นบูชา แต่ไม่ต้องจุดไฟ แล้วเราจะเตรียมวัวอีกตัว นำมาวางบนฟืนโดยไม่จุดไฟเช่นกัน จากนั้นพวกเจ้าจงร้องออกนามพระของพวกเจ้า ส่วนเราจะร้องออกนามพระยาห์เวห์ พระเจ้าองค์ที่ตอบโดยส่งไฟมานั่นแหละคือพระเจ้าที่แท้จริง” และคนทั้งปวงก็กล่าวว่า “สิ่งที่ท่านพูดนั้นดีแล้ว” เอลียาห์กล่าวกับผู้ทำนายของพระบาอัลว่า “พวกเจ้าลงมือก่อนสิเพราะมีกันหลายคน จงเลือกวัวไปตัวหนึ่ง จัดเตรียมแล้วร้องเรียกพระของเจ้า แต่อย่าจุดไฟ” พวกเขาจึงรับวัวไปจัดเตรียม แล้วพวกเขาร้องเรียกพระบาอัลตั้งแต่เช้าจนเที่ยง ร้องตะโกนว่า “ข้าแต่พระบาอัล โปรดตอบเถิด!” แต่ไม่มีใครตอบอะไรเลย พวกเขาก็ร่ายรำไปรอบๆ แท่นที่สร้างขึ้น ตอนเที่ยงเอลียาห์ก็เริ่มถากถางพวกเขาว่า “ตะโกนดังขึ้นอีกหน่อย! ก็บาอัลเป็นพระเจ้านี่! บางทีอาจจะกำลังเข้าสมาธิ หรือเข้าห้องน้ำอยู่ หรือกำลังเดินทาง ไม่ก็หลับไป ต้องช่วยกันปลุกให้ตื่น” ฉะนั้นพวกเขายิ่งร้องตะโกนดังขึ้น เอาดาบและหอกมาเชือดเนื้อตัวเองตามพิธีจนเลือดไหล เที่ยงวันผ่านไป พวกเขาส่งเสียงตลอดบ่ายจนถึงเวลาถวายเครื่องบูชาในตอนเย็น แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ไม่มีคำตอบอะไรเลย ไม่มีใครสนใจ เอลียาห์จึงกล่าวแก่เหล่าประชากรว่า “มาที่นี่เถิด” พวกเขาก็มา เอลียาห์ซ่อมแท่นบูชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งอยู่ในสภาพหักพัง เอลียาห์นำหินมาสิบสองก้อน แต่ละก้อนแทนแต่ละเผ่าซึ่งสืบเชื้อสายมาจากยาโคบ ผู้ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “อิสราเอลจะเป็นนามของเจ้า” เขาใช้หินสร้างแท่นบูชาในพระนามพระยาห์เวห์และขุดร่องรอบแท่นพอที่จะใส่เมล็ดพืชได้ประมาณ 15 ลิตร เขาเรียงฟืนบนแท่น และสับวัวหนุ่มตัวนั้นเป็นท่อนๆ วางบนฟืน แล้วสั่งว่า “จงตักน้ำให้เต็มสี่ถัง เทลงบนเครื่องบูชากับฟืน” เขากล่าวว่า “จงทำอีกครั้ง” พวกเขาก็ปฏิบัติตาม แล้วเขาสั่งว่า “ทำเป็นครั้งที่สาม” พวกเขาก็ทำตามเป็นครั้งที่สาม น้ำนั้นไหลรอบแท่นเต็มร่องที่ขุดไว้ พอถึงเวลาถวายเครื่องบูชา ผู้เผยพระวจนะเอลียาห์เดินมาข้างหน้าและอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอล ขอให้เป็นที่ทราบทั่วกันในวันนี้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอล และข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ และกระทำทั้งหมดนี้ตามพระบัญชาของพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตอบข้าพระองค์ โปรดตอบเถิดเพื่อประชากรเหล่านี้จะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าและพระองค์ทรงนำจิตใจของพวกเขากลับมาหาพระองค์” ทันใดนั้นเองไฟขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็ตกลงมา และเผาเครื่องบูชา ฟืน หิน และพื้นดินตรงนั้น และแม้แต่น้ำในร่องรอบแท่นก็แห้งไปหมด เมื่อประชากรเห็นดังนั้น ก็ซบหน้าลงร้องว่า “พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า! พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า!” แล้วเอลียาห์ก็สั่งพวกเขาว่า “จงจับกุมตัวผู้ทำนายของบาอัลไว้ อย่าให้หนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว” แล้วพวกเขาก็เข้าจับกุม เอลียาห์นำตัวบรรดาผู้ทำนายไปประหารที่หุบเขาคีโชน จากนั้นเอลียาห์ทูลอาหับว่า “เชิญไปรับประทานและดื่มเถิด เพราะมีเสียงฝนห่าใหญ่” อาหับจึงเสด็จไปเสวยและดื่ม แต่เอลียาห์ปีนขึ้นบนยอดเขาคารเมล แล้วเขาโน้มตัวลงถึงพื้นดิน และซบหน้าลงระหว่างเข่า เขาสั่งคนรับใช้ว่า “จงไปและมองไปทางทะเล” เขาก็ไปและกลับมาบอกเอลียาห์ว่า “ข้าพเจ้าไม่เห็นอะไรเลย” เอลียาห์สั่งให้เขากลับไปดูจนครบเจ็ดครั้ง ในครั้งที่เจ็ด คนใช้นั้นรายงานว่า “มีเมฆเล็กๆ ขนาดราวฝ่ามือเคลื่อนขึ้นมาจากทะเล” เอลียาห์จึงกล่าวว่า “จงไปบอกอาหับว่า ‘จงเตรียมราชรถแล้วลงจากภูเขา ไม่อย่างนั้นจะติดฝนแล้วไปไม่ได้’ ” ไม่ช้าท้องฟ้าก็มืดทะมึนด้วยเมฆ ลมกล้าพาพายุฝนโหมกระหน่ำ อาหับรีบเสด็จไปยังยิสเรเอล ฤทธิ์อำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้าลงมาเหนือเอลียาห์ เขาก็คาดเอวทับเสื้อคลุมให้กระชับ แล้ววิ่งนำหน้าอาหับมาตลอดทางจนถึงเมืองยิสเรเอล

1 พงศ์กษัตริย์ 18:16-46 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ดังนั้น โอบาดีห์​ไป​พบ​กับ​อาหับ และ​แจ้ง​ให้​ท่าน​ทราบ อาหับ​จึง​ไป​พบ​กับ​เอลียาห์ ครั้น​อาหับ​เห็น​เอลียาห์ อาหับ​กล่าว​กับ​ท่าน​ว่า “เจ้า​หรือ​นั่น ผู้​ก่อ​ความ​ลำบาก​แก่​อิสราเอล” ท่าน​ตอบ​ว่า “ข้าพเจ้า​ไม่​ได้​ก่อ​ความ​ลำบาก​แก่​อิสราเอล แต่​เป็น​ท่าน​และ​ครอบครัว​ของ​บิดา​ของ​ท่าน​ต่างหาก เพราะ​ท่าน​ไม่​ได้​ปฏิบัติ​ตาม​พระ​บัญญัติ​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า แต่​กลับ​ไป​ติดตาม​บรรดา​เทพเจ้า​บาอัล บัดนี้ ขอ​ให้​ท่าน​ออก​คำ​สั่ง​เรียก​ประชุม​อิสราเอล​ทั้ง​ปวง​ให้​มา​พบ​กับ​ข้าพเจ้า​ที่​ภูเขา​คาร์เมล รวม​ทั้ง​ผู้​เผย​คำ​กล่าว​ของ​เทพเจ้า​บาอัล 450 คน และ​ผู้​เผย​คำ​กล่าว​ของ​เทพเจ้า​อาเชราห์ 400 คน​ที่​ร่วม​รับประทาน​กับ​เยเซเบล” ดังนั้น อาหับ​ออก​คำ​สั่ง​ให้​ชาว​อิสราเอล​ทั้ง​ปวง และ​เรียก​บรรดา​ผู้​เผย​คำ​กล่าว​มา​ร่วม​ประชุม​ที่​ภูเขา​คาร์เมล เอลียาห์​ก็​เข้า​มา​ใกล้​ประชาชน​ทั้ง​ปวง และ​พูด​ว่า “ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​เหยียบ​เรือ​สอง​แคม​ไป​นาน​แค่​ไหน ถ้า​หากว่า​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​เป็น​พระ​เจ้า ก็​จง​ติดตาม​พระ​องค์ แต่​ถ้า​เป็น​เทพเจ้า​บาอัล ก็​จง​ติดตาม​บาอัล​ไป” ฝ่าย​ประชาชน​ก็​ไม่​ตอบ​สัก​คำ​เดียว เอลียาห์​จึง​พูด​กับ​ประชาชน​ว่า “เหลือ​แต่​ข้าพเจ้า​เพียง​คน​เดียว​ที่​เป็น​ผู้​เผย​คำ​กล่าว​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า แต่​ผู้​เผย​คำ​กล่าว​ของ​เทพเจ้า​บาอัล​มี 450 คน ขอ​ให้​นำ​โค​หนุ่ม 2 ตัว​มา​ให้​พวก​เรา และ​ให้​คน​ของ​เทพเจ้า​บาอัล​เลือก​โค​ไว้​ตัว​หนึ่ง จง​ตัด​โค​เป็น​ท่อนๆ และ​วาง​ไว้​บน​ฟืน แต่​อย่า​ติด​ไฟ และ​ข้าพเจ้า​จะ​เตรียม​โค​อีก​ตัว และ​วาง​ไว้​บน​ฟืน​ที่​ยัง​ไม่​ติด​ไฟ​เช่น​กัน จาก​นั้น ท่าน​ก็​ร้อง​เรียก​หา​เทพเจ้า​ของ​ท่าน และ​ข้าพเจ้า​จะ​ร้อง​เรียก​พระ​นาม​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​พระ​เจ้า​ที่​ตอบ​ด้วย​ไฟ พระ​องค์​คือ​พระ​เจ้า” ประชาชน​ทั้ง​ปวง​ตอบ​ว่า “เป็น​คำ​พูด​ที่​ดี” และ​เอลียาห์​พูด​กับ​ผู้​เผย​คำ​กล่าว​ของ​เทพเจ้า​บาอัล​ว่า “เชิญ​เลือก​โค​หนุ่ม​ตัว​หนึ่ง​สำหรับ​พวก​ท่าน และ​เตรียม​ให้​พร้อม​ก่อน เพราะ​ว่า​พวก​ท่าน​มี​หลาย​คน แล้ว​ก็​ร้อง​เรียก​หา​เทพเจ้า​ของ​ท่าน แต่​อย่า​ติด​ไฟ” เขา​ทั้ง​หลาย​จึง​เอา​โค​ที่​นำ​มา​ให้ และ​เตรียม​ให้​พร้อม และ​ร้อง​เรียก​หา​เทพเจ้า​บาอัล​ตั้งแต่​เช้า​จน​ถึง​เที่ยง​วัน พูด​ว่า “โอ บาอัล ตอบ​พวก​เรา​ด้วย” แต่​ไม่​มี​เสียง​ตอบ​กลับ และ​พวก​เขา​เต้น​ขึ้น​เต้น​ลง​รอบๆ แท่น​บูชา​ที่​ได้​สร้าง​ขึ้น พอ​เที่ยง​วัน​เอลียาห์​พูด​เยาะเย้ย​ว่า “ร้อง​ดังๆ สิ เพราะ​เขา​เป็น​เทพเจ้า เขา​กำลัง​คิด​เพ้อ​ฝัน​อยู่ หรือ​ก็​ไม่​ว่าง หรือ​เดิน​ทาง​ไป​ไหนๆ แล้ว หรือ​ไม่​ก็​นอน​หลับ​อยู่ คง​ต้อง​ปลุก​ให้​ตื่น​กระมัง” พวก​เขา​จึง​ร้อง​เสียง​ดัง พร้อม​กับ​ใช้​ดาบ​และ​มีด​เชือด​ตัว​ตาม​พิธีกรรม จน​เลือด​ไหล​เต็ม​ตัว ครั้น​ถึง​เวลา​บ่าย พวก​เขา​ก็​พูด​พร่ำ​ต่อ​ไป จน​กระทั่ง​ถึง​เวลา​มอบ​เครื่อง​สักการะ แต่​ก็​ยัง​ไม่​มี​เสียง​ใดๆ ไม่​มี​ใคร​ตอบ​หรือ​แสดง​ความ​สนใจ เอลียาห์​จึง​พูด​กับ​ประชาชน​ทั้ง​ปวง​ว่า “ช่วย​มา​ใกล้ๆ” และ​ประชาชน​ทั้ง​ปวง​ก็​เข้า​มา​ใกล้​ท่าน ท่าน​ซ่อม​แท่น​บูชา​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ที่​พัง​ลง เอลียาห์​ใช้​หิน 12 ก้อน ตาม​จำนวน 12 เผ่า​ของ​บรรดา​บุตร​ของ​ยาโคบ ผู้​ที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​สั่ง​ว่า “อิสราเอล​จะ​เป็น​ชื่อ​ของ​เจ้า” และ​ท่าน​สร้าง​แท่น​บูชา​ด้วย​หิน​เหล่า​นั้น​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​ท่าน​ขุด​ร่อง​ที่​รอบ​แท่น​ใหญ่​พอ​บรรจุ​เมล็ด​พืช​ได้ 2 สอาห์ ท่าน​วาง​ฟืน​อย่าง​เป็น​ระเบียบ และ​ตัด​โค​เป็น​ท่อนๆ และ​วาง​บน​ฟืน และ​ท่าน​พูด​ว่า “จง​ใส่​น้ำ​ให้​เต็ม 4 ไห และ​เท​ลง​บน​สัตว์​ที่​ใช้​เผา​เป็น​ของ​ถวาย​และ​บน​ฟืน” และ​ท่าน​พูด​ว่า “ทำ​เหมือน​เดิม​เป็น​ครั้ง​ที่​สอง” พวก​เขา​ก็​ทำ​ตาม​เป็น​ครั้ง​ที่​สอง และ​ท่าน​พูด​ว่า “ทำ​เหมือน​เดิม​เป็น​ครั้ง​ที่​สาม” พวก​เขา​ก็​ทำ​ตาม​เป็น​ครั้ง​ที่​สาม และ​น้ำ​ก็​ไหล​ที่​รอบ​แท่น​บูชา​และ​ร่อง​ที่​ขุด​ไว้​ก็​มี​น้ำ​ปริ่ม เมื่อ​ถึง​เวลา​มอบ​เครื่อง​สักการะ เอลียาห์​ผู้​เผย​คำ​กล่าว​ของ​พระ​เจ้า​เข้า​มา​ใกล้ และ​พูด​ว่า “โอ พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​อับราฮัม อิสอัค และ​อิสราเอล ขอ​ให้​เป็น​ที่​ทราบ​กัน​ใน​วัน​นี้​ว่า พระ​องค์​เป็น​พระ​เจ้า​ใน​อิสราเอล และ​ข้าพเจ้า​เป็น​ผู้​รับ​ใช้​ของ​พระ​องค์ และ​ข้าพเจ้า​ได้​ปฏิบัติ​ตาม​คำ​ของ​พระ​องค์ โปรด​ตอบ​รับ​ข้าพเจ้า โอ พระ​ผู้​เป็น​เจ้า โปรด​ตอบ​รับ​ข้าพเจ้า เพื่อ​ผู้​คน​เหล่า​นี้​จะ​ทราบ​ว่า​พระ​องค์​คือ​พระ​เจ้า โอ พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​ขอ​พระ​องค์​ทำ​ให้​พวก​เขา​กลับ​ใจ​เข้า​หา​พระ​องค์​อีก​ครั้ง” ครั้น​แล้ว ไฟ​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ก็​ตก​ลง​มา​เผา​สัตว์​ที่​ใช้​เป็น​ของ​ถวาย ตก​ลง​ที่​ฟืน หิน และ​ผง​คลี และ​ทำ​ให้​น้ำ​ใน​ร่อง​แห้งเหือด​ไป เมื่อ​ประชาชน​ทั้ง​ปวง​เห็น​เหตุการณ์ ก็​ก้ม​ตัว​ลง​และ​พูด​ว่า “พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​องค์​คือ​พระ​เจ้า พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​องค์​คือ​พระ​เจ้า” เอลียาห์​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “จง​จับ​กุม​บรรดา​ผู้​เผย​คำ​กล่าว​ของ​เทพเจ้า​บาอัล อย่า​ให้​ผู้​ใด​หนี​รอด​ไป​ได้​เลย” พวก​เขา​จึง​จับ​กุม​ตัว​ไว้ เอลียาห์​จึง​นำ​ตัว​คน​เหล่า​นั้น​ลง​มา​ที่​ลำธาร​คีโชน และ​สังหาร​เขา​ทุก​คน​ที่​นั่น เอลียาห์​พูด​กับ​อาหับ​ว่า “จง​ขึ้น​ไป รับประทาน​และ​ดื่ม เพราะ​ว่า​มี​เสียง​ฝน​เท​กระหน่ำ​ลง​มา” อาหับ​จึง​ขึ้น​ไป​รับประทาน​และ​ดื่ม เอลียาห์​ขึ้น​ไป​ที่​ยอด​ภูเขา​คาร์เมล และ​ก้ม​ตัว​ลง​ที่​พื้น ก้ม​หน้า​อยู่​ระหว่าง​หัวเข่า​ของ​ท่าน และ​ท่าน​พูด​กับ​ผู้​รับใช้​ของ​ท่าน​ว่า “ไป​เถิด จง​มอง​ไป​ทาง​ทะเล” เขา​ก็​ไป​และ​มอง​ดู และ​พูด​ว่า “ไม่​เห็น​มี​อะไร” ท่าน​พูด 7 ครั้ง​ว่า “ไป​ดู​อีก” และ​ใน​ครั้ง​ที่​เจ็ด เขา​พูด​ว่า “ดู​เถิด เมฆ​เล็กๆ ก้อน​หนึ่ง เท่า​ฝ่ามือ​คน กำลัง​ขึ้น​มา​จาก​ทะเล” และ​ท่าน​พูด​ว่า “ไป​เถิด ไป​บอก​อาหับ​ดังนี้ ‘จง​เตรียม​รถ​ศึก​ของ​ท่าน และ​ลง​ไป มิ​ฉะนั้น​ท่าน​จะ​ติด​ฝน’” หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน ท้องฟ้า​ก็​มืด​ครึ้ม​ด้วย​เมฆ​และ​ลม แล้ว​ฝน​ก็​เท​ลง​มา อาหับ​ขึ้น​รถ​ศึก​กลับ​ไป​ยิสเรเอล พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​สถิต​กับ​เอลียาห์ ท่าน​ลุก​ขึ้น​คาด​เอว และ​วิ่ง​รุดหน้า​ถึง​ทาง​เข้า​เมือง​ยิสเรเอล​ก่อน​อาหับ

YouVersion ใช้คุกกี้สำหรับการปรับแต่งการใช้งาน และประสบการณ์ของคุณ การที่คุณได้ใช้เว็บไซต์ของเรา ถือเป็นการที่คุณยอมรับวัตถุประสงค์ของการใช้คุกกี้ ซึ่งมีคำอธิบายอยู่ในนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา