1 พงศ์กษัตริย์ 13:5-34

1 พงศ์กษัตริย์ 13:5-34 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

และ​แท่นบูชา​ก็​ได้​ปริแตกออก​และ​ขี้เถ้า​บนนั้น​ก็​ได้​หก​กระจาย ซึ่ง​เป็น​ไป​ตาม​ลาง​บอกเหตุ​ที่​คน​ของ​พระเจ้า​ได้​ให้ไว้​ตาม​คำพูด​ของ​พระยาห์เวห์ แล้ว​กษัตริย์​ก็​ได้​พูด​กับ​คน​ของ​พระเจ้านั้น​ว่า “ช่วย​ร้องขอ​ต่อ​พระยาห์เวห์ พระเจ้า​ของ​ท่าน และ​อธิษฐาน​ให้​กับ​เรา เพื่อ​ให้​มือ​เรา​กลับ​มา​เหมือน​เดิม​ด้วยเถิด” คน​ของ​พระเจ้า​คนนั้น​จึง​ได้​ร้องขอ​ต่อ​พระยาห์เวห์ และ​มือ​ของ​กษัตริย์​ก็​กลับ​มา​ใช้​ได้​เหมือนเดิม กษัตริย์​ได้​พูด​กับ​คน​ของ​พระเจ้า​ว่า “กลับ​ไป​บ้าน​กับ​เรา​เถิด ไป​กิน​อาหาร​กับ​เรา แล้ว​เรา​จะ​ให้​ของขวัญ​กับท่าน” แต่​คน​ของ​พระเจ้า​คน​นั้น​ตอบ​กษัตริย์​ไป​ว่า “ถึง​แม้​ท่าน​จะ​ให้​สมบัติ​ของ​ท่าน​ครึ่งหนึ่ง​กับ​เรา เรา​ก็​จะ​ไม่​ไป​กับ​ท่าน เรา​จะ​ไม่​กิน​หรือ​ดื่ม​ใน​ที่นี่ เพราะ​เรา​ได้รับ​คำสั่ง​จาก​พระยาห์เวห์​มา​ว่า ‘เจ้า​ต้อง​ไม่​กิน​หรือ​ดื่ม​หรือ​กลับ​เส้นทาง​เดิม​ที่​เจ้ามา’” เขา​จึง​ใช้​ถนน​อีก​สาย​และ​ไม่​ได้​ใช้​เส้นทาง​เดิม​ตอน​มา​เบธเอล ใน​ตอน​นั้น​มี​ผู้พูดแทน​พระเจ้า​แก่ๆ​คนหนึ่ง​อาศัย​อยู่​ใน​เบธเอล และ​พวก​ลูกชาย​ของ​เขา ได้​กลับ​มา​บอก​เขา ถึง​สิ่ง​ที่​คน​ของ​พระเจ้า​คน​นั้น​ได้​ทำ​ไป​ใน​วัน​นั้น​ที่​เบธเอล พวก​เขา​ยัง​ได้​บอก​พ่อ​ของ​เขา​ใน​สิ่ง​ที่​ชาย​คน​นั้น​ได้​พูด​กับ​กษัตริย์​ด้วย พ่อ​ของ​เขา​ถาม​พวก​ลูกชาย​ว่า “เขา​ไป​ทาง​ไหน​แล้ว” พวก​ลูกชาย​ก็​ชี้​ไป​ทาง​ที่​คน​ของ​พระเจ้า​ที่​มา​จาก​ยูดาห์ ใช้​เดินไป แล้ว​ชาย​แก่​คน​นั้น​ก็​ได้​พูด​กับ​พวก​ลูกๆ​ของ​เขา​ว่า “ผูก​อาน​ลา​ให้​กับ​พ่อ​หน่อย” เมื่อ​พวก​ลูกชาย​ผูก​อาน​ลา​ให้​กับ​เขา​แล้ว เขา​ก็​ขึ้น​ขี่​มัน เขา​ได้​ขี่​ลา​ตัวนั้น​ตาม​หลัง​คน​ของ​พระเจ้า​ไป และ​พบ​ชาย​คนนั้น​นั่ง​อยู่​ใต้​ต้น​โอ๊ค เขา​ก็​เข้าไป​ถาม​ว่า “ท่าน​คือ​คน​ของ​พระเจ้า​ที่​มา​จาก​ยูดาห์​หรือ” เขา​ตอบ​ว่า “ใช่แล้ว เราเอง” ผู้พูดแทนพระเจ้า​แก่ๆ​นั้น จึง​ได้​พูด​กับ​ชาย​นั้น​ว่า “ไป​บ้าน​เรา​เถิด ไป​กิน​อาหาร​ด้วยกัน” คน​ของ​พระเจ้า​คน​นั้น​พูด​ว่า “เรา​ไม่​สามารถ​หัน​กลับ​ไป​กับ​ท่านได้ และ​ไม่​สามารถ​กิน​หรือ​ดื่ม​กับ​ท่าน​ใน​สถานที่​แห่งนี้ด้วย พระยาห์เวห์​ได้​บอก​กับ​เรา​ไว้​ว่า ‘เจ้า​ต้อง​ไม่​กิน​หรือ​ดื่ม​ที่​นั่น​หรือ​กลับ​ทาง​เส้น​เดิม​ที่​ใช้​มานั้น’” ผู้พูดแทนพระเจ้า​แก่ๆ​คน​นั้น​ตอบ​ว่า “เรา​ก็​เป็น​ผู้​พูด​แทน​พระเจ้า​คน​หนึ่ง​เหมือน​กับ​ท่าน และ​ทูตสวรรค์​องค์​หนึ่ง​ได้​พูด​กับ​เรา​ด้วย​คำพูด​ของ​พระยาห์เวห์​ว่า ‘นำ​เขา​กลับ​บ้าน​ไป​กับ​ท่าน เพื่อ​ให้​เขา​ได้​กิน​และดื่ม’” (แต่​จริงๆ​แล้ว​ผู้พูดแทนพระเจ้า​แก่ๆ​คน​นี้​โกหกเขา) คน​ของ​พระเจ้า​คนนั้น​จึง​ได้​กลับ​ไปกับ​เขา ไป​ร่วม​กิน​และ​ดื่ม​ใน​บ้านเขา ใน​ขณะ​ที่​พวก​เขา​กำลัง​นั่ง​อยู่​ที่​โต๊ะ คำพูด​ของ​พระยาห์เวห์​ก็​มา​ถึง​ผู้พูดแทนพระเจ้า​แก่ๆ​ที่​ได้​พา​เขา​กลับมา เขา​ร้อง​ออก​มา​ต่อหน้า​คน​ของ​พระเจ้า​คนนั้น​ที่​มา​จาก​ยูดาห์​ว่า “พระยาห์เวห์​พูด​ว่า ‘เจ้า​ขัดขืน​คำ​พูด​ของ​พระยาห์เวห์​และ​ไม่​ทำตาม​คำสั่ง​ที่​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​เจ้า​ได้​สั่ง​เจ้าไว้ เจ้า​กลับ​มา กิน​และ​ดื่ม​ใน​สถานที่​ที่​พระองค์​บอก​เจ้า​ว่า​ไม่​ให้​มา​กิน​หรือ​ดื่ม ดังนั้น ร่างกาย​ของ​เจ้า​จะ​ไม่​ได้​ถูก​ฝัง​อยู่​ใน​หลุม​ฝังศพ​ของ​บรรพบุรุษ​ของเจ้า’” เมื่อ​คน​ของ​พระเจ้า​คนนั้น​กิน​และ​ดื่ม​เสร็จ​แล้ว พวกเขา​ได้​ผูก​อาน​ไว้​บน​หลัง​ลา​ให้​กับเขา เป็น​ลา​ของ​ผู้พูดแทนพระเจ้า​แก่ๆ​นั้น​ที่​นำ​เขา​กลับ​มา แล้ว​เขา​ก็​จาก​ไป ใน​ระหว่าง​ทางนั้น สิงโต​ตัว​หนึ่ง​มา​เจอกับ​เขา​บน​ถนนนั้น​และ​ได้​ฆ่าเขา ศพ​ของ​เขา​ก็​ถูก​ทิ้ง​อยู่​บน​ถนนนั้น​โดย​มี​ลา​และ​สิงโต​ตัว​นั้น​ยืน​อยู่​ข้างๆ มี​คน​ผ่าน​ทาง​มา​เห็น​ศพ​ของ​เขา​ถูก​โยนทิ้ง​อยู่​ที่นั่น โดย​มี​สิงโต​ยืน​อยู่​ข้างๆ พวก​เขา​ก็​ได้​เข้า​ไป​บอก​คน​ใน​เมือง​ที่​ผู้พูดแทนพระเจ้า​แก่ๆ​คน​นั้น​อาศัยอยู่ เมื่อ​ผู้พูดแทนพระเจ้า​แก่ๆ​คนนี้ ที่​ไป​รับ​ชาย​คนนั้น​กลับ​มา​จาก​การเดินทาง​ของ​เขา​ได้ยิน​เรื่องนี้เข้า เขา​พูดว่า “นั่น​คือ​คน​ของ​พระเจ้า​ที่​ขัด​คำสั่ง​ของ​พระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์​ได้​มอบ​เขา​ให้​กับ​สิงห์​ตัวนั้น​ซึ่ง​มัน​ก็​ได้​ขย้ำ​เขา​และ​ฆ่าเขา เหมือน​กับ​คำพูด​ของ​พระยาห์เวห์​ที่​ได้​เตือน​เขาไว้” ผู้พูดแทนพระเจ้า​แก่ๆ​คน​นี้ พูด​กับ​พวก​ลูกชาย​ของ​เขา​ว่า “ผูก​อาน​ลา​ให้​กับ​พ่อ​หน่อย” พวก​เขา​ก็​ทำตาม แล้ว​เขา​ก็​ออก​ไป​ดู​ศพ​ของ​ชาย​คนนั้น​ที่​ถูก​โยนทิ้ง​อยู่​บน​ถนน โดย​มี​ลา​และ​สิงห์​ตัวนั้น​ยืน​อยู่​ข้างๆ สิงห์​ตัวนั้น​ไม่ได้​กิน​ศพนั้น​และ​ไม่​ได้​ขย้ำ​ลา​ตัว​นั้นด้วย ผู้พูดแทน​พระเจ้า​แก่ๆ​คน​นั้น จึง​เอา​ศพ​ของ​ชาย​คนนั้น​ที่​เป็น​คน​ของ​พระเจ้า ขึ้น​วาง​บน​หลัง​ลา และ​นำ​เขา​กลับ​มา​ที่​เมือง เพื่อ​ไว้ทุกข์​ให้​เขา​และ​ฝังเขา แล้ว​คน​แก่​คนนี้ ก็​วาง​ศพนั้น​ไว้​ใน​หลุม​ฝังศพ​ของ​เขา​เอง พวกเขา​ก็​ไว้ทุกข์​ให้​ชาย​คนนั้น​และ​พูด​ว่า “โถ่ น้อง​ชาย​ของเรา” หลังจาก​ที่​ได้​ฝังศพ​ชาย​คนนั้น​แล้ว ผู้พูดแทนพระเจ้า​แก่ๆ​คน​นี้​พูด​กับ​พวก​ลูกชาย​ของ​เขา​ว่า “เมื่อ​พ่อ​ตาย ให้​ฝังศพ​ของ​พ่อ​ไว้​ใน​หลุม​เดียว​กับ​ที่​ได้​ฝัง​คน​ของ​พระเจ้า​คนนั้น วาง​กระดูก​ของ​พ่อ​ไว้​ข้างๆ​กระดูก​ของเขา เพราะ​สิ่ง​ที่​เขา​ได้​ประกาศ โดย​คำพูด​ของ​พระยาห์เวห์ ที่​ต่อต้าน​แท่นบูชา​ใน​เบธเอล​และ​ต่อต้าน​ศาลเจ้า​ตาม​สถาน​นมัสการ​ตาม​เมือง​ต่างๆ​ของ​เมือง​สะมาเรียนั้น จะ​เกิดขึ้น​อย่าง​แน่นอน” แต่​ถึง​จะ​มี​เหตุการณ์​อย่างนี้​เกิด​ขึ้น​ก็ตาม เยโรโบอัม​ก็​ยัง​ไม่​ยอม​หันกลับ​จาก​ทาง​ชั่ว​ของเขา เขา​กลับ​แต่งตั้ง​พวก​นักบวช​ที่​มา​จาก​คน​หลายๆ​ประเภท เหมือน​เคย จะ​เป็น​ใคร​ก็​ได้​ที่​เขา​อยาก​ให้​เป็น​นักบวช เขา​ก็​จะ​อุทิศ​คนนั้น​ให้​กับ​สถานที่​สูง​เหล่านั้น เรื่องนี้​เป็น​บาป​สำหรับ​ครอบครัว​เยโรโบอัม ที่​ทำ​ให้​ครอบครัวนี้​ถูกตัด​และ​ถูกทำลาย​ไป​จาก​ผืน​แผ่นดินโลก

1 พงศ์กษัตริย์ 13:5-34 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

แท่นบูชาก็ถูกพังทลาย และขี้เถ้าก็ถูกเทจากแท่น มันเกิดขึ้นตามหมายสำคัญที่คนของพระเจ้าให้ไว้โดยพระวจนะของพระยาห์เวห์ แล้วพระราชาตรัสตอบคนของพระเจ้าว่า “โปรดวิงวอนขอพระกรุณาแห่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อเรา แล้วเราจะชักมือกลับเข้าหาตัวได้อีก” และคนของพระเจ้าก็วิงวอนขอพระกรุณาแห่งพระยาห์เวห์ และพระราชาก็ชักพระหัตถ์กลับเข้าหาพระองค์ได้อีก และหายเป็นปกติ และพระราชาตรัสกับคนของพระเจ้าว่า “เชิญมาบ้านกับเราเถิด และรับประทานอาหารกัน เราจะให้รางวัลท่าน” แต่คนของพระเจ้าทูลพระราชาว่า “ถึงแม้ฝ่าพระบาทจะประทานราชสมบัติครึ่งหนึ่ง ข้าพระบาทก็จะไม่ไปกับฝ่าพระบาท และจะไม่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำในสถานที่นี้ เพราะพระยาห์เวห์ทรงบัญชาข้าพระบาท โดยพระวจนะของพระองค์ว่า ‘อย่ากินอาหาร หรือดื่มน้ำ หรือกลับไปตามทางที่เจ้ามา’ ” ดังนั้นท่านจึงไปเสียอีกทางหนึ่ง และไม่กลับไปตามทางที่ท่านมายังเบธเอล มีผู้เผยพระวจนะอาวุโสคนหนึ่งอาศัยอยู่ในเบธเอล บุตรชายของเขามาเล่าให้ฟังถึงทุกอย่างที่คนของพระเจ้าทำในวันนั้นที่เบธเอล พวกเขายังได้บอกบิดาของเขา เรื่องถ้อยคำที่คนของพระเจ้ากล่าวกับพระราชาด้วย และบิดาของเขาถามพวกเขาว่า “ท่านไปทางไหน?” และพวกบุตรชายของเขาก็ชี้ทางที่คนของพระเจ้าผู้มาจากยูดาห์ได้เดินไป เขาจึงพูดกับพวกบุตรชายว่า “จงผูกอานลาให้พ่อ” พวกเขาจึงผูกอานลาให้ แล้วเขาก็ขึ้นขี่ เขาไปตามคนของพระเจ้า และพบท่านนั่งอยู่ใต้ต้นโอ๊กต้นหนึ่ง เขาจึงพูดกับท่านว่า “ท่านเป็นคนของพระเจ้าที่มาจากยูดาห์หรือ?” ท่านตอบว่า “ใช่แล้ว” เขาจึงตอบท่านว่า “เชิญไปบ้านกับข้าพเจ้า และรับประทานอาหารกัน” ท่านพูดว่า “ข้าพเจ้าจะกลับไปกับท่าน หรือเข้าไปพักกับท่านไม่ได้ ข้าพเจ้าจะรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำกับท่านในสถานที่นี้ไม่ได้ เพราะพระวจนะของพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘อย่ารับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่นั่น หรือกลับไปตามทางที่เจ้ามา’ ” เขาจึงพูดกับท่านว่า “ข้าพเจ้าก็เป็นผู้เผยพระวจนะเช่นเดียวกับท่านด้วย มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาบอกข้าพเจ้าโดยพระวจนะของพระยาห์เวห์ว่า ‘จงพาเขากลับบ้านกับเจ้า เพื่อเขาจะได้รับประทานอาหารและดื่มน้ำ’ ” แต่เขาโกหกท่าน ดังนั้นท่านจึงกลับไปกับเขา ได้รับประทานอาหารและดื่มน้ำในบ้านของเขา ขณะที่พวกเขากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังผู้เผยพระวจนะผู้นำท่านกลับมา และเขาร้องต่อคนของพระเจ้าผู้มาจากยูดาห์ว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘เพราะเจ้าไม่เชื่อฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ และไม่รักษาพระบัญญัติที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าทรงบัญชาเจ้า แต่เจ้าได้กลับมาและรับประทานอาหาร และดื่มน้ำในที่ซึ่งพระองค์ตรัสกับเจ้าว่า “อย่ารับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ” ศพของเจ้าจะไปไม่ถึงอุโมงค์ฝังศพบรรพบุรุษของเจ้า’ ” ต่อมาหลังจากท่านได้รับประทานอาหารและดื่มน้ำแล้ว เขาก็ผูกอานลาให้ผู้เผยพระวจนะผู้ที่เขาได้พากลับมา เมื่อท่านไป มีสิงโตมาพบท่านระหว่างทางและฆ่าท่านเสีย แล้วศพของท่านก็ถูกทิ้งไว้ข้างทาง และลาตัวนั้นก็ยืนอยู่ข้างๆ ศพ สิงโตก็ยืนอยู่ข้างๆ ศพด้วย และนี่แน่ะ มีคนผ่านไปเห็นศพทิ้งอยู่ข้างทาง และสิงโตยืนอยู่ข้างศพนั้น พวกเขาก็มาบอกกันในเมืองที่ผู้เผยพระวจนะอาวุโสอยู่นั้น เมื่อผู้เผยพระวจนะผู้ที่นำท่านกลับมาจากทางทราบเรื่อง เขาก็พูดว่า “นั่นคือคนของพระเจ้า ผู้ไม่เชื่อฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ทรงมอบท่านไว้กับสิงโต ซึ่งได้กัดฉีกท่านและฆ่าท่านตามพระวจนะซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสกับท่าน” เขาจึงพูดกับพวกบุตรชายของเขาว่า “จงผูกอานลาให้พ่อ” แล้วพวกเขาก็ผูกอานลาให้ เขาจึงไปและพบศพนั้นทิ้งอยู่ข้างทาง ลากับสิงโตยืนอยู่ข้างศพ สิงโตไม่ได้กินศพนั้นหรือกัดฉีกลานั้น ผู้เผยพระวจนะก็เอาศพคนของพระเจ้าขึ้นวางบนลา แล้วนำกลับมายังเมืองของตนเอง เพื่อไว้ทุกข์ให้และฝังท่านเสีย แล้วเขาวางศพนั้นในอุโมงค์ฝังศพของตนเอง และพวกเขาก็ไว้ทุกข์ให้ท่านกล่าวว่า “อนิจจา พี่น้องของข้าเอ๋ย” หลังจากฝังท่านแล้ว เขาก็พูดกับพวกบุตรชายของตนว่า “เมื่อพ่อตาย จงฝังพ่อไว้ในอุโมงค์ฝังศพที่ฝังคนของพระเจ้านั้น จงวางกระดูกของพ่อไว้ข้างกระดูกของท่าน เพราะว่าถ้อยคำที่ท่านประกาศโดยพระวจนะของพระยาห์เวห์ กล่าวโทษแท่นบูชาในเบธเอล และกล่าวโทษนิเวศทุกแห่งของปูชนียสถานสูงซึ่งอยู่ในเมืองต่างๆ ของสะมาเรีย จะสำเร็จอย่างแน่นอน” หลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ เยโรโบอัมไม่ได้ทรงหันกลับจากทางชั่วของพระองค์ แต่กลับให้บางคนในท่ามกลางประชาชนเป็นปุโรหิตประจำปูชนียสถานสูง ใครพอใจจะเป็นปุโรหิต ก็ทรงแต่งตั้งเขาให้เป็นปุโรหิตประจำปูชนียสถานสูงต่างๆ และสิ่งนี้ได้เป็นบาปแก่ราชวงศ์เยโรโบอัม เพื่อจะทำลายล้างราชวงศ์นั้นเสียจากพื้นแผ่นดินโลก

1 พงศ์กษัตริย์ 13:5-34 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

แท่นบูชาก็พังลงด้วย และมูลเถ้าก็ร่วงลงมาจากแท่น ตามหมายสำคัญซึ่งคนของพระเจ้าได้ให้ไว้ โดยพระวจนะของพระเจ้า และพระราชาตรัสกับคนของพระเจ้าว่า <<จงวิงวอนขอพระกรุณาแห่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ขอจงอธิษฐานเพื่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะชักมือกลับเข้าหาตัวได้อีก>> และคนของพระเจ้าก็วิงวอนต่อพระเจ้า และพระราชาก็ทรงชักพระหัตถ์กลับเข้าหา พระองค์ได้อีกและเป็นเหมือนเดิม และพระราชาตรัสกับคนของพระเจ้าว่า <<เชิญมาบ้านกับข้าพเจ้าเถิด และรับประทานด้วยกันข้าพเจ้าจะให้รางวัลแก่ท่าน>> และคนของพระเจ้าทูลพระราชาว่า <<ถ้าท่านจะให้สักครึ่งราชสมบัติของท่าน ข้าพเจ้าจะไม่ไปกับท่าน และข้าพเจ้าจะไม่รับประทานขนมปังหรือดื่มน้ำในที่นี้ เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้าบัญชาข้าพเจ้าไว้ อย่างนั้นว่า <เจ้าอย่ากินขนมปังหรือดื่มน้ำหรือกลับ ไปตามทางที่เจ้ามานั้น> >> ดังนั้นท่านจึงไปเสียอีกทางหนึ่ง และไม่กลับไปตามทางที่ท่านมายังเบธเอล มีผู้เผยพระวจนะแก่คนหนึ่งอาศัยอยู่ในเบธเอล และบุตรชายของท่านก็ได้มาบอกท่านถึงเรื่องราวทั้งสิ้น ซึ่งคนของพระเจ้าได้กระทำในวันนั้นที่เบธเอล ถ้อยคำซึ่งท่านได้กล่าวแก่พระราชา เขาทั้งหลายก็ได้เล่าให้บิดาของเขาฟังด้วย และบิดาของเขาได้ถามเขาว่า <<ท่านไปทางไหน>> และบุตรชายทั้งหลายของเขาก็ชี้ทาง ซึ่งคนของพระเจ้าผู้มาจากยูดาห์ได้เดินไป เขาจึงพูดกับบุตรชายของเขาว่า <<จงผูกอานลาให้ข้า>> เขาทั้งหลายจึงผูกอานลาให้เขา แล้วเขาก็ขึ้นขี่ เขาได้ไปตามคนของพระเจ้า และได้พบท่านนั่งอยู่ใต้ต้นก่อหลวงต้นหนึ่ง เขาจึงพูดกับท่านว่า <<ท่านเป็นคนของพระเจ้าซึ่งมาจากยูดาห์หรือ>> ท่านก็ตอบว่า <<ใช่แล้ว>> เขาจึงตอบท่านว่า <<เชิญมาบ้านกับข้าพเจ้าเถิด และมารับประทานอาหารบ้าง>> ท่านพูดว่า <<ข้าพเจ้าจะกลับไปกับท่าน หรือเข้าไปพักกับท่านไม่ได้ ข้าพเจ้าจะไม่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำกับท่านในที่นี้ เพราะพระวจนะของพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า <เจ้าอย่ารับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่นั่น หรือกลับโดยทางที่เจ้าได้มา> >> และเขาจึงพูดกับท่านว่า <<ข้าพเจ้าก็เป็นผู้เผยพระวจนะอย่างที่ท่านเป็นนั้นด้วย มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาบอกข้าพเจ้าโดยพระวจนะของ พระเจ้าว่า <จงนำเขากลับมากับเจ้า ยังเรือนของเจ้าเพื่อเขาจะได้รับประทานอาหารและ ดื่มน้ำ> >> แต่เขามุสาต่อท่าน ดังนั้นท่านจึงไปกับเขา และได้รับประทานอาหารในเรือนของเขา และได้ดื่มน้ำ และขณะที่ท่านนั่งอยู่ที่โต๊ะ พระวจนะของพระเจ้ามายัง ผู้เผยพระวจนะผู้ที่ได้นำท่านกลับ และเขาร้องต่อคนของพระเจ้าผู้มาจากยูดาห์ว่า <<พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <เพราะเจ้าไม่เชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า และมิได้รักษาพระบัญญัติซึ่งพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของเจ้าบัญชาเจ้า แต่เจ้าได้กลับมาและรับประทานอาหาร และดื่มน้ำในที่ซึ่งพระองค์ตรัสกับเจ้าว่า <<อย่ารับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ>> ศพของเจ้าจะมิได้ไปถึงอุโมงค์ของบรรพบุรุษของเจ้า> >> และอยู่มาหลังจากที่ท่านได้รับประทานอาหารและ ดื่มน้ำแล้ว เขาก็ผูกอานลาให้ผู้เผยพระวจนะผู้ซึ่งเขาได้พากลับมา และเมื่อท่านไป สิงห์ก็ออกมาพบท่านที่ถนนและฆ่าท่านเสีย และศพของท่านก็ถูกทิ้งไว้ในถนน และลาตัวนั้นก็ยืนอยู่ข้างๆท่าน สิงห์ก็ยืนอยู่ข้างๆท่านด้วย และดูเถิด มีคนผ่านไป และได้เห็นศพทิ้งอยู่ในถนน และสิงห์ยืนอยู่ข้างศพนั้น เขาก็มาบอกกันในเมือง ที่ที่ผู้เผยพระวจนะแก่อยู่นั้น และเมื่อผู้เผยพระวจนะผู้ที่นำท่านกลับมาจากทางทราบเรื่อง เขาพูดว่า <<นั่นเป็นคนของพระเจ้า ผู้ไม่เชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า เพราะฉะนั้นพระเจ้าได้ทรงมอบท่านไว้กับสิงห์ ซึ่งได้ฉีกท่านและฆ่าท่านเสียตามคำซึ่งพระเจ้าตรัสกับท่าน>> เขาจึงพูดกับบุตรชายของเขาว่า <<จงผูกอานลาให้พ่อ>> แล้วเขาก็ผูกอานลาให้ เขาจึงไปและพบศพนั้นทิ้งอยู่ในถนน และลากับสิงห์ก็ยืนอยู่ข้างๆศพนั้น สิงห์มิได้กินศพนั้นหรือฉีกลานั้น และผู้เผยพระวจนะก็ยกศพคนของพระเจ้าและวางไว้บนลา นำกลับมายังเมืองของผู้เผยพระวจนะแก่ เพื่อไว้ทุกข์ให้และฝังท่านเสีย และเขาวางศพนั้นในที่วางศพของตนเอง และเขาทั้งหลายก็ไว้ทุกข์ให้กล่าวว่า <<อนิจจาพี่น้องเอ๋ย>> เมื่อได้ฝังท่านไว้แล้ว เขาจึงพูดกับบุตรชายของตนว่า <<เมื่อเราตาย จงฝังเราไว้ในที่ฝังศพซึ่งฝังคนของพระเจ้าไว้นั้น จงวางกระดูกของเราไว้ข้างกระดูกของท่าน เพราะว่าคำพูดซึ่งท่านได้ร้องโดยพระวจนะของพระเจ้า กล่าวโทษแท่นบูชาในเบธเอล และต่อบรรดานิเวศแห่งปูชนียสถานสูงซึ่งอยู่ในหัวเมืองสะมาเรีย จะสำเร็จเป็นแน่>> ภายหลังจากสิ่งเหล่านี้ เยโรโบอัมมิได้หันกลับจากทางชั่วของพระองค์ แต่จากท่ามกลางประชาชนได้ชำระบางคนให้ บริสุทธิ์เป็นปุโรหิตประจำปูชนียสถานสูงนั้นอีก ผู้ใดที่พอใจเป็น ท่านก็แต่งตั้งเขาให้เป็นปุโรหิตประจำบรรดาปูชนียสถานสูง และสิ่งนี้ได้เป็นบาปแก่ราชวงศ์เยโรโบอัม เพื่อจะอเปหิและทำลายราชวงศ์นั้นเสียจากพื้นแผ่นดินโลก

1 พงศ์กษัตริย์ 13:5-34 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

แล้วแท่นบูชาก็แยกจากกัน เถ้าถ่านร่วงลงมา สำเร็จตามหมายสำคัญที่คนของพระเจ้าให้ไว้โดยพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์ตรัสกับคนของพระเจ้าว่า “ช่วยอธิษฐานวิงวอนพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ให้มือของเรากลับคืนสภาพปกติด้วยเถิด” คนของพระเจ้าจึงอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อกษัตริย์ แล้วพระหัตถ์ของกษัตริย์ก็กลับเป็นปกติ จากนั้นกษัตริย์ตรัสกับคนของพระเจ้าว่า “มาที่วังกับเราเถิด มารับประทานอะไรด้วยกัน แล้วเราจะให้รางวัลท่าน” แต่คนของพระเจ้าทูลกษัตริย์ว่า “แม้ฝ่าพระบาทจะประทานราชสมบัติให้ครึ่งหนึ่ง ข้าพระบาทก็จะไม่ไปกับฝ่าพระบาท ทั้งจะไม่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำในสถานที่นี้ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสบัญชาข้าพเจ้าว่า ‘ห้ามรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ หรือกลับไปตามเส้นทางที่มา’” แล้วเขาจึงกลับไปอีกทางหนึ่ง ไม่ใช่เส้นทางเดียวกับที่มายังเบธเอล มีผู้เผยพระวจนะชราผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในเบธเอล ลูกๆ ของเขากลับมาบ้านและเล่าทุกสิ่งที่คนของพระเจ้าได้ทำที่เบธเอลในวันนั้น และสิ่งที่เขาทูลกษัตริย์ บิดาของพวกเขาถามว่า “เขาไปทางไหน?” ลูกๆ จึงบอกเส้นทางที่คนของพระเจ้าจากยูดาห์เดินทางไป ดังนั้นเขาจึงบอกลูกๆ ว่า “ผูกอานลาให้ที” และเมื่อพวกลูกๆ ผูกอานลาให้เสร็จแล้ว เขาก็ขี่ไป และตามคนของพระเจ้าไปทันขณะที่เขานั่งอยู่ใต้ต้นโอ๊ก จึงเข้าไปถามว่า “ท่านคือคนของพระเจ้าที่มาจากยูดาห์หรือ?” เขาตอบว่า “ถูกแล้ว” ผู้เผยพระวจนะชราจึงพูดกับเขาว่า “เชิญมารับประทานอาหารกับข้าพเจ้าที่บ้าน” คนของพระเจ้าตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่อาจกลับไปกับท่าน หรือกินดื่มกับท่านที่นี่ พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งห้ามว่า ‘เจ้าจงอย่ารับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่นั่น และอย่ากลับไปเส้นทางเดิม’ ” แต่ผู้เผยพระวจนะชรานั้นตอบว่า “เราก็เป็นผู้เผยพระวจนะเหมือนกัน และทูตสวรรค์องค์หนึ่งแจ้งพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าแก่เราว่า ‘ให้พาเขากลับมาที่บ้านของเจ้าเพื่อเขาจะได้รับประทานอาหารและดื่มน้ำ’” (แต่ผู้เผยพระวจนะชราโกหกเขา) ดังนั้นคนของพระเจ้าจึงกลับไปกับผู้เผยพระวจนะชราและกินดื่มในบ้านของเขา ขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ที่โต๊ะ มีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงผู้เผยพระวจนะชราซึ่งพาเขากลับมา เขาก็กล่าวกับคนของพระเจ้าซึ่งมาจากยูดาห์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เจ้าได้ฝ่าฝืนคำตรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าและไม่ทำตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เจ้ากลับมากินดื่มในสถานที่ซึ่งพระองค์ตรัสห้ามไว้ ฉะนั้นร่างของเจ้าจะไม่ได้ถูกฝังในอุโมงค์ของบรรพบุรุษ’ ” เมื่อคนของพระเจ้ากินดื่มเสร็จแล้ว ผู้เผยพระวจนะซึ่งพาเขากลับมาก็ส่งเขาขึ้นลากลับไป ระหว่างทางมีสิงโตออกมาฆ่าเขา ร่างของเขาถูกทิ้งไว้กลางทาง มีลาและสิงโตยืนอยู่ข้างๆ คนที่ผ่านไปมาเห็นศพทิ้งอยู่กลางทาง มีสิงโตยืนอยู่ข้างๆ ก็ไปแจ้งข่าวในเมืองซึ่งผู้เผยพระวจนะชราอาศัยอยู่ เมื่อผู้เผยพระวจนะที่พาเขากลับมาได้ยินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็กล่าวว่า “นี่แหละคนของพระเจ้าที่ฝ่าฝืนพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงให้สิงโตมาฉีกทึ้งเขาจนสิ้นชีวิตตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเตือนไว้” จากนั้นเขาก็สั่งลูกๆ ว่า “ผูกอานลาให้ที” พวกลูกๆ ก็ปฏิบัติตาม เขามาพบร่างที่ถูกทิ้งอยู่กลางทาง ลาและสิงโตยังยืนอยู่ข้างๆ สิงโตไม่ได้กินร่างนั้น ทั้งไม่ได้ฉีกทึ้งลา ผู้เผยพระวจนะจึงเอาร่างคนของพระเจ้าพาดบนลาตัวนั้น และนำกลับมายังเมืองของตน เพื่อไว้อาลัยและฝัง เขาวางศพไว้ในอุโมงค์ฝังศพที่เตรียมไว้สำหรับเขาเองและคร่ำครวญว่า “อนิจจา น้องชายเอ๋ย!” หลังจากฝังศพแล้ว เขากล่าวกับลูกๆ ว่า “เมื่อพ่อตาย จงฝังพ่อไว้ในอุโมงค์ฝังศพเดียวกับที่ฝังคนของพระเจ้า ให้กระดูกของพ่ออยู่เคียงข้างกระดูกของเขา เพราะถ้อยคำที่เขาประกาศไว้โดยพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวกับแท่นบูชาในเบธเอลและสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายในเมืองต่างๆ ของสะมาเรียจะเป็นจริงอย่างแน่นอน” ถึงเพียงนี้แล้วเยโรโบอัมก็ยังไม่ทรงหันเหจากวิถีอันชั่วร้ายของพระองค์ กลับตั้งปุโรหิตจากคนทุกประเภทสำหรับสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย ใครที่อยากเป็นปุโรหิตก็ทรงแต่งตั้งสำหรับสถานบูชาบนที่สูงเหล่านั้น นี่เป็นบาปของราชวงศ์เยโรโบอัม ซึ่งนำราชวงศ์ไปสู่ความเสื่อมถอยและล่มสลายไปจากแผ่นดินโลก

1 พงศ์กษัตริย์ 13:5-34 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

แท่นบูชาก็พังลงด้วย และมูลเถ้าก็ร่วงลงมาจากแท่น ตามหมายสำคัญซึ่งคนของพระเจ้าได้​ให้​ไว้​โดยพระวจนะของพระเยโฮวาห์ และกษั​ตริ​ย์ตรัสกับคนของพระเจ้าว่า “จงวิงวอนขอพระกรุณาแห่งพระพักตร์พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ขอจงอธิษฐานเพื่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะชักมือกลับเข้าหาตัวได้​อีก​” และคนของพระเจ้าก็วิงวอนต่อพระเยโฮวาห์ และกษั​ตริ​ย์​ก็​ทรงชักพระหัตถ์​กล​ับเข้าหาพระองค์​ได้​อี​กและเป็นเหมือนเดิม และกษั​ตริ​ย์ตรัสกับคนของพระเจ้าว่า “เชิญมาบ้านกับข้าพเจ้าเถิด และรับประทานด้วยกัน ข้าพเจ้าจะให้รางวัลแก่​ท่าน​” และคนของพระเจ้าทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า “ถ้าท่านจะให้สักครึ่งราชสมบั​ติ​ของท่าน ข้าพเจ้าจะไม่ไปกั​บท​่าน และข้าพเจ้าจะไม่รับประทานขนมปังหรื​อด​ื่​มน​้ำในที่​นี้ เพราะว่าพระวจนะของพระเยโฮวาห์บัญชาข้าพเจ้าไว้อย่างนั้​นว​่า ‘​เจ้​าอย่ากินขนมปังหรื​อด​ื่​มน​้ำ หรือกลับไปตามทางที่​เจ้​ามานั้น’” ดังนั้นท่านจึงไปเสี​ยอ​ีกทางหนึ่ง และไม่​กล​ับไปตามทางที่ท่านมายังเบธเอล มี​ผู้​พยากรณ์​แก่​คนหนึ่งอาศัยอยู่ในเบธเอล และบุตรชายของเขาก็​ได้​มาบอกเขาถึงเรื่องราวทั้งสิ้นซึ่งคนของพระเจ้าได้กระทำในวันนั้​นที​่เบธเอล ถ้อยคำซึ่งท่านได้​กล​่าวแก่​กษัตริย์ เขาทั้งหลายก็​ได้​เล่าให้​บิ​ดาของเขาฟั​งด​้วย และบิดาของเขาได้ถามเขาว่า “ท่านไปทางไหน” เพราะบุตรชายทั้งหลายของเขาได้​เห​็นทางซึ่งคนของพระเจ้าผู้มาจากยูดาห์​ได้​เดินไปนั้น เขาจึงพู​ดก​ับบุตรชายของเขาว่า “จงผูกอานลาให้​พ่อ​” เขาทั้งหลายจึงผูกอานลาให้​เขา แล​้วเขาก็ขึ้นขี่ เขาได้ไปตามคนของพระเจ้า และได้พบท่านนั่งอยู่​ใต้​ต้นโอ๊กต้นหนึ่ง เขาจึงพู​ดก​ั​บท​่านว่า “ท่านเป็นคนของพระเจ้าซึ่งมาจากยูดาห์​หรือ​” ท่านก็ตอบว่า “​ใช่​แล้ว​” เขาจึงตอบท่านว่า “เชิญมาบ้านกับข้าพเจ้าเถิด และมารับประทานอาหารบ้าง” ท่านพูดว่า “ข้าพเจ้าจะกลับไปกั​บท​่าน หรือเข้าไปพั​กก​ั​บท​่านไม่​ได้ ข้าพเจ้าจะไม่รับประทานอาหารหรื​อด​ื่​มน​้ำกั​บท​่านในที่​นี้ เพราะพระวจนะของพระเยโฮวาห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘​เจ้​าอย่ารับประทานอาหารหรื​อด​ื่​มน​้ำที่​นั่น หรือกลับโดยทางที่​เจ้​าได้​มา​’” และเขาจึงพู​ดก​ั​บท​่านว่า “ข้าพเจ้าก็เป็นผู้​พยากรณ์​อย่างที่ท่านเป็นนั้นด้วย มี​ทูตสวรรค์​องค์​หน​ึ่งมาบอกข้าพเจ้าโดยพระวจนะของพระเยโฮวาห์​ว่า ‘จงนำเขากลับมากับเจ้ายังเรือนของเจ้า เพื่อเขาจะได้รับประทานอาหารและดื่​มน​้ำ’” แต่​เขามุสาต่อท่าน ดังนั้นท่านจึงไปกับเขา และได้รับประทานอาหารในเรือนของเขา และได้ดื่​มน​้ำ และต่อมาขณะที่พวกเขานั่งอยู่​ที่​โต๊ะ พระวจนะของพระเยโฮวาห์​มาย​ังผู้​พยากรณ์​ผู้​ที่​ได้​นำท่านกลับ และเขาร้องต่อคนของพระเจ้าผู้มาจากยูดาห์​ว่า “พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ังนี้​ว่า ‘เพราะเจ้าไม่เชื่อฟังพระโอษฐ์ของพระเยโฮวาห์ และมิ​ได้​รักษาพระบัญญั​ติ​ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าบัญชาเจ้า แต่​เจ้​าได้​กล​ับมาและรับประทานอาหารและดื่​มน​้ำในที่ซึ่งพระเยโฮวาห์ตรัสกับเจ้าว่า “อย่ารับประทานอาหารหรื​อด​ื่​มน​้ำ” ศพของเจ้าจะมิ​ได้​ไปถึ​งอ​ุโมงค์ของบรรพบุรุษของเจ้า’” และอยู่มาหลังจากที่ท่านได้รับประทานอาหารและดื่​มน​้ำแล้ว เขาก็ผูกอานลาให้​ผู้​พยากรณ์​ผู้​ซึ่งเขาได้พากลับมา และเมื่อท่านไป สิ​งโตก็ออกมาพบท่านที่ถนนและฆ่าท่านเสีย และศพของท่านก็​ถู​กทิ้งไว้ในถนน และลาตั​วน​ั้​นก​็ยืนอยู่ข้างๆศพนั้น สิ​งโตก็ยืนอยู่ข้างๆศพด้วย และดู​เถิด มี​คนผ่านไป และได้​เห​็นศพทิ้งอยู่ในถนน และสิงโตยืนอยู่ข้างศพนั้น เขาก็มาบอกกันในเมืองที่​ที่​ผู้​พยากรณ์​แก่​อยู่​นั้น และเมื่อผู้​พยากรณ์​ผู้​ที่​นำท่านกลับมาจากทางได้ยินเรื่องนั้น เขาพูดว่า “นั่นเป็นคนของพระเจ้าผู้​ไม่​เชื่อฟังพระวจนะของพระเยโฮวาห์ เพราะฉะนั้นพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงมอบท่านไว้กับสิงโต ซึ่งได้ฉีกท่านและฆ่าท่านเสีย ตามคำซึ่งพระเยโฮวาห์ตรัสกั​บท​่าน” เขาจึงพู​ดก​ับบุตรชายของเขาว่า “จงผูกอานลาให้​พ่อ​” แล​้วเขาก็ผูกอานลาให้ เขาจึงไปและพบศพนั้นทิ้งอยู่ในถนน และลากับสิงโตก็ยืนอยู่ข้างๆศพนั้น สิ​งโตมิ​ได้​กินศพนั้นหรือฉีกลานั้น และผู้​พยากรณ์​ก็​ยกศพคนของพระเจ้าและวางไว้บนลา นำกลับมายังเมืองของผู้​พยากรณ์​แก่ เพื่อไว้​ทุกข์​ให้​และฝังท่านเสีย และเขาวางศพนั้นในที่ฝังศพของตนเอง และเขาทั้งหลายก็​ไว้ทุกข์​ให้​กล่าวว่า “​อนิจจา พี่​น้องเอ๋ย” ต่อมาเมื่อได้ฝังท่านไว้​แล้ว เขาจึงพู​ดก​ับบุตรชายของตนว่า “เมื่อเราตาย จงฝังเราไว้ในที่ฝังศพซึ่งฝังคนของพระเจ้าไว้​นั้น จงวางกระดูกของเราไว้ข้างกระดูกของท่าน เพราะว่าคำพูดซึ่งท่านได้ร้องโดยพระวจนะของพระเยโฮวาห์​กล​่าวโทษแท่นบูชาในเบธเอล และต่อบรรดานิเวศแห่งปู​ชน​ียสถานสูงซึ่งอยู่ในหัวเมืองสะมาเรีย จะสำเร็จเป็นแน่” ภายหลังสิ่งเหล่านี้ เยโรโบอัมมิ​ได้​หันกลับจากทางชั่วของพระองค์ แต่​จากท่ามกลางประชาชนได้สถาปนาบางคนให้เป็นปุโรหิตประจำปู​ชน​ียสถานสูงนั้​นอ​ีก ผู้​ใดที่พอใจเป็น พระองค์​ก็​แต่​งตั้งเขาให้เป็นปุโรหิตประจำบรรดาปู​ชน​ียสถานสูง และสิ่งนี้กลายเป็นความบาปแก่​ราชวงศ์​เยโรโบอัม เพื่อจะตัดและทำลายราชวงศ์นั้นเสียจากพื้นแผ่นดินโลก

1 พงศ์กษัตริย์ 13:5-34 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

แท่น​บูชา​ก็​พัง​ลง เถ้า​ถ่าน​ก็​เท​ลง​จาก​แท่น ซึ่ง​เป็น​เครื่อง​พิสูจน์​ให้​เห็น​อย่าง​ที่​คน​ของ​พระ​เจ้า​บอก​ตาม​คำ​กล่าว​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า กษัตริย์​กล่าว​กับ​คน​ของ​พระ​เจ้า​ว่า “ท่าน​โปรด​ขอ​ความ​เมตตา​จาก​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​ท่าน​เพื่อ​ข้าพเจ้า​เถิด โปรด​อธิษฐาน​รักษา​มือ​ของ​ข้าพเจ้า​ให้​หาย” คน​ของ​พระ​เจ้า​จึง​อธิษฐาน​ขอ และ​มือ​ของ​กษัตริย์​ก็​กลับ​เป็น​เหมือน​เดิม กษัตริย์​จึง​กล่าว​กับ​คน​ของ​พระ​เจ้า​ว่า “ขอ​เชิญ​ท่าน​กลับ​บ้าน​กับ​ข้าพเจ้า​เถิด ไป​รับประทาน​อาหาร แล้ว​ข้าพเจ้า​จะ​ให้​รางวัล​แก่​ท่าน” คน​ของ​พระ​เจ้า​ตอบ​กษัตริย์​ว่า “แม้​ว่า​ท่าน​จะ​ให้​สมบัติ​แก่​ข้าพเจ้า​ครึ่ง​หนึ่ง ข้าพเจ้า​ก็​จะ​ไม่​ไป​ด้วย และ​ข้าพเจ้า​จะ​ไม่​รับประทาน​อาหาร​หรือ​ดื่ม​น้ำ​ที่​นี่ เพราะ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​สั่ง​ข้าพเจ้า​ว่า ‘เจ้า​อย่า​รับประทาน​อาหาร​หรือ​ดื่ม​น้ำ หรือ​กลับ​ไป​ทาง​เดียว​กับ​ที่​เจ้า​มา’” ดังนั้น ท่าน​จึง​ไป​อีก​ทาง​หนึ่ง และ​ไม่​กลับ​ไป​ทาง​ที่​ท่าน​มา​ยัง​เบธเอล ครั้ง​หนึ่ง​มี​ผู้​เผย​คำ​กล่าว​ผู้​หนึ่ง​ซึ่ง​เป็น​คน​สูง​อายุ เขา​อาศัย​อยู่​ใน​เบธเอล บุตร​ของ​เขา​มา​เล่า​ทุก​สิ่ง​ให้​ฟัง​ว่า คน​ของ​พระ​เจ้า​ได้​ทำ​อะไร​บ้าง​ใน​วัน​นั้น​ที่​เบธเอล ทั้ง​กับ​บอก​บิดา​ของ​พวก​เขา​อีก​ด้วย​ว่า ท่าน​กล่าว​สิ่ง​ใด​กับ​กษัตริย์ บิดา​ของ​เขา​จึง​ถาม​ว่า “ท่าน​ไป​ทาง​ไหน” บุตร​ของ​เขา​จึง​ชี้​ทาง​ที่​คน​ของ​พระ​เจ้า​ที่​มา​จาก​ยูดาห์​มุ่ง​หน้า​ไป เขา​จึง​พูด​กับ​บุตร​ว่า “ผูก​อาน​ลา​ให้​พ่อ” และ​บุตร​ก็​ผูก​อาน​ลา​ให้​เขา​ขึ้น​ขี่ เขา​ไป​ตาม​หา​คน​ของ​พระ​เจ้า​จน​พบ และ​เห็น​ว่า​ท่าน​กำลัง​นั่ง​อยู่​ใต้​ต้น​โอ๊ก เขา​จึง​ถาม​ว่า “ท่าน​เป็น​คน​ของ​พระ​เจ้า ซึ่ง​มา​จาก​ยูดาห์​หรือ” ท่าน​ก็​ตอบ​ว่า “ใช่” เขา​พูด​ว่า “ไป​บ้าน​ข้าพเจ้า และ​รับประทาน​อาหาร​ด้วย​กัน​เถิด” ท่าน​กล่าว​ว่า “ข้าพเจ้า​ไป​กับ​ท่าน​ไม่​ได้​หรอก จะ​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​กับ​ท่าน รับประทาน​อาหาร​หรือ​ดื่ม​น้ำ​กับ​ท่าน​ใน​ที่​นี้​ไม่​ได้ เพราะ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​กับ​ข้าพเจ้า​ว่า ‘เจ้า​อย่า​รับประทาน​อาหาร​หรือ​ดื่ม​น้ำ​ที่​นั่น หรือ​กลับ​ไป​ทาง​เดียว​กับ​ที่​เจ้า​มา’” และ​เขา​ตอบ​ว่า “ข้าพเจ้า​เป็น​ผู้​เผย​คำ​กล่าว​ของ​พระ​เจ้า​ผู้​หนึ่ง​เหมือน​กัน พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​แก่​ข้าพเจ้า​ผ่าน​ทาง​ทูต​สวรรค์​ว่า ‘จง​ไป​พา​เขา​กลับ​มา​บ้าน​กับ​เจ้า เขา​จะ​ได้​รับประทาน​อาหาร และ​ดื่ม​น้ำ’” แต่​ว่า​ผู้​สูง​อายุ​คน​นั้น​พูด​เท็จ ดังนั้น​ท่าน​จึง​กลับ​ไป และ​รับ​ประทาน​อาหาร​ที่​บ้าน​ของ​เขา และ​ได้​ดื่ม​น้ำ ขณะ​ที่​ทั้ง​สอง​กำลัง​นั่ง​อยู่​ที่​โต๊ะ พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​ผ่าน​ผู้​เผย​คำ​กล่าว​ที่​พา​ท่าน​กลับ​มา เขา​จึง​พูด​เสียง​ดัง​กับ​คน​ของ​พระ​เจ้า​ที่​มา​จาก​ยูดาห์​ว่า “พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​ว่า ‘เป็น​เพราะ​เจ้า​ไม่​เชื่อ​ฟัง​คำ​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​ไม่​รักษา​คำ​สั่ง​ที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​เจ้า​บัญชา​ไว้ แต่​กลับ​มา​และ​รับประทาน​อาหาร และ​ดื่ม​น้ำ​ใน​ที่​ที่​พระ​องค์​กล่าว​กับ​เจ้า​ว่า “อย่า​รับประทาน​อาหาร และ​อย่า​ดื่ม​น้ำ” ศพ​ของ​เจ้า​จะ​ไม่​ได้​อยู่​ใน​ถ้ำ​เดียว​กับ​บรรพบุรุษ​ของ​เจ้า’” หลัง​จาก​ที่​ท่าน​ได้​รับ​ประทาน​อาหาร​และ​ดื่ม​แล้ว ผู้​เผย​คำ​กล่าว​ก็​ผูก​อาน​ลา​ให้​ท่าน​เดิน​ทาง​ต่อ​ไป ขณะ​ที่​ท่าน​เดิน​ทาง​จาก​ไป สิงโต​ตัว​หนึ่ง​ออก​มา​ประจัน​หน้า​และ​ฆ่า​ท่าน​ตาย ศพ​ท่าน​ก็​ถูก​ทิ้ง​ไว้​ที่​ถนน ลา​ยัง​ยืน​อยู่​ข้างๆ และ​สิงโต​ก็​ยืน​อยู่​ข้าง​ศพ​ด้วย ดู​เถิด ผู้​คน​เดิน​ผ่าน​มา​และ​เห็น​ว่า​ศพ​ถูก​ทิ้ง​ไว้​ที่​ถนน และ​สิงโต​ก็​ยืน​อยู่​ข้าง​ศพ พวก​เขา​จึง​เข้า​ไป​เล่า​เรื่อง​ใน​เมือง​ที่​ผู้​เผย​คำ​กล่าว​ที่​เป็น​คน​สูง​อายุ​อาศัย​อยู่ ครั้น​ผู้​เผย​คำ​กล่าว​ที่​เป็น​ผู้​ที่​ได้​นำ​ท่าน​กลับ​มา​ได้ยิน​เรื่อง​ดัง​กล่าว เขา​พูด​ว่า “คน​ของ​พระ​เจ้า​เป็น​ผู้​ที่​ไม่​เชื่อ​ฟัง​คำ​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ฉะนั้น​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​จึง​ให้​ตก​เป็น​เหยื่อ​ของ​สิงโต​ที่​ขย้ำ​ตัว​และ​ฆ่า​ท่าน อย่าง​ที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​กับ​ท่าน​ไว้” และ​เขา​พูด​กับ​บุตร​ว่า “ผูก​อาน​ลา​ให้​พ่อ” พวก​เขา​ก็​ผูก​อาน​ลา​ให้ และ​เขา​ก็​ขี่​ลา​ไป พบ​ว่า​ศพ​ท่าน​ถูก​ทิ้ง​ไว้​ที่​ถนน ลา​และ​สิงโต​ก็​ยัง​ยืน​อยู่​ข้าง​ศพ สิงโต​ไม่​ได้​ขย้ำ​กิน​ศพ หรือ​ขย้ำ​ลา และ​ผู้​เผย​คำ​กล่าว​ก็​หาม​ศพ​คน​ของ​พระ​เจ้า และ​วาง​ไว้​บน​หลัง​ลา นำ​กลับ​เข้า​ไป​ใน​เมือง​เพื่อ​ร้อง​คร่ำครวญ​ตาม​พิธี และ​ทำ​พิธี​เก็บ​ศพ เขา​วาง​ศพ​ไว้​ใน​ถ้ำ​เก็บ​ศพ​ของ​เขา​เอง และ​พวก​เขา​ร้อง​คร่ำครวญ​ถึง​ท่าน​ว่า “โธ่​เอ๋ย พี่​ชาย​ของ​ข้าพเจ้า” หลัง​จาก​ที่​ได้​เก็บ​ศพ​ไว้​ใน​ถ้ำ​แล้ว เขา​พูด​กับ​บุตร​ว่า “เมื่อ​พ่อ​ตาย เจ้า​จง​เก็บ​ศพ​พ่อ​ไว้​ใน​ถ้ำ​ที่​เก็บ​ศพ​คน​ของ​พระ​เจ้า​เถิด และ​วาง​กระดูก​พ่อ​ไว้​ที่​ข้างๆ กระดูก​ของ​ท่าน​ผู้​นี้​ด้วย เพราะ​สิ่ง​ที่​ท่าน​ได้​เปล่ง​เสียง​ดัง และ​คัดค้าน​ตาม​คำ​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​เรื่อง​แท่น​บูชา​ที่​เบธเอล และ​คัดค้าน​บรรดา​วิหาร​บน​ภูเขา​สูง​ที่​อยู่​ใน​เมือง​ต่างๆ ของ​สะมาเรีย​จะ​เกิด​ขึ้น​จริง​อย่าง​แน่นอน” หลัง​จาก​นั้น เยโรโบอัม​ก็​ยัง​ไม่​กลับ​ใจ​จาก​การ​กระทำ​ชั่ว มิ​หนำซ้ำ​ยัง​แต่งตั้ง​บรรดา​ปุโรหิต​จาก​ประชาชน​ทั้ง​ปวง เพื่อ​ประจำ​อยู่​ที่​สถาน​บูชา​บน​ภูเขา​สูง และ​ใคร​ที่​ต้องการ​เป็น​บรรดา​ปุโรหิต​ที่​สถาน​บูชา​บน​ภูเขา​สูง ท่าน​ก็​ได้​แต่งตั้ง​ให้​เป็น สิ่ง​นี้​กลาย​เป็น​บาป​ของ​พงศ์​พันธุ์​ของ​เยโรโบอัม ซึ่ง​นำ​ไป​สู่​ความ​พินาศ​และ​ทำ​ให้​พวก​เขา​ต้อง​สาบสูญ​ไป​จาก​แผ่นดิน​โลก