1 โครินธ์ 15:25-49

1 โครินธ์ 15:25-49 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

เพราะว่าพระคริสต์ทรงต้องครอบครองจนกว่าพระเจ้าจะทรงปราบศัตรูทั้งหมดให้อยู่ใต้พระบาทของพระคริสต์ ศัตรูตัวสุดท้ายที่จะถูกทำลายคือความตาย เพราะว่า “พระเจ้าทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจภายใต้พระบาทของพระบุตร ” แต่เมื่อพระคัมภีร์กล่าวว่าทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจนั้น ก็รู้ชัดกันอยู่แล้วว่า ยกเว้นพระเจ้าผู้ทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์ เมื่อทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์แล้ว เมื่อนั้นพระบุตรพระองค์เองก็จะทรงอยู่ใต้อำนาจพระเจ้า ผู้ทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์ เพื่อพระเจ้าจะทรงเป็นเอกในทุกสิ่ง มิฉะนั้น พวกที่ให้รับบัพติศมาเพื่อคนตายนั้นจะทำอย่างไร ถ้าคนตายไม่ถูกทำให้เป็นขึ้นมาเลย? และทำไมจึงมีการให้รับบัพติศมาเพื่อคนตาย? และทำไมเราจึงเสี่ยงอันตรายตลอดเวลา? พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าตายทุกวัน ข้าพเจ้าขอยืนยันโดยความภูมิใจในพวกท่าน ที่ข้าพเจ้ามีในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ถ้าข้าพเจ้าต่อสู้กับสัตว์ป่าในเมืองเอเฟซัสด้วยความหวังแบบมนุษย์เท่านั้น ข้าพเจ้าจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าคนตายไม่ถูกทำให้เป็นขึ้นมา “ก็ให้เรากินและดื่มเถิด เพราะว่าพรุ่งนี้เราก็จะตาย” อย่าหลงผิดเลย “การคบคนชั่วย่อมทำลายนิสัยที่ดีงาม” จงมีสติขึ้นมาใหม่และอย่าทำบาปอีกเลย เพราะว่ามีบางคนไม่รู้จักพระเจ้า ที่ข้าพเจ้าพูดเช่นนี้ก็เพื่อให้พวกท่านละอายใจ แต่จะมีคนถามว่า “คนตายถูกทำให้เป็นขึ้นมาอย่างไร? และพวกเขาจะมาด้วยร่างกายแบบไหน?” โอ คนเขลา สิ่งที่ท่านหว่านนั้น ถ้าไม่ตายก่อนก็จะไม่งอกขึ้นใหม่ สิ่งที่ท่านหว่านนั้น จะเป็นข้าวสาลีหรือพืชอื่นๆ ก็ดี ท่านไม่ได้หว่านรูปร่างของต้นที่จะงอกขึ้นมานั้น แต่หว่านเมล็ดเปล่าๆ พระเจ้าประทานรูปร่างแก่เมล็ดนั้นตามที่พระองค์ทรงประสงค์ และประทานรูปร่างของมันเองแก่เมล็ดแต่ละชนิด เนื้อนั้นไม่เหมือนกันทั้งหมด เนื้อมนุษย์ก็อย่างหนึ่ง เนื้อสัตว์ก็อย่างหนึ่ง เนื้อนกก็อย่างหนึ่ง เนื้อปลาก็อย่างหนึ่ง ร่างกายสำหรับสวรรค์ก็มี และร่างกายสำหรับโลกก็มี แต่ว่ารัศมีของร่างกายสำหรับสวรรค์ก็อย่างหนึ่ง และรัศมีของร่างกายสำหรับโลกก็อีกอย่างหนึ่ง รัศมีของดวงอาทิตย์ก็อย่างหนึ่ง รัศมีของดวงจันทร์ก็อย่างหนึ่ง รัศมีของดวงดาวก็อย่างหนึ่ง ที่จริงรัศมีของดาวดวงหนึ่งก็ต่างกันกับรัศมีของดาวดวงอื่นๆ การเป็นขึ้นมาของคนตายก็เหมือนกัน ร่างกายที่ถูกหว่านลงนั้นเสื่อมสลายได้ ร่างกายที่เป็นขึ้นมานั้นไม่เสื่อมสลาย สิ่งที่ถูกหว่านลงนั้นไร้เกียรติ สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นมีศักดิ์ศรี สิ่งที่ถูกหว่านลงนั้นอ่อนกำลัง สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นมีพลัง สิ่งที่ถูกหว่านลงนั้นเป็นกายเนื้อหนัง สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นเป็นกายจิตวิญญาณ ถ้ามีกายเนื้อหนัง กายจิตวิญญาณก็มีด้วย ดังที่เขียนไว้ว่า “มนุษย์ คนแรกคืออาดัม จึงเป็นผู้มีชีวิต” แต่อาดัมสุดท้ายนั้นเป็นวิญญาณผู้ประทานชีวิต ร่างกายแรกนั้นไม่ใช่เป็นกายจิตวิญญาณ แต่เป็นกายเนื้อหนัง ร่างกายต่อจากนั้นจึงเป็นกายจิตวิญญาณ มนุษย์คนแรกนั้นมาจากดินและเป็นมนุษย์ดิน มนุษย์คนที่สองนั้นมาจากสวรรค์ มนุษย์ดินคนนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์ดินทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้น มนุษย์สวรรค์คนนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์สวรรค์ทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้น และเช่นเดียวกับที่เรามีลักษณะของมนุษย์ดิน เราก็จะมีลักษณะของมนุษย์สวรรค์

1 โครินธ์ 15:25-49 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ที่​เป็น​อย่างนี้​ก็​เพราะ​มัน​จำเป็น​ที่​พระคริสต์​จะ​ต้อง​ปกครอง​จนกว่า​พระเจ้า​จะ​จัดการ​กับ​ศัตรู​ของ​พระคริสต์​ให้​อยู่​ใต้​อำนาจ​ของ​พระคริสต์​เสีย​ก่อน ศัตรู​ตัว​สุดท้าย​ที่​จะ​ถูก​ทำลาย​คือ​ความตาย เพราะ “พระเจ้า​ได้​ปราบ​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​ไว้​ใต้​เท้า​ของ​พระองค์​แล้ว” เมื่อ​พระคัมภีร์​พูด​ว่า “ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง” ก็​เข้าใจ​ชัดเจน​ว่า ไม่​ได้​รวม​ถึง​พระเจ้า​ผู้​ได้​ทำ​ให้​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​อยู่​ใต้​อำนาจ​ของ​พระคริสต์ เมื่อ​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​อยู่​ใต้​อำนาจ​ของ​พระคริสต์​แล้ว เมื่อ​นั้น​แม้แต่​พระคริสต์​พระบุตร​ของ​พระเจ้า​เอง​ก็​ยอม​อยู่​ใต้​อำนาจ​ของ​พระเจ้า​ผู้​ปราบ​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​ให้​อยู่​ใต้​อำนาจ​ของ​พระคริสต์ ที่​พระคริสต์​ทำ​อย่างนี้ ก็​เพื่อ​พระเจ้า​จะ​ยิ่งใหญ่​ที่สุด​เหนือ​ทุกสิ่ง​ทุกอย่าง ถ้า​ไม่​มี​การ​ฟื้น​จาก​ความตาย คน​ที่​เข้า​พิธี​จุ่มน้ำ​เพราะ​อยาก​จะ​ไป​อยู่​กับ​คน​ที่​ตาย​ไป​แล้ว จะ​ทำ​อย่างไร พวกนี้​จะ​เข้า​พิธี​จุ่มน้ำ​เพื่อ​จะ​ไป​อยู่​กับ​คน​ที่​ตาย​ไป​แล้ว​ทำไม​กัน ถ้า​คน​ตาย​ไม่​ฟื้น ทำไม​เรา​ถึง​ยอม​เสี่ยง​กับ​อันตราย​ทุกๆ​ชั่วโมง พี่น้อง​ครับ สาบาน​ได้​เลย​ว่า ผม​ตาย​ทุก​วัน เรื่องนี้​มัน​แน่นอน​พอๆ​กับ​ที่​ผม​ภาคภูมิใจ​จริงๆ​ใน​พี่น้อง​ที่​อยู่​ใน​พระเยซูคริสต์​เจ้า ถ้า​ผม​ต่อสู้​กับ​พวก​สัตว์ป่า​ใน​เมือง​เอเฟซัส (เปรียบ​เทียบ​ให้​ฟัง​นะ​ครับ) ผม​จะ​ได้​ประโยชน์​อะไร ถ้า​คน​ตาย​ไม่​ฟื้น “ก็​ให้​กิน​และ​ดื่ม​ไป​เลย เพราะ​พรุ่งนี้​เรา​ก็​จะ​ตาย​อยู่​แล้ว” อย่า​ให้​ใคร​มา​หลอก​คุณ​ได้ “คบ​คน​พาล คน​พาล​ก็​จะ​พา​ให้​เสีย​นิสัย​ดีๆ​ไป” ให้​มี​สติ​อย่าง​ที่​ควร​จะ​มี เลิก​ทำ​บาป​เสีย​เพราะ​พวก​คุณ​บางคน​ยัง​ไม่​รู้​เรื่อง​พระเจ้า​เสีย​ด้วย​ซ้ำ ผม​พูด​อย่างนี้​เพราะ​จะ​ให้​พวก​คุณ​อับอาย​ไป​เลย แต่​อาจ​จะ​มี​บางคน​ถาม​ว่า “คน​ตาย​จะ​ฟื้น​ขึ้น​มา​ได้​อย่างไร พวก​เขา​จะ​มี​ร่าง​แบบ​ไหน” ทำไม​โง่​อย่างนี้ สิ่ง​ที่​คุณ​หว่าน​นั้น มัน​จะ​ต้อง​ตาย​ก่อน​ถึง​จะ​มี​ชีวิต​ขึ้น​มา​ได้ และ​ไม่ว่า​คุณ​จะ​หว่าน​อะไร​ก็​ตาม สิ่ง​ที่​คุณ​หว่าน​นั้น​ไม่​ใช่​ลำต้น​ที่​มี​รูปร่าง​ใหญ่โต​เหมือน​กับ​สิ่ง​ที่​กำลัง​จะ​ขึ้น​มา มัน​เป็น​แค่​เมล็ด อาจ​จะ​เป็น​เมล็ด​ข้าว​สาลี หรือ​เมล็ด​อย่าง​อื่น แล้ว​พระเจ้า​ก็​จะ​ให้​ต้น​ของ​มัน​ตาม​ที่​พระองค์​เลือก พระองค์​ให้​เมล็ด​แต่​ละ​ชนิด​มี​ลำต้น​แตกต่าง​กัน​ไป เนื้อ​ของ​สิ่งมี​ชีวิต​ก็​แตกต่าง​กัน เนื้อ​มนุษย์​ก็​เป็น​แบบ​หนึ่ง เนื้อ​ของ​พวก​สัตว์​ก็​เป็น​อีก​แบบ​หนึ่ง นก​ก็​อย่าง​หนึ่ง ปลา​ก็​อีก​อย่าง​หนึ่ง ดวงดาว​ใน​ท้องฟ้า​มี​รูปร่าง​ที่​ต่างกัน สิ่ง​มี​ชีวิต​ใน​โลกนี้​ก็​มี​รูปร่าง​ที่​ต่าง​กัน รูปร่าง​ของ​สิ่ง​ที่​อยู่​บน​ท้องฟ้า​มี​ความ​งดงาม​อย่าง​หนึ่ง และ​รูปร่าง​ของ​สิ่ง​ใน​โลกนี้​มี​ความ​งดงาม​อีก​อย่าง​หนึ่ง ดวง​อาทิตย์​มี​ความ​งดงาม​อย่าง​หนึ่ง ดวง​จันทร์​ก็​อีก​อย่าง​หนึ่ง ดวง​ดาว​ก็​อีก​อย่าง​หนึ่ง และ​แม้แต่​ความ​งดงาม​ของ​ดวง​ดาว​แต่​ละ​ดวง​ก็​ยัง​แตกต่าง​กัน​เลย มัน​จะ​เป็น​อย่างนี้ เมื่อ​คน​ตาย​ฟื้น​ขึ้น​มา​ใหม่ รูปร่าง​ที่​ถูก​ฝัง​ใน​ดิน​นั้น​ก็​เน่าเปื่อย​ไป แต่​รูปร่าง​ที่​ฟื้น​ขึ้น​มา​ใหม่นี้​ไม่​มี​วัน​เน่าเปื่อย รูปร่าง​ที่​ถูก​ฝัง​ใน​ดิน​นั้น​ไม่​มี​เกียรติ แต่​รูปร่าง​ที่​ฟื้น​ขึ้น​มานี้​มี​สง่า​ราศี รูปร่าง​ที่​ถูก​ฝัง​ใน​ดิน​นั้น​อ่อนแอ แต่​รูปร่าง​ที่​ฟื้น​ขึ้น​มานี้​มี​ฤทธิ์​อำนาจ รูปร่าง​ที่​ถูก​ฝัง​ใน​ดิน​นั้น​เป็น​เพียง​รูปร่าง​ธรรมดา แต่​ร่าง​ที่​ฟื้น​ขึ้น​มานี้​เป็น​รูปร่าง​ทิพย์​จาก​พระวิญญาณ ดังนั้น​ใน​เมื่อ​มี​รูปร่าง​ธรรมดา​ก็​ต้อง​มี​รูปร่าง​ทิพย์​ด้วย เหมือน​กับ​ที่​พระคัมภีร์​เขียน​ไว้​ว่า “อาดัม​ผู้ชาย​คน​แรก​ได้​กลาย​เป็น​มนุษย์​ธรรมดา​ที่​มี​ชีวิต” แต่​พระคริสต์​ผู้​เป็น​อาดัม​คน​สุดท้าย​ได้​กลาย​เป็น​วิญญาณ​ที่​ให้​ชีวิต รูปร่าง​ทิพย์​ไม่​ได้​เกิด​ก่อน แต่​รูปร่าง​ธรรมดา​เกิด​ก่อน แล้ว​รูปร่าง​ทิพย์​จึง​ตาม​มา อาดัม​มนุษย์​คนแรก​นั้น​มา​จาก​ผง​คลีดิน​ใน​โลกนี้ ส่วน​พระคริสต์​มนุษย์​คน​ที่​สอง​มา​จาก​สวรรค์ พวก​ที่​เป็น​ของ​โลกนี้​ก็​จะ​เป็น​เหมือน​อาดัม​มนุษย์​คน​แรก​ที่​มา​จาก​ผง​คลีดิน​นั้น พวก​ที่​เป็น​ของ​สวรรค์​นั้น​ก็​จะ​เป็น​เหมือน​พระคริสต์​มนุษย์​คน​ที่​สอง​ที่​มา​จาก​สวรรค์​นั้น ตอนนี้​เรา​มี​รูปร่าง​เหมือน​กับ​อาดัม​คน​ที่​มา​จาก​ผง​คลีดิน เช่น​เดียว​กัน​วัน​หนึ่ง​เรา​ก็​จะ​มี​รูปร่าง​เป็น​เหมือน​พระคริสต์​คน​ที่​มา​จาก​สวรรค์

1 โครินธ์ 15:25-49 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

เพราะว่าพระองค์จะต้องทรงปกครองอยู่​ก่อน จนกว่าพระองค์จะได้ทรงปราบศั​ตรู​ทั้งสิ้นให้​อยู่​ใต้​พระบาทของพระองค์ ศัตรู​ตัวสุดท้ายที่จะทรงทำลายนั้​นก​็คือความตาย เพราะว่าพระองค์ทรงปราบสิ่งสารพัดลงใต้พระบาทของพระองค์​แล้ว แต่​เมื่อพระองค์ตรั​สว​่าทรงปราบสิ่งสารพัดลงนั้น ก็​เป็​นที​่ทราบชัดว่ายกเว้นองค์พระเจ้าผู้ทรงปราบสิ่งสารพัดให้​อยู่​ใต้​พระองค์ เมื่อสิ่งสารพัดถูกปราบให้​อยู่​ใต้​พระองค์​แล้ว เมื่อนั้นองค์พระบุตรก็จะอยู่​ใต้​พระเจ้าผู้ทรงปราบสิ่งสารพัดให้​อยู่​ใต้​พระองค์ เพื่อพระเจ้าจะทรงเป็นเอกเป็นใหญ่ในสิ่งสารพัดทั้งปวง มิฉะนั้น คนเหล่านั้​นที​่รับบัพติศมาสำหรับคนตายเขาทำอะไรกัน ถ้าคนตายจะไม่เป็นขึ้นมา เหตุ​ไฉนจึ​งม​ีคนรับบัพติศมาสำหรับคนตายเล่า และเหตุไฉนเราจึงต้องเผชิญกับภั​ยอ​ันตรายตลอดเวลาเล่า ข้าพเจ้าขอยืนยันโดยอ้างความภู​มิ​ใจซึ่งข้าพเจ้ามี​อยู่​ในท่านทั้งหลายโดยพระเยซู​คริสต์​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเราว่า ข้าพเจ้าตายทุกวัน ถ้าตามลักษณะของมนุษย์ ข้าพเจ้าต่อสู้กับสัตว์ป่าในเมืองเอเฟซั​สน​ั้น จะเป็นประโยชน์อะไรแก่​ข้าพเจ้า ถ้าคนตายไม่​ได้​เป็นขึ้นมาอีก ‘​ให้​เรากินและดื่มเถิด เพราะว่าพรุ่งนี้เราจะตาย’ อย่าหลงเลย การคบกับคนชั่วย่อมทำให้นิสัยที่​ดี​เสียไป จงตื่นขึ้นสู่ความชอบธรรมและอย่าทำผิดอีกเลย เพราะว่าบางคนไม่​มีความรู้​เรื่องพระเจ้าเสียเลย ที่​ข้าพเจ้าว่านี้​ก็​ให้​ท่านมี​ความละอาย แต่​บางคนจะถามว่า “คนตายจะเป็นขึ้นมาอย่างไรได้ เมื่อเขาเป็นขึ้นมาจะมี​รู​ปกายเป็นอย่างไร” ท่านคนเขลา เมล็ดที่ท่านหว่านลงนั้น ถ้าไม่ตายเสี​ยก​่อนแล้วจะงอกขึ้นใหม่​ไม่ได้ เมล็ดข้าวที่ท่านหว่านนั้น จะเป็นข้าวสาลีหรือพืชอื่นๆก็​ดี ท่านมิ​ได้​หว่านสิ่งที่เป็​นร​ูปร่างของต้​นที​่จะงอกขึ้นมา แต่​ได้​หว่านเมล็ดเท่านั้น แต่​พระเจ้าทรงประทานรูปร่างต้นของเมล็ดนั้นตามที่​พระองค์​ทรงเห็นชอบ และทรงประทานรูปร่างแก่เมล็ดพืชทุกพรรณตามชนิดของมัน เพราะว่าเนื้อนั้นไม่เหมือนกันหมดทุกอย่าง เนื้​อมนุษย์​ก็​อย่างหนึ่ง เนื้อสัตว์​สี​่​เท​้าก็​อย่างหนึ่ง เนื้อปลาก็​อย่างหนึ่ง เนื้อนกก็​อย่างหนึ่ง ร่างกายสำหรับสวรรค์​ก็​มี และร่างกายสำหรับโลกก็​มี แต่​ว่าสง่าราศีของร่างกายสำหรับสวรรค์​ก็​อย่างหนึ่ง และสง่าราศีของร่างกายสำหรับโลกก็​อย่างหนึ่ง สง่าราศีของดวงอาทิตย์​ก็​อย่างหนึ่ง สง่าราศีของดวงจันทร์​ก็​อย่างหนึ่ง สง่าราศีของดวงดาวก็​อย่างหนึ่ง แท้​ที่​จร​ิงสง่าราศีของดาวดวงหนึ่​งก​็ต่างกั​นก​ับสง่าราศีของดาวดวงอื่นๆ การซึ่งจะเป็นขึ้นมาจากความตายนั้​นก​็​เหมือนกัน สิ​่งที่หว่านลงนั้นเป็นของที่จะเปื่อยเน่า สิ​่งที่เป็นขึ้นมาใหม่นั้​นก​็จะไม่​รู้​จักเปื่อยเน่า สิ​่งที่หว่านลงนั้นไร้​เกียรติ สิ​่งที่เป็นขึ้นมาใหม่​ก็​จะมีสง่าราศี สิ​่งที่หว่านลงนั้​นอ​่อนกำลัง สิ​่งที่เป็นขึ้นมาใหม่​ก็​จะมี​อำนาจ สิ​่งที่หว่านลงนั้​นก​็เป็นกายธรรมดา สิ​่งที่เป็นขึ้นมาก็จะเป็นกายวิญญาณ กายธรรมดามี และกายวิญญาณก็​มี เหมือนมี​เข​ียนไว้​แล​้​วว​่า ‘ทรงสร้างมนุษย์คนเดิมคืออาดัมเป็นจิตวิญญาณมี​ชี​วิตอยู่’ แต่​อาด​ัมผู้ซึ่งมาภายหลังนั้นเป็​นว​ิญญาณผู้ประสาทชีวิต แต่​ร่างกายซึ่งเกิ​ดก​่อนนั้นหาใช่เป็นกายวิญญาณไม่ แต่​เป็นกายธรรมดา แล​้วภายหลังจึงเป็นกายวิญญาณ มนุษย์​เดิ​มน​ั้นกำเนิดจากดินและเป็นมนุษย์​ดิน มนุษย์​ที่​สองเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาจากสวรรค์ มนุษย์​ดิ​นผู้นั้นเป็นอย่างไร มนุษย์​ดิ​นทุกคนก็เป็นอย่างนั้น มนุษย์​สวรรค์​ผู้​นั้นเป็นอย่างไร มนุษย์​สวรรค์​ทุ​กคนก็เป็นอย่างนั้น และเมื่อเราเกิดมามีลักษณะสมกับมนุษย์​ดิ​นแล้ว เราก็จะมีลักษณะสมกับมนุษย์​สวรรค์​ด้วย

1 โครินธ์ 15:25-49 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

เพราะว่าพระองค์จะต้องทรงปกครองอยู่ก่อน จนกว่าพระองค์จะได้ทรงปราบศัตรูทั้งสิ้นให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์ ศัตรูตัวสุดท้ายที่พระองค์จะทรงทำลายนั้นก็คือความตาย เพราะว่าพระองค์ทรงปราบสิ่งสารพัดลงใต้พระบาทของพระองค์แล้ว แต่เมื่อพระคัมภีร์กล่าวว่าทรงปราบสิ่งสารพัดลงนั้น ก็เป็นที่ทราบชัดว่า ยกเว้นองค์พระเจ้าผู้ทรงปราบสิ่งสารพัดให้อยู่ใต้พระองค์ เมื่อสิ่งสารพัดถูกปราบให้อยู่ใต้พระองค์แล้ว เมื่อนั้นองค์พระบุตรก็จะอยู่ใต้พระเจ้า ผู้ทรงปราบสิ่งสารพัดให้อยู่ใต้พระองค์ เพื่อพระเจ้าจะทรงเป็นเอกเป็นใหญ่ในสิ่งสารพัดทั้งปวง มิฉะนั้นคนเหล่านั้นที่รับบัพติศมาสำหรับคนตายเขาทำอะไรกัน ถ้าพระเจ้าไม่ทรงชุบคนตายให้เป็นขึ้นมา เหตุไฉนจึงมีคนรับบัพติศมาสำหรับคนตายเล่า และเหตุไฉนข้าพเจ้าจึงต้องเผชิญกับภัยอันตรายตลอดเวลาเล่า ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอยืนยัน โดยอ้างความภูมิใจซึ่งข้าพเจ้ามีอยู่ในท่านทั้งหลาย โดยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราว่า ข้าพเจ้าตายทุกวัน ในการที่ข้าพเจ้าต่อสู้กับสัตว์ป่าในเมืองเอเฟซัสนั้น (ตามที่เขาพูดกัน) จะเป็นประโยชน์อะไรแก่ข้าพเจ้า ถ้าพระเจ้าไม่ทรงชุบคนตายให้เป็นขึ้นมาอีกแล้ว ก็ให้เรากินและดื่มเถิด เพราะว่าพรุ่งนี้เราก็จะตาย อย่าหลงเลย <<การคบคนชั่วย่อมเสียนิสัย>> ท่านทั้งหลายจงกลับมาสู่ความชอบธรรมและอย่าทำผิดอีกเลย เพราะว่าบางคนไม่รู้จักพระเจ้า ที่ข้าพเจ้าว่านี้ก็ให้ท่านมีความละอาย แต่บางคนจะถามว่า <<คนตายจะเป็นขึ้นมาอย่างไรได้ เมื่อเขาเป็นขึ้นมาจะมีรูปกายเป็นอย่างไร>> โอคนเขลา เมล็ดที่ท่านหว่านลงนั้น ถ้าไม่ตายเสียก่อนแล้วจะงอกขึ้นใหม่ไม่ได้ เมล็ดข้าวที่ท่านหว่านนั้น จะเป็นข้าวสาลีหรือพืชอื่นๆก็ดี ท่านมิได้หว่านสิ่งที่เป็นรูปร่างของต้นที่จะงอกขึ้นมา แต่ได้หว่านเมล็ดเท่านั้น พระเจ้าทรงประทานรูปร่างต้นของเมล็ดนั้นตามที่พระองค์ทรงเห็นชอบ และทรงประทานรูปร่างแก่เมล็ดพืชทุกพรรณตามชนิดของมัน เพราะว่าเนื้อนั้นไม่เหมือนกันหมดทุกอย่าง เนื้อมนุษย์ก็อย่างหนึ่ง เนื้อสัตว์จตุบาทก็อย่างหนึ่ง เนื้อนกก็อย่างหนึ่ง เนื้อปลาก็อย่างหนึ่ง ร่างกายสำหรับสวรรค์ก็มี และร่างกายสำหรับโลกก็มี แต่ว่าศักดิ์ศรีของร่างกายสำหรับสวรรค์ก็อย่างหนึ่ง และศักดิ์ศรีของร่างกายสำหรับโลกก็อย่างหนึ่ง ศักดิ์ศรีของดวงอาทิตย์ก็อย่างหนึ่ง ศักดิ์ศรีของดวงจันทร์ก็อย่างหนึ่ง ศักดิ์ศรีของดวงดาวก็อย่างหนึ่ง แท้ที่จริงศักดิ์ศรีของดาวดวงหนึ่งก็ต่างกันกับศักดิ์ศรีของดาวดวงอื่นๆ การซึ่งจะเป็นขึ้นมาจากความตายนั้นก็เหมือนกัน สิ่งที่หว่านลงนั้นเป็นของที่จะเน่าเปื่อย สิ่งที่เป็นขึ้นมาใหม่นั้นก็จะไม่รู้จักเน่าเปื่อย สิ่งที่หว่านลงนั้นไร้เกียรติ สิ่งที่เป็นขึ้นมาใหม่ก็จะมีศักดิ์ศรี สิ่งที่หว่านลงนั้นอ่อนกำลัง สิ่งที่เป็นขึ้นมาใหม่ก็จะทรงอานุภาพ สิ่งที่หว่านลงนั้นเป็นร่างกาย สิ่งที่เป็นขึ้นมาก็จะเป็นกายวิญญาณ ถ้าร่างกายมี กายวิญญาณก็มีด้วย มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า มนุษย์คนเดิมคืออาดัม จึงเป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่ แต่อาดัมผู้ซึ่งมาภายหลังนั้นเป็นวิญญาณผู้ประสาทชีวิต แต่ร่างกายซึ่งเกิดก่อนนั้นหาใช่เป็นกายวิญญาณไม่ แต่เป็นร่างกายแล้วภายหลังจึงเกิดมีกายวิญญาณขึ้น มนุษย์เดิมนั้นกำเนิดจากดินและเป็นมนุษย์ดิน มนุษย์ที่สองเสด็จมาจากสวรรค์ มนุษย์ดินผู้นั้นเป็นอย่างไร มนุษย์ดินทุกคนก็เป็นอย่างนั้น มนุษย์สวรรค์ผู้นั้นเป็นอย่างไร มนุษย์สวรรค์ทุกคนก็เป็นอย่างนั้น และเมื่อเราเกิดมามีลักษณะสมกับมนุษย์ดินแล้ว เราก็จะมีลักษณะสมกับมนุษย์สวรรค์ด้วย

1 โครินธ์ 15:25-49 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

เพราะพระองค์จะต้องครอบครองจนกว่าพระองค์จะได้สยบศัตรูทั้งสิ้นไว้ใต้พระบาทของพระองค์ ศัตรูตัวสุดท้ายที่ต้องทรงทำลายคือความตาย เพราะพระองค์ “ได้ทรงทำให้ทุกสิ่งอยู่ใต้พระบาทของพระองค์” ที่ว่า “ทุกสิ่ง” อยู่ใต้พระองค์นี้เป็นที่ชัดเจนว่าไม่รวมถึงพระเจ้าเองผู้ทรงให้ทุกสิ่งอยู่ภายใต้พระคริสต์ เมื่อพระองค์ทรงกระทำเช่นนี้แล้ว พระบุตรเองจะอยู่ภายใต้พระเจ้าผู้ทรงทำให้ทุกสิ่งอยู่ภายใต้พระองค์ เพื่อพระเจ้าจะทรงอยู่เหนือทุกสิ่ง เมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าไม่มีการเป็นขึ้นจากตายแล้ว บรรดาผู้ที่รับบัพติศมาสำหรับคนตายจะทำอย่างไร? ถ้าคนตายไม่คืนชีวิต ทำไมยังมีคนรับบัพติศมาเพื่อผู้ตาย? และสำหรับเรา ทำไมเราจึงต้องเผชิญภยันตรายอยู่ทุกเวลา? ข้าพเจ้าตายทุกวัน พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าหมายความเช่นนั้น สิ่งนี้แน่นอนเหมือนที่ข้าพเจ้าภาคภูมิใจในพวกท่านในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ถ้าข้าพเจ้าต่อสู้กับพวกสัตว์ป่าในเอเฟซัสเพียงเพื่อเหตุผลของมนุษย์ ข้าพเจ้าได้อะไร? หากพระเจ้าไม่ได้ให้คนตายเป็นขึ้นมา “ให้เรากินและดื่ม เพราะพรุ่งนี้เราก็ตายแล้ว” อย่าให้ใครชักจูงให้หลงผิดเลย “เพื่อนเลวย่อมทำให้อุปนิสัยที่ดีเสื่อมทรามไป” จงกลับมีสติสัมปชัญญะอย่างที่ควรเถิดและเลิกทำบาป เพราะมีบางคนไม่รู้จักพระเจ้าเลย ที่ข้าพเจ้าพูดเช่นนี้ก็เพื่อให้ท่านละอายใจ แต่บางคนอาจจะถามว่า “คนตายเป็นขึ้นมาได้อย่างไร? เมื่อเป็นขึ้นร่างกายของเขาจะเป็นแบบไหน?” ช่างเขลาเสียจริง! สิ่งที่ท่านหว่านลงจะไม่มีชีวิตขึ้นมา ถ้าสิ่งนั้นไม่ตายเสียก่อน เมื่อท่านหว่าน ท่านไม่ได้ปลูกต้นที่โตเต็มที่แล้ว แต่ท่านปลูกแค่เมล็ด ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดข้าวสาลีหรือเมล็ดพืชใดๆ แต่พระเจ้าประทานลำต้นตามที่ได้ทรงกำหนดไว้ และพระองค์ประทานลำต้นของมันเองให้แก่เมล็ดแต่ละชนิด เนื้อทั้งปวงไม่เหมือนกัน เนื้อมนุษย์ก็อย่างหนึ่ง สัตว์ต่างๆ ก็อีกอย่างหนึ่ง สัตว์ปีกสัตว์น้ำก็อีกอย่างหนึ่ง กายก็มีทั้งแบบสวรรค์และแบบฝ่ายโลกเช่นกัน แต่สง่าราศีของกายแบบสวรรค์ก็อย่างหนึ่ง และสง่าราศีของกายแบบฝ่ายโลกก็อีกอย่างหนึ่ง สง่าราศีของดวงอาทิตย์เป็นแบบหนึ่ง ดวงจันทร์ก็อีกแบบหนึ่ง และดวงดาวก็อีกแบบหนึ่ง อันที่จริงสง่าราศีของดาวแต่ละดวงก็ต่างกัน การเป็นขึ้นมาของคนตายก็เช่นกัน กายที่หว่านลงนั้นเสื่อมสลายได้ ที่เป็นขึ้นมาใหม่จะไม่เสื่อมสลาย ที่หว่านลงนั้นไร้ศักดิ์ศรี ที่เป็นขึ้นเปี่ยมด้วยศักดิ์ศรี ที่หว่านลงนั้นอ่อนแอ ที่เป็นขึ้นทรงพลัง ที่หว่านลงนั้นเป็นกายธรรมชาติ ที่เป็นขึ้นเป็นกายวิญญาณ ถ้ามีกายธรรมชาติย่อมมีกายวิญญาณด้วย จึงมีเขียนไว้ว่า “อาดัมมนุษย์คนแรกจึงกลายเป็นผู้มีชีวิต” ส่วนอาดัมคนหลังเป็นวิญญาณผู้ให้ชีวิต กายวิญญาณไม่ได้มาก่อน แต่กายธรรมชาติมาก่อนและกายวิญญาณมาทีหลัง มนุษย์คนแรกมาจากธุลีดินของโลกนี้ มนุษย์คนที่สองมาจากสวรรค์ คนฝ่ายโลกเป็นอย่างไร ชาวโลกก็เป็นอย่างนั้น คนจากสวรรค์เป็นอย่างไร ชาวสวรรค์ก็เป็นอย่างนั้น และเราเกิดมามีลักษณะเหมือนกับคนฝ่ายโลกอย่างไร เราก็จะมีลักษณะเหมือนกับคนจากสวรรค์อย่างนั้น

1 โครินธ์ 15:25-49 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

เพราะ​ว่า​พระ​องค์​ต้อง​ครอง จน​กระทั่ง​พระ​เจ้า​ปราบ​ศัตรู​ทั้ง​หมด​ให้​อยู่​ใต้เท้า​ของ​พระ​องค์ ศัตรู​ท้าย​สุด​ที่​ต้อง​ทำลาย​คือ​ความ​ตาย เพราะ​ว่า “พระ​เจ้า​ได้​ให้​ทุก​สิ่ง​อยู่​ใต้​เท้า​ของ​พระ​องค์​แล้ว” แต่​เมื่อ​พระ​องค์​กล่าว​ว่า “ทุก​สิ่ง​ถูก​ปราบ​ให้​อยู่​ภาย​ใต้​พระ​องค์” ก็​เป็น​ที่​ชัดแจ้ง​ว่า เป็น​การ​ยกเว้น​พระ​เจ้า​ผู้​ปราบ​ทุก​สิ่ง​ให้​อยู่​ภาย​ใต้​พระ​คริสต์ เมื่อ​ทุก​สิ่ง​อยู่​ภาย​ใต้​พระ​บุตร​แล้ว พระ​บุตร​ก็​จะ​อยู่​ภาย​ใต้​พระ​เจ้า​ผู้​ปราบ​ทุก​สิ่ง​ให้​อยู่​ภาย​ใต้​พระ​องค์ เพื่อ​ว่า​พระ​เจ้า​จะ​ได้​เป็น​ใหญ่​เหนือ​สิ่ง​ทั้ง​ปวง ถ้า​ไม่​มี​การ​ฟื้น​คืน​ชีวิต แล้ว​บรรดา​ผู้​ที่​รับ​บัพติศมา​เพื่อ​คน​ตาย​จะ​ทำ​อย่างไร ถ้า​คน​ตาย​ไม่​ฟื้น​คืน​ชีวิต​เลย ทำไม​ผู้​คน​จึง​รับ​บัพติศมา​เพื่อ​เขา และ​ทำไม​เรา​จึง​เสี่ยง​อันตราย​ตลอด​เวลา​เล่า พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย เป็น​ความ​จริง​ที่​ข้าพเจ้า​เผชิญ​กับ​ความ​ตาย​ทุก​วัน จริง​เท่าๆ กับ​ความ​ภูมิใจ​ที่​ข้าพเจ้า​มี​ใน​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ใน​พระ​เยซู​คริสต์ องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา ถ้า​ข้าพเจ้า​ต่อ​สู้​กับ​สัตว์​ป่า​ใน​เมือง​เอเฟซัส เนื่อง​จาก​เหตุผล​ของ​มนุษย์​เท่า​นั้น แล้ว​ข้าพเจ้า​จะ​ได้​ประโยชน์​อะไร หาก​ว่า​คน​ตาย​ไม่​ฟื้น​คืน​ชีวิต “เรา​มา​ดื่ม​กิน​กัน​เถิด เพราะ​ว่า​พรุ่งนี้​เรา​ก็​จะ​ตาย​แล้ว” อย่า​หลง​ผิด​เลย “การ​คบ​คน​ชั่ว​ย่อม​ทำ​ให้​นิสัย​เสีย​มาก​ขึ้น” จง​ครอง​สติ​ให้​ดี​เถิด​และ​อย่า​ทำ​บาป เพราะ​ว่า​มี​บาง​คน​ที่​ไม่​รู้จัก​พระ​เจ้า ข้าพเจ้า​กล่าว​เช่น​นี้​ก็​เพราะ​จะ​ให้​ท่าน​มี​ความ​ละอาย​ใจ แต่​บาง​คน​อาจ​จะ​ถาม​ว่า “คน​ตาย​ฟื้น​คืน​ชีวิต​ได้​อย่างไร จะ​มี​ร่างกาย​เป็น​อย่างไร” คน​เขลา​เอ๋ย สิ่ง​ที่​ท่าน​หว่าน ถ้า​จะ​มี​ชีวิต​ขึ้น​มา​ได้​ก็​ต้อง​ตาย​ไป​ก่อน สิ่ง​ที่​ท่าน​หว่าน ท่าน​ไม่​ได้​หว่าน​เป็น​ต้น​พืช แต่​หว่าน​เพียง​เมล็ด​เช่น​ข้าวสาลี​หรือ​พืช​อื่นๆ แต่​พระ​เจ้า​มอบ​ต้น​ให้​ตาม​ที่​พระ​องค์​เห็น​ชอบ และ​แต่​ละ​เมล็ด​ก็​ได้​ต้น​ตาม​ชนิด​ของ​มัน ร่างกาย​ไม่​เหมือน​กัน​หมด มนุษย์​มี​ร่างกาย​อย่าง​หนึ่ง สัตว์​ก็​อย่าง​หนึ่ง นก​ก็​อย่าง​หนึ่ง ปลา​ก็​อีก​อย่าง​หนึ่ง มี​ร่างกาย​สำหรับ​สวรรค์ และ​ร่างกาย​สำหรับ​โลก​ด้วย แต่​สง่าราศี​ของ​กาย​ฝ่าย​สวรรค์​เป็น​อย่าง​หนึ่ง และ​สง่าราศี​ของ​กาย​ฝ่าย​โลก​ก็​เป็น​อีก​อย่าง​หนึ่ง ดวง​อาทิตย์​มี​สง่าราศี​อย่าง​หนึ่ง ดวง​จันทร์​อย่าง​หนึ่ง ดวง​ดาว​ก็​อีก​อย่าง​หนึ่ง ดาว​แต่​ละ​ดวง​ก็​มี​สง่าราศี​ต่าง​กัน​ไป​ด้วย การ​ฟื้น​คืน​ชีวิต​ของ​คน​ตาย​ก็​เช่น​กัน ร่าง​ที่​ถูก​หว่าน​นั้น​เน่าเปื่อย​ได้ ร่าง​ที่​ฟื้น​คืน​ชีวิต​ไม่​รู้จัก​เน่าเปื่อย ร่าง​ที่​ถูก​หว่าน​นั้น​ไร้​เกียรติ แต่​ฟื้น​คืน​ชีวิต​ด้วย​สง่าราศี ร่าง​ที่​ถูก​หว่าน​นั้น​อ่อนแอ และ​ฟื้น​คืน​ชีวิต​ด้วย​อานุภาพ ร่าง​ที่​ถูก​หว่าน​ด้วย​กาย​แห่ง​ความ​เป็น​มนุษย์ และ​ฟื้น​คืน​ชีวิต​ด้วย​กาย​ฝ่าย​วิญญาณ ถ้า​มี​กาย​แห่ง​ความ​เป็น​มนุษย์ ก็​มี​กาย​ฝ่าย​วิญญาณ​ด้วย มี​บันทึก​ไว้​ว่า “อาดัม​คน​แรก​ได้​มา​เป็น​บุคคล​ที่​มี​ชีวิต” อาดัม​คน​สุดท้าย​เป็น​พระ​วิญญาณ​ที่​ให้​ชีวิต กาย​ฝ่าย​วิญญาณ​ไม่​ได้​เกิด​ขึ้น​ก่อน แต่​เป็น​กาย​แห่ง​ความ​เป็น​มนุษย์ แล้ว​หลัง​จาก​นั้น​จึง​เป็น​ฝ่าย​วิญญาณ มนุษย์​คน​แรก​มา​จาก​ดิน​แห่ง​แผ่นดิน​โลก มนุษย์​คน​ที่​สอง​มา​จาก​สวรรค์ มนุษย์​ดิน​เป็น​อย่างไร บรรดา​มนุษย์​ที่​มา​จาก​ดิน​ก็​เป็น​อย่าง​นั้น และ​มนุษย์​ที่​มา​จาก​สวรรค์​เป็น​อย่างไร บรรดา​มนุษย์​ที่​จะ​ได้​ไป​สวรรค์​ก็​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น และ​เท่า​ที่​เรา​มี​คุณลักษณะ​เหมือน​มนุษย์​ที่​มา​จาก​ดิน เรา​ก็​จะ​มี​คุณลักษณะ​เหมือน​มนุษย์​ที่​มา​จาก​สวรรค์​ด้วย