กันดารวิถี 11:1-15

กันดารวิถี 11:1-15 TH1971

ประชาชนได้บ่นเรื่องเหตุร้าย ต่อพระเนตรพระกรรณของพระเจ้า เมื่อพระเจ้าทรงทราบก็ทรงพระพิโรธ มีไฟของพระเจ้ามาไหม้อยู่ท่ามกลาง เขาเผาค่ายรอบนอกเสียบ้าง แล้วคนทั้งหลายจึงร้องต่อโมเสส และโมเสสได้อธิษฐานพระเจ้า ไฟก็ดับ เขาจึงเรียกชื่อตำบลนั้นว่าทาเบราห์ เพราะไฟของพระเจ้ามาไหม้อยู่ท่ามกลางเขาทั้งหลาย คนที่ปะปนมากับเขาทั้งหลายเป็นคนละโมบมาก ทั้งคนอิสราเอลก็ร้องไห้คร่ำครวญอีกว่า <<ผู้ใดจะให้เนื้อเรากิน เราระลึกถึงปลาที่เราเคยกินในอียิปต์โดยไม่ต้องซื้อ ทั้งแตงกวา แตงโม กระเทียมจีน หอมใหญ่ หัวกระเทียม บัดนี้จิตใจของเราก็เหี่ยวแห้งลง ไม่มีอะไรให้เราดูเลยนอกจากมานานี้>> มานานั้นเหมือนเมล็ดผักชี สีเหมือนยางไม้ตะคร้ำ ประชาชนก็เที่ยวออกไปเก็บมาโม่หรือตำในครก และใส่หม้อต้มทำขนม รสของมานาเหมือนรสขนมคลุกน้ำมัน กลางคืนเมื่อน้ำค้างตกมาเหนือค่าย มานาก็ตกมาด้วย โมเสสได้ยินประชาชนร้องไห้ไปทั่วตระกูลทั้งหลาย ต่างคนต่างอยู่ที่ประตูเต็นท์ของตน พระเจ้าทรงกริ้วยิ่งนัก โมเสสก็ร้อนใจด้วย โมเสสจึงกราบทูลพระเจ้าว่า <<ไฉนพระองค์จึงให้ผู้รับใช้ของพระองค์ยากเย็นเช่นนี้ เหตุใดข้าพระองค์ไม่เป็นที่โปรดปรานต่อพระองค์ พระองค์จึงทรงวางเรื่องของชนชาติทั้งหมดนี้อัน เป็นภาระหนักลงเหนือข้าพระองค์ ข้าพระองค์ตั้งครรภ์คนเหล่านี้มาหรือ ข้าพระองค์ยังคนเหล่านี้ให้เกิดมาหรือ พระองค์จึงตรัสแก่ข้าพระองค์ว่า <จงอุ้มเขาไว้ในอกของเจ้าอย่างคนเลี้ยงอุ้ม ลูกแดงนำมาสู่แผ่นดินที่พระองค์ปฏิญาณจะให้แก่ ปู่ย่าตายายของเขา> ข้าพระองค์จะได้เนื้อมาจากไหนให้คนทั้งหมดนี้ เพราะเขาร้องไห้ต่อข้าพระองค์ว่า <ขอเนื้อให้เรากิน> ข้าพระองค์ไม่สามารถหอบอุ้มคนเหล่านี้แต่ลำพัง ได้เป็นภาระหนักเกินแก่ข้าพระองค์ ถ้าพระองค์จะทรงกระทำแก่ข้าพระองค์อย่างนี้แล้ว และถ้าข้าพระองค์เป็นที่โปรดปราน ขอจงประหารข้าพระองค์เสียทันทีเถิด อย่าให้ข้าพระองค์แลเห็นความทุเรศของข้าพระองค์เลย>>