ลูกา 2:1-38

ลูกา 2:1-38 TH1971

อยู่มาคราวนั้น มีรับสั่งจากมหาจักรพรรดิซีซาร์ ออกัสตัส ให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้จดทะเบียนสำมะโนครัว เมื่อคีรินิอัสเป็นเจ้าเมืองซีเรีย คนทั้งปวงต่างคนต่างได้ไปขึ้นทะเบียนยังเมืองของตน ฝ่ายโยเซฟก็ขึ้นไปจากเมืองนาซาเร็ธ แคว้นกาลิลีถึงเมืองของดาวิดชื่อเบธเลเฮมแคว้นยูเดียด้วย เพราะว่าเขาเป็นวงศ์วานและเชื้อสายของดาวิด เขาได้ไปกับมารีย์ที่เขาได้หมั้นไว้แล้ว เพื่อจะขึ้นทะเบียน และนางมีครรภ์ เมื่อเขาทั้งสองยังอยู่ที่นั่น ก็ถึงเวลาที่มารีย์จะประสูติบุตร นางจึงประสูติบุตรชายหัวปี เอาผ้าอ้อมพันและวางไว้ในรางหญ้า เพราะว่าไม่มีที่ว่างให้เขาในโรงแรม ในแถบนั้นมีคนเลี้ยงแกะอยู่ในทุ่งนา เฝ้าฝูงแกะของเขาในเวลากลางคืน มีทูตองค์หนึ่งของพระเป็นเจ้ามาปรากฏแก่เขา และพระสิริของพระเป็นเจ้าส่องล้อมรอบเขา และเขากลัวนัก ฝ่ายทูตองค์นั้นกล่าวแก่เขาว่า <<อย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมายังท่านทั้งหลาย คือความปรีดียิ่งซึ่งจะมาถึงคนทั้งปวง เพราะว่าในวันนี้พระผู้ช่วยให้รอดของท่านทั้งหลาย คือพระคริสตเจ้า มาบังเกิดที่เมืองดาวิด นี่จะเป็นหมายสำคัญแก่ท่านทั้งหลาย คือท่านจะได้พบพระกุมารนั้นพันผ้าอ้อมนอนอยู่ในรางหญ้า>> ในทันใดนั้น มีชาวสวรรค์หมู่หนึ่งมาอยู่กับทูตองค์นั้นร่วมสรรเสริญพระเจ้าว่า <<พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด ส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งปวง ซึ่งพระองค์ทรงโปรดปรานนั้น>> เมื่อทูตสวรรค์เหล่านั้น ไปจากเขาขึ้นสู่สวรรค์แล้ว พวกเลี้ยงแกะได้พูดกันว่า <<ให้เราไปยังเมืองเบธเลเฮมดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ซึ่งพระเป็นเจ้าได้ทรงแจ้งแก่เรา>> เขาก็รีบไปแล้วพบนางมารีย์กับโยเซฟ และพบพระกุมารนั้นนอนอยู่ในรางหญ้า ครั้นเขาได้เห็นแล้ว จึงเล่าเรื่องซึ่งเขาได้ยินถึงพระกุมารนั้น คนทั้งปวงที่ได้ยินก็ประหลาดใจ ด้วยเนื้อความที่คนเลี้ยงแกะได้บอกแก่เขา ฝ่ายนางมารีย์ก็เก็บบรรดาสิ่งเหล่านั้นไว้ในใจและรำพึงอยู่ คนเลี้ยงแกะจึงกลับไปยกย่องสรรเสริญพระเจ้า เพราะเหตุการณ์ทั้งปวงซึ่งเขาได้ยิน และได้เห็นดังได้กล่าวไว้แก่เขาแล้ว ครั้นครบแปดวัน เป็นวันให้พระกุมารนั้นเข้าสุหนัต เขาจึงให้นามว่าเยซู ตามซึ่งทูตสวรรค์ได้กล่าวไว้ก่อน เมื่อยังมิได้ปฏิสนธิ์ในครรภ์ เมื่อถึงเวลาทำพิธีชำระตัวตามธรรมบัญญัติของโมเสส เขาจึงนำพระกุมารไปยังกรุงเยรูซาเล็มจะถวายแด่พระเป็นเจ้า ตามที่เขียนไว้แล้วในธรรมบัญญัติของพระเป็นเจ้าว่า <<บุตรชายทุกคนที่เบิกครรภ์ครั้งแรก จะได้เรียกว่าเป็นบุตรที่ถวายแด่พระเจ้า>> และถวายของบูชาตามที่ได้ตรัสสั่งไว้แล้ว ในธรรมบัญญัติของพระเป็นเจ้า คือ นกเขาคู่หนึ่ง หรือนกพิราบหนุ่มสองตัว นี่แน่ะ มีชายคนหนึ่งในกรุงเยรูซาเล็มชื่อสิเมโอน เป็นคนชอบธรรมและเกรงกลัวพระเจ้า และคอยเวลาซึ่งพวกอิสราเอลจะได้รับความบรรเทาทุกข์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตกับท่าน พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงสำแดงแก่ท่านว่า ท่านจะไม่ตายจนกว่าจะได้เห็นพระคริสต์ของพระเป็นเจ้า สิเมโอนเข้าไปในบริเวณพระวิหาร โดยพระวิญญาณทรงนำ และเมื่อบิดามารดาได้นำพระกุมารเยซูเข้าไป เพื่อจะกระทำแก่พระกุมารตามธรรมเนียมแห่งธรรมบัญญัติ สิเมโอนจึงอุ้มพระกุมาร และสรรเสริญพระเจ้าว่า <<ข้าแต่พระเจ้า บัดนี้พระองค์ทรงให้ทาสของพระองค์ไปเป็นสุข ตามพระดำรัสของพระองค์ เพราะว่าตาของข้าพระองค์ได้เห็นความรอดของพระองค์แล้ว ซึ่งพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมไว้ต่อหน้าบรรดาชนชาติทั้งหลาย เป็นสว่างส่องแสงแก่คนต่างชาติ และเป็นศักดิ์ศรีของพวกอิสราเอลชนชาติของพระองค์>> ฝ่ายบิดามารดาของพระกุมารก็ประหลาดใจ เพราะถ้อยคำซึ่งท่านได้กล่าวถึงพระกุมารนั้น แล้วสิเมโอนก็อวยพรแก่เขา แล้วกล่าวแก่นางมารีย์มารดาพระกุมารนั้นว่า <<ดูก่อน ท่านทรงตั้งพระกุมารนี้ไว้ เป็นเหตุให้หลายคนในพวกอิสราเอลล้มลงหรือยกตั้งขึ้น และจะเป็นหมายสำคัญซึ่งคนปฏิเสธ เพื่อความคิดในใจของคนเป็นอันมากจะได้ปรากฏแจ้ง ถึงหัวใจของท่านเองก็ยังจะถูกดาบแทงทะลุด้วย>> ยังมีผู้เผยพระวจนะหญิงคนหนึ่งชื่ออันนา บุตรีฟานูเอลในเผ่าอาเชอร์ นางเป็นคนชรามากแล้ว มีสามีตั้งแต่สาวๆและอยู่ด้วยกันเจ็ดปี แล้วก็เป็นม่ายมาจนถึงแปดสิบสี่ปี นางมิได้ไปจากบริเวณพระวิหารเลย อยู่นมัสการถืออดอาหารและอธิษฐานทั้งกลางวันกลางคืน ในขณะนั้นผู้หญิงคนนี้ก็เข้ามาโมทนาพระเจ้า และกล่าวถึงพระกุมารให้คนทั้งปวงที่คอยการทรงไถ่กรุงเยรูซาเล็มฟัง

อ่าน ลูกา 2