มัทธิว 13:1-32

มัทธิว 13:1-32 NTV

ใน​วัน​นั้น พระ​เยซู​ออกจาก​บ้าน​ไป​นั่ง​อยู่ที่​ริม​ฝั่ง​ทะเลสาบ ฝูง​ชน​จำนวน​มาก​มา​ห้อมล้อม​พระ​องค์ พระ​องค์​จึง​ลงไป​นั่ง​ใน​เรือ​โดยที่​ฝูง​ชน​ทั้ง​หมด​ยัง​ยืน​อยู่ที่​ชาย​ทะเล พระ​องค์​กล่าว​เป็น​อุปมา​ให้​เขา​เหล่า​นั้น​ฟัง​หลาย​ต่อ​หลาย​เรื่อง​ว่า “ชาวไร่​คนหนึ่ง​ออกไป​หว่าน​เมล็ดพืช ขณะที่​เขา​กำลัง​หว่าน​เมล็ด บาง​เมล็ด​ตกลง​ตาม​ทาง พวก​นก​พา​กัน​จิก​กิน​เสียหมด บาง​เมล็ด​ตกลง​บน​หิน​ซึ่ง​มี​ผิวดิน​เพียง​เล็กน้อย ไม่​ช้า​เมล็ด​ก็​งอกขึ้น​เพราะ​ดิน​ไม่​ลึก แต่​เมื่อ​ดวง​อาทิตย์​ขึ้น​แดด​ส่อง เมล็ด​เหล่า​นั้น​ก็​ถูก​แผดเผา​เสีย และ​เป็น​เพราะ​ไม่​มี​ราก​จึง​เหี่ยวแห้ง​ไป บาง​เมล็ด​ตกลง​ท่าม​กลาง​ไม้หนาม​ที่​เติบโต​ขึ้น​และ​แย่ง​อาหาร​ไป​เสีย บาง​เมล็ด​ที่​ตก​บน​ดิน​ดี ก็​ให้​ผล​เป็น 100 เท่า บ้าง​เป็น 60 บ้าง​เป็น 30 เท่า​ของ​ที่​ได้​หว่าน​ไว้ ผู้​ใด​มี​หู จง​ฟัง​เถิด” เหล่า​สาวก​มา​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “ทำไม​พระ​องค์​จึง​กล่าว​เป็น​อุปมา​แก่​พวก​เขา” พระ​องค์​กล่าวตอบ​ว่า “เรา​ทำ​ให้​เจ้า​เข้าใจ​ถึง​ความ​ลับ​ของ​อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์​แล้ว แต่​ยัง​ไม่​ได้​ให้​กับ​พวก​เขา​เหล่า​นั้น ผู้​ใด​ก็​ตาม​ที่​มี​อยู่​แล้ว​ก็​จะ​ได้​รับ​มาก​ขึ้น และ​จะ​มี​อย่าง​อุดม​สมบูรณ์ แต่​ผู้​ใด​ที่​ไม่​มี แม้แต่​สิ่ง​ที่​เขา​มี​อยู่ ก็​จะ​ถูก​ยึด​ไป​จาก​เขา​เสีย ฉะนั้น​เรา​จึง​พูด​เป็น​อุปมา​แก่​เขา ‘เพราะ​ขณะที่​กำลัง​มองดู พวก​เขา​ก็​มอง​ไม่​เห็น และ​ขณะที่​กำลัง​ได้ยิน พวก​เขา​ก็​ไม่​ได้ยิน หรือ​ไม่​เข้าใจ’ พวก​เขา​เป็นไป​ตาม​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​ที่​อิสยาห์​เผย​ไว้​ว่า ‘เจ้า​จะ​ได้ยิน​เรื่อย​ไป แต่​ไม่​มี​วัน​ที่​จะ​เข้าใจ และ​เจ้า​จะ​มองดู​เรื่อยไป แต่​ไม่​มี​วัน​ที่​จะ​เห็น เพราะ​ว่า​ใจ​ของ​คน​เหล่า​นี้​แข็ง​กระด้าง และ​หู​ของ​เขา​ก็​แทบ​จะ​ไม่​ได้ยิน เขา​ปิด​ตา​ของ​ตนเอง มิฉะนั้น​ตา​ของ​เขา​จะ​มอง​เห็น หู​จะ​ได้ยิน และ​จิตใจ​ของ​เขา​จะ​เข้าใจ และ​หัน​กลับ​มา แล้ว​เรา​จะ​รักษา​เขา​ให้​หายขาด’ แต่​นัยน์ตา​ของ​เจ้า​เป็นสุข​เพราะ​ได้เห็น และ​หู​ของ​เจ้า​เป็นสุข​เพราะ​ได้ยิน เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​เจ้า​ว่า ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​และ​ผู้​มี​ความ​ชอบธรรม​หลาย​ท่าน​ใคร่​จะ​เห็น​เช่น​เจ้า​เห็น แต่​ไม่​อาจ​เห็น และ​ใคร่​ได้ยิน​เช่น​เจ้า​ได้ยิน แต่​ไม่​ได้ยิน จง​ฟัง​เรื่อง​อุปมา​ของ​ชาวไร่​คนนั้น เมื่อ​ผู้​ใด​ได้ยิน​เรื่อง​ของ​อาณาจักร แล้ว​ไม่​เข้าใจ​ก็​เหมือน​เมล็ดพืช​ที่​หว่าน​ไว้​ตามทาง มารร้าย​มา​ปล้น​สิ่ง​ที่​ได้​หว่าน​ไว้​ใน​จิตใจ​ของ​เขา เมล็ดพืช​ที่​ตกลง​บน​หิน​ซึ่ง​มี​ผิวดิน​เพียง​เล็กน้อย​เปรียบ​เสมือน​คน​ที่​ได้ยิน​คำกล่าว​และ​รับไว้​ทันที​ด้วย​ความ​ยินดี แต่​เขา​ไม่​มี​รากฐาน​อัน​มั่นคง​ใน​ตัว จึง​คงอยู่​ได้​เพียง​ชั่วคราว​เท่า​นั้น เมื่อ​เกิด​ความ​ลำบาก​หรือ​การ​ข่มเหง​อัน​เนื่อง​มาจาก​คำกล่าว เขา​ก็​ล้มเลิก​ความ​เชื่อ​เสีย​ทันที ส่วน​เมล็ดพืช​ที่​หว่าน​ไว้​ท่าม​กลาง​ไม้หนาม​เปรียบ​เสมือน​คน​ที่​ได้ยิน​คำกล่าว แล้ว​ความ​กังวล​ต่างๆ ใน​โลก และ​แรง​ดึงดูด​ของ​ความ​ร่ำรวย​เข้า​แทรกซ้อน​คำกล่าว จึง​ทำ​ให้​ไม่​บังเกิด​ผล เมล็ดพืช​ที่​ตก​บน​ดิน​ดี​เปรียบ​เสมือน​คน​ที่​ได้ยิน​คำกล่าว และ​เข้าใจ จึง​เกิด​ผล​แท้จริง​เป็น 100 เท่า 60 และ 30 เท่า” พระ​องค์​เล่า​เรื่อง​เป็น​อุปมา​ให้​พวก​เขา​ฟัง​อีกว่า “อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์​เปรียบ​เสมือน​กับ​ชาวไร่​คนหนึ่ง​ที่​ได้​ใช้​เมล็ดพืช​ดี​หว่าน​ใน​นา​ของ​เขา ขณะที่​คน​นอน​หลับ​กัน ศัตรู​ของ​เขา​มา​หว่าน​เมล็ด​วัชพืช​ปนกับ​เมล็ด​ข้าว แล้ว​หนี​ไป เมื่อ​ข้าว​งอกขึ้น​จน​ออก​รวง วัชพืช​ก็​งอกขึ้น​เช่น​กัน บรรดา​ทาส​รับใช้​ของ​เจ้าของ​ที่ดิน​มา​ถาม​เขา​ว่า ‘เจ้านาย ท่าน​ได้​หว่าน​เมล็ด​ดี​ใน​นา​ของ​ท่าน​มิ​ใช่​หรือ แล้ว​มี​วัชพืช​ด้วย​ได้​อย่างไร’ เขา​ตอบ​ทาส​รับใช้​ว่า ‘ศัตรู​เป็น​คน​กระทำ’ ทาส​รับใช้​พูด​ว่า ‘ถ้า​เช่นนั้น​แล้ว ท่าน​จะ​ให้​เรา​ไป​ถอน​มัน​ทิ้ง​ไหม’ แต่​นาย​ตอบ​ว่า ‘อย่า​เลย เพราะ​หากว่า​เจ้า​ถอน​วัชพืช​ออก เจ้า​อาจจะ​พลอย​ถอน​ข้าว​ดี​ไป​ด้วย ปล่อย​ทั้ง​สอง​ชนิด​ให้​โต​ไป​ด้วย​กัน​จนถึง​เวลา​เก็บ​เกี่ยว เมื่อ​ถึง​เวลา​นั้น​แล้ว เรา​จะ​สั่ง​คน​เกี่ยว​ว่า “มัด​รวบ​รวม​วัชพืช​แล้ว​เผา​ไฟ​เสียก่อน แล้ว​จึง​ค่อย​เก็บ​ข้าว​ไว้​ใน​ยุ้ง​ของ​เรา”’” พระ​องค์​เล่า​เรื่อง​อุปมา​ให้​พวก​เขา​ฟัง​อีก​ว่า “อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์​เปรียบ​เสมือน​เมล็ด​พันธุ์​จิ๋ว​ที่​ชาย​คน​หนึ่ง​เอา​ไป​ปลูก​ใน​นา​ของ​เขา เมล็ด​นี้​เล็ก​ที่สุด​ใน​บรรดา​เมล็ด​พืช​อื่นๆ แต่​เมื่อ​เติบโต​เต็มที่​แล้ว มัน​มี​ขนาด​ใหญ่​กว่า​บรรดา​พืช​สวน​ชนิด​อื่น จน​กลาย​เป็น​ต้นไม้​ที่​ฝูง​นก​เข้า​พักพิง​อาศัย​ได้​ตาม​กิ่ง​ของ​มัน”