ยอห์น 4:1-38

ยอห์น 4:1-38 NTV

เมื่อ​พระ​เยซู​ทราบ​ว่า​พวก​ฟาริสี​ได้ยิน​ว่า พระ​องค์​ให้​บัพติศมา และ​ได้​สาวก​มาก​กว่า​ยอห์น (ความ​จริง​พระ​เยซู​ไม่​ได้​ให้​บัพติศมา แต่​สาวก​ของ​พระ​องค์​ต่างหาก​ที่​เป็น​ผู้​ให้) พระ​องค์​จึง​ออก​ไป​จาก​แคว้น​ยูเดีย​และ​ไป​ยัง​แคว้น​กาลิลี​อีก พระ​องค์​จำต้อง​เดิน​ทาง​ผ่าน​แคว้น​สะมาเรีย ดังนั้น​เมื่อ​ได้​เดิน​ทาง​มา​ถึง​เมือง​หนึ่ง​ชื่อ​สิคาร์​ใน​แคว้น​สะมาเรีย​ใกล้ๆ ที่​ดิน​ซึ่ง​ยาโคบ​ให้​แก่​โยเซฟ​ผู้​เป็น​บุตร เวลา​ประมาณ 6 โมง​เย็น พระ​เยซู​เหนื่อย​ล้า​จาก​การ​เดิน​ทาง​จึง​ได้​นั่ง​ลง​ที่​ข้างๆ บ่อ​น้ำ​ของ​ยาโคบ พระ​เยซู​ได้​กล่าว​กับ​หญิง​ชาว​สะมาเรีย​ผู้​หนึ่ง​ที่​มา​ตัก​น้ำ​ว่า “ขอ​น้ำ​ให้​เรา​ดื่ม​หน่อย​เถิด” เนื่องจาก​ใน​ขณะ​นั้น​พวก​สาวก​ของ​พระ​องค์​กำลัง​ไป​ซื้อ​อาหาร​ใน​เมือง หญิง​ชาว​สะมาเรีย​ผู้​นั้น​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “เป็น​ไป​ได้​อย่างไร​ที่​ท่าน​ผู้​เป็น​ชาว​ยิว​จะ​มา​ขอ​น้ำ​ดื่ม​จาก​ข้าพเจ้า ใน​เมื่อ​ข้าพเจ้า​เป็น​หญิง​ชาว​สะมาเรีย” (ด้วย​เหตุ​ว่า​ชาว​ยิว​ไม่​คบหา​กับ​ชาว​สะมาเรีย) พระ​เยซู​ตอบ​นาง​ว่า “ถ้า​เจ้า​รู้จัก​ของ​ประทาน​จาก​พระ​เจ้า และ​รู้จัก​ผู้​ที่​พูด​กับ​เจ้า​ว่า ‘ขอ​น้ำ​ให้​เรา​ดื่ม​หน่อย​เถิด’ เจ้า​ก็​คง​จะ​ขอ​จาก​ท่าน​ผู้​นั้น และ​ท่าน​ผู้​นั้น​ก็​จะ​ให้​น้ำ​อัน​ก่อ​ให้​เกิด​ชีวิต​แก่​เจ้า” นาง​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “นาย​ท่าน ท่าน​ไม่​มี​อะไร​มา​ตัก​น้ำ มิ​หนำซ้ำ​บ่อ​ก็​ลึก​เสีย​ด้วย แล้ว​ท่าน​จะ​เอา​น้ำ​อัน​ก่อ​ให้​เกิด​ชีวิต​มา​จาก​ไหน ท่าน​ยิ่ง​ใหญ่​กว่า​ยาโคบ​บรรพบุรุษ​ของ​เรา​ผู้​มอบ​บ่อ​น้ำ​นี้​ให้​แก่​เรา​หรือ ยาโคบ​เอง​ได้​ดื่ม​น้ำ​จาก​บ่อ​นี้​รวม​ทั้ง​บรรดา​บุตร​และ​พวก​แพะ​แกะ​ด้วย” พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “ทุก​คน​ที่​ดื่ม​น้ำ​นี้​จะ​กระหาย​อีก แต่​ผู้​ใด​ก็​ตาม​ที่​ดื่ม​น้ำ​ที่​เรา​ให้​จะ​ไม่​มี​วัน​กระหาย น้ำ​ที่​เรา​ให้​แก่​เขา​จะ​กลาย​เป็น​บ่อ​น้ำพุ​ใน​ตัว​เขา พุ่ง​ขึ้น​สู่​ชีวิต​อัน​เป็น​นิรันดร์” หญิง​นั้น​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “นาย​ท่าน โปรด​ให้​น้ำ​นี้​แก่​ข้าพเจ้า​เถิด จะ​ได้​ไม่​กระหาย​หรือ​ต้อง​มา​ตัก​น้ำ​ที่​นี่​อยู่​ร่ำ​ไป” พระ​องค์​บอก​นาง​ว่า “จง​ไป​เรียก​สามี​เจ้า​มา​นี่​เถิด” นาง​ตอบ​ว่า “ข้าพเจ้า​ไม่​มี​สามี” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​นาง​ว่า “เจ้า​พูด​ถูก​แล้ว​ที่​ว่า​ไม่​มี​สามี ความ​จริง​เจ้า​มี​มา​แล้ว​ถึง 5 คน และ​ชาย​ที่​เจ้า​มี​เวลา​นี้​ก็​ไม่​ใช่​สามี​ของ​เจ้า สิ่ง​ที่​เจ้า​พูด​มา​นี้​จริง​ที​เดียว” หญิง​นั้น​พูด​ว่า “นาย​ท่าน ข้าพเจ้า​เห็น​แล้ว​ว่า​ท่าน​เป็น​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า บรรพบุรุษ​ของ​เรา​ได้​นมัสการ​ที่​ภูเขา​นี้ และ​พวก​ท่าน​พูด​ว่า​เมือง​เยรูซาเล็ม​เป็น​สถานที่​ที่​ควร​ใช้​ใน​การ​นมัสการ” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​นาง​ว่า “หญิง​เอ๋ย เชื่อ​เรา​เถิด​ว่า จะ​ถึง​เวลา​ที่​พวก​เจ้า​จะ​นมัสการ​พระ​บิดา​ใน​ที่​ซึ่ง​ไม่​ใช่​ภูเขา​นี้​หรือ​ที่​เมือง​เยรูซาเล็ม พวก​เจ้า​นมัสการ​อะไร​ที่​เจ้า​ไม่​รู้จัก แต่​พวก​เรา​นมัสการ​สิ่ง​ที่​เรา​รู้จัก เพราะ​ความ​รอด​พ้น​มา​จาก​พวก​ชาว​ยิว แต่​จะ​ถึง​เวลา ที่​จริง​บัดนี้​ก็​ถึง​เวลา​แล้ว​ที่​พวก​นมัสการ​แท้​จะ​นมัสการ​พระ​บิดา​ด้วย​วิญญาณ​และ​ความ​จริง เพราะ​ว่า​พระ​บิดา​แสวงหา​ผู้​คน​เหล่า​นี้​ให้​เป็น​ผู้​นมัสการ​พระ​องค์ พระ​เจ้า​เป็น​พระ​วิญญาณ ดังนั้น​บรรดา​ผู้​ที่​นมัสการ​พระ​องค์ ต้อง​นมัสการ​ด้วย​วิญญาณ​และ​ความ​จริง” หญิง​นั้น​พูด​ว่า “ข้าพเจ้า​ทราบ​ว่า​พระ​เมสสิยาห์​กำลัง​จะ​มา (คือ​ผู้​ที่​เรียก​ว่า​พระ​คริสต์) พระ​องค์​จะ​ประกาศ​ทุก​สิ่ง​แก่​เรา​เมื่อ​มา​ถึง” แล้ว​พระ​เยซู​กล่าว​กับ​นาง​ว่า “เรา​ที่​พูด​อยู่​กับ​เจ้า​คือ​ผู้​นั้น” ขณะ​นั้น​บรรดา​สาวก​ของ​พระ​องค์​กลับ​มา​และ​ประหลาดใจ​ที่​พบ​ว่า​พระ​องค์​กำลัง​พูด​อยู่​กับ​ผู้​หญิง แต่​ไม่​มี​ผู้​ใด​ถาม​ว่า “พระ​องค์​มี​ประสงค์​อะไร” หรือ “ทำไม​พระ​องค์​จึง​พูด​กับ​นาง” หญิง​นั้น​ทิ้ง​หม้อ​น้ำ​ไว้ แล้ว​กลับ​เข้า​ไป​ใน​เมือง​เพื่อ​บอก​ผู้​คน​ว่า “มา​เถิด มา​ดู​ชาย​ผู้​บอก​ข้าพเจ้า​ถึง​ทุก​สิ่ง​ที่​ข้าพเจ้า​ได้​กระทำ​ไป ท่าน​ผู้​นี้​เป็น​พระ​คริสต์​หรือ​ไม่” ผู้​คน​ก็​ออก​จาก​เมือง​ไป​หา​พระ​องค์ ใน​ขณะ​เดียว​กัน​บรรดา​สาวก​ก็​ขอร้อง​พระ​องค์​ว่า “รับบี เชิญ​รับประทาน” แต่​พระ​องค์​กล่าว​ว่า “เรา​มี​อาหาร​สำหรับ​รับประทาน​ที่​เจ้า​ไม่​รู้จัก” บรรดา​สาวก​พูด​โต้ตอบ​กัน​ว่า “ไม่​มี​ผู้​ใด​นำ​อาหาร​มา​ให้​พระ​องค์​มิ​ใช่​หรือ” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “อาหาร​ของ​เรา​คือ​การ​กระทำ​ตาม​ความ​ประสงค์​ของ​พระ​องค์​ผู้​ส่ง​เรา​มา และ​ทำงาน​ของ​พระ​องค์​ให้​เสร็จ​บริบูรณ์ เจ้า​ไม่​ได้​พูด​เช่น​นี้​หรือ​ว่า ‘อีก 4 เดือน​ก็​จะ​ถึง​ฤดู​เกี่ยว​ข้าว​แล้ว’ เรา​ขอบอก​เจ้า​ว่า จง​เปิด​ตา​ดู​ทุ่งนา​อัน​เหลือง​อร่าม​เถิด​ว่า​ถึง​เวลา​เก็บ​เกี่ยว​แล้ว ผู้​เก็บ​เกี่ยว​ก็​จะ​ได้​รับ​ค่าแรง และ​รวบ​รวม​พืช​ผล​สำหรับ​ชีวิต​อัน​เป็น​นิรันดร์ และ​เพื่อ​ทั้ง​คน​หว่าน​และ​คน​เก็บ​เกี่ยว​ก็​จะ​ได้​ชื่นชม​ยินดี​ร่วม​กัน ใน​กรณี​นี้ คำกล่าว​นั้น​เป็น​ความ​จริง​ที่​ว่า ‘คน​หนึ่ง​หว่าน และ​อีก​คน​เก็บ​เกี่ยว’ เรา​ส่ง​พวก​เจ้า​ไป​เก็บ​เกี่ยว​สิ่ง​ที่​เจ้า​ไม่​ได้​ลง​แรง คน​อื่นๆ ได้​ลง​แรง และ​เจ้า​ได้​รับ​ประโยชน์​จาก​แรง​ของ​เขา”

อ่าน ยอห์น 4

แผนการอ่าน และบทใคร่ครวญประจำวัน ตามหัวข้อ ยอห์น 4:1-38 ฟรี

YouVersion ใช้คุกกี้สำหรับการปรับแต่งการใช้งาน และประสบการณ์ของคุณ การที่คุณได้ใช้เว็บไซต์ของเรา ถือเป็นการที่คุณยอมรับวัตถุประสงค์ของการใช้คุกกี้ ซึ่งมีคำอธิบายอยู่ในนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา