มัทธิว 26:40-75

มัทธิว 26:40-75 THSV11

แล้วพระองค์เสด็จกลับมาหาพวกสาวก ทอดพระเนตรเห็นเขาทั้งหลายนอนหลับอยู่ พระองค์ตรัสกับเปโตรว่า “เป็นอย่างไรนะ พวกท่านจะเฝ้าระวังอยู่กับเราสักชั่วโมงไม่ได้หรือ? ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐานเพื่อจะไม่ถูกทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง” พระองค์จึงเสด็จไปทรงอธิษฐานอีกเป็นครั้งที่สอง “ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ ถ้าถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์ไม่ได้ และข้าพระองค์จำต้องดื่มแล้ว ก็ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” เมื่อเสด็จกลับมาอีกก็ทอดพระเนตรเห็นบรรดาสาวกนอนหลับอยู่ เพราะตาของพวกเขาลืมไม่ขึ้น จึงเสด็จไปจากพวกเขา เสด็จไปทรงอธิษฐานเป็นครั้งที่สาม ทูลขอเหมือนคราวก่อนๆ อีก แล้วเสด็จมายังพวกสาวกตรัสว่า “พวกท่านยังจะนอนต่อไปให้หายเหนื่อยอีกหรือ? นี่แน่ะ เวลามาใกล้แล้ว บุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือของพวกคนบาป ลุกขึ้นไปกันเถิด คนที่ทรยศเรามาใกล้แล้ว” พระองค์ตรัสยังไม่ทันขาดคำ ยูดาสที่เป็นหนึ่งในกลุ่มสิบสองคนก็มาถึง พร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ที่มาจากพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ของประชาชนซึ่งถือดาบ ถือไม้ตะบองมา คนที่ทรยศพระองค์ก็ให้สัญญาณกับพวกเขาว่า “เราจูบคำนับใครก็คือคนนั้นแหละ จงจับเขาไว้” แล้วยูดาสก็ตรงมาเฝ้าพระเยซูทูลว่า “สวัสดีพระอาจารย์” แล้วจูบพระองค์ พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เพื่อนเอ๋ย จงทำตามที่ท่านตั้งใจเถิด” แล้วพวกเขาก็เข้ามาและลงมือจับกุมพระเยซู คนหนึ่งที่อยู่กับพระเยซูก็ยื่นมือออกชักดาบฟันหูบ่าวของมหาปุโรหิตขาด พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เอาดาบของท่านใส่ฝักเสีย เพราะว่าพวกที่ใช้ดาบจะต้องพินาศเพราะดาบ ท่านคิดว่าเราจะทูลขอพระบิดาของเราไม่ได้หรือ? และพระองค์ก็จะประทานทูตสวรรค์ให้เรามากกว่าสิบสองกองพลในทันที แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นข้อพระคัมภีร์ที่ว่า จำเป็นจะต้องเป็นอย่างนี้จะสำเร็จได้อย่างไร?” ในเวลานั้นพระเยซูตรัสกับกลุ่มชนว่า “ท่านทั้งหลายเห็นเราเป็นโจรหรือ ถึงได้ถือดาบถือตะบองออกมาจับเรา เรานั่งสั่งสอนในบริเวณพระวิหารทุกวัน ท่านก็ไม่ได้จับเรา แต่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพื่อให้สำเร็จตามที่ผู้เผยพระวจนะเขียนไว้” แล้วสาวกทั้งหมดก็ละทิ้งพระองค์ และพากันหนีไป พวกคนที่จับพระเยซูก็พาพระองค์ไปถึงบ้านคายาฟาสมหาปุโรหิต ซึ่งเป็นที่ที่บรรดาธรรมาจารย์และพวกผู้ใหญ่ประชุมกันอยู่ แต่เปโตรตามพระองค์ไปห่างๆ จนถึงลานบ้านของมหาปุโรหิต และเข้าไปนั่งข้างในลานบ้านกับบรรดาคนรับใช้ เพื่อคอยดูว่าเรื่องจะจบลงอย่างไร พวกหัวหน้าปุโรหิตกับสมาชิกสภายิวทั้งหมดก็หาพยานเท็จมาปรักปรำพระเยซูเพื่อจะประหารพระองค์เสีย แต่ถึงแม้มีพยานเท็จหลายคนมาให้การก็ยังหาหลักฐานไม่ได้ ในที่สุดมีสองคนมาให้การ ว่า “คนนี้กล่าวว่าเขาสามารถทำลายพระวิหารของพระเจ้าและสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวัน” มหาปุโรหิตจึงลุกขึ้นถามพระองค์ว่า “เจ้าจะไม่แก้ตัวในข้อหาที่พวกเขาเป็นพยานกล่าวหาเจ้าหรือ?” แต่พระเยซูทรงนิ่งอยู่ ท่านมหาปุโรหิตจึงกล่าวว่า “เราให้เจ้าสาบานโดยอ้างพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ให้บอกเราว่าเจ้าเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าหรือไม่” พระเยซูตรัสตอบว่า “ท่านได้พูดแล้ว แต่เราจะบอกท่านทั้งหลายด้วยว่า ตั้งแต่นี้ไป พวกท่านจะเห็น บุตรมนุษย์ ประทับข้างขวาของผู้ทรงฤทธิ์เดช และ เสด็จมาบนเมฆแห่งฟ้าสวรรค์ ” แล้วมหาปุโรหิตก็ฉีกเสื้อของตนกล่าวว่า “เขาพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า เราต้องการพยานอะไรอีก ท่านก็ได้ยินเขาพูดหมิ่นประมาทพระเจ้าแล้ว พวกท่านคิดอย่างไร?” พวกเขาตอบว่า “เขาสมควรตาย” แล้วพวกเขาก็ถ่มน้ำลายรดพระพักตร์และทุบตีพระองค์ บางคนก็ตบพระองค์ แล้วกล่าวว่า “เจ้าพระคริสต์ จงทำนายให้เรารู้ซิว่าใครตีเจ้า” เปโตรนั่งอยู่นอกตึกที่ลานบ้าน มีสาวใช้คนหนึ่งมาพูดกับเขาว่า “เจ้าก็อยู่กับเยซูชาวกาลิลีด้วย” แต่เปโตรปฏิเสธต่อหน้าคนทั้งหมดว่า “ที่เจ้าพูดนั้นข้าไม่รู้เรื่อง” เมื่อเปโตรออกไปที่ประตูบ้าน สาวใช้อีกคนหนึ่งเห็นเขาจึงบอกคนทั้งหลายที่อยู่ที่นั่นว่า “คนนี้เคยอยู่กับเยซูชาวนาซาเร็ธ” เปโตรจึงปฏิเสธอีกทั้งสาบานด้วยว่า “ข้าไม่รู้จักคนนั้น” อีกสักครู่หนึ่ง คนทั้งหลายที่ยืนอยู่ใกล้ๆ นั้นก็มาพูดกับเปโตรว่า “เจ้าเป็นคนหนึ่งในพวกนั้นแน่ๆ เพราะว่าสำเนียงของเจ้าส่อตัวเอง” เปโตรก็เริ่มสบถสาบานว่า “ข้าไม่รู้จักคนนั้น” ทันใดนั้นไก่ก็ขัน เปโตรจึงระลึกถึงคำที่พระเยซูตรัสไว้ว่า “ก่อนไก่ขันท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” แล้วเปโตรก็ออกไปข้างนอกร้องไห้เป็นทุกข์อย่างมาก