ผู้วินิจฉัย 1:1-34

ผู้วินิจฉัย 1:1-34 THSV11

อยู่มาเมื่อโยชูวาสิ้นชีวิตแล้ว คนอิสราเอลทูลถามพระยาห์เวห์ว่า “ใครในพวกข้าพระองค์จะขึ้นไปสู้รบกับคนคานาอันก่อน?” พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ยูดาห์จะขึ้นไป นี่แน่ะ เราได้มอบแผ่นดินนั้นไว้ในมือเขาแล้ว” ยูดาห์จึงพูดกับสิเมโอนพี่ของตนว่า “จงขึ้นไปกับฉันในเขตแดนที่กำหนดให้ฉัน ให้เราสู้รบกับคนคานาอัน และฉันเองจะไปร่วมรบในเขตแดนที่กำหนดให้พี่ด้วย” สิเมโอนก็ไปกับเขา แล้วยูดาห์ก็ขึ้นไป และพระยาห์เวห์ทรงมอบคนคานาอันและคนเปริสซีไว้ในมือของพวกเขา และพวกเขาก็ประหารคนที่เมืองเบเซก 10,000 คน และเขาทั้งหลายพบอาโดนีเบเซกในเมืองเบเซก และสู้รบกับท่าน พวกเขาได้ประหารคนคานาอันและคนเปริสซี ส่วนอาโดนีเบเซกหนีไป แต่พวกเขาตามจับได้ เขาตัดนิ้วหัวแม่มือ และนิ้วหัวแม่เท้าของท่านออกเสีย อาโดนีเบเซกกล่าวว่า “มีกษัตริย์ 70 องค์ที่มีหัวแม่มือและหัวแม่เท้าด้วน เก็บเศษอาหารใต้โต๊ะของเรา เราทำกับเขาอย่างไร พระเจ้าก็ทรงทำกับเราอย่างนั้น” เขาทั้งหลายก็คุมตัวท่านมาที่เมืองเยรูซาเล็ม และท่านก็สิ้นชีวิตที่นั่น และคนยูดาห์ได้โจมตีเมืองเยรูซาเล็มและยึดเมืองได้ จึงฆ่าฟันชาวเมืองเสียด้วยคมดาบ และเอาไฟเผาเมืองเสีย ภายหลังคนยูดาห์ได้ลงไปสู้รบกับคนคานาอัน ผู้อยู่ในแดนเทือกเขา ในเนเกบ และในที่ราบ และยูดาห์ได้ไปสู้รบกับคนคานาอันผู้อยู่ในเฮโบรน (เมืองเฮโบรนนั้นแต่ก่อนมีชื่อว่า คีริยาทอารบา) และพวกเขาได้ประหารเชชัย อาหิมาน และทัลมัย เขายกจากที่นั่นไปสู้รบกับชาวเมืองเดบีร์ (เมืองเดบีร์นั้นแต่ก่อนมีชื่อว่า คีริยาทเสเฟอร์) และคาเลบกล่าวว่า “ผู้ที่ตีเมืองคีริยาทเสเฟอร์และยึดได้ เราจะยกอัคสาห์บุตรสาวของเราให้เป็นภรรยา” โอทนีเอลบุตรเคนัส น้องชายของคาเลบตีเมืองนั้นได้ คาเลบจึงยกอัคสาห์บุตรสาวของตนให้เป็นภรรยา อยู่มาเมื่อแต่งงานกันแล้ว นางจึงชวนสามีให้ขอที่นาจากบิดาของนาง นางก็ลงจากหลังลา คาเลบจึงถามนางว่า “ลูกมาด้วยเรื่องอะไร?” นางจึงตอบท่านว่า “ขอของขวัญให้ลูกสักอย่างหนึ่งเถิด เพราะพ่อให้ดินแดนเนเกบที่แห้งแล้งแก่ลูกแล้ว ลูกก็ขอน้ำพุด้วย” และคาเลบก็ยกน้ำพุบนและน้ำพุล่างแก่นาง คนเคไนต์ผู้เป็นเชื้อสายพ่อตาของโมเสสได้ขึ้นไปจากเมืองต้นอินทผลัม พร้อมกับคนยูดาห์มาถึงถิ่นทุรกันดารยูดาห์ซึ่งอยู่ในเนเกบใกล้เมืองอาราด และเขาก็ไปอยู่กับชนชาตินั้น และยูดาห์ก็ไปกับสิเมโอนพี่ของเขา พวกเขาประหารคนคานาอันผู้อยู่ในเมืองเศฟัท และทำลายเมืองนั้นเสียสิ้น เขาจึงเรียกชื่อเมืองนั้นว่า โฮรมาห์ ยูดาห์ได้ยึดเมืองกาซา เมืองอัชเคโลน และเมืองเอโครนพร้อมทั้งอาณาเขตของเมืองเหล่านั้นไว้ด้วย และพระยาห์เวห์สถิตกับยูดาห์ เขาจึงยึดครองแดนเทือกเขา แต่ไม่อาจขับไล่ผู้ที่อยู่ในหุบเขา เพราะพวกนั้นมีรถรบเหล็ก เมืองเฮโบรนนั้นเขายกให้คาเลบดังที่โมเสสได้กล่าวไว้ คาเลบจึงขับไล่บุตรชายทั้งสามคนของอานาคออกไปเสีย แต่คนเบนยามินไม่ได้ขับไล่คนเยบุสผู้อยู่ในเยรูซาเล็มออกไป ดังนั้นคนเยบุสจึงอาศัยอยู่กับคนเบนยามินในเมืองเยรูซาเล็มจนถึงทุกวันนี้ พงศ์พันธุ์ของโยเซฟได้ขึ้นไปโจมตีเมืองเบธเอลด้วย และพระยาห์เวห์สถิตกับพวกเขา พงศ์พันธุ์โยเซฟได้ใช้คนไปสอดแนมเมืองเบธเอล (แต่ก่อนเมืองนี้ชื่อ ลูส) และพวกผู้สอดแนมเห็นชายคนหนึ่งเดินออกมาจากเมือง จึงพูดกับเขาว่า “จงชี้ทางเข้าเมืองนี้ให้แก่เรา และเราจะปรานีเจ้า” ชายคนนั้นก็ชี้ทางเข้าเมืองให้และพวกเขาทำลายเมืองนั้นเสียด้วยคมดาบ แต่ปล่อยชายนั้นและครอบครัวทั้งสิ้นของเขาไป ชายคนนั้นก็เข้าไปในแผ่นดินของคนฮิตไทต์ และสร้างเมืองขึ้นเมืองหนึ่ง เรียกชื่อว่าเมืองลูส ซึ่งเป็นชื่ออยู่จนทุกวันนี้ มนัสเสห์ไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองเบธชาน หรือชาวเมืองทาอานาค หรือชาวเมืองโดร์ หรือชาวเมืองอิบเลอัม หรือชาวเมืองเมกิดโด และไม่ได้ขับไล่คนในหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองเหล่านั้นออกไป ดังนั้นคนคานาอันจึงยังอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น อยู่มาเมื่อคนอิสราเอลเข้มแข็งขึ้น ก็บังคับคนคานาอันให้ทำงานหนักเยี่ยงทาส แต่ไม่ได้ขับไล่เขาออกไปอย่างสิ้นเชิง และเอฟราอิมไม่ได้ขับไล่คนคานาอัน ผู้อาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ออกไป ดังนั้นคนคานาอันจึงยังอาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ท่ามกลางเขา เศบูลุนไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองคิทโรนและชาวเมืองนาหะโลล ดังนั้นคนคานาอันจึงอาศัยอยู่ท่ามกลางเขาและถูกเกณฑ์ให้ทำงานหนักเยี่ยงทาส อาเชอร์ไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองอัคโค หรือชาวเมืองไซดอน หรือชาวเมืองอัคลาบ หรือชาวเมืองอัคซีบ หรือชาวเมืองเฮลบาห์ หรือชาวเมืองอาฟิกหรือชาวเมืองเรโหบ ฉะนั้นคนเผ่าอาเชอร์จึงอาศัยอยู่ท่ามกลางคนคานาอันชาวแผ่นดินนั้น เพราะว่าเขาไม่ได้ขับไล่คนคานาอันออกไป นัฟทาลีไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองเบธเชเมช และชาวเมืองเบธานาท แต่ได้อาศัยอยู่ท่ามกลางคนคานาอันชาวแผ่นดินนั้น อย่างไรก็ดีชาวเมืองเบธเชเมชและชาวเมืองเบธานาทก็ถูกเกณฑ์ให้ทำงานหนักเยี่ยงทาสให้พวกเขา คนอาโมไรต์ได้บีบคนดานเข้าไปในแดนเทือกเขา และไม่ยอมให้ลงมายังหุบเขา