อิสยาห์ 37:13-38

อิสยาห์ 37:13-38 THSV11

พระราชาของฮามัท พระราชาของอารปัด พระราชาของเมืองเสฟารวาอิม เฮนาและอิฟวาห์อยู่ที่ไหนแล้ว?’ ” เฮเซคียาห์ทรงรับจดหมายจากมือผู้สื่อสาร และทรงอ่าน แล้วเฮเซคียาห์ทรงขึ้นไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และทรงคลี่จดหมายนั้นออกเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ และเฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอล ผู้ประทับเหนือเหล่าเครูบ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของบรรดาราชอาณาจักรแห่งแผ่นดินโลก คือพระองค์แต่เพียงองค์เดียว พระองค์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเงี่ยพระกรรณสดับ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเบิกพระเนตรและทรงมองดู และขอทรงฟังบรรดาถ้อยคำของเซนนาเคอริบ ซึ่งเขาส่งมาเยาะเย้ยพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ เป็นความจริงที่บรรดาพระราชาของอัสซีเรียได้ทำให้ประเทศทั้งสิ้นและแผ่นดินของพวกเขานั้นร้างเปล่า และได้เหวี่ยงพระทั้งหลายของเขาเข้าไปในไฟ เพราะพวกนั้นไม่ใช่พระเจ้า เป็นแต่ผลงานของมือมนุษย์ที่เป็นไม้และหิน ดังนั้นพวกนั้นจึงถูกทำลายไป บัดนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยพวกข้าพระองค์ให้พ้นมือของเขา เพื่อราชอาณาจักรทั้งหมดของแผ่นดินโลกจะทราบว่า พระองค์แต่เพียงองค์เดียวทรงเป็นพระยาห์เวห์” แล้วอิสยาห์บุตรอามอสส่งข่าวถึงเฮเซคียาห์ทูลว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘เพราะเจ้าได้อธิษฐานต่อเราถึงเรื่องเซนนาเคอริบพระราชาของอัสซีเรีย’ ต่อไปนี้เป็นพระวจนะซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสต่อสู้เขาว่า ‘ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยน ดูถูกเจ้า และเย้ยหยันเจ้า ธิดาของเยรูซาเล็ม สั่นศีรษะตามหลังใส่เจ้า ‘เจ้าเยาะเย้ยและกล่าวหยาบช้าต่อใคร? เจ้าขึ้นเสียงของเจ้าต่อผู้ใด? และเบิ่งตาของเจ้าอย่างเย่อหยิ่ง ต่อองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล เจ้าเยาะเย้ยองค์เจ้านายโดยพวกคนใช้ของเจ้า และเจ้าพูดว่า “ด้วยรถรบจำนวนมากของข้า ข้าได้ขึ้นยังที่สูงของภูเขาทั้งหลาย ไปถึงที่ไกลสุดของเลบานอน ข้าโค่นต้นสนสีดาร์สูงที่สุดของมันลง ทั้งต้นสนสามใบที่ดีที่สุดของมัน ข้าเข้าไปถึงยอดสูงสุดของมัน ไปยังป่าทึบที่สุดของมัน ข้าขุดบ่อ และดื่มน้ำ และด้วยฝ่าเท้าของข้า ข้าจะทำให้ธารน้ำทั้งหมดของอียิปต์แห้งไป” ‘เจ้าไม่ได้ยินหรือว่า เรากะการไว้นานแล้ว? เราวางแผนไว้แต่ดึกดำบรรพ์ และบัดนี้เราทำให้มันเป็นไปแล้ว คือเจ้าทำให้เมืองที่มีป้อมพังลง กลายเป็นกองสิ่งปรักหักพัง ส่วนมือไม้ของชาวเมืองก็หมดเรี่ยวแรง พวกเขาท้อแท้และอับอาย และกลายเป็นเหมือนพืชที่ทุ่งนา และเหมือนหญ้าอ่อน เหมือนหญ้าบนยอดหลังคาบ้าน ถูกเผาเกรียมก่อนที่มันจะโตขึ้น ‘แต่เรารู้จักการที่เจ้านั่งลง กับการที่เจ้าออกไปและเข้ามา และการที่เจ้าเกรี้ยวกราดต่อเรา เพราะเจ้าเกรี้ยวกราดต่อเรา และความจองหองของเจ้ามาเข้าหูเรา ฉะนั้น เราจะเอาขอของเราเกี่ยวจมูกเจ้า และเอาบังเหียนของเราใส่ปากเจ้า แล้วเราจะหันเจ้ากลับไปตามทาง ที่เจ้าเข้ามานั้น’ “และนี่จะเป็นหมายสำคัญแก่ท่าน คือปีนี้ท่านจะกินสิ่งที่งอกขึ้นเอง และในปีที่สองสิ่งที่ผลิออกจากที่เดิม แล้วในปีที่สาม จงหว่าน แล้วเกี่ยว และจงทำสวนองุ่นและกินผลของมัน ส่วนพวกรอดตายของคนที่เหลืออยู่แห่งเชื้อวงศ์ยูดาห์นั้น จะหยั่งรากลงล่าง และเกิดผลขึ้นบน เพราะว่าคนที่เหลืออยู่จะออกไปจากเยรูซาเล็ม และคนที่หนีรอดจะออกมาจากภูเขาศิโยน ความกระตือรือร้นของพระยาห์เวห์จอมทัพจะทรงทำการนี้ “เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ตรัสเกี่ยวกับพระราชาของอัสซีเรียดังนี้ว่า ‘เขาจะไม่เข้ามาในนครนี้หรือยิงลูกธนูไปที่นั่น หรือถือโล่เข้ามาข้างหน้านครหรือสร้างเชิงเทินต่อสู้มัน เขามาทางไหน เขาจะต้องกลับไปทางนั้น เขาจะไม่เข้ามาในนครนี้ ’ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ ‘และเราจะป้องกันนครนี้ไว้เพื่อช่วยให้รอด เพื่อเห็นแก่เราเอง และเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา’ ” ทูตของพระยาห์เวห์ออกไป และประหารคนในค่ายของคนอัสซีเรีย 185,000 คน และถึงเวลาเช้ามืดเมื่อคนตื่นขึ้น ดูสิ พวกเหล่านั้นกลายเป็นศพทั้งหมด แล้วเซนนาเคอริบพระราชาของอัสซีเรียก็ยกทัพไป และกลับบ้าน แล้วอาศัยอยู่ในกรุงนีนะเวห์ ต่อมาเมื่อพระองค์นมัสการในพระนิเวศของพระนิสโรคเทพเจ้าของพระองค์ อัดรัมเมเลค และชาเรเซอร์ พระราชโอรสของพระองค์ก็ประหารพระองค์ด้วยดาบ แล้วหนีไปยังแผ่นดินอารารัต และเอสารฮัดโดนพระราชโอรสของพระองค์ก็ขึ้นครองแทน