1 พงศ์กษัตริย์ 22
22
อิสราเอลกับยูดาห์ร่วมกันต่อสู้ซีเรีย
(2 พศด.18:1-11)
1ซีเรียกับอิสราเอลไม่มีสงครามกันอยู่ 3 ปี 2แต่ในปีที่สาม เยโฮชาฟัทพระราชาแห่งยูดาห์เสด็จลงไปเฝ้าพระราชาแห่งอิสราเอล 3และพระราชาแห่งอิสราเอลตรัสถามพวกข้าราชการของพระองค์ว่า “ท่านทราบหรือไม่ว่า ราโมทกิเลอาดเป็นของพวกเรา และพวกเรายังจะนิ่งอยู่ ไม่ยึดคืนจากมือของกษัตริย์แห่งซีเรียหรือ?” 4และพระองค์ตรัสกับเยโฮชาฟัทว่า “ท่านจะยกไปทำศึกที่ราโมทกิเลอาดกับข้าพเจ้าหรือไม่?” และเยโฮชาฟัทตรัสตอบพระราชาแห่งอิสราเอลว่า “ข้าพเจ้ากับท่านเป็นเหมือนคนเดียวกัน ประชาชนของข้าพเจ้าก็เป็นประชาชนของท่าน ม้าของข้าพเจ้าก็เป็นม้าของท่าน”
5และเยโฮชาฟัทตรัสกับพระราชาแห่งอิสราเอลว่า “ขอทูลถามพระดำรัสของพระยาห์เวห์ก่อน” 6แล้วพระราชาแห่งอิสราเอลก็ทรงเรียกประชุมพวกผู้เผยพระวจนะประมาณ 400 คน ตรัสกับพวกเขาว่า “ควรที่เราจะไปตีราโมทกิเลอาดหรือไม่? หรือเราควรล้มเลิก?” และเขาทั้งหลายทูลตอบว่า “ขอเชิญเสด็จขึ้นไปเถิด เพราะพระเจ้า#ภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า องค์เจ้านายจะทรงมอบไว้ในพระหัตถ์ของพระราชา” 7แต่เยโฮชาฟัทตรัสว่า “ที่นี่ไม่มีผู้เผยพระวจนะของพระยาห์เวห์อีกแล้วหรือ ที่เราจะถามได้?” 8และพระราชาแห่งอิสราเอลตรัสกับเยโฮชาฟัทว่า “ยังมีชายอีกคนหนึ่งซึ่งเราจะให้ทูลถามพระยาห์เวห์ได้ คือมีคายาห์บุตรอิมลาห์ แต่เราเองเกลียดชังเขา เพราะเขาพยากรณ์แต่เรื่องร้าย ไม่เคยพยากรณ์เรื่องดีเกี่ยวกับเราเลย” แต่เยโฮชาฟัทตรัสว่า “ขอพระราชาอย่าตรัสอย่างนั้นเลย” 9แล้วพระราชาแห่งอิสราเอลจึงเรียกมหาดเล็กคนหนึ่ง และตรัสสั่งว่า “จงรีบไปพามีคายาห์บุตรอิมลาห์มา” 10พระราชาแห่งอิสราเอลและเยโฮชาฟัทพระราชาแห่งยูดาห์ต่างประทับบนพระที่นั่ง ทรงฉลองพระองค์เยี่ยงกษัตริย์ ณ ลานนวดข้าว ตรงทางเข้าประตูเมืองสะมาเรีย และผู้เผยพระวจนะทั้งหมดก็พยากรณ์เฉพาะพระพักตร์ทั้งสองพระองค์ 11และเศเดคียาห์บุตรเคนาอะนาห์จึงทำเขาสัตว์ด้วยเหล็ก แล้วพูดว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘ด้วยสิ่งเหล่านี้ เจ้าจะผลักคนซีเรียไปจนพวกเขาย่อยยับ’ ” 12และผู้เผยพระวจนะทั้งหมดก็พยากรณ์อย่างนั้นทูลว่า “ขอเสด็จไปราโมทกิเลอาดเถิด และมีชัยชนะ เพราะพระยาห์เวห์จะทรงมอบเมืองนั้นไว้ในพระหัตถ์ของพระราชา”
มีคายาห์พยากรณ์ถึงการพ่ายแพ้
(2 พศด.18:12-27)
13และผู้สื่อสารที่ไปเรียกมีคายาห์ได้บอกท่านว่า “นี่แน่ะ ถ้อยคำของบรรดาผู้เผยพระวจนะก็พูดสิ่งที่เป็นมงคลแก่พระราชาเป็นเสียงเดียวกัน ขอให้ถ้อยคำของท่านเหมือนอย่างถ้อยคำของคนหนึ่งในพวกนั้น และพูดแต่สิ่งที่เป็นมงคล” 14แต่มีคายาห์ตอบว่า “พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่อย่างไร พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าอย่างไร ข้าพเจ้าจะพูดอย่างนั้น” 15และเมื่อท่านมาเฝ้าพระราชา พระราชาตรัสถามท่านว่า “มีคายาห์ ควรที่พวกเราจะไปตีราโมทกิเลอาดหรือไม่? หรือพวกเราควรล้มเลิก?” และท่านทูลตอบพระองค์ว่า “ขอเชิญเสด็จขึ้นไป และมีชัยชนะ พระยาห์เวห์จะทรงมอบไว้ในพระหัตถ์ของพระราชา” 16แต่พระราชาตรัสกับท่านว่า “เราได้ให้เจ้าปฏิญาณกี่ครั้งแล้วว่า เจ้าจะพูดกับเราแต่ความจริงในพระนามของพระยาห์เวห์” 17และท่านก็ทูลว่า “ข้าพระบาทได้เห็นคนอิสราเอลทั้งหมดกระจัดกระจายอยู่บนภูเขา เหมือนแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยง# กดว.27:17; มธ.9:36; มก.6:34 และพระยาห์เวห์ตรัสว่า ‘คนเหล่านี้ไม่มีนาย ให้พวกเขาต่างกลับไปยังบ้านของตนโดยสวัสดิภาพเถิด’ ” 18พระราชาแห่งอิสราเอลจึงตรัสกับเยโฮชาฟัทว่า “เราบอกท่านแล้วไม่ใช่หรือว่า เขาจะไม่พยากรณ์เรื่องดีเกี่ยวกับเราเลย มีแต่เรื่องร้ายเท่านั้น?” 19และมีคายาห์ทูลว่า “ฉะนั้น ขอทรงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ ข้าพระบาทได้เห็นพระยาห์เวห์ประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ และบริวารทั้งหมดแห่งฟ้าสวรรค์ยืนข้างๆ พระองค์ ทั้งทางข้างขวาและข้างซ้ายพระหัตถ์ 20และพระยาห์เวห์ตรัสว่า ‘ใครจะชักนำอาหับให้ขึ้นไป และล้มลงที่ราโมทกิเลอาด?’ บ้างก็ทูลอย่างนี้ บ้างก็ทูลอย่างนั้น 21แล้วมีวิญญาณหนึ่งออกมายืนเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ทูลว่า ‘ข้าพระองค์เองจะชักนำเขา’ และพระยาห์เวห์ตรัสกับมันว่า ‘จะทำอย่างไร?’ 22และมันทูลว่า ‘ข้าพระองค์จะออกไป และจะเป็นวิญญาณมุสาอยู่ในปากของผู้เผยพระวจนะทุกคนของเขา’ และพระองค์ตรัสว่า ‘เจ้าไปชักนำเขาได้ และเจ้าจะทำสำเร็จ จงไปทำตามนั้นเถิด’ 23ฉะนั้น ดูสิ พระยาห์เวห์ทรงใส่วิญญาณมุสาในปากของผู้เผยพระวจนะทั้งหมดนี้ของฝ่าพระบาท พระยาห์เวห์ได้ตรัสเรื่องร้ายเกี่ยวกับฝ่าพระบาท”
24แล้วเศเดคียาห์บุตรเคนาอะนาห์เข้ามาใกล้ และตบแก้มมีคายาห์พูดว่า “พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ไปจากข้าพูดกับเจ้าได้อย่างไร?” 25และมีคายาห์ตอบว่า “นี่แน่ะ เจ้าจะเห็นในวันนั้น เมื่อเจ้าเข้าไปซ่อนตัวในห้องชั้นใน” 26และพระราชาแห่งอิสราเอลตรัสว่า “จงจับมีคายาห์แล้วส่งเขากลับไปให้อาโมนผู้ว่าราชการเมืองและโยอาชพระราชโอรส 27และบอกว่า ‘พระราชาตรัสดังนี้ว่า “เอาคนนี้ไปจำคุกไว้ ให้อาหารกับน้ำอย่างจำกัด จนกว่าเราจะมาโดยสวัสดิภาพ” ’ ” 28และมีคายาห์ทูลว่า “ถ้าฝ่าพระบาทเสด็จกลับมาโดยสวัสดิภาพได้จริงๆ พระยาห์เวห์ก็ไม่ได้ตรัสผ่านข้าพระบาท” และท่านกล่าวว่า “ประชาชนทั้งสิ้นเอ๋ย จงฟังเถิด”
อาหับทรงพ่ายแพ้และสิ้นพระชนม์
(2 พศด.18:28-34)
29พระราชาแห่งอิสราเอลกับเยโฮชาฟัท พระราชาแห่งยูดาห์จึงเสด็จขึ้นไปยังราโมทกิเลอาด 30และพระราชาแห่งอิสราเอลตรัสกับเยโฮชาฟัทว่า “เราจะปลอมตัวเข้าทำศึก แต่ท่านจงสวมเครื่องทรงของท่าน” และพระราชาแห่งอิสราเอลก็ทรงปลอมพระองค์เข้าทำศึก 31พระราชาแห่งซีเรียทรงบัญชาบรรดาแม่ทัพรถรบของพระองค์ทั้ง 32 คนว่า “อย่ารบกับทหารใหญ่น้อย แต่มุ่งเฉพาะพระราชาแห่งอิสราเอล” 32เมื่อบรรดาแม่ทัพรถรบเห็นเยโฮชาฟัท เขาทั้งหลายก็ว่า “เป็นพระราชาอิสราเอลแน่แล้ว” พวกเขาจึงหันไปสู้รบกับพระองค์ และเยโฮชาฟัททรงร้องขึ้น 33เมื่อบรรดาแม่ทัพรถรบเห็นว่าไม่ใช่พระราชาอิสราเอล ก็หันรถกลับ ไม่ไล่ตามพระองค์ 34แต่มีชายคนหนึ่งโก่งธนูยิงสุ่มไปถูกพระราชาแห่งอิสราเอลเข้า ระหว่างเกล็ดเกราะและแผ่นบังพระอุระ#คำราชาศัพท์หมายถึง อก พระองค์จึงรับสั่งคนขับรถรบว่า “หันกลับเถอะ พาเราออกจากการรบ เพราะเราบาดเจ็บแล้ว” 35วันนั้นการรบก็ดุเดือดขึ้น เขาก็พยุงพระราชาขึ้นในรถรบ ให้หันพระพักตร์ไปทางพวกซีเรีย จนเวลาเย็นพระองค์ก็สิ้นพระชนม์ และพระโลหิตที่บาดแผลก็ไหลออกนองทั่วท้องรถรบ 36ประมาณเวลาดวงอาทิตย์ตก มีเสียงร้องทั่วกองทัพว่า “ให้ทุกคนกลับไปเมืองของตัว และภูมิลำเนาของตัว”
37เมื่อพระราชาสิ้นพระชนม์แล้ว เขาก็นำมายังกรุงสะมาเรีย และเขาฝังพระราชาในกรุงสะมาเรีย 38เขาล้างรถรบที่สระน้ำแห่งสะมาเรีย ที่ที่พวกหญิงโสเภณีลงอาบน้ำ#ที่ที่…อาบน้ำ แปลได้อีกว่า และล้างเครื่องอาวุธและแล้วพวกสุนัขก็เลียโลหิตของพระองค์ ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งได้ตรัสไว้#ฉบับกรีกว่า พวกเขาล้างรถรบที่สระน้ำแห่งสะมาเรีย และพวกสุกรและพวกสุนัขเลียโลหิต และพวกหญิงโสเภณีอาบน้ำในโลหิตนั้น 39ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของอาหับ และทุกสิ่งที่ทรงกระทำ และพระราชวังงาช้างซึ่งทรงสร้างไว้ ตลอดจนเมืองทั้งหมดที่ทรงสร้าง ได้บันทึกในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ? 40อาหับทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ แล้วอาหัสยาห์พระราชโอรสของพระองค์ก็ขึ้นครองราชย์แทน
เยโฮชาฟัททรงครองยูดาห์
(2 พศด.20:31-21:1)
41เยโฮชาฟัทพระราชโอรสของอาสาทรงครองยูดาห์ ในปีที่สี่แห่งรัชกาลอาหับพระราชาแห่งอิสราเอล 42เยโฮชาฟัทมีพระชนมายุ 35 พรรษาเมื่อทรงเป็นกษัตริย์ และพระองค์ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 25 ปี พระราชมารดาของพระองค์มีพระนามว่า อาซูบาห์ บุตรหญิงของชิลหิ 43พระองค์ทรงดำเนินตามทางทั้งสิ้นของอาสาพระราชบิดาของพระองค์ และไม่ได้ทรงหันเหจากทางนั้น ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ แต่ปูชนียสถานสูงต่างๆ นั้นยังไม่ได้รื้อลง ประชาชนยังคงถวายเครื่องสัตวบูชา และเผาเครื่องหอมอยู่บนปูชนียสถานสูงต่างๆ นั้น 44เยโฮชาฟัททรงทำไมตรีกับพระราชาแห่งอิสราเอลด้วย
45ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของเยโฮชาฟัท และพระราชอำนาจที่ทรงสำแดง และสงครามที่ทรงกระทำ ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์ แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ? 46ส่วนเทวทาสที่เหลืออยู่คือ ผู้ที่ยังเหลือในสมัยของอาสาพระราชบิดานั้น พระองค์ก็ทรงกำจัดเสียจากแผ่นดิน
47ไม่มีพระราชาในเอโดม แต่มีผู้สำเร็จราชการแผ่นดินปกครองแทน 48เยโฮชาฟัททรงต่อเรือทารชิชหลายลำ เพื่อไปขนทองคำจากโอฟีร์ แต่ไปไม่ถึง เพราะเรือแตกเสียที่เอซิโอนเกเบอร์ 49แล้วอาหัสยาห์พระราชโอรสของอาหับตรัสกับเยโฮชาฟัทว่า “ขอให้ข้าราชการของข้าพเจ้านั่งเรือไปกับข้าราชการของท่าน” แต่เยโฮชาฟัทไม่ทรงยินยอม 50เยโฮชาฟัททรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังพระศพไว้กับบรรพบุรุษในนครดาวิด#หมายถึงกรุงเยรูซาเล็มบรรพบุรุษของพระองค์ และเยโฮรัมพระราชโอรสก็ขึ้นครองราชย์แทน
อาหัสยาห์ทรงปกครองอิสราเอล
51อาหัสยาห์พระราชโอรสของอาหับทรงครองอิสราเอลในกรุงสะมาเรีย ในปีที่สิบเจ็ดแห่งรัชกาลเยโฮชาฟัทพระราชาแห่งยูดาห์ และทรงครองอิสราเอล 2 ปี 52พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และทรงดำเนินในทางของพระราชบิดาของพระองค์ และในทางของพระมารดาของพระองค์ และในทางของเยโรโบอัมบุตรเนบัท ผู้ได้นำอิสราเอลให้ทำบาปด้วย 53พระองค์ทรงปรนนิบัติพระบาอัล และนมัสการพระนั้น และทำให้พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงพระพิโรธ โดยทำตามทุกอย่างที่พระราชบิดาของพระองค์ทรงกระทำแล้วนั้น
ที่ได้เลือกล่าสุด:
1 พงศ์กษัตริย์ 22: THSV11
เน้นข้อความ
แบ่งปัน
คัดลอก
ต้องการเน้นข้อความที่บันทึกไว้ตลอดทั้งอุปกรณ์ของคุณหรือไม่? ลงทะเบียน หรือลงชื่อเข้าใช้