ชื่นชมยินดี (เฉลิมฉลองเทศกาลต้อนรับคริสต์มาส)Sample
สัปดาห์ที่ 3 : วันที่ 3 "ความยำเกรงพระเจ้า"
ลงลึกในพระคำ
ตลอดบทเพลงของมารีย์ เธอแสดงความเคารพนับถือต่อพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง น่าเศร้าที่โลกของเรานั้นไม่มีความยำเกรงต่อพระเจ้าเลย หลายคนแค่ยิ้มเมื่อได้ยินเรื่องพระบัญญัติของพระเจ้า ในความคิดของพวกเขา หากพระเจ้ามีอยู่จริง พระองค์จะไม่จู้จี้จุกจิกที่จะลงโทษผู้คนเพียงเพราะการไม่เชื่อฟัง ท้ายที่สุดแล้วไม่มีใครสมบูรณ์แบบ และเราก็ต่างพยายามทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางคนอาจจะพูดว่า “เราไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น และพระเจ้าเข้าใจดี” ประโยคเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในความดีของมนุษย์ และลดทอนความบริสุทธิ์ของพระเจ้า
ความยำเกรงพระเจ้า หมายถึง การเคารพพระเจ้าอย่างแท้จริงและตั้งใจฟังสิ่งที่พระองค์พูด นั่นหมายถึง การเอาจริงเอาจังกับคำเตือนของพระองค์เกี่ยวกับบาปและนรก คือการรู้ว่าเพราะพระเจ้าทรงบริสุทธิ์ ทรงอำนาจและทรงยุติธรรม หากเรายังดื้อรั้นกับพระองค์ เราจะต้องเผชิญกับความพินาศอย่างแน่นอน เราสามารถยำเกรงพระเจ้าได้ก็ต่อเมื่อเราเห็นว่าพระองค์เป็นอย่างไร เราสามารถเรียนรู้จักพระองค์ได้มากขึ้นผ่านทางพระคัมภีร์
ยิ่งเรามองเห็นความบริสุทธิ์ของพระเจ้าชัดเจนเท่าไร เราก็จะยิ่งเคารพพระองค์อย่างเหมาะสมมากขึ้นเท่านั้น เราจะเห็นตัวเราเองและบาปของเรามากขึ้นในแสงสว่างของพระองค์ สิ่งนี้จะทำให้เรารู้สึกเศร้าโศกเมื่อเราตระหนักได้ว่า เราไม่สามารถยืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้าผู้ยุติธรรมด้วยความชอบธรรมของเราเองได้ ความยำเกรงพระเจ้าจะก่อให้เกิดความถ่อมใจและมีหัวใจที่เชื่อฟัง
มารีย์รู้ว่า พระเจ้าผู้น่าเกรงขามนี้เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและความสงสาร เมื่อพระองค์เห็นมนุษย์ทั้งหลายตกอยู่ในบาปและความสิ้นหวัง เรารู้สิ่งที่มารีย์ยังไม่รู้ สถานที่เดียวที่ปลอดภัยจากการลงโทษของพระเจ้า คือ ไม้กางเขน ที่พระเยซูผู้เป็นพระเจ้าได้รับโทษความผิดบาปแทนเรา นี่คือที่ที่เราไปขอการยกโทษและลี้ภัย ที่นี่เราไม่ต้องกลัวพระเจ้าอีกต่อไป แต่กลับชื่นชมในความเมตตาของพระองค์ ด้วยความกรุณาของพระเจ้าที่ช่วยเราให้รอดพ้นจากพระพิโรธของพระองค์ และเหมือนกับมารีย์ที่เราจะไม่กลัวผู้คน กลัวความคิดเห็น และกลัวการตัดสินของพวกเขา เพราะเรากลัวพระเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น
อธิษฐาน
พระบิดาบนสวรรค์ ขอช่วยให้ข้าพระองค์กลัวพระองค์มากขึ้น และกลัวคนอื่นน้อยลง อาเมน
*ในการศึกษาพระคัมภีร์ เราใช้วิธีศึกษาแบบ SOAP ซึ่งย่อมาจาก S (Scripture) พระคัมภีร์, O (Observation) สังเกต, A (Application) ประยุกต์ใช้ และ P (Prayer) อธิษฐาน
1.S - scripture (พระคัมภีร์) เขียนข้อพระคัมภีร์ลงไป คุณจะประหลาดใจกับสิ่งที่พระเจ้าเปิดเผยแก่คุณเพียงแค่ใช้เวลาช้าลงและเขียนสิ่งที่คุณกำลังอ่าน
2.O - observation (สังเกต) คุณเห็นอะไรในข้อที่คุณกำลังอ่าน? เป้าหมายคือใคร? มีคำซ้ำกันมั้ย? คำไหนที่โดดเด่นสำหรับคุณ?
3.A - application (ประยุกต์ใช้) วันนี้พระเจ้ากำลังพูดอะไรกับคุณ? คุณจะนำสิ่งที่คุณเพิ่งอ่านไปประยุกต์ใช้กับชีวิตส่วนตัวของคุณได้อย่างไร? คุณต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง? คุณต้องลงมือทำสิ่งใดหรือไม่?
4.P - prayer (อธิษฐาน) อธิษฐานพระวจนะของพระเจ้าใช้เวลาขอบคุณพระองค์ หากพระองค์ทรงเปิดเผยบางสิ่งแก่คุณในช่วงเวลานี้ผ่านพระคำของพระองค์ อธิษฐานเกี่ยวกับสิ่งนั้น หากพระองค์ทรงเปิดเผยความบาปบางอย่างในชีวิตของคุณ สารภาพมัน และจำไว้ว่าพระองค์ทรงรักคุณอย่างสุดซึ้ง
About this Plan
คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมเราถึงมีการเฉลิมฉลองและร้องเพลงมากมายในช่วงเทศกาลต้อนรับคริสต์มาส? ในคริสตจักรทั่วโลก ในหลายภาษาและตลอดหลายศตวรรษ มีการร้องเพลงคริสต์มาสมากมายนับไม่ถ้วน ความจริงแล้ว ไม่มีใครในประวัติศาสตร์ที่ได้รับการแต่งเพลงเกี่ยวกับวันเกิดของเขามากเท่ากับพระเยซูชาวนาซาเร็ธ ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงพระองค์ได้เลย เรารู้ว่าทำไมเราจึงร้องเพลงในช่วงคริสต์มาส เพราะพระเจ้าได้เสด็จลงมาหาเรา! พระองค์ละทิ้งสวรรค์และมาตามหามนุษย์ผู้หลงหายทุกคน เพราะพระองค์รักเรา เพลงคริสต์มาสที่เก่าแก่ที่สุดไม่ได้แต่งโดยบาคหรือแฮนเดล และไม่ได้มีชื่อว่า “ยามราตรี ศรีหรรษา” หรือ “พระทรงบังเกิด โลกจงยินดี” เพลงแรกๆ เกี่ยวกับการเกิดของพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ถูกบันทึกไว้ในพระกิตติคุณลูกา ซึ่งขับร้องโดยชาวยิวในศตวรรษที่ 1 ได้แก่ มารีย์, เศคาริยาห์, สิเมโอน รวมถึงคณะนักร้องจากสวรรค์อันน่าทึ่ง ซึ่งเสียงของบทเพลงนั้นต้องมหัศจรรย์และวิเศษมากแน่ๆ! เราจะใช้เวลา 4 สัปดาห์ ในการฟังชาวยิวผู้ศรัทธาและเหล่าทูตสวรรค์ แสดงความยินดีกับการเกิดของพระเมสสิยาห์ที่พวกเขารอคอยมานาน คุณสามารถค้นเนื้อหาของ “ชื่นชมยินดี” เพิ่มเติมได้ที่โพสต์บล็อกและกลุ่มชุมชนออนไลน์ ในขณะที่เราขุดลึกลงไปในพระวจนะของพระเจ้าด้วยกัน และเรียนรู้วิธีสรรเสริญพระผู้ช่วยให้รอดของเราในช่วงเทศกาลต้อนรับคริสต์มาสนี้และตลอดทั้งปี
More