YouVersion Logo
Search Icon

ยอห์น 9:1-41

ยอห์น 9:1-41 TH1971

เมื่อพระองค์เสด็จดำเนินไปนั้น ทรงเห็นชายคนหนึ่งตาบอดแต่กำเนิด และพวกสาวกของพระองค์ทูลถามพระองค์ว่า <<พระอาจารย์เจ้าข้า ใครได้ทำผิดบาป ชายคนนี้หรือบิดามารดาของเขา เขาจึงเกิดมาตาบอด>> พระเยซูตรัสตอบว่า <<มิใช่ว่าชายคนนี้หรือบิดามารดาของเขาได้ทำบาป แต่เขาเกิดมาตาบอด เพื่อให้พระราชกิจของพระเจ้าปรากฏในตัวเขา เราต้องกระทำพระราชกิจของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามาเมื่อยังวันอยู่ เมื่อถึงกลางคืนไม่มีผู้ใดทำงานได้ ตราบใดที่เรายังอยู่ในโลก เราเป็นความสว่างของโลก>> เมื่อตรัสดังนั้นแล้ว พระองค์ก็ทรงบ้วนน้ำลายลงที่ดิน แล้วทรงเอาน้ำลายนั้นทำเป็นโคลนทาที่ตาของคนตาบอด แล้วตรัสสั่งเขาว่า <<จงไปล้างโคลนออกเสียในสระสิโลอัมเถิด>> (สิโลอัมแปลว่า ใช้ไป) เขาจึงไปล้างแล้วกลับมาก็เห็นได้ เพื่อนบ้านและบรรดาคนที่เคยเห็นชายคนนั้นเป็นคนขอทานมาก่อนก็พูดกันว่า <<คนนี้ใช่ไหมที่เคยนั่งขอทาน>> บางคนก็พูดว่า <<ใช่คนนั้นแหละ>> คนอื่นว่า <<ไม่ใช่ แต่เขาเหมือนคนนั้น>> ตัวเขาเองพูดว่า <<ข้าพเจ้าคือคนนั้น>> เขาทั้งหลายจึงถามเขาว่า <<ตาของเจ้าหายบอดได้อย่างไร>> เขาตอบว่า <<ชายคนหนึ่งชื่อเยซูได้ทำโคลนทาตาของข้าพเจ้า และบอกข้าพเจ้าว่า <จงไปที่สระสิโลอัมแล้วล้างโคลนออกเสีย> ข้าพเจ้าก็ได้ไปล้างตา จึงมองเห็นได้>> เขาจึงถามว่า <<ผู้นั้นอยู่ที่ไหน>> คนนั้นบอกว่า <<ข้าพเจ้าไม่ทราบ>> เขาจึงพาคนที่แต่ก่อนตาบอดนั้นไปหาพวกฟาริสี วันที่พระเยซูทรงทำโคลนทาตาชายคนนั้นให้หายบอด เป็นวันสะบาโต พวกฟาริสีก็ได้ถามเขาอีกว่า ทำอย่างไรตาเขาจึงมองเห็น และเขาบอกคนเหล่านั้นว่า <<เขาเอาโคลนทาตาของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ล้างออกแล้วจึงมองเห็น>> พวกฟาริสีบางคนพูดว่า <<ชายคนนี้ไม่ได้มาจากพระเจ้า เพราะเขามิได้รักษาวันสะบาโต>> แต่คนอื่นพูดว่า <<คนบาปจะทำหมายสำคัญเช่นนั้นได้อย่างไร>> พวกเขาก็แตกแยกกัน เขาจึงพูดกับคนตาบอดอีกว่า <<เจ้าคิดอย่างไรเรื่องคนนั้น ในเมื่อเขาได้ทำให้ตาของเจ้าหายบอด>> ชายคนนั้นตอบว่า <<ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะ>> พวกยิวไม่เชื่อว่าชายคนนั้นตาบอดและกลับมองเห็น จนกระทั่งเขาได้เรียกบิดามารดาของคนที่ตากลับมองเห็นได้นั้นมา แล้วถามว่า <<ชายคนนี้เป็นบุตรของเจ้าหรือ ที่เจ้าบอกว่าตาบอดมาแต่กำเนิด ทำไมเดี๋ยวนี้เขาจึงมองเห็น>> บิดามารดาของชายคนนั้นตอบว่า <<ข้าพเจ้าทราบว่าคนนี้เป็นบุตรของข้าพเจ้า และทราบว่าเขาเกิดมาตาบอด แต่ไม่รู้ว่าทำไมเดี๋ยวนี้เขาจึงมองเห็น ใครทำให้ตาของเขาหายบอด ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบ จงถามเขาเถิด เขาโตแล้ว เขาคงเล่าเรื่องของเขาเองได้>> ที่บิดามารดาของเขาพูดอย่างนั้น ก็เพราะกลัวพวกยิวเพราะพวกยิวตกลงกันแล้วว่า ถ้าผู้ใดยอมรับว่าผู้นั้นเป็นพระคริสต์ จะต้องอเปหิผู้นั้นเสียจากธรรมศาลา เหตุฉะนั้นบิดามารดาของเขาจึงพูดว่า <<เขาโตแล้ว ถามตัวเขาเองเถิด>> คนเหล่านั้นจึงเรียกคนที่แต่ก่อนตาบอดนั้นมาหาเป็นครั้งที่สอง และบอกเขาว่า <<จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด เรารู้อยู่ว่าชายคนนั้นเป็นคนบาป>> เขาตอบว่า <<ท่านนั้นเป็นคนบาปหรือไม่ข้าพเจ้าไม่ทราบ สิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าทราบ ก็คือว่าข้าพเจ้าเคยตาบอด แต่เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้ามองเห็นได้แล้ว>> คนเหล่านั้นจึงถามเขาว่า <<เขาทำอะไรกับเจ้าบ้าง เขาทำอย่างไรตาของเจ้าจึงหายบอด>> ชายคนนั้นตอบเขาว่า <<ข้าพเจ้าบอกท่านแล้วและท่านไม่ฟัง ทำไมท่านจึงอยากฟังอีก อยากเป็นสาวกของท่านผู้นั้นด้วยหรือ>> และเขาทั้งหลายจึงเย้ยชายคนนั้นว่า <<เอ็งเป็นศิษย์ของเขา แต่เราเป็นศิษย์ของโมเสส เรารู้ว่าพระเจ้าได้ตรัสกับโมเสส แต่คนนั้นเราไม่รู้ว่าเขามาจากไหน>> ชายคนนั้นตอบว่า <<เออ ช่างประหลาดจริงๆ ที่พวกท่านไม่รู้ว่าท่านผู้นั้นมาจากไหน แต่ท่านผู้นั้นก็ยังได้ทำให้ตาของข้าพเจ้าหายบอด พวกเรารู้ว่าพระเจ้ามิได้ฟังคนบาป แต่ถ้าผู้ใดยำเกรงพระเจ้า และกระทำตามพระทัยพระองค์ พระองค์ก็ทรงฟังผู้นั้น ตั้งแต่เริ่มมีโลกมาแล้ว ไม่เคยมีใครได้ยินว่า มีผู้ใดทำให้ตาของคนที่บอดแต่กำเนิดมองเห็นได้ ถ้าท่านผู้นั้นไม่ได้มาจากพระเจ้าแล้วก็คงไม่สามารถทำได้>> เขาทั้งหลายตอบคนนั้นว่า <<เอ็งเกิดมาในการบาปทั้งนั้น และเอ็งจะมาสอนเราหรือ>> แล้วเขาจึงอเปหิคนนั้นเสีย พระเยซูทรงได้ยินว่าเขาได้อเปหิคนนั้นเสียแล้ว เมื่อพระองค์ทรงพบชายคนนั้นจึงตรัสกับเขาว่า <<เจ้าวางใจในบุตรมนุษย์หรือ>> ชายคนนั้นทูลตอบว่า <<ท่านเจ้าข้า ผู้ใดเป็นบุตรมนุษย์ ซึ่งข้าพเจ้าจะวางใจในพระองค์ได้>> พระเยซูตรัสกับเขาว่า <<เจ้าได้เห็นท่านแล้ว ท่านผู้นั้นเองที่กำลังพูดอยู่กับเจ้า>> เขาจึงทูลว่า <<พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์วางใจ>> แล้วเขาก็กราบไหว้พระองค์ พระเยซูตรัสว่า <<เราเข้ามาในโลกเพื่อแก่การพิพากษา เพื่อให้คนทั้งหลายที่มองไม่เห็นกลับมองเห็น และคนที่มองเห็นกลับตาบอด>> เมื่อพวกฟาริสีที่อยู่ใกล้พระองค์ได้ยินอย่างนั้น จึงกล่าวแก่พระองค์ว่า <<เราตาบอดด้วยหรือ>> พระเยซูตรัสกับเขาว่า <<ถ้าพวกท่านตาบอดพวกท่านก็จะไม่มีความผิดบาป แต่บัดนี้ท่านพูดว่า <เรามองเห็น> เหตุฉะนั้นความผิดบาปของท่านจึงยังมีอยู่

YouVersion uses cookies to personalize your experience. By using our website, you accept our use of cookies as described in our Privacy Policy