YouVersion Logo
Search Icon

ปฐมกาล 18:1-33

ปฐมกาล 18:1-33 TH1971

พระเจ้าทรงปรากฏแก่ท่านที่หมู่ต้นก่อหลวงที่มัมเร ขณะที่ท่านนั่งอยู่ที่ประตูเต็นท์เวลาแดดร้อน ท่านเงยหน้าขึ้นมองดู เห็นชายสามคนยืนอยู่ข้างหน้าท่าน เมื่อท่านเห็นเขาทั้งสามท่านก็วิ่งจากประตูเต็นท์ ไปต้อนรับเขากราบลงถึงดิน พูดว่า <<เจ้านายของข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่าน ขออย่าผ่านผู้รับใช้ของท่านไปเสียเลย ข้าพเจ้าจะเอาน้ำมานิดหน่อยให้ท่านล้างเท้า และพักใต้ต้นไม้ ข้าพเจ้าจะไปเอาอาหารหน่อยหนึ่งมาให้ ท่านจะได้พักผ่อนหายเหนื่อยเสียก่อน แล้วจึงค่อยเดินทางต่อไป ไหนๆท่านก็มายังผู้รับใช้ของท่านแล้ว>> เขาทั้งสามจึงว่า <<ทำตามที่เจ้ากล่าวนี้เถิด>> อับราฮัมรีบเข้าไปในเต็นท์หานางซาราห์ กล่าวว่า <<เร็วๆหน่อยเอาแป้งละเอียดสามถังนวดแล้วทำขนม>> แล้วอับราฮัมวิ่งไปที่ฝูงสัตว์ เอาลูกโคตัวหนึ่ง ยังอ่อนและดี มอบให้คนใช้รีบปรุงเป็นอาหาร ท่านเอาเนย น้ำนมและลูกโคที่เขาปรุงแล้วนั้นมาวางต่อหน้าเขาทั้งสาม และท่านยืนอยู่ข้างเขาทั้งสามที่ใต้ต้นไม้ เมื่อเขาทั้งสามรับประทาน เขาทั้งสามถามท่านว่า <<ซาราห์ภรรยาของเจ้าอยู่ที่ไหน>> ท่านตอบว่า <<นางอยู่ที่ในเต็นท์>> เขาว่า <<ปีหน้าเราจะกลับมาหาเจ้าอีกแน่นอน ซาราห์ภรรยาของเจ้าจะมีบุตรชายคนหนึ่ง>> นางซาราห์ฟังอยู่ที่ประตูเต็นท์ข้างหลังท่าน ฝ่ายอับราฮัมและซาราห์นั้นชราแล้ว และประจำเดือนของซาราห์ก็หมดไปแล้ว นางซาราห์ก็หัวเราะอยู่แต่ในใจ กล่าวว่า <<ฉันแก่แล้ว สามีของฉันก็แก่แล้ว ฉันยังจะยินดีอีกหรือ>> พระเจ้าตรัสกับอับราฮัมว่า <<ทำไมนางซาราห์หัวเราะ และกล่าวว่า <ฉันแก่แล้วจะคลอดบุตรชายจริงๆหรือ> มีสิ่งใดที่อัศจรรย์เกินฤทธิ์พระเจ้าจะทำได้ พอถึงเวลากำหนดเราจะกลับมาหาเจ้า ฤดูนี้ปีหน้า และซาราห์จะมีบุตรชายคนหนึ่ง>> แต่นางซาราห์ปฏิเสธว่า <<ข้าพระองค์มิได้หัวเราะพระเจ้าข้า>> เพราะนางกลัว พระองค์ตรัสว่า <<อย่ามุสาเจ้าหัวเราะจริงๆ>> แล้วบุรุษเหล่านั้นก็ออกจากที่นั่น เดินไปจนเห็นเมืองโสโดม และอับราฮัมก็ตามไปส่งด้วย พระเจ้าตรัสว่า <<ควรหรือที่เราจะซ่อนสิ่ง ซึ่งเราจะกระทำนั้นมิให้อับราฮัมรู้ เพราะอับราฮัมจะเป็นประชาชาติใหญ่โตและมีกำลังมาก และประชาชาติทั้งหลายในโลกจะได้รับพรก็เพราะท่าน เพราะเราเลือกเขาแล้ว เพื่อเขาจะได้กำชับลูกหลาน และครอบครัวที่สืบมา ให้รักษาพระมรรคาของพระเจ้า โดยทำความชอบธรรมและความยุติธรรม เพื่อว่าพระเจ้าจะได้ประทานสิ่ง ซึ่งพระองค์ทรงสัญญาไว้แล้วให้แก่อับราฮัม>> พระเจ้าได้ตรัสว่า <<เสียงร้องกล่าวโทษเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ นั้นดังเหลือเกิน และบาปของเขาก็หนักมาก เราจะลงไปดูว่า พวกเขากระทำผิดจริงตามคำร้องทุกข์ที่มาถึงเรานั้นหรือไม่ ถ้าไม่เราก็จะรู้>> บุรุษเหล่านั้นจึงออกจากที่นั่นเดินตรงไปยังเมืองโสโดม แต่อับราฮัมยังยืนเฝ้าพระเจ้าอยู่ อับราฮัมได้เข้ามาใกล้ กราบทูลว่า <<พระองค์จะทรงทำลายผู้ชอบธรรมพร้อมกับคนอธรรมหรือ สมมุติว่ามีคนชอบธรรมห้าสิบคนอยู่ในเมืองนั้น พระองค์จะยังทรงทำลายเมืองนั้นไม่ยับยั้งอาชญา เพราะเห็นแก่คนชอบธรรมห้าสิบคนที่อยู่ในเมืองนั้นหรือ ขอพระองค์อย่าคิดที่จะกระทำเช่นนั้นเลย อย่าคิดที่จะฆ่าคนชอบธรรมพร้อมกับคนอธรรม ทำกับคนชอบธรรมอย่างเดียวกับคนอธรรม ขอพระองค์อย่าทรงทำเช่นนั้นเลย พระองค์ผู้พิพากษาสากลโลกจะไม่กระทำสิ่งที่ยุติธรรมหรือ>> พระเจ้าตรัสว่า <<ที่โสโดมถ้าเราพบคนชอบธรรมในเมืองห้าสิบคนเราจะ ไม่ลงอาชญาในเมืองนั้นทั้งเมืองเพราะเห็นแก่เขา>> อับราฮัมทูลตอบว่า <<ขอประทานโทษ ที่ข้าพระองค์บังอาจกราบทูลต่อพระเจ้า ข้าพระองค์ผู้เป็นเพียงผงคลีและขี้เถ้า สมมุติว่าในห้าสิบคนนั้นขาดไปห้าคน พระองค์จะยังทรงทำลายเมืองนั้นทั้ง เมืองเพราะขาดห้าคนหรือ>> และพระองค์ตรัสว่า <<เราจะไม่ทำลาย ถ้าเราพบคนชอบธรรมสี่สิบห้าคนที่นั่น>> ท่านก็ทูลพระองค์อีกว่า <<สมมุติว่าพระองค์ทรงพบสี่สิบคนที่นั่น>> พระองค์ตรัสตอบว่า <<เพราะเห็นแก่สี่สิบคนเราจะไม่กระทำ>> ท่านจึงทูลว่า <<ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่าทรงพระพิโรธเลย ข้าพระองค์จะขอกราบทูล สมมุติพระองค์ทรงพบเพียงสามสิบคนที่นั่น>> พระองค์ตรัสตอบว่า <<เราจะไม่ลงอาชญา ถ้าเราพบสามสิบที่นั่น>> ท่านทูลว่า <<ขอประทานโทษที่ข้าพระองค์บังอาจกราบทูล ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า สมมุติว่าทรงพบเพียงยี่สิบคนที่นั่น>> พระองค์ตรัสตอบว่า <<เพราะเห็นแก่ยี่สิบคน เราจะไม่ทำลายเมืองนั้น>> ท่านทูลว่า <<ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่าทรงพระพิโรธเลย ข้าพระองค์ขอกราบทูลอีกครั้งนี้ครั้งเดียว สมมุติว่า ทรงพบเพียงสิบคนที่นั่น>> พระองค์ตรัสตอบว่า <<เพราะเห็นแก่สิบคนเราจะไม่ทำลายเมืองนั้น>> เมื่อพระองค์ตรัสกับอับราฮัมจบลงแล้ว พระเจ้าก็เสด็จไป ส่วนอับราฮัมก็กลับไปบ้าน

YouVersion uses cookies to personalize your experience. By using our website, you accept our use of cookies as described in our Privacy Policy